ตอนที่ 12 คนที่สาม (ตอนจบ)
.
"หนึ่ง สอง สาม สี่ เอารึยัง?"
"เอาเลย" วันที่ไม่มีผู้ปกครองคอยคุมเข้ม เด็กๆจึงเล่นกันอย่างสนุกสนาน ตอนนี้ เนม น้ำ หมี(การ์ตูน) กำลังเล่นซ่อนหา ที่บ้านของการ์ตูน สองพี่น้องหาที่ซ่อน เมื่อได้ก็รีบตะโกนให้คำตอบกับคนที่โดนปิดตาฟุบหน้าลงผนัง
เนมซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้าที่ทำจากไม้เนื้อแข็ง บานตู้เสื้อผ้ามีร่องซี่ถี่ พอให้มีอากาศหายใจและเห็นด้านนอกอยู่บ้าง
ด้วยความที่ตู้สี่เหลี่ยมคับแคบและอัดแน่นด้วยเสื้อผ้าเริ่มทำให้เด็กซนชักอึดอัด นานเกินไปที่ยังไม่มีใครมาหา เนมเริ่มกลัวและหายใจไม่ออก สองมือน้อยผลักประตูแต่ผลักเท่าไหร่ก็ผลักไม่ออก เนมจึงทุบประตูรัวๆและส่งเสียงร้องตะโกนแต่ก็ยังไร้เสียงฝีเท้าของคนที่จะเข้ามาช่วย
ในขณะเดียวกัน พ่อแม่ของการ์ตูนที่ไปทำธุระด้านนอกเดินทางกลับมาถึงพอดี การ์ตูนที่โป้งแปะน้ำได้แล้ว จึงวิ่งแจ้นไปหาแม่ข้างล่าง ยามที่แม่ตะโกนเรียกชื่อตนเอง การ์ตูนทำจมูกฟุดฟิดๆ เมื่อได้กินพิซซ่าหอมลอยโชยมาแต่ไกล เด็กน้อยตื่นเต้นดีใจที่ได้เห็นของกินสุดโปรด ยืนรอแม่เปิดกล่องพิซซ่าเพื่อรอตัดแบ่ง จากนั้น เขารีบเทซอสมะเขือเทศลงบนพิซซ่าก่อนจะงับเข้าปาก แม่ที่เห็นน้ำยืนเก้ๆกังๆตรงกรอบประตู จึงเรียกให้มากินด้วยกัน
"เนมล่ะ" การ์ตูนถาม
"ฮะ?"
"น้ำยังไม่โป้งเนมเลย เนมอยู่ไหน?"
สาวน้อยลืมไปว่า ถ้าตูนโป้งเธอแล้ว เธอต้องเป็นฝ่ายหาต่อ
"ซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้า" ทันใดนั้น การ์ตูนปล่อยพิซซ่าจากมือ วิ่งขึ้นบันไดไปหาเนมที่ห้องทันที
เด็กน้อยดึงประตูตู้เสื้อผ้าไม่ออก พอกดสายตามองตรงใต้ที่จับถึงรู้ว่าตู้เสื้อผ้าล็อก รีบบิดลูกกุญแจ เปิดประตูพบเนมนั่งฟุบหน้าลงกับเข่าและเสียงสะอื้น
ร่างน้อยสั่นระริก ท่อนแขนที่โผล่พ้นแขนเสื้อชื้นเหงื่อจนการ์ตูนรีบดึงเนมออกมา
"ฮืออออ ทุกคนแกล้งเนม ทุกคนเกลียดเนม"
"ไม่ใช่นะ ไม่ใช่อย่างนั้น พี่ขอโทษ" การ์ตูนลูบผมชื้นเหงื่อ มองเด็กที่เงยหน้ามาตาแดงๆและน้ำตานองหน้า น้ำมูกใสไหลย้อยลงมาถึงขอบปาก
"ไหนว่าพี่หมีจะไม่ทิ้งผม พี่หมีทิ้งผม ทิ้งผม"
"พี่ขอโทษ จากนี้ พี่จะไม่มีวันทิ้งเนมอีกแล้ว"
คำสัญญาที่ตูนบอกในวัยเด็ก หารู้ไม่ว่ามันทำให้เนมฝังใจมาโดยตลอด
.
