@ 65th Game – Bicycling at Nan
หลังจากทานมือเย็นแสนอร่อยบนแพกลางเขื่อนสิริกิต์กันเสร็จ พวกเราก็มานั่งล้อมวงกันไอ้อาร์มอยากให้พวกเรารู้จักกันมากขึ้น เพราะมีบางคนที่เพิ่งจะเป็นเพื่อนกันเลยจัดให้เปิดใจกัน โดยที่พวกเราล้อมวงเป็นครึ่งวงกลมกัน
“ออกมาพูดทีละคนนะ คนพูดออกมานั่งตรงกลาง ชิดราวระเบียงกันตก จะได้เห็นหน้ากันทุกคน” ไอ้อาร์มชี้ไปที่เกาอี้ ที่ตั้งอยู่กลางหันหน้าออกมาหาพวกเรา
“พูดแนะนำตัวเอง แล้วก็อนาคตของตัวเองที่อยากจะเป็น พูดได้คนละไม่เกิน 3 นาที” ไอ้อาร์บอกกติกา
“เริ่มจากใครก็ได้ที่พร้อมแต่ต้องพูดทุกคน แต่วันนี้ขอแค่ 16 คนแรกก่อนเนอะ”
“เราเริ่มก่อนเลยละกัน” ไอ้อาร์มเป็นคนแรกที่เดินไปนั่งเก้าอี้
“เริ่มก่อนเนอะ ได้เปรียบนะ 555+” มันหัวเราะแก้เขิน
“ชื่ออาร์มครับ ชื่อจริง ญาณโชติ มงคลวัฒน์ เป็นลูกคนเดียวครับ”
“ตอนนี้เป็นเลขาของสภานักเรียนครับ โรงเรียนกางเกงสีดำแถวๆสาธรนะครับ”
“เกิด 12 พ.ค แล้วก็ชอบสีชมพูอ่อน ดาราที่ชอบ Robert Pattinson ครับ” มันเอามือขึ้นเกาหัวแก้เขิน
“อยากเรียนเภสัช แต่ไม่รู้จะสอบติดหรือเปล่า”
“ดีใจที่ได้รู้จักกับพวกมรึงนะ” ไอ้อาร์มพูดจบก็ลุกจากเกาอี้ เสียงตบมือดังขึ้น ไอ้บีมเดินเข้าไปต่อ
“บีมนะครับ อลงกรณ์ ศรพิษณุ ครับ”
“เกิด 9 มี.ค ครับ ชอบสีเหลืองครับ มีพี่ชาย 2 คน บีมเป็นคนเล็กครับ”
“ตอนนี้เป็นสมาชิกชมรมเทนนิสครับ โรงเรียนกางเกงสีดำแถวๆสาธรครับ”
“บีมเล่นประเภทคู่ๆกับไอ้ไบร์ทครับ”
“อยากเรียน นิเทศ ครับ มอไหนก็ได้”
“ดีใจที่สุดก็คงเป็น ติดทีมเทนนิสโรงเรียนครับ” เสียงตบมือดังขึ้น แต่มีเสียงเป่าปากจากไอ้โอมแถมมาด้วย ไอ้บีมลุกขึ้นจากเก้าอี้ ไอ้ไบร์ทก็เดินเข้ามาเสียบต่อ
“เริ่มเลยนะครับ ไบร์ทครับ” ไอ้ไบร์ทพูดแก้เขิน
“ภัทราวุธ อุดมโชค ครับ ที่บ้านผมมีพี่น้อง 2 คน คนโตเป็นพี่สาว ผมเป็นคนเล็ก”
“เกิด 9 ก.ย ครับ ตอนนี้เป็นสมาชิกชมรมเทนนิส โรงเรียนกางเกงสีดำแถวสาธร”
“ผมเล่นประเภทคู่ครับ คู่กับไอ้บีม”
“อยากเรียน นิติ ถ้าได้มอแถวท่าพระจันทร์ก็ดีครับ”
“ดีใจที่สุดคือได้เกิดมาในครอบครัวอุดมโชคครับ” ไอ้เกมส์เป่าปากตั้งแต่ไอ้ไบร์ทยังพูดไม่จบดี เลยโดนไอ้ไบร์ทเอาค้อนปาหน้าไปหนึงที พอไอ้ไบร์ทลุกไอ้ปั๊ปก็เข้ามานั่งแล้วก็พูดต่อ
“ปั๊ป ครับ” “มัชฌิมา ปฏิภาณ ครับ”
