Love is a beautiful pain
— กันต์
ผมเก็บลูกแมววัยสองเดือนสองตัวเข้าไปในกรงเล็กๆหลังจากโดนฉีดยามาแล้วหงอยกันทั้งคู่ ทั้งๆที่ปกติซนอย่างกับลิง
“กันต์ มายังไง”
ผมหันไปมองอีกคนที่แบกกรงใหญ่เข้าไปใว้ในรถเจ็ดที่นั่งขนาดใหญ่ เจ้าหลงเป็นหมาใจดี ผมอุ้มดื้อกับซนไปใกล้ๆหมาแก่ก็เลียลูกแมวสองตัวท่าทางชอบใจ ต่างจากแมวผมที่ซนจนจับไม่อยู่แต่ก็ไม่ได้ขู่หมาตัวใหญ่แต่อย่างใด
“แท็กซี่” ผมตอบภัทร เขาทำหน้าตาเหมือนคิดอะไรสักอย่างก่อนจะถามออกมาอีกรอบ
“แล้วกลับยังไง”
“เดี๋ยวเรียกแท็กซี่”
“มีแมวเขาจะให้ขึ้นเหรอ”
ผมมองกรงลูกแมวสองตัวก่อนจะเงยหน้าไปยิ้มให้เขา
“เดี๋ยวค่อยถามเอา”
“ไปส่งไหม”
“ไม่เป็นไร” ผมส่ายหน้า
ภัทรที่ควรจะออกรถไปได้แล้วยังยืนอยู่ที่เดิม เขาดูครุ่นคิด
“จริงๆคืออยากคุยด้วย...ได้ไหม”
ในที่สุดผมก็ขึ้นมาอยู่บนรถของเขา ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมก็อยากคุยกับเขาเหมือนกัน เรานั่งกันเงียบ ก่อนที่ภัทรจะเริ่มต้นบทสนทนา
“สบายดีใช่ไหม”
ผมพยักหน้า
“อืม แล้วภัทรล่ะ”
เขาโคลงหัวไปมา ก่อนจะตอบ
“ไม่ดีเท่าไหร่”
ผมพยักหน้ารับโดยไม่ได้พูดอะไร ผมมองใบหน้าด้านข้างของภัทรที่มองออกออกไปที่ถนนข้างนอก ภัทรยังให้บรรยากาศที่ดูอบอุ่นเหมือนเดิม
“กู แต่งงานแล้วนะ”
ผมมองที่แหวนตรงนิ้วมือข้างซ้ายของเขา ก่อนจะพยักหน้ารับอีกครั้ง
“แต่รู้ไหมกันต์ ไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึงมึงเลยนะ”
ผมว่าผมพอเข้าใจภัทรนะ เพราะตอนนั้นเราไม่เคยทะเลาะกัน ความทรงจำที่ดีมันจึงเยอะกว่าความทรงจำที่ไม่ดี แถมเรายังจากกันโดยไม่ได้เกลียดชัง มันเลยฝังลงในใจว่าระหว่างเรามันสวยงาม
“ชอบแมวมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วนิ”
“อืม ก็ชอบ”
“ชื่ออะไร”
“ชื่อกันต์” ผมบอก
“ชื่อแมวสิ”
เขาทำหน้าตาหงุดหงิดเมื่อโดนผมแกล้ง ผมหัวเราะสีหน้าของเขา จนเมื่อเราหันมาสบตากัน ผมถึงได้เงียบลง
“ชื่อดื้อกับซน”
“ใครตั้ง” เขาถามพร้อมกับขำ
“กันย์ตั้งให้”
“หมายถึงตัวเองตั้งให้เหรอ” ภัทรหัวเราะอีกครั้ง แต่เมื่อเขานึกได้ว่าผมหมายถึงอะไรเขาก็เงียบลงไป
“มีความสุข ก็ดีแล้ว” เขายิ้มน้อยๆให้ผม