.
"ฮึกฮืออออ พี่หมี พี่หมีช่วยผมด้วย"
กลับมายัง ปัจจุบัน ในตู้เสื้อผ้า เนมนั่งตัวสั่นเทา ทั้งกายชุ่มโชกด้วยเหงื่อ เขากัดปากจนเจ็บและหลับตาอธิษฐานพร้อมนึกใบหน้าพี่ตูนให้มาช่วย เนมทุบประตูเท่าไหร่ แม็คก็ไม่ยอมเปิดให้ อ้างแต่คำเดิมซ้ำๆว่าให้เนมถอนคำพูดว่าเลิกกับแม็คก่อน แล้วจะยอมเปิดประตูให้
เนมนั่งงอตัวคุดคู้ด้วยสภาพไม่เอื้ออำนวย และเพราะบานประตูที่ทึบแทบไร้ช่องอากาศจะแทรกเข้ามาให้ได้หายใจ เนมพยายามฮุบอากาศเท่าที่มีอันน้อยนิดเข้าปอดให้ได้ และเหมือนจะไม่ไหว
ได้ยินเสียงโครมครามดังจากด้านนอกและทันใดนั้น
ฟึ่บ!
บานตู้เสื้อผ้าถูกเปิดออก ตูนโน้มตัวไปกอดเนม และลากเนมออกมาจากที่คับแคบ ทั้งสองทิ้งตัวลงไปนั่งกองที่พื้นห้อง
"ไอ้แม็ค น้องเขากลัวที่แคบ ทำไมมึงถึงทำแบบนี้วะ ห้ะ?" ตูนตวาดใส่แม็คที่ยืนกุมปากตัวเองหลังจากเพิ่งผ่านสงครามการชกต่อยขนาดย่อม และเป็นตูนที่ตั้งหลักได้ก่อนจึงวิ่งมาเปิดประตูตู้เสื้อผ้า
"ได้เอาทีเดียว หลงกันขนาดนี้? มึงแม่งน่าไม่อายสัด ตีท้ายครัวแฟนเพื่อน"
"ยอมรับว่ากูรักเนม แต่กูไม่เคยคิดจะเข้าไปเป็น 'มือที่สาม' และกูไม่เคยยุแยงให้เนมเลิกรักมึงด้วยซ้ำ"
"...."
"มึงจะต่อยกู กระทืบกูก็ได้ กูจะไม่สู้ ขออย่างเดียว อย่ารั้งเนม ให้เนมได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขสักที" ตูนบอกเพื่อน มิวายลูบหลังลูบไหล่เพื่อปลอบประโลมเนมที่ซุกเข้าหาอ้อมกอด เหมือนลูกนกหลงรัง
"....."
หากถามความรู้สึกของแม็คตอนนี้ ยอมรับว่าโมโหมากจนอยากวิ่งไปซัดหน้าเพื่อน แต่ความเป็นจริง ทำได้แค่ยืนนิ่ง ท่อนขาที่แข็งแรงจู่ๆก็กลับขยับไม่ได้ เหมือนโดนทรายดูด มีคำมากมายอยากพูด อยากด่ามากมายแต่กลับจุกในคอ แม็คกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดขึ้น
ทำไมวะ ทำไม? ทำไมกูไม่พูดความจริงให้เร็วกว่านี้ ทำไมกูพลาดโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ โอกาสที่จะได้เนมอยู่เคียงข้าง
ในเวลาคับขันเช่นนี้ แม็คยากที่จะตอบสิ่งสำคัญได้ในเวลาฉับพลัน เขายืนสับสน มองเนมในอ้อมกอดเพื่อนด้วยความเจ็บใจ แม้สายตาจะจดจ้องมองเนมนานเท่าไหร่ เนมก็ไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากันสักนิดเดียว
"ถ้ามึงจะไม่พูดอะไร ก็กลับไปก่อน กูขอ"
"....."