“ผมเป็นหัวหน้าชมรมดุริยางค์ โรงเรียนกางเกงสีน้ำตาลแถวถนนพระราม 1 ครับ”
“ผมเล่น ฟลุ๊ตครับ”
“ผมเป็นลูกคนกลางครับ มีพี่ชาย 1 คน มีน้องสาว 1 คน
“เกิด 17 มิ.ย ครับ อยากเรียน คณะดุริยางค์ศิลป์ มอแถวศาลายาครับ”
“ดีใจที่สุดนี่คงเป็นตอนติดวงดุริยางค์โรงเรียนครับ” ไอ้ปั๊ปพูดจบ เสียงตบมือดังขึ้นแล้วไอ้นัทก็เข้าเดินเข้าไปนั่งเกาอี้พูดเป็นคนต่อไป
“บารมี ศีลรักษา ครับ ชื่อเล่น นัท ครับ”
“เกิด 22 ม.ค มีพี่สาว 1 คนครับ”
“ผมเป็นหัวหน้าชมรมเชียร์ โรงเรียนกางเกงสีน้ำเงินแถวๆบางรักครับ”
“อยากเรียน นิเทศ ครับ มออะไรก็ได้ครับ”
“ดีใจที่สุดคงเป็นตอนได้เป็นหัวหน้าชมรมเชียร์ครับ” เสียงตบมือดังขึ้นโดยเฉพาะจากไอ้บูม ไอ้ริวเป็นคนพูดคนต่อไป
“ผมริวนะครับ ดิศษฎา ทิวากร ครับ”
“ผมเป็นหัวหน้าชมรมดนตรี โรงเรียนกางเกงสีดำแถวๆพาหุรัดครับ”
“ผมเล่นดนตรีได้เกือบทุกอย่างครับ แต่ที่ถนัดที่สุดคงเป็น เปียโนกับคีย์บอร์ดครับ”
“เกิด 24 ก.ย ครับ ผมเป็นลูกคนรอง มีพี่ชาย 1 คน น้องสาวอีก 2 คนครับ
“อยากเรียน ดุริยางค์ศิลป์ เหมือนกับไอ้ปั๊ปครับ”
“ดีใจที่สุดคงเป็นตอนชนะประกวดเปียโนชิงถ้วยรางวัลพระราชทานครับ”
“น่าจะมีเท่านี้นะครับ” ไอ้เบลเดินออกมาจากเกาอี้ เสียงตบมือดังขึ้น แล้วไอ้เบลก็เดินเกาหัวแกรกๆเข้าไปพูดเป็นคนต่อไป
“ 555+ ผมเบลนะครับ ฐาภิรัชต์ ธวัชวงศ์ ครับ” ไอ้เบลหัวเราะแก้เขินนำมาก่อนเลย
“เกิด 19 ก.ค มีพี่สาว 1 คนครับ”
“ตอนนี้เบลเป็นหัวหน้าชมรมถ่ายภาพ โรงเรียนกางเกงสีดำแถวๆสาธรครับ”
“อยากเรียน นิเทศศาสตร์ครับ และเป็นช่างภาพมืออาชีพครับ”
“ดีใจที่สุดตอนได้กล้องตัวนี้มาครับ เป็นกล้องที่เก็บตังค์ซื้อเองครับ” ไอ้เบลชูกล้องถ่ายรูปตัวเก่งของมันให้พวกเราดูกัน พวกเราตบมือให้กับไอ้เบล แล้วไอ้แดนก็เป็นคนต่อไป
“แดนครับ เตชธร รัตนศิลป์ ครับ”
“ผมเป็นหัวหน้าชมรมกีฬา X-Game โรงเรียนกางเกงสีน้ำเงินแถวถนนเพชรบุรีครับ”
“ผมเล่น จักรยานผาดโผนครับ”
“เกิด วันปีใหม่ไทยครับ มีน้องชาย 2 คน ผมเป็นคนโต”
“อยากเรียน วิศวะ ครับ”
“ดีใจที่สุดคงเป็นตอนหาเงินได้เองครั้งแรกจากการขี่จักรยานครับ” ไอ้แดนยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ไอ้เบสต์ตบมือเสียงดังให้กับไอ้แดน ไอ้แดนก็ยิ้มแบบเขินๆออกมา ต่อไปเป็นไอ้เบียร์ คุณพี่สะใภ้ของผมเองครับ
“คนธีร์ วีรพัฒนชัย เบียร์ ครับ”
