- ชลนที - [ตอนพิเศษ3] P.22 (09/06/2017) #จบแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - ชลนที - [ตอนพิเศษ3] P.22 (09/06/2017) #จบแล้ว  (อ่าน 177209 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: - ชลนที - [บทที่31] P.10 (06/12/2016)
«ตอบ #300 เมื่อ06-12-2016 12:46:54 »

โอ๊ย........ชอบพาร์ มากกกกกกก :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
คิดอย่างไรแสดงออกไปเลย น่ารัก :o8: :-[ :impress2:
ทั้งดึงแก้ม ทั้งหอมแก้ม จูบมือ
ต่อหน้าเพื่อนยำอีกด้วย ฟินนนนน
เชน หวงทีให้เพื่อนด้วย :mew1:
อยากรู้แผนของที ให้ยำรู้ตัวเองอย่างชัดแจ้ง :ling1: :ling1: :ling1:
พี่ภู ทำอะไรนะ ถึงทำให้ยำ ยอมรับสัมผัสของพี่ภูได้ :katai1: :katai1: :katai1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: - ชลนที - [บทที่31] P.10 (06/12/2016)
«ตอบ #301 เมื่อ06-12-2016 13:29:10 »

ตกลงแล้ว ให้ใครช่วยใครกันแน่
ยำยำ ที แต่ละคน ก็มีเรื่องต้องแก้ไข

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
Re: - ชลนที - [บทที่31] P.10 (06/12/2016)
«ตอบ #302 เมื่อ06-12-2016 14:11:18 »

โอ๊ยยยยยย ดีๆๆๆๆๆๆๆ ดีไปอีกกกกกกก

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
Re: - ชลนที - [บทที่31] P.10 (06/12/2016)
«ตอบ #303 เมื่อ06-12-2016 20:33:55 »

พาร์สู้ ๆ น้า

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
Re: - ชลนที - [บทที่31] P.10 (06/12/2016)
«ตอบ #304 เมื่อ06-12-2016 21:56:17 »

โดนจับทางได้แล้ว จิ้งจอกอย่างทีคงดิ้นหนีไม่หลุดล่ะ 555+

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
Re: - ชลนที - [บทที่31] P.10 (06/12/2016)
«ตอบ #305 เมื่อ06-12-2016 22:37:21 »

หยอด..วันละนิด...เดี๋ยวทีก้อ อ่อนไปเอง

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: - ชลนที - [บทที่31] P.10 (06/12/2016)
«ตอบ #306 เมื่อ06-12-2016 23:57:45 »

แจ๊ะ รุกหนักมาก

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
Re: - ชลนที - [บทที่31] P.10 (06/12/2016)
«ตอบ #307 เมื่อ07-12-2016 08:18:44 »

พาร์หยอดทีไม่หยุดเลย คนเขาเขินกันไปหมดแล้ว :katai4: :hao6:

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
Re: - ชลนที - [บทที่31] P.10 (06/12/2016)
«ตอบ #308 เมื่อ07-12-2016 13:39:36 »

ทียอมพาร์บ้างแล้ว ก็ดีแล้วละ ยอมมากกว่าคนอื่นตั้งเยอะ

ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: - ชลนที - [บทที่31] P.10 (06/12/2016)
«ตอบ #309 เมื่อ07-12-2016 16:10:16 »

เอาจริงอิพี่ภูนางก็เหลือเกิน เปลี่ยนรุกนะครับให้เป็นรับในชั่วพริบตา แถมยังเถื่อนตัวพ่อเลยด้วย นี่ก็แอบสงสารยำเล็กๆ
คู่พาร์ทีก็หวานได้อีก ที่พาร์หาทีจนเจอได้นี่มันคือพรหมลิขิตชัดๆ อ่านๆไปรู้สึกมดขึ้นคอม น้ำตาลหกเรี่ยราดแรงมากกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - ชลนที - [บทที่31] P.10 (06/12/2016)
« ตอบ #309 เมื่อ: 07-12-2016 16:10:16 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ KatzeP

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-1
Re: - ชลนที - [บทที่32] P.11 (10/12/2016)
«ตอบ #310 เมื่อ10-12-2016 15:09:38 »

บทที่ 32

ยำยังร้องเรียกผมไม่หยุด หนวกหูจนคิดอะไรไม่ออก เลยจำยอมเปิดประตูออกไป

“ไอ้ที!”

ยำรีบปราดมาจับตัวผม มองสำรวจหาความผิดปกติ มีเชนยืนมองอยู่ไม่ไกล

“ไม่เป็นไร กูแค่เครียด”

“แน่นะ?”

“เออ” ตัดสินใจถามเบี่ยงประเด็น เจาะจงถามคนที่บอกว่าจะไปเอาข้าว “ทำไมมึงมาอยู่นี่?”

“เอ๊ะ?” เชนทำหน้างงกลับมา

“ข้าวพาร์ล่ะ?”

“อ้อ” เชนยิ้มเจื่อนกลับมาทันที “…กำลังทำอยู่มั้ง”

ผมหรี่ตาลง ข้ออ้างหนีมานี่หว่า เอาเถอะ ใครทนไหวก็แปลกแล้วครับ นึกพร้อมปลดมือไอ้ยำออกจากตัว กำลังเดินแทรกผ่านคนยืนขวางทางก็โดนยำรั้งตัวไว้อีก

“จะไปไหน?”

“…ไปรบกับพาร์ต่อ”

“อะไรนะ?”

“แค่จะไปคุยกับพาร์” ผมดึงแขนออกอีกครั้ง รีบพูดขัดหลังเห็นยำอ้าปาก “อย่าพึ่งถามตอนนี้เลย แค่นี้กูก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว”

ทิ้งท้ายแค่นั้น ไม่สนเสียงร้องเรียกคนข้างหลัง ก้าวเท้าตรงไปยังคนนั่งเฝ้าโต๊ะ ยืนมองหน้ายุ่งอยู่แบบนั้นจนพาร์เงยหน้ามองผมกลับด้วยแววตาสงสัย 

“…ไปหาที่เงียบๆ คุยกันหน่อย”

แต่ก่อนที่มันจะพูดอะไร เสียงสดใสของพี่สาวเชนก็ดังขึ้นก่อน

“ข้าวกะเพราะได้แล้วจ๊ะ”

ผมรีบเบี่ยงตัวหลบปล่อยเจ้าของร้านวางจานข้าวกะเพราะพร้อมน้ำเปล่าขวดหนึ่ง บ่นกระปอดกระแปดใส่น้องชายที่ไม่ยอมเอาน้ำมาให้พาร์ก่อน

“น้องพาร์ไม่ได้มาร้านนี้เดือนกว่าแล้วนี่นะ พี่นึกว่าเราทนคบน้องพี่ไม่ไหวแล้วซะอีก”

“เปล่าครับ พอดีที่บ้านมีเรื่องยุ่งนิดหน่อย ผมเลยต้องไปค้างบ้านเพื่อนพ่อสักพัก”

“อ้อจ๊ะ ถ้าน้องพี่ทำตัวไม่ดีมาฟ้องกันได้ทุกเมื่อนะ เดี๋ยวเจ๊จับมันอบรมเอง!”

พวกผมยิ้มแห้งๆ ให้เจ้าของร้าน ปล่อยเธอไปทำหน้าที่ต่อ ผมมองพาร์ดึงจานข้าวร้อนๆ มาตรงหน้า ตักกินไม่สนใจมองผมด้วยซ้ำ เห็นแล้วก็ขัดจังหวะไม่ลง เลยเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามพาร์แทน ทิ้งระยะห่างสักหน่อย เผื่อมันเกิดบ้าอะไรขึ้นมาอีก ผมจะได้หลบทัน

“…ผู้ปกครองกูให้มึงอดข้าวเหรอ?”

ผมเอ่ยถามอย่างอดไม่อยู่ หลังเท้าคางมองเห็นพาร์โส้ยข้าวใส่ปากไม่หยุด ดูยังไงก็คนกำลังหิวโซชัดๆ 

คนเคี้ยวข้าวส่ายหน้าปฏิเสธ กลืนอาหารลงคอได้ก็พูดอธิบาย “แค่กินน้อยไปหน่อย” 

“น้อย?”

“กูกินข้าวเช้ากับเที่ยงไม่ค่อยลง ตอนนี้เลยหิวมาก”

…โดนแกล้งมาหรือเปล่าเนี่ย

“มึงมีเรื่องจะคุยกับกูไม่ใช่เหรอ?”

“ใช่” ผมมองไปรอบร้านแล้วตัดสินใจ “คุยกันตรงนี้ก็ได้ จะฟังเลย? หรือรอกินเสร็จก่อนดี?”

“รอฟังอยู่”

ผมชูสามนิ้วให้คนตักข้าวใส่ปากเห็น “อย่ารุก อย่าเร่ง อย่ากดดัน”

“ฮะ?”

“เงื่อนไขของกู” 

พาร์ขมวดคิ้วใส่ทันที แถมยังมองมาด้วยแววตาสื่อชัดว่า ‘ช่วยสงสารกันหน่อยได้ไหม’ ผมเม้มปาก รู้สึกเหมือนเป็นตัวร้ายชอบกล

คนกลืนข้าวลงคอแล้วเอ่ยถาม “ทำไม?”

“เพราะมันเร็วไป”

“ตรงไหน?”

“เราเจอหน้ากันนานแค่ไหนแล้ว” ผมถามไป และไม่รอคำตอบ “หนึ่งเดือน สั้นแค่นั้นเอง”

“แต่เรื่องของเรายาวนานกว่านั้น”

“มันก็ใช่ แต่…”

พาร์พ่นลมหายใจเบาๆ “ถ้ากูพูดท้วง เดี๋ยวมึงคงหาข้ออ้างไปเรื่อย บอกความต้องการมาเลยดีกว่า ไม่เอาเงื่อนไขมึงนะ กูทำไม่ได้”

ผมทำหน้าเครียดทันที ก่อนพูดโน้มน้าวต่อ “กูไม่อยากเร่งรีบเรื่องของเรา”

พาร์ตักข้าวใส่ปากมองตรงมา ผมเลยพูดต่อ

“คนมันไม่พร้อมน่ะ เข้าใจไหม”

“…ยังไง?”

“ถ้าให้ยกตัวอย่างก็เช่น สภาพจิตใจของกูนี่ไง มึงพึ่งเจอกับตัวไปสดๆ ร้อนๆ นี่”

“เรื่องในห้องอาบน้ำ?”

“เออ!”

พาร์วางช้อนลง เคาะนิ้วกับโต๊ะ “กูจำได้ว่ามึงเปลี่ยนแฟนบ่อย เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง มึงเลยไม่มีอาการหรือเปล่า?”

“ไม่รู้ กูไม่เคยจูบกับแฟนเก่า อย่างมากก็แค่จับมือ”

“หือ? ไม่เคย?”

“ที่จริงแค่คนจูบกัน กูก็เบือนหน้าหนีแล้ว มัน…มันขยะแขยงน่ะ มึงคงไม่เข้าใจหรอก”

“…แล้วเรื่องบนเตียง?”

“ไม่มี” พูดถึงตรงนี้ก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ถึงกูจะโตมาแบบมีความสุขดี แต่ตอนเล็กๆ หลังรู้ว่าลุงนิกไม่ใช่พ่อแท้ๆ กูก็เสียศูนย์เหมือนกัน ยิ่งรู้ว่าไม่เคยเจอพ่อแม่แท้ๆ เลย กูก็ยิ่งเศร้า แต่เพราะก่อนสามขวบแรกกูไปๆ มาๆ ระหว่างไทยกับญี่ปุ่น…”

“เดี๋ยว มึงเคยไปอยู่ญี่ปุ่นมา?”

“หลังกูหกเดือน ลุงนิกก็พาไปญี่ปุ่น อยู่ที่นั่นจนขวบกว่าถึงพากลับไทยมาให้ปู่ย่าเห็นหน้า”

“ไปอยู่กับทากะซัง?”

