ー Last Match ♥
☁
หลังจากผ่านวันนั้นไปก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก เราสองคนต่างก็ใช้ชีวิตกันตามปกติ มีเวลาส่วนตัวของตัวเองแต่ก็แบ่งเวลาให้กันและกันบ้าง วันธรรมดาออกไปเรียน วันหยุดก็นอนดูหนังด้วยกันบนโซฟาตัวเดิมในห้อง ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมนอกจากสถานะของเราสองคนกับตัวเลขบนเครื่องชั่งน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ของคนตัวเล็ก
กิมักโดนเต็งหนึ่งแซวว่า ‘ผัวเลี้ยงดีเหรอเนื้อหนังถึงนิ่มขึ้นแบบนี้’ ตอนแรกเขาแค่มองค้อนตอบกลับให้รู้ว่าไม่พอใจ แต่พอเต็งหนึ่งพูดขึ้นอีกว่า ‘ระวังมันไปมีกิ๊กนะ เอ๊ะ รึจะหลงกว่าเดิมวะ’ เขาจึงตบปากมันไปหนึ่งที แล้วเถียงฉอดว่าช่วงนี้แค่ไม่ได้ออกกำลังกายเฉยๆ ฝ่ายที่โดนตีถึงยอมเงียบไป
เดิมทีเขาเป็นกังวลตั้งแต่ก่อนตอบตกลงเลื่อนสถานะแล้วว่าคนข้างกายอาจจะเปลี่ยนไป กลัวอาการที่เต็งหนึ่งเรียกว่า ช่วงโปรโมชั่น จะหายไป พร้อมลามไปหมดกับเรื่องอื่นๆ ด้วย
กินั่งกดโทรศัพท์บนรถแอร์เย็นฉ่ำในช่วงค่ำวันศุกร์ที่ไม่ค่อยสุขเท่าไหร่นักอย่างเบื่อหน่าย แยกสุขุมวิทเส้นหลักในการเดินทางรถติดยาวเป็นกิโลฯ เรียกได้ว่าถ้าเปิดกูเกิ้ลแมพเช็กการจราจรคงเห็นเส้นสีแดงยาวเป็นแถบในแผนที่ ฮอนเอ่ยชักชวนเข้าห้างเพื่อรอให้รถบางตากว่านี้ค่อยเดินทางกลับ แรกเริ่มเขาส่ายหัวไม่เห็นด้วยเพราะกว่ารถจะขยับได้คล่องตัวกว่านี้ก็คงต้องรอไปอีกชั่วโมงสองชั่วโมง แต่อีกคนดันหลอกล่อเขาด้วยหนังในจักรวาลโปรดที่กำลังฉายอยู่ในโรง จึงยอมพยักหน้าตอบตกลงไปแต่โดยดี
พอเอนด์เครดิตของหนังจบลง กิก็หันไปพูดจ้อใส่คนข้างกายทันทีที่เดินออกมาจากโรงหนัง ฮอนลอบยิ้มขณะมองเขาเจื้อยแจ้วถึงสิ่งที่เพิ่งดูจบเมื่อครู่อย่างมีความสุข
“วันนี้อยากกินอะไร” เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นขณะก้าวเท้าลงบันไดเลื่อน ตั้งแต่เปิดเทอมมา แทบจะนับครั้งได้ที่เราสองคนออกมาทานข้าวข้างนอกหรือสั่งอาหารเข้ามากินในห้องเหมือนเมื่อก่อน ชายหนุ่มผู้ผันตัวเป็นพ่อบ้านประจำห้องเอาแต่บอกว่าทำกินเองดีกว่า ทั้งปลอดภัยทั้งไม่มีผงชูรส ทั้งได้ฝึกฝีมือไปด้วยอีกต่างหาก กับข้าวเกือบทุกมื้อในแต่ละวันจึงเป็นฝีมือของคุณพ่อครัวมือใหม่เกือบทั้งหมด
“สุกี้ ชาบู เอ็มเค” กิก้าวเท้าลงจากบันได้มาหยุดอยู่ที่หน้าร้านเอ็มเคพอดิบพอดี จึงคิดลองเอ่ยปากชวนเพราะไหนๆ ก็เข้าห้างมาแล้วทั้งที
“เหรอ ที่ห้องไม่มีหม้อสุกี้อะดิ งั้นเดี๋ยวลงไปซื้อเลย” ฮอนพยักหัวตอบ ไม่ได้สนใจแววตาละห้อยที่กำลังจ้องมองเป็ดย่างในโปสเตอร์ร้านอาหารชื่อดังแต่อย่างใด เขาตกลงกับตัวเองเสร็จสรรพก็กวักมือเรียกให้แฟนเดินตามมา
…ไม่รู้ว่าโดนตามใจจนเสียนิสัยไปแล้วหรือเปล่า เวลาอยากได้หรืออยากทานอะไรแล้วไม่ได้ดั่งใจ มุมปากของเขาจึงค่อยๆ โค้งลงอย่างเห็นได้ชัด
กิก้าวเท้ารี่ คว้าแขนแกร่งเอาไว้ได้ทันท่วงทีก่อนอีกคนจะเดินนำไปไกลมากกว่านี้
“กินนี่เหอะ ไหนๆ ก็มาแล้วเนี่ย” ชายหนุ่มผู้โดนขัดใจสะบัดปลายเสียง ท่าทีไม่พอใจ