“เบียร์ มีพี่สาว 2 คนครับ เกิด 31 ตุลา วันฮาโลวีนพอดีครับ”
“เบียร์ เป็นหัวหน้าชมรมคหกรรม โรงเรียนกางเกงสีดำแถวๆสาธรครับ”
“เบียร์ อยากเรียน คณะเทคโนโลยีอาหาร หรือไม่ก็คหกรรมศาสตร์ครับ แต่ที่แน่ๆคือยังไงต้องเรียน เลอ กอร์ดอง เบลอ ที่ฝรังเศษ ให้ได้ครับ”
“ดีใจที่สุด ก็คือตอนทำขนมแล้วทุกๆคนชอบครับ” เสียงตบมือดังขึ้น โดยเฉพาะไอ้เบนซ์กับพวกเรา ที่เคยชิมฝีมือไอ้เบียร์มาแล้วว่าอร่อยแค่ไหน
“วิน ครับ หรรษนัย สุวรรณรัตน์ ครับ”
“วินเป็นลูกคนเดียวครับ เกิด 1 มิ.ย ครับ”
“วินเป็นหัวหน้าชมรมวารสาร โรงเรียนกางเกงสีดำแถวๆ สาธรครับ
“วินอยากเรียนคณะ วารสาร มอแถวๆท่าพระจันทร์ครับ
“ดีใจที่สุดเหรอครับ คงเป็นตอนที่ได้เจอไอ้บัดมั้งครับ” ไอ้วินพูดไปเขินไปจนหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อๆ แล้วก็เริ่มมีเสียงแซวดังไปรอบวง สวนไอ้บัด ก็ทำท่าส่งจูบให้ไอ้วิน ยิ่งทำให้ไอ้วินยิ่งเขินไปใหญ่ ไอ้คริส จะเป็นคนพูดคนต่อไป
“คริส ครับ เฟดเดอริก สมิท ครับ”
“ผมเป็นลูกครึ่งไทย-เยอร์มันครับ”
“ผมเกิดวันที่ 9 ก.พ มีน้องสาว 1 คน
“คริสอยู่ชมรมบาสฯ โรงเรียนกางเกงสีเทาที่บางแสนครับ”
“อยากเรียนอะไร ยังไม่แน่ใจครับ ระหว่าง วิศวะ
หรือ วิทยา ครับ”
“ดีใจที่สุดก็คงตอนติดชมรมบาสที่โรงเรียนครับ” ไอ้หน้าฝรั่งพูดจบ เสียงตบมือดังขึ้น แล้วต่อไปก็เป็นคิวของไอ้แฝด ที่มันขอออกไปพูดพร้อมกันเลย
“พลัส ลีลภัทร สวัสดิกุล ครับ
“พาย ธีรภัทร สวัสดิกุล ครับ
“เราสองคนเป็นแฝดกันครับ จุดสังเกตพวกเราคือ พลัสมีขี้แมลงวันตงแก้มซ้าย แต่พายไม่มีครับ”
“ผมกับพายเกิดวันที่ 25 ก.ค ครับ”
“ผมเป็นเลขาชมรม ส่วนพายเป็นหัวหน้าชมรมว่ายน้ำ โรงเรียนกางเกงสีเขียวที่ขอนแก่นครับ”
“ผมอยากกับพลัสอยากเรียนคณะ วิทยาศาสตร์การกีฬา มอแถวศาลายาครับ”
“ดีใจที่สุดก็คงได้เป็นแฝดกับไอ้พายมั้งครับ”
“อ้าวไอ้นี่” พายหันไปบ่นไอ้พลัส
“ดีใจที่สุดของผมก็คงเป็นแฝดกับพลัสล่ะครับ” พวกเราตบมือให้ไอ้แฝดหลังจากมันแนะนำตัวกันเสร็จ คิวต่อไปเป็นไอ้บอมบ์
“บอมบ์ครับ ฌานนุวัฒน์ รักษาบุญ ครับ” ไอ้บอมบ์เริ่มแนะนำตัว
“บอมบ์เกิด 17 ธ.ค ครับ มีพี่สาว 1คน”
“บอมบ์เป็นหัวหน้าชมรมแบดมินตัน โรงเรียนกางเกงสีม่วงที่พิษณุโลกครับ”
“อยากเรียนคณะ บริหารธุรกิจ เอกบัญชี ครับ”