“อือ”

“แล้วที่ไปๆ มาๆ?”

“ก็หลังจากขวบกว่า กูก็อยู่ไทยบ้าง ไปญี่ปุ่นบ้าง แต่ช่วงเวลาอยู่ในญี่ปุ่นเยอะกว่า สมัยเล็กๆ กูเลยพูดญี่ปุ่นได้ แต่ไทยแทบไม่ได้ ช่วงจะเข้าอนุบาล ลุงนิกกับพวกปู่ถกเถียงกันจะเป็นจะตายว่าให้กูเรียนที่ไหนดี สุดท้ายกูก็ได้เข้าอนุบาลที่ไทย พอไม่ได้ใช้ภาษาญี่ปุ่นนานๆ กูเลยลืมไปตั้งเยอะ ตอนนี้จำคำศัพท์ได้แค่นิดหน่อยเอง”

“งั้นพ่อแม่มึงล่ะ?”

“กูได้เจอหลังเข้าอนุบาลสักพัก มาเข้าเรื่องก่อน ที่กูไม่มีเรื่องบนเตียงก็ด้วยสาเหตุนี่แหละ ถ้าพลาด คนที่แย่สุดคือเด็กกำลังจะเกิดมาต่างหาก ถ้าโชคดีแบบกูก็ดีไป แต่ถ้าไม่ล่ะ พอคิดแบบนี้กูก็ยิ่งหลีกเลี่ยง…” พูดถึงตรงนี้ผมก็นึกบางอย่างออก “อ้อ เพราะแบบนี้ล่ะมั้ง แฟนเก่าคนล่าสุดถึงบอกว่ากูเด็กเกินไป”

“นั่นคือกรณีผู้หญิง แล้วกรณีกูล่ะ?”

“กรณีผู้ชายอย่างมึงแย่กว่าอีก นอกจากความหลังฝังใจตอนแปดขวบแล้ว ยังมีเรื่องตอนกูอายุสิบเอ็ด…คุณย่าจับได้ว่าลุงนิกมีแฟนเป็นผู้ชายครั้งแรก อย่างกะฟ้าถล่ม บ้านจะพัง โคตรน่ากลัว”

พูดถึงแล้วผมก็ยังสยองไม่หาย น้ำเสียงก็เลยสั่นๆ

“ไม่รู้ตอนนี้คุณย่ายอมรับทากะซังได้หรือยังด้วยซ้ำ ที่ลุงนิกไปต่างประเทศก็เหตุนี้เหมือนกัน…สรุปคือถ้าจะคบกับมึงคงมีปัญหาสารพัด ขนาดผู้ปกครองทั้งสองของกูเกือบจะเลิกกันตั้งหลายหน ถ้าไม่รักกันจริง ไปไม่รอดหรอก”

“หมายความว่าถ้ากูกับมึงไม่ถึงขั้นรักกัน มึงจะไม่ยอมคบกูเป็นแฟน?”

“…มั้ง”

“เกินไป” พาร์พูดขัดด้วยแววตาไม่เห็นด้วย “กูคิดว่าคบกันไปแล้ว จากชอบเดี๋ยวกลายเป็นรักเองนั่นแหละ”

“แต่อย่างน้อยก็ควรรู้ใจตัวเองในระดับหนึ่ง ถ้ายังคลุมเครือคบไปก็เจ็บเปล่าๆ”

“มึงกลัวเกินไปแล้ว”

“แปลกตรงไหน ตัวอย่างก็มีให้เห็น แค่มีมือที่สามเข้ามาก็ไปกันไม่รอดแล้ว” ผมนิ่วหน้าพูดสั่งสอนอีกฝ่าย “มึงน่ะรีบร้อนเกินไป ถ้ายังเป็นแบบนี้บางทีกูคงเผ่นหนีจริงๆ จะเอาแบบนั้นไหมล่ะ?”

“คิดเหรอว่ากูจะปล่อยให้หนีง่ายๆ”

“ไม่ แต่ถ้ากูมีแฟนใหม่ มึงจะทำยังไง เป็นมือที่สามเหรอ?”

พาร์เงียบครับ แต่แววตาสั่นไหวรุนแรง ผมเลยถอนหายใจ

“ขอร้อง ถ้ามึงไล่ต้อนมากๆ กูคงได้ทำร้ายจิตใจมึงแหงๆ”

พาร์สูดลมหายใจเข้าออก “…เงื่อนไขสามข้อของมึงควรมีระยะเวลา”

“หือ?”

“ในเมื่ออยากได้เวลานัก กูก็จะให้มึง ถือว่าเป็นการเตรียมตัวเตรียมใจก็แล้วกัน”

“…นานแค่ไหน?”

คนโดนถามครุ่นคิดครู่ใหญ่ก่อนตอบ “หนึ่งเดือน กูคงทนได้เท่านี้”

ผมทำหน้าเครียดทันที เวลาหนึ่งเดือนจะว่าสั้นก็สั้น ยาวก็ยาว แต่สำหรับผมก็ยังน้อยไปอยู่ดี พาร์พูดต่อโดยไม่รอคำตอบจากผม

“ตลอดหนึ่งเดือน กูจะไม่รุก ไม่เร่ง ไม่กดดัน ตามที่มึงต้องการ แต่จะขออยู่ข้างๆ…ได้ไหม?”

เล่นทำหน้าหมาหงอยใส่ ผมจะตอบอย่างอื่นได้ไง “…ได้”

พาร์พยักหน้า “ที มึงสำคัญกับกูนะ”

คิดไปเองหรือเปล่าว่าน้ำเสียงมันโคตรอ่อนโยน

“แต่ในเมื่อมึงกล้ายื่นเงื่อนไขมา กูก็จะใช้วิธีเดียวกันในการแลกเปลี่ยน ช่วยฟังเงื่อนไขหลังครบหนึ่งเดือนของกูด้วย”

ขอโทษครับ โยนความคิดเมื่อกี้ทิ้งไปเถอะ เสียงอย่างเข้ม ฟังชัดถนัดหูขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ผมละเมอไปเองชัดๆ

“ถ้ามึงไม่ตกลง เงื่อนไขก่อนหน้านี้ก็ยกเลิกไป”

“พูดเงื่อนไขของมึงมาก่อนสิ”

“มึงมีสามเงื่อนไข กูก็มีสาม เงื่อนไขแรก กำไลวงที่กูสั่งทำ หลังได้มามึงห้ามถอดออกจากข้อมือเด็ดขาด”

ผมนั่งอึ้ง นึกไม่ถึงว่ามันจะยื่นเงื่อนไขแบบนี้

“ตอนอาบน้ำก็ถอดไม่ได้?”

“ถ้ามันยังไม่พังก็ไม่ต้องถอด”

…เอ่อ จะให้บรรยายความรู้สึกผมตอนนี้ยังไงดี ‘หมั้น?’ ไม่ไหวๆ ‘ผูกมัด?’ ก็เกินไปหน่อย ‘จองตัว?’ ผมเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนผงกหัวให้กับตัวเอง คำนี้เหมาะสมที่สุดแล้วครับ ก็ถึงว่าทำไมมันดูจริงจังกับการเลือกกำไลคู่รักนัก แถมยังยอมเสียตังค์ติดอัญมณีเพิ่มอีกต่างหาก ผมยกมือกุบขมับหลังรับรู้ความหมายแอบแฝง

เดี๋ยวก่อน รีบยกมือลงหันไปถามเจ้าคนจ่ายเงิน “อย่าบอกนะว่ามึงจ่ายค่ากำไลเองทั้งหมด?”

“ถ้าไม่ติดว่าเป็นกำไลคณะ กูก็ว่าจะจ่ายเองอยู่…ทำหน้าเหมือนจะไม่รับเลยนะมึง”

ผมรีบปรับสีหน้าใหม่ทันที พาร์หรี่ตาลง เพ่งมองจนผมเหงื่อตก 

“มึงปฏิเสธไม่ได้หรอก” พาร์ยกยิ้มเหนือกว่าให้ “จริงไหมคุณสะใภ้คณะ”

“มึง…มัน…” ผมนึกหาคำมาด่าไม่ถูก ยิ่งเห็นแววตาพราวระยับของพาร์ยิ่งหงุดหงิด

ไอ้คนเจ้าเล่ห์!

นี่ผมเสียรู้โดนคนสวมหนังลูกหมาน้อยหลอกมานานแค่ไหนแล้ววะเนี่ย

“เงื่อนไขที่สอง…หลังมึงสวมกำไลแล้ว กูจะเริ่มจีบมึงอย่างจริงจัง”

“จีบเรอะ!”

พาร์พยักหน้า ไม่สนใจสีหน้าตื่นตระหนกของผม “และเงื่อนไขที่สาม มึงไม่มีสิทธิ์หนีกูแบบครั้งนี้อีก ต่อให้เขินจนตายก็ห้ามหนีเด็ดขาด”

“ฮะ!” ผมอ้าปากค้าง

“นี่คือสามเงื่อนไขของกู”

“มึงโกงกูนี่หว่า” ผมแย้งทันที “เงื่อนไขมึงยาวกว่าของกูตั้งเยอะ!”

“ก็ใช่ แล้วไง ในเมื่อมึงมีเงื่อนไขสามข้อคือ ห้ามรุก ห้ามจีบ ห้ามกดดัน ถูกไหม?”

“ไอ้…ไอ้…” ผมข่มอารมณ์ทั้งทีอยากด่ามันเจ็บๆ แสบๆ “แล้วนับรวมเป็นเงื่อนไขเดียวไม่ได้หรือไง”

“รุกหรือรุก จีบก็คือจีบ กดดันก็อีกเรื่อง”

สุดจะทน ผมเตะขาใส่มันทางใต้โต๊ะไปเต็มแรง ไอ้คนที่ควรเจ็บหน้าแข็งแค่นิ่วหน้าเล็กน้อย ไม่หลุดเสียงร้องอย่างที่ผมต้องการออกมาสักแอะ จนคนกระทำอย่างผมคันเท้ายิกๆ อยากออกแรงเตะอีกทีเป็นบ้า

“รับปากกูได้ยัง?”

ยังมีหน้ามาทวงคำตอบอีก!

“กูมีคำถาม” พาร์พยักหน้าให้ “…ถ้าแค่ถอยไปตั้งหลักล่ะ?”

“ไม่ได้”

“ถ้าขอเวลานอกล่ะ?”

“ไม่ให้”

ผมยิ้มเครียด “กูตอบได้แต่ ‘รับปาก’ ใช่ไหม”

“ใช่”

ผมทำหน้ายุ่งทันที รู้สึกเสียเปรียบพิลึก ในเมื่อปฏิเสธไม่ได้ก็ต้องหาทางทำให้ตัวเองได้เปรียบบ้าง หลังครุ่นคิดอย่างจริงจังจนเห็นแสงที่ปลายทาง ผมรีบคว้าสิ่งนั้นไว้แล้วคิดต่อยอดไปเรื่อยจนได้แผนการบางอย่างมา คิดจนถี่ถ้วนดีแล้ว ค่อยกระแอมไอเรียกความสนใจจากพาร์ที่รอคำตอบผมอยู่อย่างใจเย็น

“กูยอมรับปากก็ได้ แต่…”

พาร์พ่นลมหายใจ พูดขัด “ขอกูดีใจเกินหนึ่งวิก่อนได้ไหม”

ผมหัวเราะคำบ่นของมัน “เอาน่า ฟังกูก่อน ถ้าคิดจีบเพื่อน มึงต้องยินยอมรับความเสี่ยง”

“…เสี่ยงแบบไหน?”

“สูญเสียที่ยืนในฐานะเพื่อน”

พาร์เลิกคิ้ว “แล้ว?”

