ตอนที่ 20.1
หากเปรียบเทียบความเร็วแล้ว ชาวเงือกก็ดูจะพ่ายแพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันได้แข่งขัน พวกเขาอาจหูดี และจับทิศทางในความมืดได้จากเสียง แต่การตอบสนองที่ค่อนข้างช้าทำให้กระบองไฟช่วยอะไรไม่ได้มาก เมื่อแวมไพร์เปลี่ยนวิธีการต่อสู้เป็นการจู่โจมด้วยความเร็วยิ่งกว่าเดิม องค์หญิงอาโกรนาห์ก็พบว่าคนของนางกำลังเพลี่ยงพล้ำ
อ้าก...!!!
ผีดูดเลือดไม่เคยปล่อยให้เหยื่อสูญเปล่า พวกเขาตักตวงอาหารตรงหน้าด้วยความกระหาย ดังนั้นนอกจากความสูญเสียที่ตอกย้ำครึ่งมัจฉาแล้ว ความแข็งแกร่งของศัตรูที่เพิ่มมากขึ้นยิ่งทำให้พวกเขามองไม่เห็นทางเอาชนะ
"องค์หญิง! พวกมันมีมากเกินไป!"
เลสซีย์เหวี่ยงหอกในมือใส่คู่ต่อสู้ และจบลงด้วยการแทงปลายแหลมทะลุหัวใจให้ร่างตรงหน้ากลายเป็นผงฝุ่น "ต่อให้ฆ่าหัวหน้าของพวกมัน พวกมันก็ยังไม่เลิกรา และเราฆ่าพวกมันทั้งหมดไม่ได้! เราต้องทำอะไรสักอย่าง!"
"คนของเรามีเท่าไหร่"
องค์หญิงเซลทิคถามเวทอร์ส หลังจากอีกฝ่ายสะบัดร่างไร้ชีวิตออกให้พ้นทาง และเฝ้ามองร่างเนื้อนั้นกลายเป็นผงฝุ่น "หน่วยลาดตระเวนสี่ทิศมีเพียงสี่สิบคน แต่หน่วยจู่โจมที่ติดตามฝ่าบาทไปเกือบห้าสิบขอรับ"
พวกเขาขาดแม่ทัพ แม้องค์หญิงอาโกรนาห์จะลงมาร่วมรบด้วยตนเอง แต่นางก็ไม่มีแผนการต่อสู้ การต้านเอาไว้เช่นนี้มีแต่ทำให้พวกเขาอ่อนแรงลงเท่านั้น พวกเขาต้องการผู้นำนำ... แม้ชีวิตของผู้นำอาณาจักรจะสำคัญ แต่หากต่อสู้โดยไร้ซึ่งทิศทาง ขวัญกำลังใจก็จะค่อยๆ ฝ่อลงไปจนกลายเป็นสิ้นหวัง
"องค์หญิง ระวัง!"
เลสซีย์เห็นคู่ต่อสู้ นางเงือกย่อขาลง ก่อนจะดีดตัวกระโจนขึ้นจากพื้นเพื่อจะใช้คมหอกฟาดฟันศัตรูก่อนที่มันเข้าถึงตัวองค์หญิง "ย้าก...!" ทว่าพลาดเป้าหมาย นางกลับมาที่พื้นอีกครั้ง ทว่าความเร็วของมันก็คว้าเข้าที่อาวุธ และหักเป็นสองท่อนในอึดใจ พร้อมกับมือข้างหนึ่งบีบเข้าที่คอของผู้นำหน่วยลาดตระเวน
"โอ๊ย!"
แวมไพร์แสยะเขี้ยว แต่เพียงเท่านั้น เวทอร์สก็พุ่งปลายหอกเข้าแทงที่กลางลำคอคู่ต่อสู้ "อั่ก!"