“ดีใจที่สุดก็คงเป็นตอนได้แชมป์แบดมินตันเยาวชนภาคเหนือครับ” ไอ้บลูยิ้มหน้าบานตอนที่ไอ้บอมบ์แนะนำตัว พวกเราตบมือให้ไอ้บอมบ์หลังจากแนะนำตัวเสร็จ ผมเป็นคนสุดท้ายที่เดินเข้าไปครับ
“โบ้ทครับ รัชชานนท์ สุขอนันต์ ครับ”
“ผมเกิด 15 ธ.ค ครับมีพี่ชายหนึ่งคนที่เกิดหัวปี นั่งหัวโด่หน้าหล่ออยู่ตรงนั้นครับ” ผมผายมือไปที่ไอ้เบนซ์
“ผมเป็นหัวหน้าชมเทนนิส โรงเรียนกางเกงสีดำแถวสาธรครับ”
“อยากเรียน คณะการท่องเที่ยวและโรงแรมครับ”
“ดีใจที่สุดคงเป็นตอนนำทีมโรงเรียนคว้าแชมป์เทนนิส ครับ ชนะโรงเรียนไอ้เกมส์ครับ” ผมได้ทีแกล้งยั่วไอ้เกมส์
“เออ ชนะทีเดียวคุยใหญ่นะมรึง” ไอ้เกมส์แซวกลับมา
“แค่นี้ล่ะครับ” ผมกำลังจะลุกจากเก้าอี้
“เฮ้ยย มรึงไม่ดีใจที่สุดที่ได้กลับมาคบกับไอ้บอสอีกรั้งหรา” ไอ้แบงค์ปล่อยหมาออกมากลางวง เล่นเอาฮือ กันทั้งวง โดยเฉพาะไอ้เชี่ยเกมส์ ส่วนผมหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกไปเรียบร้อย
ไอ้ไปป์เดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรงกลาง
“เห็นสมาคมแม่บ้านออกมาแนะนำตัวกันคบแล้ว” ไอ้ไปป์ยิ้มแก้มแถบปริที่ได้แซวพวกเรา
“เชี่ยไปป์ หาคำอื่นไม่ได้เหรอวะ” ผมตะโกนด่ามันกลางวง
“หรือจะเอาสมาคมเมียจ๋าวะ” ไอ้ไปป์ยังคงได้ทีแหย่พวกเราต่อ
“แม่บ้านก็ได้วะ เมียจ๋าไม่ไหววะ หมดกัน” ไอ้เบียร์รีบตะโกนบอก
“เข้าเรื่องๆ” ไอ้ไปป์ตัดบทก่อนจะไปกันใหญ่
“ผมขออนุญาตแนะนำแฟนผมให้เพื่อนรู้จักนะครับ” ไอ้ไปป์ยิ้มอย่างภูมิใจ
“แต่ตอนนี้เค้าอยู่บนฟ้านะครับ”
“แฟนผมชื่อ เบิร์ดครับ ฏักศิลา ศักดากรณ์” พวกเราตั้งใจฟังโดยเฉพาะไอ้บัด
“เบิร์ด เกิดวันที่ 8 ส.ค ครับ เบิร์ดเป็นลูกคนเดียวครับ”
“เบิร์ดเคยเป็นหัวหน้าชมรมศิลปะ ก่อนที่เบิร์ดจะเสียครับ”
“เบิร์ดเคยฝันว่าจะได้เรียนที่คณะ จิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ ครับ”
“ดีใจที่สุดของเบิร์ด คงได้เป็นแฟนกับผมมั้งครับ” เสียงไอ้แบงค์เป่าปากแซวมาแต่ไกล พวกเราตบมือเสียงดังลั่น ภูมิใจกับไอ้ไปป์ แล้วก็ดีใจแทนไอ้เบิร์ดที่ได้แฟนที่มั่นคงอย่างไอ้ไปป์ ถ้ามันยังคงได้อยู่ด้วยกัน มันคงเป็นอีกคู่ที่รักกันมาก
พอแนะนำตัวกันเสร็จ เบียร์เริ่มหมด พวกเราก็เริ่มปูฟูกที่นอน ไอ้เบสต์ กับไอ้แบงค์ ช่วยกันดึงผ้าไบด้านข้างแพทั้งสองข้างปิดลงมา แล้วก็ไม่ลืมเดินไปปิดประตูระเบียงกันตก แล้วก็เริ่มซุกตัวในผ้าห่มอุ่นๆ กัน
...........