“ไม่เอา ทำกินเองดีกว่าค่ะ ได้เยอะกว่าด้วย ไปๆ ซื้อของอย่างอื่นเข้าตู้เย็นด้วยพอดี อยากกินไรอีก” ยังไม่ทันได้แย้งอะไรก็โดนคนเผด็จการคว้ามือไปกุมหลวมๆ แล้วตรงไปโซนมาร์เก็ตทันที
“มึงว่าเอาหม้อแบบไหน เอาแบบปิ้งย่างได้ด้วยไปเลยไหม” ฮอนกอดอกลังเลขณะยืนเลือกหม้อไฟฟ้าอยู่นานสองนาน กิตอบกลับคำถามโดยชี้มือไปทางขวามั่วๆ
“เค งั้นเอาแบบนี้นะ” แล้วก็ได้กระทะไฟฟ้าแบบต้มและปิ้งย่างใส่ลงรถเข็น
…พอโดนขัดใจในเรื่องเล็กๆ ที่ไม่เคยโดนห้าม ทั้งที่อีกฝ่ายตามใจเขามาตลอด อยากได้อะไรก็ได้ ไม่เคยปฏิเสธเลยสักครั้ง ในใจจึงเริ่มแอบหวั่นว่าหรือจริงๆ มันใกล้จะหมดช่วงโปรฯ ที่นึกกลัวขึ้นมาแล้ว
ความคิดกำลังอลหม่านอยู่ในหัว จนกระทั่งเสียงกระซิบบางอย่างดังขึ้นไม่ทันตั้งตัว
“กิ มึงชอบกลิ่นไหน”
ฮอนโน้มตัวเข้ามาพูดเสียงเบาข้างใบหู ใช้มือป้องไม่ให้พนักงานแคชเชียร์อ่านปากได้ กิช้อนตาขึ้นมอง เลิกคิ้วสงสัยว่าอีกคนกำลังหมายถึงอะไร
“กลิ่นอะไร” พูดเสียงเบาตอบกลับ หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึก ไม่ได้กลิ่นอะไรเลยสักอย่างแล้วให้เลือกอะไร?
“ก็ไอ้นั่นไง ที่วางอยู่บนชั้นนั่นน่ะ” ฮอนพยักพเยิดหน้าให้หันไปมองทิศทางซ้ายมือซึ่งมีถุงยางอนามัยเรียงรายไว้บนชั้นวาง กิมองตามสายตาเจ้าเล่ห์ของอีกคน เห็นดังนั้นก็ไม่รอช้า ตีป๊าบเข้าต้นแขนของผู้ที่เอาแต่หมกมุ่นเรื่องแบบนี้ทันที
“ไอ้เหี้ย” ส่ายหน้าระอาพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่ใส่ แต่ฮอนกลับหัวเราะเมื่อได้แกล้งให้เขาหัวเสียเล่นๆ
ขอถอนคำพูดแล้วกัน ฮอนยังเหมือนเดิมไม่มีผิด
…หมายถึงเรื่องที่ชอบแกล้งให้เขาอายอยู่เสมอน่ะนะ!
----------
กลับมาถึงห้องตอนเวลาสามทุ่มกว่า กว่าคุณพ่อครัวจะล้างผัก หั่นหมู เตรียมของอะไรต่างๆ เสร็จ หม้อชาบูก็ถูกตั้งในเวลาสี่ทุ่มพอดิบพอดี
“เนี่ยเห็นไหม บอกแล้วว่าทำกินเองดีกว่าเป็นไหนๆ ผักน้อยๆ หมูเยอะๆ แบบที่มึงชอบไง” กิยักไหล่ ไม่พูดอะไรเพราะกำลังเคี้ยวเส้นหมี่หยกอยู่ในปาก มองคนตรงข้ามคีบเนื้อหมูไม่ติดมันแบบที่เขาชอบลงบนส่วนของกระทะร้อน
“ถ้าใส่หมูกรอบได้กูก็จะใส่ให้ แต่ดูแล้วมันคงพิลึกเอาการอยู่นะ หมูกรอบในชาบู” ฮอนทำหน้าปุเลี่ยน
“ถ้าใส่ก็ได้ปะ ใครจะมาว่า ไม่มีคนรู้สักหน่อย” กิพูดขัด
“ก็จริงค่ะคุณหนู ขนาดไข่มุกยังอยู่ในผัดซีอิ๊วได้ ทำไมหมูกรอบจะอยู่ในหม้อชาบูไม่ได้เนอะ” ฮอนหัวเราะ ขณะนึกไปถึงกระแสไข่มุกที่กำลังเป็นไวรัลแพร่หลายในอินเทอร์เน็ตอยู่ในขณะนี้
“ไหนอะ ไปหามาดิหมูกรอบอะ” เจ้าของห้องทักท้วง
“จะกินตอนนี้เลยเหรอ แล้วกูจะไปหามาจากไหนฮึ”
กิเบ้หน้า มองคนที่ทำเป็นพูดอย่างนู้นอย่างนี้ ทั้งที่ไม่มีหมูกรอบให้สักชิ้น
“มัดผมให้หน่อยดิกิ” ร่างสูงรีบเปลี่ยนเรื่อง เสยผมหน้าที่คอยตกลงมายามก้มหัวลงอย่างรำคาญใจ กิวางถ้วยลง ลุกไปหยิบถุงยางมัดผมสีดำที่ซื้อมาไว้ตั้งแต่เมื่อวานก่อนเพราะสงสารคนที่เอาแต่ร้องโอยอยู่ทุกครั้งที่ต้องมัดผม
ฮอนหมุนปิดไฟหม้อไฟฟ้า เมื่อระดับความเร็วการกินของแต่ละคนเริ่มลดถอยลงแต่ของในหม้อยังเต็มจนเกือบล้นออกมา ชายหนุ่มเบี่ยงตัวมาทางขวาเมื่อกินั่งย่อลงข้างๆ ใช้เรียวนิ้วจับกลุ่มผมด้านหน้ารวบเข้าฝ่ามือ
