3
นางฟ้า
เรื่องที่เกิดขึ้นมันต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ทำไมทุกคนถึงได้ทึกทักว่าเขากำลังจะชิงสุกก่อนห่ามไอ้กะเทยโรคจิต ผู้ชายตัวใหญ่แบบนี้
ถึงหน้าจะสวยแค่ไหน แต่ริวก็ยังไม่บ้าพอที่จะไปขืนใจไอ้ผู้ชายตัวโต
“คิกคิก”
เสียงหัวเราะในลำคออย่างมีความสุขของลูซ แทบจะทำให้คนตัวเล็กสติแตก ชายหนุ่มเด้งพรวดจะลุกออกแต่ก็เสียท่าคนตัวสูง เพราะลูซกำลังโอบกอดเขาอยู่ พอพยายามจะยันกายลุก ก็โดนวงแขนแข็งแรงกดลงมา ทำให้ชายหนุ่มเสียหลักฟุบลงไป
จนปากร้อนกดลงมาจูบกับคางสวย
“อุ๊ย”
ดูเหมือนทุกคนที่อยู่ในห้องจะตกใจเบิกตากว้าง แต่แทนที่จะรู้สึกแย่ เสียงเหล่านั้นกลับดูตื่นเต้นดีใจเสียมากกว่า โดยที่ไม่ได้มองเลยว่าคนตัวเล็กที่โดนกระทำในตอนนี้รู้สึกอย่างไร
ริวรวบรวมสติ เขารีบยันกายตัวเองออก โดยไม่คิดชีวิต เขาไม่คิดจะตกอยู่ในสภาพที่น่ากลัวเช่นนี้ ไม่ว่ายังไง เขาก็ต้อง
หลุดพ้นจากบุคคลอันตรายนี้ให้ได้ คนตัวโตยอมลดปราการแข็งแกร่งลงทำให้ริวสามารถหลุดออกมาจากอ้อมกอดของเขาได้
ชายหนุ่มตัวสูงค่อย ๆ ยันกายนั่งพิงหัวเตียง ในขณะที่ริวแทบจะหยิบผ้ามาเช็ดปากตัวเอง
ท่าทางเอียงอาย ราวกับเสียบริสุทธิ์นั้นทำให้ริวอึ้งหนัก ทุกคนต่างเข้ามาหาชายหนุ่ม สายตาที่มองนั้นเต็มไปด้วยความ
กดดันพอสมควร เหมือนจะต้องการบอกว่า เขาควรจะรับผิดชอบที่ไปทำเกินเลยและลวนลามว่าที่เจ้าสาว
…แต่จะมีใครสักคนที่เข้าใจบ้างว่า เขาต่างหากที่กำลังโดนว่าที่เจ้าสาวคนนี้ลวนลาม…แถมเขายังเหมือนจะเสียเปรียบทุก
ทาง…ไม่มีใครเข้าใจเขาเลย…
“ริวต้องรับผิดชอบ”
เสียงของราตรีบ่งบอกว่าไม่คิดจะยอมให้เรื่องนี้ผ่านไปได้ง่าย ๆ ชายหนุ่มเงยหน้ามองมารดา อย่างเขาจะให้ไปรับผิดชอบ
ไอ้ผู้ชายตัวโตนี้อย่างไรกัน
“ผมไม่เข้าใจครับคุณแม่”
“ลูกชายของพี่ทำกับลูซแบบนี้ พี่คงต้องรับผิดชอบ”
“จริงเหรอคะ น้องดีใจจังเลยค่ะ”
รุ่นพี่รุ่นน้องต่างคุยกันอย่างถูกอกถูกใจ ริวหน้าเสีย เริ่มรู้สึกถึงลางไม่ดีที่จะกำลังตามมา
“ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว เรื่องที่เกิดขึ้น มันเสื่อมเสียกับน้องนะตาริว น้องเสียเปรียบ”
…เสียเปรียบ…ใครกันแน่ที่มันเสียเปรียบ!