แม็คยังยืนนิ่งเหมือนคนโดนค้อนทุบหัว เขาไม่ขยับเขยื้อน จนกระทั่ง ไม่นานนัก โทรศัพท์มือถือของแม็คก็ดังขึ้น เจ้าตัวละสายตาจากเนม ล้วงหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง
"ครับพ่อ" / อ้อครับ ได้ครับ"
แม็ควางสายแล้วมองตูนด้วยแววตากรุ่นโกรธ ก่อนบอกเนม
"ไม่กี่วันนี้ ผมจะมารับนะ เนม"
"มะ..." เนมรีบตอบปฏิเสธ แต่ตูนบีบแขนให้เงียบ เพราะถ้าขืนพูดตอนนี้ มีหวัง แม็คได้ระเบิดลงอีกรอบแน่
.
.
.
หลังจาก แม็คคล้อยหลังไป เนมมองพร้อมลูบรอยฟกช้ำนิดหน่อยบนใบหน้า และลุกขึ้นจะหาอุปกรณ์ทำแผลมาช่วย แต่ตูนไม่อยากให้เนมเป็นห่วง จึงกำชับให้เนมไปนอนพักส่วนตูนดูแลตัวเองได้ จนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง คนที่ทำแผลตัวเองเสร็จก็มานอนเฝ้าพร้อมพักสายตาอยู่บนเตียงก็สะดุ้งเมื่อเนมกระตุกมือที่ตูนจับไว้
"พี่ตูน" คนที่เพิ่งตื่นสะลึมสะลือ ปรือตาบวมตุ่ยมามองพี่ตูนที่นั่งพิงพนักเตียงด้วยอาการเพลียไม่ต่างกัน
"เป็นไงบ้าง? โอเคขึ้นไหม?"
"โอเคขึ้นพี่"
"นั่นเราออกไปหาอะไรกินกัน"
"พี่ตูน พี่ว่าผมเลวมากไหม? แทนที่ผมจะบอกเลิกกับแม็คก่อนจะไปมีอะไรกับพี่" ในชีวิตคนเรามักทำเรื่องผิดพลาดกันได้ เฉกเช่นเนมที่มานั่งนึกเรื่องก่อนหน้าด้วยความรู้สึกผิด ไม่แปลกที่แม็คจะโกรธจนอาละวาดเมื่อรู้ความจริง หากคืนนั้น เนมคุมสติ ไม่ใช้อารมณ์นำเหตุผล เรื่องก็คงไม่บานปลายขนาดนี้ แม้รู้ว่ามันสายเกินแก้ แต่พอย้อนกลับไปคิด ก็กลายเป็นตราบาปที่ชวนรู้สึกผิดทุกครั้ง
"มันผ่านมาแล้ว ช่างมันเถอะ จากนี้ก็ยอมรับกับสิ่งที่ทำแล้วกัน"
"พี่ตูน พี่โอเคไหม? ที่อดีตผมไม่ดีเท่าไหร่ แถมยังเคยเป็นแฟนเก่าเพื่อน.."
"ทุกคนล้วนมีอดีตทั้งดีและแย่กันทั้งนั้น จะมัวมานั่งวิตกกังวลทำไมในเมื่อเรากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว จากนี้ เนมก็ทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกัน"
"ขอบคุณนะที่พี่ตูนเข้าใจและเลือกที่จะคบผม"
"อืม ไม่ต้องคิดมากนะเนม อดีตก็คืออดีต มันผ่านมาแล้ว"
"ครับ จากนี้ ผมจะทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อเราสองคนนะครับ"
.
.
.
ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องมา แม็คไม่ได้โทรหาเลย มีเพียงข้อความเดียวที่ส่งมาให้เนมและเจ้าตัวก็อ่านทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
'ผมให้เวลาเนมคิดสักพักแล้วจะกลับไปเอาคำตอบ ขอโทษสำหรับที่ผ่านมา ถ้าเป็นไปได้ ให้อภัยผมสักครั้ง และเรากลับมาเป็นแฟนกันนะ..แม็คคิดถึงเนมนะ"
จุ๊บ
คนที่นั่งเปิดค้างข้อความไว้ สะดุ้งเฮือก เมื่อพี่ตูนกดจูบลงบนกลางกระหม่อม หลังจากเราสองคนเพิ่งผ่านเช้าที่ดุเดือดเป็นพิเศษมาไม่นาน โดยพี่ตูนอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเนมที่ยังเอ้อระเหย ลอยชาย ไม่ยอมอาบน้ำ ใส่เพียงบ็อกเซอร์ตัวเดียวอยู่บ้าน พี่ตูนวางมือบนไหล่เนมพร้อมนั่งลงข้างๆที่ปลายเตียงและเอ่ย
"คิดถึงแม็ค?" ถามเพราะสายตาเหล่มองหน้าจอเครื่องมือสื่อสารที่มีข้อความยาวเหยียด ตูนจับใจความไม่ได้ว่าข้อความนั้นเขียนว่าอะไร แต่สิ่งที่เขามองเห็นอย่างชัดเจนก็ตรงท้ายประโยคว่า แม็คคิดถึงเนม ยิ่งทำให้ตูนใจสั่น วูบหวิวอย่างบอกไม่ถูก
หันไปหาพี่ตูนที่พูดน้ำเสียงปกติ แต่เนมก็รู้นะว่าภายใต้สุ้มเสียงนั้นซ่อนความน้อยใจไว้มากน้อยแค่ไหน...
"ก็ใช่ แต่ไม่ได้คิดถึงแบบนั้น""....."
พี่ตูนเงียบกริบ แม้ใบหน้าจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มอบอุ่น แต่ดูออกว่าแสร้งยิ้ม เนมจึงโน้มตัวไปหอมแก้ม มือเรียวก็เอื้อมมือไปจับมือพี่ตูน
"พี่น้อยใจเหรอ?""....."
จากตอนแรกอยากขอคำปรึกษาเรื่องข้อความที่แม็คส่งมา เนมเปลี่ยนใจ เก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋า
"
ผมตัดสินใจแล้วว่าจะคบพี่ก็คือคบ ผมไม่เปลี่ยนใจหรอกครับ""ทำไมน้ำเสียงดูไม่มั่นคง"
"พี่ตูนเชื่อผมสิ"
"พี่ล้อเล่น ไปทำงานก่อน แล้วเนมจะโดนไล่ออกไหม? หยุดติดกันมาสี่วันแล้วนะ"
"ไม่หรอกพี่ ผมใช้วันลาพักร้อนน่ะ"
"เนม มาทำงานบริษัทพี่ไหม?"
เนมมองคนเปลี่ยนเรื่องปุปปับ แต่สายตาพี่ตูนยังแสดงออกถึงความเป็นห่วง เป็นใย
"ไหนว่าบริษัทพี่ รับคนมีความสามารถไง"
"ใช่ แต่ก็เคยบอกไปว่า เจ้าของบริษัทโสด" เนมถึงบางอ้อ ร้องอ๋อออกมาทันที
"ร้ายว่ะพี่"
"หึหึ...พี่ไปทำงานก่อน มีอะไรโทรมา"
"ครับ ผมนอนรออยู่นี่นะ"
"รออะไร? ช่วยขยายความให้ชัดเจนด้วยครับ"
"อยากให้รออะไรก็รออย่างนั้น"
"หึหึ แล้วจะไม่ผิดหวังที่รอ"
เห็นสายตาหื่นๆที่ชัดแจ้งขนาดนั้นก็เพลียใจ ได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อนแล้วตบท้ายด้วยการต่อว่าแก้เขิน
"
ทะลึ่งว่ะ ตูนกลั้วหัวเราะ พร้อมเดินลงบันไดมาด้วยรอยยิ้ม เมื่อนึกถึงใบหน้าแดงๆ เก้อเขินบนเตียง แล้วอยากจับฟัด แต่ก็กลัวจะเสียเวลาไปกันใหญ่ จึงต้องข่มใจเดินลงมาข้างล่างเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน สวมรองเท้าอยู่ตรงหน้าบ้าน สองเท้าชะงักงันเมื่อสายตาพลันเหลือบเห็นนอกบ้าน พบเพื่อนของตัวเองยืนกอดอกพิงรถยนต์มองเข้ามาในบ้าน ตูนก้าวไวๆเดินไปหาแม็คที่ใบหน้าดูไม่สู้ดีนัก
"เนมอยู่กับมึงไหม?"