คนตัวเล็กหัวเราะคิกคักอยู่ในลำคอเบาๆ เมื่อผละตัวมองใบหน้าแฟนแล้วเห็นว่าตอนนี้อีกฝ่ายดูเหมือนตัวอะไร
“หัวเราะทำไม” เสียงทุ้มดังขึ้นอย่างฉงน
“มึงเหมือนแมลงสาบอะ แบบมีหนวดเสาอากาศบนหัว” ฮอนไม่รอช้า เอื้อมมือขึ้นไปสัมผัสจุกผมบนหัวทันที
“แกล้งกูเหรอ” คลำผมที่ชี้โด่เด่อยู่บนหัวสองจุกก็พอจะเดาได้ ว่าทำไมเจ้าของห้องถึงเอาแต่หัวเราะ เขารีบรวบเอวของคุณหนูจอมซนแล้วดึงให้นั่งลงตักตัวเอง ทันทีที่แย่งยางมัดผมสีดำที่เหลืออยู่ในมือเล็กมาได้ก็รีบรวบผมหน้าของกิมัดขึ้นเป็นจุกน้ำพุ
“งั้นมึงก็เป็นพุดเดิ้ล” พูดจบก็ก้มลงไปฟัดแก้มเจ้าพุดเดิ้ลอย่างมันเขี้ยว
กิส่ายหัวหลบหลีกเป็นพัลวัน “โอ้ยยย ไอ้เหี้ยปล่อยก่อนนนน”
“ไม่เหี้ยแล้ว เป็นแมลงสาบค่ะ” ฮอนพูดติดตลก มองหนูแป้งตัวขาวที่ดูนุ่มนิ่มขึ้นกว่าเก่า
“หนูกิอ้วนขึ้นรึเปล่าคะ ฮึบ หนักขึ้นกว่าเดิมใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดขณะยกตัวคนบนตักเปลี่ยนท่านั่งให้หันหน้าเข้าหาตัว
“ก็ดูมึงทำกับข้าวแต่ละอย่างสิ” เรียกได้ว่าเกือบทุกมื้อเขากินดีอยู่ดีจริงๆ นั่นแหละ แม้พ่อบ้านมือใหม่คนนี้จะไม่ได้มีฝีมือการทำอาหารมากเท่าไหร่นัก ทำได้เพียงไม่กี่อย่าง ทว่าแต่ละเมนูล้วนเป็นอาหารโปรดของเขาทั้งสิ้น จะรีเควสต์ขอเพิ่มเนื้อรึเปลี่ยนเป็นทะเลก็ได้ทั้งนั้น แล้วจะไม่ให้เขาอ้วนขึ้นได้ยังไงกัน!
“อันนี้คือชมพี่ฮอนอยู่ใช่ไหมคะหนูกิ” ร่างสูงอมยิ้มเมื่อได้ยินว่าเขานี่เองที่เป็นต้นเหตุหลัก แต่กลับไม่ได้เสียใจเลยแม้แต่น้อย ดีใจเสียอีกที่ฝีมือการทำอาหารของตัวเองพัฒนาขึ้นจนสามารถทำให้คนตัวเล็กมีเนื้อมีหนังกับเขาได้บ้าง
“เปล่า อาจจะเพราะช่วงนี้กูไม่ได้ออกกำลังกายต่างหาก”
“เหรอคะ งั้นเดี๋ยวคืนนี้พาออกทั้งคืนเลยค่ะ โอ๊ยๆๆ กิ! เจ็บค่ะ” กิยกมือขึ้นกระตุกสองหนวดบนหัวของคนที่เอาแต่พูดจาสองแง่สองง่ามอย่างแรงด้วยความสะใจ
“สมน้ำหน้า ให้ดึงจนผมหลุดเลยไหม จะได้ไม่ต้องบ่นว่ารำคาญ” กิกระยิ้มกระย่อง มองคนมุ่ยหน้าเพราะโดนทำร้ายร่างกายด้วยแววตาสนุกอย่างปิดไม่ปิด
“ใจร้ายจริงๆ เลยนะแฟน” ฮอนช้อนตามอง เบะปากอ้อนเป็นเด็ก
กิแลบลิ้นใส่หนึ่งที ตั้งท่าจะลุกออกจากตักแต่กลับถูกมือปลาหมึกรัดเอวไว้แน่นเสียก่อน
“ไม่ให้ไปค่ะ”
“ปล่อยดิ ไหนบอกว่าหนักไง”
“หึยยย ใครพูดกัน หนูกิตัวเบาเหมือนนุ่นเลย”
“ตอแหล” กิใช้มือตีแก้มอีกฝ่ายเบาๆ ไปที
“เขาเรียกอยู่เป็นต่างหาก” ฮอนหัวเราะ
“ถ่ายรูปกันก่อนมา” ร่างสูงคลำมือสะเปะสะปะไปทางด้านหลังของตัวเอง จนกระทั่งเจอสิ่งที่ตามหา เขาเปิดกล้องหน้าโทรศัพท์แล้วรัวกดชัตเตอร์ทันทีไม่บอกไม่กล่าว
กิหันหน้าไปตามเสียงรัวแชะๆ ตะเบ็งเสียงด่าเมื่อรูปในกล้องดันเป็นรูปใบหน้าเหวอของเขา ฮอนหัวเราะ ก่อนจะยอมนับเลขถอยหลังใหม่
“นึง ส่อง ซั่ม”
แชะ แชะ แชะ
เสียงชัตเตอร์ดังรัวตามบริบทที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จากช่วงแรกที่ยิ้มโชว์ฟันขาวกันอยู่ดีๆ กิอาศัยว่าอีกคนมีมือเหลือว่างข้างเดียว จึงใช้มือดึงจุกทั้งสองบนหัวของนายแมลงสาบ อีกคนก็ใช้มือดึงกลับ แกล้งกันไปกันมา รูปรองสุดท้ายดันกลายเป็นใบหน้าเหวอๆ ของกิเมื่อโดนริมฝีปากประทับอยู่ข้างแก้มอย่างไม่ทันตั้งตัว
