คืนส่งท้ายปีเก่า ช่างเงียบเหง่าจริงๆ By MewSN
“อย่างว่าเนอะมึง ตัดใจเถอะ”
มิลินตบบ่าเขาปุๆ ก่อนที่หล่อนจะเดินเข้างานไปรวมตัวกับเพื่อนคนอื่นๆ
นั่นสินะ คืนนี้มีเพียงเขา และจะมีแค่เขาคนเดียวเท่านั้น
มัน… ไม่มาแล้วสินะ
ขอบคุณวันที่ 31 ธันวาคมปีนี้ ช่างเป็นวันส่งท้ายปีเก่าที่แสนเหงาแบบสุดๆ…
1 สิงหาคม
วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกของมหา’ลัย และเป็นวันแรกที่เขายืดอกรับกับคำว่าเฟรชชี่ปีหนึ่งอย่างเต็มภาคภูมิ ขณะที่เมื่อสองอาทิตย์ก่อน เขายังกังวลไปต่างๆนานา ทั้งเรื่องที่อยู่ที่มาหาเอาหน้างาน ความเครียดเมื่อต้องคิดว่าจากบ้านมาไกล แล้วจะอยู่คนเดียวไหวมั้ย แน่นอนมันเป็นความกังวลพื้นฐานสุดๆและอย่าเถียงเขาว่าพวกคุณไม่เคย
เอาเถอะ แต่เขาก็มายืนอยู่นี่แล้ว หน้ารั้วคณะเศรษฐศาสตร์ แหม คำว่าหนุ่มอีค่อนนี่มันเหมาะกับเขาจริงๆ
แต่ตอนนี้หนุ่มอีค่อนกำลังติดปัญหาใหญ่คือหาทางไปตึกลงทะเบียนเรียนไม่เจอ โอ้ไม่นะ มีวิชาบังคับที่จะปิดให้ลงทะเบียนตอนเก้าโมง พระเจ้าช้วยลูกด้วย
“ว้ายยยย เร็วสิคะกะเทยอีค่อน เป็นกะเทยอีค่อนอย่ายืดยาดอืดอาดเหมือนหอยทากนะคะ กะเทยอีค่อนต้องสตรอง กะเทยอีค่อนต้องฆ่าไม่ตาย”
คำว่ากะเทยกระแทกชนคามภาคภูมิใจที่ได้เป็นหนุ่มอีค่อนของเขาออกไปหมด เมื่อกลุ่มบุคคลเพศที่สามกลุ่มใหญ่ หรืออาจเรียกว่าเป็นโขยงก็ได้ ยกพลกันมายืนตะโกนแหกปาก คำก็กะเทย สองคำก็กะเทยอยู่ใกล้ๆ
ว่าแต่ กะเทยนี่ฆ่าไม่ตายจริงๆใช่มั้ย โอเค เรื่องนั้นช่างมันไปก่อน
“เอ๊ะพวกมึงงงงงง เฮ้ยยยยย หนุ่มอีค่อนนนนน”
ตายล่ะ หันมาทางนี้แล้ว เขาต้องทำท่ายังไงละเนี่ย ต้องกลัวดีมั้ย หรือมันจะดูเป็นการไม่สุภาพกับพวกเธอเกินไป
แต่การที่มีสายตานับสิบดวงจ้องมาเหมือนรู้สึกถูกคุกคามทางเพศกลายๆแบบนี้ มันจำเป็นต้องแกล้งตีหน้านิ่งต่อไปเหรอ เขาเป็นผู้ชาย และมั่นใจว่าเกือบเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของชายแท้แม่งกลัวกะเทยแน่นอนอ่ะ เอาตรงๆแบบไม่อคติจริงๆนะ นอกจากจะอยู่เป็นจริงๆ
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องจะมาเรียนรู้การเอาตัวรอดในดงกะเทยเสียหน่อย นาฬิกาดิจิตอลที่ข้อมูลกำลังส่งเสียงดังติ๊กๆ บอกเวลาว่าแปดโมงครึ่งพอดี
เหลือเวลาอีกสามสิบนาทีในการตามหาตึก ประเด็นคือ มันอยู่ไหนวะ