"อยู่"
"กูขอคุยกับเนม"
ตูนให้เกียรติเนมด้วยการไว้ใจและเชื่อมั่นในคำบอกว่า ปัจจุบัน เนมเลือกเขา ในวินาทีนั้น ตูนจึงตัดสินใจเปิดประตู แล้วบอก
"
เดี๋ยวกูเรียกให้""เนมนอนอยู่ห้องมึงใช่ไหม? ขอกูขึ้นไปหาเนม"
ใจกระตุก คงเพราะความหึงหวง ครั้นจะไม่ให้แม็คขึ้นไป เรื่องราวก็คงไม่จบสิ้นสักที จึงตัดสินใจตอบรับ
"
ตามใจ".
.
.
ถึงชั้นสองของบ้าน มือหนาบิดลูกบิดแล้วเปิดประตูห้องนอนของตูนก็พบคนที่นอนสวมกางเกงขาสั้น ท่อนบนเปลือยเปล่า นึกใจสั่นหวิว แม็คเสียใจที่รอยประทับที่เคยฝากไว้บนเรือนกายอีกฝ่าย มันจางหายกลับกลายเป็นรอยของคนอื่นที่เข้ามาทับแทนที่
รอยสีกุหลาบสดใหม่ถูกประทับทั่วไหล่และแผ่นหลัง จนไม่สามารถละสายตาได้ แม็คเดินเข้าไปใกล้ขึ้นๆ จนกระทั่ง สองเท้าหยุดอยู่ที่ริมเตียง
เนมรู้สึกเหมือนมีคนอยู่ในห้อง และเจ้าตัวคิดเอาเองว่าคงเป็นพี่ตูนที่ขึ้นมาเอาของ
"ลืมของหรอครับ? ที่รัก" เนมตั้งใจแกล้งพูดหวานยั่วแฟนตัวเอง แต่พอหันหลังไปชะงัก เขาเด้งพรวดลุกขึ้นนั่ง
"มะ...แม็ค?"
"น่าอิจฉาไอ้ตูน เนมไม่เคยเรียกผมว่าที่รักสักครั้ง"
เนมเม้มปากแน่น ก้มหน้า
"....."
แม็คทิ้งตัวลงนั่งข้างๆแต่เนมกลับถอยกรูดจนหลังชิดพนัก
"รังเกียจผมขนาดนั้นเลยหรอ?"
"เปล่าแม็ค...แค่..."
"เนม เกลียดผมมากไหม?"