เลสซีย์เข่าอ่อน เวทอร์สรับร่างของนางเอาไว้ทัน "ท่านเลสซีย์!" คอของนางถูกจิกเป็นแผลเหวอะ นางเงือกอ้าปากหายใจ ความเจ็บปวดจากบาดแผลผสมปนเปไปกับความร้อนจากพิษของแวมไพร์ทำให้ภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเลือน "ท่านเลสซีย์!" เวทอร์สเรียกซ้ำ และหันไปหาพรรคพวกที่เหลือ "พานางกลับไปที่อาณาจักร!"
เผ่าโลมาไม่อาจต่อสู้ได้ดุเดือดเท่า ดังนั้นพวกเขาจึงคอยช่วยเหลือคนเจ็บ
อาโกรนาห์อ้าปากค้างในยามที่เห็นบาดแผล แต่นางไม่มีเวลามากพอจะไตร่ตรอง...
หางตาของเวทอร์สเห็นร่างเงาของคู่ต่อสู้ ชายหนุ่มเปลี่ยนอาวุธจากมือซ้ายเป็นมือขวา ก่อนหันไปเผชิญหน้าต่อสู้ แต่หมาป่าร่างยักษ์กระโดดเข้ามายืนเคียงข้างพร้อมกับคำรามและใช้ตัวเองขวางเอาไว้ "ท่านซินเนย์วา..." องครักษ์เหลือบมองดวงตาของสัตว์ใหญ่ที่เขาจดจำได้ นางกำลังแยกเขี้ยวใส่แวมไพร์ที่ก้าวตรงมา
"ข้าขอเพียงชีวิตเดียว ชาวเงือก..." เวเรเซียโนสูดหายใจ มือของเขาเปื้อนเลือด ขณะที่ดวงตาคมจับจ้องร่างโปร่งด้านหลังหมาป่า "พลังแห่งการเยียวยานั่น แล้วเราจะไปจากที่นี่" ไม่ต้องมีใครบอก ชาวเงือกก็รู้ดีว่าแวมไพร์ไม่เคยมีสัจจะ ดังนั้นการเกลี้ยกล่อมพวกเขาจึงเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์
"องค์หญิง..." เวเรเซียโน้คลื่อนไปมองสบตาอาโกรนาห์ "เพื่อประชาชนของพระองค์"
"เผ่าเพชฌฆาตสาบานต่อราชวงศ์แล้ว" องครักษ์จับหอกในมือให้มั่น "ต่อให้ต้องตาย เราก็จะปกป้องราชวงศ์เซลทิค!" หมาป่ากระโจนออกไปก่อนที่เงือกหนุ่มจะไหวตัว ซินเนย์วาแสยะเขี้ยว ไล่ขย้ำเวเรเซียโนที่กระโดดหลบอย่างรู้เท่าทัน นางเหลือบมององค์หญิงเงือกครู่หนึ่งก่อนจะส่งเสียงเตือน
'องค์หญิงอาโกรนาห์ กลับทะเลไป!!'
ไม่มีใครฟังภาษาหมาป่าออก แต่เวทอร์สอ่านความคิดนางได้จากสายตานั้น ชายหนุ่มหันกลับไปหาผู้เป็นนายในทันที "องค์หญิง! กลับไปที่อาณาจักรก่อน เราควรถอยไปตั้งหลัก!"เงือกหนุ่มกวาดตามองไปรอบกาย ชาวเงือกอาจเรียนรู้ที่จะใช้ไฟ แต่สะเก็ดไฟจากอาวุธของพวกเขาก็เริ่มลุกไหม้ไปตามพื้นหญ้า จนลามไปติดต้นไม้ที่แนวป่าใกล้ผาแล้ว
ในตอนนี้ ไฟไม่ใช่ศัตรูของแวมไพร์ แต่เป็นศัตรูของชาวเงือกและหมาป่าอีกด้วย
อาโกรนาห์ถอยเท้า นางหมุนตัวกลับเพื่อจะวิ่งตรงไปยังหน้าผา แต่เมื่อนางก้าวกระโดด เชือกเส้นหนึ่งก็คล้องเข้าที่ข้อเท้า และดึงร่างที่โผขึ้นในอากาศให้ตกลงมาสู่พื้นดิน
"อั่ก..!!"