ริวอยากจะทึ้งผมตัวเองแรงๆ นี่มารดาของเขากำลังคิดจะทำอะไรกันแน่ คงไม่ได้คิดจะทำอะไรแปลกๆ อีกใช่ใช่ไหม
เพราะแค่จับเขาแต่งงานกับไอ้กะเทยตัวใหญ่ มันก็เกินจะทนแล้ว ยังไงเขาก็ไม่มีวันยอมแต่ง ไม่มีวันยอมอยู่ใกล้ๆ ไอ้โรคจิตนี้แน่
“ก่อนแต่งงาน แม่จะให้น้องเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา ริวต้องดูแลน้องนะลูก”
“!!!”
คนตัวเล็กแทบจะลมจับ ร่างกายโงนเงน ลูซเข้าไปประครองร่างบาง ริวที่กำลังจะหลับตา พอได้รับสัมผัส ก็ลืมตาขึ้น เขา
เด้งตัวถอยหนีด้วยความตกใจ ลูซเลิกคิ้วด้วยความงุนงง แต่ก็ไม่วายส่งยิ้มหวานให้
…ทำไม…
….ทำไมใบหน้าสวยๆ แบบนี้ ต้องไปอยู่บนร่างผู้ชายด้วย!!...
สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมกับเขาเลยจริงๆ ถ้าคนตรงหน้าเขาเป็นผู้หญิง การตอบตกลงเรื่องแต่งงานอาจจะง่ายเสียยิ่งกว่าสิ่ง
ใด แต่เพราะลูซเป็นผู้ชาย และเขาเองก็ไม่ใช่เกย์ ไม่ได้มีรสนิยมบริโภคผู้ชายด้วยกัน
“เอาเป็นว่า เดี๋ยวสัปดาห์หน้า หนูลูซ ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของป้าได้เลยนะจ๊ะ”
“ครับ คุณป้า”
ลูซตอบพร้อมกับรอยยิ้มสวย แล้วหันไปกอดริวจากด้านข้าง วางคางเกยไหล่เล็ก เสียงทุ้มเอ่ยบอกอย่างร่าเริง
“ดีใจจังเลย ลูซจะได้ซ้อมเป็นภรรยาก่อนวันจริงด้วยล่ะ คิคิ”
คนพูดดูจะมีความสุขมาก ในขณะที่คนฟังนั่งอึ้ง ตัวค้างเป็นหินไปเสียแล้ว ทั้งพ่อทั้งแม่ต่างก็เข้าข้างเจ้าลูซนี่ แล้วหลังจากนี้ชีวิตของเขาจะเป็นอย่างไร แค่คิดริวก็แทบจะสิ้นสติ แต่เพราะเขาเป็นลมสติแตกมารอบหนึ่งแล้วจะให้เป็นซ้ำๆ มันก็ออกจะเกิน
ไปหน่อย
-------+++++-------
บ้า!!
เรื่องทั้งหมดมันต้องไม่ใช่เรื่องจริง!!!
ร่างเล็กลืมตาโพรงอยู่ในห้องนอน พรุ่งนี้ก็คือวันจันทร์ นั่นก็คือวันที่จะเริ่มต้นชีวิตอันแสนน่าสงสารของเขา
…เจ้านั่น…ไอ้กะเทยโรคจิตนั่น…จะเข้ามาอยู่ร่วมชายคาเดียวกับบ้านของเขา…
ก๊อกๆๆ
ริวไม่อยากจะเปิดประตู แต่ด้วยมารยาท เขาก็ต้องเด้งกายลุกจากเตียง เดินไปเปิดประตู แล้วก็พบกับสตรีที่อายุมากกว่า
เขาเพียงไม่กี่ปี
“พี่ริน”
“ก็ใช่น่ะสิ ฉันเอง”
“มีอะไรครับ”
ริวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย แค่คิดถึงวันพรุ่งนี้ เขาก็เซ็งจนไม่อยากจะทำอะไร แม้จะพยายามบอกกับตัวเองว่าไม่ให้คิดมาก แต่พอคิดแล้วใจมันก็ว้าวุ่นไปหมด เจอกันวันแรกก็โดนจูบ แถมยังโดนจับ…
…อ๊ากกก….