เช้านี้ผมถูกปลุกด้วยเสียงกระโดดน้ำของไอ้บัดกับไอ้คริสแล้วก็ไอ้บอล พวกมันตื่นกันแต่เช้าแถมลงไปเล่นน้ำแบบไม่กลัวหนาว
“พวกมันร้อนวิชา” ไอ้บอสหันมาบอกผมหลังจากที่เห็นชันตัวขึ้นมานั่ง
“ไม่หนาวกันเหรอ” ผมยังคงซุกครึ่งล่างของตัวอยู่ใต้ผ้าห่มแต่ไอ้พวกนั้นกระโดดน้ำกับตูมๆ
“ใส่เสื้อชูชีพกันหรือเปล่า” ผมถามไอ้บอสเพราะห่วงว่าจะเป็นตะคริวกัน น้ำเย็นแบบนี้ด้วย
“ใส่แล้วล่ะ ตอนแรกมันจะไม่ใส่กัน บอสบังคับให้ใสไม่งั้นไม่ให้ลง พวกมันจึงยอมใส่” ไอ้บอสเล่าให้ผมฟัง
ตอนนี้เริ่มทยอยตื่นกันเกือบหมดแล้ว ไอ้แบงค์กับไอ้อาร์มกำลังยืนแปรงฟันกัอนอยู่ไม่ไกลจากที่เด็กๆส่งเสียวเจี้ยวจ้าว
“ไม่ลงมาเหรอพี่ ในน้ำอุ่นดีนะ” เสียงไอ้บัดร้องบอกไอ้แบงค์
“เออ เด่วตามไป แปรงฟันแปป” ไอ้แบงค์พูดตอบไอ้บัดทั้งที่ฟองยังเต็มปาก
สักพักไอ้แบงค์กับไอ้อาร์มใส่เสื้อชูชีพเสร็จ มันสองคนจับมือกันแล้วนับ 1..2..3 แล้วก็กระโดดลงไป ตูม
“ไอ้โบ้ทลงมาเร็ว” ไอ้แบงค์ตะโกนเรียก
“ไม่เอาหวะกรูหนาว” ผมตะโกนบอกมันกลับไป
“มาถึงแพ้ทั้งทีจะไม่เล่นน้ำก็คงเหมือนมาไม่ถึงเอานะ” ไอ้บอสยืนบอกผมอยู่ข้างๆ
เสียงน้ำกระจาย ไอ้ไบร์ทกับไอ้เกมส์ลงไปลอยคออยู่ในน้ำแล้ว ตามไปด้วยไอ้บูมกับไอ้นัท
“เฮ้ยย ไอ้โบ้ท ไม่ลงจริงๆหรือ” เสียงไอ้บาสถามผม ผมเริ่มลังเลนิดๆ
“งั้นกรูลงก่อนนะ” สิ้นเสียงไอ้บาส มันก็จับมือไอ้ปั๊ปวิ่งลงน้ำไปอีกคู่
ตามไปด้วย ไอ้บีมกับไอ้โอม ไอ้เบลกับไอ้เคน ไอ้บรูคกับไอ้พลัส ไอ้เบรฟกับไอ้พาย ไอ้บูลกับไอ้บอมบ์ แล้วก็ไอ้ไปป์ ปิดท้ายที่ไอ้เบสต์กับไอ้แดน ที่มันสองคนวิ่งมาจนสุดแพแล้วเทคตัวตีลังกาลงน้ำไปอย่างเท่ห์
ไอ้บอสสวมเสื้อชูชีพแล้ว มันก็เอาเสื้อชูชีพมาสวมให้ผมใส่สายรัดให้เรียบร้อย
“ลงน้ำกัน” มันหันมาบอกผม
“เดี๋ยวๆ กรูทำใจแปป” ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะโดนมันลากลงน้ำไป
พอลงมาอยู่ในน้ำจริงๆแล้ว ตอนแรกก็หนาวจนปากสั่น แต่พอสักพักเริ่มรู้สึกว่าอุ่นกว่าอยู่ข้างบนอีก พวกแล้วเกมส์สารพัดที่เล่นกันในน้ำก็ถูกคิดขึ้น นำทีมโดยไอ้แฝดนักว่ายน้ำ เล่นน้ำกันจนหนำใจแล้วพวกเราก็ขึ้นมาเก็บข้าวของกัน เพราะวันนี้ยังต้องออกเดินทางกันต่ออีก