องค์หญิงเจ็บจนจุก นางเผยอมองสิ่งที่พันธนาการ พยายามรวบรวมสติในการตัดมันให้ขาด "จับนางได้แล้ว!" พวกแวมไพร์ร้องบอกกัน ขณะที่เชือกที่รั้งข้อเท้ากระชากร่างไปตามพื้นดิน "เอานางกลับไป!" หญิงสาวจิกเล็บกับพื้น แต่พละกำลังมหาศาลก็ทำให้นางพ่ายแพ้ จนมือข้างหนึ่งกอบกุมลำคอระหง และยกตัวอาโกรนาห์ขึ้นจากพื้น
"อย่าตายเหมือนพี่ชายเจ้าล่ะ เสียของแย่!"
องค์หญิงขบริมฝีปาก นางรู้ว่าเหตุใดเดียร์ราฮานจึงเลือกความตาย ดีกว่าจะมอบพลังในสายเลือดให้กับผีดิบชั้นต่ำพวกนี้ "องค์หญิง!" นางได้ยินเสียงองครักษ์ แต่ไม่อาจรวบรวมสติเพื่อจะหันไปหาใครได้ หูของนางอื้ออึง เช่นเดียวกับสายตาที่เริ่มพร่ามัว
ฉั๊วะ...!!
แขนของผีดิบถูกตัดขาดสะบัดด้วยคมอาวุธ เลือดสีแดงคล้ำสาดไปทั่ว และเปรอะเปื้อนใบหน้าของนาง แต่อึดใจต่อมา อาโกรนาห์ก็รู้สึกได้ว่าใครบางคนช้อนอุ้มร่างเอาไว้แนบกาย "เธรมาร์! พาองค์หญิงกลับไปที่เซลทิค!!"
"รู้แล้ว!"
เจ้าของวงแขนตะโกนตอบ สองขาออกวิ่งเต็มกำลัง แต่เมื่อใกล้จะถึงหน้าผา เขาก็ถูกพันธนาการเอาไว้ด้วยเชือก
"องค์หญิง ระวัง!"
ร่างโปร่งหลุดลอยจากวงแขนแกร่ง นางรู้สึกเสมือนถูกโยน หลุดลอยไกลจากแผ่นดิน แสงสลัวในยามเช้าทำให้ภาพมัวหม่นไม่ชัด แต่ก็พอจับความได้ว่าเงือกหนุ่มองครักษ์ถูกลากกลับไป ร่างเงาสูงใหญ่ของแวมไพร์อีกตนกระโจนตามออกมา อย่างหมายมั่นว่าพวกเขาจะต้องได้ตัวองค์หญิงแห่งเซลทิค
ฟู่!
อาโกรนาห์จำเสียงหายใจของวาฬได้ นางกลอกตามองผืนน้ำ ด้วยความหวังว่าพี่ชายจะกลับมา และสิ่งที่เห็นได้จากหางตา คือกายมหึมาของวาฬยักษ์ซึ่งกระโจนขึ้นมาสุดแรง ไคราห์นจับครีบหลังของคาดันน์เอาไว้ก่อนจะออกแรงดันตัวเองให้พุ่งออกไปในอากาศพร้อมกับอาวุธในมือ
ฉั๊วะ...!!
หอกเล่มยาวเสียบทะลุร่างแวมไพร์ ตัดความหวังของผีร้ายและทำลายศัตรูให้สิ้นซาก ฝ่ามือใหญ่เอื้อมไปโอบร่างน้องสาวกลับมาก่อนที่นางจะตกลงกระแทกท้องทะเลเบื้องล่าง
ตูม...!