“เมื่อเสียพื้นที่เดิมไป มึงถึงสามารถสร้างพื้นที่ใหม่ให้ตัวเองได้ ไหนๆ มึงก็ขอเริ่มต้นจีบกูแล้ว คงไม่ว่าถ้าถึงเวลานั้นกูจะถีบมึงออกจากสถานะเพื่อน”

“…เกินไปไหม”

“ถ้ามึงอยากอยู่ในพื้นที่เพื่อนต่อไปก็ได้” ผมทำหน้าช่วยไม่ได้ใส่ “แต่อย่าทำตัวเป็นมดแดงแฝงพวงมะม่วงแล้วกัน”

พาร์จ้องผมเขม็ง “แค่นี้?”

ผมไม่ตอบ แต่ถามกลับยิ้มๆ “มึงจะได้รถคืนเมื่อไหร่?”

“รถกูที่ให้พ่อยืม?”

“เออ”

“รอรถพ่อซ่อมเสร็จอีกประมาณหนึ่ง…”

พาร์หยุดพูดกะทันหัน หรี่ตามองมา ผมคลี่ยิ้มสู้กลับ แต่ซ่อนรอยยิ้มกริ่มไว้ในใจ

“นี่มึงคงไม่…”

“อย่างที่มึงคิดนั่นแหละ” เว้นจังหวะให้มันหงุดหงิด ก่อนอธิบายต่ออย่างมีความสุข “อีกหนึ่งเดือนหลังได้รถคืน มึงต้องกลับไปนอนบ้านตัวเองอยู่ดี ถือเป็นจุดสิ้นสุดและจุดเริ่มต้นของเราเลยแล้วกัน แต่กูไม่ใจร้ายขนาดนั้น เลยจะให้เวลาหนึ่งอาทิตย์เริ่มจากวันที่มึงกลับไปนอนบ้าน ลองกลับไปคิดทบทวนอีกทีว่าจะเอายังไงต่อ”

“แค่นี้ใช่ไหม”

“กูยังพูดไม่จบ” ผมมองหน้าพาร์ยิ้มๆ “ช่วงหนึ่งอาทิตย์ที่ว่า จะไม่มีการติดต่อหรือเจอหน้ากัน…”   

“ที!”

“ฟังให้จบก่อน” ผมพูดดุ รีบอธิบายต่อก่อนใครบางคนทนไม่ไหว “ลองหายไปจากชีวิตของกันและกันสักอาทิตย์ จะได้ทบทวนความรู้สึกตัวเองได้ดีขึ้น หลังครบหนึ่งอาทิตย์ มึงจะเลือกทางไหนก็เรื่องของมึง จะเป็นเพื่อนกันต่อ หรือจะจีบกูก็ได้ทั้งนั้น”

“มึงห้ามหนีตามเงื่อนไขกู”

ผมนิ่งไปนิด ก่อนพยักหน้า “ได้ ตามเงื่อนไขมึง”

พาร์มีสีหน้าดีขึ้น “หมดแค่นี้ใช่ไหม”

“แค่นี้แหละ แต่…”

“กูเกลียดคำว่า ‘แต่’ ของมึง”

ผมขำ “กูแค่จะเตือนส่งท้ายเฉยๆ ถ้ามึงไม่อยากฟังก็ไม่เป็นไร”

“ฟังอยู่”

ผมกลั้นหัวเราะเต็มที่ แต่เสียงพูดก็ยังสั่นอยู่ดี “เวลาจะจีบใคร อย่าลืมเข้าหาอย่างเหมาะสม เพราะถ้าพลาดคะแนนที่ควรทำได้ นอกจากไม่มีแล้ว อาจติดลบอีกต่างหาก กูเตือนแค่นี้แหละ หวังว่ามึงจะเข้าใจ”

“มึงมันแสบ!”

ผมลอยหน้าลอยตาตอบรับ “ขอบคุณที่ชม” 

“รอกูตรงนี้เดี๋ยว!”

ผมมองพาร์ลุกพรวดท่าทางหัวเสียสุดๆ อย่างอารมณ์ดี จะไม่ให้อารมณ์ดีได้ไงในเมื่อผมเป็นฝ่ายพลิกกระดานกลับมาได้เปรียบอีกครั้ง

“เอ่อที…”

ผมที่ยังมีรอยยิ้มเต็มหน้าหันไปมองไอ้ยำ มันทำหน้าชั่งใจ หย่อยก้นนั่งเก้าอี้ข้างผม พร้อมถาม

“มึงอยากไปหาหมอไหม กูพาไปได้นะ”

“ไปหาทำไม”

“ก็มึงท่าจะบ้า!”

ผมโบกหัวคนพูดไปหนึ่งที “กูปกติดีโว้ย แล้วเชนล่ะ?”

คนเจ็บลูบหัวปรอยๆ แววตาจ้องจับผิดไม่เลิก แถมยังสื่ออีกว่าแล้วเมื่อกี้หมาตัวไหนไปตะโกนในห้องน้ำ อยากบอกเหลือเกิน ลืมๆ มันไปเหอะ

“โดนพาร์ลากออกไปเมื่อกี้ เห็นถามหาร้านคอมอะไรสักอย่าง”

ร้านคอม? 

ในใจนึกสงสัย แต่ปากกลับพูดแซวอีกเรื่อง “อ้อ มึงเลยกลับมานั่งกับกู…ว่าแต่ไปคุยกับเชนสองต่อสองในห้องน้ำแบบนั้น มึงไม่กลัวโดนพี่ภูฆ่าเอาเรอะ”

“ฮะ? มันจะฆ่ากูทำไม?”

“หึงโหดไง” ผมขำ

ยำหัวเราะทันที “มันเนี่ยนะจะหึงกู ไม่มีทาง”

ผมชะงักกึก รู้สึกเหมือนเดจาวู พอนึกย้อนกลับไปก็เหงื่อตก อ่า ผมชักเข้าใจอะไรบางอย่างแล้วสิ เพราะตอนนี้รู้สึกสงสารพี่ภูตงิดๆ และแอบสงสารพาร์ก่อนหน้านี้ด้วย…คนไม่รู้ไม่ผิดนะมึง

“แล้วพวกมึงคุยอะไรกันตั้งนาน จริงจังจนพวกกูไม่กล้าเข้ามาขัดจังหวะ ได้แต่ยืนมองอยู่ห่างๆ”

“อ้อ ก็แค่ข้อตกลงร่วมกันในอนาคต”

กึก!

ยำปล่อยขวดน้ำในมือหล่นบนโต๊ะกลิ้งมาทางผม มาได้จังหวะ รีบคว้าไว้สิครับกำลังคอแห้งพอดี เปิดฝายกดื่ม ไม่สนใจสีหน้าเพื่อนที่กำลังตื่นตะลึง

“มะ…มึง”

“หือ?”

“มึงทำกูพูดไม่ออกเลยวะ”

“ฮะ?”

ยังไม่ทันได้ถาม ข้าวกะเพราะหมูไข่ดาวของพาร์ก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะพอดี กลิ่นหอมยั่วยวนใจมาก

“ของใคร?”

“ของกู”

ผมรีบหันไปสั่งอีกจาน ดึงจานข้าวมาไว้ตรงหน้า “รอจานใหม่แล้วกันนะ จานนี้กูขอ”

“ตะกละวะ!”

ผมทำหูทวนลม ตักข้าวใส่ปากอย่างมีความสุข อร่อยอย่างที่คิดเลยครับ กว่าพาร์จะกลับมาข้าวกะเพราะก็ลงไปอยู่ในท้องผมหมดแล้ว และจานที่พึ่งสั่งใหม่กำลังมาเสิร์ฟพอดี

“เซ็นชื่อซะ”

พาร์พูดเสียงเย็น ยื่นกระดาษสีขาวขนาด A4 มาให้พร้อมปากกา…ไม่สนใจสีหน้างงงวยของผมเลย

“อะไร?”

“อ่านดูเอาเอง”

พูดจบมันก็จับมือผมวางกระดาษสองใบให้ แล้วหันไปสนใจข้าวกะเพราะที่กินค้างไว้

…พึ่งปรินต์ออกมาล่ะมั้ง กระดาษยังอุ่นอยู่เลย หมุนกระดาษให้กลับมาอยู่ในแนวอ่านง่าย เลื่อนสายตาดูอักษรแถวบนสุด อยู่กึ่งกลางหน้ากระดาษพอดี   

‘บันทึกข้อตกลง’

บรรทัดต่อมามีระบุชื่อจริงของผมกับพาร์ในฐานะผู้ทำข้อตกลงร่วมกัน ถัดมาเป็นรายละเอียดที่พวกผมคุยกันเมื่อกี้ครบทุกประเด็น แต่แบ่งเป็นข้อๆ สรุปรวบรัดให้เข้าใจง่าย สุดท้ายเป็นส่วนให้ลงชื่อสี่คน ผู้ทำข้อตกลงสองคน และพยานอีกสองคน

ผมละสายตาจากเอกสาร มองพาร์ที่เคี้ยวข้าวแก้มตุ่ย แววตามองมาเหมือนรอให้ผมถาม

วิธีการแก้เผ็ดสมเป็นพาร์จริงๆ ถึงผมไม่ได้เรียนกฎหมายเหมือนมัน แต่เคยเห็นเอกสารบันทึกข้อตกลง MOU (Memorandum) นะครับ (จากพวกเอกสารที่คุณปู่กับลุงนิกขนกลับมาอ่านที่บ้าน) ตอนเด็กเคยถามเหมือนกันแต่ดันจำคำตอบได้แค่นิดหน่อย ที่จำได้แม่นก็เรื่องเอาไปฟ้องได้ถ้าอีกฝ่ายไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงหรือไงนี่แหละ ในเมื่ออยากให้ถามนัก ผมถามก็ได้

“ถึงขั้นต้องทำสัญญากันเลยเหรอ?”

สีหน้าพาร์เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เพราะเคี้ยวข้าวอยู่เต็มปาก เลยสะกิดเชนที่นั่งข้างๆ ให้ช่วยพูดแทน

“ไม่ใช่สัญญา มันไม่มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายโดยตรง ถ้าให้อธิบายง่ายๆ คือดีกว่าสัญญาปากเปล่า เพราะอย่างน้อยก็มีลายลักษณ์อักษรเก็บไว้เป็นหลักฐาน”

ผมมองพาร์อีกครั้ง ถามเสียงเศร้า “…ไม่เชื่อคำพูดกูเหรอ?”

“ไม่ใช่!”

คราวนี้พาร์ที่รีบกลืนข้าวลงคอว่า ออกอาการลุกลี้ลุกลนให้ผมแอบยิ้มในใจ

“มันก็แค่บันทึกช่วยเตือนความจำ เผื่อเกิดฝ่ายไหนลืมหรือจำผิดพลาดขึ้นมาจะได้เอามาโต้แย้งกันได้…อย่าคิดมาก” ท้ายเสียงอ่อนลงสุดๆ “กูยอมรับก็ได้ว่าไปทำเจ้านั่นมา เพราะหมั่นไส้มึงล้วนๆ”

ก็แค่นั่น

“ก่อนเซ็นชื่อ กูมีคำถาม”

“ถามมาสิ”

“ถามไปมึงจะตอบไหม?”

“ลองถามมาก่อน”

“มึง…ตัดสินใจแน่แล้ว?”

“เรื่องอะไร?”

“เรื่องของกู”

“นี่กูยังแสดงออกไม่ชัดเจนพออีกเรอะ!”

อยากบอกพอแล้วชะมัด แต่อีกใจก็อยากรู้ให้แน่ชัดไปเลย “ก็กูสงสัยว่ามึงยังเหลือความลังเลอยู่หรือเปล่า”

“เอ่อ…ขอพวกกูหลบไปก่อนได้ไหม?” เชนพูดแทรกกะทันหัน “ถ้าอยากได้ตัวพยานเมื่อไหร่ ค่อยกวักมือเรียกแล้วกัน”

เชนรีบลุกขึ้นดึงแขนยำให้รีบหลบออกมา พ้นคนนอก พาร์ก็รีบยิงคำถามใส่

“หมายถึงลังเลเรื่องไหน?”