ขากลับมีเรือหางยาว 7 ลำมารอรับพวกเรากลับ เพราะถ้ารอให้เรือมาลากแพกลับคงเที่ยงพอดี พวกเรานั่งเรือหางยาวแหวกผืนน้ำกว้างใหญ่ผ่ากลางเขื่อนไป มีเกาะโผล่กลางน้ำเป็นระยะๆ แล้วก็มีต้นไม้ที่ยืนต้นตาย โผล่กิ่งก้านขึ้นมาเหนือน้ำ พวกพี่คนขับเรือที่เก่งจริงๆนะ เพราะตอนกลางคืนก็ขับเรือมาส่งกับข้าว ส่งกับแก้ม อยากได้อะไรก็โทรสั่งเขา พวกเขาก็ผ่านสิ่งกีดขวางพวกนี้มาอย่างสบาย ทั้งๆที่มืดจนแถบจะมองอะไรไม่เห็น
พอถึงตลิ่ง พวกเราก็ช่วยกันขนของขึ้นรถบัส แล้วก็เริ่มออกเดินทางกันอีกครั้ง รถบัสนำพวกเรามาตามทางหลวงหมายเลข 1045 จนมาบรรจบกับทางหลวงหมายเลข 11 แล้วขวาวิ่งไปตามทางหลวงหมายเลข 11 ไม่นานก้ผ่านทางเข้าตัวจังหวัดอุตรดิตถ์ แล้วก็ค่อยๆไต่ขึ้นภูเขาสูง ทางหลวงช่งนี้ดีเลยทีเดียวเพราะเป็น 4 ช่องจราจร แล้วรถก็มาถึงทางแยกที่อำเภอเด่นชัย รถนำพวกเราเลี้ยวขวาเขาทางหลวงหมายเลข 101 มุ่งหน้าเข้าสู่จังหวัดแพร่ ระหว่างทางพวกเราหลับกันเกือบหมด อาจจะเพราะเหนื่อยจากการเล่นน้ำกันมาแต่เช้า พอผ่านอำเภอสูงเม่นและทางเข้าตัวจังหวัดแพร่มาไม่นาน รถก็เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 1022 เพื่อแวะสักการะพระธาตุช่อแฮ ที่วัดพระธาตุช่อแฮ
วัดพระธาตุช่อแฮ ตั้งอยู่บนเนิ่นเขาเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองจังหวัดแพร่ มีพระธาตุช่อแฮเป็นประธาน ตั้งอยู่บนเนินเขา ล้อมรอบไปด้วยกำแพงแก้วทั้ง 4 ทิศ มีโบสถ์ประดิษฐานหลวงพ่อช่อแฮซึ่งเป็นพระประธานอยู่ด้านหนึ่ง อีกด้านมีวิหารพระเจ้าทันใจ พระธาตุช่อแฮเป็นพระธาตุประจำปีขาล
Cr. รูปภาพจาก คุณ Oishi-1 www-oknation-net
พวกเราซื้อดอกไม้ธูปเทียนแล้วเดินเวียนขวารอบองค์พระธาตุ 3 รอบ ก่อนจะมาจุดธูปเทียนแล้วอธิฐานกัน จากนั้นเข้าไปกราบหลวงพ่อช่อแฮ ในโบสถ์ แล้วก็ไม่ลืมไปขอพระจากพระเจ้าทันใจ ก่อนจะกลับมาขึ้นรถบัสแล้วเดินทางกันต่อ
Cr. รูปภาพจาก www-phrae-go-th
รถนำพวกเราย้อนออกมาตามทางหลวงหมายเลข 1022 แล้วเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 101 อีกครั้งมุ่งหน้าจังหวัดน่าน ที่ที่จะพักกันในคืนนี้ รถบัสวิ่งขึ้นลงภูเขาที่กั้นระหว่างจังหวัดแพร่กับจังหวัดน่านเป็นระยะทางกว่า 80 กิโลเมตร
..........