“แล้วเมื่อไหร่ภัทรถึงจะมีความสุข” ผมถามเขาบ้าง
“แค่มึงยิ้มเยอะๆ กูก็มีความสุขแล้ว”
— กันย์
“ทำไมไปไม่รอ” ผมถามคนที่เดินหิ้วลูกแมวกลับมา พอกันต์เปิดกรงให้ดื้อกับซนก็รีบวิ่งออกมา
“กลัวคลินิกปิดก่อน” กันต์ลูบหลังแล้วเกาคอแมวท่าทางสนุก แต่ตาเขากลับทอดแววเศร้า ผมมองกันต์มานานจนรู้ว่าเมื่อเขาไม่ปกติเขาจะเป็นยังไง และเพราะมองเขาอยู่ตลอดถึงเห็นว่ารถที่มาส่งกันต์วันนี้เป็นรถของใคร
“หมอว่าไงบ้าง”
“ก็แข็งแรงดี”
“กันต์” ผมเรียกคนที่ตอนนี้นอนลงไปเล่นกับแมวแล้ว
“ว่าไง”
“เปล่า”
ผมเคยหวังว่าผมจะเป็นทุกอย่างของเขา ผมอยากให้กันต์เล่าเรื่องทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตให้ผมฟัง อยากให้เขาคิดถึงผมเป็นคนแรกเวลาที่เขาเหนื่อย อยากให้เขาเห็นผมเป็นคนที่เขาอยู่ด้วยแล้วสบายใจ แต่ผมคงขอมากไปหน่อยเพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยปริปากเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟังเลย
เราคุยกันในเรื่องชีวิตประจำวันว่าวันนี้เราจะกินอะไร ทำงานกลับกี่โมง เราอยู่ด้วยกันเกือบทุกวัน ผมจูบเขาทุกเช้า แต่ผมกลับรู้สึกว่าผมเข้าไม่ถึงเขาเลย มันเจ็บนะ สำหรับคนอื่นแล้วผมไม่ได้สนใจว่าจะมองผมยังไงแต่สำหรับกันต์แล้ว การมีตัวตนของผมมันยิ่งใหญ่เหลือเกิน
“กินข้าวยัง”
กันต์เงยหน้ามาถามผมในตอนที่แมวสองตัวนอนทับอยู่บนตัวเขา
“ยัง รออยู่” ผมตอบ ก่อนจะเดินไปดึงมือให้เขาลุกขึ้น
“เดี๋ยวจะทำข้าวผัด กินได้ไหม”
ผมจับมือเขาไว้แน่นก่อนจะตอบ
“ได้” ผมโน้มหน้าเข้าไปจูบที่ปากเขาเบาๆ กันต์เอียงหน้ารับจูบก่อนจะผละตัวออก
“กันต์” ผมดึงมือเขาไว้ กันต์มองหน้าผมก่อนจะคลี่ยิ้มให้ ผมก้มลงจูบตรงลักยิ้มเขาอีกที
“ฝากเล่นกับแมวก่อนนะ เดี๋ยวทำกับข้าวให้”
ผมมองยิ้มสวยของเขาก่อนจะปล่อยให้อีกคนเดินออกไป
— กันต์
“ย้ายห้องไหม” กันย์ถามผมเรื่องนี้เป็นครั้งที่ร้อย และผมก็ถามเขากลับด้วยคำถามเดิมแม้จะรู้ว่าเขาจะตอบเหมือนเดิม
“ย้ายไปไหน”
“อยู่ด้วยกัน”
“ไม่ดีหรอก”