แค่คิด มือเล็กก็แทบจะเลื่อนไปดึงทึ้งผมตัวเองอย่างแรงเหมือนกับคนบ้า ดวงตาคู่สวยนั้นลนลาน คิดไม่ตกว่าควรจะทำ
อย่างไร เขาจะทำอะไรได้บ้าง แล้วเขาจะไปไหน หรือเขาจะต้องหนีไปอยู่คอนโด แล้วทำไมเขาจะต้องเป็นฝ่ายหนี ในเมื่อที่นี่มัน
คือบ้านของเขา ไม่ใช่ของเจ้านั่นสักนิด
“เป็นอะไรของแกห๊า!”
รินแทบจะตะโกนถามเมื่อเห็นน้องชายทรุดลงกับเก้าอี้ ทึ้งรั้งผมของตัวเอง ริวหลุดออกมาจากความคิดที่ฟุ้งซ่าน
…ใครจะไปคิดว่าเจ้ากะเทยโรคจิตนั่นมันจะมีผลต่อสมองของเขามากขนาดนี้…
…น่ากลัวโคตรๆ …
“คุณแม่ให้ฉันมาเรียกแกไปกินข้าว”
“ผมไม่หิว”
ริวเดินโซเซ แล้วล้มลงกับเตียง ใบหน้าฟุบลงกับเตียง รินเข้าไปกระชากคอเสื้อของริว สีหน้าของเธอแสดงถึงอาการไม่พอใจ
“อย่ามาลีลา ลงไปกินข้าว”
“โถ่…พี่ริน พี่ไม่ใช่ผม พี่ไม่เข้าใจหรอกครับ”
“เข้าใจ? เข้าใจอะไร?”
“ก็เรื่องที่ผมโดนบังคับให้แต่งงานกับเจ้ากะเทยนั่น”
ริวยันกายนั่ง ใบหน้าง้ำงอ รินเบ้ปาก แล้วหย่อนกายนั่งลงข้างๆกับน้องชาย เธอถอนหายใจออก
“ฉันเองก็ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณแม่ทำหรอกนะ”
คำสารภาพของพี่สาว ทำให้ริวแทบจะตาโต เนื่องจากพี่สาวของเขาไปต่างประเทศ เพิ่งจะกลับมาเมื่อไม่กี่วัน และเพิ่งจะมี
โอกาสได้คุยกันวันนี้ ชายหนุ่มขยับเข้าไปหารินทันที
“จริงเหรอครับ!”
ริวคลี่ยิ้มแห่งความดีใจและความหวัง เขารู้ว่าทั้งพ่อ ทั้งแม่และน้องสาว ต่างก็ชื่นชอบและเข้าข้างลูซ แต่ตอนนี้เขากำลังจะ
มีพวก นั่นก็คือพี่สาวของเขา
“จริงน่ะสิ ใครจะไปอยากมีน้องสะใภ้เป็นแบบนั้นล่ะ”
พอได้ยินคำกล่าวของพี่สาว ชายหนุ่มก็พุ่งไปกอดคนเป็นพี่ด้วยความปลื้มปิติ
“ผมดีใจจริง ๆ เลยครับ ที่พี่รินอยู่ข้างเดียวกับผม”
“เฮ้อ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น แต่ฉันจะไปขัดใจอะไรแม่ได้ล่ะยะ”
“ผมไม่ยอมแต่งงานกับไอ้กะเทยนั่นแน่ๆ ”
“แล้วคิดว่าฉันอยากจะยอมหรือไง”
“ถ้าไม่ยอม พี่ก็ช่วยผมสิครับ”
“หืม? ช่วย? ช่วยยังไง”
หญิงสาวขมวดคิ้วเข้าหากัน เธอไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่น้องชายบอกกล่าว ริว กระตุกยิ้ม ถึงแม้จะยังคิดไม่ออกว่าควรจะทำ
อะไร แต่เขาก็คิดว่าคงต้องทำทุกวิถีทางที่จะกำจัด ขับไล่ ลูซออกไปให้ได้
“ผมก็ยังคิดไม่ออกหรอกครับ แต่ว่าผมคงต้องทำทุกอย่างให้เจ้านั่น ตัดใจจากผม แล้วก็ขอยกเลิกงานแต่งให้ได้”
“อืม…เอาเป็นว่า ฉันจะช่วยแกทุกทางก็แล้วกัน”
“จริงนะครับ พี่ริน”
“จริงสิ!”