“ชื่อศรัณเหรอ ไม่มีตัวอะไรการันต์ แบบยอยักษ์การันต์งี้”
นี่เป็นมุกเริ่มจีบที่ส่งมาให้เขาสินะ จากป้ายชื่อของเจ๊(เรียกแบบนี้ดูจะสุภาพและไม่แบ่งแยกกว่านะ) เธอชื่อมิลิน และเขาสาบานได้ว่าเขาไม่เชื่อว่านั่นคือชื่อเล่นจริงๆของเธอ
“ครับ ศรัณ เฉยๆ”
เขาตอบส่งๆ ก่อนจะทำท่าปลีกตัวออกมา แต่พวกเธอขวางไว้
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ กำลังหาตึกลงทะเบียนอยู่ใช่ไหมจ๊ะ”
พระเจ้า หรือนี่จะคือความช่วยเหลือจากพระองค์ ในความร้ายก็ยังมีความโชคดี หรือว่าพวกเธอจะรู้ทางไป สวรรค์ ขอบคุณเบื้องบน ถ้าเขาคุกเข่าอ้อนวอนได้เขาทำไปนานแล้ว ขอบคุณ
“เอ่อ ครับ พอดีว่าผมหลงทาง”
เขาเสนอตัวสุดๆ พร้อมแจกยิ้มหวานไปให้ แหม ถ้าเขาจะช่วยพาเราไปได้ มันก็คุ้มที่จะยอมถูกลวนลามล่ะ จริงมั้ย
เขาแอบเห็นเจ๊คนหนึ่งยกกระดาษขึ้นมากางดู หรือนั่นจะเป็นแผนผังตึก นี่แหละความน่าทึ่งของเพศที่สาม
“พอดีเลยค่ะ”
มิลินกุมมือเขาไว้ แล้วส่งสายตาที่เขาคงนอนไม่หลับไปอีกนานมาให้
“เราก็กำลังหาตึกลงทะเบียนเหมือนกัน”
ครืนนนนนน
เหมือนเสียงอะไรหล่นลงมาจากฟ้า และนี่คงเป็นจุดเริ่มต้นของความหายนะแรกในรั้วมหา’ลัยของเขา
เพราะเขาได้เพื่อนกลุ่มแรก…เป็นแก๊งกะเทย
และไม่ใช่แก๊งกะเทยธรรมดา เป็นแก๊งกะเทยที่โด่งดังที่สุดในมอ
โถ น่าภูมิใจโคตรๆ
14 สิงหาคม
เปิดเทอมได้สองอาทิตย์ นอกจากความวิปโยคที่สุดในชีวิตของเขานั่นคือการถูกเหมารวมเป็นกะเทยตามแก๊งกะเทยที่คบ กลายเป็นว่าเขากลายเป็นหนึ่งในเกย์รับหน้าตาดี ศรัณ อีค่อน หนุ่มหล่อที่เกย์รุกอยากได้มาเป็นเมียที่สุดในมหา’ลัย โคตรภูมิใจเลยครับ ถุยยยยยยยยย
แต่อย่าเข้าใจผิดไป ที่อยู่ที่คบกันมาเกือบสองอาทิตย์ไม่ใช่ความจำใจ ถ้าคุณลองเปิดใจสักนิด แก๊งนางฟ้าอีค่อนกลุ่มนี้ก็คือกลุ่มเพื่อนที่ดีที่สุด น้อยมากที่คุณจะหาแบนี้เจอในรั้วอันกว้างใหญ่ ที่เป็นเหมือนสนามรบฟาดฟัน และหาความจริงใจไม่เจอ
บางทีเรื่องที่เขาถูกเหมารวมเป็นเกย์แทบไม่ได้อยู่ในสารบบความคิดของเขาเลย
เพราะครั้งหนึ่งเขาก็เคยถูกทำให้รู้สึกแบบนั้นจริงๆจากใครบางคน ที่เขาลืมไปแล้ว
“เจนนี่ น้ำยาล้างเล็บ”
มิลินแบมือขึ้นมาตรงหน้าเขา เหมือนรู้สึกว่าจะเกิดเครื่องหมายเควสชั่นมาร์คบนหัวตัวเองเลย
ใครคือเจนนี่???
“มึงนั่นแหละ อิศรัณ ชื่อมึงแมนไป ถ้าจะอยู่แก๊งเราต้องเปลี่ยนชื่อ”
เฮ้อออออออออ
เขาทำเป็นไม่สนใจแล้วค้นน้ำยาล้างเล็บในกระเป๋ามิลินที่วางอยู่ใกล้ๆเขา
“จงเข้าใจด้วยว่า กลุ่มพวกเราถือคติไม่เอาเพื่อนทำผัว แต่ถ้าอิศรัณยังนั่งถ่างขา แบบพร้อมจะให้พวกกูเอาหน้าซุกตรงเป้าแบบนั้น ดิชั้นก็ขอไม่ทนนะคะแม่”
“โถ่เจ๊”
ปากเขาบ่น แต่ขานี่รีบหุบแบบกลัวประโยคเมื่อครู่ของบัวลอยจับใจ กลายเป็นว่าตอนนี้เขาติดแทนทุกคนว่าเจ๊ไปหมดแล้วด้วย
“อี๋ อิบัวลอย ต่ำมาก” แนนซี่พูดเหยียดแล้วกรีดนิ้วไปมา โชว์สีเล็บที่มิลินเพิ่งทำใหม่ให้
“แหม มึงอย่ามาปฏิเสธว่าไม่ได้มองคุณชายศรัณ ตอนมันเปิดประตูห้องออกมาเมื่อเช้า กูรู้ละ ทำไมอินี่ชอบเป็นคนไปปลุกศรัณ”
บัวลอยได้ทีย้อนแนนซี่ และบทสนทนาทั้งหมด ก็ทำเขาเสียวสันหลังวูบวาบ ตกลงว่าเขาก็ยังสามารถถูกลวนลามได้ทุกเมื่อ แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นเกย์รับใช่มั้ย
คงมีแต่มิลินที่เขาไว้ใจได้…
“อิมิลิน หยุดดมน้ำยาล้างเล็บได้แล้ว กลิ่นศรัณหายหมดแล้วค่ะปานนี้”
เฮือก ยกมือขึ้นทาบอก
สาวแตกได้มั้ย
“อ๊ะ นั่น วายุนี่”
เคยได้ยินเสียงระฆังในหัวที่เคาะขึ้นมาตึ๊งมั้ยครับ ตอนนี้เขากำลังเป็นอยู่เลยล่ะ
“เป็นอะไรไปศรัณ ช็อคในความหล่อของวายุเหรอ” มิลินพูดขำๆ
“ไม่เอานะคะ เสียดายเว้ย พวกมึงสองคนต้องมารุกพวกกูสิถึงจะถูก ห้ามแดกกันเองนะคะ” บัวลอยโวยวาย
“โถ เรากินกันเองก็ได้” แนนซี่โผเข้ากอดบัวลอย
วายุ…
บางครั้งเขาก็หลอกตัวเองว่าลืมชื่อนี้ไปแล้ว
แต่ความจริงไม่อาจถูกปฏิเสธได้ เสียงจังหวะหัวใจที่เต้นดังผิดปกติ บอกชัดเจนว่าคนที่กำลังเดินเข้ามาในโรงอาหารกับกลุ่มเพื่อนคือคนที่เขาจดจำได้เป็นอย่างดีไม่มีวันลืม…
‘มึงชอบกูเหรอ’
เขาที่ก้มหน้าอยู่เงยขึ้นมาสบตากับร่างสูงตรงหน้า เพื่อนสนิทที่สุดของเขา วายุห้องสี่ทับห้า
‘คือกู…’
เขาว่าเขาควรโกหกมันไปเพื่อรักษามิตรภาพ แต่ครั้งนี้เหมือนความบ้าเข้าสิง เขาพูดไม่ออก และจะไม่มีวันปฏิเสธด้วย
‘ใช่!’
วายุเบิกตากว้าง แววตาสั่นระริก เขาจ้องเข้าไปในดวงตามัน มีความสับสนอยู่ในนั้น รวมทั้งความกลัว
มันกำลังกลัวเขา
‘กู…’
‘…’
‘ไม่ได้ชอบผู้ชาย’
เขาก็เช่นกัน เขาก็ไม่ได้ชอบผู้ชาย เขาชอบมัน เขาชอบแค่มัน เขากำลังบอก แต่มันจับแขนเขาไว้แน่น แล้วพยายามยิ้มให้
‘มึงลืมๆไป แล้วเรายังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม นะ’
มันพูดด้วยรอยยิ้ม แต่เขารู้ว่ามันจะไม่มีทางเหมือนเดิมอีกต่อไป วายุ เขาไม่มีทางเหมือนเดิม
เขาค่อยๆแกะมือมันออก แล้วบอกทั้งน้ำตา
‘ขอโทษนะ’
เขาขอโทษที่เห็นแก่ตัว ขอโทษที่ทำทุกอย่างพังทลาย ขอโทษที่แค่คำว่าเพื่อนเขาก็โคตรเจ็บใจจริงๆ
เขามันคนเห็นแก่ตัว เขารู้ว่าวายุไม่ใช่คนที่ใครอยากจะคบ เขาก็อยากให้มันรับรู้ความรู้สึกเจ็บปวด ของการเสียบางสิ่ง นั่นคือ…
คำว่าเพื่อนของมัน ที่เขาอยากได้มากกว่านี้
ลาก่อน วายุ
“ศรัณ ศรัณ อิศรัณ!!!”
เขาสะดุ้ง ตื่นจากภวังค์
“อิเจ๊ เสียงดังทำไม คนมองแล้ว”
ใช่ คนอื่นรอบข้างกำลังมองเราอยู่ รวมทั้งกลุ่มของวายุด้วย
ชั่วแวบ เขามั่นใจว่ามันเห็นเขาแล้ว
และมัน… ก็เดินหนีไป
นั่นสินะ มึงต้องบ้าไปแล้วแน่ๆศรัณ มึงคิดว่าเขาจะเดินมาทักมึงเหรอ แค่ยิ้มให้เจ้าตัวยังไม่ทำเลย กับคนที่ทิ้งเพื่อนไปด้วยความเห็นแก่ตัวในความรู้สึกของตัวเองอย่างเขา แค่ไม่มองเหมือนอากาศธาตุก็ดีเท่าไหร่แล้ว
แต่นี่มันก็ไม่ต่างอะไร…
“หงอย หงอย หงอยเพื่อ?”
“ขอตัวไปเข้าห้องน้ำนะ” เขาบอก
“อิศรัณ เป็นอะไรวะ หรือโกรธพวกเราที่ตั้งชื่อให้มันวะ”
เขาไม่ได้สนใจเสียงบ่นตามหลังมาของมิลินเท่าไหร่ เหมือนขอบตาร้อนผ่าวยังไงไม่รู้ ต้องไปที่ลับตาคน
ซ่า
ทั้งๆที่คิดว่าทนได้แล้ว ไม่เจ็บปวด แล้วกับอีแค่เขาไม่ทัก มันจะอะไรนักหนาวะน้ำตา
ทิชชู?
หมด
!!!
นาทีที่เขาเงยหน้าขึ้นมาจ้องกระจก ก็ต้องนิ่งค้าง เมื่อคนที่ยืนอยู่ในนั้น เบื้องหลังเขาคือวายุ
เขาทำสีหน้าไม่ถูก แต่แล้วก็เป็นมันที่เมินเฉย แล้วเดินออกจากห้องน้ำไป
ใจคอ จะไม่ทักกันเลยหรือ
“อิศรัณ หยิบทิชชูจากห้องน้ำมาพอดี เอามาใช้ดิ๊” มิลินแย่งทิชชูที่เขาเพิ่งหาเจอ เพราะมันวางอยู่อีกมุมของอ่างล้างหน้า น่าแปลกที่มีที่ใส่ แต่พนักงานกลับเอาไปวางทิ้งไว้ ช่างมันเถอะ
“วี๊ด ยุคเปลี่ยนแปลงของห้องน้ำหรือนี่ ทิชชูนุ่มขึ้นเยอะมากกกกกกกกกก” มิลินว่า แล้วใช้มันเช็ดหน้าอย่างเมามัน เอ่อ เธอทำให้เขาว่าการเช็ดทิชชูมันมันส์จริงๆนะ
“ปกติก็นุ่มนี่” เขาว่า
“กล้านะคะ สากยิ่งกว่าดากอิบัวลอย” บัวลอยถลึงตา
“มึงเคยกินแล้วเหรอคะ” มิลินยักไหล่ แล้วเช็ดหน้าต่อไม่สนใจเพื่อน
แม้ว่าเขาจะทำเป็นไม่สนใจ แต่ก็ห้ามตาเจ้ากรรมที่คอยแต่จะมองไปที่โต๊ะตัวนั้นไม่ได้
แล้วทำไม ไอ้วายุมันซื้อทิชชูมาเช็ดโต๊ะโรงอาหารเหรอวะ
ซื้อทีแม่ง มาเป็นแพ็คเลย
เรื่องของวายุยังคงกวนใจเขาอยู่ลึกๆ แต่ถูกฝังกลบด้วยเรื่องเรียนนะ กลบแบบมิดสุดๆ
“อิห่าราก วิชาเห้ไรยากขนาดนี้ บอกซินี่มันตัวพื้นฐานหรือแอดวานซ์คะ ควายยยยยย”