เพราะแต่ก่อนผมเคยทิ้งทุกอย่างที่ตัวเองมีไปอยู่กับเขา ผมถึงได้รู้ว่าถ้าวันนึงถ้าเราเกิดทะเลาะและแยกทางกันไป ผมคงจะเคว้ง ผมคงไม่รู้ต้องไปอยู่ที่ไหน ผมอยากยืนให้มั่นคงได้ด้วยตัวเอง ถ้ามันจบไปอีกรอบ สิ่งหนึ่งที่ผมจะยังมีอยู่คือห้องเล็กๆของผมกับแมวสองตัว
“มันแคบเกินไปกับไอ้ดื้อไอ้ซน” กันย์ให้เหตุผล ผมมองไปรอบคอนโดหนึ่งห้องนอนที่อยู่มาเกือบห้าปีก่อนจะตอบเขา
“แคบเกินไปสำหรับคุณต่างหากครับ”
— กันย์
ผมหลับไปในตอนเกือบเที่ยงคืน ตื่นมาอีกทีในตอนเกือบสีสามเมื่อพบว่าคนข้างกายไม่ได้อยู่บนเตียง และไม่เห็นแสงไฟจากห้องน้ำ ผมลุกขึ้นก่อนจะสวมเพียงบ๊อกเซอร์ตัวบางแล้วเดินออกมาข้างนอก
กันต์ในชุดนอนยืนอยู่ที่ระเบียง เขามองออกไปสุดขอบฟ้า แม้มันจะไม่ได้สว่างนักผมกลับเห็นว่าเขาร้องไห้ ผมที่เคยเห็นเขาร้องไห้อยู่หลายครั้งไม่เคยรู้สึกเลยว่าการที่เห็นเขาร้องไห้เพราะคนอื่นแบบนี้มันเจ็บแค่ไหน
...นอกจากผมแล้วไม่ควรมีใครทำให้เขาร้องไห้…
— กันต์
วันนี้ผมคุยกับภัทรหลายอย่าง ภัทรดูไม่มีความสุขเท่าไหร่ ซึ่งเขาทำให้ผมผิดหวัง ผมแค่หวังว่าเขาไปจากผมแล้วเขาจะมีความสุข ภัทรกับผมที่นั่งอยู่ในรถระยะห่างกันไม่ถึงเมตร แต่ผมรู้สึกเหมือนเราอยู่คนละโลก
ผมไม่ได้ฟูมฟายอย่างเคย ผมแค่รู้สึกว่าทำไมโลกถึงได้โหดร้ายนักกับมนุษย์ ผมไม่ได้ชอบร้องไห้หรือชอบที่จะเป็นคนเจ้าน้ำตา แต่ผมเสพติดมันเพราะพอเสียใจได้สุดแล้วหัวมันจะโล่งดี เหมือนมันได้ตกผลึกความคิดงี่เง่าที่วนอยู่ในหัว
และวันนี้ผมนึกถึงหน้าไดจิกับคำพูดของเขาที่ว่า ผมควบคุมคนอื่นไม่ได้ แต่ผมควบคุมตัวเองได้
“ดื้อ ออกมาได้ยังไง” ผมมองลูกแมวที่กำลังโตที่จู่ๆวิ่งออกมานอกระเบียง ซึ่งไม่ดีเลย ถ้าเกิดตกลงไปคงเป็นแมวแบนแน่นอน
“เป็นอะไร” ผมมองคนที่ตื่นมาตอนดึก กันย์มักจะตื่นอยู่บ่อยๆ และทุกครั้งที่ตื่นเขาจะกอดผมไว้
“กันย์”
“ครับ”
“วันนี้ กูไปเจอกับภัทรมา” ผมเลือกที่จะคุยกับเขาในเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก และสิ่งที่ผมกลัวมาตลอดก็เกิดขึ้น ผมภาวนามาตลอดว่าผมไม่อยากให้เขามองผมด้วยสายตาผิดหวังแบบนี้
“ครับ” เขาตอบรับ ดูก็รู้ว่าพยายามใจเย็น
“บังเอิญไปเจอที่คลินิกสัตว์พอดี”
ลมในตอนกลางคืนเย็นนิดหน่อย ผมกอดแมวไว้แนบอกพร้อมกับเกาคางให้มัน
“แล้ว?”