แน่นอนว่ารูปสุดท้ายกลายเป็นใบหน้ายิ้มแฉ่งของฮอน แต่คนตัวเล็กดันทำหน้าบูดใส่กล้องเสียอย่างนั้น
-------
เสียงพูดคุยดังขึ้นจอแจในเที่ยงของวันถัดมาหลังเลิกคลาสเรียน กิเก็บชีทเรียนและของใส่กระเป๋า เพื่อเตรียมกลับห้อง อาจารย์ยังไม่ทันได้เดินไปไหน เพื่อนสนิทคนข้างๆ ก็เอ่ยทักเสียก่อน
“เปิดแล้วดิ?” เต็งหนึ่งโน้มหน้าเข้าถามพร้อมยื่นจอโทรศัพท์ให้ดู
ในนั้นปรากฏรูปที่ฮอนอัปโหลดลงอินสตาแกรมเมื่อคืน เป็นรูปตอนที่พวกเขากดรัวถ่ายจุกบนหัวกันนั่นแหละ
“นี่เรียกว่าเปิดปะ” กิตอบกลับด้วยคำถาม
“อ้าว ตกลงยังไง นี่มึงถามจริงรึกวนกูเล่นๆ เนี่ยกิ” เต็งหนึ่งฮึดฮัดเพราะความอยากรู้อยากเห็นของเขาเอง
“ถามจริงๆ กูก็ไม่แน่ใจ”
ชายหนุ่มผู้เคยเป็นที่ปรึกษารับโทรศัพท์คืน รูปที่อัปโหลดลงค่อนข้างดูเป็นปริศนาเพราะครอปรูปให้เห็นแค่จุกบนหัวกับตาของคนสองคนเท่านั้น แคปชั่นของรูปก็เขียนไว้แค่ว่า ‘คุณหนูพุดเดิ้ลจอมดื้อกับนายแมลงสาบที่น่าสงสารของเขา’ มันกึ่งเปิดตัวแล้วแต่ก็ยังดูกำกวมอยู่ดี
“กูคิดว่ามันเปิดนิดๆ”
“งั้นก็คงเปิดแล้วมั้ง” กิพยักหน้าตอบแต่เต็งหนึ่งกลับขมวดคิ้ว
“มันแบบดูลึกลับกำกวมว่ะ จะไม่บ่นว่ามันไม่ชัดเจนแล้วใช่มะ”
“ไม่บ่นหรอก ก็กูเป็นคนบอกให้มันทำแค่นี้พอแล้ว ตอนแรกมันท้วงบอกจะทำให้ชัดเจนแบบคนทั้งโลกรู้ไปเลย กูถึงต้องปรามเอาให้มันพอดีๆ ก็พอแล้ว”
“ไมอะ จะได้ชัดเจนๆ ไปเลยไง”
“มันก็เยอะไปโว้ย บอกจะลงรูปทุกสื่อโซเชี่ยลแล้วแคปชั่นติดแท็กบอกเลยนะว่าแฟนผม สังคมนี้ไม่ได้มีแค่กูกับมันนะ จะเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ไม่มีใครรู้ เกิดวันดีคืนดีโดนแฟนคลับมันรุมด่างี้ทำไง คือมึงเข้าใจไหมว่าชีวิตกูยังต้องการความสงบสุขอยู่”
“เออ ก็พอเข้าใจอยู่” เต็งหนึ่งพยักหน้าเออออ
“ความชัดเจนสำหรับกูคือมันเลิกทำตัวแบบเดิมก็พอแล้ว แค่มันบอกว่ามีแฟนแล้วครับกับคนที่เข้ามาถามสถานะมัน กูก็พอใจแล้วนะ” พอได้พูดแล้วก็เหมือนได้ปลดปล่อยความอัดอั้นในใจของตัวเองขึ้นมานิดหน่อย เพราะทั้งฮอนและเต็งหนึ่งดูจะคิดถึงความหมายของคำว่าชัดเจนลึกมากเกินไป
“จริง เห็นด้วยมากๆ แล้วแบบถ้ามึงคบกับแฟนมาได้ประมาณนึงแล้ว แต่แฟนมึงไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเราทั้งสองคนเลย มึงคิดยังไงอะ แบบอันนี้เรื่องของเพื่อนกูนะ มันฝากถามมา กูแค่อยากลองฟังคำตอบของคนอื่นไปบอกมันบ้าง” แม้เต็งหนึ่งจะพูดด้วยน้ำเสียงปกติเหมือนถามสภาพดินฟ้าอากาศ แต่กิก็สังเกตเห็นแววตาที่ไหววูบนั้นได้
“แล้วถามแฟนมึงรึยังว่าทำไมถึงไม่อยากให้คนรู้”
“ไม่รู้ดิ ยังไม่เคยถาม เห้ย! ไม่ใช่แฟนกู ก็บอกว่าเรื่องของเพื่อนไง” เต็งหนึ่งรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน
กิเลิกคิ้ว “เอาแต่บอกให้กูเปิดปากถามเพื่อความชัดเจน มึงน่ะบอกตัวเองก่อนเลยไอ้หนึ่ง” กิส่ายหัวเบาๆ ว่าจบก็ลุกขึ้นสะพายกระเป๋าเดินออกจากโต๊ะ
“ก็บอกว่าเรื่องของเพื่อนไงโว้ย!”