เพราะในอดีตก็มีความทรงจำที่ฝังใจ คนรักแรกของเธอที่เคยคบกันมาเกือบสามปี มาขอเลิกด้วยเหตุผลที่ว่า
…เขาคิดว่าเขารักผู้ชายด้วยกัน…
มันทำให้รินรู้สึกเจ็บใจมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าจะยังไง เธอก็ไม่คิดจะให้อภัยพวกผิดเพศแบบนั้นเด็ดขาด เธอไม่คิดจะมีน้องสะใภ้เป็นผู้ชาย เธอต้องมีน้องสะใภ้เป็นผู้หญิง
“ขอบคุณมากนะค้าบ พี่ริน”
ชายหนุ่มกอดหญิงสาวไว้แน่น กดหอมแก้มนิ่มของเธอซ้ำๆ จนรินเบ้หน้าหนีแล้วดันหน้าริวออก
“รีบลงไปกินข้าวได้แล้วย่ะ! ทุกคนรอนานแล้ว”
“ครับผม!”
-------+++++-------
Rrrrrr
ชายหนุ่มในชุดสูท หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย เสียงจากปลายสายทำให้เขาต้องระบายยิ้มออกมา
“ว่าไงวะ”
[วันนี้ว่างเปล่า ฉันเจอที่เจ๋งๆ ว่ะ]
“ที่ไหนอะ…น่าสนใจมากหรือเปล่า”
ริวเหลือบตาขึ้น พลางคิดจินตนาการตามน้ำเสียงของเพื่อนรักที่โทรมา พอได้ยินประโยคตอบรับ ชายหนุ่มก็คลี่ยิ้มอย่าง
พอใจ
[แจ่มๆ ทั้ง สเปคแกทุกคนเลย อกเป็นอก เอวเป็นเอว]
แค่คิดก็พาลจะน้ำลายไหล ริวสะกดกลั้นความต้องการเอาไว้ เขาก้มมองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาเลิกงาน ชายหนุ่มออก
จากบริษัท รีบตรงไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่
“ได้เลย…เดี๋ยวคืนนี้เจอกัน”
อารมณ์ที่เคยขุ่นมัว เพราะต้องมานั่งระแวงว่าสัปดาห์นี้จะมีคนมาอยู่ร่วมชายคาได้ลืมเลือนไป เพราะตอนนี้ริวได้รับสิ่งที่เร้าใจมากกว่า คืนนี้คงเป็นการเที่ยวที่ชวนให้เขาได้พักผ่อนหย่อนใจ แค่คิด…ชายหนุ่มก็สุขเสียจนแทบทนไม่ไหว
เขาพาตัวเองมาหยุดอยู่ที่หน้าคลับแห่งหนึ่ง พอเข้าไป ก็เจอกับพนักงาน พอบอกชื่อคนที่จองห้องเอาไว้ พนักงานก็ผาย
มือเดินนำเขาไปยังห้องวีไอพี
แกร็ก
ประตูห้องถูกเปิดออกไป ริวยกมือทักทายเพื่อนรักที่นั่งอยู่คนเดียว ขาเรียวยาวนั่นยกขึ้นมาไขว่ห้าง ในมือมีแก้วไวน์อยู่
“ไหนวะ สาวๆ ของแก”
คนตัวเล็กมองจนทั่วแล้วก็ไม่พบว่ามีใคร วาโยเพื่อนตัวสูง ผิวขาวสะอาด ใบหน้าหล่อตามสไตล์คนจีนยกมือตบที่เบาะ
โซฟา
“นั่งก่อนดิวะ ใจเย็นๆ”
“เออ”
ริวตอบรับอย่างเซ็งๆ หย่อนกายนั่งลงใกล้ๆ เพื่อนรัก วาโยเป็นเพื่อนกับเขามาตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย เพราะว่ามีนิสัยคล้ายๆ
กัน เลยทำให้อยู่ด้วยกันได้ วาโยเองก็เจ้าชู้เหมือนกับเขา เพียงแต่รูปร่างของชายหนุ่มนั้นสูงโปร่งกว่าเขา วาโยสูง 183
เซนติเมตร ในขณะที่เขาสูงแค่ 170 เซนติเมตร แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความเป็นเพื่อนของพวกเขาแตกต่าง
แขนเรียวยาว พาดลงบนไหล่เล็ก ริวหันไปมองวาโย เขาเอนศีรษะพิงกับพนักพิงโซฟา วาโยมองเพื่อนรัก แล้วก็ได้แต่
สงสัย
“เป็นอะไรวะ ดูหน้าเครียดๆ”
“จะมีเรื่องอะไรล่ะ”
“อ๋อ…เรื่องที่แม่แก บังคับให้แกแต่งงานอะนะ?”