"เราไม่เคยเกลียดแม็คนะ เพียงแค่...แค่เราเสียใจกับเรื่องที่ผ่านมา ที่เราโดนหลอก เราเสียแรงที่ไว้ใจแม็ค"
"ตอนแรกผมต้องการแก้แค้นเนมก็จริง แต่พอได้ใกล้ชิด ได้รู้จักตัวตนเนม ผมถึงรู้ตัวว่า ผมรักเนมเข้าแล้ว หลายครั้ง ผมสับสนและพยายามฝืนใจไม่ให้รักเนม และบอกตัวเองว่าผมต้องแก้แค้น ผมถึงลองมีคนอื่นดู แต่มันกลับไม่ช่วยอะไร มันกลับยิ่งอยากอยู่กับเนม พอห่างกันก็คิดถึง ผมเกลียดตัวเองที่ผมรู้สึกแบบนี้ แต่ผมรักเนมจริงๆ"
"พูดตอนนี้ก็เปล่าประโยชน์ เราคบพี่ตูนแล้ว และไม่อยากทำร้ายใจพี่ตูน เพราะเขาดีกับเรามาก"
เนมพูดความจริง เพราะไม่อยากให้ความหวังแม็ค อีกอย่าง ในหัวใจเนมตอนนี้ ก็แคร์ความรู้สึกของพี่ตูนมากกว่า แต่ก็ไม่คิดไงว่า การบอกความจริงกับคนตรงหน้าจะทำให้แม็คเสียน้ำตาและเป็นครั้งแรกที่เนมได้เห็น ฟากแม็ครีบเงยหน้าขึ้น เม้มปาก ก่อนจะปาดน้ำตาแรงๆ
"
ไม่ทันแล้วใช่ไหม?"
"ไม่ทันอะไร?"
"เ
รากลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ทันแล้วใช่ไหม?"
"เราไม่รู้แล้วว่าอะไรคือเรื่องโกหกหรืออะไรคือเรื่องจริง เราไม่อยากคบไป ระแวงไปหรอกนะ แม็ค"
แม็คกลั้นน้ำตาไว้ได้แล้ว เขาใช้ปลายนิ้วไต่ไล่ตามจุดบนเรือนกายของเนมที่เคยทำร่องรอยไว้ในอดีตแต่บัดนี้มันถูกลบเลือนไปจนหมดสิ้น
"จากนี้ คงไม่มีรอยของผมแล้วสินะ"
"...."
"ผมอยากจูบเนมเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหม?"
"ไม่ได้หรอก เรามีแฟนแล้ว"
"ถ้ากอดล่ะ" เนมพยักหน้า แม็คจึงดึงเนมไปกอด
"แม็ค การแก้แค้น มันไม่ดีกับใครเลยนะ ถ้าแม็คเข้าหาเราโดยไม่แก้แค้นหรือยอมบอกความจริงตั้งแต่แรก ความสัมพันธ์ของเราอาจดีกว่านี้"
"ขอโทษ"
"การใช้ความโกรธแค้นนำทางชีวิตคู่มันไม่โอเคหรอก แต่อย่างน้อย เราก็ดีใจที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นแฟนแม็ค และแม็คก็เคยดูแลเราเป็นอย่างดี"
"ผมจะรอเนมนะ"
"อย่ารอเลย เราคงไม่เลิกกับพี่ตูนง่ายๆ"
เนมดันแม็คออกห่าง จากนั้น ต่างฝ่ายต่างนั่งมองหน้ากันโดยไม่พูดอะไร ฟากเนมคิดว่าแม็คก็คงเสียใจและอึ้งในคำตอบที่ชัดเจนอยู่เหมือนกัน เนมไม่ได้ไล่แม็ค เพราะรู้ดีว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ทั้งสองได้พบหน้า จึงปล่อยให้แม็คใช้เวลาใคร่ครวญ เผื่อต้องการพูดความในใจอะไรออกมาอีก แต่ทว่า เวลาผ่านไปได้สักพักใหญ่ๆ แม็คไม่พูดอะไร นอกจากขอกอดเนมอีกครั้งตรงหน้าประตูห้องนอน ก่อนขอตัวกลับ
ทั้งสองลงมาถึงชั้นล่าง ผ่านส่วนนั่งเล่นที่พี่ตูนนั่งรออยู่ แม็คปรี่ไปคุยกับพี่ตูนเป็นการส่วนตัว ปล่อยให้เนมยืนมองอยู่ห่างๆ ระหว่างที่แม็คและพี่ตูนพูดคุยกันนั้น แลดูใจเย็น ไม่โวยวาย ไม่เดือดดาลดั่งแต่ก่อน จนกระทั่ง แม็คหายลับไปจากลานสายตาจริงๆนั่นแหละ เนมถึงเดินไปหาคนรักเพื่ออยากถาม แต่ยังไม่ทันจะได้อ้าปากพูด พี่ตูนก็ชิงพูดก่อน เนมเอียงคอมองแฟนตัวเองที่จู่ๆก็โพล่งขึ้นมาไม่มีต้นสายปลายเหตุ
"ร้อนเนอะ?"