เขาโบกมือลาเพื่อนสนิทขณะก้าวเดินออกจากห้อง ทิ้งให้ที่ปรึกษาซึ่งเก่งในเรื่องของคนอื่นแต่เรื่องของตัวเองดันล้มเหลวนั่งอยู่ในห้องคนเดียว
--------
เสียงก๊องแก๊งของโลหะกระทบกันดังขึ้นยามที่ฮอนหยิบเบียร์กระป๋องออกมาเรียงใส่ตู้เย็น วันนี้กิมีเรียนแค่ช่วงเช้า แต่เขามีเรียนเต็มวัน แฟนตัวนุ่มของเขาเลยกลับมาถึงห้องตั้งแต่บ่าย ขากลับเขาจึงได้แวะซื้อเบียร์เข้ามาตุนสำหรับอยู่ดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในค่ำคืนนี้
“วันนี้มีบอล อยู่ดูเป็นเพื่อนหน่อยดิ” ฮอนเอ่ยพูดขณะเดินออกมาจากห้องครัว ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อเดินมาถึงหน้าโซฟา
“ฮึบ ไม่ แฮก… ไม่ดู”
เสียงหอบกระเส่าที่มาจากการลุกนั่งของเจ้าของห้องนั่นเองที่ทำให้เขาชะงัก เมื่อก่อนกิมักจะออกกำลังกายโดยการซิทอัพในตอนเย็นเกือบทุกวันอยู่แล้ว ทว่าตั้งแต่ช่วงย้ายเข้ามาขออาศัยห้องอยู่ด้วยเมื่อตอนปิดเทอมใหญ่ก็ไม่เห็นทำมานานจนลืมไปเสียแล้ว
ฮอนเดินลงไปนั่งย่อข้างกายคนที่ทำขยันขันแข็ง เสียงหอบเหนื่อยดังถี่ขึ้นตามตัวเลขจำนวนครั้งที่เอื้อนเอ่ย
“สาม ฮึบ สะ สิบสี่” ทันทีที่หน้าผากชนหัวเข่า กิก็ปล่อยตัวร่วงลงไปนอนแผ่บนพื้นด้วยความเหนื่อยล้า
ฮอนหัวเราะเบาๆ กับท่าทีหมดสภาพของจอมดื้อ
“นึกคึกยังไงออกกำลังกายฮึ”
“มีแต่คนทักว่ากูอ้วนขึ้น” ประโยคพูดปนกับเสียงหายใจหอบ
“จะไปแคร์อะไร กูอุตส่าห์ขุนมึงขึ้นมาได้ขนาดนี้” ฮอนยิ้ม เอื้อมมือไปขยี้หัวแฟนจอมดื้อเบาๆ
“ไม่รู้ดิ พอคนทักมากขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นไม่มั่นใจไปแล้ว”
“อย่าคิดมาก”
“ก็รู้สึกจริงๆ”
“เอ้างั้นฮึบใหม่ มาเดี๋ยวจับขาให้”
“เดี๋ยวววว พักก่อน เหนื่อย” กิร้องโวยวาย สลัดมือที่ถูกจับดึงขึ้นออกด้วยความเหนื่อยอ่อน
ฮอนขยับตัวอ้อมมาที่ปลายเท้าเพื่อหวังจะช่วยจับให้ลุกนั่งง่ายขึ้น หัวเราะในลำคอเบาๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นจอมดื้อกำลังงอแง
“งั้นก็เปลี่ยนกัน มาจับขาให้กูมา” ว่าจบก็ดึงข้อมือคนที่กำลังนอนแผ่อยู่ให้ลุกขึ้นนั่ง แล้วตนเองนอนราบไปบนพื้นแทน
แม้ท่าทีกิจะดูอ่อนแรงแต่ก็ยึดข้อเท้าของอีกคนไว้และจับแน่นยามที่ฮอนเกร็งตัวขึ้นนั่ง
“หนึ่ง” เสียงทุ้มเริ่มเอ่ยนับตัวเลขเมื่อชันตัวขึ้นนั่งสลับวนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเริ่มเหนื่อย สปีดเริ่มช้าลงจึงทำทีชวนคุย
“เคยดูคลิปที่เขาแชร์กันเยอะๆ มะ ที่แฟนคู่นึงเขาซิทอัพกันอะ” จู่ๆ คลิปที่เคยดูในเฟซบุ๊กก็โผล่เข้ามาในหัว เขากระยิ้มกระย่องเมื่อหาทางรังแกจอมดื้อได้อีกครั้ง
กิทำหน้าสงสัย ส่ายหัวเบาๆ “เป็นยังไง คิดไม่ออก”
ฮอนยกยิ้มเจ้าเล่ห์ นอนแผ่ราบก่อนจะยันตัวขึ้นนั่งมองหน้ากิครู่หนึ่ง “เขาทำแบบนี้”
จุ๊บ