เสียงวาฬร้องระงมในท้องน้ำ และเช่นเดียวกับความวุ่นวายขององครักษ์หน่วยจู่โจมที่เดินทางกลับมาถึง "ไล่พวกที่อยู่ในถ้ำออกไป แล้วตามไปสมทบเบื้องบน!" เวสเทียร์เสียงดัง "เผาแนวต้นสน ใช้ไฟไล่ต้อนพวกมันมาที่หน้าผา เราจะฆ่ามันให้หมด!" แผนของไคราห์นต่างจากอาโกรนาห์ แทนที่จะต่อต้านไม่ให้แวมไพร์มาถึงผา แต่เขาต้องการให้มันมารวมตัวกันที่นั่น
เพราะพวกเขารู้ดีว่าเผ่าองครักษ์จะได้เปรียบในผืนน้ำ
ไคราห์นประคองน้องสาวเอาไว้ และมองดูบาดแผลบนร่างของนางที่ค่อยๆ ฟื้นฟูตัวเอง "อาโกรนาห์!" ราชาหนุ่มพาอีกฝ่ายกลับไปยังถ้ำที่ประทับ ด้วยคลื่นลมในถ้ำแห่งนั้นสงบกว่าด้านนอก อย่างน้อยนางก็หายใจสะดวกขึ้น "ไหวหรือเปล่า" เขายังกอดนางไว้อย่างนั้น หวังว่าพลังของตนจะช่วยให้น้องสาวหายเร็วขึ้น
องค์หญิงระบายลมหายใจรวยริน ก่อนจะยิ้มออกมา "น้องไม่เป็นไร"
"ไปช่วยเอสลินน์" ไคราห์นออกคำสั่ง "นางกำลังช่วยคนเจ็บ เจ้าไปช่วยนางอีกแรง" องค์หญิงเอสลินน์ยังเยาว์วัยเกินกว่าจะต่อสู้ อาโกรนาห์จึงสั่งให้ฟาลพานางออกไปเพื่อความปลอดภัย แต่ฝ่าบาทไคราห์นเรียกอีกฝ่ายกลับมาเพื่อให้น้องสาวใช้พลังในการรักษาผู้บาดเจ็บ "แค่แตะพวกเขาเท่านั้น..."
"ท่านพี่" อาโกรนาห์อ้าปากน้อยๆ "แต่ว่า..."
"พวกเขากำลังจะตาย ถ้าเราช่วยพวกเขาได้ นั่นคือสิ่งที่ราชาที่ดีควรทำ" ร่างสูงค่อยๆ คลายอ้อมแขน "เราไม่มีเวลา เจ้าต้องรีบไป" ราชาหนุ่ม สะบัดหาง พาร่างตนออกไปจากถ้ำใหญ่ เพื่อสมทบกับเหล่าองครักษ์ที่รออยู่เบื้องล่าง
--------------------------------------------------
พวกเงือกเปลี่ยนแผนการต่อสู้...
เวเรเซียโนเหลือบมองรอบกาย พวกองครักษ์เปลี่ยนหายนะจากเพลิงไหม้เป็นแนวกำแพงไฟที่ทำให้แวมไพร์ไม่มีทางหนีพ้น ขณะที่หมาป่าก็ตีวงเข้ามาเพื่อต้อนให้พวกเขาถอยไปยังผาทะเล ไม่มีใครบอกก็รู้ว่าใต้เกลียวคลื่นนี้มีเงือกอีกมากมายรออยู่
"ท่านเวเรเซียโน..."
ผู้นำแวมไพร์ยกมือปรามคนของตนขณะขบคิด แต่เสียงโหยหวนจากถ้ำที่เชื่อมต่อกับแผ่นดินก็บอกเล่าสถานการณ์ว่าองครักษ์แนวหน้าของเซลทิครุกกลับบ้างแล้ว
"ฝ่าบาทไคราห์นกลับมาแล้ว" เวเรเซียโนหรี่ตาลง "ถ้าเราหนีหมาป่าลงทะเล พวกเงือกก็จะรอเราอยู่"
เขาต้องการเพียงเลือดแห่งราชวงศ์เซลทิค... แต่จะทำอย่างไรให้ได้มาซึ่งสิ่งนั้น
"ท่านเวเรเซียโน ...เจ้านี่แปลกดี!" ผู้นำแวมไพร์เหลือบมองตามเสียง ลูกน้องคนหนึ่งลากคอเงือกหนุ่มตนหนึ่งมาโยนเบื้องหน้าเขา อีกฝ่ายมีผมยาวสีดำแซมขาว ผิวพรรณขาวเกินกว่าจะเป็นสมาชิกของเผ่าเพชฌฆาต และที่น่าประหลาดใจนั่นคือเขาเดี่ยวสีดำเหนือหน้าผาก
...มนุษย์ยูนิคอร์นหรือไร!!