"พี่ไม่สบายเหรอ? ไม่เห็นร้อนเลย แอร์ก็เย็นดีออก"
"ถ่านไฟเก่ามันร้อน รอวันรื้อฟื้น แล้วคนมาทีหลัง ต้องทน ต้องฝืน..."
"กวนตีน แล้วนี่ไม่รีบไปทำงาน?"
"เวลานี้ ไม่มีอะไรสำคัญเท่าคนรัก"
"หืมมมม? ได้ข่าวว่าบริษัทยังไม่ได้กำไร"
"อืม เราก็มากัดก้อนเกลือกินด้วยกันไง รักแท้ เขาให้ดูกันตอนลำบาก"
"โอ้ยยยพี่ตูน...ยังมีแก่ใจจะมาเล่นอีก ไปทำงานเลย เดี๋ยวสาย"
"เนม แน่ใจนะว่าไม่เสียดายที่แม็คมาง้อ"
เริ่มงงกับนิสัยแฟนตัวเองที่ขึ้นๆลงจนปรับตัวตามไม่ทัน บทจะเฮฮาก็เฮฮา บทจะมาดขรึมก็วางตัวไม่ถูกกันเลยทีเดียว
"ไม่เสียดายครับ ว่าแต่เมื่อกี้ พี่คุยอะไรกัน"
"อยากรู้?"
"อืม"
เนมหน้าแดงก่ำ เมื่อเห็นพี่ตูนยื่นหน้ามาใกล้และกระซิบเสียงแผ่วแต่ฟังแล้วชวนสยิว
"แม็คบอกว่า ถ้าเนมใกล้เสร็จจะชอบจิกหลัง อืมม...ก็จริงอย่างที่มันพูด"
"แม่งพูดอะไรกันวะ ไร้สาระว่ะ ผมไปอาบน้ำก่อนนะ"
มองคนหน้าแดงแล้วเดินไป ก็ได้แต่อมยิ้มแล้วนึกถึงคำเพื่อนที่รอบนี้ ตูนสัมผัสได้ว่าแม็คพูดจากใจ
'อย่าเหี้ยเหมือนกู รักและดูแลเนมให้ดีมากกว่าที่กูเคยทำ ถ้าไม่ดี กูจะมาทวงคืน'
ถึงต่อให้แม็คไม่บอก ตูนก็ตั้งใจดูแลเนมให้ดีที่สุดอยู่แล้ว
ตูนผุดรอยยิ้มก่อนจะเดินตามไปหาเนมหวังขอสักจูบก่อนไปทำงาน
บางครั้งการเป็น
คนที่สามหรือมาทีหลังก็ใช่ว่าจะพ่ายแพ้เสมอไป...ทุกอย่างก็คงขึ้นอยู่กับจังหวะ โอกาส และปัจจัย แม้ว่า ความสัมพันธ์ของเนมและตูนจะเกือบเป็นไปไม่ได้ แต่พอเคลียร์ทุกอย่างลงตัว จนตูนได้รับความรักมา ตูนย่อมไม่พลาดที่จะดูแลและรักษาความสัมพันธ์นี้ให้ดีตราบเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้ด้วยหัวใจที่มี...และจะทำวันนี้ให้ดีที่สุด...
.................จบบริบูรณ์ .................
ขอบคุณที่ช่วยเป็นกำลังใจ เข้ามาติดตามและเข้ามาอ่านกันนะคะ
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะได้พบเจอกันในเรื่องอื่นน้าาาา
ขอบคุณมากมายจ้า
rinyriny