“เฮ้อ”
พอได้ยินเสียงถอนหายใจของเพื่อน วาโยก็รู้เลยว่า สิ่งที่เขาคิดมันถูกต้อง มือร้อนตบบ่าเพื่อนรัก เป็นเชิงให้กำลังใจ
“ถ้าแกไม่อยากแต่งก็บอกแม่แกไปสิวะ อีกอย่างแกก็เพิ่งจะยี่สิบสี่เอง ให้พี่สาวแกแต่งไปก่อนสิ”
“ฉันบอกแล้ว แต่คุณแม่บอกว่า ถ้าไม่ยอมแต่งจะตัดแม่ตัดลูก”
“เฮ้ย! คงไม่ขนาดนั้นมั้ง แกเป็นลูกนะเว้ย”
“แกก็รู้ว่าคุณแม่เป็นคนพูดจริงทำจริง”
ไม่ใช่ว่าริวไม่เคยขอร้องมารดาว่าไม่อยากแต่งงาน แต่มารดาเขาก็ไม่ยอม แถมยังบอกว่าถ้าไม่แต่งจะตัดแม่ตัดลูก รวมทั้ง
ตัดออกจากกองมรดกเสียด้วย
“เอาน่า…แม่แกจะให้แต่งงาน ฉันเชื่อว่าคนคนนั้นต้องสวยใช่ไหมล่ะ”
“อืม…ก็สวย”
ริวปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ลูซเป็นคนที่มีหน้าตาสวยมาก และถูกใจเขามากที่สุด ในบรรดาผู้คนที่เขาเคยเจอ ยอมรับเลยว่าเคย
เก็บเอาใบหน้านั้นไปฝัน แต่ความฝันของเขาก็เหมือนฝันร้าย เมื่อกลับกลายเป็นว่านางฟ้าที่แสนงดงามนั่น คือ…ผู้ชาย
“แกก็ชอบคนสวยนี่หว่า ได้เมียสวยๆ แล้วจะมีปัญหาอะไรวะ มีผู้หญิงสวยๆ มาแต่งงานด้วย แกน่าจะดีใจ”
“ผู้ชาย…”
เสียงเรียบๆ ของริว สร้างความประหลาดใจวาโย เขาเคยบอกเพื่อนรักไปแล้วก็จริงว่าเขาจะแต่งงาน แต่ก็ไม่ได้บอกไปว่า
ต้องอดสูถึงขั้นแต่งกับผู้ชายด้วยกัน
“แกหมายความว่าไงวะ”
วาโยถามออกไปด้วยความงงหนัก ที่อยู่ๆ ริวก็พูดคำว่าผู้ชายออกมา ร่างสูงถอนหายใจอย่างเซ็งจัด
“เจ้าสาวของฉันเป็นผู้ชาย มันสูงตั้ง 189 เซนติเมตร ไอ้กะเทยเปรตนั่น ฉันต้องแต่งงานกับมัน”
ริวพรั่งพรูถ้อยคำที่แสนเจ็บปวด มือเล็กแทบจะยกขึ้นมาขยุ้มผมของตัวเอง พอคิดทีไรแล้วเขาแทบจะสติแตก เขาอยากจะ
บ้า เขาต้องแต่งงานกับไอ้ผู้ชายนั่น เขาเกลียดมัน ไอ้กะเทยโรคจิต ไอ้….