ก่อนจะเข้าจังหวัดน่าน พวกเราแวะขึ้นไปที่วัดพระธาตุเขาน้อย เป็นวัดที่เป็นอีกแลนมาร์กหนึ่งของจังหวัดน่าน ตั้งอยู่บนดอยเขาน้อย เป็นภูเขาที่ไม่สูงมากนัก เมื่อขึ้นมาอยู่ที่นี่เราจะเห็นเมืองน่านทั้งเมือง แล้วก็จะมีพระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีน่าน เป็นพระพุทธรูปปรางค์ยืนประธานพรหันหน้าเข้าเมืองน่าน ที่ผู้คนนิยมมาถ่ายรูปกัน เพราะจะเห็นด้านหลังพระพุทธรูปและเห็นเมืองน่านทั้งเมือง
Cr. รูปภาพจาก www-108like-com,www-khunkay-thaimultiply-com
พอถ่ายรูปกันเรียบร้อยก็ลงจากดอยเขาน้อยมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองน่าน รถผ่านใจกลางเมือง ผ่านหอคำที่เคยเป็นวังของเจ้าผู้ครองนครน่าน แต่ตอนนี้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ผ่านวัดพระธาตุช้างคำที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกันหอคำ บ้านเมืองใจกลางตัวเมืองน่านเป็นเขตอนุรักษ์เมืองเก่า ทำให้สภาพบ้านเมืองดูขลังๆตามแบบสมัยโบราณ
รถบัสมาจอดที่โรงแรมสุขเกษมที่เราจองกันเอาไว้ใจกลางเมืองน่าน เป็นโรงแรมราคามิตรภาพ แบงค์สีม่วงๆเอาอยู่ โรงแรมข้างในตกแต่งด้วยไม้ห้องพักขนาดมาตรฐาน สะดวกสบาย เพราะอยู่ใจกลางเมือง ไม่ไกลจากตลาดและหอคำ วัดพรมหมินทร์ วัดพระธาตุช้างค้ำ ที่พวกเราจะต้องปั่นจักรยานกันไปเที่ยวตอนบ่ายแก่ๆวันนี้กัน
เช็คอินกันเสร็จก็ยกกระเป๋าเข้าห้องพักกัน ล้างหน้าล้างตากันเสร็จก็ลงมารวมตัวกันที่ล็อบบี้ พอมากันครบก็เดินออกจากโรงแรมมาทางซ้าย แล้วเลี้ยวซ้ายอีกทีเดินมาอีก 100 เมตรก็มีร้านให้เช่าจักรยานอยู่ตรงหัวมุมถนนพอดี ไอ้บอสชี้ให้ผมดูก่อนรถบัสจะเลี้ยวเข้ามาโรงแรม ตอนแรกว่าจะเช่าแค่ 16 คันขี่คนซ้อนคันละ 1 คน แต่พวกมันไม่ยอมอยากจะขี่กันเอง ก็เลยเช่าแบบเกือบหมดร้านลุงเขาเลย 31 คัน
ภาพแก๊งค์จักรยานในภาพยนต์แฟนฉันลอยเข้ามาในหัวผมเลย 555+ พวกเราปั่นกลับมาที่พิพิธภัณฑ์ก่อนเพราะจะปิดเวลา 16.30 น. มีเวลาอีก 1 ชั่วโมง เสียค่าเข้าชมคนละ 20 บาท มีการจัดแสดงประวัติความเป็นมาของจังหวัดน่าน ตั้งแต่สมัยก่อน จนมาเป็นประเทศราช และมาเป็นจังหวัดหนึ่งของไทย
Cr.รูปภาพจาก www-siengchownan-com
ที่ชั้น 2 ของตัวพิพิทธภัณฑ์ มีชานออกมา ทิวทัศน์ที่ได้คือสนามขนาดใหญ่ แล้วเห็นทิวไม้ที่ปลูกเรียงรายตลอดแนวรั้ว มียอดเจดีย์ หลังคาโบสถ์ที่โผล่ขึ้นมา ภาพสวยงาม คล้ายบริเวณสนามหลวง พวกเราเฮโลมาถ่ายรูปกันจุดนี้
“มืดไปนิดหว่ะ” ไอ้เบลบ่น
“เด่วเอาไปปรับแสงในโฟโตช็อปเอา” ไอ้เคนบอกให้ไอ้เบลทำใจ
“นี่ขนาดอัดแฟลตแล้วนะ”ไอ้เบลยังคงบ่นต่อ
“ทำไงล่ะก็มันถ่ายจากในร่มออกไปข้างนอก มันก็มืดอย่างนี้แหละ”ไอ้เคนบอก
“เดี๋ยวกลับไปเอาโฟโตช็อปช่วยเอา” ไอ้เคนบอกให้ไอ้เบลถ่ายไปก่อน
Cr.รูปภาพจาก wangtaoschool-blog,www-manager-co-th
หลังจากนั้นก็ข้ามาที่วัดพระธาตุช้างคำ เป็นวัดที่อยู่ตรงข้ามกับพิพิธภัณฑ์หรือหอคำวังของเจ้าผู้ครองนครน่าน มีพระธาตุสีทองอยู่ด้านหลังพระอุโปสถ มีปูนปั้นรูปช้างเรียงรายรอบฐานของเจดีย์ พวกเราเข้าไปไหว้พระในโบสถ์ก่อนจะออกมาถ่ายรูปกับพระธาตุกัน