“แล้วภัทรเลยมาส่ง”
“อืม” เขาดูเย็นชาอย่างเมื่อก่อน สายตาคมของเขามองผมเหมือนกับว่าผมทำอะไรผิดมากมาย
“แล้ว อยากจะพูดอะไร”
“คิดว่าต้องบอก”
ริมฝีปากบางเฉียบของเขาคลี่ยิ้ม ก่อนจะถาม
“คิดถึงมันใช่ไหม”
ผมเงียบแทนคำตอบ ผมแค่อยากเล่าให้เขาฟังว่าผมบริสุทธิ์ใจ แต่ท่าทีของเขาในตอนนี้เป็นอย่างที่ผมคิดมาตลอดสองปี ไม่ว่าเขาจะรักผมแค่ไหน ลึกสุดใจเขาก็ยังระแวงว่าผมจะไปกับภัทร สำหรับเขาผมดูใจง่ายเสมอ
แต่จะว่ากันย์คนเดียวก็ไม่ได้ เพราะผมก็กลัวอยู่ตลอดว่าคงมีสักวัน ที่เขาเลือกที่จะไปเช่นเดิม
“ดื้อ เข้าไปข้างในกัน” ผมอุ้มแมวไว้แนบอกก่อนจะเดินเข้ามาข้างใน
— กันย์
เวลาที่อ่อนแอผมก็เหมือนคนทั่วไป ผมไร้เหตุผล ผมควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ ผมปากเสียและผมเอาแต่ใจ ทั้งหมดนั่นเป็นสันดานที่ผมอยากจะแก้ แต่มันก็ทำได้ยากเหลือเกิน
“กูแม่งใช้ไม่ได้เลยใช่ไหมซน” ผมนั่งลงบนโซฟาก่อนจะลูบหัวแมวอีกตัว ผมเหนื่อย ไม่ได้เหนื่อยเพราะกันต์แต่เหนื่อยที่ตัวเองยังเป็นแบบนี้ แม้ผมจะบอกให้ตัวเองใจเย็นแค่ไหน แต่ในตอนที่เห็นกันต์อยู่กับภัทรผมกลับรู้สึกว่าที่ยืนของผมมันหดเล็กลงทุกที
ผมรู้มาว่าแต่ก่อนพวกเขาดูแลกันและกันได้ดีแค่ไหน ผมรู้ว่ากว่าที่ภัทรจะทำให้กันต์ยิ้มได้มันนานแค่ไหน เพราะฉะนั้นถึงปากผมจะบอกว่าผมมั่นใจในตัวเองแค่ไหน แต่ผมก็ทำได้แค่พูด
“บอกทีว่าจะให้อยู่ตรงไหน กูไม่เหลือความมั่นใจอะไรแล้วกันต์” ผมบอกคนที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโซฟา
ผมเคยเข้าใจว่าการได้เลือกมันเป็นยังไง และผมได้รู้ว่าการเป็นผู้ถูกเลือกมันไม่ได้สนุกเลย แม้ผมจะบอกตัวเองว่าไม่เป็นไร ผมกลับเอาแต่ภาวนาว่าเขาจะต้องเลือกผม แม้ตอนนั้นผมจะเดินหันหลังให้เขาก่อน
ผมว่ากันต์เข้มแข็ง ผมยังนึกไม่ออกเลยว่าถ้าพรุ่งนี้ผมไม่มีเขาแล้วผมจะทำยังไง เมื่อไหร่ผมถึงจะก้าวไปข้างหน้าได้แบบกันต์ ผมจะยังเป็นผู้เป็นคนได้หรือเปล่า ผมจะยังคุยกันปกติหรือทำงานด้วยกันแบบที่กันต์ทำมาตลอดได้ไหม
— กันต์
“ไปทำงานแล้ว อย่ารื้อของอีกนะ” ผมบอกสองแสบที่นั่งมองผมตาแป๋ว เห็นหน้าตาน่ารักแบบนี้เมื่อวานรื้อของผมกระจุยกระจายเต็มห้องไปหมดโดยเฉพาะทิชชู่ ผมที่ไม่รู้ว่าควรจะตีแมวหรือตีตัวเองที่เก็บของไม่ดีได้แต่บ่นไปเก็บของไป
ส่วนกันย์...เขาไม่มาที่นี่หลายวันแล้ว
เขาบอกผมว่าเขาไปเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัวห้าวัน