สารพัดคำด่าที่เกิดขึ้นในสมองของริว อยากจะผลักไสเจ้าโรคจิตนั้นให้ไปไกล ๆ แต่อีกไม่นาน เจ้านั่นก็จะย้ายเข้ามาในบ้าน
…เขารับไม่ได้ รับไม่ได้!!!...
พนักงานหนุ่มเดินเข้ามารับออเดอร์ วาโยละสายตาจากเพื่อนรักแล้วหันไปสั่งอาหารเพียงไม่กี่อย่าง ริวเงยหน้าขึ้น อ้าปาก
ออกไปเสียงดัง
“เหล้า! ไปเอาเหล้ามา! เอาเยอะๆ เอามาเยอะๆ เลย”
ชายหนุ่มสั่งออกไปรัวเร็ว ตอนนี้เขาเหมือนคนจะสติแตกแล้ว เขาคิดหนทางอะไรไม่ออก ขอแค่ดื่มเหล้า อาจจะช่วยได้
“เฮ้ย ใจเย็นๆ สิวะ”
“เร็วๆ สิน้อง”
ริวหันไปเร่งพนักงาน พนักงานหนุ่มก้มหัวเพียงนิด เอ่ยปากตอบรับ แล้วเดินออกจากห้องไป วาโยเห็นสภาพเพื่อนรักไม่
ค่อยดี จึงหยิบโทรศัพท์กดโทรหาเจ้าของร้านให้ส่งสาว ๆ มาช่วยทำให้เพื่อนเขาอารมณ์ดีขึ้น
“เครียดอะไรอยู่เหรอคะ?”
เสียงใสๆ พร้อมกับผู้หญิงสามคนนั้นเดินเข้ามาในห้อง ริวละสายตาจากแก้วเหล้าที่เขาได้สั่งไป มือเล็กกำลังยกแก้วเหล้า
กระดกดื่มเป็นอันต้องชะงัก ใจของเขาเต้นแรงเมื่อเห็นต้นขาขาวเนียนที่โผล่พ้นชุดเดรสสีดำมันวาว
อึก…แม่เจ้าโว้ย…
เลือดในกายเดือดพล่าน พวกเธอขยับเข้ามานั่งใกล้ๆ ริว ชายหนุ่มหลุดออกมาจากความคิดที่แสนกังวล วาโยเอง จากที่ตอนแรกจะเข้าไปปลอบใจเพื่อน แต่พอเห็นของสวยๆ งามๆ อยู่ตรงหน้าแล้ว เขาก็ไม่คิดจะสนใจ เพราะตอนนี้ริวเองก็เหมือนจะ
สนุกไปกับสุรานารี เสียจนไม่คิดถึงความทุกข์ที่กำลังกังวลใจ
แม้จะเป็นคนที่ชอบเที่ยว แต่ว่าวาโยก็เป็นคนที่มีความรับผิดชอบต่อการงานที่ได้รับ เขาเองก็เป็นถึงระดับผู้บริหาร เรื่องผู้
หญิงก็เหมือนเป็นอาหารอย่างหนึ่งที่ต้องเลือกเสพโดยไม่ให้กระทบต่อหน้าที่การงานจนมากเกินไป เขาไม่ได้ดื่มมากมายเหมือนกับริว อันที่จริงในยามปกติแล้ว ริวจะไม่ค่อยเป็นพวกนักดื่มสักเท่าไหร่นัก แต่เหมือนว่าวันนี้เจ้าตัวจะเครียดหนักถึงได้กระดกน้ำสี
อำพันลงคอราวกับเป็นน้ำเปล่า และแน่นอนว่าผลสุดท้ายของมันก็คือ…
“เฮ้ย! ริว พอได้แล้ว เมาแล้วนะโว้ย”
นาฬิกาบอกเวลาเกือบเที่ยงคืน วาโยคิดว่าถึงเวลาที่เขาจะต้องกลับแล้ว พรุ่งนี้ก็เป็นวันที่ต้องไปทำงานเหมือน มาเที่ยววัน
นี้ก็เหมือนมาคลายเครียด ริวโงนเงน จะจับแก้วเหล้ายกดื่ม ทั้งๆ ที่แก้วนั้นมันว่างเปล่าไปแล้ว
