บทที่ 18
“ท่านพี่ที่เคารพ อย่านานนะ ผมหิวข้าว ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่ตื่นเลยครับ”
พี่นันค้อนขวับ “ทีหลังหันตื่นให้เช้ากว่านี้สิค่ะ จะได้มีเวลากินข้าว แล้วดูบนหัว ผมยุ่งยิ่งกว่ารังนก ลืมหวีผมแน่ๆ”
ทั้งห้องฮาครืน ยิ่งเจ้าของหัวยุ่งยิ่งกว่ารังนกรู้สภาพตัวเองก็ร้องถามหา ใครมีหวี เสียงหัวเราะยิ่งกระฮึ่มกว่าเดิม
“ไม่ต้องหวีแล้วค่ะ มาฟังพี่ก่อน”
เสียงหัวเราะค่อยๆ เงียบลง พี่นันพยักหน้าพอใจ เริ่มพูดต่อ
“เรื่องที่จะพูดถึงคือกิจกรรมใหญ่ในเทอมสองค่ะ เนื่องจากต้องใช้เวลาเตรียมตัวนาน พวกพี่เลยจะมาเล่าและแจ้งหลายเรื่องให้รู้ไว้ก่อน”
แค่พี่นันขึ้นต้น พวกผมก็พากันตาวาวสนอกสนใจแล้วครับ ยิ่งเห็นภาพตัวอย่างกิจกรรมที่ผ่านมา (รุ่นพี่ฉายขึ้นสไลด์ผ่านโน้ตบุ้ค) ยิ่งให้ความสนใจมากกว่าเดิมหลายเท่า
“กิจกรรมนี้มีชื่อว่า ‘Water War’ แต่บางคนเรียกชื่อไทยๆ ว่า ‘สงครามสายน้ำ’ จะมีขึ้นสองวันในช่วงปลายเดือนมีนา ไม่ก็ต้นเมษา ส่วนใหญ่จะจัดในวันเสาร์อาทิตย์”
“เหมือนเล่นสงกรานต์ใช่ไหมครับ?”
“ไม่เหมือนค่ะ เรามีกฎการเล่น และทุกคนที่เข้าร่วมต้องปฏิบัติตามกฎ หากใครทำไม่ได้จะได้รับโทษคือ งดเข้าร่วมกิจกรรมถึงสองปีเชียวนะ”
พวกผมส่งเสียงฮือฮาเลยครับ โทษโหดเป็นบ้า
“อุปกรณ์หลักของกิจกรรมนี้คือปืนฉีดน้ำ งานนี้งดขัน กะละมัง กระป๋อง หรือของทุกประเภทที่ใช้ตักและสาด อ้อ สายยางก็ไม่ได้”
“พี่พูดแค่ว่างานนี้ยิงกันอย่างเดียวก็จบแล้วครับ”
“เดี๋ยวพวกน้องจะคิดลามกน่ะสิ แน่ะๆ อย่ามาส่ายหน้าเชียว พี่ไม่เชื่อหรอก เพราะสมัยพี่อยู่ปี1 เพื่อนผู้ชายของพี่ก็เคยคิด”
หัวเราะร่วนทั้งห้องเลยครับ
“พี่เชื่อว่าทุกคนรู้จักปืนฉีดน้ำอยู่แล้ว แถมยังมีติดบ้านแน่ๆ แต่ถ้าขืนมัวแต่ปั๊มลม ระยะยิงก็สั้น ถ้าเอามาใช้ในกิจกรรมนี้ น้องๆ แพ้แน่นอน เพราะงั้นเก็บไว้เล่นช่วงสงกรานต์ดีกว่า ปืนฉีดน้ำที่พวกพี่จะแนะนำคือเจ้าพวกนี้ เอาออกมาโชว์น้องหน่อยเร็ว”
ลังกล่องหนึ่งถูกเปิด แคทวอล์คโชว์ปืนฉีดน้ำก็ถูกเปิดแสดงให้ตื่นตาตื่นใจ ฝ่ายผู้ชายฮือฮามากกว่าครับ เพราะรูปร่างปืนฉีดน้ำดูเท่มาก คล้ายพวกปืนบีบีกันเลย
“เอ่อ ปืนฉีดน้ำแน่เหรอคะ?”
“แน่สิ มันเป็นปืนฉีดน้ำระบบออโต้น่ะ ต้องใส่ถ่านเล่นด้วย พี่คนไหนก็ได้แยกส่วนกระกอบหลักให้น้องดูหน่อย”
รุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่งแกะที่ใส่ถ่าน เทออกมาให้ดู ใช้ถ่านสองเอล่ะมั้ง ผมมองไม่ถนัด แล้วดึงส่วนใส่แมกกาซีนออกมาชูให้เห็น แต่มีภาพประกอบบนสไลค์ด้วยครับ อ้อ ถ่านสองเอถึงสี่ก้อนเลยครับ
“เจ้าแมกกาซีนนี่ใช้สำหรับใส่น้ำจ๊ะ ถอดเข้าออกได้””
“แบบนี้ก็จุน้ำได้น้อยสิคะ?”
“ก็น้อยแหละ แต่พกแมกกาซีนสำรองไว้ถอดเปลี่ยนด้วยก็ได้ แต่เราไม่ได้จะเล่นเพื่อเปียกซะหน่อย” พี่นันยิ้มมีเลศนัย “ใครในที่นี่รู้จักหรือเคยเล่นบีบีกันมาก่อนบ้างไหม?”
เกือบครึ่งยกมือครับ รวมถึงผมด้วย
“ถือว่าไม่น้อยเลย สงครามสายน้ำเหมือนเล่นบีบีกันค่ะ ใครถูกยิงต้องออกจากเกม แต่เพราะเราเล่นถึงสองวัน ยาวนานมาก จึงมีกติกาพิเศษคือถ้าเสื้อแห้ง หรือเปลี่ยนเสื้อใหม่ก็ลงสนามได้อีกครั้งทันที ยกเว้นสามชั่วโมงสุดท้ายก่อนหมดกิจกรรมที่จะยกเลิกการกลับเข้าสนามใหม่ ใครโดนยิงแล้วต้องไปนั่งรอลุ้นในอาคารจนกว่ากิจกรรมจบค่ะ”
“เรื่องกฎต่างๆ และวิธีการเล่น เทอมหน้าจะมีแจกชีสให้ ได้รับแล้วก็เอาไปอ่านกันด้วย ไม่เข้าใจก็ไปถามพวกรุ่นพี่ในคณะดู พยายามทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ ไม่งั้นเดี๋ยวโดนงดเข้าร่วมสองปีจะมาร้องห่มร้องไห้กับพวกพี่ไม่ได้นะ”
“ส่วนเรื่องปืนสามารถลงชื่อของยืมได้ค่ะ แต่มันมีจำนวนจำกัดก็ต้องแย่งกันหน่อย ใครเร็วใครได้ จะมีเปิดให้แย่งจองชื่อเช้าพรุ่งนี้ตั้งแต่แปดโมงเป็นต้นไปที่หน้าตึกคณะ ส่วนใครอยากครอบครองเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียวก็มาลงชื่อสั่งซื้อกันได้หลังพี่ปล่อยตัว พี่คนไหนดูแลเรื่องนี้ชูมือโชว์หน่อย”
พี่สองคนชูมือโบกไปมา
“มีพวกตัวอย่างให้ทดลองใช้ก่อนไหมครับ?”
“มีค่ะ เลิกแล้วก็ไปทดลองจับได้เลย ชอบรุ่นไหนก็จดจำไว้นะ แต่พี่ขอแนะนำว่าให้เลือกแบบที่ชอบและจับถนัดมือดีกว่า แต่ใครอยากขอเวลาคิด หรือศึกษาปืนแต่ละรุ่นก่อนก็ตามสบาย เพราะเราเปิดให้สั่งซื้อจนถึงสอบวันสุดท้ายที่ห้องสโมฯคณะค่ะ”
มีเวลาสองอาทิตย์นิดๆ ให้ตัดสินใจครับ
“มาพูดถึงอุปกรณ์จำเป็นต่อมากันดีกว่า พี่ขอนำเสนอเจ้านี่ค่ะ”
พี่นันชูแว่นตากันน้ำขึ้น ก่อนสวมเข้าที่หน้า ผมเคยเห็นวางขายในวันสงกรานต์ครับ ได้ยินคนอื่นเรียกกันว่าแว่นตาสงกรานต์หรือไงนี่แหละ
“บางคนที่บ้านอาจมีซื้อไว้แล้ว แต่กฎระบุว่าตัวเลนส์ต้องเป็นแบบใสเท่านั้น งดแบบที่เป็นสีๆ นะคะ ส่วนขาแว่นจะใช้สีอะไรก็ได้ อันนี้ไม่ห้าม ถ้าใครมีแบบที่ไม่ผิดกฎก็ขุดออกมาใช้ได้เลยค่ะ”
“ทำไมไม่ให้เอาเลนส์สีมาใช้คะ?”
“เพราะทางมหาลัยกลัวว่าใส่สีอื่นแล้ว อาจมองเห็นไม่ชัดจนเกิดอุบัติระหว่างทำกิจกรรมค่ะ”
ผมร้องอ้อในใจ หายข้องใจทันที
“หากใครไม่มีสามารถลงชื่อสั่งซื้อได้เช่นกัน อ้อ แว่นตาไม่มีให้ยืมเหมือนปืนฉีดน้ำ เพราะงั้นซื้อไปเถอะ ราคาไม่แพง แถมยังเอาไปใส่เล่นวันสงกรานต์ได้ด้วย เรื่องต่อมาคือรองเท้า งดใส่แตะหูหนีบหรือที่มันเปิดเปลือยนะคะ ถ้าไม่ให้ผิดกฎเลย พี่แนะนำรองเท้าแตะหัวโตค่ะ”
“มันเป็นรองเท้าแบบไหนเหรอคะ?”
“ก็แบบที่หัวใหญ่หน่อย หุ้มส่วนครึ่งเท้าบนหมด มีสายรัดข้อเท้า แต่ใครไม่อยากใช้ก็เลื่อนให้มันไปอยู่หลังเท้าได้ ยี่ห้อดังๆ ก็ตราจระเข้ไง”
หลายคนพยักหน้าหงึกๆ ว่านึกออกแล้ว…สงสัยพี่คนที่คุมพาวเวอร์พ้อยแอบหลับใน พี่นันพูดจบแล้ว รูปตัวอย่างรองเท้าพึ่งโผล่มาให้พวกผมเห็น พี่นันก็ไม่ได้เอะใจเลย พูดเรื่องต่อไปแล้ว
“มาพูดถึงเรื่องการแต่งตัวบ้าง พี่ขอพูดเรื่องกางเกงก่อนนะ สำหรับผู้หญิงห้ามนุ่งสั้น มากสุดได้แค่เหนือเข่านิดหน่อย แต่ถ้าไม่อยากให้หมิ่นแหม่จนเจอบทลงโทษ สามส่วนไปเลยดีกว่า แนะนำแบบที่มีกระเป๋าเยอะๆ ทางผู้ชายก็เหมือนกัน แต่ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะคงไม่มีใครนุ่งสั้นกุดมาหรอกใช่ไหม?”
พวกผมหัวเราะกันทันที เพื่อนร่วมคณะคนหนึ่งตะโกนพูดเล่นๆ
“อาจมีนะครับ”
“งั้นก็ช่วยเลือกแบบที่ยาวเลยครึ่งของต้นขากันหน่อย เพราะโชว์มากไป สาวไม่แล แต่อาจได้หนุ่มเหล่แทนนะจ๊ะ”
พากันสำลักลมเลยครับ พี่นันเล่นพูดซะเห็นภาพ
“มาพูดถึงท่อนบนบ้าง เจ้าเสื้อนี่สำคัญมากกกก เพราะมันคือตั๋วเข้าร่วมงาน ใครไม่มีคืองดเข้าร่วมแน่ๆ แม้แต่ประตูมหาลัยยังเดินผ่านเข้ามาไม่ได้เลยค่ะ อ้อ ช่วง Water War เดินผ่านประตูเล็กได้อย่างเดียวนะ ใครเอารถมาต้องไปหาที่จอดนอกมหาลัยเอาเองนะจ๊ะ”
เสียงโห่ดังมาเลย
“ทำไมล่ะครับ?”
“ขืนเอารถมาจอดจนเต็ม จะไม่มีพื้นที่ให้กางเต็นท์ใหญ่ของแต่ละคณะน่ะสิ สำคัญมากเลยนะน้องๆ เพราะเราต้องกางเต็นท์หลายหลัง แววตาอย่างรู้เชียว ส่วนใหญ่จะกางประมาณสามถึงห้าหลังค่ะ อันนี้ผันแปรตามจำนวนคนในคณะค่ะ และการมีหลายเต็นท์ นอกจากกระจายคนแล้ว ธงคณะยังมีที่เก็บซ่อนมากขึ้นด้วย คณะอื่นเลยต้องเสียเวลาสืบข่าวหรือค้นหาหน่อยว่าธงคณะถูกเก็บไว้ที่เต็นท์ไหนกันแน่”
“มีแย่งชิงธงคณะด้วยเหรอคะ?”
“ใช่แล้ว เขาบุกชิงธงมา เราป้องกัน ถ้าเกิดถูกขโมยได้ เราก็ต้องบุกไปเอาธงคืน แต่เรื่องนี้ไว้ใกล้ๆ ค่อยพูดอีกที ขอวกกลับมาพูดถึงเสื้อกิจกรรมก่อน ชูเสื้อปีที่แล้วให้น้องๆ ดูหน่อย”
รุ่นพี่สามคนเปิดลัง หยิบเสื้อมากางให้เห็นคนละตัว มีทั้งเสื้อกล้าม เสื้อยืดคอกลม และเสื้อเชิ้ตครับ
“เจ้าเสื้อนี่ถูกเรียกว่าเครื่องแบบค่ะ ก็เรียกแบบขำๆ ล่ะนะ มีให้เลือกสามแบบตามที่เห็น แต่คนส่วนใหญ่สั่งกันหมดทั้งสามแบบ เพราะจะได้มีเปลี่ยนลงสนามต่อเลย พี่คิดว่าน้องหลายคนในที่นี้มีหัวสร้างสรรค์และอยากลองออกแบบเสื้อกันหลายคนแน่ๆ ดังนั้นพี่ขอพูดองค์ประกอบหลักที่เครื่องแบบต้องมีก่อนนะ ด้านหลังเสื้อจะเป็นชื่อคณะย่อๆ กับหมายเลขรุ่น นับรุ่นของมหาลัยนะคะ ไม่ใช่ของคณะ
ส่วนด้านหน้า เสื้อแต่ละแบบจะแตกต่างออกไปเล็กน้อย เริ่มจากเสื้อกล้าม เราจะใช้เสื้อสีดำเป็นพื้น ตัวอักษรจะเป็นสีของคณะ ตรงกลางมักจะเป็นรูปวงกลมซ้อนกันสามวงเหมือนรูปเป้ามีสีขาว วงนอกสุดจะเป็นชื่อกิจกรรมและปี วงเล็กในสุดจะเป็นเลขโรมัน 1 ถึง 4 ตามแต่ว่าเราจะอยู่ชั้นปีไหน มุมเสื้อล่างด้านซ้ายจะเป็นชื่อเล่นเจ้าของเสื้อค่ะ”
“ทำไมต้องใส่ชื่อเล่นด้วยคะ?”
“เพราะต้องถอดเข้าออก บางทีรีบๆ ไม่ทันระวังอาจหยิบของคนอื่นไปใส่ได้ ระบุเจ้าของไว้ดีกว่า ไม่หลงไม่หายแน่นอน แต่ตรงหมายเลขชั้นปีกับชื่อเนี่ย ต้องไปหาใส่กันเองนะคะ ส่วนใหญ่ก็จ้างทำสติกเกอร์ติดเสื้อแล้วก็เอามารีดติดกันเองบ้าง จ้างติดบ้าง ใครมีฝีไม้ลายมืออยากรับจ็อบเพื่อนก็ใช้ช่วงนี้หารายได้พิเศษได้นะ”
“เสื้อเชิ้ตกับเสื้อยืดก็ต้องทำด้วยใช่ไหมครับ?”
“ใช่ค่ะ เสื้อเชิ้ตชื่อจะอยู่ตรงอกฝั่งซ้ายเหนือกระเป๋าเสื้อ หมายเลขชั้นปีจะอยู่ตรงปกเสื้อด้านซ้าย ส่วนเสื้อยืดจะอยู่ตรงอกซ้ายทั้งคู่ โดยชื่อเล่นจะอยู่บน เลขชั้นปีจะอยู่ถัดลงมา”
“ตัวเลขนี่ต้องเป็นโรมันหมด หรือใช้เลขอารบิกก็ได้คะ?”
“แล้วแต่คนชอบ ส่วนใหญ่ใช้เลขโรมันกัน เพราะเห็นว่าคลาสสิกดี โดยเฉพาะเสื้อเชิ้ตนิยมใช้เลขโรมันกันสุดๆ แต่พี่เห็นบางคณะนัดกันใช้เลขไทยนะ”
“แล้วคณะเราล่ะครับ?”
“พวกพี่ชอบเลขโรมันค่ะ”
พวกผมพยักหน้าหงึกๆ เป็นอันว่าต้องใช้เลขโรมันยกคณะแหงๆ
“เสื้อกล้ามพี่พูดหมดแล้ว มาดูเสื้อยืดบ้าง แถบด้านขวาทั้งแถวจะเป็นชื่อกิจกรรม ส่วนปีจะอยู่ที่แขนเสื้อซ้ายค่ะ”
“เอ่อ พี่ค่ะ ปีเนี่ยต้องใส่เป็น พ.ศ. หรือ ค.ศ. ค่ะ แล้วต้องเป็นเลขโรมันด้วยไหม?”
“ค.ศ. และต้องใช้เลขอารบิกค่ะ อันนี้เรากำหนดรูปแบบตัวเลขไม่ได้ เพราะต้องใช้เหมือนกันหมดทั้งมหาลัยค่ะ”
คนถามพยักหน้าเข้าใจ พี่นันเลยพูดต่อ
“สีเสื้อยืดต้องเป็นสีคณะเท่านั้น คณะเราเลยจะเป็นสีเหลืองอ่อน ผู้หญิงควรใส่เสื้อกล้ามทับไว้นะคะ เพราะพี่ไม่แน่ใจ เวลาเสื้อเปียกน้ำจะเห็นถึงข้างในหรือเปล่า แต่ถ้าไม่อยากใส่ทับเพราะร้อน พี่แนะนำให้เก็บเสื้อยืดไว้ใช้เปลี่ยนกลับบ้านหลังจบกิจกรรมค่ะ อ้อ อย่าลืมพกกางเกงกับชุดชั้นในมาเปลี่ยนด้วยนะ”
“พี่ค่ะ เสื้อยืดเป็นสีเหลืองล้วนๆ เหรอคะ?”
“ไม่ค่ะ ตรงปลายแขนเสื้อกับตรงคอเสื้อจะเพิ่มเนื้อผ้าอีกชั้นหนึ่งเป็นสีดำค่ะ มีใครจะถามอะไรอีกไหมคะ? ถ้าไม่มีพี่จะพูดถึงเสื้อเชิ้ตแล้วนะ”
พี่นันกวาดมองไปรอบๆ เมื่อไม่มีใครถาม ก็พูดต่อ
“เสื้อเชิ้ตจะเป็นแบบแขนสั้น สามารถพับขึ้นมาได้มีสายคล้องกันหล่นด้วยค่ะ กระดุมเป็นสีดำ กระเป๋าเสื้อจะเป็นแบบพับลงมามีกระดุมติดกันของหล่น มีกระเป๋าทั้งฝั่งซ้ายและขวา ตรงซ้ายเสื้อช่วงล่างฝั่งขวาจะเป็นชื่อกิจกรรมกับปีค่ะ”
“รูปแบบเสื้อสวยนะคะ แต่แมนมาก พี่จะไม่ให้หนูรู้สึกสวยหน่อยเหรอ?”
หัวเราะกันเลยครับ เพราะคนพูดเป็นกระเทยสาวของรุ่น
“พี่ก็อยากให้น้องสวยนะ แต่ช่วงสงครามเราต้องการทุกเพศที่ถึกได้ค่ะ ถ้าใครถึกไม่ได้ ลำบากมาก ช่วงปิดเทอมไปฟิตร่างกายกันมาด้วยนะ”
อ้อ เพราะแบบนี้เอง ไอ้ยำยำถึงบ่นว่าโดนรุ่นพี่จับฝึกโหด
“พี่บอกรายละเอียดครบหมดแล้วนะ ใครจะส่งแบบตกแต่งเสื้อ ไปยื่นที่ห้องสโมฯคณะได้เลยค่ะ หมดเขตรับหลังเปิดเทอม2 สองสัปดาห์ หลังจากนั้นเราจะเปิดให้โหวตลงคะแนนอีกหนึ่งสัปดาห์ ประกาศผลแล้วถึงเปิดให้ลงชื่อจองเสื้อค่ะ เรื่องต่อไป…”
ผมดึงมือถือที่สั่นเป็นระยะตั้งแต่เมื่อกี้ขึ้นมาแอบเปิดดู พาร์ส่งข้อความมาครับ
“เดี๋ยวครับ เสื้อนี่ถือเป็นเป้ายิงหลักเลยใช่ไหมครับ?”
ผมเงยหน้าขึ้นมาด้วยความอยากรู้ ทันเห็นพี่นันยิ้มกริ่ม “ใช่ค่ะ”
“งั้นถ้าเกิดเปียกเพราะเหงื่อล่ะครับ แบบนี้ไม่ถือว่าโดนยิงด้วยเหรอ?”
พี่นันถอนหายใจ “ถือว่าทดสอบความซื่อสัตย์ โดนยิงหรือไม่โดน น่าจะรู้ตัวนะคะ”
“ใช้น้ำผสมสีก็ได้นี่ครับ ทำไมไม่ใช่ล่ะ?”
“ทางมหาลัยสั่งห้ามค่ะ เล่นได้แค่น้ำเปล่าไร้สีไร้กลิ่นค่ะ แต่ถ้าใครโกงแล้วโดนจับได้ จะโดนลงโทษงดร่วมกิจกรรมเดี๋ยวนั้น และถูกงดอีกสองปีด้วย”
“แล้วถ้ากรณีโดนยิง แต่ไม่รู้ตัวว่าโดนล่ะครับ?”
“ก็ถ้าเจอใครสะกิดบอก แล้วคิดว่าใช่ ก็ควรกลับมาฐานก่อนดีกว่า ถือเป็นการป้องกันไม่ให้โดนลงโทษค่ะ”
พวกผมส่งเสียงเซ่งแซ่เลย
“อย่างนี้ก็ถูกโกงได้”
“เป็นช่องโหว่ของเกมที่ต้องทำใจยอมรับวะ”
“อ้อ มีเรื่องโรแมนติกเกี่ยวกับเสื้อด้วยนะ” พี่นันพูดแทรกออกไมค์ รอจนพวกผมเงียบก็พูดต่อ “ว่ากันว่าในช่วง Water War ถ้าได้แลกเสื้อกับคนที่แอบชอบจะสมหวังในรักค่ะ”
สาวๆ กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่เลยครับ แม้แต่ลูกหว้ายังทำตาเพ้อๆ
“ส่วนใหญ่คนที่มีแฟน ฝ่ายชายมักจะให้แฟนสวมเสื้อของตัวเองเป็นการประกาศความเป็นเจ้าของอยู่แล้ว ถ้าได้เสื้อต่างคณะมาก็อย่าลืมสวมเสื้อคณะของเราทับนะ เดี๋ยวจะโดนเข้าใจผิดว่าอยู่อีกคณะหนึ่งค่ะ แต่ช่วงนั่งพัก หรือช่วงที่ไม่ได้จับปืนลงสนาม สามารถโชว์อวดเสื้อที่ได้มาเต็มที่เลยค่ะ ดังสโลแกนจงยืดอกภูมิใจซะ หากวันนั้นจะได้รับสายตาอิจฉาตาร้อนจากคนรอบข้าง เพราะงั้นงานนี้หนุ่มๆ ต้องลงทุนกันหน่อยนะจ๊ะ”
“หมายความว่าเราสั่งซื้อเสื้อแบบไหนจำนวนไหร่ก็ได้เหรอครับ?”
“หนึ่งคนสั่งซื้อเสื้อแต่ละแบบได้แค่ตัวเดียวค่ะ”
“งั้นถ้าเราเอาไปให้ผู้หญิง จำนวนครั้งตอนกลับเข้าสนามก็ลดลงด้วยใช่ไหมครับ?”
“เพราะแบบนั้นมันถึงได้มีความหมายไงค่ะ”
ฝ่ายหญิงกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ ท่าทางจะถูกใจอีเว้นต์เลิฟเวอร์มาก
“นี่ตรูต้องเอาไปให้แฟนสินะ ขืนไม่ให้โดนโกรธแน่ๆ เฮ้อ” คนที่นั่งข้างหลังผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ท่าทางจะเสียดายสิทธิ์สามครั้งจากเสื้อไม่น้อย
“จะยากอะไร ยังเหลือสองตัว ผึ่งตัวแรกไว้ ตอนกลับมาคงแห้งพอดีก็หยิบใส่ไปลงสนามต่อได้แล้ว”
“เออ จริงด้วย”
“เพราะแบบนี้ถึงต้องมีชื่อเจ้าของเสื้อนี่เอง ไม่งั้นคงหยิบผิดหยิบถูกกันน่าดู”
ผมพยักหน้าหงึกๆ แอบเห็นด้วยกับความคิดเพื่อนที่นั่งอยู่ด้านหลัง ก่อนก้มลงสนใจของในมือที่กำลังสั่นอีกครั้ง ยอมเลื่อนนิ้วกดเข้าแอพไลน์ ดูข้อความทั้งหมดที่พาร์ส่งมา
PAR: อาการเป็นไงบ้าง
PAR: ยังตัวร้อนหรือเปล่า
PAR: ทำไมตอบ
PAR: ลืมไปว่ายังเรียนอยู่ เลิกแล้วบอกด้วย
ถามเองตอบเองเสร็จสรรพ น่ากลัวว่าพาร์คงโดนน้องสาวจับท่องตารางเรียนของผมเหมือนกันแน่ๆ ผมพ่นลมหายใจระหว่างพิมพ์ตอบ
TEE: เลิกแล้ว แต่ยังอยู่บนห้องเรียน
ขึ้นว่าอ่านแล้วไวมาก แปบเดียวพาร์ก็ส่งคำถามมาอีก
PAR: อาจารย์ออกไปยัง
TEE: ออกแล้ว
PAR: งั้นก็อย่าพึ่งลงมา
TEE: ทำไมล่ะ
ขึ้นว่าอ่าน แล้วเงียบไปเลย ผมมองมือถืองงๆ แต่เก็บลงกระเป๋ากางเกง ฟังพี่นันพูดต่อ
“วันเสาร์จะเป็นช่วงปีสามกับปีสีลงพื้นที่บุกกับป้องกัน ส่วนปีหนึ่งกับสองจะเป็นหน่วยดูแลอยู่เบื้องหลัง ตั้งแต่เฝ้าสมบัติ สืบหาข้อมูล ดูแลแจกจ่ายเสบียง ปฐมพยาบาล และอีกสารพัดหน้าที่ ช่วงกลางคืนถ้าบางคนอยู่ค้างที่มหาลัยได้ เราจะเจอสงครามตอนกลางคืนในช่วงสี่ทุ่มถึงตีสาม ก่อนจะพักยาวเริ่มสงครามอีกรอบตอนแปดโมงเช้าของวันอาทิตย์ มีการสลับหน้าที่กัน ปีสามปีสี่จะถอยเป็นหน่วยดูแลเบื้องหลัง แล้วจะให้ปีหนึ่งปีสองลงพื้นที่บ้าง”
“ทำไมต้องมีการสลับหน้าที่ด้วยคะ?”
“มีหลายเหตุผลเลย ปีหนึ่งเข้าใหม่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราว มีพี่ปีสองคอยประกบให้ข้อมูลวันแรก ศึกษาการเล่นของพวกปีสามปีสี่ไว้ก่อน พอถึงตาตัวเองเล่นบ้างจะได้ไม่สับสนว่าควรทำอะไรดี อย่างที่สอง ถึงจะกางเต็นท์ใหญ่แค่ไหน กระจายคนไปตามเต็นท์อื่นก็แล้ว แต่พื้นที่มีจำกัดอยู่ดี เลยจำเป็นต้องกระจายคนครึ่งหนึ่งออกมานอกเต็นท์คือพวกลงพื้นที่ แล้วให้หน่วยสนับสนุนทำงานตามหน้าที่อยู่ภายในเต็นท์ไป”
“เดี๋ยวนะครับ หมายความว่าวันแรกปีพี่สามปีสี่จะไม่ได้เข้าเต็นท์เลย”
“ใช่ค่ะ จะเข้าก็ต่อเมื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่บางคนก็ถอดเสื้อออกนอกเต็นท์ อ้อ แต่ผู้หญิงไม่ต้องกังวลปัญหานี่เหรอกนะ เพราะเรามีเต็นท์สำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ คนดูแลเฝ้าเต็นท์ก็ผู้หญิง แถมยังเป็นเขตห้าม ไม่ให้ผู้ชายเข้าใกล้เด็ดขาดด้วย”
เหล่าเพื่อนเพศหญิงต่างพาถอนหายใจเลยครับ
“ภายในเต็นท์คือเซฟโซนใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะ เป็นพื้นที่ห้ามเอาปืนฉีดน้ำยิงเข้าไปโดยเด็ดขาด แต่ถ้าลอบเข้าไปขโมยของบางอย่าง เช่น ธงคณะ เสบียง ของที่เป็นประโยชน์อย่างอื่น หรือแม้แต่ตัวประกัน สามารถทำได้ พูดง่ายๆ คือลอบเข้าไปโดยไม่พกอาวุธง่ายต่อการขโมยที่สุดแล้ว แต่มีข้อยกเว้นว่าห้ามทำแบบนี้กับเต็นท์ของผู้หญิงเด็ดขาด ยกเว้น คนที่บุกมาเป็นผู้หญิงด้วยกัน”
“แล้วถ้าคนนั่นเป็นผู้ชาย แต่แต่งหญิงล่ะครับ? คือเดี๋ยวนี้ผู้ชายหน้าเหมือนผู้หญิงก็มี”
แล้วคนรอบตัวจะเหล่มองผมทำไม
“ถ้าจับได้ จะโดนแขวนป้ายประจานเป็นคนหื่นกามค่ะ แล้วถ้าโดนซัดทอดเป็นผู้บงการ นอกจากจะโดนแขวนป้ายแบบเดียวกันแล้ว อาจโดนรุมสหบาทา และโด่งดังในเน็ทแบบข้ามคืนเลยก็ได้ ดังนั้นไม่ควรทำอย่างยิ่งค่ะ อ้อ แล้วถ้าใครโดนสั่งบังคับให้ทำ แต่แอบมาส่งข่าวบอกก่อนลงมือ พวกเราเพศหญิงพร้อมให้อภัยค่ะ”
พี่นันฉีกยิ้มหวานจ๋อย แต่ผมแอบขนลุกซู่
“เอ่อ…เต็นท์นี่ปิดหมดทุกด้านเลยใช่ไหมครับ?”
“ใช่ค่ะ ป้องกันน้ำเข้าไปด้านใน แต่เต็นท์ฝั่งผู้ชายมีหน้าต่างด้วยนะ มันเป็นกฎค่ะ เอาไว้ให้สายสืบแอบไปกวาดตามองสอดส่องหาธง”
“เอ่อ แล้วเรื่องที่ค้างคืน”
“อ้อ บางส่วนให้นอนในเต็นท์ค่ะ บางส่วนก็ให้ไปนอนบนตึก ส่วนใหญ่พวกนอนเต็นท์จะเป็นพวกที่อยู่รอเล่นการบุกตอนกลางคืน แต่อีเวนต์บุกกลางคืน ผู้หญิงห้ามเข้าร่วม และห้ามค้างคืนค่ะ”
“ค้างก็ไม่ได้เหรอคะ?”
“ทางมหาลัยไม่อยากให้ผู้หญิงค้างค่ะ กลัวจะเกิดปัญหา เลยให้ทยอยกลับก่อนสองทุ่ม แล้วมาอีกทีตอนเจ็ดโมงเช้า ส่วนหนุ่มคนไหนจะไปส่งเพื่อนส่งแฟน ทำได้นะ แต่มาบอกรุ่นพี่หน่อย ไม่ใช่จู่ๆ ก็หายไปเลย เข้าใจไหมคะ?”
“ครับ”
พวกผมขานรับเกือบจะพร้อมกัน
“หลักๆ พี่ก็มาแจ้งเท่านี้แหละค่ะ อ้อ น้องที อยู่ตรงไหนเอ่ย?”
ทุกสายตามองผมเป็นตาเดียวทันทีที่ลูกหว้าจับมือผมชูขึ้นโบกไปมาให้พี่นันเห็น
“น้องทีพิเศษหน่อย เพราะตลอดงาน น้องทีจะไม่ได้อยู่กับเรา แต่ต้องไปอยู่กับนิติแทนค่ะ”
ผมเลิกคิ้วสูง “ทำไมครับ?”
“อืมม์…ถ้าอธิบายแบบง่ายที่สุด ตลอดช่วงสงครามน้องทีเป็นคนมีค่าหัวค่ะ ต้องถูกตามล่าตัวตลอดแน่ๆ ฝ่ายนิติโดยเฉพาะสามีเลยมีหน้าที่ปกป้องน้องทีให้อยู่รอดปลอดภัยจนกว่าสงครามสิ้นสุดค่ะ”
เพื่อนผมหลายคนผิวปากกันใหญ่ ไอ้นนท์รีบยกมือถามเลย
“แบบเดียวกับเจ้าหญิงในช่วงสงครามใช่ไหมครับ แบบว่าใครๆ ก็อยากได้ตัว”
พี่นันรีบพยักหน้าหงึกๆ “น้องพูดได้ตรงมาก สะใภ้ทุกคนถือเป็นเจ้าหญิงของงานค่ะ ใครจับเจ้าหญิงเป็นตัวประกันได้ก็เหมือนผู้ชนะเลย เพราะสามารถขอแลกตัวประกันด้วยอะไรก็ได้ เช่น ส่งปืนฉีดน้ำทั้งหมดมา ถ้าคณะที่ปกป้องเจ้าหญิงไม่ยินยอม แต่เลือกสู้ชิงตัวประกัน คณะอื่นอาจฉวยโอกาสนี้บุกไปถล่มคณะที่ป้องกันเจ้าหญิง แล้วยึดเต้นท์มาอย่างง่ายดาย”
“เดี๋ยวนะพี่ มียึดเต้นท์กันด้วยเหรอครับ?” ผมรีบถาม
“แน่นอน ไม่งั้นจะมีฝ่ายบุกทำไมล่ะค่ะ ก็เหมือนไปโจมตีเมืองเขา แล้วยึดมาเป็นของตัวเองนั่นแหละค่ะ”
เป็นกิจกรรมสมชื่อ ‘Water War’ มากครับ
“กรณีนี้จะเกิดได้ต่อเมื่อฝ่ายบุกทำให้ฝ่ายป้องกันแพ้หมดไม่เหลือคนคอยปกป้องฐานอีก หรือระหว่างสู้จะหาทางแกะตราคณะของฝ่ายป้องกัน แล้วเปลี่ยนเป็นของฝ่ายบุกแทนก็ได้ แต่ส่วนมากไม่นิยมทำ สู้รุกจนไม่เหลือคนแล้วค่อยๆ ปีนแกะตราที่ผูกเชือกออกจากตัวเต็นท์ยังง่ายกว่า”
แล้วพี่นันก็วกกลับมาเรื่องเดิมหน้าตายิ้มๆ “เพราะงั้นน้องที อย่าไปทำให้คณะนิติลำบากมากนักนะคะ”
ประตูห้องเรียนถูกเปิดกะทันหัน คนทั้งห้องหันไปมองเป็นตาเดียว คนเปิดก็ชะงักกึกท่าทางตกใจไม่แพ้กัน เกิดความเงียบแค่ครู่เดียว ก่อนเสียงโห่ร้องต้อนรับคนมาใหม่ดังกึกก้อง พอๆ กับเสียงเป่าปากแซว และเสียงกรี๊ดกร๊าด
“เจ้าชายมาโว้ย!”
“กรี๊ด! เจ้าชาย!!”
“เจ้าชายยังหล่อเหมือนเดิมเลย”
ประโยครำพันที่พึ่งได้ยินสดๆ ร้อนๆ ส่งตรงจากลูกหว้าครับ ตานี่มองเพ้อไปแล้ว
ผัวะ!
“หยุดเลยมึง นั่นสามีเพื่อน”
ลูกหว้าค้อนนนท์ขวับ “รู้แล้วยะ กูแค่ชื่นชมเป็นอาหารตาเฉยๆ ไม่ได้คิดจะครอบครองซะหน่อย”
“อ้าวๆๆ” พี่นันส่งเสียงรื่นเริงใส่ไมค์ “น้องพาร์มาค่ะทุกคน ตบมือต้อนรับเจ้าชายของเราหน่อยเร็ว”
พาร์ยืนตัวแข็งทื่อเลยครับ ท่าทางจะตามเรื่องราวไม่ทัน
ผมหุบยิ้มขำไม่ลง ก็ตั้งแต่เรื่องลูกหว้ายันเรื่องพาร์ที่กำลังยืนทำตัวไม่ถูก จะว่าน่าสงสารก็ใช่ น่าหัวเราะก็ไม่เชิง ดันมาถูกจังหวะเอง ช่วยไม่ได้วุ้ย คิดแล้วก็เท้าคางกับโต๊ะ รอชมเรื่องน่าสนุก โดยไม่คิดออกไปช่วยให้ตกเป็นเป้าสายตาให้โดนแซวคู่
…ว่าแต่มันมาทำไมเนี่ย?
############
บทนี้ยาวเท่านี้ เราเลยแถมให้ค่ะ