ถ้ามิลินพ่นไฟได้เธอคงทำไปแล้ว ตามมาติดๆด้วยบัวลอยและแนนซี่ ที่ออกห้องสอบมาเหมือนวิญญาณออกจากร่างไปด้วย
“เอฟ เทอมนี้เอฟชัวร์” บัวลอยพูดอย่างไร้เรี่ยวแรง
“พ่อจ๋าแม่จ๋า หนูขอโทษ” แนนซี่ก็มีสภาพไม่ต่างกัน
“ไปคร่ำครวญในนรกเถอะพวกมึง กูไปก่อนนะ เหมือนฝนจะตกด้วย” มิลินโบกมือลา จากนั้นก็ตาไปด้วยแนนซี่ และบัวลอย เหลือเพียงเขา ที่ยืนมองท้องฟ้ามืดครึ้มคนเดียว
ตายล่ะ ไม่ได้เอาร่มมาด้วย ทำไงดี ถ้าเดินกลับหอก็ไม่ทันแน่ๆ แถมมีเอกสารอาจารย์ติดมาด้วยแบบนี้ เปียกไปเสียหายหลายแสนนะเออ
ครืน ครืน
เสียงฟ้าร้องเหมือนเยาะเย้ยในโชคชะตา
กึก!
แล้วไอ้วายุก็ปรากฏตัวขึ้น มันมองเขาอยู่ก่อนแล้ว แต่พอเขาจ้องกลับ มันก็หันไปทางอื่น มือมันถือร่มหนึ่งคัน
ถ้าคุณหวังจะเจอฉากพระเอกในนิยายยืนถือร่มไปส่งคนรักที่หอแล้วล่ะก็ คุณอย่าลืมว่าเขาไม่ใช่คนรักของมัน และตอนนี้อาจจะอยู่ในสถานะคนที่เกลียดเข้ากระดูกดำก็เป็นได้
มันเดินผ่านเขาไป พร้อมกับร่มใบใหญ่
จากไปแล้วความช่วยเหลือ เขาจะหวังอะไรจากคนที่ตัวเองเคยทำร้ายล่ะ
“ไอ้เหี้ยวายุ”
อย่างน้อยขอด่าให้หายหงุดหงิดแล้วกัน
แต่…
“ร่มใครวะ”
เขาเจอร่มวางอยู่ข้างๆเสาตึก
ขอแอบเอาไปใช้ก่อนแล้วกัน
ย่างเข้าเดือนตุลาคม หน้าหนาวกำลังจะมาทักทาย แต่ฝนที่ตกไม่หยุดกับสภาพอากาศแปรปรวนตั้งแต่สามวันก่อนบอกเขาว่า หนาวนี้ยังอีกยาวไกล เมื่อไม่ได้ออกไปไหน เขาเลยเอาเสื้อนักศึกษาสี่ห้าผืนออกมากางไว้บนเตียง ตั้งใจว่าจะรีดเก็บไว้ในตู้
แต่…
ครืนนนนนน
เสียงฟ้าร้องดังลั่น แล้วไฟในหอพักก็ดับลง
ฟะ ไฟฉาย ไฟฉายอยู่ไหน
เคร้ง
เขาเตะโดนอะไร ไม่นะ ฮือออออออออ
เขาบอกไปหรือยังว่าเขากลัวความมืด
ฟ้าแลบเข้ามาเป็นระยะ พร้อมกับเกิดเงาวูบไหว นั่นทำให้เขาสติแตก คว้าไฟฉายได้ก็รีบวิ่งออกมาจากห้อง เพียงแค่หวังจะได้พบแสงสว่างแต่กลับเลวร้ายเพราะเขาคงจะลืมนึกไปว่าไฟมันดับทั้งตึก
เงาทำให้สติเขายิ่งเตลิด
ตอนนี้เท้าเขาพาตัวเองไปไหน สมองก็ยังไม่รับรู้ ใครก็ได้ ใครก็ได้ช่วยเขาที ได้โปรด เขากลัวเงามืดพวกนี้เหลือเกิน
ไม่นะ อย่าเข้ามาหาเขา
ไม่เอาเงา ไม่
ฮืออออออออออ
ครืนนนนน
“ไม่!!!”