“กูเป็นผู้ชาย”

“รู้แล้ว” พาร์ทำหน้ายุ่ง “เอางี้ ยื่นหูมานี่เดี๋ยวกูจะพูดอะไรให้ฟัง …ไม่ต้องมองอย่างนั้น กระซิบก็คือกระซิบ ไม่หลอกหอมแก้มหรอกน่า”

ผมลังเลชั่วครู่หนึ่งก็ยอมโน้มหน้าไปหา ปล่อยพาร์ขยับมากระซิบข้างหู

“ตั้งแต่กูเก็บมึงที่เป็นผู้ชายไปฝันเปียก ความลังเลก็หายไปเยอะแล้ว”

ผมรีบผละออกห่าง มองมันหน้าตื่น “พูดจริง?”

“เรื่องแบบนี้โกหกได้ด้วย?”

“ตะ…ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“มึงน่าจะรู้”

ผมย่นคิ้ว หวนนึกย้อนอดีตไปเรื่อย จนมาสะดุดช่วงที่เคยคุยกันบนรถ “ทะ ที่มึงบอกว่าลุกไปเปิดคอมหาข้อมูล แล้วกูเดาว่ามึงหาข้อมูลเรื่องบนเตียง…กูเดาถูก?”

แววตาพาร์บอกชัดเจนว่าใช่ “รู้ไหมทำไมกูต้องหา”

“จะไปรู้เรอะ!”

“เพราะตัวกูในฝันดันถามมึงในช่วงกำลังเข้าเข็มเข้าด้ายว่าต้องทำยังไงต่อ มึงเลยโมโหยันเท้าใส่เต็มท้อง กูเลยพลัดตกเตียงตื่น”

ทะแม่งๆ นะครับ นี่มันคงไม่…

ผมรีบยกมือขอเวลานอก “กูขอถามอะไรหน่อย สมมุติว่าถ้าเราคบกัน มึงจะอยู่ฝ่ายไหน?”

“ฝ่ายอะไร?”

ผมลดเสียงลง “รุกหรือรับ”

“รุกอยู่แล้ว” ผมอ้าปากจะพูดบางอย่าง แต่ดันโดนพาร์พูดขัดได้เจ็บแสบมาก “และกูมีปัญญาจับมึงทำเมีย”

ไอ้บ้านี่!

ผมยังจำคำพูดที่เคยหลุดปากบอกเล่นๆ ออกไปได้ และไอ้คนฟังก็พึ่งพูดย้อนกรีดแทงกันได้เลือดซิบๆ สุดท้ายก็ทำได้แค่กัดฟันกรอด หลังสูดหายใจเข้าออกระงับอารมณ์พลุ่งพล่านค่อยเอ่ยถามด้วยความข้องใจสุดๆ

“กูขอถามหน่อย วันนี้มึงไปโดนใครกล่อมประสาทมาหรือเปล่า?”

“…ทำไมถามแบบนี้?”

“เพราะพฤติกรรมมึงเปลี่ยนไปจนกูตั้งรับไม่ทันน่ะสิ!”

“อ้อ…ไม่มีหรอก”

“แต่กูว่ามี หรือผู้ปกครองสองคนของกูสอนอะไรมึงมา”

พาร์หัวเราะทันที “ถ้าอยากรู้ กูเล่าให้ฟังก็ได้…แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกันหน่อย”

ผมหรี่ตามองพาร์ “…จะเอาอะไร?”

“ตอนนี้นึกไม่ออก ติดไว้ก่อนแล้วกัน”

ผมชั่งใจสักพักก็ยอมพยักหน้า “แต่คำขอของมึงต้องอยู่ในขอบเขตที่กูยอมให้ได้”

“ได้”

“งั้นก็เล่ามาได้แล้ว”

“หลังมึงหายไปเกือบชั่วโมง ลุงนิกก็มาชวนไปนั่งรถเล่น ทากะซังตอบตกลง แล้วลากกูออกไปด้วยกัน อ้างเหตุผลว่ากูรู้จักทางดีกว่าคนพึ่งกลับมาอย่างลุงนิก แถมช่วงหลังๆ ทากะซังก็ไม่ค่อยได้อยู่ไทย กูเลยได้ขึ้นไปนั่งเป็นตุ๊กตาประดับที่เบาะหลัง”

“นั่งรถเล่นเนี่ยนะ?”

ผมทวนอย่างไม่เชื่อ ก็ลุงผมชอบอยู่บ้านอ้อนเมีย…อะแฮ่ม ผมหมายถึงชอบอยู่บ้านสบายๆ มากกว่า

“อือ แต่เป้าหมายแท้จริงคือการออกไปตามหามึง”

ความรู้สึกผิดเริ่มมาเยือนหลังรับรู้ว่าทำให้ผู้ปกครองทั้งสองเป็นห่วง เหลือบมองพาร์ นึกถึงตอนโดนดึงแก้มก็ถอนหายใจ มันคงทั้งโกรธทั้งเป็นห่วงเหมือนกัน 

“กูเลยได้รู้อะไรดีๆ มาเพียบ”

หือ?

“อย่างเช่น สถานที่ชอบไปของใครบางคน ของที่ชอบมาก ของที่กลัว หรือแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ถ้าไม่ใช่คนเลี้ยงมากับมือก็คงไม่รู้ แล้วยังมีฉากสวีทหวานให้กูเห็นเป็นระยะอีก สองคนนั้นไม่แคร์สายตาคนรอบข้าง แรกๆ กูแทบอยากจะมุดหน้าซุกพื้นหนี แต่เวลาผ่านไปกูก็เขินน้อยลงเรื่อยๆ จนช่วงหลังกูมองพวกเขาสวีทกันได้ด้วยซ้ำ”

ฟังถึงตรงนี้ผมก็ยกมือกุมขมับ นี่เอง ที่มาความหน้าทนเหมือนโบกด้วยซีเมนต์ของพาร์ในวันนี้ 

“แถมสองคนนั้นยังชอบหลุดพูดเรื่องอดีตของตัวเองทั้งสมัยที่เริ่มจีบใหม่ เริ่มคบ หรือช่วงทะเลาะกันให้ฟังอีกต่างหาก”

แล้วทำไมไม่ค่อยหลุดให้ผมฟังเยอะๆ บ้างเล่า!

“วันนี้กูเลยได้ข้อคิดมาหลายอย่าง…มิน่า เขาถึงว่าเรื่องจากอดีตคือการเรียนรู้อย่างหนึ่ง” พาร์ยิ้มให้ผม “กูชอบนะ เวลาอยู่กับผู้ปกครองมึงเหมือนได้เปิดหูเปิดตาดี”

มองรอยยิ้มกริ่ม แววตาพราวระยับไม่น่าไว้ใจ ผมก็รู้ตัวทันที…พลาดแล้วครับ อย่างแรงด้วย ไม่น่าปล่อยพาร์ไว้กับผู้ปกครองผมเลย แค่วันเดียวถึงกับทำให้หมาน้อยเติบใหญ่ได้ขนาดนี้ แล้ววันที่เหลือจะไม่ยิ่งกว่านี้เรอะ

ยิ่งคิดผมก็ยิ่งเหงื่อตก   

“อีกอย่างกูว่าจะเลิกลังเล กังวล หรือสับสนเกินเหตุแล้ว ในเมื่อความสุขอยู่ตรงหน้า ถ้าไม่คว้าไว้ในช่วงที่คว้าได้ แล้วปล่อยผ่านไป คนเสียใจที่สุดก็คือตัวเราเอง” พาร์เว้นจังหวะแล้วเอ่ยถาม “มึงว่าจริงไหม?”

ผมคิดตาม แล้วพยักหน้ายอมรับ “…จริง”

“งั้นก็เซ็นชื่อได้แล้ว”

“เออๆ แต่ขออ่านทวนอีกรอบก่อน”

ผมกวาดตาไล่อ่านใหม่อีกรอบ ตรวจดูทั้งสองแผ่นว่ามีตรงไหนผิดพลาดหรือเปล่า หูก็ได้ยินเสียงเชนที่พึ่งเดินกลับมาบ่นยางคาง “ไหน จะให้ช่วยเซ็นอะไร ส่งมาเลย”

“รอพวกกูเซ็นชื่อก่อน”

เสียงลากเก้าอี้สองตัวดังขึ้นใกล้ๆ เงียบกันสักพักก็ได้ยินเสียงเชนอีก

“กูว่าในอนาคตคงมีบันทึกข้อตกลงฉบับที่สอง สาม สี่ออกมาอีกแหงๆ ไฟต์กันแบบแปลกๆ นะพวกมึง”

เหอะๆ

ผมดูเอกสารจนแน่ใจค่อยจรดปากกาเซ็นชื่อลงไปในฐานะผู้ทำข้อตกลง แล้วส่งให้พาร์เซ็นชื่อต่อ มีพยานคือเชนกับยำด้วยสามเหตุผล ใกล้ตัวที่สุด แถมฝ่ายหนึ่งเพื่อนของผม อีกฝ่ายก็เพื่อนของพาร์ และอยู่ในเหตุการณ์ลงชื่อของพวกผมพอดี

หลังมีลายเซ็นครบถ้วนเรียบร้อย ผมก็ได้กลับคืนมาใบหนึ่ง มองกระดาษแผ่นนั้นด้วยแววตาปลงตก…อยากรู้จริงๆ มีใครโดนเล่นงานด้วยวิธีนี้เหมือนผมบ้าง คิดส่วนคิด มือก็พับกระดาษเก็บใส่กระเป๋าตังค์เรียบร้อย

ไว้กลับบ้านค่อยหาที่เก็บใหม่แล้วกัน

พอเงยหน้าขึ้นมาก็เจอรอยยิ้มจากพาร์ก่อน พอเบือนหน้าหลบก็เจอยำกำลังจ้องมาด้วยแววตาแปลกๆ

“อะไร?”

“มึงทำกูทั้งอึ้งทั้งทึ่งได้ทุกครั้งเลยวะ กูเลยว่าจะเอาอย่างมึง”

“หมายความว่าไง?”

“ก่อนขึ้นไปหาพี่ภู เราแวะร้านคอมกันก่อนเถอะ กูอยากไปทำเอกสารเหมือนของพวกมึง”

############

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
Re: - ชลนที - [บทที่32] P.11 (10/12/2016)
«ตอบ #311 เมื่อ10-12-2016 18:31:59 »

5555555

ออฟไลน์ dilokrittisak

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - ชลนที - [บทที่32] P.11 (10/12/2016)
«ตอบ #312 เมื่อ10-12-2016 19:07:27 »

ทำไมมันจริงจังกันจังวะ

อ่านแล้วแบบ 55555555555
ชีวิตจริงจะมีคนแบบนี้มั้ยเนี่ย :hao5:

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
Re: - ชลนที - [บทที่32] P.11 (10/12/2016)
«ตอบ #313 เมื่อ10-12-2016 19:40:33 »

พาร์เอาจริงๆมากๆแล้วนะ ทีหนีไม่รอดแน่ๆ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: - ชลนที - [บทที่32] P.11 (10/12/2016)
«ตอบ #314 เมื่อ10-12-2016 19:58:23 »

ทำให้ยำได้ลู่ทาง 55555

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: - ชลนที - [บทที่32] P.11 (10/12/2016)
«ตอบ #315 เมื่อ10-12-2016 20:27:17 »