ริมฝีปากประทับกันและกันเบาๆ ฮอนนอนลงแล้วชันกายขึ้นอีกครั้ง
จุ๊บ
ใบหน้าของคนถูกรุกรานอย่างไม่ทันตั้งตัวเริ่มร้อนผ่าว เส้นเลือดภายในตัวไหลเวียนมากองอยู่บนใบหน้าเมื่อความเขินมาเยือน แก้มนุ่มๆ ขึ้นสีแดงฝาด เผลอปล่อยมือจากข้อเท้าของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว
ฮอนชันกายขึ้นอีกครั้ง ก้มลงประทับริมฝีปากอย่างแผ่วเบาพร้อมจับฝ่ามือที่ละไปให้มาแตะข้อเท้าเขาไว้ใหม่
“ทำแบบนี้แล้วรู้สึกหายเหนื่อยเลยเนอะ ซิทอัพอีกร้อยครั้งก็ทำได้แล้วตอนนี้อะ”
กิสบถพร้อมยกฝ่ามือขึ้นฟาดแขนคนที่หาเศษหาเลยกับเขาได้ตลอดเวลา “อีกแล้ว!”
“เอาอีกเหรอคะ” พูดจบก็ก้มลงทาบริมฝีปากกับคนตรงหน้าอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ดูดดื่มขึ้นมากกว่าเก่าเมื่อชายหนุ่มส่งลิ้นเข้าไปคุกคามในโพรงปากพร้อมตวัดปลายลิ้นหยอกล้อ
ผละตัวออกยามห้วงลมหายใจของกิสะดุด มองสีหน้าแดงๆ เพราะความเขินอายที่โดนแกล้งมากี่ครั้ง กิก็ไม่เคยชินเสียที ยิ่งมองยิ่งทนไม่ไหว ยกมือกุมไหล่กิเอาไว้แล้วดึงเข้ามากอดรัดฟัดแก้มนุ่มๆ ของเจ้าตัวหลายๆ ที
“โอ๊ย ปล่อยได้แล้ว” กิรัวกำปั้นทุบหลังของอีกฝ่ายเพื่อให้ยอมปล่อยเขาออก
“ได้วิธีซิทอัพแบบไม่เหนื่อยละ เดี๋ยวพาออกบ่อยๆ เลยทีนี้”
“ไม่ต้องเลย มึงมีแต่ได้ กูเนี่ยเสียเปรียบ”
“เสียอะไรเล่า ก็ได้ออกกำลังกายไง”
“เลิกพูด เงียบ!”
ฮอนเม้มปากแน่นเมื่อโดนแฟนตัวเล็กชี้หน้าพร้อมทำหน้าตาโหดขึงทั้งที่แก้มยังขึ้นสีฝาด
“สรุปอยู่ดูบอลเป็นเพื่อนกูนะ”
“กี่โมง”
“ตีสอง”
“ดึกชิบหาย เรื่องอะไรจะอยู่วะ พรุ่งนี้ก็มีเรียน”
“เรียนบ่ายนี่”
“บ่ายแล้วไง ชีวิตนี้สำหรับกูการนอนสำคัญกว่าการมานั่งดูอะไรที่ไม่เข้าใจอะ”
“ใจร้าย”
“ธรรมดา”
“หนูกิใจร้ายมากๆ”
“ลุกไปทำกับข้าวได้แล้ว หิว!” กิตวาด ยกมือขึ้นพัดใบหน้าร้อนๆ ของตนเองแล้วเดินหนีหายเข้าไปในห้องนอน
พ่อบ้านหนุ่มไม่สามารถทำอะไรได้ เขาลุกขึ้นเดินคอตกไปห้องครัวทันทีที่ได้ยินคำสั่งของคุณหนูประจำห้อง
--------
หลังจากทานมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อย เราสองคนก็นั่งดูซีรีส์ที่ค้างไว้ต่อให้จบ เจ้าของห้องที่เมื่อหลายชั่วโมงก่อนปฏิเสธไม่ยอมดูบอลเป็นเพื่อนเขา สุดท้ายตอนเกือบตีหนึ่งก็ยังนั่งจุมปุ๊กอยู่ข้างๆ โดยอ้างเหตุผลที่ว่ายังดื่มเบียร์ไม่หมดกระป๋อง
ฮอนอมยิ้มอยู่ในใจขณะอ้อนขอให้กิมัดผมให้ แฟนตัวเล็กบ่นอุบอิบเหมือนทุกครั้งแต่ก็ยอมเดินไปหยิบยางมามัดให้เฉกเช่นทุกครา
“หาวกี่ครั้งแล้วเนี่ย” ฮอนหันไปมองคนข้างกายที่ยกมือปิดปากหาวหวอดหลายครั้ง ไม่ยอมไปนอนแบบที่ปากว่า ไว้สักที ดวงตากลมยังคงจับจ้องอยู่บนจอโทรทัศน์ที่กำลังฉายฉากฆาตกรเร้นกายแฝงในความมืดด้วยสีหน้าลุ้นระทึก
“จบตอนนี้ก่อนแล้วกัน” พูดจบก็เอื้อมมือไปหยิบเอ็นไก่ทอดที่เขาทำไว้เป็นกับแกล้มเข้าปาก