ปึก
และนาทีที่เขากำลังจะวิ่งหนีเพราะความกลัว แต่ร่างกายกลับปะทะเข้ากับแผ่นอกหนา ที่พอเงยหน้าเท่านั้นล่ะ
“ผี!!!”
“เอาไฟฉายออกจากหน้ากู”
“วายุ”
นานเท่าไหร่แล้วนะ ที่หูเขาไม่ได้ยินเสียงตัวเองเรียกชื่อมัน
“ไม่ต้องกลัว กูอยู่นี่แล้ว”
มันยังจำได้ดี ยังจำได้ดีเกี่ยวกับตัวเขา
เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น เพียงแต่เขากอดตอบมันอย่างโหยหามานาน
หลายเดือนผ่านไปและอีกไม่กี่วันก็จะหมดปีเก่าแล้ว ชีวิตเขาเองก็เปลี่ยนไปบ้าง
“เจนนี่หล่อนร้ายมาก ไหนหล่อนบอกว่าไม่ได้สนใจวายุ แต่นี่มันอะไรกัน หล่อนไปคบกันตอนไหนคะ ถ้าไม่มีใครคาบข่าวมา ชั้นก็คงนั่งหูดับตาบอดอยู่ตรงนี้ไปอีกนานเลย”
ทุกคนอาจไม่รู้ ว่าเขากับวายุกลับมาคืนดีกันด้วยเหตุการณ์ที่มันมาช่วยเขาไว้จากเงามืดของความกลัวเมื่อตอนนั้น บทจะง่ายก็ง่ายขนาดนี้เลยเชียว เพียงแต่ว่า เราคืนดีกันในฐานะเพื่อนนะครับ ส่วนสถานะอื่น เขาจำต้องกลืนมันลงท้องไป ได้แค่นี้ก็ดีกว่ามันไม่มอง
“เลิกเรียกกูว่าเจนนี่ทีขอร้อง อีกอย่าง คบเป็นเพื่อน ช่วยเติมคำข้างหลังด้วยคนอื่นเขาจะเสียหายครับ” เขาบอกมิลิน เธอเหยียดริมฝีปาก
“แหม มึงมันร้าย อิศรัณ”
“ขอบคุณที่ชม”
มิลินไม่เซ้าซี้ต่อ แล้วลงมือทาเล็บของตัวเองอย่างจริงจัง บัวลอยยื่นหน้ามาหาเขา แล้วกระซิบเสียงแผ่ว
“ก็หวังว่าจะไม่หลงคารมพ่อวายุนั่นนะ ยิ่งหล่อๆอยู่ด้วย พักนี้อ่ะ ลือกันให้แซดที่คณะวิศวะ ว่าวายุเปิดตัวแฟนใหม่”
เขาเก็บอาการชักกระตุกที่อกข้างซ้ายไว้มิดชิด
ไม่ใช่แค่เขาลือกัน แต่มันเป็นเรื่องจริง เขาเองก็พอรู้มาสักพักแล้วล่ะ
“เย็นนี้เหมือนฝนจะตก”
อีกแล้วเหรอวะ ทำไมเรื่องนี้ฝนตกบ่อยจัง หื้มมมมมม
“ตั้งเค้าแล้ว รีบกลับเลยค่ะ”
ว่าแล้วสามสาว(?) ก็หิ้วกระเป๋าหายไปอีกตามเคย
เขานัดวายุไว้ เลยไม่ต้องกังวลเรื่องฝนสักเท่าไหร่
ตึ๊ง
เสียงแจ้งเตือนไลน์จากวายุ เขาเปิดอ่าน
โทษทีนะ ต้องไปส่งเมย์ก่อนน่ะ รอแป้บนะ
เขาตอบกลับไปว่าไม่เป็นไร แล้วฝืนยิ้มให้หน้าจอโทรศัพท์ แม้ไม่ต้องทำก็ได้ แต่เขาก็ไม่อยากร้องไห้ออกมานี่ ตอนนี้น้ำจากเบื้องบนมันมากพออยู่แล้ว
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป เขานั่งถามตัวเองว่ามาทำอะไรอยู่ที่นี่
สองชั่วโมงผ่านไป เขารู้สึกว่าเวลามันช่างเดินช้า หรือการรอคอยมันไม่มีหวังตั้งแต่แรก