พาร์ ที ผลัดกันได้เปรียบ เสียเปรียบ :katai2-1:
พระเจ้า ทีนี่ช่างหาข้อต่อรองสุดๆ :ling1: :ling1: :ling1:
พาร์ ก็แก้เกมได้สุดๆ เช่นกัน :katai2-1:
จนพยานอย่างยำ ทำตาม กร๊ากกกกก
พี่ภู คงพิศวง งงงวย ยำเปลี้ยนไป๋
พาร์ สุดยอดช่างฝันเปียกได้เป็นเรื่องเป็นราว
โดนที ถีบในฝันจนไปค้นหาวิธีทำ.......ต่อไป ชอบบบบบ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ข้อแม้ ข้อต่อรองเพียบ ที อย่าใจแข็งมากเลย
พาร์ จีบดีๆ นะทีจะได้ใจอ่อน
คนอ่านจะได้ชื่นใจ มีความสุขซะที
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
Re: - ชลนที - [บทที่32] P.11 (10/12/2016)
«ตอบ #316 เมื่อ10-12-2016 20:38:40 »

เรื่องนี้ทำเรายิ้ม ขำได้ตลอด สนุกมาก
รอตอนต่อไปค่า :katai4:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: - ชลนที - [บทที่32] P.11 (10/12/2016)
«ตอบ #317 เมื่อ10-12-2016 22:05:40 »

พาร์ทีจะมีสักครั้งไหมที่จะไม่ต่อรองกันเนี่ย 555555 นี่ถึงกับต้องเซ็นเป็นลายลักษณ์อักษรกันเลยทีเดียว

ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: - ชลนที - [บทที่32] P.11 (10/12/2016)
«ตอบ #318 เมื่อ10-12-2016 22:51:06 »

ขอตกลงระหว่างพาร์ทีคือการนำสิ่งที่ได้ร่ำเรียนมาประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดชัดๆ ยอมใจพวกนางเลย
คนนึงเรียนนิติอีกคนเรียนอีคอน ข้อตกลงที่ได้คือกินกันไม่ลงแถมยังต้องมีพยานรู้เห็นเป็นการเป็นงานสุดๆ ลั่นแรง

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
Re: - ชลนที - [บทที่32] P.11 (10/12/2016)
«ตอบ #319 เมื่อ11-12-2016 00:04:39 »

เต๊าะต่อไปค่ะพาร์

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - ชลนที - [บทที่32] P.11 (10/12/2016)
« ตอบ #319 เมื่อ: 11-12-2016 00:04:39 »





ออฟไลน์ KatzeP

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-1
Re: - ชลนที - [บทที่33] P.11 (15/12/2016)
«ตอบ #320 เมื่อ15-12-2016 13:01:47 »

บทที่ 33

ผมส่ายหน้าไม่เห็นด้วย

“ทำไมล่ะ?”

“มันต้องคุยกันก่อนแล้วค่อยพิมพ์ออกมาสิ ขืนมึงเสนอไป เดี๋ยวก็ได้กลับมาแก้ไขใหม่อยู่ดี”

ยำทำหน้าครุ่นคิด “งั้นถ้ากูทำให้ปฏิเสธไม่ได้ก็พอใช่ไหม”

ผมย่นคิ้วเข้ากัน “แล้วมึงจะเอาอะไรไปเป็นข้อตกลง?”

“เอาน่า กูขอยืมตัวพาร์หน่อยนะ”

พาร์มองผม ก่อนตัดสินใจลุกจากโต๊ะพร้อมยำ สักพักเชนก็หายไปอีกคน เพราะโดนใช้ไปส่งข้าว กว่าพาร์กับยำกลับมาก็เกือบสี่สิบห้านาที เจ้าของกระดาษสองแผ่นทำหน้าระริกระรี้ยื่นของในมือให้ผมดู แต่ไอ้คนเดินตามหลังเข้ามากลับมองผมด้วยสายตาแปลกๆ

“เห็นแล้วมึงจะอึ้ง”

ผมก้มหน้าอ่านด้วยความอยากรู้ บรรทัดหัวข้อขึ้นต้นเหมือนกัน มีชื่อไอ้ยำกับชื่อพี่ภูล่ะมั้ง (พอดีเป็นชื่อจริง) ส่วนใหญ่บรรทัดบนๆ ไม่แตกต่างจากของผมเท่าไหร่ แต่พอไล่สายตามาที่เงื่อนไขก็ชะงัก

“เอ่อ…ยำ มึงอธิบายข้อแรกสิ”

“ก็บอกชัดเจนดีออก ในเมื่อมันอยากให้กูอยู่ด้วย กูก็จะอยู่เฉพาะช่วงเปิดเทอม แต่ทุกช่วงปิดเทอมกูจะเป็นอิสระจากมัน ไม่ต้องเจอหน้า ไม่ต้องติดต่อ ตัดขาดสมบูรณ์!”

“…แล้วไอ้เงื่อนไขย่อย 7 ข้อนี่ล่ะ”

ผมเคาะนิ้วถาม พลางกวาดตาอ่านอีกรอบ

1.1 ช่วงสอบงดกิจกรรมบนเตียงทุกประเภท
1.2 ช่วงเวลาปกติ ถ้ามึงต้องการกูเรื่องอย่างว่า มึงต้องขอก่อน ถ้ากูไม่ให้ก็คือไม่ได้
1.3 ห้ามใช้ลูกเล่นหรือลูกไม้กับกูทุกประเภท
1.4 ถ้าคะแนนสอบกูตกจากเดิม กูจะกลับไปนอนกับเพื่อนเพื่อติวสอบจนกว่าจบช่วงสอบของอีกครั้ง ยกตัวอย่าง ถ้าคะแนนกลางภาคกูร่วงจากเดิม กูจะห่างมึงจนกว่าจบช่วงสอบปลายภาค เช่นเดียวกับช่วงปลายภาค กูจะห่างมึงจนกว่าสอบกลางภาคของอีกเทอมเลย
1.5 กูต้องติดต่อเพื่อนได้ตลอดเวลา ถ้าไม่ได้เพื่อนกูจะบุกมาถล่มมึงถึงที่
1.6 ห้ามขัดใจกู หวังว่าพูดครั้งเดียวมึงจะรู้เรื่อง ทางที่ดีมึงควรเข้าสมาคมคนกลัวเมีย
1.7 ถ้าทำตามเงื่อนไขย่อยไม่ได้ ช่วงปิดเทอมก็บอกลากันได้เลย เพราะกูจะไม่ยอมติดต่อหรือให้มึงเห็นหน้าแน่ๆ

ก็อุตส่าห์เขียนทางออกเผื่อให้ด้วย สรุปมันอยากเจอหน้าพี่ภูตอนปิดเทอมใช่ไหม?

“ก็เดี๋ยวมันหาว่ากูเผด็จการ กูเลยเอาแผนของมึงมาประยุกต์ใช้ แถมถ้ามันยอมทำตาม กูก็ได้ผลประโยชน์เต็มๆ”

“แล้วมึงคิดจะยื่นทั้งแผ่นให้พี่ภูดู?”

“ใช่ ไม่ต้องอธิบายให้เมื่อยปาก ปล่อยมันอ่านเอง”

ผมถอนหายใจทันที “มึงโง่กว่าที่กูคิดวะ”

“อยู่ๆ มาด่ากูทำไม”

“ไม่ให้ด่าได้ไง มึงทำแผนกูพังไม่พอ ดันแบไต๋ให้พี่ภูเห็นชัดขนาดนี้”

ถ้าผมเป็นพี่ภู หลังอ่านข้อแรกจบคงยิ้มขัน ไม่เห็นข้อตกลงพวกนี้อยู่ในสายตาหรอก ในเมื่อไอ้คนพิมพ์เล่นบอกโต้งๆ ว่าอยากอยู่ด้วยขนาดนี้ แล้วดูเนื้อหาดิ สื่อชัดมากว่าอยากให้เอาใจใส่มากกว่านี้หน่อย

ผมนวดขมับ “ฟังกูนะยำ กูว่ามึงเปลี่ยนใจเหอะ”

“ไม่”

“ถ้าเอาไปให้พี่ภูดู มึงจะ…” มองท่าทางภูมิอกภูมิใจของเพื่อนก็ได้แต่พ่นลมหายใจอีกรอบ ยอมเปลี่ยนคำพูด “เอ่อ มึงจะเอาอะไรไปใช้ต่อรอง”

“ทำไมต้องใช้? นี่ไง” นิ้วมันจิ้มใส่ข้อ 2. “บอกอยู่ชัดๆ ว่าครั้งแรกมันไม่มีสิทธิ์โต้แย้งหรือแก้ไขทั้งสิ้น”

เออ กูเห็นแล้ว

“แถมกูป้องกันการแก้ไขข้อตกลงด้วย”

ไอ้ที่ว่าจะแก้ไขหรือเพิ่มเติมต้องทำต่อหน้าพยาน หากพยานคนใดคนหนึ่งไม่เห็นด้วยก็จะแก้ไขไม่ได้ แถมกว่าจะแก้ไขครั้งแรกได้ก็ปาไปสามเดือน…เหอะๆๆ มึงคิดอยู่กับพี่ภูนานขนาดนั้นเลย

ผมมองหน้ายำด้วยความปลงตก ถามเสียงเอื่อยๆ “แล้วที่ต้องเอาฉบับจริงมาด้วยทุกครั้งล่ะ?”

“อ้อ แค่ป้องกันโดนทำลาย กูเลยเติมไปว่าถ้าไม่พกติดตัวมาก็ไม่มีสิทธิ์แก้ไขข้อตกลงเดิม”

ผมเหลือบมองพาร์ สบตากันปุ๊บก็ส่ายหน้าให้ผมทันที…เห็นแค่ตัวอักษรที่พิมพ์มาก็รู้แล้วว่ายำพิมพ์เอง น่าจะถกเถียงกับพาร์นานเลยล่ะ สุดท้ายพาร์คงยอมแพ้ ปล่อยคนดื้อยืมเอกสารข้อตกลงส่วนของมันให้ดูเป็นต้นแบบ ก่อนปล่อยให้พิมพ์ข้อความเอาเอง ผมบอกได้เลยว่า ข้อตกลงฉบับนี้ของยำเหมือนเด็กเขียนเล่นมากกว่า เอาไปใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้หรอก

“…ยังไงมึงก็จะใช้เจ้านี่?” ผมถามอย่างใจเย็น

“เออ”

“ไม่สนใจแผนกูแล้ว?”

“ถ้ามันไม่ได้ผล ค่อยใช้แผนมึง”

ผมส่ายหน้า “ถ้ามึงจะใช้เจ้านี่ แผนกูคงใช้การไม่ได้แล้ว มึงต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง”

ยำขมวดคิ้ว ครุ่นคิดไม่นานก็ชี้กระดาษในมือผม “กูเลือกใช้เจ้านี่”

ผมถอนหายใจ “ตามใจมึง”

พูดพลางคืนกระดาษทั้งสองแผ่นให้เจ้าของ นึกสงสัยในใจว่ามันเป็นพวกมาโซหรือเปล่า ชอบทำให้ตัวเองตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แล้วก็มาบ่นว่าถูกเขารังแก กรณีอย่างยำควรเรียกว่าสมยอมให้พี่ภูรังแกชัดๆ มิน่าพี่ภูถึงได้ไร้ความเกรงใจขนาดนั้น ผมล่ะกลุ้ม

“เอ่อยำ กูมีอีกเรื่องจะบอก”

“ไร?”