Cr.รูปภาพจาก baannanhotel-blog
แล้วพวกเราก็ปั่นจักรยานมาวัดพรหมมินทร์กัน วัดนี้มีชื่อเสียงจากมานานแต่ที่ทำให้รู้จักกันเป็นวงกว้างคงมาจากภาพยนตร์โฆษณาผงซักฟอกยี่ห้อหนึ่ง ที่มีเด็กผู้หญิงมาพูดแนะนำนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ 4 องค์ หันพรพักตร์ออกด้านประตูทั้งสี่ทิศหันเบื้องปฤษฏาค์ชนกัน ประดับนั่งบนฐานซุกชี เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยภายในนอกจากนี้วัดภูมินทร์ยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังชื่อดัง "ปู่ม่าน ย่าม่าน" และภาพจิตรกรรมฝาผนังที่มีเรื่องราวชาดก วิถีชิีวิตพื้นบ้านซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวน่านในอดีต
Cr.รูปภาพจาก bakkaklongtalon-blog,www-teawteenai-com,manager-co-th,www-naryak-com
จากนั้นพวกเราก็ปั่นจักรยานไปต่อกันที่วัดมิ่งเมือง หรือ เสาหลักเมืองน่าน สักการะเสาหลักเมืองกันเรียบรอยพวกเราก็เดินชมวิหารวัดมีสถาปัตยกรรมผสมผสานกับแนวคิดสมัยใหม่ มีลวดลายศิลปะปูนปั้นสีขาวประดับตกแต่งตัววิหาร ซึ่งมีความสวยงามวิจิตรบรรจง
Cr.รูปภาพจาก travel-edtguide-com
เสียดายที่มาวันธรรมดาเลยไม่มีถนนคนเดินที่ถนนช่วงเมือง แต่ก็พอจะหาของกินแบบพื้นเมืองได้ไม่ยากเย็นนัก มื้อเย็นก็เลยปั่นไปหาของทานที่ตลาดโตรุ่ง กัน พวกผมลังเลที่จะจอดรถจักรยานเพราะกลัวหายกัน มีลุงที่เป็นคนเมืองน่าน เห็นเราลังเลๆที่จะจอดรถก็บอกพวกเรา ว่าจอดไว้เถอะลูกไม่หายหรอก พวกเราได้ยินดังนั้นก็เลยวางใจ จอดรถจักรยานแล้วไปหาของทานที่ตลาดโต้รุ่งกัน
เดินกลับมารถจักรยานก็ยังอยู่กันครบทุกคัน ถ้าเป็น กรุงเทพฯหรือที่อื่นๆ คงจะได้มีหายกันบ้างล่ะ จากนั้นก็ปั่นจักรยานมาร้านขนมหวานชื่อดังของเมืองน่าน ที่เป็นเรือไม้สองชั้นตั้งอยู่ใจกลางเมือง ขนมหวานร้านป้านิ่ม เป็นร้านขนมหวานแบบไทยๆ ที่อร่อยสมคำร่ำลือ โดยเฉพาะบัวลอยไข่หวาน
Cr.รุปภาพจาก www-siamensis-org,drink-edtguide-com
อิ่มจากร้านขนมหวานพวกเราก็ปั่นจักรยานมาจอดที่ใต้โรงแรมเพราะร้านลุงจักรยานปิดไปแล้ว พรุ่งนี้ตอนเช้าค่อยปั่นไปคืนจักรยานที่เช่ามากัน.....
Game
See you Next Game
-------------------------------------------------------
ตอบคอมเมนท์ครับ^^ก่อนอื่นต้องขอโทษคนอ่านด้วยนะครับที่ช้าพอดี ลงวินโดว์ใหม่ครับ
ตอบคอมเมนท์คุณ
IsDeerตอนเขียนก็คิดว่านี่นิยายหรือรีวิวท่องเที่ยวเหมือนกันครับ 555+ เด็กพวกนี้อายไม่ค่อยจะเป็นกันหน่ะครับ อิอิ ยังไงฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะครับ ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์ด้วยนะครับอิอิ
ตอบคอมเมนท์คุณ
Spelling_Bขอบคุณสำหรับคอมเมนท์นะครับ คนเขียนอยากให้คนอ่านเห็นภาพตามไปด้วยครับ 555+ ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะครับอิอิ