NubNab
“เจิ้น มัดผมใหม่ให้จันทร์หน่อย มือจันทร์เลอะอ่ะ”
“อืม ถ้าเจ็บบอกนะ”
เจิ้นเพิ่งทำงานเสร็จ ส่วนผมก็ยุ่งวุ่นวายกับการทำลูกชุบที่เพิ่งไปเรียนมา ไม่ได้ทำเป็นทรงยากๆ อะไรแค่จะทำเป็นกลมๆ คำเล็กๆ ยังไงเจิ้นก็กินไม่เยอะหรอกเขาไม่ชอบของหวาน
“แล้ววันนี้ประชุมเป็นไงบ้าง พี่เอ็มไม่อยู่นี่”
ผมขยับตัวไปล้างมือ ตบแปะๆ บนผ้ากันเปื้อนตัวเองแล้วเขย่งตัวจุ้บปากเจิ้น
“ก็ปกติ รำคาญนิดหน่อย”
มีบอร์ดบริหารคนหนึ่งของเจิ้นขอเกษียณตัวเองแล้วให้ลูกชายมาทำงานแทน เขาก็เก่งแต่เพราะจบนอกก็เลยมั่นใจมากไปหน่อย แล้วก็...ชอบมาทะเลาะกับเจิ้น แต่ก็ไม่ได้รุนแรงอะไร แค่เรื่องงานบางอย่างเท่านั้น
“ไปอาบน้ำดีกว่าเนอะ เจิ้นออกมาจันทร์ทำลูกชุบเสร็จพอดี”
เขาอิดออดไม่ยอมเดินออกจากห้องครัว ทำเป็นชะเง้อดูว่าผมกับข้าวอะไรบ้าง จนต้องดันหลังเจิ้นออกไป การมีเจิ้นในครัวเหมือนเอาหินมาตั้งไว้ ไร้ประโยชน์แล้วเกะกะมากกกกก เขาไม่ยุ่งไงก็เลยว่างเอาหนวดปลาหมึกมายุบยิบกับผม คราวก่อนก็มาทะลึ่งตอนผมกำลังจะเจียวไข่ ไข่ไหม้ไปเลย
ผมกำลังอยู่ในช่วงเป็นแม่บ้านฝึกหัด คุณป้าแม่บ้านไม่ยอมให้ผมจัดการด้วยตัวเองเต็มตัว ก็จะไปๆ มาๆ ช่อฟ้ากับบ้านใหญ่วันเว้นวัน
ตอนนี้ผมเรียนจบแล้วอยู่ในช่วงรอรับปริญญา! พ่อร้องไห้เลยตอนเกรดในเว็บไซต์มหาลัยของผมขึ้นว่าจบการศึกษา ผมเรียนจบด้วยเกรดเฉลี่ยน 2.7 ถึงเทอมล่าสุดผมจะได้ 3 นิดๆ นิดแบบนิดมากกกก พอเฉลี่ยรวมก็ได้เท่านั้นอยู่ดี
ปู่ถึงกับให้ห้องเสื้อตัดชุดครุยของผมพิเศษแถมยังยกหุ้นช่อฟ้าของปู่ให้ผมเพิ่มอีก ตอนนี้ผมมีหุ้นในบริษัทตั้งแปดเปอร์เซ็นต์ ส่วนลุงหยางให้หุ้นบริษัทในจีนเช่นกัน แต่แค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ ลุงบอกเอาไว้กินขนมเล่น คุณพ่อคุณแม่เจิ้นก็บอกว่าจะให้ทริปผมไปฮันนีมูนกับเจิ้น ง่ะ เขินจัง
การได้ของขวัญสุดอลังการนี่ทำให้ผมรู้เลยว่าในใจทุกคนคิดว่าผมคงจะจบช้ากว่านี้หรืออาจจะไม่จบก็ได้ แบบ...ฮึ่ย ทั้งโมโหทั้งหงุดหงิดแต่ทำไรไม่ได้ ขนาดเจิ้นยังดีใจจนพาเราทั้งบ้านไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ด้วยกัน
แต่ของขวัญรับปริญญาผมก็เป็นปัญหาอ่ะ...หุ้นช่อฟ้าทำให้ผมต้องเข้าประชุมบอร์ด ถึงผมจะไม่ได้มีสิทธิ์มีเสียงอะไรมากแต่ก็ต้องเข้าไปเป็นมารยาท มันจะเป็นช่วงเครียดประจำปีของผมเลย
แต่ผมก็ลงคะแนนอะไรไปตามเจิ้นหมดนั่นแหละ เพราะผมเป็นฝ่ายสนับสนุนเจิ้นครบวงจร แบบว่าทั้งเรื่องงานเรื่องส่วนตัวผมคุมหมด!
เหตุการณ์สำคัญอีกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ก็คือ...ผมกับเจิ้นเราแต่งงานกันแล้ว ฮึ่ยยย ก็ไม่เชิงแต่งเพราะซินแสบอกว่าไม่ควรจัดงาน เราก็เลยเหมารวมไปกับงานทำบุญตึกไปเลย
ผมได้แหวนแต่งงานมาเพิ่มอีกวง เจิ้นก็เหมือนกัน เป็นแหวนเกลี้ยงๆ เพราะเขาลองให้ผมเอาแหวนเพชรเม็ดใหญ่ของคุณแม่มาใส่เล่นๆ แล้วไม่เหมาะมากๆ หยิบจับหม้อกระทะอะไรก็กระแทกหมด รำคาญมากเลย แหวนเกลี้ยงๆ ดีกว่าจริงด้วย
แล้วพอถอดออกตอนทำกับข้าวเจิ้นนี่แปลงร่างเป็นปลาหมึกขี้โมโหเลยนะ! โอ้ยคนแก่ขี้น้อยใจอ่ะ บ่นนั่นบ่นนี้บ่นโน้น ยุบยับยุบยิบไปหมด งอนตุ๊บป่องๆ ทั้งๆ ที่ผมก็แค่กลัวเลอะ
เมื่อก่อนเจิ้นก็ไม่ได้ขี้งอนแบบนี้นะ ปีหลังๆ นี่แหละงอนจริงจัง เข้าวัยทองแล้วมั้ง...เจิ้นก็อายุสามสิบสี่แล้วนี่ ส่วนผมก็ยี่สิบสี่ เป็นเด็กวัยขบเผาะ...เจิ้นบอกอย่างงั้นอ่ะ
ส่วนเขาก็ชอบรับบทผู้ร้ายลวนลามเด็กมากๆ คอลเล็คชั่นเสื้อผ้าน่ารักของผมล้นตู้ไปแล้ว แถมฉีกทิ้งฉีกขว้างไปก็หลายตัว ตอนนี้ที่เจิ้นชอบจะเป็นของตกแต่งจำพวก...หางกระต่าย
มันทะลึ่งมากกกกกกกก มะ มันต้องเสียบเข้ามาด้วย.... มันก็คือ Sex Toy อย่างหนึ่ง มันไม่เจ็บหรอกแต่มันงื้อออ เจิ้นเริ่มเอาพวกนี้มาใช้กับผม แต่ไม่ได้ทำอะไรรุนแรง แค่...แค่มันรู้สึกมากกว่าเดิมมากๆ แบบว่ามากๆ
ส่วนมินิคูเปอร์ป้ายแดงที่ผมได้มา ถึงผมจะขับรถบ้างแต่มันก็ไม่บ่อยแล้วก็ถอยไม่เก่งเลย ผมถอยชนรถสปอร์ตเจิ้นด้วยอ่ะ ขนาดมีเซ็นเซอร์ด้านหลังแล้วนะ ผมว่าผมตกใจแล้ว เจิ้นตกใจกว่าอีกตอนคุณ รปภ. โทรไปบอกว่าผมรถชน
เขานึกว่าผมเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงแล้วก็บ่นว่าผมไม่ดูให้ดี ผมอยากจะบ่นกลับเหมือนกันว่าดูดีแล้วแต่มันชนเองอ่ะก็ไม่กล้า เพราะเจิ้นตกใจมากจริงๆ เขากอดผมแน่นเลยคงกลัวผมเจ็บตัว
นอกจากการเตรียมตัวเป็นแม่บ้าน และจะต้องยอมให้เขายุบยิบแล้วผมก็หัดทำบัญชีเองด้วย ไม่ใช่บัญชีของช่อฟ้าแต่เป็นบัญชีในบ้าน ผมไปอัพบุ๊คแบงค์ทุกๆ ต้นเดือนเพราะเจิ้นเงินเดือนออก จ่ายค่าบัตรเครดิตสารพัดใบให้เขา ค่านั่นค่านี้ วางแผนกองทุนรวม ประกันชีวิต ซึ่ง...พี่เอ็มก็ทำเองอยู่ก่อนแล้วแต่ตอนนี้พี่เอ็มสอนผมทำ
ผมไม่ได้ให้เงินเจิ้นแค่ 100 บาทจริงๆ หรอก แต่เลือกแบงค์พันเลขสวยๆ ใส่กระเป๋าตังค์ให้เขา แต่ห้ามใช้นะ ให้ใช้แค่ 200 ที่ผมจะใส่ให้ไว้ทุกวัน ก็คือ...ถ้าไม่ได้ใช้ก็ไม่ได้เพิ่มอ่ะ เงินติดกระเป๋าของเจิ้นเลขมี 200 กับอีกหนึ่งพันแล้วก็บัตรเครดิตหนึ่งใบที่ผมจะเช็คทุกเดือนว่าเอาไปรูดอะไรมาบ้าง
พี่เอ็มบอกผมขี้งก ผมแค่ต้องรอบครอบต่างหาก! พ่อก็บอกว่าใช้วิธีเดียวกันกับผมเหมือนกัน แต่ให้เงินลุงหยางเยอะกว่าที่ผมให้เจิ้นเพราะทั้งคู่ต้องกินข้าวนอกบ้านกัน พ่อทำกับข้าวไม่ได้เรื่องหรอก...คุณแม่เจิ้นก็ให้เงินคุณพ่อเจิ้นแค่พอข้าวกลางวันแล้วให้กลับไปกินมื้อเย็นที่บ้าน
เจิ้นก็ไม่ได้ว่าอะไรด้วย เขาบอกเขาไม่ได้ใช้อะไรอยู่ดี เจ้าบัตรเครดิตเจิ้นก็มักจะใช้กับพวกของที่เราไปซื้อด้วยกัน เจิ้นไม่ได้ให้เงินผมไว้ใช้แต่เขาให้บัตรเครดิตมาเพิ่มอีกใบ ส่วนเงินสดของผมเจิ้นให้ใส่เซฟในห้องนอนไว้หนึ่งแสน เขาบอกให้หยิบๆ ไปใช้เผื่อที่ไหนไม่รับบัตร
แต่ผมก็ไม่ค่อยได้ใช้อ่ะ เพราะซื้อของก็ในห้างก็รับบัตรหมดแล้วเลยเอาเงินห้าหมื่นไปฝากเข้าบัญชีตัวเอง เหลือไว้แค่ห้าหมื่น แต่เจิ้นก็เอามาเติมเพิ่มอยู่ดี วันไหนผมโมโหๆ ก็เลยจะเอาเงินทั้งแสนนั่นล่ะไปฝากบัญชีตัวเองไว้ให้เจิ้นเอามาใส่เพิ่มเล่นๆ เอาให้จนไปเลย
ปรากฏว่าอัพสมุดบัญชีสำหรับออมเงินโดยเฉพาะทีไร เงินผมเติบโตแบบก้าวกระโดดส่วนเจิ้นมีอยู่ไม่กี่พัน ส่วนเงินเดือนเขาผมก็กันไว้ไม่ให้ใช้
“ขโมยเงินพี่ไปหมด ต้องเลี้ยงพี่แล้วนะ”
“ทำตัวดีๆ นะ ไม่งั้นพี่จันทร์ไม่ให้กินขนม คิก...”