สามชั่วโมงผ่านไป เขากำลังคิดว่าจะลุยฝนกลับ
สี่ชั่วโมงผ่านไป แต่เขาก็ยังรอ
และห้าชั่วโมง กำลังจะผ่านไป…
“ศรัณ”
วายุยืนอยู่ตรงหน้า
“พอแล้ว”
เขารู้สึกเหนื่อยอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
บางที เขาอาจจะต้องเห็นแก่ตัวต่อไป ขอโทษที่เป็นเพื่อนแสนดีให้ไม่ได้จริงๆนะ
สองวันหลังจากนั้น
“อย่างว่าเนอะมึง ตัดใจเถอะ”
มิลินตบบ่าเขาปุๆ ก่อนที่หล่อนจะเดินเข้างานไปรวมตัวกับเพื่อนคนอื่นๆ
นั่นสินะ คืนนี้มีเพียงเขา และจะมีแค่เขาคนเดียวเท่านั้น
มัน… ไม่มาแล้วสินะ
ขอบคุณวันที่ 31 ธันวาคมปีนี้ ช่างเป็นวันส่งท้ายปีเก่าที่แสนเหงาแบบสุดๆ…
- BAD ENDING T.T คลุมดำสิรออะไรกันคะ เลื่อนลงจ้า -
‘ไม่เป็นไรวายุ กูไม่ทิ้งมึง มึงจะมีแฟน มึงจะไม่ได้รักกูก็ไม่เป็นไร กูยังเป็นเพื่อนมึงตรงนี้ กูจะไม่เห็นแก่ตัวอีกแล้ว’
แต่พอมองหน้าวายุ เขาก็ทำไม่ลงจริงๆ เขาจะทนเห็นแก่ตัวแบบเดิมๆต่อไปเหรอ เขาจะทิ้งมันไป เพื่อรักษาแผลใจ แต่ก็ไม่มีวันหายสนิทอย่างนั้นเหรอ
วายุเดินเข้า สวมกอดเขาแน่นกลางสายฝน
‘มึงไม่ต้องเป็นเพื่อนกูแล้ว’
‘…’
‘ทีผ่านมากูยอมรับว่าโคตรสับสน กลับมาเจอมึงครั้งแรก กูกลัวว่ามึงจะยังโกรธ กูไม่กล้าคุยกับมึง กูไม่อยากเห็นมึงเมินกู กูไม่รู้จริงๆว่าตอนนั้นทำไมกูถึงคิดแบบนั้น’
‘…’
‘ไม่กล้าแม้แต่จะบอกว่ากูมีทิชชู’
‘…’
‘หรือร่ม’
‘…’
‘กูไม่อยากฟังน้ำเสียงเย็นชา หรืออะไรก็แล้วแต่ที่มันทำให้หัวใจกูเจ็บปวด’
มันถอนกอด แล้วดึงเขาให้จ้องตามัน
‘กูบอกเลิกเมย์แล้ว’
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมมันถึงมาช้าสินะ
‘กูยอมทำร้ายเมย์ ขึ้นชื่อว่าเป็นคนเหี้ย แต่กูจะไม่มีวันทำร้ายหัวใจกู’
‘…’
‘ด้วยการปฏิเสธว่า ไม่ได้รักมึง’
“วายุ”
พอเข้าไปในงาน แม่ง ไอ้หน้าหล่อของเขายืนแดกเหล้ากลางกลุ่มกะเทยอีค่อนเฉย แล้วที่เขารู้สึกไปทั้งหมดมันคืออะไรวะ
“ไง กูไม่ปล่อยมึงเหงา แล้วนอนอยู่ที่ห้องคนเดียวหรอก”
“…”
“ดื่มเต็มที่ แต่ถ้าเมากูไม่รับประกันว่าคืนนี้จะไม่เกิดอะไรขึ้นที่ห้องของเรานะ”
ชอบจังคำว่าห้องของเรา
ปล่อยให้กูเหงาอยู่นาน กว่าจะตื่นมางานได้นะ ไอ้เวร
สวัสดีปี 2019
เป็นปีที่ดีจริงๆนะ- HAPPY NEW YEAR & HAPPY ENDING -
ใครโดนต้มจนเปื่อยบ้างคะ อิอิ 555 สวัสดีปีใหม่นะคะ ปีนี้หวังว่าจะมีผลงานมาให้ยลโฉมกันเน้อ
รักเสมอ MewSN