แต่ลักษณะเปลือยเปล่าของอีกฝ่ายบอกได้ว่านี่เป็นชาวเงือกที่ไม่ได้ประสาเรื่องราวบนแผ่นดิน "มันเป็นคนช่วยยัยองค์หญิงนั่นกลับไป" อีกฝ่ายถูกบีบคอและจับยกขึ้นในอากาศเบื้องหน้าเซเรเซียโน ชายหนุ่มหรี่ตาลงอย่างพิจารณา ด้วยรู้ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่ประชาชนธรรมดาของเซลทิค
เนื้อตัวอีกฝ่ายเปรอะเปื้อน ทว่าไม่มีบาดแผลใดๆ
"เจ้าเป็นใคร" แรงบีบมหาศาลทำให้เงือกหนุ่มตาพร่าเนื่องจากขาดอากาศ "เป็นพันธุ์อะไร!"
"บอกก็โง่สิ"
เวเรเซียโนอ้าปากค้างเมื่อถูกครึ่งมัจฉาตอกหน้า เขาเงื้อมือขึ้นหมายจะสั่งสอน แต่แล้วร่างเล็กอีกร่างก็พุ่งเข้าใส่ลูกน้องแวมไพร์ "เธรมาร์ กระโดด!!" การเคลื่อนไหวของชาวเงือกไม่ได้รวดเร็ว แต่วิธีการเอาชนะของเงือกกลุ่มนี้แปลกประหลาด เจ้าของเสียงก้มหัวลง ใช้พละกำลังทั้งหมดพุ่งเข้ากระแทกศัตรูด้วยปลายเขาบนหน้าผาก
พลั่ก...!!
ผู้นำแวมไพร์ไหวตัวทัน เขากระชากร่างเธรมาร์กลับมา และปล่อยให้ลูกน้องของตนถูกผลักออกจากแผ่นดินไปพร้อมกับเงือกตนนั้น เขาผละออกจากร่างแวมไพร์ ขณะเปลี่ยนท่อนขาให้กลายเป็นหางสีด่างดำ
ฉึก...!!
องครักษ์เพชฌฆาตกระโจนขึ้นมาจากน้ำด้วยรู้งาน อาวุธแหลมเสียบทะลุร่างคู่ต่อสู้อย่างแม่นยำ แต่ก็ไม่วายประสาชนกับเงือกต่างถิ่นกลางอากาศ "โอ๊ย!!"
ตูม...!!
เวเรเซียโนหันกลับมาที่เธรมาร์ หลังจากกระชากอีกฝ่ายกลับมาและกระแทกกดเอาไว้บนพื้นหญ้า เขาจับแขนเงือกหนุ่ม และเฉือนเล็บไปบนผิวเนื้อขาวแทนการทดสอบ และในไม่กี่อึดใจ บาดแผลนั่นก็ค่อยๆ สมานเข้าหากันอย่างรวดเร็ว "เจ้า...!!" แวมไพร์หนุ่มอ้าปากค้าง แต่แล้วคนตรงหน้าก็ผงกขึ้นโขกหัวเขาอย่างแรง
"โอ๊ย!!"
องศาการโขกไม่มากพอที่จะทำให้เขาเดี่ยวนั่นเสียบแทงคู่ต่อสู้ แต่ความแรงนั่นก็มากพอที่จะทำให้เธรมาร์ขยับตัวได้ ฝ่ายนั้นดิ้นถีบเวเรเซียโนออกไป ก่อนจะลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว "กลับลงทะเล!!" ชายหนุ่มตะโกนบอกพรรคพวก และถีบตัวเองออกไปจากแผ่นผาสุดแรง
เวเรเซียโนลุกขึ้น เขาคว้าเชือกที่บั้นเอวของตน แล้วโยนห่วงขนาดใหญ่ตามอีกฝ่ายไป ข้อเท้าของชาวเงือกถูกรัด และกระชากกลับมายังแผ่นดิน แต่ระยะกระโดดของเธรมาร์ก็มากเกินกว่าจะดึงเขากลับมาได้ ชายหนุ่มร่วงลงจากท้องฟ้า ก่อนที่ร่างจะกระแทกกับหินผาแห่งเซลทิค
ตาย... เขาต้องตาย... เหตุใดการเดินทางมาอาณาจักรเซลทิคครั้งแรกจึงได้เลวร้ายปานนี้...
โครม...!!
"เธรมาร์!!" เงือกที่เดินทางมาด้วยกันตะโกนเรียกจากเบื้องล่าง แต่เขาก็ไม่มีกำลังมากพอที่จะกระโดดขึ้นไป มีเพียงพวกเผ่าเพชฌฆาตที่กระโจนได้สูงขนาดนั้น เขาได้แต่มองร่างปวกเปียกหมดสติของสหายถูกดึงกลับขึ้นไปยังแผ่นดิน
"เผ่านาร์วาล!"
เสียงของฝ่าบาทไคราห์นทรงพลังเสมอ และเมื่อเงือกแปลกหน้าถึงเรียก เขาก็เม้มปากด้วยความหวาดกลัว ราชาทะเลเหนือปราดมายังเงือกตนนั้น และจ้องมองคาดคั้นให้อีกฝ่ายพูดธุระของตนออกมา "พวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่ ในยามนี้!"
"แล้วเกิดอะไรขึ้นกับที่นี่! ในยามนี้ล่ะ ฝ่าบาท!" อีกฝ่ายถามกลับร้อนรน "เธรมาร์ถูกพวกมันจับไป!" เขาชี้ขึ้นไปยังแผ่นดิน ซึ่งนั่นทำให้ฝ่าบาทคำรามออกมาอย่างเดือดดาล "ก...กระหม่อมมากันเพียงสองคน..."
ไคราห์นหันไปหาองครักษ์ที่ใกล้ที่สุด
"เอามันไปรวมกับเอสลินน์! ทักษะการต่อสู้พอๆ กับเด็กสิบสองขวบ!"
องครักษ์หนุ่มเบิกตาขึ้น ขณะที่ผู้มาเยือนเคลื่อนกายไปหลบหลังองครักษ์เพชฌฆาตทันที "เอาข้าไปขัง ไปเก็บที่ใดก็ได้ให้พ้นเจ้าพวกผีดูดเลือดนั่น" ราชาหนุ่มแยกเขี้ยว เขากระชับอาวุธในมือและเริ่มมองหาวิธีช่วยเหลือเงือกอีกตัวที่อยู่เบื้องบน
"ฝ่าบาท... มันอันตรายไป..." เวสเทียร์พุ่งเข้ามาปราม
"คาดันน์!" ไคราห์นร้องเรียก หางตาเหลือบเห็นร่างเงาขนาดใหญ่พุ่งขึ้นมาจากก้นสมุทรเบื้องล่าง เจ้าวาฬว่ายผ่านร่างของเขาไป ราชาหนุ่มคว้าครีบหลังของมันเอาไว้และมุ่งหน้าไปยังผิวน้ำ หางใหญ่สะบัดโบกรุนแรง พาร่างทั้งคนทั้งเงือกกระโจนขึ้นในอากาศจนตัวลอย ฝ่าบาทใช้กำลังแขนดันร่างตัวเองออก แล้วหันกลับไปยังแผ่นดิน
พลั่ก...!
ร่างสูงกลิ้งลงกับพื้นหญ้า ดูเหมือนว่าเขาจะยังจับจังหวะกการกระโจนของคาดันน์ไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็นับว่าลงมาค่อนข้างสวยงามกว่าทุกครั้ง พวกแวมไพร์หยุดการต่อสู้แล้ว พวกเขากำลังประจันหน้ากับหมาป่าที่ตีวงล้อมต้อนพวกผีดูดเลือด แต่ก็ไม่มีตัวใดขยับเขยื้อน เนื่องด้วยร่างปวกเปียกไร้สติในมือของเวเรเซียโน
"ฝ่าบาทไคราห์น..."
ไม่ว่าใครก็รู้จักราชาผิวเผือกแห่งทะเลเหนือทั้งนั้น และยังเป็นที่ต้องการของแวมไพร์มากที่สุด
เจ้าหนุ่มเผ่านาร์วาลยังไม่ได้สติ รอยเลือดบนหน้าบอกได้ว่าอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บ ทว่าพลังเยียวยาในตัวก็ช่วยรักษาให้ เผ่านาร์วาลเป็นโลมาพวกหนึ่ง แต่พวกเขาค่อนข้างรักสันโดด และอาศัยอยู่เป็นกลุ่มเล็กๆ ในทะเลขั้วโลกที่หนาวเย็น นานสักครั้งที่พวกนาร์วาลจะเดินทางมา และไคราห์นเชื่อว่าการมาถึงของพวกเขาจะหมายถึงข่าวคราวเกี่ยวกับมารดาของตน
พระชายาเอกแห่งเซลทิคปลีกตัวไปอยู่กับพวกนาร์วาล ผู้ได้ชื่อว่านักประดิษฐ์แห่งเผ่าวาฬ
พวกเขาเป็นต้นตำรับสูตรยาที่จะแปลงเงือกมัจฉาให้สามารถเป็นมนุษย์ได้ เป็นผู้สร้างสรรค์อาวุธที่จะใช้ต่อกรกับอมนุษย์เผ่าพันธุ์อื่น และแน่นอนว่าเขาเดี่ยวที่อยู่เหนือหน้าผากของพวกเขาก็เป็นสมบัติสำคัญอย่างหนึ่งที่ชาวเงือกหวงแหน ไม่ต่างจากพลังสายเลือดบรรพกษัตริย์
"ฝ่าบาท...!"
ซินเนย์วาร้องเตือน พวกแวมไพร์ไม่รอคำสั่ง พวกเขาพุ่งเข้าใส่ราชาที่ไม่มีใครคุ้มครอง จังหวะเดียวกันกับที่ไคราห์นพุ่งกระโจนเข้าใส่ศัตรู เขาดึงหอกของตนออกจากกัน เผยให้เห็นใบมีดที่แอบซ่อนอยู่ภายใน กลายเป็นดาบคู่สองคมในมือราชา อาวุธของชาวเงือกส่วนใหญ่ทำจากกระดูกสัตว์ ทว่าหอกเล่มนี้ของฝ่าบาทเป็นใบมีดเหล็กกล้าที่สามารถฟาดฟันศัตรูให้ขาดสะบั้นในครั้งเดียว
"ฝ่าบาท... ชีวิตเจ้านี่..."
เวเรเซียโนยังคงจับร่างของเธรมาร์เป็นตัวประกัน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ราชาเงือกฟังเสียง เวสเทียร์ตามอีกฝ่ายขึ้นมาในเวลาไล่เลี่ยกัน พร้อมกับองครักษ์ระดับสูงของอาณาจักร และเมื่อเขาจู่โจม ฝูงหมาป่าที่หยุดชะงักก็กลับมาคึกคะนองอีกครั้ง พวกมันกระโจนใส่คู่ต่อสู้ บีบให้ผีดูดเลือดถอยร่นไปยังแผ่นผา ขณะที่ราชาเงือกไม่ได้สู้เพียงลำพังอีกต่อไป
"ก็ให้มันตาย... แต่เรายอมให้พวกเจ้าเอาร่างมันไปเหมือนกับเดียร์ราฮานไม่ได้!"
--------------------------------------------------