แต่เจิ้นก็ไม่ได้ให้ผมเก็บเงินไว้เฉยๆ นะ เขาให้ผมหัดลงทุนด้วยแต่ก็กลัวผมเครียด เลยให้ไปลงทุนร้านชาของปู่แทน พ่อก็กำลังจะทำพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับวัฒนธรรมจีน ก็เป็นสาขาของลุงหยางนั่นแหละ ผมก็ว่าจะไปลงด้วยสักห้าเปอร์เซ็นต์
ผมก็งงๆ เหมือนกันแต่เจิ้นเก่งมากเลย เขาอธิบายการแบ่งเงินไปทำนั่นทำนี่เพิ่มรายรับหลายช่องทาง ให้เงินทำงาน ลดความเสี่ยงอะไรของเขาไม่รู้
“จันทร์จะเจ๊งไหมอ่ะ”
“ไม่เจ๊งหรอก มีพี่อยู่จันทร์จะไม่ขาดทุน แต่กับมิสเตอร์หยางอย่าไปลงเยอะ รำคาญ”
ผมหลุดขำตอนเจิ้นบ่นลุงหยาง เขาสนิทกันนะผมว่าแต่บ้านเรามันแปลกๆ มักจะทำตัวแปลกๆ กับคนที่เราสนิท อย่างพ่อกับเจิ้นก็เหมือนจะเกรงใจกันแต่เปล่าเลย เขามักจะหาเรื่องทำสงครามประสาทใส่กันตลอดเวลา
ระหว่างผมกับลุงหยางก็ด้วย เป็นความสัมพันธ์แบบที่เบื่อแต่ก็ต้องคุยกัน ถามว่ารักลุงไหมก็รักแต่ก็เบื่อลุงหยางอ่ะ ผมว่าต่อไปเจิ้นต้องเป็นลุงหยางสองแน่ๆ เลย กวนประสาทมากกกกก
แต่เรื่องดีที่สุดในรอบปีที่ซินแสบอกว่าเป็นฤกษ์ดีที่สนับสนุนผมกับเจิ้นก็คือ...ออมทรัพย์กับหลักทรัพย์มีลูกแล้ว! ออมทรัพย์อยู่ๆ ก็ออกไข่มาในวันทำบุญตึกที่ผมกับเจิ้นเหมาเป็นทำบุญแต่งงานของเราด้วย เจ้าลูกนกน่ารักมากเลย
ส่วนน้องนุ่มแฟมิลี่ยังคงหนุบหนับกันเอง! เจิ้นล้อผมใหญ่เลยว่าลูกผมชอบยุบยิบเหมือนผมต่างจากนกเขาที่เรียบร้อยรักเดียวใจเดียว
กลายเป็นว่าผมเป็นพ่อกระต่ายหื่น ส่วนเจิ้นเป็นพ่อนกเรียบร้อยทั้งๆ ที่เจิ้นนั่นแหละ! หื่นสุดๆ แล้วยิ่งช่วงติดสัตว์นะผมไม่อยากจะเดินผ่านกรงกระต่ายเลย
ที่ร้ายกาจสุดๆ ก็คือเจิ้นทำเนียนว่าผมเป็นกระต่าย ถึงเวลาผสมพันธุ์เขาก็ต้องช่วยผมแล้วก็ยุบยิบเยอะแยะมาก อยากจะบอกมากว่าไม่ต้องมาอ้างเลย เจิ้นก็หนุบหนับผมได้ตลอดเวลานั่นแหละ
ผมว่าชีวิตผมก็เริ่มจะเข้าที่เข้าทางมากขึ้น มันมีความสุขมากที่ได้จัดการทุกอย่างในบ้านด้วยตัวเอง แล้วเจิ้นก็ปล่อยให้ผมดูแลบ้านเองด้วย เขาบอกว่ามันเซ็กซี่ดีที่ได้อยู่ในรังกระต่ายของผม
ผมแอบถามพ่อด้วย พ่อบอกว่าผู้ชายก็มีสัญชาตญาณนักล่า เขารู้สึกดีเมื่อได้ล่าในเกมใหม่ๆ เช่น...สภาพแวดล้อมที่แปลกไป กลิ่นที่เปลี่ยนไป หรือกระทั่ง...เสื้อผ้า
พ่อเขินมากจนผมไม่กล้าให้พ่อยกตัวอย่าง แต่ผมก็พอจะเห็นภาพ...เจิ้นชอบเอาจมูกเขามายุบยิบเวลาผมเปลี่ยนกลิ่นสบู่ หรือถ้าวันไหนผมมีหาง...เขาก็จะรุนแรงเป็นพิเศษ
แล้วยิ่งถ้าเป็นยูนิฟอร์ม...โดยเฉพาะชุดนักเรียน! เจิ้นชอบมากเวลาผมเอาชุดนักเรียนสมัยเกรด 7-9 มาใส่ มันเป็นขาสั้นแล้วก็ปกกะลาสี
“อร่อยไหม? ”
“อืม กำลังดี”
ลูกชุบจริงๆ ต้องหวานกว่านี้แต่เจิ้นไม่กินหวานผมก็เลยทำให้มันจืดสักหน่อย แต่เจิ้นก็กินไปได้ไม่กี่คำก็ดื่มชาแทน ผมไม่น้อยใจหรอกที่เขาไม่ค่อยกิน เพราะกับข้าวฝีมือผมวันนี้เขากินตั้งสองจาน
“จะขุนให้พี่อ้วนใช่ไหมหืม? ”
“จะได้ไม่ไปหว่านเสน่ห์สาวๆ ที่ไหนไง จันทร์เห็นนะข่าวซุบซิบน่ะ”
ผมแกล้งบีบแขนเขาเบาๆ เจิ้นก็ชอบมีข่าวซุบซิบอยู่เรื่อยจนเป็นนักธุรกิจคาสโนวาไปแล้วทั้งๆ ที่เขาก็กลับบ้านตรงเวลา บัตรเครดิตก็ไม่ได้ไปรูดที่ไหน สเตทเม้นท์มาผมก็เช็คตลอด เงินสองร้อยในกระเป๋าเจิ้นเอาไปเลี้ยงข้าวใครไม่ได้หรอก
“เลอะเทอะอย่าไปสนใจ”
“อื้อ! กินเมลอนหน่อยนะ หอมมากเลย”
ผมป้อนเมลอนเจิ้นจนหมด เขาชอบผลไม้หอมๆ แล้วช่วงนี้มันหน้าเมลอนแล้วด้วยเจิ้นเลยกินเมลอนทุกวัน
เราใช้เวลาหลังมื้ออาหารนอนกอดกันบนเตียงเพราะผมจะดูการ์ตูน เจิ้นเพิ่งให้เอาทีวีมาติดในห้องนอนเพราะว่าช่วงนี้ผมชอบนอนกลางวันเวลายุ่งกับการทำนั่นทำนี่จนเหนื่อย
แล้วผมต้องใช้เวลาดูการ์ตูนตอนกลางวันอย่างคุ้มค่าเพราะดูพร้อมเจิ้นทีไรเขาก็เริ่มยุบยิบอีกแล้ว ถึงไม่ได้ฟูลคอร์สเจิ้นก็ต้องได้สักนิดสักหน่อยอ่ะ
เคยมีครั้งหนึ่งผมไม่ยอม ยืนกรานจะดูการ์ตูน เขาก็จับผมหันหน้าเข้าทีวีแล้วรั้งเอวผมขึ้นรับความเอาแต่ใจของเขา มีการบอกว่าจ้องไปเลยนะห้ามเลิกจ้องทีวีด้วย เฮ้อ... คนแก่เอาแต่ใจ!
“เจิ้นกินแซนวิชอีกคำนะ กินให้จันทร์หน่อยนะ อ้ามมม ดีมาก”
ตาคมมองมูนนี่แม่บ้านมือใหม่ที่บังคับให้เขากินข้าวเช้าเยอะกว่าเดิม จะไม่กินน้องก็มีวิธีทำให้เขายอมจนได้ แล้วเขาก็ไม่อยากจะขัดใจให้น้องน้อยใจด้วย
“ไว้สายๆ จันทร์ชงชาไปให้เนอะ ตั้งใจทำงานนะครับ จุ้บ”
เจ้าจันทร์เรียนจบแล้ว เหลือแค่รอรับปริญญาก็เลยเริ่มหัดดูแลบ้านเต็มตัว เขาก็ไม่ได้กดดันให้น้องต้องเก่งหรือดูแลบ้านด้วยตัวเองเพราะจ้างบริษัททำความสะอาดมาทำเรื่อยๆ อยู่ดี แต่เห็นว่าเจ้าจันทร์มีความสุขที่จะทำเขาก็พอใจ
ทุกเช้าได้ตื่นเช้ามาพร้อมกัน บางทีเป็นน้องด้วยซ้ำที่ตื่นก่อนมาชงกาแฟ ปิ้งขนม ทำมื้อเช้าให้ เขาไม่ชอบกินข้าวเช้าแต่น้องบอกว่ามันดีต่อสุขภาพก็เลยพยายามทำอาหารคำเล็กๆ อยากพวกแซนวิช เบอเกอร์ชิ้นพอดีคำ แต่บางวันก็จะอ้อนให้กินข้าวต้มสักถ้วย
อีกอย่างที่น้องชอบทำทั้งๆ ที่ไม่ได้ขอก็คือมาส่งเขาทำงานและจูบกันก่อนเขาจะลงลิฟต์ มัน...มีความสุขมากจริงๆ ที่ได้ใช้เวลาช่วงเช้าแบบนี้ แม้บางวันน้องจะตื่นไม่ไหวเพราะเขาเอาแต่ใจทั้งคืน
เจิ้นชอบเวลาตัวเองกลับบ้านเป็นพิเศษ แม้เราจะอยู่ห่างกันแค่ชั้นเดียวแต่น้องก็จะมายืนคอยเขาตรงหน้าลิฟต์ตอนหกโมงห้านาทีหรือถ้าวันไหนไม่มารอก็แสดงว่าวุ่นวายกับการทำเมนูพิเศษต่างๆ
เขากลับบ้านตรงเวลาจนเอ็มล้อ แต่พอพูดกลับบ้างอีกฝ่ายก็เบ้ปากใส่...ชีวิตเอ็มคงกำลังจะลงเอยได้แล้วเหมือนกัน จะได้ลาออกไปสักที
“เจิ้น มาแล้วหรอ? ”
เจิ้นเดินพ้นฉากออกมาก็ต้องขมวดคิ้ว เจ้าจันทร์กำลังปีนบันไดเปลี่ยนหลอดไฟ แต่ไม่กล้าพูดอะไรเพราะกลัวน้องตกใจแล้วตกลงมา
“จันทร์ คราวหลังไม่ปีน”
“โธ่เจิ้นแค่เปลี่ยนไฟเองอ่ะ ง่ายมากๆ เลยนะ”
เจิ้นดุผมทันทีที่ลงมาจากบันได จริงๆ ผมเปลี่ยนไฟเองมาสักพักแล้วเหอะแต่เจิ้นไม่เห็น เขาทำเป็นเรื่องใหญ่มากๆ บ่นผมใหญ่เลยว่าทีหลังให้ใครมาเปลี่ยนให้หรือรอเขาก็ได้
แต่มันก็แค่ปีนบันไดเองอ่ะ ไม่ได้สูงมากเลยนะ...พอผมเถียงเจิ้นก็เริ่มควันออกหูพ่นหมึกใหญ่เลย ทำให้ผมต้องยอมรับปากว่าจะไม่ทำอีก เจิ้นน่ะเวอร์
ผมไล่เจิ้นไปอาบน้ำแล้วไปเตรียมตัวตั้งโต๊ะ เขาก็ยังกินไปบ่นไปจนผมต้องตักนั่นตักนี่ป้อนพ่อปลาหมึกถึงอารมณ์ดี แถมยังบอกให้ผมไปอาบน้ำใส่ยูนิฟอร์มด้วยด้วย
ตอนนี้ชุดของผมมีชื่อเรียกว่าคอลเล็คชั่นน่ารัก กับคอลเล็คชั่นเซ็กซี่...มีทั้งกีฬา ยูนิฟอร์ม และอีกมากมายเหลือเกิน มันเยอะจนเราทำห้องนอนเล็กเดิมของผมเป็นห้องเสื้อผ้าไปแล้ว
เสื้อผ้าของผมเยอะมากแบบเท่าตัว ที่ใส่มาทั้งชีวิตยังไม่เท่าที่เจิ้นซื้อให้หลังแต่งงาน ห้องแต่งตัวเป็นโซนสีแดงห้ามใครเข้าโดยเด็ดขาดไม่งั้นผมไม่กล้าสบตาใครแล้วจริงๆ
มันมีตู้เก็บของด้วย...ไว้เก็บ...งื้อออออออออออออออออ แค่คิดก็หน้าร้อนผ่าวแล้ว ก็พวกของเล่นของเจิ้นที่มันชักจะเยอะขึ้นเรื่อยๆ
ผมอาบน้ำแล้วใส่ชุดพยาบาลออกมา พยาบาลอะไรล่ะกระโปรงแทบจะปิดก้นไม่ได้ แถมยังมีถุงเท้าขาวยาวถึงเข่าและรองเท้ามีโบว์ แถมมีหมวกด้วย...ถ้าใส่ยูนิฟอร์มแบบนี้คือเจิ้นจะต้องยุบยิบจนสว่างแน่ๆ แล้วยิ่งวันนี้วันศุกร์
เจิ้นหัวเราะที่ผมทำหน้าหงุดหงิดแต่ก็ยอมไปนั่งตักเขาอยู่ดี นิสัยชอบนั่งตักเจิ้นนี่ผมแก้ไม่หายเลย เคยกลัวเจิ้นเบื่อแต่เขาบอกว่าเขาก็ชอบที่ผมนั่งตัก
แหงล่ะ ก็เขาชอบยุบยิบผมนี่! แต่ผมก็ไม่ได้ขัดขืนนะ ก็มัน...ก็มีความสุขอ่ะ หนุบหนับหนุบหนับกับเจิ้นดีจะตาย
----------------------
คิดถึงกันบ้างไหมมมมมมมมม ฝากอุดหนุนมูนนี่ภาคแรกกันด้วยนะคะ >___<
และตอนนี้ขอโฆษณา พวงกุญแจสแตนดี้เจิ้นกับมูนนี่ค่า วาดโดย @pikabam_ นักวาดชื่อดังคนหนึ่งในทวิตเตอร์จ้า
น่ารักมากๆ อวดดด
ตั้งได้ แขวนได้ สกรีนสองด้านจ้ะ
ราคารวมส่ง 180 บาทค่า
อันนี้แบมทำเองนะคะ ไม่เกี่ยวกับสำนักพิมพ์ มาจับจองได้ถึงวันที่ 15 สิงหาคม ค่า >___<
สนใจสั่งซื่อ
คลิก