หลังซีรีส์ตอนนั้นจบได้สักพัก บอลแมตช์ที่เขารอมาทั้งวันก็เริ่มถ่ายทอดสด ฮอนไม่ได้เอ่ยทักอะไรออกไปอีกเมื่อคนข้างๆ ยังนั่งอยู่ด้วยกัน แม้จะรู้ว่ากิปากแข็งไปอย่างนั้น มักปฏิเสธไว้ก่อนเกือบทุกครั้ง แต่จริงๆ แล้วใจดีเป็นที่หนึ่ง บอกว่าจะไม่ดูแต่ก็ยอมนั่งอยู่ด้วยกัน ถ้าพูดแซวออกไปคงไม่แคล้วโดนโกรธแล้วก็สะบัดก้นเดินเข้าไปนอนทันทีแน่ ดังนั้นเขาจึงตีเนียนนิ่งเงียบเหมือนกิ มีแฟนนั่งดูอยู่ด้วยกันแบบนี้ดีกว่าดูคนเดียวเป็นไหนๆ
“พนันกันปะ” ไม่ทักแต่ก็ใช่ว่าจะไม่พูดอะไร แล้วประโยคนี้ก็เรียกความสนใจจากกิได้เป็นอย่างดี
คนตัวเล็กกว่าหันขวับ “เหี้ยไรอีกอะ ไม่เล่นด้วยนะ”
“โห่ ฟังกันก่อนดิ ครั้งนี้คือหนูกิอยากได้ไรอะ ให้เลือกได้หมดเลยค่ะ พูดจริงๆ ไม่หลอกแบบครั้งก่อนแล้ว”
“ไม่อยากได้ไรทั้งนั้นอะ”
“เล่นเหอะ ไม่งั้นจะบังคับเหมือนตอนนู้นนะ” ฮอนพูดถึงพนันบอลครั้งแรกของพวกเขาที่พยายามหาทางแบบคนเจ้าเล่ห์ให้กิยอมรับคำพนัน
“เหี้ยอะ แล้วถ้ามึงชนะล่ะ” กิหน้ามุ่ย มองฮอนที่กระตือรือร้นขยับกายเข้ามาหาเมื่อได้ยินคำถามอย่างกับได้ยินคำตอบรับแล้วเสียอย่างนั้น
“แทนตัวว่า หนู ได้รึเปล่าคะ แค่วันเดียวก็ยังดี”
“ตลกละ” กิเบือนหน้าหนีเป็นเชิงตอบปฏิเสธ
“นะๆ หนูกิคะ น้าาาาา วันเดียวเอง”
“ไม่ อ่านปากนะ ไม่!” กิหันหน้ามาเน้นย้ำคำปฏิเสธชัดๆ
“ถ้ามึงชนะกูยอมเป็นหมาเลยเอ้า แบบคลานสี่ขา เห่าบ๊อกๆ โฮ่งๆ เป็นหมาเชื่องๆ จะทำอะไรก็แล้วแต่คุณหนูจะบัญชาเลยค่ะ”
กิปรายตามองเมื่อได้ยินข้อเสนอที่ค่อนข้างพิสดารแต่ก็เรียกความสนใจจากเขาได้พอสมควร
“เจ็ดวัน”
“ฮะ? วันเดียวก็พอแล้วม้างงงง” ฮอนเบิกตาโพลงแล้วรีบยิ้มแหยขอลดวันลง ใช่ว่าทีมที่เขาลงพนันจะชนะร้อยเปอร์เซ็นต์เสียหน่อย อะไรก็เกิดขึ้นได้เหมือนแมตช์เยอรมันกับเกาหลีในครั้งนั้นทั้งนั้นแหละ
“ห้าวัน ห้ามต่อ ไม่งั้นก็ไม่ตกลง”
“แสดงว่าถ้ากูยอมรับข้อเสนอเป็นหมาห้าวัน มึงจะยอมตกลงใช่ไหม”
“อื้อ”
“โอเค!” ได้ยินดังนั้นฮอนก็รีบรับปากทันทีด้วยกลัวว่ากิจะเปลี่ยนใจเสียก่อน
หลังจากทำสัญญาเรื่องข้อพนันกันเรียบร้อย กิก็เสนอให้เป่ายิงฉุบเพื่อเลือกทีมอีกครั้ง เขาไม่สันทัดเรื่องทีมฟุตบอลเท่าไหร่นัก เพื่อความยุติธรรมจึงเลือกทีมโดยแบ่งว่าถ้าใครชนะให้อยู่ฝั่งนี้ ใครแพ้ก็อยู่อีกฝั่ง ผลที่ปรากฏออกมาคือฮอนแพ้ไปตามระเบียบ ส่วนเขาผู้เป็นมือดีในการเป่ายิงฉุบก็ชนะฉลุย แม้จะไม่มีดวงเรื่องการพนันเท่าไหร่นักก็ตาม
เวลาผ่านไปได้แค่ครึ่งแรก กิก็เริ่มตาปรือ ฮอนโน้มตัวเข้าไปใกล้ จับไหล่แฟนตัวเล็กให้โน้มตัวล้มลงมานอนบนตักแทนการนั่งท้าวคางสัปหงก กิไม่ได้ขัดขืน เพียงแค่ช้อนสายตามองใบหน้าของฮอนเท่านั้น
“ง่วงก็นอน” เขาพูดเบาๆ