วันนี้วันที่สาม ผมคิดอะไรได้หลายอย่างในวันนี้ ผมพึ่งรู้ว่าผมไม่เคยไปเที่ยวที่ไหนไกลๆเลย เมื่อไดจิชวนไปเที่ยวบ้านเกิดตัวเองแบบฟรีค่าที่พักกับอาจารย์กานต์ผมก็ตาโต พอโทรไปบอกพ่อกับแม่ท่านก็ดูตื่นเต้นเหมือนกัน ผมว่าจะลองไปเที่ยวดูถ้าเกิดมันสะดวกพอให้คนแก่สองคนเดินทาง ครั้งหน้าผมจะพาพ่อกับแม่ไปเจอหิมะก้อนขาวๆเหมือนในทีวีบ้าง
ผมจะออกไปเจอโลกกว้าง...เผื่อมันจะทำให้ผมมีความคิดกว้างขึ้น
— กันย์
ผมเพิ่งกลับมาจากเที่ยวกับพ่อแม่และพี่ชาย ผมแทบจะไม่ได้ติดต่อกับกันต์เลย ผมส่งรูปวิวสวยๆให้เขาบ้าง และเขาก็ไม่ได้ตอบอะไรมากมายนัก ผมที่คิดถึงเขาเหลือเกินแต่กลับมาพบว่าเขาลาพักร้อนหนึ่งอาทิตย์เพื่อไปที่ไหนสักที่
ผมรีบบึ่งรถไปที่ห้องของเขาแล้วเจอคนที่กำลังแพ็คของใส่กระเป๋า ผมกำของฝากจากยุโรปไว้ในมือตัวเองแน่น
“ไปไหน”
“ญี่ปุ่น”
“แมวล่ะ”
“ฝากพี่ปูช่วยเลี้ยง พี่ปูเขาเลี้ยงแมวอยู่แล้ว”
ผมมองมือเพรียวสวยของเขากำลังตั้งใจพับเสื้อผ้าลงกระเป๋า ผมใจหายและอยากจะร้องไห้ในเวลาเดียวกัน
“ไปกับใคร”
“กับเพื่อนชื่อไดจิ”
ผมที่เคยได้ยินเขาพูดถึงเพื่อนคนนี้มาบ้างยืนมองกระเป๋าเดินทางใบโตกับร่างกายผอมบางของกันต์ ผมที่อยากจะกอดเขาแทบตายได้แต่กำของในมือแน่น
“แล้ว...จะกลับมาใช่ไหม” ผมจ้องตาของเขา กันต์ยิ้มให้ก่อนจะพยักหน้ารับ
“อืม กลับมาสิ”
ผมเดินเข้าไปสวมกอดเขาจากข้างหลัง ผมกระชับกอดให้แน่นก่อนจะกดจูบซอกคอของกันต์ กันต์ดูตกใจแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
ห้าวันที่ผ่านมาผมอยู่กับพ่อแม่ที่แก่มากแล้ว ในทุกๆที่ที่ผมไปผมจะคิดถึงกันต์อยู่ตลอด ผมอยากให้เขาอยู่ด้วย ผมอยากให้เขาได้เห็นวิวสวยๆ กินอาหารรสชาติแปลกๆ ได้ยิ้มกว้างๆ และในตอนที่ผมเห็นพ่อแม่คุยกันว่าจะได้มาเที่ยวด้วยกันอีกกี่ครั้งก่อนตาย พวกท่านคุยกันแบบปลงๆตามประสาคนแก่
ผมก็ฉุกคิดได้ว่า ผมนั้นกังวลไปเสียมากมาย เวลาของคนเราช่างสั้นนัก
แค่มีเขายืนอยู่ข้างๆ...ผมจะไม่ยอมเสียเวลาไปอย่างไร้สาระอีก
ผมคลายกอดก่อนจะสวมของที่อยู่ในมือตั้งแต่แรกให้เขา มันเป็นแหวนแต่งงานของแม่ ที่ผมขอมาได้
“รีบกลับมานะ”
กันต์ก้มมองมือตัวเองตรงนิ้วก้อยข้างซ้ายมีแหวนทองคำขาววงเกลี้ยงสวมอยู่ กันต์หันมามองหน้าผมก่อนจะพยักหน้าช้าๆเพื่อยืนยันว่าเขาจะรีบกลับมา และถึงแม้เขาจะไม่กลับมา ...ไม่ว่าเขาอยู่ที่ไหน ผมจะไปตามหาเอง
TBC.
________________________