“กูให้คำแนะนำแค่ครั้งนี้ ต่อจากนี้กูจะไม่ยุ่งเรื่องมึงกับพี่ภูแล้ว”

ยำทำหน้างง “ทำไมล่ะ”

“มึงโตแล้ว อย่าดึงเพื่อนไปยุ่งเรื่องความรักของมึง”

“แต่พี่ไอ้ภูไม่ใช่…”

“จะรักไม่รักก็เรื่องของมึง” ผมพูดขัด “คนนี้มึงได้มาเพราะความขาดสติของตัวเอง อย่าลืมจำไว้เป็นบทเรียน และมึงควรรู้ได้แล้วว่าเพื่อนยังเป็นคน ไม่ใช่ผู้วิเศษ ช่วยมึงไม่ได้ทุกเรื่องหรอก”

“มึงจะตัดหางปล่อยวัดกู”

“เรียกผลักลูกเสือตกหน้าผาดีกว่า เพราะมึงพึ่งพาพวกกูมาตลอด ถึงเวลาที่มึงจะแก้ปัญหาที่เจอด้วยตัวเองได้แล้ว”

“มึงผิดหวังที่กูไม่ได้เลือกแผนมึงใช่ไหม”

“เปล่าเลย กูดีใจต่างหาก” ผมยิ้มให้มัน “เพราะเป็นก้าวแรกที่มึงเลือกทางเดินด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นทางที่ถูกหรือผิดก็ตาม เมื่อเลือกแล้วก็ห้ามเสียใจหรือถอยหลัง เจออุปสรรคอะไรก็ฝ่าฟันไปซะ แล้วมึงจะเข้มแข็งขึ้น โดยไม่ต้องแสร้งแสดงออกว่าตัวเองเข็มแข็งอย่างทุกวันนี้”

ยำนั่งหน้าหงอยใส่ผมทันที อย่าหวังว่าผมจะใจอ่อน…

“เอางี้ กูจะให้คาถามึงไว้ป้องกันตัวจากพี่ภู”

“คาถา?”

“ใช่ แต่ต้องสัญญาก่อนว่าห้ามเอามาใช้บ่อย และต้องใช้เฉพาะเวลาถึงขีดสุดแบบทนไม่ไหวแล้วเท่านั้น”

“ทำไม?”

“เพราะถ้าเอามาใช้บ่อยจะไม่ศักดิ์สิทธิ์”

“…คาถาอะไร?”

“สัญญามาก่อน”

“สัญญา”

ผมพยักหน้าพอใจ ก่อนเฉลย “คาถาเมิน”

“ฮะ?”

“เมินชนิดว่าเห็นอีกฝ่ายเป็นเพียงอากาศธาตุ พี่ภูทำอะไรมาก็ไม่ต้องไปโต้ตอบ นิ่งเฉยเป็นตอไม้ได้ยิ่งดี”

คนฟังมีปฏิกิริยาต่างกันไปทันที ยำอ้าปากเหวอ ส่วนพาร์หรี่ตามองผมใหญ่

…ไม่ต้องมองจับผิดแบบนั้น ผมไม่เอาวิธีนี้ไปใช้กับพาร์หรอก ขืนทำจริง แล้วเจอมากอดมาอ้อนทำตัวหงอยใส่ ผมคงรู้สึกผิดมากกว่ารู้สึกดี แต่ยำต่างไป เพราะมันนิ่งเฉยไม่เป็น ไม่พอใจก็แสดงออก ชอบใจก็แสดงออก โวยวายเก่งเป็นที่หนึ่ง เกิดจู่ๆ นิ่งเฉยขึ้นมาคงแปลกพิลึก ผมคาดเดาว่าพี่ภูต้องไม่ชอบใจ ยิ่งถ้าวิธีแก้ของตัวเองไม่ได้ผลต้องกระวนกระวายใจแน่ๆ ถือเป็นข้อได้เปรียบข้อมันล่ะนะ

“กูหวังว่ามึงจะเอาคาถานี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเองสูงสุด”

ปล่อยให้ยำซึมซับคำพูดของผมไปคิด ถือโอกาสนี้ไปจ่ายเงินค่าอาหารกับค่าเค้ก (ที่เชนออกให้ก่อนหน้านี้) แล้วค่อยชวนไปหาพี่ภู (ตอนนี้จะสี่ทุ่มอยู่แล้ว) คนที่ไปมีแค่สามคน (เชนขอบาย เพราะต้องอยู่ช่วยงานพี่สาว)

รอลิฟต์คอนโดพี่ภูอยู่ไม่นานก็ได้เข้ามายืนในกล่องสี่เหลี่ยม ปล่อยตัวเลขเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ผมมองทางยำยำ มันยืนเงียบอยู่ข้างแผงตัวเลขในลิฟต์ ไม่ยอมมองมาตั้งแต่ออกจากร้านแล้ว

ผมลอบถอนหายใจ…ช่วยไม่ได้ล่ะนะ 

ทันทีที่ลิฟต์เปิดออก ยำก็จำเท้าเดินออกไปก่อน ก้าวเร็วจนพวกผมต้องรีบเดินตาม

…มันรีบไปหาพี่ภู? หรือกำลังหนีหน้าผม เพราะงอนเนี่ย?

“เชนบอกกูว่ามึงต้องการบอดี้การ์ด?”

ผมหันไปมองพาร์ “ก็ไม่เชิง แค่อยากได้คนเก่งๆ ช่วยระวังให้กูอีกต่อ เผื่อพลาดขึ้นมาจะได้มีคนช่วยทันเฉยๆ”

พาร์พยักหน้ารับรู้ “…ไม่นึกว่ามึงจะสั่งสอนเพื่อนต่อหน้ากู”

“สถานการณ์พาไป”

“เพื่อนมึงคงอายกูแย่”

ผมกระพริบตา “แต่ถ้ากูไม่พูดตอนนั้นคงไม่มีจังหวะได้พูดอีก”

“มึงคิดมากไป”

ผมขมวดคิ้ว “มันดื้อขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่จังหวะที่ควร มันก็ไม่ฟังหรอก ไม่สิ มันฟัง แต่ปล่อยผ่านหูไม่สนใจเก็บไปคิดมากกว่า”

“…เลยจะปล่อยให้พี่ภูอบรมเพื่อนมึง?”

“เรียกว่าสั่งสอนทางอ้อมดีกว่า สำหรับยำเรียนรู้จากภาคปฏิบัติน่าจะเร็วกว่าเรียนจากทฤษฏี มึงก็เห็นว่ามันไม่ใช่คนที่คิดอะไรซับซ้อนเป็น ยังไงก็สู้พี่ภูไม่ไหวหรอก”

“ดูมึงรู้จักพี่ภูดีนะ”

ผมชะงัก “…มึงหึง?”

พาร์ทำหน้าประหลาดใจที่โดนถามแบบนี้ แต่ก็ตอบตามตรง “นิดหน่อย ไปรู้จักกันตอนไหน?”

“เคยปะทะกันทางโทรศัพท์หนหนึ่ง”

“เมื่อไหร่?”

“ตอนไปห้องยำไง มึงกลับมาจากซื้อข้าวยังจ้องกูซะน่ากลัว นั่นนะกูพึ่งวางสายจากพี่ภู”

พาร์ย่นคิ้วครุ่นคิดใหญ่ สักพักก็ทำหน้านึกออก “มึงยิ้มด้วย ชอบสินะ?”

“ก็ถูกใจนิดๆ อย่างน้อยพอวางใจได้ว่าเพื่อนกูจะไม่โดนทิ้งก่อน”

“เขาชอบเพื่อนมึง?”

“งั้นมั้ง…เป็นพวกขี้หึงเหมือนมึงเลย”

พาร์ใบ้กินทันที ผมได้แต่ยิ้มขำ ระหว่างเดินกันเงียบๆ จู่ๆ พาร์ก็เรียกผมเสียงแผ่ว

“กูมีเรื่องจะบอก”

“หือ?”

พาร์โน้มหน้าเข้าใกล้ กระซิบข้างหูของผม “ลิฟต์ตัวเมื่อกี้มีเรื่องเล่าด้วยนะ”

เรื่องเล่า?!

“เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะตอนกลางคืน…”

“ไม่ๆๆ กูไม่อยากรู้ ไม่อยากได้ยินอะไรทั้งนั้น!”

พูดไปก็เผลอกวาดตามองระแวงรอบตัวไป ทางเดินติดหลอดไฟจะสู้แสงอาทิตย์ได้ไง แต่ๆ เวลานี้พระอาทิตย์หนีไปนอนนานแล้ว แล้วทำไมไม่มีใครเดินสวน หรือเดินตาม…ไม่ๆ ไม่ต้องเดินตามหรอกผมสยอง ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว สุดท้ายก็คว้าชายเสื้อพาร์มากำเป็นเด็กๆ แต่ผมอุ่นใจที่ได้ทำแบบนี้มากกว่า

“ไม่อยากฟังแน่นะ?”

“ไม่ฟัง!”

 เหมือนได้ยินเสียงหัวเราะในคอ ผมขมวดคิ้วหันมองพาร์ แต่สีหน้ามันเป็นปกติ แถมยังมองมาเป็นเชิงถาม

“ม…ไม่มีอะไร เดินตามยำไปเถอะน่า”

แต่คนพูดถึงเดินนำห่างตั้งแต่ต้น กลับเป็นฝ่ายเดินวกกลับมาหาก่อน พร้อมรอยยิ้มเหือดแห้ง

“เอ่อ ห้องพี่ภูหมายเลขอะไรนะ”

ผมติดสตันไปสามวิ ก่อนถามกลับ “มึงไม่รู้?”

“ไอ้พี่ภูอุ้มกูที่หลับเข้าห้อง ตอนออกมาก็เดินกึ่งวิ่งตามแรงฉุดของมึง ไม่ทันได้มองเลขห้องวะ”

ผมตบหน้าผากทันทีหลังได้ยิน “แล้วเดินนำทำไม”

“ก็…” พูดถึงตรงนี้มันก็เงียบไป

ผมถอนหายใจ กวาดตามองดูเลขห้องแถวนี้ ก่อนยกมือชี้ทาง “เรามาผิดทางแล้ว ต้องเดินย้อนกลับไปทางลิฟต์ แล้วเลี้ยวไปอีกด้าน”

“อ้าว”

อย่ามาอ้าว แค่นึกว่าต้องเดินผ่านลิฟต์ผมก็ขนแขนลุกแล้ว คิดแล้วก็โบกมือให้ยำเดินนำ ลากพาร์เดินไปด้วยกัน ยิ่งเข้าใกล้ลิฟต์ผมยิ่งขยับชิดพาร์มากกว่าเดิม ไม่คิดหันไปมองลิฟต์ตัวที่ว่า กว่าจะผ่านพ้นมาได้ใจผมเต้นผิดสเต็ปด้วยความระทึกตั้งนาน

ย...ยอมรับก็ได้ว่าผมกลัวผี!

ทำใจสักพักค่อยเงยหน้ามองทางข้างหน้าอย่างหวาดระแวง แว่วเสียงหัวเราะเบาๆ จากคนข้างๆ

“หัวเราะอะไร”

“หัวเราะคนน่ารัก”

ผมขมวดคิ้ว แถวนี้มีคนน่ารักที่ไหน มองไปทั้งทางเดินมีแต่ผู้ชายสามคน วังเวงเป็นบ้า…เฮ้ย มันคงไม่เห็นอะไรแบบว่า อึ๋ย อย่าคิดๆ

“ช่วยน่ารักน้อยลงหน่อยได้ไหม มันไม่ดีกับหัวใจกู”

“อีกไกลไหมวะ?”

เสียงยำตะโกนแทรกมา หลังชูมือบอกหมายเลขห้องให้เห็นก็ปล่อยยำมองหาเอาเอง หันไปถามคนข้างๆ ซ้ำอีกที เพราะเมื่อกี้จับใจความทันแค่คำว่า ‘ช่วย’ กับ ‘ไม่ดีต่อหัวใจ’ อะไรสักอย่าง

“เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ?”

“กูบอกว่า…เพื่อนมึงกระโดดแหยงๆ อยู่นู้นแล้ว”

ผมหันมองตามที่พาร์ชี้บอก เห็นยำกำลังชูมือกระโดดแหยงๆ อีกข้างชี้ใส่บานประตูห้อง จู่ๆ ประตูบานที่ว่าก็เปิดออกกะทันหัน ลากไอ้ยำที่ไม่ทันตั้งตัวหายวับเข้าไปด้านใน 

เฮ้ย!

ระหว่างรีบวิ่งไปที่หน้าห้องนั้น ผมเห็นประตูปิดต่อหน้าต่อตา แว่วเสียงกดล็อกกลอนลอยเข้าหู ลองพยายามเปิดประตูกลับติดล็อกตามคาด

“เอาไงต่อ?”

ผมมองหน้าคนถาม ตัดสินใจปล่อยมือจากลูกบิด บอกด้วยเสียงปลงตก “อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อีกอย่างกูพอจะเดาผลได้ตั้งแต่ยำเลือกเอกสารข้อตกลงของมันแล้ว”

“งั้นก็กลับ”

พวกผมเดินผละจากมา ลองคิดดูอีกที พี่ภูคงรู้ว่าเป็นยำจากเสียงตะโกนถามหาห้อง แล้วยังเสียงกระโดดหน้าห้อง ถ้าไม่ใช่ยำคงไม่มีใครกล้าทำ ผมขอถอนหายใจอีกเฮือกแล้วกันครับ รู้สึกเหมือนผมไหม มันทำตัวเองชัดๆ

“คิดว่าพี่ภูจะยอมเซ็นชื่อปะ?”

“ไม่อ่ะ” ผมตอบทันที “ถ้าไม่ทำลายทิ้ง ก็อาจยอมเซ็นเล่นๆ ให้ยำตายใจจะได้อยู่ในโอวาท”

“…ดูมึงรู้ความคิดเขาดีนะ”

“ช่วยไม่ได้วะ ความคิดของกูกับพี่ภูมีบางส่วนคล้ายกัน เดาไม่ยากหรอก”

“งั้นเหรอ”

“อือ แต่ถ้าสมมุติพวกกูอยู่ในเหตุการณ์เดียวกัน แม้จะคิดคล้ายกัน แต่วิธีการคงไม่เหมือน เพราะอุปนิสัยต่างกันล่ะมั้ง…”

ผมหยุดพูด เพราะความรู้สึกเหมือนตกจากที่สูงช้าๆ แบบนี้มัน รีบกวาดตาสังเกตรอบตัวก็พบว่ากำลังอยู่ในลิฟต์...

แว๊กกก!

ผมกระโจนเข้าหาสิ่งมีชีวิตหนึ่งเดียวใกล้ๆ เกาะติดหนึบพาร์ประหนึ่งเราเป็นปาท่องโก๋ หลับหูหลับตาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น หากโหยหวนได้คงบอกแค่ประโยคนี้

ปล่อยกูออกไป~

ติ๊ง!

ดุจเสียงสวรรค์ ผมรีบลืมตาลากพาร์ออกมาทันที ไม่สนใจว่าชั้นไหนทั้งนั้น ขอแค่ออกห่างจากลิฟต์ผีสิงได้ก็พอ แต่โชคดีที่มันเป็นชั้น1

ทางออกอยู่ไหน มองเจอปุ๊บลากพาร์ไปปั๊บ “จอดรถไว้ไหนวะ รีบเลย กูอยากกลับบ้าน”

“พรืด!”

“ใช่เวลาหัวเราะที่ไหน! นำทางเลย เร็วๆ”

“ครับๆ”

แต่พอจะถึงบ้านจริงๆ ผมกลับไม่อยากให้ถึงซะนี่

“เอ่อ แวะที่อื่นก่อนดีไหม”

“มันดึกแล้ว”

“พึ่งเลยสี่ทุ่มครึ่งมานิดเดียวเอง”

“ก็ดึกแล้วอยู่ดี”

ความเงียบเริ่มปกคลุมในรถ ผมนั่งเครียดทำใจเตรียมรับสถานการณ์ที่จะเกิด…

“ที”

“อะไร”

“ถึงหน้าบ้านมึงพักหนึ่งแล้ว นู้น ผู้ปกครองสองคนออกมายืนหน้ายักษ์รอมึงอยู่”

เร็วเกินไปแล้ว!

“รีบลงรถเลย กูอยากอาบน้ำนอนจะแย่แล้ว พรุ่งนี้กูมีสอบเช้าด้วย”

คนสอบพรุ่งนี้บ่ายอย่างผมทำได้แค่เปิดประตูรถลงมาด้วยสีหน้าเจี๋ยมเจี้ยม ยังไม่ทันอ้าปากพูดขอโทษ สองเสียงก็ประสานใส่หน้าผม

“กักบริเวณ!”

ผมถอนหายใจ คาดเดาไม่ผิด


“เอาตารางสอบมาให้ทาจังด้วย เพราะทั้งขาไปและขากลับจากมหาลัย นิกกับทาจังจะคอยรับส่งเราเอง นอกนั้นห้ามออกจากบ้านจนกว่าทาจังจะพอใจ”

อันนี้ก็ตามคาด

“พกกระเป๋าเงินได้ แต่ข้างในต้องมีแค่ยี่สิบบาท”

ผมทำหน้าเหวอกับคำพูดลุงนิก “แล้วทีจะมีเงินที่ไหนไปซื้อข้าวกิน?”

“ถ้าวันไหนสอบทั้งเช้าและบ่าย ทาจังทำข้าวกล่องให้เอง รีบเข้าบ้านอาบน้ำซะ ก่อนนอนลงมาให้ทาจังสั่งสอนก่อนด้วย”

“สะ…สั่งสอนแบบไหนครับ?”

“ทางวาจา ส่วนร่างกายรอไปก่อน ทาจังก็อยากรู้ว่าเราขึ้นสนิทหรือยัง”

ผมรีบส่ายหน้า “ไม่แน่นอน ทีพึ่ง…” หุบปากฉับ ขืนบอกว่าไปเตะผ่าหมากคนมาด้วยเหตุผลขี้ปะติ๋ว มีหวังโดนดุด่าหนักกว่าเดิม

“พึ่ง?”

“พึ่งนึกได้ว่าควรฝึกร่างกายทุกวัน แต่ช่วงนี้ติดสอบ ทีเลยไม่ค่อยได้ทำ”

“นั่นสินะ แต่ก่อนนอนอย่าลืมมาหาทาจังล่ะ”

“ครับ”

ผมขานรับเสียงแห้ง เอาเถอะ โดนด่ายาวก็ดีกว่าแบกร่างกายสะบักสะบอมไปสอบล่ะนะ

เข้าสู่ช่วงสอบสองอาทิตย์ ในมหาลัยจะว่าเงียบสงบก็ใช่ แต่ก็เหมือนคลื่นใต้น้ำ บางทีก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกจากมุมโน้นมุมนี้ อาการบ้าๆ บอๆ ของเพื่อนที่สติแตกก็มีให้เห็น เรียกเสียงหัวเราะคลายเครียดได้ไม่น้อย เป็นช่วงที่หลายคนเลือกอยู่กับตัวเอง บางคนก็เลือกติวกับเพื่อน

ผมอยู่ในกรณีแรก เพราะติดโทษกักบริเวณจากผู้ปกครอง จะมีเวลาอิสระก็แค่ก่อนเข้าสอบเกือบชั่วโมง ส่วนหลังสอบไม่ต้องถามหา ถ้ากระโดดเกาะรถที่มาจอดหน้าตึกถูกเวลาได้คงทำไปแล้ว ลองเลียบเคียงถามดู ถึงพบข้อเท็จจริงบางอย่าง

ลุงนิกกับทากะซังเป็นศิษย์เก่าที่นี่ครับ ที่หายไปช่วงผมสอบเนี่ย ไม่ได้ไปไหนไกลเลย แค่แวะเวียนตามร้านอาหารต่างๆ ในมหาลัยบ้าง นอกมหาลัยบ้าง เชื่อเถอะ ลุงนิกกับทากะซังไปรำลึกความหลังกันมาแหงๆ ที่น่าเหลือเชื่อคือ กะเวลาผมสอบเสร็จได้ตรงเผง คือผมน่ะออกก่อนหมดเวลาสอบทุกที ความจริงไม่ควรกะเวลาได้สิ

“อ้อ ง่ายจะตาย ทีใช้เวลาทำข้อสอบพอๆ กับทากะ แล้วลุงคำนวณของทากะมาตั้งกี่ครั้ง ถ้ายังเดาของทีไม่ถูกก็แย่แล้ว”

เป็นคำตอบที่ผมพูดไม่ออก ส่วนคนโดนอ้างชื่อแค่ยิ้มแห้งส่งให้

ขอวกกลับเข้าเรื่องเดิมอีกครั้ง เนื่องจากเวลาอิสระมีแค่นี้ แขกที่แวะมาหาเลยต้องมาช่วงนี้ตาม

ขาประจำเป็นใครไม่ได้นอกจากพาร์ มันจำตารางสอบของผมได้ แถมยังสามารถให้ข้อมูลกับคนอื่นได้อีก ถึงตอนนี้ยังอยู่บ้านเดียวกัน แต่ต่างคนต่างไป รถผมโดนมันยึดครองไปแล้ว (ยอมครับ พาร์จำเป็นต้องใช้) เพราะเวลาสอบส่วนใหญ่ไม่ตรงกัน มีตรงกันอยู่ครั้งหนึ่งพาร์เลยติดรถมาด้วย กลายเป็นว่าขากลับมันโดนลุงนิกทิ้ง ต้องหาทางกลับมาเอง (โชคร้ายที่วันนั้นทากะซังไม่ได้ไปด้วย) สุดท้ายเอารถมาเองสะดวกสำหรับมันมากกว่า

ส่วนขาจร (ที่มาเพียงครั้งเดียว) คนแรกคือพี่ดินครับ มาหาเมื่อวันพุธ ผมสอบวิชาที่สองพอดี มาถึงก็นั่งหน้ายุ่งใส่ผม

“พี่ได้ยินพาร์บอกว่าเราโดนผู้ปกครองสั่งกักบริเวณ”

“ครับ”

“มารับมาส่งตามเวลา ห้ามเถลไถล”

“ครับ”

“แผนพี่เลยต้องงดไปโดยปริยาย”

“...ครับ”

“เฮ้อ…” พี่ดินเคาะนิ้วกับโต๊ะ “เอาเถอะ เป็นเรื่องช่วยไม่ได้”

แล้วพี่ดินก็จากไปแบบงงๆ อันที่จริงผมลืมแผนของพี่แกไปแล้ว ที่พอจำได้ก็ให้ตัวติดกันเข้าไว้ กินข้าวกลางวันด้วยกัน ไปหากันถึงหน้าห้องสอบ อะไรพวกนี้ แต่ที่ผมจำได้แน่ๆ คือตารางสอบของพาร์ครับ ไม่ใช่อะไรหรอก โดนพี่ดินสั่งให้ท่องจำหลายเที่ยวมาก ประมาณไม่แม่นไม่ปล่อยตัว

หลังจากนั้นสองวัน ยำเป็นฝ่ายมาหาผมถึงที่ สงสัยเพราะผมสอบตึกรวม แถมเพื่อนผมก็ยังไม่มีใครมา มันถึงกล้าเข้ามาหา เพราะจนถึงตอนนี้มันก็ยังเข้าหน้าเพื่อนกลุ่มผมไม่ติด ยิ่งหลังทั้งกลุ่มรู้ว่ายำกับเด็นเลิกกันไปแล้ว และคาดเดาว่าที่เด็นโดดสอบก็เพราะยำเป็นเหตุด้วย มันก็ยิ่งหลีกเลี่ยงมาหาผมมากขึ้น

“ไอ้ที”

“หือ?”

“กูกลัว”

“ฮะ?” 

“พี่ภูโคตรน่ากลัวเลย!”

“มึงโดนแกล้งอีกแล้ว?”

มันส่ายหัวไปมา ทำหน้าจะร้องไห้ “พี่ภูโคตรใจดี ใจดีจนเหมือนไม่ใช่มัน กูกลัววะ”

ซะงั้น

“แล้วมึงบอกวินยัง?”

“บอกแล้ว กูโดยมันโวยวายใส่แทบแย่”

“ก็สมควร มันเป็นห่วงมึงมากนี่”

“วินกับไวแค่เข้าใจผิด คิดว่าคู่แค้นอย่างพี่ภูอุ้มกูไปทำร้ายร่างกาย…ถึงมันจะเดาถูกส่วนหนึ่งก็เถอะ”

ผมยิ้มให้กับประโยคหลังแผ่วเบานั้น เพราะหน้าคนพูดออกอาการกระอักกระอวนไม่ค่อยอยากเอ่ยถึง

“แล้วมึงไปสารภาพกับพวกนั้นหรือยังว่านั่นนะสามี”

“ใครจะไปกล้าบอก”

“ไม่บอกเพื่อนก็เข้าใจผิดไม่เลิก”

“กูรู้ ทุกวันนี้เล่นโทรมาถามสารทุกข์สุขดิบทุกคืน จนพี่ภูมองเขม่นทุกทีเวลากูคุยโทรศัพท์กับวิน”

ก็สมควร

คิดอย่างปากผมพูดอีกอย่าง “เรื่องของมึง ตัดสินใจเอาเอง”

“กูนึกว่ามึงจะอาสาไปช่วยบอกซะอีก”

ผมเลิกคิ้วหลังได้ยินเสียงโอดครวญ “กูบอกแล้วว่าไม่ยุ่งก็คือไม่ยุ่ง มึงจัดการเอาเองเถอะ”

ถัดมาอีกอาทิตย์ (วันจันทร์) บังเอิญเจอพี่ภูหน้าห้องสอบ ส่วนผมกำลังรอเข้าสอบห้องที่เฮียแกพึ่งออกมานั่นแหละ พี่ภูเดินแยกกลุ่มเพื่อนเจาะจงมาหาผม ทำเอาเพื่อนกลุ่มผมกระเจิงไปคนละทาง เพราะหน้าเฮียแกโคตรไม่รับแขกเหมือนเดินมาหาเรื่องกันชัดๆ มาถึงก็ฉีกยิ้มเหนื่อยๆ ให้ สงสัยโดนข้อสอบสูบพลังงานไปเยอะ

“พี่ได้ยินว่ายำไปโวยวายกับเรา”

“พี่คงมีสายเยอะมาก” ข่าวถึงได้วิ่งเข้าหูพี่แก

พี่ภูหัวเราะ “ก็ไม่เท่าไหร่ แล้วจริงหรือเปล่าล่ะ”

ผมพยักหน้า “ได้ยินว่าพี่เปลี่ยนมาใจดีแล้ว?”

“ก็ลูกแมวเล่นบอกโต้งๆ” พี่ภูชูนิ้วขึ้นนับ ยิ้มกริ่มอย่างน่าหมั่นไส้ “ช่วยดูแลฉันดีๆ หน่อย ช่วยตามใจฉันหน่อย อ้อ มีช่วยเอาอกเอาใจฉันหน่อย พี่เลยทำเฉยไม่ลง กลัวลูกแมวไม่พอใจหนีไปอีก”

“แล้วข้อตกลงสองแผ่นนั้น?”

“หลังอ่านจบ พี่ก็จัดการเอาไปเคลือบพลาสติกแขวนเก็บไว้อย่างดี ข้อความอ้อนจากลูกแมวเถื่อนเชียวนะ ใครจะทิ้งลง”

“แล้วพี่ได้เซ็นชื่อปะ?” ผมถามเรื่องอยากรู้ที่สุด

“เซ็นสิ”

ผมทำหน้าประหลาดใจ “เพื่อให้ยำตายใจ?”

“เปล่า แค่เซ็นรับรู้ว่าได้รับข้อความประท้วงจากลูกแมวแล้ว แต่พี่เซ็นไปแค่แผ่นเดียว” พูดถึงตรงนี้พี่ภูก็หัวเราะ “น่ารักดีนะ พี่ไม่รู้เลยว่ายำคิดทำอะไรแบบนี้เป็นด้วย”

ผมอยากถอนหายใจจริงๆ คนหนึ่งคิดอย่าง อีกคนคิดอย่าง แต่กลับอยู่ด้วยกันได้ ลองนับนิ้วดูแล้วผมก็รีบถาม “อยู่ร่วมกันหนึ่งอาทิตย์แล้วเป็นไงบ้าง?”

“ดีนี่ ช่วงนี้ลูกแมวของพี่ตั้งอกตั้งใจอ่านหนังสือเลยไม่อยากไปกวน แต่เวลาพี่เครียดๆ ก็ชอบไปแหย่เล่นนะ เห็นปฏิกิริยาตอบกลับมามันสนุกดี”

“แล้ว…เอ่อ เรื่องทางร่างกาย?”

“ช่วงนี้พี่ไม่ได้ไปยุ่ง”

ผมพยักหน้า รู้สึกโล่งใจแทนเพื่อน “ยังไงก็ช่วยทะนุถนอมร่างกายเพื่อนผมหน่อยนะครับ”

“พี่จะพยายาม”

แต่ก่อนพี่ภูจากไป กลับทิ้งท้ายให้ผมรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ว่าพี่แกจะมาเอาคืนหรือเปล่า

“ลูกเตะเราเยี่ยมมาก หึๆๆ”

-------------

“โดนทากะซังไล่ออกมา?”

ผมยิ้มแห้งให้พาร์ จัดการถอดผ้ากันเปื้อนออกจากตัว

จะว่าไงดี ผมช่วยเตรียมวัตถุดิบได้ แต่ช่วยทำอาหารไม่ได้ เนื่องจากวิชาในครัว ผมเรียนมากับแม่บ้านของคุณย่าที่เป็นคนไทย เวลาปรุงรสมันเลยออกไปทางไทยมากกว่าญี่ปุ่น สรุปคือทากะซังไม่ปลื้ม ผมเลยต้องระเห็จออกมานั่งรอกินด้านนอกแทน เพราะถ้าอยู่ในครัวต่อ มันอดไม่ได้ต้องคันไม้คันมืออยากทำบ้าง และกลายเป็นว่าไปขัดแข้งขัดขาทะกะซังแทน (ผมเลยมักโดนไล่ออกมาตลอด)

“เหลือสอบอีกกี่ตัว?”

ผมทำหน้านึก “สาม”

“แล้วเพื่อนมึงล่ะ โผล่หน้ามาสอบยัง”

“ไม่เห็นเลย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ คนที่คิดซิวบางคนไม่มาสอบก็มี เด็นเลยโดนเพื่อนๆ ลงความเห็นว่าอาจจะซิวไปเรียนที่อื่น”

“มึงยังไม่ได้บอกเพื่อนคนอื่น?”

“รอสอบเสร็จก่อน บอกไปตอนนี้ก็ทำให้กังวลเกินเหตุเปล่าๆ ปล่อยพวกนั้นมีสมาธิกับเรื่องสอบไปเถอะ…แล้วได้ข่าวอะไรเพิ่มไหม?”

“ผู้ปกครองมึงปิดปากเงียบ เดาว่าคงคิดเหมือนมึงคืออยากให้สอบเสร็จก่อน กูเลยได้แต่แอบๆ ฟังมา ไม่ค่อยปะติปะต่อเท่าไหร่”

ผมถอนหายใจ “เอาเถอะ เรื่องถึงตำรวจแล้ว พวกเราทำได้แค่รอผลอย่างเดียว”

พาร์พยักหน้าเห็นด้วย “อ้อ ได้ยินมาว่า ตำรวจแจ้งไปทางผู้ปกครองเด็นกับทางมหาลัยแล้ว”

สีหน้าผมเปลี่ยน “กลายเป็นเรื่องใหญ่แล้วสินะ”

“ก็คนหายไปเป็นอาทิตย์”

“แต่ยังมีชีวิตอยู่”

“จากที่ตามร่องรอยพบ” พาร์ว่าเสริม “และดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกับสามคนที่เราแจ้งบอก ทางตำรวจเลยแค่จับตามองพวกมันอยู่ห่างๆ”

“ถ้าไม่เกี่ยวแล้วเด็นจะหายไปได้ยังไง?”

“กูเดานะ แค่เดา บางทีอาจหนีจากคนพวกนั้นล่ะมั้ง”

“แล้วถ้าไม่ใช่”

พาร์ส่ายหน้า “กูไม่รู้ เท่าที่จำข้อมูลพวกมันได้ ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น”

“พาร์! ที! มาช่วยทาจังยกออกไปหน่อย”

พวกผมขานรับ รีบตรงเข้าครัวไปช่วยยกอาหารออกมาจัดวางบนโต๊ะ ยุติเรื่องเครียดลงแค่นั้น

############

ใครสนใจคู่ภูยำ เรามีเปิดเรื่องไว้นะคะ
ชื่อเรื่อง: [My Cat Trap] กับดักนี้มีไว้จับแมวเถื่อน!
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56932.msg3535252#msg3535252

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-12-2016 13:25:57 โดย KatzeP »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: - ชลนที - [บทที่33] P.11 (15/12/2016)
«ตอบ #321 เมื่อ15-12-2016 16:59:50 »

อือ.....ยำเหมือนลูกแมวเถื่อน อย่างพี่ภูว่าเลย
ก่อนหน้านี้ มองภาพยำ แมนๆ คงเพราะรุกเด็น
ข้อตกลงที่ทำไว้ขนาดมีต้นแบบของที
ยำยังสามารถทำออกมามุ้งมิ้ง เข้าทางพี่ภู จริงๆ
ชอบพาร์ ที รู้ทันกันดี  :ling1: :ling1: :ling1:
ลุงนิก ทากะ ก็น่ารัก  :mew1: :mew1: :mew1:
กำลังอยากอ่านพี่ภู ยำ พอดี :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ไรท์ ใจดีมีให้อ่านและ  :pig4: :pig4: :pig4:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: - ชลนที - [บทที่33] P.11 (15/12/2016)
«ตอบ #322 เมื่อ15-12-2016 20:42:59 »

 :pig4:

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
Re: - ชลนที - [บทที่33] P.11 (15/12/2016)
«ตอบ #323 เมื่อ15-12-2016 20:48:30 »

ค่อนๆรุกนะพาร์..ที...ไม่ไปไหนเสีย

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
Re: - ชลนที - [บทที่33] P.11 (15/12/2016)
«ตอบ #324 เมื่อ15-12-2016 21:25:36 »

ยำเอ้ยย ข้อตกลงเอื้อพี่ภูโคตร

ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: - ชลนที - [บทที่33] P.11 (15/12/2016)
«ตอบ #325 เมื่อ16-12-2016 00:24:29 »

ยำน่ารัก นางคือลูกแมวเถือนผู้น่ารักของเพื่อนๆและพี่ภูชัดๆ นิสัยเด็กมาก ทีเลี้ยงดูอุ้มชูยิ่งกว่าลูกอีกมั้งเนี่ย555555
ตอนที่ทีเตือนยำคือมันให้ฟิลเหมือนแม่กำลังให้โอวาสลูกสาวก่อนออกเรือนพิลึก สัญญาเข้าทางพี่ภูสุดๆเลยนะนั้น

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
Re: - ชลนที - [บทที่33] P.11 (15/12/2016)
«ตอบ #326 เมื่อ16-12-2016 09:42:38 »

สนุกมากกกกกกกก มาก มาก มาก

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: - ชลนที - [บทที่33] P.11 (15/12/2016)
«ตอบ #327 เมื่อ16-12-2016 14:00:47 »

อ่อยยย!! ดี้ดี

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: - ชลนที - [บทที่33] P.11 (15/12/2016)
«ตอบ #328 เมื่อ16-12-2016 17:39:32 »

ยำแมวน้อยเหมือนเป็นลูกสาวทีเลย น่ารักมึ้งมิ้งดี ข้อตกลงพวกนั้นก็เข้าทางพี่ภูไปอีก 55555555

ออฟไลน์ oiruop

  • เ รื่ อ ง โ ง่ โ ง่ นี่ ฉ ล า ด นั ก ⊙﹏⊙∥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • https://www.facebook.com/book.yaoi?fref=ts
Re: - ชลนที - [บทที่33] P.11 (15/12/2016)
«ตอบ #329 เมื่อ16-12-2016 18:29:51 »

 :mew1: :mew1: :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด