ตอนที่7ความหลังน่าแปลกที่ความต้องการของผมถูกขัดขวางได้เพียงแค่ เรื่องราวของชายคนหนึ่งที่ผมได้อยู่ร่วมกันมาแค่ ห้าวันเท่านั้น ผมไม่ได้มีความประสงค์ที่จะอยากเล่นเกมส์นี้อีกแล้ว เงินทองจำนวนมหาศาลไม่อาจล่อตาล่อใจผมได้อีก สิ่งเดียวที่ทำให้ผมอยู่ตอนนี้คือมัน
ไอ้ภพ“มันถึงเวลาแล้วนะภพ ที่มึงต้องเล่าให้กูฟังว่ามึงเข้าเกมส์มาเพราะอะไร คำว่าอีกครั้งที่มึงพูดคงไม่ใช่กูคนเดียวแน่นอน”
ใช่มั้ย?ผมเอ่ยถามคำถามนี้กับมันไป ในสายตาคนอื่นผมคงไม่ได้ต่างอะไรไปกับมนุษย์ขี้เสือก แต่จะให้ทำอย่างไรได้ พฤติกรรมที่ไอ้ภพแสดงออกต่อผมมันล้วนถูกเรียกว่าความช่วยเหลือในขณะที่ผมยังไม่เคยได้ช่วยอะไรเลย มันยังคงมีเรื่องราวในใจและยังไม่สามารถบอกใครได้ เป็นเหตุให้ผมไม่กล้าทิ้งมันไปโดยที่ปล่อยให้มันจมอยู่กับเรื่องราวของมันโดยที่ไม่รู้ว่าเมื่อจบเกมส์ไปแล้วจะแก้ไขได้หรือไม่
มันไม่ตอบอะไรผมอีกคงเพราะมันอาจจะกำลังตกใจอยู่กับคำพูดของทีมงานที่รู้ว่าลับหลังกล้องพวกนั้น ไอ้ภพได้กระทำความผิดอะไรเอาไว้บ้าง แต่ที่รายการยังไม่เอาออกคงเพราะเหตุผลเดียว พวกผมทำให้เกมส์นี้มียอดรับชมเพิ่มขึ้น
ไอ้ภพพยักหน้าเป็นสัญญาณให้ผมเดินตามมันไป ของที่ไอ้ภพทำพังทั้งหลายคาดว่าเย็นนี้ลุงคำคงให้คนงานมาขนมันออกไป ไอ้ภพเดินนำผมขึ้นห้องนอนที่ซึ่งเป็นเหมือนจุดที่เราแสดงความเป็นส่วนตัวออกมาได้มากที่สุด ไม่มีการถ่ายทำภายในห้องนี้ ไม่การก้าวก่ายเรื่องของเรา จะพูดอะไรก็ได้ คนดู…ไม่มีทางรับรู้
“คงถึงเวลาแล้วจริงๆสินะ” ไอ้ภพ บ่นออกมาเบาๆกับตัวเอง เมื่อพวกผมนั่งกันบนเตียงเรียบร้อยแล้ว มือของมันคลึงศรีษะไปมาทำท่าเครียดเสมือนเรื่องที่จะเล่าเป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก ผมรู้ว่าคงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าไอ้ภพจะพูด จึงเริ่มที่จะเกริ่นเรื่องที่น่าสนใจของตัวเองออกไปก่อน
“อยากรู้มั้ย รอยแผลที่คอกูได้มายังไง” ผมหันไปจับมือมันมาสัมผัสแผลของผม มันรีบชักมือออกทันทีไม่รู้ว่าเพราะกลัวโดนแผลผมแล้วผมจะเจ็บหรือเป็นการตอบสนองเมื่อผู้ชายด้วยกันโดนตัว
“หึ ไม่ต้องรังเกียจกู ขนาดนั้นก็ได้” ผมหัวเราะแกมเย้ยตัวเองน้อยๆให้กับท่าทางของมัน
“กูเปล่า…”
“เฮ้อ ใจจริงกูไม่อยากจะรื้อฟื้นเท่าไรนัก แต่เป็นเพราะมึงเลยนะกูถึงจะพูด”
“งั้นก็พูดมา”
“อย่าใจร้อนดิ รอยแผลนี้กูได้มา…..
เพราะตัวกูเอง" ผมยิ้มจางๆให้กับมันแล้วก็ก้มหน้าลงมองพื้นอย่างปลงตก รอยแผลนั่นมันไม่ได้เกิดจากน้ำมือใคร แต่เป็นเพราะมือของผมเอง เพียงแต่ การควบคุมมันไม่ได้มาจากสมองของผม
“หมายความว่าไง มึงจะฆ่าตัวตายหรอ” มันทำเสียงร้อนรน เพราะคำพูดกำกวมของผม
“ฟังให้จบก่อนดิวะ อย่าเพิ่งรีบโวยวาย”
“มึงก็อย่าถ่วงเวลา คนฟังมันก็เป็นห่วง”
“เป็นห่วงหรอ ดีใจชิบหายเลยหวะ” ผมพูดลอยๆออกไป ก่อนจะเริ่มเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างตั้งแต่เริ่มเจอให้มันฟัง ผมนับถือไอ้ภพตรงนี้อีกเรื่อง มันเป็นผู้ฟังที่ดีมาก ไม่ขัดหรือแสดงสีหน้าที่บ่งบอกว่าไม่เชื่อผมออกมาแต่อย่างใดแถมยังคอยให้กำลังใจผมอีก เมื่อผมต้องเล่าถึงช่วงเวลาแห่งความทรมานนั่น
“กูขอโทษ” มันเอ่ยคำพูดที่บอกความรู้สึกผิดออกมา
“กูไม่ได้เป็นอะไรแล้ว อย่างน้อยก็มีมึงที่รับฟังกูได้ คราวนี้ตามึงเล่าแล้วภพ ไม่ต้องถามอะไรแล้วนะ ไม่ใช่กูที่มีแค่มึงให้คอยรับฟังปัญหา อย่าลืมดิ บ้านนี้มีกันแค่สองคน ถ้ามึงเก็บอะไรไว้ไม่ได้แล้ว มึงยังมีกูนะ” ผมย้ำความจริงให้มันฟัง
“เมื่อสามปีก่อน น้องกูเคยเข้าร่วมเกมส์นี้…..”
Pob’s Partผมเป็นผู้ชายธรรมดา ที่อยู่กับน้องสาวแค่สองคน พ่อแม่ของผมท่านจากผมกับน้องไปตั้งแต่ผมยังเรียนอยู่ ม.ปลาย โชคดีหน่อยที่เงินจำนวนมากมายถูกทิ้งไว้ให้ผมกับน้อง ทำให้ผมสามารถเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยได้ ตั้งแต่ที่ชีวิตของผมต้องจัดการทุกอย่างให้ตัวเอง ผมต้องเรียนรู้ที่จะประหยัดในหลายๆอย่าง กับข้าวผมเน้นทำกินเองมากกว่าที่จะซื้อกิน งานอย่างอื่นผมก็ต้องหัดทำเพื่อลดค่าใช้จ่ายส่วนเกิน เลยไม่ค่อยมีปัญหาด้านการเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง
แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่มี…
ช่วงโค้งสุดท้ายของการเรียนในมหาวิทยาลัย เป็นช่วงที่น้องสาวผมเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยจึงต้องมีการไปเรียนกวดวิชาจำนวนมากซึ่งใช้จำนวนเงินค่อนข้างสูง ด้วยความที่ตัวเองก็ใกล้จะเรียนจบและอยากทำหน้าที่พี่ชายให้ดีที่สุด จึงสนับสนุนน้องสาวเต็มที่ให้เขาเลือกในสิ่งที่เขาอยากจะทำ
เมื่อผมให้เงินแก่น้องสาวไปเรียนพิเศษ ผมจึงได้มีโอกาสมาเช็คยอดเงินคงเหลือในบัญชี ผมค่อนข้างตกใจกับตัวเลขในนั้นจำนวนเงินเหลือน้อยกว่าที่ผมคาดการณ์เอาไว้มาก ด้วยความที่หลายปีที่ผ่านมามีแต่รายจ่าย ไม่มีรายรับมาเสริมเงินก้อนนี้จึงทำให้ทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ผมเลยคิดที่จะหางานพิเศษทำ แต่เนื่องจากผมอยู่ปี4 การหางานให้ได้ตรงกับวันและเวลาที่ผมว่างจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก
ผมไม่เคยรู้เลยว่าน้องสาวผมก็รู้เรื่องเงินนี่ได้สักพักแล้ว จนเมื่อวันที่เขาเดินมาบอกผมว่าเขามีวิธีหาเงินก้อนให้ผมได้แล้วนั้น ผมถึงได้รู้ว่าน้องสาวผมเขาโตพอที่จะจัดการทุกอย่างแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด สิ่งหนึ่งที่ผมในตอนนั้นยังคงไม่รู้และไม่ได้คาดหวังว่าจะรู้คือ
วิธีนั้นมันจะพรากเอาคำว่าครอบครัวผมหายไปตลอดกาล….“พี่ภพ นัทรู้วิธีที่จะหาเงินเยอะๆได้แล้วนะคะ”
“หาเงิน? จะหาเงินไปทำอะไรตั้งใจเรียนก็พอ”
“พี่ภพคะ นัทอยู่ ม.6 แล้วนะคะ นัทโตพอที่จะรู้แล้วว่าเงินในบัญชีของเรามันเหลือน้อย”
“ไม่ต้องยุ่งหรอก เรื่องเงินพี่จัดการได้”
“พี่นั่นแหละที่ไม่ต้องยุ่ง จะเรียนจบแล้วก็ไปรีบทำโปรเจคของพี่เถอะ ก่อนนัทเข้ามหาลัย นัทมีเวลาว่างตั้ง6เดือนนะพี่ ให้นัททำเหอะ”
“แล้วนัทจะทำอะไร?”
“นี่เลยค่ะ ดูสิคะมันเป็นเกมส์โชว์ค่ะ ได้เงินเยอะด้วยแค่ไปทำภารกิจในบ้านนั้น1เดือนเอง”
“ฮะ!!! 1 เดือน พอเลยพี่ไม่ให้ไป เราเป็นผู้หญิงนะจะไปอยู่ยังไง”
“อย่าเพิ่งกริ้วค่ะพี่ภพ นี่มันเป็นรายการที่ปลอดภัยนะคะ ใครๆก็รู้จัก”
“พี่นี่ไงที่ไม่รู้จัก พอเลยไม่ต้องไป”
“โนๆค่ะ นัทตัดสินใจแล้วสมัครไปแล้วด้วยค่ะ พี่ไม่ต้องห่วงนะคะ เกมส์นี้ ถ้านัทได้ นัทก็ต้องไปอยู่กับผู้หญิงค่ะ เค้าไม่ให้ชายหญิงอยู่รวมกัน”
“มันจะปลอดภัยมั้ยนัท ไปอยู่บ้านใคร ไปทำอะไร พี่เป็นห่วงนะ”
“นัทรู้ค่ะพี่ภพ ว่าพี่เป็นห่วง แต่เราก็เหลือกันแค่นี้ นัทก็ห่วงพี่ไม่แพ้กันนะ ให้นัททำเหอะ นัทอยากลอง”
“งั้นก็ตามใจ เตือนแล้วไม่ฟัง”
“เย้ๆๆๆๆ พี่ภพใจดีที่สุดเลยค่ะ รักพี่ภพนะคะ” ผมส่ายหัวให้กับการเอาอกเอาใจเล็กๆน้อยๆของน้องสาว ก่อนจะปล่อยให้น้องสาวไปเรียนพิเศษ ส่วนผมก็ต้องรีบไปเคลียร์โปรเจคจบให้เสร็จ ก่อนออกไปผมไม่ลืมที่จะหยิบกระดาษเกมส์ที่น้องสาวผมปริ้นมาให้ดูด้วย กะว่าจะไปถามเพื่อนให้รู้ว่านี่มันเกมส์อะไร ถ้าอันตรายจะได้ค้านทันเวลา
แต่คงเป็นโชคร้าย ผมลืมที่จะหยิบใบนั้นออกมาถามเพื่อน จนกระทั่งผมเรียนจบ ใบนั้นมันก็ยังคงอยู่ในกระเป๋า...
“Horror House เกมส์อะไรของมันวะ” ผมอ่านข้อความที่น้องสาวผมยื่นมาให้ดูว่าตัวเองเป็นผู้ถูกเลือกให้เข้าร่วมเกมส์ ผมถามน้องผมอีกครั้งเรื่องความอันตราย แต่เมื่อน้องยืนยันแล้วว่าปลอดภัยผมจึงไว้วางใจที่จะปล่อยน้องไป
“นัท ไปรู้จักเกมส์นี้ได้ยังไง”
“อ๋อ นัทหาตามเว็บไซต์ต่างๆค่ะ พอดีเห็นมันมีรีวิวรายการน่าสนใจเลยกดดู”
“แล้วนัทเคยดูรายการมั้ยว่าเค้าให้ทำอะไรบ้าง”
“เอ่อ ไม่เคยค่ะพี่ภพ”
“แล้วรายละเอียดเกมส์หละ รู้มั้ย”
“ไม่รู้ค่ะ”
“ฮะ!!! แล้วนัทจะให้พี่ไว้วางใจได้ยังไง ยกเลิกเถอะ เดี๋ยวพี่ไปคุยให้ พี่รู้สึกไม่อยากให้นัทไปเลย”
“ไม่ได้แล้วค่ะพี่ภพ”
“ทำไม”
“ในจดหมายนั่นระบุชัดเจนแล้วค่ะ ว่ายกเลิกไม่ได้” ผมในตอนนั้นไม่รู้จะทำอย่างไร เลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลย แต่นั่นก็เป็นครั้งแรกที่ทำให้ผมสนใจเกมส์นี้และเริ่มหาข้อมูลอย่างจริงจัง ยิ่งอ่านผมยิ่งกลัว ยิ่งอ่านผมยิ่งรู้สึกว่าเกมส์นี้มันไม่ปลอดภัย ผมไม่อยากให้น้องสาวเข้าไปเสี่ยงในนั้น แต่เมื่อคุยกันกับน้องสาวก็มีแต่จะนำไปสู่การทะเลาะกันผมจึงทำได้แค่คอยดูอยู่ห่างๆ
เมื่อวันนัดมาถึงผมจัดกระเป๋าให้น้องสาวและเตรียมไปส่งตามสถานที่นัดหมาย ผมย้ำเตือนเขาอีกครั้งเรื่องความปลอดภัยและให้ดูแลตัวเองให้ดี
“นัทเปลี่ยนใจตอนนี้มั้ย พี่ได้งานแล้วยังไงก็ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินแล้วนะ”
“นัทรู้ค่ะพี่ แต่นัทก็อยากลอง เอาเป็นว่าถ้านัทไม่ไหวเมื่อไรนัทจะรีบถอนตัวออกจากเกมส์เลยค่ะ”
“เฮ้อ เอาเหอะพี่อาจคิดมากไปเอง ถ้าพี่ไม่ติดว่าต้องรีบไปทำงานพี่จะตามไปส่งเราถึงที่เลย”