“คราย…ครายเมา ม่ายมีสักนิ๊ดด”
“พรุ่งนี้แกก็ต้องไปทำงานไม่ใช่เหรอวะ ลุกๆ กลับได้แล้ว”
วาโยยืนขึ้น กระชากแขนของเพื่อนให้ยืนตาม เขาหันไปยิ้มให้กับสาวๆ และบอกพวกเธอให้กลับไปได้แล้ว โดยที่ไม่ลืมให้
เงินเล็กๆ น้อยๆ แก่พวกเธอก่อนที่จะไป
“ไอ้เชี่ยริว…แกจะทำให้ฉันต้องลำบากอีกแล้วใช่ไหมวะ”
ร่างสูงพรูลมหายใจออกมาอย่างเซ็งจัด เขาโทรเรียกพนักงานให้มาช่วยลากเพื่อนเขาไปที่รถ ดูท่าแล้ววันนี้ริวคงจะขับรถ
กลับบ้านเองไม่ได้ เขาเองก็เป็นห่วงความปลอดภัยของเพื่อน สุดท้ายวาโยก็เป็นคนพาริวกลับไปส่งที่บ้าน
“ว้าย! ตายแล้ว”
“ริวเมาหนักน่ะครับคุณแม่ ผมเลยมาส่ง”
“เหลวไหลจริงๆ เจ้าลูกคนนี้”
ราตรีเอ่ยตำหนิบุตรชาย เธอมองวาโยที่ประครองร่างของริวไปวางไว้ที่โซฟาใจกลางบ้านหลังใหญ่
“นี่ก็ดึกมากแล้ว ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับคุณแม่”
“จ้า ยังไงแม่ก็ขอบใจมากนะจ๊ะ ที่อุตส่าห์พาตาริวมาส่ง”
“ไม่เป็นไรครับ ลาล่ะครับ”
ชายหนุ่มยกมือไหว้ราตรี ก่อนจะเดินออกจากบ้านไป หญิงวัยกลางคนถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ทำไมสภาพ
ลูกชายของเธอถึงได้เป็นแบบนี้
“มีอะไรกันเหรอครับคุณป้า”
เสียงทุ้มดังขึ้น ราตรีสะดุ้งเล็กน้อย ในเย็นวันนี้ลูซได้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของเธอแล้ว ชายหนุ่มเดินลงมาจากบันได วันนี้
ต้องนอนต่างที่ จึงนอนไม่ค่อยหลับ เขาเลิกคิ้วเมื่อเห็นร่างที่นอนอยู่บนโซฟา
“เอ๊ะ…ริวจัง”
ใบหน้าหล่อน่ารักแดงก่ำ เสื้อผ้าที่สวมก็ไม่ค่อยเรียบร้อย กระดุมเสื้อถูกปลดจนถึงสามเม็ด ราตรีถอนหายใจออกมา
“ตาริวนี่เหลวไหลมากๆ ลูซคงจะผิดหวังมากเลยใช่ไหมจ๊ะ”
“ไม่หรอกครับคุณป้า ผู้ชายก็ต้องดื่มสังสรรค์กันอยู่แล้วล่ะครับ”
ว่าที่ลูกสะใภ้เอ่ยบอกพร้อมกับรอยยิ้ม ราตรียกมือทาบอก ใบหน้าปลื้มปริ่ม ว่าที่ลูกสะใภ้ของเธอช่างแสนดี เธอนี่เลือกลูกสะใภ้ไม่ผิดเลยจริงๆ
“อย่าเรียกว่าป้าเลยนะ มาซ้อมเรียกคุณแม่ดีกว่านะลูก”
“ครับ คุณแม่”
พูดไปก็เขินไป ลูซเองก็เขินที่ต้องเรียกราตรีว่าแม่ แต่พอคิดอีกที อีกไม่นานเขาก็จะเป็นสะใภ้ของที่นี่ แค่คิดก็มีความสุข