“ฮื่อ ยังไม่ง่วงสักหน่อย” น้ำเสียงฟังดูแผ่วเบาเหมือนดังไกลมาจากในห้วงนิทรา
ฮอนเอื้อมมือไปคว้ารีโมทเพื่อลดเสียงโทรทัศน์ลง มือซ้ายขยับเข้ามาคลึงนวดบนกลุ่มผมสีดำ สัมผัสแผ่วเบาบนศีรษะทำให้กิเริ่มผ่อนคลายและใกล้จะเคลิ้มหลับในที่สุด สบายเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กตัวเล็กที่มีคุณย่ามากล่อมเข้านอนเมื่อนานมาแล้ว
“หลับยัง” ฮอนก้มหน้าถาม ดวงตาที่ก่อนหน้าปรือปรอยแต่ในเวลานี้ปิดสนิทลงเรียบร้อย
“ฮื่อ” กิครางตอบรับให้รู้ว่าเขายังมีสติอยู่ ยังไม่ได้หลับสักหน่อย
ฮอนอมยิ้ม ก้มลงหอมเหม่งหนูแป้งของเขาหนึ่งทีขณะที่มือซ้ายก็ยังคงลูบบนกลุ่มผมแสนนุ่มอยู่แบบนั้นไปเรื่อยๆ
“หลับยัง” ครั้งนี้พูดเสียงเบาคล้ายกระซิบเพราะกลัวไปก่อกวนคุณหนูที่ผ่อนลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอแล้ว ไร้เสียงตอบรับกลับมาแตกต่างจากเหมือนครั้งก่อน
ฮอนคลี่ยิ้ม ก่อนจะกดรีโมตเพื่อปิดโทรทัศน์ลง แม้ว่าฟุตบอลนัดที่เขาตั้งใจรอดูมาทั้งวันจะยังไม่จบลงก็ตาม สอดแขนเข้าช้อนตัวแฟนซึ่งหลับสนิท อาจเพราะเหนื่อยกับการออกกำลังกายเมื่อเย็น ความเหนื่อยผสมกับฤทธิ์แอลกอฮอล์ในเบียร์คงเสริมให้หลับลึกมากขึ้นถึงได้ไม่รู้สึกตัวยามที่โดนเขาอุ้มขึ้นแบบนี้
เขาค่อยๆ วางตัวคนในอ้อมแขนลงบนเตียงอันคุ้นเคย ล้มตัวลงนอนข้างๆ ก่อนจะตวัดผ้าห่มขึ้นคลุมให้คุณหนูขี้เซาผู้ที่ติดผ้าห่มและหมอนข้างมากกว่าใครๆ
...แท้จริงแล้วแมตช์ของพวกเราสองคนเพิ่งจะเริ่มต้นกันต่างหาก
ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ผลคะแนนจะออกมาเป็นแบบไหน ไม่รู้ว่าทีมไหนจะแพ้หรือจะชนะ ไม่รู้ว่าเขาจะได้กลายเป็นหมาหรือกิจะได้กลายเป็นหนู ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับคนในอ้อมกอดของเขาตอนนี้ยังคงเป็นคนเดิมเหมือนเดิมมาตลอดสี่ห้าปี และเขาก็หวังว่าจะเป็นคนนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ตลอดไปที่ไม่มีอยู่จริง แต่เรื่อยๆ ไปแบบนี้ในทุกวันก็พอใจมากแล้ว
จะยังคงมีแมตช์ของพวกเราในวันพรุ่งนี้ ในเมื่อรืนนี้ ในอาทิตย์หน้า ในเดือนหน้า และในปีหน้าต่อๆ ไป เป็น A Day with Our Match นานตราบนานที่เรามีกันและกันเสมอไป
- END –
ー #AdaywithWCM
แง่ม ช่วงแรกๆ คิดว่าค่อยทอล์คยาวๆ ทีเดียวตอนจบแล้วกัน แต่พอถึงตอนจบจริงๆ ดันไม่รู้จะพิมพ์อะไรเลยค่ะ ; _ ;
ทอล์คไม่ค่อยเก่ง มีแต่คำว่า
ขอบคุณเสมอ ให้กับทุกๆ คนนะคะ จบแล้วจริงๆ ค่ะ ไม่สั้นหรอกเนอะ ฮ่าาาา เดิมทีมันเป็นแค่ชั่ววูบ อยากแต่งแค่ตอนสองตอนแต่ดันลากมาเป็นสิบนี่ก็คิดว่ายาวเกินไปล้าวววว (ตอนแค่นี้ยังใช้เวลาแต่งสามสี่เดือน โธ่)
เดี๋ยวจะมีตอนพิเศษมาเสิร์ฟให้เรื่อยๆ นะคะ (แต่คงไม่ใช่เร็วๆ นี้แน่นอน ._.) อยากเห็นคนเป็นหมากด 1 อยากเห็นคนเป็นหนูกด 2 ไว้ได้เลยค่า ฮ่าาา ♥