“555 คิดมากแก่เร็วนะคะพี่ ไปทำงานเถอะนัทดูแลตัวเองได้ บอกแล้วไงว่าถ้าไม่ไหวนัทจะถอนตัวเอง”
“อืม โชคดีนะ อย่าประมาท ดูแลตัวเองด้วย พี่รักนัทนะ”
“นัทก็รักพี่ภพค่ะ งั้นเดี๋ยวนัทไปแล้วนะ มาหอมแก้มที”
นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้รับความอบอุ่นจากน้องสาว หลังจากผมปล่อยตัวนัทไปกับทางรายการ ความตั้งใจที่จะดูนัทออกอากาศในคราแรกถูกล้มเลิกไปเพราะว่างานและโปรเจคของบริษัทที่ถาโถมเข้ามาเพื่อทดสอบพนักงานใหม่ว่ามีความสามารถมากพอที่จะรับเงินเดือนของบริษัทหรือไม่
ในแต่ละคืนผมเครียดอยู่กับงานของตัวเองจนลืมที่จะนึกเป็นห่วงน้องสาวไป แค่ชั่วพริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไปถึง 15 วันแล้ว ในตอนนั้นผมซึ่งยังไม่สามารถติดต่อใดๆกับน้องสาวได้ก็ยังคงเพลินไปกับงาน แต่ก็ไม่ได้ถึงกับละเลยน้องตัวเองเมื่อผมนึกขึ้นได้ว่าน้องสาวผมยังอยู่ในเกมส์นั่น ผมก็รู้สึกทึ่งในความสามารถของน้องผมมาก ผมคิดว่าน้องผมเก่ง น้องผมเอาตัวรอดในเกมส์พวกนั้นได้ แต่……ผมคิดผิด
กริ๊งงงงงงง“สวัสดีค่ะ นั่นใช่ญาติของนางสาว อรพิมล หรือเปล่าครับ”
“ใช่ครับ ผมเอกภพ ครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมเริ่มใจคอไม่ดีกับปลายสาย
“ค่ะ โทรมาจาก โรงพยาบาลจิตเวท xx นะคะ ทางเราอยากให้คุณเอกภพมาดูทางนี้หน่อยค่ะ”
“ก…เกิดอะไรขึ้นหรอครับ”
“ดิฉันอยากให้คุณเอกภพมาดูเองดีกว่าค่ะ เกรงว่าคุยกันทางนี้จะคุยกันไม่สะดวกค่ะ”
หลังจากวางสาย ผมรีบพาตัวเองไปยังโรงพยาบาลจิตเวทนั่นทันที สัญชาตญาณในตัวผมเริ่มบอกแล้วว่ามันต้องมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับน้องสาวผมแน่นอน ช่วงระหว่างขับรถผมไม่รู้เลยว่าตัวเองเหยียบไปด้วยความเร็วเท่าไร ยอมรับว่าผมกลัวไปหมด ผมเหลือน้องสาวแค่คนเดียว ถ้าไม่มีเขาผมจะใช้ชีวิตอยู่ต่อยังไง ผมภาวนาไปตลอดว่าขอให้น้องผมยังแค่กลัวกับเกมส์และยังปรับตัวไม่ได้เท่านั้นจึงขอเข้าพบจิตแพทย์ แม้ความจริงมันมักจะโหดร้ายกว่านั้นเสมอ
“กรี๊ดดดดดดดดดด ผี ผีเต็มไปหมด กรี๊ดดดดดดด พี่ภพ ช่วยด้วยยย ช่วยนัทด้วย กรี๊ดดดดดดดดดดด”“อย่างที่ญาติคนไข้เห็นนะครับ ตอนนี้คุณอรพิมล มีอาการทางจิตขั้นรุนแรง ต้องใช้เวลาในการรักษาตัวอีกนาน ผมอยากให้ญาติทำใจไว้ด้วยนะครับ เค้าได้พบเจอเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจมาค่อนข้างมาก ผมไม่สามารถยืนยันได้ว่า…เค้าจะกลับมาเป็นปกติ”
“น้องผม…เค้าไปเจออะไรมาครับ” ผมมองภาพนั้นทั้งน้ำตา น้องสาวผมถูกผูกไว้กับเตียงเพราะเธอดิ้นแรงจนพยาบาลกลัวจะหล่น ใบหน้าน้องสาวผมดำคล้ำและมีท่าทีหวาดระแวงตลอดเวลา อีกทั้งปากยังตะโกนเอาแต่บอกว่าเจอผี จนไม่สามารถพูดคุยใดๆได้อีก
“เชิญคุณทางนี้ดีกว่าครับ” จิตแพทย์ท่านนั้น ได้พาผมกลับมายังห้องพักเพื่อบอกเล่าสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้น