จนแทบจะคลั่ง
“แล้ว…ริวจัง”
“อ่า…สงสัยคงต้องปล่อยไว้ตรงนี้ เพราะว่าทุกคนก็คงเข้านอนกันหมดแล้ว”
“ถ้าคุณแม่ไม่ว่าอะไร ลูซขอเป็นคนพาริวจังไปนอนในห้องได้ไหมครับ ลูซ อยากดูแลริวจัง ถ้าริวจังอยู่ตรงนี้ ริวจังอาจจะ
ไม่สบายก็ได้”
“ต๊าย…ตาย ลูกแม่ ช่างเป็นคนดีอะไรอย่างดี ตาริวต้องดีใจมากแน่ๆ ถ้าตื่นมาแล้วเห็นหนูอยู่ดูแลใกล้ๆ”
ร่างสูงบิดกายเล็กน้อยอย่างเขินอาย เขาพยักหน้ารับคำชมของว่าที่แม่สามี แล้วเข้าไปช้อนตัวริวขึ้นมาในท่าเจ้าสาว
“ไหวไหมลูก”
“สบายมากครับคุณแม่…เพราะภรรยามีหน้าที่ดูแลสามีนี่ครับ”
ชายหนุ่มเอ่ยไป ก็เขินไป ราตรีได้แต่มองตามคนตัวสูงที่อุ้มลูกชายเธอด้วยแขนทั้งสองข้าง รู้สึกดีใจมากเหลือเกินที่ต่อ
จากนี้เธอคงจะหมดห่วง เพราะว่ามีลูกสะใภ้ที่น่ารัก
ขาเรียวยาวก้าวเดินขึ้นบันได แขนแข็งแกร่งข้างหนึ่งนั้นซ้อนเข้าใต้วงแขนเล็ก โอบอุ้มลำตัว ส่วนแขนอีกข้างก็ซ้อนเข้าที่
ข้อพับขาทั้งสอง ริวปรือตามองอย่างมึนงง สิ่งที่เห็นเบื้องหน้าทำให้ชายหนุ่มคลี่ยิ้มออกมา ในขณะที่คนตัวสูงก้าวเดินตรงไปยัง
ห้องนอนของริว
“นางฟ้า…”
ชายหนุ่มเอ่ยออกมาราวกับเพ้อ มือเล็กขยับเลื่อนไปสัมผัสแก้มของนางฟ้าตรงหน้า ลูซคลี่ยิ้ม ใช้มือดันประตูเข้าไปให้นอน แล้วยกเท้าดันให้ประตูปิด ใช้ไหล่กด
สวิซต์เปิดไฟให้ห้องสว่าง เขาเดินตรงไปยังใจกลางห้อง
“สวย…นางฟ้า…บนสวรรค์”
ริวเอ่ยเสียงหวาน ลูซค่อยๆ วางร่างบางลงบนเตียง เขาคลี่ยิ้มอย่างงดงาม ริวมองอย่างเพ้อฝัน ยกมือไปลูบแก้มของลูซ
นิ้วเล็กไล่ต่ำลงมาที่ริมฝีปาก
“ริวจัง…”
ลูซเรียกเสียงแผ่ว ดวงตาคู่สวยทั้งสองปรือปรอย แก้มแดงก่ำเพราะฤทธิ์แอลกฮอล์ เขาส่งยิ้มหวานให้กับนางฟ้าตรงหน้า ลูซค่อยๆ ขยับกายเคลื่อนเข้าไปใกล้ มือลูบไล้ไปตามตัวของชายหนุ่ม
“สวรรค์…”
คนตัวเล็กเอ่ยเสียงแผ่วเบา แต่ก็ทำให้ลูซได้ยินชัดเจน เขากระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างร้ายกาจ
“ไม่ต้องห่วงนะริวจัง…ลูซจะดูแลริวจังเป็นอย่างดี…”
“อ่า…”
“จนเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ทั้งเป็นเลยล่ะ…หึหึ”
100%
13/5/59
ฝากเพจด้วยนะคะ
https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/