“ทางเราได้รับคำบอกเล่าจากทางรายการ ที่น้องคุณเข้าร่วมเล่นว่า น้องคุณเริ่มมีอาการแปลกๆมาตั้งแต่เกมส์วันแรกๆโดยส่วนมากจะเพ้อออกมาว่าเจอผี เมื่อทางรายการเห็นว่าน้องคุณเริ่มไม่ไหวจึงได้เข้าไปสอบถามเพื่อเชิญให้ออก แต่น้องคุณยังคงยึดมั่นที่จะอยู่ต่อ จนถึงเกมส์ล่าสุดที่น้องคุณเล่น…ก็เป็นอย่างที่เห็นครับ”
“แล้วทางรายการ ไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรเลยหรอครับ!!!”ผมไม่สามารถเก็บอารมณ์ได้อีกต่อไป จึงเผลอแสดงท่าทีก้าวร้าวใส่จิตแพทย์
“เราเข้าใจคุณนะครับ แต่อยากให้คุณใจเย็นๆก่อน ทางรายการบอกผมแล้วครับว่าก่อนที่จะให้ผู้สมัครลงแข่งมีการเขียนหมายเหตุไว้ว่าถ้าเป็นบ้าหรือตาย ทางรายการไม่ขอรับผิดชอบครับ”
“โถ่เว้ย!! ผมจะเย็นได้ไง นั่นน้องสาวผมนะ เป็นครอบครัวเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของผม ผม…จะอยู่ยังไง”
“ใจเย็นๆนะครับ ตอนนี้เราแก้ไขตรงจุดนั้นไม่ได้แล้ว หมออยากให้คุณร่วมมือกับหมอคอยเยียวยารักษาคนไข้ไปเรื่อยๆ หมอไม่อาจรับประกันโอกาสใดๆได้ แต่แม้เพียง 1% หมอก็อยากให้คุณหวัง เพราะนั่นมันก็คือโอกาสหายของน้องคุณ”
“ขอ…ผมพบน้องสาวผมได้มั้ยครับ”
“ได้ครับแต่หมอคงให้เวลาได้ไม่นาน ร่างกายคนไข้อ่อนเพลียมาก หมอจำเป็นต้องให้คนไข้พักผ่อน” ผมพยักหน้าให้กับหมอก่อนเดินตามออกไปยังห้องพักของน้องสาวผม น้องสาวผมยังคงกรี๊ดอยู่แบบนั้น เมื่อเขาเหนื่อย เขาจะนั่งเงียบๆเหมือนคนเหม่อลอยก่อนจะเริ่มกรี๊ด สลับกันไปมา ผมเดินเข้าห้องนั้นไปเงียบๆเพื่อพูดคุยและปลอบใจน้อง
“นัท จำพี่ได้มั้ย” ผมพูดเสียงสั่นอย่างคนสะกดอารมณ์ตัวเอง ณ เวลานั้นผมอยากเป็นคนที่เข็มแข็งที่สุดเพื่อให้น้องสาวเชื่อว่าพี่ชายคนนี้ยังเป็นที่พึ่งให้เขาได้
“พี่ภพ พี่ภพ กรี๊ดดดดดดดดด ช่วยนัทด้วย นัทเห็นผี พี่ภพ เชื่อนัทมั้ย นัทเห็นผี ผีเต็มไปหมด กรี๊ดดดด ช่วยนัทด้วย”
“นัท นัท นัท ใจเย็นๆ พี่อยู่นี่แล้วไง ไม่มีผีแล้วนะครับ ฮึก” ผมแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้เมื่อต้องปลอบน้องออกไปแบบนั้น
“ผี ผี พี่ภพ บ้านหลังนั้นมันมีแต่ผี ผีเต็มไปหมด นัทกลัว ไม่มีใครเชื่อนัท นัทกลัว”
“นัทใจเย็นๆนะ ที่นี่ไม่มีผีแล้ว นัทอยู่ที่นี่ไปก่อนนะ ที่นี่มีแต่หมอใจดี เค้าจะดูแลนัทแทนพี่เมื่อพี่ไม่อยู่ แต่พี่จะกลับมาหานัทบ่อยๆนะ เป็นเด็กดีกับหมอด้วย…พี่ไปก่อนนะ” ผมบอกน้องแค่นั้นก่อนจะเดินออกมาจากนอกห้องเพื่อให้หมอทำหน้าที่ของหมอต่อไป
เวลาแค่ครึ่งเดือนเท่านั้น ผมต้องเสียน้องสาวคนเดิมไปอย่างที่ไม่รู้ว่าจะได้คืนมาเมื่อไร ผมร้องไห้โทษตัวเองในทุกๆวันว่าไม่สามารถปกป้องน้องคนเดียวได้ อยากขอโทษพ่อแม่ใจแทบขาดแต่ก็ทำไม่ได้ กลางวันผมตั้งใจทำงานอย่างหนักเพื่อให้ลืมเรื่องนี้และเพื่อเก็บเงินมารักษาน้อง ผมตั้งใจว่าจะพาน้องไปยังโรงพยาบาลจิตเวทที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้ในประเทศไทย
จนกระทั่ง….
“นัท วันนี้พี่มาเยี่ยมแล้ว ดีใจมั้ย”
“นัท อย่าปล่อยให้พี่คุยคนเดียวดิ พี่เหงานะรู้มั้ย นัทหละอยู่คนเดียวเป็นไงมั่ง”
“เฮ้อ พี่บอกเราแล้วใช่มั้ยว่าให้ฟังพี่ ทำไมถึงยังดื้อกับพี่ ทั้งๆที่พี่รัก….และเป็นห่วงเรามาก” ผมปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมา เมื่อต้องทนสนทนากับน้องสาวที่ไม่แม้แต่จะเอ่ยปากพูดกับผม น้องผมเหม่อลอยไม่ต่างกับคนเป็นบ้าไปแล้วแต่ยังไงผมก็อยากให้เค้ารู้ว่าผมยังรักและอยากให้เค้ากลับมา
“ฮึก พี่รักนัทนะ รีบกลับมาหาพี่รู้มั้ย พี่เหงามาก ไหนมาให้พี่หอมหน่อย พี่ต้องไปแล้ว” ผมหันไปหอมหน้าน้องสาวตัวเองก่อนจะต้องรีบออกมาเพราะใกล้หมดเวลาเยี่ยม
“พี่ภพ”
“นัท นัทเรียกพี่ได้แล้วหรอ นัทหายดีแล้วใช่มั้ย” ผมแสดงความดีใจออกมาทันทีเมื่อน้องสาวเริ่มที่จะคุยกับผมก่อน มันอาจเป็นสัญญาณที่บอกว่าน้องผมกำลังจะกลับมา
“ศพ บ้านหลังนั้นมันมีศพ บ้านหลังนั้นมันมีผี บ้านหลังนั้นมันมีศพ มันจะฆ่านัท มันจะฆ่านัท กรี๊ดดดดดดดด พี่ภพช่วยนัทด้วย กรี๊ดดดดดดดดดดดดด” ผมยืนตัวแข็งอยู่แบบนั้น ไม่ใช่แค่ว่าเพราะผิดหวังที่น้องสาวผมยังไม่หาย แต่เพราะคำพูดนั้นของน้องสาว
ศพ? ฆ่า? คำพวกนี้ไม่ควรออกมาจากปากของน้องสาวผม
ผมกลับบ้านมาหาข้อมูลนั่นอีกครั้ง ผมแปลกใจอยู่มากที่เมื่อเข้าเว็บที่น้องสาวผมสมัครไปและพบว่าหน้าเว็บนั้นมันถูกปิดไปแล้ว ผมจึงไม่สามารถจะหาข้อมูลอะไรได้อีก ผมเริ่มหารีวิวที่คนเคยดูมาเขียนแนะนำไว้และทำให้ผมรู้เพิ่มว่า ผู้เข้าแข่งขันอีกคนที่ต้องแข่งร่วมกับน้องผมถอนตัวออกไปตั้งแต่วันที่ 5 แสดงว่าสิบกว่าวันที่น้องผมต้องเล่นเกมส์น้องผมทำมันเพียงคนเดียว
ผมเริ่มหาสาเหตุที่น้องผมเอ่ยถึงคำว่าศพและฆ่าออกมา ผมไม่คิดว่าเกมส์มันจะโหดร้ายได้ถึงขนาดนั้นแต่เมื่อผมยิ่งหาข้อมูลไป ผมก็ยิ่งสับสนเพราะคนที่มาเล่าถึงเกมส์ล้วนเป็นแค่คนเคยดู ไม่ใช่คนเคยเล่น คนเหล่านั้นหายไปไหน อีกทั้งเกมส์นี้ยังไม่เคยมีใครได้รางวัลเลยยิ่งสร้างความประหลาดใจให้กับผมอีกขั้นหนึ่ง
ผมใช้เวลา สองปีเต็มๆไปกับการสังเกตรูปแบบเกมส์ แล้วพบว่าเกมส์จะรับเพศชายและหญิงสลับกันในทุกปีและเปลี่ยนสถานที่แข่งขันนั้นไปเรื่อยๆ แต่ผมยังคงไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวใดๆกับเว็บของเกมส์ เพราะช่วงเวลาสองปีที่ผ่านมาผมต้องตั้งใจทำงานและเก็บเงินให้พร้อมมากที่สุดเพื่อจะเอาไปรักษาน้องและเพื่อเตรียมชดเชยเวลาหนึ่งเดือนที่ผมต้องเสียไป
ใช่แล้วครับ
ผมลางานเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็มในปีนี้ โดยบอกเหตุผลกับทางบริษัทว่าจะพาน้องผมไปรักษาแต่ความจริงนั่นคือ ผมสมัครเข้าร่วมเกมส์นี้เพื่อจะลงมาแก้ไขสิ่งที่ติดค้างด้วยตนเอง ในเมื่อคนที่เคยเข้าเล่นครั้งก่อนๆไม่มีใครบอกผมได้ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ผมเหยียดยิ้มออกมาเมื่อรายการคัดเลือกผมให้เข้าร่วมเกมส์ ลึกๆแล้วในใจผมเต็มไปด้วยความโกรธ เกลียดและแค้นเกมส์มาก ผมไม่สนใจเงินรางวัลใดๆทั้งสิ้นและไม่สนใจว่าผู้เข้าร่วมแข่งอีกคนจะเป็นใครแค่อย่ามาขวางเกมส์ที่ผมจะเดินก็พอ เมื่อถึงวันนัดหมาย ผมรีบออกจากบ้านมายังที่ที่เกมส์นัดผม ก่อนเวลาหลายชั่วโมง เพื่อจะได้สังเกตการทำงานของทีมงานทุกคนว่ามีจุดใดที่ผิดปกติหรือไม่ แต่ยิ่งสังเกตผมยิ่งไม่เห็น นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมเครียดและเริ่มจมอยู่กับตัวเอง ก่อนจะมีทีมงานพาผู้เข้าแข่งขันอีกคนมาให้ผมรู้จัก นั่นคือ
ไอ้มิวอย่างที่ผมบอกว่าผมไม่ได้สนใจว่าผู้เข้าแข่งขันอีกคนเป็นใคร ผมจึงไม่ได้อยากรู้ชื่อมันและอยากคุยกับมันจนมันหลุดด่าผมโดยเอ่ยคำว่าบ้ามา นั่นถึงทำให้ผมสติขาดไปทันที คำนั้นมันทำให้ผมนึกถึงน้องสาวตัวเอง ผมไม่ได้ตั้งใจจะตะคอกมัน แต่ด้วยอารมณ์ผม ผมไม่สามารถควบคุมได้เลย ผมอยากให้มันออกจากเกมส์เพราะไม่อยากให้มันเป็นแบบน้องผมและเพื่อไม่ให้มันขัดขวางสิ่งที่ผมจะทำ แต่เมื่อมันคิดไปอีกทางว่าผมจะยึดเงินรางวัลไปคนเดียวผมจึงปล่อยไป
ระหว่างทางที่มา ผมคิดอะไรหลายๆอย่างมาตลอดยิ่งฟังประวัติบ้านสลับกับมองเส้นทางไปเรื่อยๆ ผมยิ่งเครียด รายการนี้มันให้น้องผมไปทำอะไร ทำไมถึงได้มาที่เปลี่ยวๆแบบนี้ ผมไม่แปลกใจเลยที่น้องสาวผมจะเป็นแบบนั้น และเมื่อใกล้จะถึงบ้านที่ผมต้องเล่นเกมส์ ผมสังเกตเห็นบ้างหลังหนึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวบ้านที่ผมต้องอยู่ ผมสงสัยมากว่าบ้านใครทำไมถึงคิดมาสร้างในที่แบบนี้ แต่เมื่อเจอลุงมั่นและแกบอกผมว่าแกอยู่แถวนั้น ผมเลยถึงบางอ้อทันทีว่า…นั่นบ้านใคร
ผมไม่คุกคามอะไรไอ้มิวอีกเพราะมันดูไม่มีพิษภัยอะไร ออกจะเอ๋อๆ ดูเกินๆไปด้วยซ้ำ ผมตัดสินใจปีนกำแพงบ้านออกไปเพื่อไปสังเกตป่าด้านหลัง ผมมีความรู้สึกว่าบ้านที่ผมคิดว่าเป็นของลุงมั่นต้องมีการเชื่อมต่อกับเกมส์แน่นอนเลยกะว่าจะเดินไปสังเกต และอยากเห็นหน้าผู้จัดการเกมส์ ในวันแรกผมต้องดูท่าทีก่อนเลยไปไม่ได้ไกล เมื่อได้ยินเสียงไอ้มิวเรียกผมจึงรีบกลับมา และสาเหตุที่ตัวผมเปื้อนมันเป็นเพราะผมต้องเดินไปแบบหลบๆซ่อนๆ เพราะไม่รู้ว่าในป่านั่นมีอะไรบ้างเลยทำให้ชุดเปื้อนดินไปด้วย
ในเกมส์แรกยอมรับตรงๆเลยว่าผมหงุดหงิดไอ้มิวจนแทบคลั่งเพราะมันทำท่าว่ากลัวไปหมด ผมเคยเตือนมันแล้วว่าให้มันกลับออกไปแต่มันก็ไม่ยอม จนตั้งแต่มันท่องคาถาเห็นผีนั่นและเริ่มเล่นซ่อนแอบ ไอ้มิวมันก็เริ่มเปลี่ยนไปชัดเจน มันกลัวจนผมสงสาร เลยคิดว่าการวิ่งไปหลบเสียงดังๆจะทำให้มันหาเจอง่ายขึ้น แต่ก็ไม่เป็นแบบนั้น ด้วยอะไรไม่รู้ที่ทำให้ไอ้มิววิ่งขึ้นข้างบนและบอกว่าผมอยู่ตรงนั้น ผมได้ยินเสียงมันชัดเจนว่ามันเพ้อเจ้อคิดว่าผมหายใจแรงแอบอยู่ในห้องน้ำ ก่อนที่มันจะเงียบไป ผมจึงหันไปปัดหม้อให้หล่นเพื่อบอกมันว่าผมอยู่ในครัว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ไอ้มิวมันวิ่งมาทางครัว และวิ่งออกไปข้างนอกทันทีโดยที่ผมห้ามไม่ทันและมันก็ไม่เห็นผมที่ยังคงยืนอยู่ ก่อนจะไปได้ยินเสียงมันด่าๆข้างนอกนั่น ผมไปเอามันกลับเข้ามามันก็เอาแต่ร้องไห้ ถามอะไรก็ไม่ตอบ
จนตอนเช้าผมถามมันอีกครั้ง และโดนมันถามกลับมาว่า ทำไมผมถึงไม่เห็นว่าประตูมันเปิดเอง และไม่ได้ยินเสียงมันด่าผม คำถามนี้ทำผมนิ่งไปสักพักเริ่มรู้สึกแล้วว่าไอ้มิวไม่ปกติ มันต้องเจออะไรบางอย่าง ผมตอบมันไม่ได้เพราะผมไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ประตูนั่นมันก็ไม่ได้เปิดเอง ไอ้มิวนั่นแหละที่วิ่งไปเปิด และเพราะกลัวมันจิตตกผมจึงไม่ให้ทีมงานรีรันภาพ เมื่อทีมงานมาถามเหตุผลที่มันวิ่งออกไป ผมจึงต้องโกหกทีมงานเพื่อช่วยมัน ส่วนหนึ่งก็เพราะอยากมีเพื่อนในการแข่งขันแต่อีกส่วนหนึ่งคือเพราะผมเริ่มรู้แล้วว่าไอ้มิวมันเห็นอะไรในแบบที่น้องสาวผมเห็น ผมจึงจำเป็นต้องเอามันไว้เพื่อใช้มันสื่อกับวิญญาณพวกนั้น หาทางให้ผมเจอความจริงให้เร็วที่สุด ผมรู้ว่าผมเลว แต่ผมจำเป็นต้องมีมันจริงๆ
ตั้งแต่เกมส์ผีถ้วยแก้วไอ้มิวก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ความรู้สึกผิดถาโถมเข้าสู่ใจผม ผมไม่ชอบที่เห็นน้องสาวผมทรมานแล้วเหตุใดผมจึงมาทรมานคนอื่น สิ่งที่ผมทำไม่ต่างอะไรไปกับที่เกมส์ทำน้องสาวผม ผมจึงคิดจะหาทางให้มันออกจากเกมส์นี้ให้เร็วที่สุด ไม่ใช่เพราะผมจะเอาเงิน แต่เพราะตัวมันเอง
พอมาได้เล่นเกมส์ปอกแอปเปิ้ลนั่น ผมค่อนข้างตลกเพราะมันเป็นเกมส์หาเนื้อคู่ไร้สาระ ผมไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าเกมส์เป็นยังไง ผมเททุกอย่างเพื่อคอยฟังแต่เสียงไอ้มิว แต่รู้อะไรมั้ยครับ พิธีกรรมนั่นมันไม่ได้หลอกลวง เรื่องนี้ผมไม่เคยบอกไอ้มิวและไม่คิดจะบอกเพราะตอนผมปอกแอปเปิ้ลภาพที่ผมเห็นในกระจก มันคือภาพไอ้มิว ภาพที่ขึ้นแสดงว่ามันกำลังปอกแอปเปิ้ลอยู่เงียบๆบนห้อง ผมมองมันปอกไปเรื่อยๆโดยที่ตัวผมเองปอกเสร็จหมดแล้ว จนก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงไอ้มิวกรี๊ด ภาพมันแสดงให้ผมเห็นว่าไอ้มิวยังนั่งอยู่ที่เดิม ท่าเดิม แต่หัวของมันหายไป ผมตกใจและรีบขึ้นไปดู เสียงไอ้มิวกรีดร้องให้ผมช่วยก็ดังขึ้นมาทันที
ผมจงใจทำลายข้าวของเพราะผมรู้ว่าทีมงานต้องมา ผมไม่อาจเอาไอ้มิวไว้ในเกมส์ได้แล้ว แม้มันจะช่างสังเกตและสื่อสารกับวิญญาณได้ แต่ผมสงสารมันยิ่งเห็นแผลที่คอกับสภาพมันผมไม่อาจปล่อยไว้ได้ ผมท้าตีกับทีมงานเพราะมันไม่แฟร์เกมส์ที่จะเอาผมออก จนทีมงานไปถามความประสงค์กับไอ้มิว ผมสนับสนุนให้มันออกทันทีโดยไม่รั้งมันไว้ แค่นี้มันก็ช่วยผมไว้มากพอแล้ว แต่ไอ้มิวก็สร้างความตกใจให้ผมเพราะมันขอปฏิเสธที่จะออก แต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่าผมดีใจที่มันยังอยู่ ผมหาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้ว่าเพราะอะไร แล้วก็ยังไม่รู้ด้วยว่าทำไมมันถึงไม่กลับไป
ผมไม่อยากให้มันขอบคุณผมที่ผมคอยช่วยเหลือและดูแลมันเพราะที่ผมทำผมก็หวังผลกับมันทั้งนั้น เป็นผมซะอีกที่ต้องขอบคุณมันที่ต้องยอมแลกอะไรหลายๆอย่างกับการช่วยเหลือจอมปลอมของผม แม้หลังๆผมจะช่วยด้วยความเคยชินไปแล้ว ไม่ได้นึกจะใช้งานมันอีก แต่ความผิดมันก็ต้องเป็นความผิด
ผมไม่ใช่คนดีอีกต่อไปเมื่อเลือกที่จะเอาความไว้วางใจของมันมาแก้ปัญหาให้ผม
ผมไม่รู้ว่าต้องเอ่ยคำขอโทษมันอีกกี่ล้านครั้ง เมื่อผมเล่าความผิดของผมให้มันฟังไป หน้ามันก็เปลี่ยนไปทันทีอาจจะเพราะความ
ผิดหวังในตัวผมด้วย แต่ผมยอมรับทุกอย่าง ในเมื่อผมเลือกที่จะใช้มัน ผมก็ต้องยอมรับในการกระทำตนเอง
"ไงสิ่งที่มึงอยากฟัง กูเคยบอกมึงแล้วใช่มั้ยว่าไม่ต้องขอบคุณคนเลวๆแบบกู….”*****************************************TBC*****************************************
เอาตอนที่ 7 มาส่งแล้วนะครับ หลายคนคงสงสัยเรื่องเวลาลง เอาเป็นว่าผมจะลงทุกวันอังคารนะครับ ส่วนวันอื่นถ้าผมไม่มีงานหรือติดอะไรก็จะนำมาลงให้นะครับ สามารถติดตามได้ในทวิตเตอร์ผมโล้ดดดดดด >>>
TWITTERตอนนี้คงเป็นตอนที่หลายคนอยากรู้มากที่สุด 5555 เดากันถูกมั้ยครับ
เจอกันตอนหน้า
P-Rawit