รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักไม่รู้ชื่อ (ทำ)ซื่อไม่รู้รัก โดย ภาณุเมศพลัง  (อ่าน 176732 ครั้ง)

ออฟไลน์ astral

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-5
ชิ คนโพสลืมปล่อยคนอ่านรอเก้อ  :serius2:

ออฟไลน์ @BUA@

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +427/-8

ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
อ่านเเล้วขำเมศก็ปลื้มเเล้วค่ะ 

คนโป๊ดลืม  เมศก็ลืมเขียนต่อไปเลยเหมือนกันค่ะ :m29:

เเบบว่าเปื่อย(ฟังขึ้นไหมนี่)

ออฟไลน์ @BUA@

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +427/-8
^
^
^
เข้ามาจิ้มคนเขียนค่ะ

ถ้าเมศลืมเขียนนานเกินไป

บัวจะไปบีบคอคนโพสค่ะ

 :m16: :m16:

*~Kisa~*

  • บุคคลทั่วไป
คนเขียนลืมเขียนด้วยอ่ะ

ยังรออยุ่นะคะ  :impress:

FOAM

  • บุคคลทั่วไป

three

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23

 :m23: ไม่มีคำแก้ตัวใดๆ

ก็เค้าไปผ่าฟันคุดมาอ่ะ เจ๊บบบบเจ็บ  :m17: :m17:

เลยทำให้ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้ามาเล้าเลย จิงจิ๊งงงงงง  :m13: :m13:



ตอน๓ เมาเรียกช้าง


“แสรดดดดดดด”เสียงผมกรีดร้องด้วยอาการเสียจริตทันทีที่ประกาศผลสอบกลางภาควิชาล่าสุดอันเป็นวิชาสุดท้ายเสร็จสิ้น

“เมริง ทำใจดีๆไว้  เอายาดมไป”ไอ้เสียดยัดวาเป๊กใส่มือผมทันทีอย่างอ่านใจได้ว่าผมจะพูดอะไรต่อ

“กรูจะซิ่วแล้วสาดด   คะแนนบัดซบ  กรูไปเรียนถาปัตย์ดีกว่า”

“เอาน่าเมริง  ตั้งใจแก้มือที่ปลายภาคเอาก็ได้  ไม่ถึงกับต้องซิ่วหรอก”รันย์มันอุตส่าห์ปลอบผม....กรูเพิ่งรู้ว่าเมริงเป็นคนดีก็วันนี้แหล่ะว๊ะเนี่ย

“แต่คะแนนก็ออกมาสมตัวเมริงแล้วนะกรูว่า  ตอนสอบเห็นเขาเมริงยาวเชีย”มันทำท่าลูบเขาแหลมๆของผมด้วยสีหน้าเยาะๆ  มุมปากหยักสวยยกขึ้นนิดๆแบบสะใจหน่อยๆ

“เมริงก็ไปว่ามัน”ไอเสียดพยายามห้ามก่อนผมกับ(ปาก)หมารันย์จะเริ่มกัดกัน

“ใช่สิ๊~เมริงมันเด็กทุน  ไม่มีตกมีน  ไอ้ฉลาด   ไอ้ประเสริฐ  ไอ้textbook ไอ้เจริญ”ผมประนามหยามเหยียดมันไปต่างๆนานา

“เออ  มีไอ้หล่อป่าววะ?”

“เมริงก็ไปกวนมัน  มันยิ่งนอยด์ๆอยู่”ไอ้เสียดเข้าห้ามทัพ  มันดีกว่าผมหน่อยครับที่ตกมีนแค่สองวิชา  แต่ผมนี่สิ เรียนหก ตกมีนเสียสาม  ชีวิตกรูเจริญรุ่งริ่งแล้วไม๊ล่ะ

“เว้ย!กรูจะซิ่ว”เอาแล้วครับ มีพลพรรครักจะซิ่วเข้าพวกกับผมแล้ว เสียงหนึ่งในเจ็ดสาวมหัศจรรย์นามว่า โม ญ มันอาการหนักพอๆกับผมเลยทีเดียว

“เราจะไปเรียนถาปัตย์”ไอ้โม ญ ยื่นคำขาด  ท่ามกลางเสียงจากสภาฯทั้งหลายที่ห้ามปราม ปลอบใจกันยกใหญ่

“แกใจเย็นๆนะเว้ย  ถ้าแกไปแล้วสภาฯก็ไม่ครบขาดิ”เจ๊ใหญ่พยายามปลอบด้วยวิธีแบบของเธอ

“เฮ้ย  โม แกอย่าไปเลย ผู้หญิงยิ่งน้อยๆอยู่”เจ๊กรผู้ถูกพายุมิดเทอมพัดเอาจนซวยเองก็พยายามปลอบใจเช่นกัน

“เมศ เมื่อกี้เมริงพูดว่าจะไปเรียนถาปัตย์ใช่มะ? เออ ไปกะกรู”เอาแล้วครับโม ญ  เวอร์ชั่นองค์ลง โครโมโซมxของเธอหดขารวมเป็นหนึ่งเดียวเปลี่ยนเป็นตัวYในทันที 

“เอาแล้วเมริง  โม ญ องค์ลง”

“อย่าลืมนะคร๊าบบบสมัครสอบวิชาเฉพาะได้ตั้งแต่วันที่20เดือนนี้เป็นต้นไป”เสียงใครสักคนแหลมขึ้นมาในช่วงสำคัญ

“เออ กรูจะไปสมัครแมร่งเดี๋ยวนี้แหล่ะ”โม ญ ตั้งท่าจะทำจริงสภาฯถึงกับร้องห้ามกันเสียงหลง




หลังจากงานเปิดสถาบันอย่างเป็นทางการ อันเป็นช่วงหลังสอบที่มีความสุขที่สุดของผมผ่านไปได้ไม่นาน ความประสาทเสียก็คืบคลานเข้ามาหาอย่างเงียบๆ ด้วยการค่อยๆทยอยประกาศผลมิดเทอมทีละวิชาสองวิชา นรกเลยค่อยๆมาเยือนผมช้าๆ  เอาแบบเชือดกันนิ่มๆ......กระโดดข้ามเรื่องหนักกะโหลกไปเถอะครับ  ผมขอเล่าย้อนไปถึงเรื่องงานเปิดสถาบันดีกว่า

งานเปิดสถาบันเรามีบรรดาแขกทั้งในสยามประเทศและจากต่างประเทศครับ  วันนั้นเป็นวันที่ผมปลื้มที่สุด เพราะมีเหตุการณ์น่าประทับใจเกิดขึ้น  วันนั้นผมได้เข้าเฝ้าเจ้านายระดับสูงด้วย พระองค์ท่านทรงพระน่ารักเป็นอย่างยิ่ง(เฟี้ยว~....เสียงคุกเฉี่ยวหัว)  รวมทั้งคนใหญ่คนโตจากสปอนเซอร์ของสถาบันที่มารวมตัวกันอย่างคับคั่ง  ที่แน่ๆ ผู้สื่อข่าวสาวๆขาวๆส่งตรงอิมพอร์ตเข้ามานี่  สวยสุดยอดครับ
  และอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ประทับใจผมมากคือ หน้าที่ของผมที่ประจำอยู่ใต้ชอปวิศวะ  นั่นเป็นเหตการณ์ครั้งที่ผมรู้สึกตัวว่าตัวเองเท่ห์สุด  และใกล้จะเป็นลมมากที่สุด

“แก  ดูพี่ทหารคนนั้นดิ   รัดได้อีกวุ้ย”  เสียงกระซิบพูดกันของสภาฯทำเอาผมขนลุกเกลียว

“ก้นสวยว่ะ ได้องศาโคตร”เสียงอีกเสียงรับ เอ่อ....ผมขอเรียนให้ทุกคนทราบอีกครั้งว่าทุกคนในสภาเป็น ‘ผู้หญิง’แน่นอนครับ

“คนไหนอ่ะ?”เสียงนี่ใช่เลยครับ  เสียงโม ญ แน่นอน 

“คนที่ใส่บู๊ทอ่ะ  เหมือนจะเป็นมหาดเล็กรักษาพระองค์”เสียงเจ๊ออมอธิบายอย่าตื่นเต้น 

“คนที่ตัวเล็กๆ ขาวๆใช่ป่ะ?....อุ เยี่ยม  ก้นงามมากวุ้ย” เอาล่ะสิครับ หื่นกันใหญ่

“น่ารักว่ะ มีลักยิ้มด้วย ทำไมพวกชายในเครื่องแบบชอบใส่ชุดติ้วๆวะ?” ผมหันไปมองตามบ้าง  อือ  ผมก็สงสัยครับ  เย้ย~ไปเออออกับสภาฯทำไมเนี่ย

“ไอ้เมศ”เสียงไอ้รันย์เรียกอย่ข้างหู ผมก็ได้แต่อือออ  แต่ตาตอนนี้เปลี่ยนไปเหลือบมองเลคซัสคันสวยสีเหลืองนวลๆที่สะท้อนแสงดูปิ๊งปั๊งสมกับเป็นรถราคาแพง

“เมริงท่องบทพูดให้ได้ก่อน  เผื่อเวลาถูกถามจะได้ตอบได้   อย่าลืมพูดลงท้ายว่าพระพุทธเจ้าค่ะนะเมริง  ....ไอ้เอี้ย  เมริงฟังกรูอยู่ไม๊เนี่ย”

“เออ  ฟังอยู่”

“มองอยู่นั่นแหล่ะ รถเนี่ย  กรูรู้ว่ารถสวย  แต่ถ้าหน้าเมริงแหก หน้าเมริงก็สวยนะเว้ย  ไอ้อ่า”

“อ้าว ไม่เคยเห็นนี่หว่า”จริงๆแล้วเปล่าหรอกครับ  ผมเริ่มรู้สึกวินเวีย  เอ้ย...วิงเวียน เพราะชุดพิธีการขึ้นมาแล้ว  เพราะกระดูมต้องติดถึงคอ  อากาศก็ร้อนแสนร้อน  ผมเป็นพวกขี้ร้อน  เจออากาศร้อนอึดอัดแบบนี้  ผมก็ถึงกับเบลอ  ผมขอเล่าข้ามไปเลยนะครับ ว่าผมเกือบเป็นลมไปต่อหน้ากล้องทีวีเป็นสิบๆตัว   หลังจากแขกทั้งหลายออกจากบริเวณใต้ชอปแล้วผมถึงกับต้องประกาศเสียงตามสายหายาดมกันเลยทีเดียว  แถมยังลืมโค้งอีกตะหาก ตกตะลึงจ้องหน้าคนอื่นแบบไม่เคยเห็นคนมาก่อนด้วย เสียมารยาทสุดๆ สรุปแล้วคือ ไม่ว่าใครจะถามอะไร ผมไม่ได้ตอบเลยครับ  เพราะมัวแต่อึ้งอยู่(ขำ)



“เป็นไงล่ะเมริง มัวแต่เอ๋อ”ไอ้รันย์ตบกะโหลกผมเบาๆทีหนึงหลังจากหมดหน้าที่ที่ใต้ชอปแล้ว

“เอาน่า กรูไม่เป็นลมกลางงานก็บุญกะลาหัวขนาดไหนแล้ว สราด”ผมพูดพลางดมยาดมราวกับมันเป็นออกซิเจนช่วยหายใจก็ไม่ปาน

“เออ  เมื่อคืนเมริงนอนไปกี่ชั่วโมงเอง” รันย์มันพูดแบบเป็นห่วงเป็นใยสุด  เอี้ยเอ้ย.....

“แล้วไม่ใช่เพราะเมริงรึไง  สาด  ชวนกรูเล่นวินนิ่งถึงเช้า”ผมปาสูทพิธีการใส่หัวมัน

“ไหน? ใคร? ใครเล่นวินนิ่งกันถึงเช้า”เจ๊กรหูผี รีบพุ่งตัวเข้าร่วมบทสนทนาทันที

“วิ่นนิ่งไร?”สภาฯพุ่งความสนใจมาที่ผมทันที รันย์มันไม่พูดไรเลยครับ  เอาแต่ยิ้ม

“ยิ้มเอี้ยไรเมริง”ผมมองมันตาขวาง

“เฮ้ย พวกเมริง ไปกินหมูกระทะป่าว?”ไอ้เสียดมาถามพวกผมที่กำลังจะถูกสภาฯสอบปากคำ ผมเห็นท่าว่าวันนี้เหนื่อยเกินจะไหนต่อหน่ายเกินจะนอนหลับเลยจะปฏิเสธ ใจคอจะเมากันตั้งกะวันเปิดสถาบันเลยเร๊อะ

“ไป...” รันย์ตอบคำเดียว แบบมั่นใจสุดติ่ง

“กรู....”ไอ้รันย์เอามือแข็งๆของมันจับหลังคอผมครับแล้วใช้กำลังบังคับเล็กน้อยไม่ให้ผมพูดอะไรมากกว่านี้ 

“เมศมันก็จะไป” อ้าว แสรด  กรูบอกตอนไหนฟะ

“เอ้ย กรู....”ผมอ้าปากพะงาบๆเหมือนปลาทองงับอากาศ แต่ก็เปล่ากระโยชน์

“เออ เจอกันทุ่มครึ่งเว้ย  ที่เดิมๆเมริงขับรถกลับไปไว้บ้านก่อนก็ได้” เออ...นี่กรูจะแพ้ทางเมริงทุกเรื่องเลยหรอวะเนี่ย ไอ้เอี้ยรันย์




ผมเดินตามรันย์เข้าไปในร้านหมูกระทะ ที่บัดนี้เริ่มมีคนเนืองแน่นแล้ว  แม้จะยังหัวค่ำ ไอ้เสียดโบกมือหยอยให้จากโต๊ะในมุมหนึ่งของร้านไม่ห่างไกลจากโทรทัศน์จอยักษ์มากนัก  แต่ก็ดูเป็นส่วนตัวดี  ที่โต๊ะนอกจากมันแล้วยังมีเพื่อนร่วมคณะคุ้นหน้าคุ้นตาอีกร่วมห้าราย   หลังจากผมหย่อนก้นลงนั่งได้ไม่นาน  พวกเราก็เริ่มบรรเลงเพลงหมูกระทะกันเลย  หลังจากซัดไปสองกระทะก็ได้เวลากินเหล้าเมายาก็มาถึง เบียร์หลอดเขื่องตั้งตระหง่านกลางโต๊ะพวกผมกินหมูกระทะกันไปจิบเบียร์กันไป

“เมริงยังไม่อิ่มอีกหรอวะ?”เสียดมันถามผมครับ  เพราะผมกินเอาๆไม่ค่อยพูดอะไร

“มันท่าจะโหยว่ะ”เพื่อนๆเฮฮาปาจิงโกะกันใหญ่ไอ้เสียดที่ถือไอติมกะทิไม่กินเสียทีมัวแต่ขำ

“เมริงไม่กินเอามานี่”ผมแย่งไอติมไอ้เสียดกันแบบด้านๆ

“ไอ้เอี้ยนิ”

“เฮ้ย ข่าวในพระราชสำนักเว้ย!!”

“มีกรูไม๊เนี่ย? เพี๊ยง!มี  หล่อๆอย่างกรูเขาต้องแพนกล้องหาอยู่แล้ว”หนึ่งในเพื่อนร่วมวงร่ำของมึนเมาผมยกมือไหว้ท่วมหัว

“หล่อแบบไหนว่ะเมริง  หล่อเหมือนปลาบู่พุ่งชนเขื่อน  หรือ บั้งไฟโหม่งโลกวะ?”ผมถามเรียกเสียงโห่ฮาจากเพื่อนๆได้เป็นอย่างดี

“ เก็บหมาเมริงกลับบ้านไปเลยสาด  ไม่ช่วยแล้วยังขัดฟามเจริญ”ทุกคนหันไปสนใจข่าวในพระราชสำนักอีกครั้ง

“ฮู้ย  ไอรันย์เฉี่ยวหูเมริงไปนิดเดียวไม่งั้นเกิดแล้ว  เช๊ดดดด....”ผมเชียร์มันสุดยึด

“ ซ้ายนิดๆ  เกือบถึงกรูและ อีกนิดๆ ฮู่ยยยย~....”ทั้งโต๊ะส่งเสียงร้องเสียดายทันทีที่ข่าวตัดจบแบบสั้นมากชนิด หน้าอธิการบดีก็ยังไม่ทันได้เห็น

“รีบไปไหนว๊า”ไอ้เสียดบ่นเสียดาย  ก่อนจะดูดเบียร์ ไอ้รันย์ก็ดูดของมันไปเรื่อย  จนผ่านไปขึ้นหลอดที่สองทุกคนเริ่มตาเยิ้มฉ่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ในเลือดที่สูงขึ้น  แต่จะกรึ่มมึนกันแค่ไหนขึ้นกับสภาพคอครับ


“ไอ้เสียดเมริงเมาแล้วแหง๋เลยว่ะ”เพื่อนที่คอแข็งหน่อยเห็นไอ้เสียดหน้าแดงจัด ตาตี่ยิบหยีจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่

“ยังๆ  กรูยังไม่เมา”มันโบกไม้โบกมืออย่างกับตำรวจจราจร ซึ่งทุกคนเห็นตรงกันว่ามันเมาแล้วแน่นอน

“เมริง....กรูว่านะมิดเทอมนี้คะแนนกรูบัดซบเน่ว่ะ”ผมเปรยขึ้นเรียบๆ ทุกคนพยักหน้าเห็นดีเห็นงามตามกันไป

“กรูก็ว่างั้น แต่แมร่งไอ้รัฐบาลตุ่นเมร่งก็ทำงานช้าชิบ”เอาล่ะสิครับเรื่องเรียนเปลี่ยนเป็นเรื่องอื่น  เริ่มลากกันไปเฉี่ยวประเด็นร้อนกันหน้าตาเฉย

“เฮ้ย เมริงอย่ามาพูดตรงนี้”ใครสักคนที่ไม่เมามากนักเอ่ยห้าม

“แต่ เด็นฉะโอโตโกะ*ก็โอเคนะ ถึงจากอายุเขาบวกกันกับทั้งคณะแล้วเป็นพันก็เหอะ”(เด็นฉะโอโตโกะ =หนุ่มรถไฟ)

“กรูว่า ทักกี้ ณ ชินคอปฯ เป็นพ่อค้าที่ดีแต่แมร่งเป็นนกยาที่ไม่ดีว่ะ สราด.... อิ่มว่ะ”ไอ้รันย์เอากะเขามั่งจากสีหน้าและท่าทางแล้วมันคงยังไม่เมา 

“เรียกซะน่ารักเชียวเมริง”

“เออ  กรูนิยมในความแอ๊บแม้วว่ะ”ไอ้รันย์มันพูดแล้วก็หัวเราะฮึฮึ

“เมริงพอเหอะ  โต๊ะข้างๆแมร่งมองตาขวางว่ะ”ผมรีบห้ามก่อนจะลุกลามไปกว่านี้

“ทามมายว๊ะ กรูมีสิทธิ์นะเว้ย  ประเทศไทยประชาธิปไตยเว้ย”เพื่อนของผมคนหนึ่งที่ผมยอมรับว่ามันหน้าโจรมากอยู่ประกาศกร้าว

“เอี้ย  เขาก็มีสิทธิเหวี่ยงหมัดใส่เมริงเหมือนกันแหล่ะวะ”

“เอาเด้  กล้าจริงมาเลยแสรด”ผมขำกับท่าทางอยากลุยของมัน

“แล้วเมริงจะทำไรเขาวะ?”ผมพูดพลางจิบเบียร์เย็นฉ่ำสบายใจ

“กรู...กรูก็.....จะอ้วก” ทั้งวงร้องเฮ้ยออกมาพร้อมกัน  คนนั่งขนาบข้างมันรีบตั้งท่าจะลุกหนีทันที

“ไปห้องน้ำไป ไอ้นี่นิ  กรูก็นึกว่าแมร่งจะแน่”ผมได้ยินเสียงไอ้รันย์หัวเราะฮึฮึอยู่ข้างๆ 

“รมย์ดีจริงนะเมริง”ผมเห็นแล้วหมั่นไส้ เลยจิกไปหน่อยนึง

“เรื่องกรู”อ้าว....แสรด เล่นกันงี้เลยเร๊อะ อย่าให้ถึงทีกรูนะจำไว้

“อ้าวเว้ย  เช็คบิล”ผมถึงกับเซ็งเป็ดเซ็งห่านเซ็งไก่เซ็งไข้หวัดนก  นี่ผมต้องแพ้เอี้ยรันย์ไปหมดทุกเรื่องไงวะเนี่ย



ยามดึกพวกผมก็สลายตัวจากร้านหมูกระทะกลับบ้านช่องห้องหอกันไปตามระเบียบ ระหว่างที่พวกเราออกมาเรียกรถกันที่ถนนใหญ่ ก็เกิดเรื่องครับ!!!  ในยามค่ำคืนของกรุงเทพฯตามสถานบันเทิงต่างๆ  ยังพอมีช้างที่ควาญพามาหากินในกรุงเทพฯ ไม่ใช่เพราะกรุงเทพฯอุดมสมบูรณ์ล่ะครับ แต่ดูเหมือนที่นี่จะมีคนชอบช้างเยอะ(???) แม้ภาครัฐจะมีนโยบายไม่ให้ช้างมาเร่ร่อนในเมืองกรุงแล้วก็ตาม 


เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตอนประมาณห้าทุ่มห้านาที ระหว่างที่พวกผมเดินตุปัดตุเป๋จากอาการเมา ทั้งเมากรึ่ม เมาจริง หรือแม้แต่เป็นคนหิ้วปีกคนเมาก็ตามแต่  มีอยู่คนหนึ่งครับที่ไม่แสดงท่าทางใดๆให้เพื่อนๆเห็นเลยว่ามันเมา!!!!  คนตัวสูงหนังหน้าดีสุดในกลุ่มพวกเรานั่นแหล่ะครับ

“ไอ้รันย์  เมริงรีบๆกินให้หมดซะทีสิวะไอ้เบียร์ตราสัตว์ใหญ่เนี่ย”ผมหันไปแหวมันให้มันช่วยหิ้วปีกไอ้เพื่อน(เวร)ทั้งหลายที่มันเมามายัดใส่แท๊กซี่ส่งกลับบ้าน  ไม่ก็หอเพื่อน

“อื้อๆ”มันว่าพลางยกขึ้นดื่มต่อ 


เหมือนมีอะไรมาดลใจครับ  มันหันไปในทิศทางที่ควาญช้างขี่ช้างมาพอดี  มันเลยออกไปยืนที่ริมฟุตบาท แล้วโบกมือเหมือนโบกแท๊กซี่  แต่ขอโทษเถอะครับ   ทิศที่มันหัน  หันหลังให้ทางรถวิ่ง(เว้ย ไอ้เอี้ย  ก็นึกว่าหวังดี) ควาญช้างผู้รักในอาชีพก็ปรี่ตัวเข้ามาหาทันที

“เลี้ยงช้างไม๊ครับเลี้ยงช้าง”

“ช้างๆ  ช้าง” เมริงจะทำไรวะเนี่ยไอ้รันย์

“รับเป็นถั่วหรืออ้อยดีครับ?”ควาญช้างคนนั้นถามอย่างมีความหวัง

“อ่อ  ช้าง  กรูมีแล้ว”มันพูดแล้วชี้ไปที่ขวดในมือมันแถมหัวเราะด้วย  มันพูดจริงครับ  ในมือมันเป็นเครื่องดื่มมึนเมาแปะฉลากสัตว์ใหญ่ไซส์เอ็กซ์แอลจริงอย่างปากว่าเป๊ะ

“......”เพื่อนตกอยู่ในความเงียบ ด้วยความอึ้ง ไม่เก็ทมุข

“ขอโทษครับพี่ เพื่อนผมเมา” คนที่ยังพอมีสติรีบบอกควาญช้างผู้น่าสงสารก่อนจะลากไอ้ตัวดีออกจากที่เกิดเหตุไปตั้งหลักก่อน  พอทุกคนได้สติ  ฮาแตก....ขำเข้หักในกันเลยทีเดียว  แม้คนเดินผ่านไปมาแถวนั้นจะมอง ประมาณว่าไอ้พวกนี่มันเป็นไรของมัน



หลังจากจัดส่งเพื่อนๆที่เคารพกลับไปซุกหัวนอนเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ถึงคิวผมกับไอ้รันย์กลับกันมั่งละครับ  ดีหน่อยที่วันนี้มันไม่ได้ขับรถมาด้วย  ไม่อย่างนั้นผมคงต้องเสียวไส้กับด่านตรวจที่พี่ๆตำรวจตั้งเพื่อนป้องกันอุบัติเหตุ(ผมมองโลกในแง่ดีครับทุกคน) หลังจากขึ้นแท็กซี่ได้ ผมมองไอ้รันย์ที่โยกไปเยกมากึ่งหลับกึ่งตื่นมึนๆแล้วนึกขำว่าผมเหนือกว่ามันตรงที่ผมคอแข็งกว่านี่ล่ะครับ   ต้องขอบคุณท่านพ่อเซียวเงียวจริงๆที่มอบมรดกทางพันธุกรรมในด้านมีประโยชน์ให้ผมบ้าง ซึ่งปรกตินอกจากเรื่องคอแข็งแล้ว ผมมักได้พันธุกรรมพวก  ขี้แพ้...คือผิวบาง  เจออากาศร้อนมากๆผื่นก็ขึ้น  แพ้อาหารทะเลมั่งล่ะ   เจอฝุ่นเยอะก็แพ้ฝุ่น   ไหล่ขวาตกมั่งล่ะ  หรือแม้แต่ แพ้...แพ้ใจตัวเอง..เกี่ยวหรอวะ?   ตลอดทางผมต้องคอยเอามือดันหัวไอ้รันย์ที่พยายามหาที่พักพิงออกไปจนถึงหอ ผมเลยตัดสินใจว่าคืนนี้ควรจะให้มันนอนห้องผม  เพราะผมไม่รู้ว่ามันเอากุญแจบ้านไว้ไหน  ขี้เกียจค้นตัวมันให้วุ่น

“ตื่นเลยเมริง  อาบน้ำให้สร่างๆหน่อยแล้วเมริงค่อยนอน”ผมพูดกับมันหลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อไปใส่เสื้อยืดกับกางเกงเลคราวนี้เปลี่ยนสีแล้วครับ  จากสีชมพูดแจ๋นเป็นสีเหลืองแปร๊ดเหมือนจีวรพระผสมสารสะท้อนแสง

“ฟังกรูอยู่ไหมเนี่ย?”ผมตบๆหน้ามันเบาๆเห็นมันยังทำตาปรือ เลยดึงแขนมันให้ลุกขึ้นจากเตียงผม  แต่แรงดึงดูดระหว่างหลังมันกับที่นอนก็มากกว่าแรงผม

“ไอ้เอี้ยรันย์ ปล่อยกรู!”ผมรีบร้องเสียงหลง  ไอ้รันย์ที่ผมนึกว่าสิ้นฤทธิ์ไปแล้วจากของมึนเมา  กระชากตัวผมให้ล้มกลิ้งลงไปนอนข้างมัน  แขนมันยังโอบรอบเอวผมอยู่  ผมพยายามจะตบกะโหลกมันให้มันปล่อยแต่ไร้ผล  มือมันอีกข้างจับมือผมไว้ทั้งสองข้างด้วยมือเดียว

“อือ กรูจะนอน”มันอือออใส่ผมแบบรำคาญ

“กลิ่นหนังหัวเมริงอย่างกะหมูกระทะราดซอสมิสเตอร์มัสเซิล ไสตรูดไปอาบน้ำเลยเมริง”

“ไหนค่าจ้างอ่ะ?”จ้างเอี้ยไรอ่ะครับ....หรือจะให้กระผมเอาแปรงขัดส้วมขัดหลังให้ด้วยจิตศรัทธา

“ไหนอ่ะๆ?”มันกลิ้งตัวนอนคว่ำ เท้าแขนแล้วชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ผมมาก จนผมเห็นชัดว่าตามันฉ่ำเยิ้มมาก เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์

“จะเอาไรของเมริงเนี่ย?” ดวงหน้าคมสันของเพื่อนสนิทผมโน้มเข้าใกล้ผม ริมฝีปากหยักสวยรับกับใบหน้ากำลังยิ้มพรายดวงตาคมคู่นั้นเต้นระริกอย่างคิดไม่ซื่อ ก่อนจะประทับลงบนริมฝีปากผมอย่างฉาบฉวย 

“แสรด  เมริง!….”พอผมตั้งสติได้กีบเท้าข้างหนึ่งของผมก็ตอบสนองแบบปฏิกริยาอัตโนมัติ ถีบป๊าบเข้าตรูดมันเต็มๆ  ไอ้รันย์เลยกลิ้งลงไปนอนกับพื้นแบบเมาๆ ก่อนจะลุกขึ้นอย่างงงๆ  เดินถือผ้าเช็ดตัวและชุดนอนที่มันเอามายัดไว้ในห้องผมเข้าห้องน้ำไป



สรุปแล้วคืนนั้นผมนอนน้อยพอๆกับคืนก่อน เพราะมัวแต่จังงังกับสิ่งที่ไอ้รันย์ทำกับผม  เมริงเล่นไรของเมริงวะ  เพื่อนกันแมนๆแบบนี้ มันจะ ..จะ....จะ...ทักทายกันด้วยปากทำไม  ว้อย~เมริงต้องการไรจากกรูวะเนี่ย





“อ้าวไอ้ควาญมาแล้วหรอเม ริงไอ้เมศอ่ะ? ”นับแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ไอ้รันย์มีฉายาเรียกเอาเฮฮาว่าควาญครับ เนื่องจากมันมีคดีเมาเรียกช้างติดตัว  เลยปฏิเสธไม่ได้  มันเองก็ยอมรับแต่โดยดีครับ เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นมันแต๊บหลุดเหมือนกัน

“เออ  ไม่งั้นกรูจะยืนทำซากไรตรงนี้  ไอ้เมศเมริงเดินเร็วสิวะ  ตกลงคนจะมาสอบเพิ่มคะแนนเป็นกรูหรือเมริงกันแน่วะ สาด”

“เออ  ความผิดกรูอีก”ผมบ่นเซ็งๆครับ  เย็นนี้ผมมีควิสแคลคูลัสพ่วงด้วยสอบเพิ่มคะแนน ซึ่งอาจารย์จัดพิเศษให้พวกควายน้อยอย่างผมได้ถีบตัวเองขึ้นจากตีนเขาฝั่งตะวันตก

“ก่อนทำเมริงตั้งสติดีๆล่ะ”มันพูดแบบชิลๆก่อนจะเดินเข้าห้องเชือดครับ  วันนี้คณะเรามีควิสแคลเลยแบ่งสอบสองห้อง  sec1 2ห้องหนึ่งsec 3 4 อีกห้อง  แต่ไปๆมาๆอีกห้องพรุ่งนี้ปริญญาโทจะใช้ห้องเลยเอาโต๊ะออก กลายเป็นพวกผมต้องนั่งสอบกับพื้นไป




เวลาแห่งความตึงเครียดแน่นเปรี๊ยะในอารมณ์ผ่านไปแบบช้าๆ เหมือนคอยทรมานผมให้แทบขาดใจในห้องสอบ  หมดเวลาสอบครึ่งแรก  พวกสิ่งมีชีวิตเหนือมีนก็เก็บข้าวของกลับบ้าน เหลือพวกผมชาวเขาฝั่งตะวันตกให้ยืดคอเป็นกะเหรี่ยงมองพวกมันตาละห้อย  อย่าถามนะครับว่าทำได้ไหม....มันแค้นครับที่อ่านหนังสือมาทั้งอาทิตย์แล้วออกข้อสอบเดิมแบบเปะๆแล้วยังทำไม่ได้    ผมเดินสะโหลสะเหลออกจาห้องสอบด้วยจิตล่องลอยเท้าไม่ติดพื้น  ยืนงงอยู่อึดใจนึงเห็นเพื่อนๆที่บ้านช่องไม่ยอมกลับเตะบอลกันสนุกสนานท่ามกลางสายฝนปรอยอยู่ที่ลานแคบๆระหว่างตึกAและB ที่เดียวกับที่พวกผมเคยเล่นวอลเล่ย์นั่นล่ะครับ  หนึ่งในนั้นคือไอ้รันย์ครับ  หัวมันยุ่งเหยิงจากลมพัด และจากการเตะบอล  ดึงชายเสื้อนักศึกษาสีขาวออกนอกกางเกง พับแขนเสื้อขึ้นเหนือศอก ผมนึกได้ว่าการเตะบอลในชุดนักศึกษาครั้งก่อนผมเจออะไรมาบ้าง  เอ่อ...คือผม ผมเป้าขาดครับ  ผมเลยหวังดีตะโกนบอกเพื่อนๆที่กำลังมันส์ในอารมณ์

“พวกเมริงระวังเป้าขาดนะเว้ย”พวกมันเงยหน้าขึ้นมองผมแล้วสรรเสริญคุณงามความดีกันตามชอบ

“พูดแมวๆงี้ลงมาตัวๆดีฟ่า”ผมพยักหน้าทำท่าประมาณว่า อ้อ...หรอ

“เมริงอย่าหนีแล้วกัน”เพื่อนเฮผมเฮด้วยครับงานนี้  ผมเลยพละจากระเบียงข้างตึกAเตรียมจะลงไปลุยกับพวกมัน พอผมออกเดินได้ไม่กี่ก้าวก็มีเสียงเรียกดังขึ้นมา

“เมศ  เมศ...ไอ้เมศ!!!”ผมเลยต้องยื่นหน้าออกไปอีกรอบ  ไอ้รันย์เป็นคนเรียกผมครับ

“เอี้ยไรเมริง” มันเงียบอยู่อึดใจ เรียกให้สายตาคนที่อยู่แถวนั้นมองมันด้วย เพราะมันเรียกผมเสียงดังสุดๆ

“เพื่อน......กรูรักเมริงว่ะ”  เสียงโฮ่ฮาจากรอบตัวดังขึ้นแทบทันที  แหม่~เมริง อินเทรนด์นะ แสรด  หยอกกรูตลอดอ่ะ อย่าให้กรูทำมั่งนะ



ออฟไลน์ @BUA@

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +427/-8
มาต่อแล้วเหรอจ๊ะ กาป๋อมจ๋า

นึกว่าต้องให้ตามไปทวงถึงลำปาง

 :m1: :m1: :m1: :m1:



โถๆ  ไปผ่าฟันคุดมา เจ็บแย่เลยเนอะ น่าสงสาร ๆ  o17

อย่าลืมอีกเรื่องด้วยล่ะนะ กาป๋อมจ๋า :m26:

three

  • บุคคลทั่วไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
ทำไมเด็กมหาลัยถึงชอบกินหมูกระทะนักน่ะ  :m21:

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
หมูกระทะเป็นอาหารสามัญชน ที่สามารถกินเหล้าเมายา ร่ำสุราไปกับผองเพื่อนได้ในราคาย่อมเยา  หึหึหึหึหึ
ตอนนี้อยากลองยาดอง



ปล.หนีเจ้าหนี้(พี่เเป๋ม)

*~Kisa~*

  • บุคคลทั่วไป

FOAM

  • บุคคลทั่วไป

three

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23

ตอนที่๔

เขาว่ากันว่า ช่วงที่เรามีความสุขเวลามักผ่านไปเร็วเสมอ แต่ในเวลาที่เรากำลังมีเรื่องทุกข์เวลาก็มักผ่านไปอย่างอืดอาดยืดยาดเสมอ  ก็นี่ครับตอนนี้ผมกำลังจะปิดเทอมแล้ว  ใจผมอยากปิดเทอมเลยโดยไม่ต้องสอบ แต่ก็นะ...มันเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ เลยต้องนั่งอ่านหนังสือสอบกันหัวบาน เหมือนเพลงที่พวกผมร้องตอนรับน้องเมื่อต้นเทอมไม่มีผิด  อยากไปวิดวะ อยากไปวิดวะ อยากไปวิดวะเรียนแคลหัวบาน~(จริงแล้วมีเวอร์ชั่นUncenserด้วยครับ เนื้อหาล่อแหลมเสียวโดนรีไทน์ทั้งคณะจริงๆ  เพราะซัดถึงของสูงอย่างท่านอธิการกันเลยทีเดียว) ตอนนี้ผมมีข่าวดีครับทุกคนแต่ข่าวดีอันนี้มาพร้อมข่าวร้ายที่รู้มานานแล้วว่า  ตอนนี้ผมรอดFแคลคูลัสมาหนึ่งวิชา  แต่Fอีกตัวจากฟิสิกส์นี่ยังไม่แน่ครับว่าจะอยู่หรือไป

“เมศ เมริงไปติวอังกิดกะญี่ปุ่นให้กรูหน่อย”เสียงอ้อนตรีนแบบนี้เป็นใครไปไม่ได้เลยครับ  นอกจากไอ้เอี้ยรันย์ วิญญาณมันยังวนเวียนอยู่แถวนี้ล่ะครับ

“ติวเอี้ยไรครับ ไอ้คุณรันย์  ติวแล้วเป็นไง กระผมได้คะแนนน้อยกว่าคุณ แถมตกมีนไอ้วิชาที่คุณติวให้อีกตะหาก  มันคุ้มผมหรอครับ?”หน้าไอ้รันย์เริ่มเปลี่ยนเป็นหงิกเล้วครับ มันต้องอ้าปากด่าผมกลับแน่นอน

“คุ้ม กรูช่วยเมริงประหยัดค่าไฟนะเว้ย สาด”มันตอบแบบเย็นชา กะว่ามุขนี้ผมยอมมันชัวร์....เรื่องของเรื่องคือเดือนนั้นผมค่าไฟลดครับ เพราะไปนอนบ้านมันบ่อย

“ไม่คุ้มเว้ย  นอกจากเรื่องนี้แล้วเมริงไม่เคยทำเรื่องเป็นมงคลชีวิตให้กรูเลย  ดูดิสาวก็ไม่เข้าหากรูเลย เพราะมีเมริงทำบ้าทำบอ อ่า ไรไม่รู้  จนชาวบ้านเขาเลยนึกว่ากรูเป็นกิ๊กเมริงแล้วเนี่ย”

“ทำไม เป็นกิ๊กกรูมันเสียหายตรงไหน”นับตั้งแต่วันที่มันชวนผมตามสภาฯไปดูเหนังเรื่องพื่อนฯ ทำเอาผมสยอง จำได้ว่าถึงฉากสำคัญสภาฯกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่  แต่ผมนี่สิครับ  หันรีหันขวางทุรนทุรายเกือบตายคาโรงหนัง ไม่น่าบ้าจี้ตามมันไปเลย

“เสียเว้ย  เสียจริต เสียสติ  แสรด  หาเรื่องกรูจริงว่ะ”ผมเริ่มออกอาการอารมณ์เสียแล้วครับ ส่วนไอ้รันย์อารมณ์เสียนานแล้ว มันมองหน้าผมแบบเคืองจัด

“คืนนี้ถ้าเมริงไม่มาโดนตรีน”มันคาดโทษผมเสร็จมันก็จากไปครับ  ผมถึงกับสบถสรรเสริฐมันตามหลัง.....นั่นคือเหตุการณ์เมื่อหลายคืนก่อน




วันนี้ผมยังเคืองมันครับ  ไอ้รันย์จะไปไหนกะฝูงกิ๊กของมันก็ช่าง  วันนี้ผมขึ้นรถเมล์หน้าสถาบันกลับหอ หลังจากหงุดหงิด และหงิกกับการไขกญแจเข้าห้องที่ไขไม่ค่อยจะออกอยู่พักใหญ่ในที่สุดก็เข้าห้องได้ ผมมองเข้าไปในห้องเบอร์409   สายตาเหลือบไปมองภายในห้องที่สภาพของมันเหมือนมี ‘พายุเกย์’ ลูกย่อมๆพัดเข้ามาสองสามลูก เพราะกระดาษทด ชีทเรียน ปลิวเกลื่อน พอคอนเวิร์ซสีเขียวเน่าๆคู่โปรดเหยียบย่างเข้าสู่บริเวณห้อง ผมก็รู้สึกเสียสมดุลจะหงายหลัง ลื่นป๊าบบบ......ผมรีบกางแขนกางขาท่าคล้ายอึ่งไชโยหาที่ยึดไม่ให้ล้มหงายหัวเลยโขกกำแพงห้องไปโป๊กใหญ่ เจ็บจี๊ดดดเลยครับ....ซวย....ซวยอะไรอย่างงี้วะ  ผมเอามือข้างหนึ่งกุมหัวแล้วคลึงๆให้หายมึน  ก่อนจะมองหาต้นเหตุของการลื่น  กระดาษใบน้อยสีขาวสะอาดตาที่บัดนี้เป็นรอยพื้นรองเท้าชัดเจนทุกเส้นดอกยาง พิมพ์หัวกระดาษชัดเจนว่า ‘ใบแจ้งหนี้’

“แสรดดดดด เดือนนี้โดนไปเท่าไหร่วะ?”ผมกวาดตามองตัวเลขที่ท้ายกระดาษอย่างเร็ว มันระบุไว้ว่าค่าไฟเดือนนี้ของผมพุ่งไม่มากไปกว่าเดือนที่แล้ว ยังคงรักษาสถิติเดิมไว้ได้อย่างเหนียวแน่น

“ค่าไฟไม่ขึ้น  เพราะไอ้รันย์ป่าววะ?”ผมวางกระดาษใบน้อยไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งที่บัดนี้เป็นที่สำหรับวางของมั่วซั่วไปหมด ตั้งแต่ทวิสตี้ที่กินไม่หมดเลยมัดจุกไว้  เสื้อนักศึกษาที่หมกไว้รอกลับไปซักที่บ้าน ยาสามัญประจำบ้านและยาประจำตัวของผมที่ต้องกินกันตาย หรือแม้แต่ถุงเท้าที่ไม่รู้เหมือนกันว่าคู่ของมันอยู่ส่วนไหนของห้อง



ผมเงยหน้าขึ้นมองกระจกบานใหญ่ของโต๊ะเครื่องแป้ง  ภาพที่สะท้อนในกระจกทำให้ผมนึกว่าโดนผีหลอก เพราะภาพนั้นเป็นไอ้เมศเวอร์ชั่นซอมบี้ ตาโหลลึกดูคล้ายหมีแพนด้า หน้าเริ่มตอบซูบ นัยน์ตาดูแห้งแล้ง  ดวงหน้าที่ดูรู้ว่ามีเชื้อสายจีนที่ถูกเชื้อสายแขกของแม่กลบไว้เกือบมิด บัดนี้โทรมจนน่าตกใจ  เพราะสอบFinalแน่ๆ พรุ่งนี้สอบวิชาสุดท้าย  ฟิสิกส์ วิชาสุดท้าย ผมท่องอย่างนี้มาตั้งแต่หลังสอบแลบฟิสิกส์เสร็จ ใจจริงผมอยากแหกขี้ตาอ่านฟิสิกส์ให้มันจบๆไป  แต่ร่างกายผมไม่ไหวแล้วครับ  มันอุทธรณ์เสียงดังว่า กรูไม่ไหวแล้ว  ปวดหัว  ปวดไต ปวดตับ นอน กรูอยากนอน นอนก่อนแล้วค่อยตื่นมาอ่านต่อคงเป็นทางแก้ที่ดีที่สุดครับ


ผมปีนขึ้นเตียงนอนทั้งใส่ชุดนักศึกษาตั้งเวลาให้มือถือปลุกตอนสองทุ่มก่อนจะหมดสติ(หลับครับไม่ใช่ตาย)  แต่ยังไม่ทันจะถึงเวลาปลุกที่ตั้งไว้ผมก็ต้องตื่นเพราะเสียงเทสไมค์จากคอนเสิร์ตลูกทุ่งที่ตั้งเวทีกันแถวๆหอผม  หงุดหงิดครับงานนี้  หงุดหงิดงุ่นง่านอยู่ในห้อง   เสียงโทรศัพท์มือถือกรีดร้องเป็นเพลงแบลควนิลายิ่งทำให้ผมประสาทเสีย

“ไอ้เมศ ฟิสิกส์ออกเรื่องไหนกี่ข้อมั่งวะ?”เสียงเปรี้ยวตรีนแบบนี้ไอ้รันย์ครับ  มันคงจงใจโทรมาเพราะเห็นว่าห้องผมไฟไม่เปิด เดาได้ว่าผมนอนอยู่ แต่จากเสียงที่ปลายสายที่ฟังดูวุ่นวายทำให้ผมพอเดาได้ว่ามันยังอยู่ที่สถาบัน

“เมริงมาถามไรกรูวะ ไอ้เอี้ย  ไปถามคนอื่นไป แสรด  กรูละเบื่อเมริงจริงๆแมร่งเรียนก็ไม่ค่อยเรียน ตั้งใจก็ไม่ตั้งใจ เศือกได้คะแนนมากกว่า….” ผมสรรเสริฐมันไปยกใหญ่ งานนี้ช่วยไม่ได้ครับมาโทรมาผิดเวลาและจังหวะเอง

“ใส่ใหญ่นะเมริง เพิ่งตื่นอ่ะดิ”

“ยังหลับอยู่ม้าง”ผมตอบมันแบบนอยด์ๆก่อนจะหยิบหนังสือฟิสิกส์เปิดดูให้มันว่าเรื่องไหนออกอะไร

“เมริงเขียนกระดาษเสร็จยัง?” กระดาษที่ว่าคือโพยที่อาจารย์อนุญาติให้ควายน้อยกรอยใจทั้งหลายเอาเข้าได้1แผ่น 

“แล้ว แต่ยังไม่เสร็จ ตัวเล็กชิบ อยากเอาแว่นขยายเข้าไปด้วย”เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังกลับมาตามสาย

“เอาน่า  เดี๋ยวดึกๆเมริงเดินมาบ้านกรูเอาของกรูไปดูว่าขาดเหลืออะไร”ผมอือออรับคำมันอย่างไม่จริงจังนัก แต่แอบคิดในใจว่าไม่อยากไป  กรูเครียดได้ป่ะล่ะ

“เมริงมีไรอีกมะ กรูจะได้อาบน้ำแล้วอ่านหนังสือต่อ”

“มี  หลังสอบเมริงอยากทำไร?”

“นอน”

“ไรว๊า~”ไอ้รันย์ทำเสียงเปรี้ยวตรีนอีกครั้ง

“เออ   ดูพลุก็ท่าจะดี แต่กรูอยากได้การ์ตูนมากกว่าว่ะ ตังค์ไม่มีอีกเซ็งเป็ด”

“หรอ เออ แค่นี้นะ”



ระหว่างที่ผมกำลังมีสมาธิกับการอ่านฟิสิกส์และจดสูตรต่างๆลงบนโพยขนาดA4ที่เนื้อที่เริ่มเหลือน้อยเต็มทีอย่างตั้งใจ เสียงหวอหลบภัยริงโทนโทรศัพท์มือถือเจ้ากรรมก็กรีดก้องขึ้นในความเงียบ ผมถึงกับวางดินสอแรงๆอย่างเคืองๆ ก่อนจะรับสาย คุยกับแม่อยู่สองสามนาทีก็วาง  หลังจากรวบรวมสติได้อีกครั้งก้มหน้าลงอ่านย่อหน้าต่อไป ห้องทั้งห้องกลับมืดลงฉับพลัน ตายห่า ไฟดับ!!!!!

“แสรดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”เสียงกรีดร้องราวสัมพเวสีของผมดังลั่นหอ

“ไอ้เอี้ย  ให้กรูอ่านให้จบก่อนไม่ได้หรอวะ แมร่ง ทำกรูจนได้สาด”ผมคลำหาโทรศัพท์มือถือใช้ไฟจากมือถือนำทางไปค้นหาไฟฉายในตู้เสื้อผ้า  แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าไม่มีคร๊าบ  ใครก็ได้ช่วยด้วย  หลังจากผมได้สติขึ้นมาบ้าง ผมรีบโทรหาไอ้รันย์เป็นคนแรกเลยครับ

“ไอ้รันย์ ทำไงดีวะ  ไฟดับว่ะ”ผมรีบบอกมันทันทีที่มันรับสาย

“ชิหาย  กรูโหลดการ์ตูนทิ้งไว้ แมร่งเป็นไรป่าววะเนี่ย”

“ไอ้คุณรันย์ครับ เมริงช่วยดูใจเพื่อนเมริงก่อนได้ไหมครับ  เพื่อนเมริงอ่านหนังสือจะไม่ทันแล้วนะเว้ย แมร่งเอี้ยเอ้ย”

“แล้วจะให้ทำไง  ถ้าไฟหอเมริงดับก็แสดงว่าไฟบ้านกรูก็ดับ  กรูไม่ได้เป็นเจ้าของการไฟฟ้านะเว้ย จะได้เนรมิตรไฟให้เมริงใช้ได้ตามใจอยากเนี่ย”เออ..จริงของมันครับ


“แล้วนี่เมริงถึงบ้านยัง?”

“ถามทำไมวะ?”

“อ่าว เมริงนิ  กรูไม่ถามก็ได้วะสาด”

“เออๆ เมริงอย่าเพิ่งออกจากห้องล่ะ เดี๋ยวตกกระไดตายห่าไปกรูขี้เกียจบอกป๊ากะแม่เมริงนะ”ไอ้รันย์ทิ้งท้ายก่อนจะตัดสาย  ทิ้งให้ผมงุ่นง่านหงุดหงิดอยุ่คนเดียวในความมืด



ปัง ปังปังปัง!!!


เสียงระเบิดถี่ๆดังขึ้นท่ามกลางความเงียบยามค่ำคืนก่อนแสงสีต่างๆจะปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า  ผมรีบพุ่งตัวไปที่ระเบียงห้อง แล้วชะโงกสุดตัวเพื่อจะได้ดูต้นเหตุของเสียงระเบิดนั้น  ผลุแบบต่างๆถูกยิงขึ้นฟ้าอย่างต่อเนื่อง  ผมแหงนหน้ามองผลุสีสวยที่กำลังแตก  ความหงุดหงิดและความเครียดค่อยละลายตัวหายไปอย่างช้าๆ เสียงเพลงเจ้าชู้ไม่รู้ตัวของแบลควนิลาริงโทนที่ผมตั้งให้ไอ้รันย์ตามที่มันเรียกร้องดังขึ้น

“ได้ดูแล้วเมริง พลุ”

“เมริงลงทุนไปแล้ว”ผมบอกมันยิ้มๆ

“ลงทุนไร?”

“ก็พลุ”

“หึหึ  อือ  กรูก็คงลงทุนแหล่ะ ถ้ากรูเป็นคนจัดคอนเสิร์ตลูกทุ่ง”ผมถึงกับร้องอ้าว...

“กรูเพิ่งจะถึงบ้าน  ล็อครถเสร็จได้ยินเสียงพลุก็โทรหาเมริงเนี่ย”

“หรอ มีคอนเสิร์ตก็ดีนะเว้ยกรูว่า”

“เออ  หายเคืองกรูแล้วหรอ?”เสียงถามแบบล้อๆทำผมชักนึกได้ว่าเคืองมันอยู่

“ช่างกรูเหอะกรูมันควายน้อยกรอยใจในวัยทอง”ผมมองเข้าไปในบริเวณบ้านมันทั้งที่มืดสนิท เห็นเงาตะคุ่มๆที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่หน้าประตูพร้อมกับแสงไฟจากมือถือที่แนบหู  ผมแอบยิ้มอยู่คนเดียว

“ยิ้มไรเมริง ไม่เคยเห็นคนไขกุญแจบ้านไงวะ”

“เห็นได้ไงวะ”ผมพึมพำ

“กรูเดา เอี้ยเอ๊ย~ แมร่งเมริงจะเป็นกุญแจทำเอี้ยไร ไขแมร่งไม่เคยจะออก”ผมหัวเราะ  พลางบอกมันให้ใจเย็น

“ห้องเมริงมีไฟฉายหรือเปล่า?”

“ไม่มีว่ะ กรูว่าจะลงไปซื้อเทียน”

“เดินมาเอาบ้านกรูนี่”

“ไหนเมริงบอกไม่กรูออกจากห้อง เดี๋ยวตกกระไดตายห่าไง”

“เออ  เดี๋ยวกรูเอาไปให้” เสียงเคาะประตูห้องทำให้ผมรีบพละจากระเบียง ไปหน้าประตู ผมมั่นใจว่าไม่ใช่ไอ้รันย์  แล้วเป็นใครวะ ผมปลดกลอนประตูออก พลางคิดไปว่าอาจจะเป็นพี่ติ๋มคนดูแลหอ แต่ร้อยวันพันปีก็ไม่เคยขึ้นมาเคาะ  หรือว่าจะเป็น!!! ที่เพิ่งออกข่าวไป ไอ้หื่นที่มาเคาะห้องตามหอพัก พอเจ้าของห้องเปิด ก็เข้ามาข่มขืนแล้วปล้น  หรือว่าฆ่าวะ.....ทำไงดีวะ

“ไอ้รันย์เมริงยังไม่วางใช่มะ  ใครไม่รู้เคาะห้องกรูว่ะ”

“แล้วไง”ดูมันสิครับ  ห่วงสวัสดิภาพเพื่อนเมริงหน่อยได้ป่ะล่ะ  เมริงนี่ร๊ากกกกกกกกรูเชีย~

“งั้น...งั้นกรูเปิดละนะ”ผมบิดลูกบิดประตูจนได้ยินเสียงล็อคเด้งก่อนจะดึงประตูเข้าหาตัว ทันใดนั้นประตูเด้งกลับพร้อมกับเสียง ดังผลั่ก!!

“เฮ้ย!!!”

“ลืมปลดโซ่แน่ะไอ้เมศ  อ่านหนังสือหนักจนเขาเสียสมดุลเลยนะเมริง”โม ญ เพื่อนข้างห้องยื่นกีบเท้าหน้าเข้ามาทำท่าจัดเขาบนหัวผมให้ตรง  ทำให้ผมนึกได้ครับว่านอกจากกลอนประตู ล๊อคที่ลูกบิด ยังมีโซ่อีกอัน  ผมได้ยินเสียงหัวเราะของไอ้รันย์จากโทรศัพท์

“ไม่ต้องหัวเราะเลยเมริง   โมมีไรป่ะมาเคาะห้อง?”

“จะมาพึ่งใบบุญขอยืมไฟฉาย ไม่ก็เทียน”

“ไม่มีว่ะ  รอไอ้รันย์เอามาให้เนี่ย”

“ดีเน๊อะ คนมีแบ๊คอัพเนี่ย”ผมถึงกับกล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุก แบ๊คอัพของผมมันจะใครล่ะครับถ้าไม่ใช่ไอ้รันย์

“ไอ้โมปากเมริงนิ”

“ทำไม  พูดให้ดีๆนะเว้ย ไม่งั้นเดี๋ยวให้ไอ้รันย์ตบปากด้วยปาก” เอาอีกแล้วครับ แผ่รังษีเหนือม่วงกันอีกแล้ว  ผมได้ยินเสียงหัวเราะหึหึหึมาจากโทรศัพท์....พวกเมริงนี่ ขยันแกล้งกรูกันจัง




ผมเงยหน้าขึ้นจากข้อสอบเหลือบมองนาฬิกาบนข้อมือตัวเองชี้ว่าอีกไม่กี่วินาทีเวลาในการสอบวิชาสุดท้ายนี้กำลังจะหมดลง  รอบข้างเพื่อนๆผมลุกออกไปแล้วเกือบหมด  รวมถึงรันย์ด้วย  ผมตรวจเช็คว่าเขียนชื่อและรหัสนักศึกษาครบทุกหน้าแล้ว อย่าถามผมเลยครับว่าทำได้หรือเปล่า เพราะมันเป็นคำถามที่เจ็บปวดมาก  เอาเป็นว่าผมพอจะเอาเขาไถได้บ้างแต่ไม่ได้ก็เยอะแล้วกันครับ อาจารย์ผู้ได้ฉายาจากเพื่อนผมว่าเจ้าป่าให้ทุกคนวางปากกา ตลอดภาคการศึกษาผมประทับใจอาจารย์มากครับ  ตั้งแต่วันแรกที่อาจารย์ท่านเข้าสอนผมก็โดนวิดพื้นไปหลายสิบ วิชาแคลคูลัสและแลบฟิสิกส์จึงเป็นวิชาที่ช่วยให้หุ่นของนศ.ฟิตแอนด์เฟิร์มขึ้นโดยไม่ต้องใช้แอ๊บโดมิไนซ์ส้วมแต่อย่างใด ผมเดินออกจากห้องสอบอย่างสงบวันนี้นอกจากสอบแล้ว มีประชุมคณะแล้วประชุมค่ายต่อ หลังจากนั้นไปประกาศอิสรภาพ 


“ลองขับดูไหม?”อยู่ๆไอ้รันย์ก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยมีกลองมีแตร ขณะที่พวกเรากำลังประชุมค่าย

“ขับไร?”

“รถสิวะ โง่หรือเซ่อร์”ไอ้รันย์จิกกัดแล้วยิ้มที่มุมปาก มันคงเป็นยิ้มที่ดูดีมากสำหรับคนอื่น  แต่สำหรับผมมันเปรี้ยวครับ  เปรี้ยวตรีน

“กรูจะไปรู้เมริงหรอ?”

“ครับๆ  ว่าไงจะขับไหม?เรียนยานยนต์ขับรถไม่เป็นอายเขาตายเลย”ผมมองหน้ามัน อยากเอาหัวโขกมันจริงๆแมร่งทำหน้ากะลิ้มกะเหลี่ย

“ไม่เอา กรูไปหัดขับเองที่บ้านก็ได้”

“ถ้างั้น เดี๋ยวไปส่งบ้าน”ผมหันไปมองหน้ามันอีกรอบ ไม่ค่อยอยากให้มันไปส่งหรอกครับ  เกรงใจ  นั่งรถมันแทบทุกวัน แต่ไม่เคยได้ออกค่าน้ำมันเลย

“ไม่ต้อง กรูกลับเองได้”

“เดี๋ยวไปร้องเกะต่อ กว่าจะร้องเสร็จก็ค่ำแล้ว กรูไปส่งดีกว่า”

“ไม่เอา”

“เอาหน่อยน่า กรูจะไปนอนค้างบ้านโน้นด้วย”บ้านโน้นของมันเป็นบ้านอีกหลังที่อยู่ย่านถนนเฟื่องนคร คนรวยก็ดีอย่างนี้ล่ะครับ มีหลายบ้าน

“วันจันทร์ต้องไปหาซื้อโมเดลมาทำโปรเจคด้วย  อย่าลืมบอกไอ้เสียดนะ9ครึ่ง  สายโดนตบกะโหลก”ผมกำลังจะค้านมันเรื่องโปรเจคพอดีกับที่อาจารย์ร่างท้วมพูดขึ้น

“นักศึกษาที่ลงชื่อเป็นสต๊าฟค่ายเพาะกล้าซากุระ เราจะแบ่งหน้าที่กันไปทำ ผมต้องการอาสาสมัครเป็นพี่เลี้ยงชายหญิงอย่างละ10คน”เสียงถกเถียงกันเซ็งแซ่ทำให้ผมได้ยินเสียงคุ้นๆ

“แก ฉันว่าเป็นพี่เลี้ยงดีกว่าว่ะ  เพราะถ้าทำหน้าที่อื่นบางทีอาจจะไม่ว่างเลยก็ได้นะเว้ย”เสียงโม ญ ถกเถียงกับก๊วนสภาฯทำให้ผมรีบหันกลับมาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“ว่าไงเมศ เป็นสต๊าฟพี่เลี้ยงชายหน่อยมะ”เจ๊ออมถามยิ้มๆ  ยิ้มแบบมีเลศนัยด้วยสิครับทุกคน

“เดี๋ยวตอนกลางคืนสภาฯจะได้.....”เสียงหัวเราะคิกคักทำผมชักสยอง

“คิดอะไรกันเนี่ยพวกเจ๊”

“ร้อนตัวๆ พวกชั้นยังไม่พูดอะไรเลย”เสียงไอ้รันย์หัวเราะหึหึอยู่ข้างหู

“หัวเราะเอี้ยไร”

“เปล่า”

“เฮ้ยเป็นพี่เลี้ยงเหอะ อย่างน้อยถ้าโปรเจคไม่เสร็จยังปั่นตอนเด็กมันนอนได้”เสียงเออออ ทำให้ผมเริ่มคล้อยตาม  เป็นก็เป็นวะ....ผมยกมือขึ้นรับอาสาเป็นสต๊าฟ เช่นเดียวกับรันย์

“ไปจับฉลากเลือกคู่ใครได้หมายเลขตรงกันให้คุมน้องกลุ่มนั้น ในกลุ่มพี่เลี้ยงมีคนไหนเป็นแฟนกันหรือเปล่าครับ?”อาจารย์ผู้ดูแลเหล่าพี่เลี้ยง(จำเป็น)ถามขึ้น  เอาอีกแล้วครับสภาฯขำกิ๊กอีกแล้ว

“ ค่ายคราวนี้เราไม่ต้องการให้เกิดเรื่องไม่ดีไม่เหมาะสมขึ้นเลยนะครับ”

“มีแต่มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน นับด้วยเปล่าครับอาจารย์” เสียงเพื่อนขำไอ้รันย์กันใหญ่

“ไอ้เมศระวังนะเมริง นอนค่าย  เดี๋ยวเสียตรูดไม่รู้ตัว หึหึหึ”เอากับสภาฯสิครับ  เดี๋ยวนี้อิทธิพลมืดครอบงำไปทั้งม.แล้ว และผมคงตกเป็นเหยื่อรายต้นๆของสภาฯ    ผมทำตาปะหลับปะเหลือกใส่ทุกคนที่ขวางหน้า ก่อนจะเอื้อมมือไปจับฉลากที่พับเป็นชิ้นกระดาษเล็กๆ มาคลี่ออกดู เห็นเลข8อยู่หรา

“ใครเบอร์8วะ เลขสวยคนต้องสวยๆนะเว้ย”ผมลุกขึ้นเดินตามหาหมายเลข8ฝ่ายหญิงที่จะต้องเป็นพี่เลี้ยงคู่กับผม 

“เราเอง”เสียงคุ้นแต่ไม่เสนาะหูทำผมเซ็งสาด มันคงดีหรอกครับถ้าคู่จะเป็นสาวสวย น่ารัก แถมนี่มันคนของสภาฯ! นี่ผมจะไม่พ้นจากบ่วงกรรมเลยหรือนี่

“โม ญเร๊อะ”

“อือ ยินดี๊ยินดีที่ได้คู่เมริงว่ะเมศ  ค่ายนี้ เราพูดได้คำเดียว เมริงจะเกิด  หึหึหึ” สวรรค์ช่างลำเอียง(เมื่อไหร่จะรำตรงละครับ) ผมมองหาไอ้รันย์ที่เดินไปหาคู่ของมันบ้าง  คู่ของมันเป็นดาวคณะIT แหม สมกันราวตะกร้อครอบปากหมากับยากำจัดเห็บ 





ผมเร่งฝีเท้าขึ้นอีกหลังจากเสียงริงโทนเพลงเจ้าชู้ไม่รู้ตัวดังขึ้นเป็นรอบที่ล้านกว่าๆแล้วสำหรับเช้านี้   ผ่านผู้คนมากมายในย่านค้าขายเสื้อผ้าทั้งไทยจีนฝรั่งแขกไปอย่างเร่งร้อน  ก่อนจะเดินจ้ำอ้าวข้ามถนนแบบไม่กลัวรถเหยียบ  พอผมเดินไปถึงจุดนัดหมาย  ก็เห็นหน้าไอ้คุณรันย์ที่ตอนนี้เหมือนมีรอยบาทาประดับอยู่เต็มหน้า  มันหล่อเฟี้ยวมากกับเสื้อยืดลายหมีถืออีโต้และกางเกงยีนส์สีซีด สภาพมันหล่อเซอร์ๆ ต้องขอขอบคุณอะไรก็ตามที่ดลใจมันให้โกนหนวดครับ  มันทำให้หน้าไอ้รันย์ดูอ่อนลงมาก

“ช้านะเมริง”

“โทษว่ะ ตื่นสาย” ผมก้มหน้าก้มตาละล้ำละลักบอกมันสังเกตเห็นว่า ไอ้เสียดมาในลุ๊คตี๋เยาวราชเลยครับ คอกลมกางเกงขาสั้น

“ขนาดกรูโทรปลุกนะยังสาย  ถ้าไม่โทรพวกกรูคงต้องเรียกปอเต๊กตึ๊งมารับเมริงมาจากบ้านแล้ว”ขอบคุณครับไอ้คุณเสียดที่สั่งสอน

“ไม่ตั้งใจเว้ย  ขอโทษ”

“ป่ะ”ไอ้รันย์ตบไหล่ผมก่อนจะพากันข้ามถนนใหญ่ที่มีรถมากและวิ่งกันน่ากลัวชวนเสียวไส้

“กรูเดินมาดูแล้ว  เจอโมเดลเครื่องบินแบบโดยสารกับแบบเครื่องบินรบ พวกเครื่องบินโดยสารชิ้นงานคงน้อย ไม่น่าจะพอยี่สิบชิ้น แต่ถ้าเครื่องบินรบล่ะไม่แน่”

“เครื่องบินรบจะทำยากหรือเปล่าเมริง”โปรเจคที่พวกผมได้รับมอบหมายคือการเขียนแบบวัตถุอะไรก็ตามแต่จะเลือกให้ออกมาเป็นภาพสามมิติโดยใช้โปรแกรมเขียนแบบ พวกผมเลยตัดสินใจเลือกทำเครื่องบินแบบไม่ได้สำเนียกถึงผีมืออันน้อยนิดของตัวเองกันเลย

“ไม่รู้ว่ะ ของงี้ต้องลอง”ไอ้รันย์พูดพลางนำทางพวกผมเข้าไปในย่านดังสำหรับอบายมุขประเภทเกมส์การ์ตูนอย่างเชี่ยวชาญ  สมแล้วกับที่เป็นถิ่นเก่ามันครับ

“อ้าวรันย์ หายไปตั้งนาน ไม่มาให้เห็นหน้ากันเลยนะจ๊ะ”เสียงอ่อนเสียงหวานจากแม่ค้าแม่ขายวัยยังสาว(แต่เริ่มน้อย)ดึงความสนใจของพวกเราไปที่ร้านขายโมเดลของเธอ 

“ก็ผมเรียนไกลนี่ครับพี่”

“คนแถวนี้เขาบ่นอยากเห็นหน้ากันมาหลายเดือน”น่าน....มียักคิ้วหลิ่วตาให้กันเล็กน้อย

“เป็นไงมั่งครับพี่  ขายดีไหม?”

“รายได้ก็พอชื่นใจบ้างล่ะจ๊า  ปิดเทอมแล้วหรอ?” รันย์รับคำสั้นๆ แต่ยิ้มพรายกว้างขวาง  โปรยจริงนะเมริงเสน่ห์ เนี่ย  ไม่เห็นใครจะตกหลุมตกร่องกับเมริงเลย  ...เอ่อ...อย่างน้อยก็กรูคนนึงละว๊ะผมมั่นใจว่าอย่างงั้นนะ(?)

“แล้วนี่มองหาอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าจ๊ะ?”

“ครับ ผมหาโมเดลเครื่องบินอยู่  แต่ไม่แน่ใจว่าจะหาได้หรือเปล่า”เจ๊เจ้าของร้านออกแนวเก็บอาการไม่อยู่ อยากเป็นพลเมืองดีช่วยเหลือขึ้นมาทันที

“อู๊ยยยยยย  ร้านพี่มีทุกอย่าง  อยากได้แบบไหนล่ะ”

“แบบไหนไอ้เมศ  ไอ้เสียด?”ชิ ทีกับผู้หญิงทำเสียงอ่อนเสียงหวาน  ทีกะเพื่อนมันนี่ แทบจะแด๊กซ์หัว

“แบบปีกสองชั้นก็ท่าจะดี”เสียดออกความเห็น ของมันบ้าง  หลังจากลุ่มหลงไปกับอบายมุขฟิกเกอร์สาวน้อย  ไอ้นี่อีกตัวดำรงชีวิตแบบขาดสติ

“พี่มีจ๊ะ”เจ้าของร้านสาวใหญ่รีบกระวีกระวาดหยิบกล่องโมเดลที่ซ้อนๆกันออกมาแบบไม่กลัวเหนื่อยที่ต้องรื้อของออกมามากมายให้พวกผมเลือก  หลังจากเราตัดสินใจได้แล้วถึงได้ต่อรองราคา

“ลดอีกได้ไหมครับ?”ไอ้รันย์ทำเสียงสุขุมนุ่นลึกขึ้นมาทันที

“ว๊าย นี้ก็ขาดทุนแล้วนะคะ”แหมเจ๊ เรื่องเงินเรื่องทองนี่ทำเป็นไม่ได้ขึ้นมาเลยนะ

“ลดอีกหน่อยนะครับ  นะๆๆ”เอากับมันสิครับทำเสียงอ้อนตรีนอีกแล้ว  ไม้ตายขึ้นเด็ดขาดสยบทุกตลาดร้านแม่ค้า...พ่อค้าด้วยหรือเปล่าไม่แน่ใจ

“เอา  พี่ลดให้อีก40”สำเร็จอย่างสวยงามกับลูกอ้อนตรีน  ตอนแรกลดมาหกสิบ เพิ่มไปอีกสี่สิบก็ร้อยล่ะครับ  ถ้าเจ๊ไม่ขาดทุนวันนี้ก็ไม่รู้จะขาดทุนวันไหนแล้ว

“ขอบคุณมากครับ  ขอให้ขายดีนะครับ”ไอ้รันย์รับของกลับมาแบบร่าเริงสุดๆ  ก่อนจะสะบัดตรูดเดินออกจากร้านอย่างสบายใจ



เห็นความน่ากลัวของมันหรือยังครับ  ไอ้รันย์มันมีหน้าตาเป็นอาวุธจริงๆต่อให้มันสิ้นคิดขนาดไหน หนังหน้ามันคือใบเบิกทางของแท้และแน่นอน




ออฟไลน์ fulres

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 594
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1

ออฟไลน์ [€]ŝĊörŦ

  • ความพยามครั้งที่100 ดีกว่าคิดท้อถอยก่อนที่จะทำ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2077
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +142/-0
เหอะๆ...

สนุกดีงับ...

เป็นกำลังใจให้นะครับ

 :o8:   :o8:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
อิอิ............นอกจากหล่อแล้วยังต่อราคาเก่งอีก ขอไปไว้ที่บ้านสักตัว...........เอ้ยคน......สิ............อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
บทที่๕


ปิดเทอม  สวรรค์ในวัยเรียนของใครหลายๆคน  แต่สำหรับพวกผมแล้ว มันคือนรกแบบเชือดนิ่มๆ  ในขณะที่เพื่อนๆของผมที่เรียนคณะอื่นไปเที่ยวกันสนุกสนาน พวกผมโหมโปรเจคกันอยู่ที่บ้านแทนจนแทบจะเป็นมนุษย์ค้างคาว  แต่จริงๆแล้วเป็นเพราะผมนี่แหละครับที่ทำตัวเองให้เป็นมนุษย์ค้างคาว คือ นอนตอนกลางวัน แล้วตื่นตอนกลางคืน จนคุณหญิงแม่ที่เคารพบอกว่า  หมาเฝ้าบ้านที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเห็นจะไม่พ้นผมเอง เยี่ยมไหมล่ะคุณหญิงแม่  ขณะนี้เป็นเวลาตีสองกว่าแล้ว  ผมยังคงตั้งป้อมทำงานอยู่ที่โต๊ะไม้กลมกลางบ้านที่เคยใช้สำหรับกินข้าวหน้าโทรทัศน์  โคมไฟสีเหลืองที่ดูเสียสมดุลน้อยๆเนื่องจากตัวไฟเอนมาด้านหน้าจนผมเองหัวโขกไปก็หลายรอบต้องให้แสงสว่างกันการวัดโมเดลชิ้นเล็กขนาดเสี้ยวมิลลิเมตร

“จะเล็กไปถึงไหนเนี่ย” ผมบ่นพลางใช้ไม้บรรทัดวัดขนาดโมเดลเจ้ากรรมที่อุตส่าห์หอบสังขารไปซื้อกันมา ความซวยตกเป็นของผมตอนที่แจกงานกันทำ  อุตส่าห์เป็นคนทำฉลาก เขียนเองพับเอกกับมือ  ดันมือดีจับได้ส่วนที่ต้องทำชิ้นเล็กมากๆ จนเวลาเขียนแบบลงในโปรแกรมคาเตี่ยต้องซูมแล้วซูมอีก(ชื่อเต็มคือ ตายคาตรีนเตี่ย เนื่องจากเตี่ยตื่นมาตอนตี3ทีไรเห็นผมนั่งเขียนแบบ จนถูกเตี่ยเหยียบเนื่องจากไม่ยอมหลับยอมนอนนี่ล่ะครับ)

‘ดื่อดื้อดึ้ง~’เสียงโปรแกรมสื่อสารเรียกร้องหลายๆครั้งติดต่อกันทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นจากแบบที่กำลังวัด

รันย์....ชีวิตกับความหล่อนี่มัน เหนื่อยจริงๆ say: เมศ  ยังมีชีวิตอยู่มะ

ตี๋เยาวราช say: พาร์ทB12วัดความยาวได้เท่าไหร่วะ?

ตี๋เยาวราช ถึงจะตี๋ แต่กรูมั่นใจว่าหล่อกว่า say: ชื่อเมริงไอ้รันย์ = =๐ไม่ค่อยเลยนะ

รันย์....ชีวิตกับความหล่อนี่มัน เหนื่อยจริงๆ ไอ้ตี๋แอบอ้าง  อย่าไปเชื่อมันครับทุกคนsay: แน่นอนว่ะ กรูยอมรับสภาพจริงของตัวเองเสมอ

ควายน้อยกรอยใจ นกเอี้ยงรำไรมาพบกัน say:คุยไรกันวะ วัดแบบอยู่ (กรูยังไม่ตาย)

รันย์....ชีวิตกับความหล่อนี่มัน เหนื่อยจริงๆ ไอ้ตี๋แอบอ้าง  อย่าไปเชื่อมันครับทุกคนsay: ไอ้เมศ ส่งพาร์ทที่เมริงทำต่อกับของกรูมาดิ๊

ควายน้อยกรอยใจ นกเอี้ยงรำไรมาพบกัน say:ชิ้นไหนวะ?

ตี๋เยาวราช ถึงจะตี๋ แต่กรูมั่นใจว่าหล่อกว่า say: ต้องทำโฟโต้สตูดิโออีกว้อย จะรอดไม๊วะ?

รันย์....ชีวิตกับความหล่อนี่มัน เหนื่อยจริงๆ ไอ้ตี๋แอบอ้าง  อย่าไปเชื่อมันครับทุกคนsay: อ่านลืมประชุมค่ายนะเว้ย  วันพุธนี้

ควายน้อยกรอยใจ นกเอี้ยงรำไรมาพบกัน say:เหอๆ  ไม่อยากประชุมเว้ย  เห็นหน้าคู่พี่เลี้ยงแล้ว เสื่อม...

ตี๋เยาวราช ถึงจะตี๋ แต่กรูมั่นใจว่าหล่อกว่า say: ใครวะ?

ควายน้อยกรอยใจ นกเอี้ยงรำไรมาพบกัน say:บอกแล้วมีขำ

ควายน้อยกรอยใจ นกเอี้ยงรำไรมาพบกัน say:โม ญ

รันย์....ชีวิตกับความหล่อนี่มัน เหนื่อยจริงๆ ไอ้ตี๋แอบอ้าง  อย่าไปเชื่อมันครับทุกคนsay: หึหึหึหึ

ตี๋เยาวราช ถึงจะตี๋ แต่กรูมั่นใจว่าหล่อกว่า say: กร๊ากกกกกกกกกก

ตี๋เยาวราช ถึงจะตี๋ แต่กรูมั่นใจว่าหล่อกว่า say: พวกเมริงทำบุญมาด้วยอะไร  เจอกันเองตลอด

ควายน้อยกรอยใจ นกเอี้ยงรำไรมาพบกัน say:กรูก็ไม่รู้เว้ย กรูว่ากรูกรวดน้ำคว่ำขันกะมันไปแล้วนะเว้ย แต่จับฉลากได้มันเนี่ย  กรูจะบ้า  ชักไม่อยากจะไปและ  ค่ายเนี่ย


และแล้วค่ายก็มาถึง ตามนัดหมายของเหล่าสต๊าฟค่าย ให้ไปรวมพลกันที่สถาบันก่อนเวลา8โมงเช้า แต่ผมสามารถกว่านั้น  อาจารย์นัด8 ผมตื่น7โมง45ครับเมื่อคืนมัวแต่ทำโปรเจคเลยนอนดึกเลยนอนเพลินไปหน่อย ไม่รู้ว่าด้วยอะไรดลใจไอ้รันย์ให้มันไปก่อนโดยไม่โทรปลุกผม ไม่ขึ้นมาเคาะห้องเรียก ทำให้ผมต้องหัวกระเซิงด้วยการแบกเป้ใบใหญ่วิ่งกระหือกระหอบมา พอผมมาถึงชาวบ้านเขาก็ลงทะเบียนกันไปหมดแล้ว ผมจึงได้แต่เซนต์ชื่อลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมด้วยมือสั่นเพราะแรงหอบก่อนจะใส่เกียร์หมาวิ่งขึ้นไปเก็บกระเป๋าที่ชั้นสองแบบไม่คิดชีวิต

“ไอ้เอี้ย!ไมไม่โทรปลุกกรูวะ”คำทักทายอันเป็นมงคลชีวิตพลั่งพรูจากปากผมใส่ไอ้รันย์ทันทีที่เห็นหน้ามัน  ต่อหน้าธารกำนัล สต๊าฟค่าย และน้องค่ายที่เริ่มทยอยกันมา

“ก็เมื่อคืนเมริงบอกว่าจะตื่นเองไม่ใช่หรอ” มันทำตาปรือใส่ผมครับ แต่สังเกตหน้ามันแล้ว  ดูใสปิ๊งปั๊งเปร่งปลั่งเหมือนใช้การ์นิเย่วไม่มีผิด

“หน้าใสเชียวมึง เข้าคอสเจ้าสาวมาหรือไง?”ผมถามมันแบบพาซื่อครับ เพราะผมเซอร์โทรมเป็นศพ  แต่มันกลับดูออร่าจับมาก

“ป่าว  ก็เมื่อคืนฝันดี”

“ฝันถึงไอ้เมศมันน่ะสิแก”มาแล้วครับเงาทะมึนของรังสีเหนือม่วง มันเริ่มครอบงำเป็นบริเวณกว้าง จะใครละครับ  มันก็โม ญ นั่นแหล่ะ

“โน่นสีฟ้าน้องเมริง ยืนจีบกันอยู่ได้”นั่น...โดนมันจิกกัดอีกตะหาก เราแบ่งการดูแลน้องค่ายออกเป็นสีครับ  สิบกลุ่มสิบสีให้พอชวนหัวงวยงง

“เมริงสีไรวะ?”

“สีติดกะเมริงอ่ะ”แหม มันเข้าใจตอบครับ

“ขอบใจพ่อเมริงมาก จะรู้ไม๊ว่าสีเอี้ยอะไร”ผมส่ายหน้าระอาใจแล้วตีตัวออกห่างไปสบตากับน้องหัวเกรียนคนหนึ่งจากป้ายประจำตัวน้องระบุว่าเป็นเด็กผมแต่ต้องถามให้แน่ใจก่อนครับ

“สีอะไรครับน้อง?”ผม ‘เงย’หน้าถามน้อง หน้าขาวๆกับหัวเกรียนๆที่จงอยผมด้านหน้าเริ่มยาวดูและระคายตาถ้ามันเป็นน้องผม อย่าเผลอนะเมริง..กรูจะตัดให้เหี้ยน  หึหึหึ

“ฟ้าครับ”

“เขียนชื่อแล้วเอาป้ายผูกหูกระเป๋าน้องไว้นะครับ  พี่ขอตรวจกระเป๋าด้วยนะ”มันรับคำสั้นๆ  ผมนั่งยองๆข้างมัน เปิดกระเป๋าคุ้ยๆดูของข้างในตามหน้าที่ เผื่อว่าน้องๆจะพกของอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควรเข้ามาในค่าย  สักพักผมรู้สึกได้ว่าไอ้น้องคนนี้มันจ้องหน้าผมจัง ผิดวิสัยเด็กที่มักจะไม่ค่อยอยากสบตาใครถ้าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

“มีอะไรหรือเปล่าครับน้อง?”

“พี่ ชื่ออะไรครับ”

“อ่อ พี่ชื่อเมศครับ แล้วน้องอ่ะ”

“กรีนครับ”แหมชื่อมันอินเตอร์ครับฟังแล้วตอเหลแสลงหู ผมมันคนชื่อไทยแท้แต่กำเนิด

“อ้อ....น้องเขียว”


กิจกรรมค่ายเริ่มขึ้นเล้วหลังจากอธิการบดีได้กล่าวเปิดค่ายอย่างเป็นทางการ และอาจารย์ออกมาชี้แจงรายละเอียดค่ายโดยรวม  หลังจากนั้นก็ ได้เวลาสนุกแล้วสิ เสียงกลองรัวจังหวะโป๊ะๆ แบบไม่เกรงใจบ้านหลังเล็กหลังน้อยที่อยู่หลังสถาบันจะด่า เริ่มแรกด้วยการละลายพฤติกรรมน้องพี่ ให้รู้จักกลมเกลียวกันด้วยการวิ่งไปทั่วสถาบันเพื่อหาบัตรประจำตัวของเพื่อนด้วยภาษาใบ้  หลังจากนั้นก็กลับมารวมกันที่ลานกิจกรรมอีกครั้ง เพื่อล้อมวงเล่นกิจกรรมร้องเล่นเต้นรำกันให้ครื้นเครง  มีบ้างที่น้องบางคนจะได้รับความเมตตาแบบล๊อคเลขหวยผีจากพี่ๆ หนึ่งในนั้นเป็นน้องที่ผมภูมิใจนำเสนอครับ ไอ้เขียว.....

“ไอ้เขียวโดนอีกแล้วว่ะ”ผมพูดอย่างขำๆกับคู่พี่เลี้ยงของผมขณะเห็นน้องกลุ่มกำลังทำท่าตามพี่ๆฝ่ายสรรฯ  เป็นท่าที่ผมลงความเห็นแบบฟันธงว่าอุจาดตาดีแท้  แต่ไอ้เขียวมันก็ทำแบบหน้าชื่นตาบาน

“เออ  แมร่งเปรี้ยวตรีน  ต้องให้มันโดนอีก หึหึหึหึ”โม ญ หัวเราะขึ้นจมูกสะใจครับ

“โปรเจคแกจะเสร็จยังวะ?”ผมหันไปมองหน้าโม ญ แบบเซ็งในอารมณ์

“ยัง ถามทำไมตอนนี้วะ เสียอารมณ์หมด”

“ก็ถามไว้เผื่อแกจะขึ้นไปทำต่อให้เสร็จ จะถึงเดทไลน์แล้วนะเมริง”

“เมื่อคืนเรนเดอร์แล้ว แค่เอามาให้ในกลุ่มดูว่าโอเคไหมก็เสร็จแล้ว แล้วของแกอ่ะ”

“เกือบแล้ว”ผมหันกลับไปที่กิจกรรมอีกครั้ง  ไอ้เขียวกำลังแด๊นซ์อย่างเมามันส์ตามที่พี่ฝ่ายสรรฯสั่งอย่างรู้งาน  หน้าตามันก็ดีนะครับ แต่ท่าเต้นบัดซบ เลยทำให้ดูบัดซบแบบเหมารวม  ท่าชูศรีดูมันจะชอบมาก

“ไอ้เขียวนี่คนที่ชื่อเป็นญี่ปุ่นป่ะ”น้องในกลุ่มผมมีชื่อญี่ปุ่นถึงสองคนด้วยกัน

“เออ  ยูทากะ อภิวัฒน์ เซรัน  น้องผู้หญิงอีกคนชื่อฮานะ”

“คนที่เรียบร้อยๆ ใช่มะ”โม ญ หนักหน้าเรียบๆ ก่อนมันทำหน้าตื่นๆแล้วลุกขึ้นยืนเหมือนโดนเหยียบหาง

“กุไปส้วมก่อนนะ”มันว่าแล้วรีบเดินจากไปทันที

“น้องสีอะไรครับ?”เสียงพิธีกรหน้าตาเหมือนหมาปั๊กถามไอ้เขียว

“สีฟ้าครับ”

“งั้นเชิญพี่มันออกมาหน่อยครับ  พี่เลี้ยงสีฟ้าอยู่ไหนครับ”เอาแล้วไงกรู....  ผมนั่งหน้าเหรอหราอย่างงงๆ ท่ามกลางเสียงขับไล่ไสส่งให้ผมออกไป ผมหันไปมองหน้าไอ้รันย์ทีนึง

“ไปดิ๊ เขาเรียกเมริงแหนะ”

“เชิญพี่เมศกลางวงเลยคร๊าบบบบ”ผมเดินเข้ากลางวงขนาดใหญ่กินพื้นที่ลานระหว่างตึกทั้งหมดอย่างงงๆ

“พี่เมศรู้ไหมครับว่า น้องพี่มันเกรียน”พิธีก่อนหน้าหมาปั๊กส่งไมค์มาให้

“เอ่อ...ครับ”เสียงน้องๆขำกับความเอ๋อสมองไหลของผม

“พี่เมศบอกเขาไปสิครับว่าน้องพี่มันหล่อ”ไอ้เขียวมันกระซิบข้างหูแต่ดังพอจะได้ยินกันไปครึ่งสนาม พลางสะกิดยิกๆ

“ในเมื่อน้องมันเกรียน พี่มันต้องโดนด้วย  เอ้า  มิววววววววสิค!!!!”ฉิบหายแล้วกรู  


เสียงกลองรัวจังหวะไปพร้อมกับทำนองเพลงพลิ้ว เพลงที่เกือบจะเป็นเพลงประจำคณะIT มันให้เต้น ผมก็ต้องเต้นครับ โดดหน้าโดดหลังไปกับไอ้น้องเขียว  พลางคิดในใจ เออ...คนที่พลิ้วสุดคงไม่ใช่กรู ฮาๆฮือๆ ไอ้โม ญ จำไว้นะเอ็ง  เสียงเพื่อนปรบมืออย่างถูกใจหลังจากเพลงจบทำให้ผมโล่งใจว่าจะหมดเคราะห์หมดโศกกับการเต้นไปได้เสียที แต่ก็เหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง  พวกมันไม่ยอมให้ผมกับไอ้น้องเขียวกลับเข้าที่นั่งครับ ด้วยข้อหาว่าพี่มันเต้นไม่โดนใจคณะกรรมการ

“เฮ้ย ไม่เอาแล้วเมริง”ผมประท้วง

“พี่เต้นสู้น้องไม่ได้ อย่างนี้ไม่ผ่าน”เสียงเฮจากขอบสนามอันเป็นที่พำนักของเหล่าสต๊าฟดังกว่าจากในวงหลายเท่า เล่นพวกกันนี่หว่าพวกเมิง

“เซี่ยงจี้จะไหลออกทางปากแล้วเว้ย มาเต้นเองมา” ผมยังดิ้นรน

“ไม่ได้ๆ  ไม่ผ่านก็คือไม่ผ่าน”เสียงหัวเราะสะใจดังมาจากไอ้รันย์เลยครับ  ขำน้ำหูน้ำตาไหลเชียวนะเมริง

“งั้นขอตัวช่วย”ผมยกมือขึ้นยื่นขอเสนอประหนึ่งเล่นเกมส์โชว์

“จัดไป”

“เมิงมานี่”ผมย่างสามขุมไปหากลุ่มสต๊าฟค่ายAEที่นั่งเกาะกลุ่มกัน  เท่านั้นแหล่ะครับ เหมือนแมงสาบรังแตกไม่มีผิด  วงแตกลุกฮือกันขึ้นมาทันที  แต่เป้าหมายมีเพียงหนึ่งเดียว  ไอ้รันย์กรูโดนเมิงต้องโดน!!

‘หมับ’

“วู้ว~จับมือถือแขนว้อย  เอาแล้วไงเมริง”เสียงเห่าเสียงหอนจากต้นเสียงที่ไม่ต้องบอกว่ากลุ่มไหน (จะกลุ่มไหนถ้าไม่ใช่สภาฯ)ทำให้เกิดเสียงเป่าปากโห่ฮาตามมา  ผมลากไอ้หมีควายรันย์มาได้สำเร็จ

“น้องๆครับ ตอนนี้ขึ้นป้ายเรทต่ำกว่า๑๓ควรมีผู้ปกครองแนะนำแล้วนะครับ”พิธีกรภาคสนามแซวอย่างอารมณ์ดี

“เอาเพลงอะไรดี”พิธีกรถามขอความเห็นจากน้องค่ายอย่างกระตือรือร้น

“เมียงู!!!” สองเสียงประสานกัน สามัคคีกันขึ้นมาเชียวเอี้ยรันย์ ไอ้เขียว


บาทเดียวดูเพลิน
อะไรไม่เกินเมียงู
ลูบได้คล้ำได้
ลูบได้คล้ำได้
แต่อย่าเอาไม้แหย่รู ๆๆ


โอ้วม่ายยยยยยย!!!ไอ้ตอนท่อนแรกบาทเดียวดูเพลิน มันก็ยังเพลินดีหรอกครับ แต่ไอ้ท่อนลูบได้คลำได้ โอ้วม่ายยยยยย~เสียงกรี๊ดเป่าปากโห่ร้องสารพัดประดังขึ้นมาทันที  ผมว่างานนี้ไม่ใช่เรท๑๓แล้วเรท๑๘ไปเลยดีกว่า  ลูบได้คลำได้นี่ปรกติจะแค่ทำท่าลูบๆแบบไม่ถึงเนื้อถึงตัว แต่นี่สี่มือเลยคร้าบบบบ~คลูบๆคลำๆตัวผมโดนแบบสดๆ ไม่มีสลิงค์ ไม่ใช้แสตนด์อิน   สยิวกิ๋วขนลุกเกรียว

“เอ่อ...น้องๆที่อายุยังไม่ถึง18กรุณารับคำแนะนำจากผู้ปกครอง  หรือจากพี่เลี้ยงเลยนะครับ”พิธีกรแซวอีกเล้วครับพี่น้อง

“พี่เมศเชะชี่”มันมาล่ะครับ ปากยื่นปากยาว

“เสียสาวแล้วเมริง ฮี้วววว”

“ใครใช้ให้พวกเมิงลูบจริงวะ”ไอ้รันย์หัวเราะหึหึ  ส่วนไอ้เขียวออกอาการเปรี้ยวตรีนขึ้นมาทันที

“ก็ตอนแรกจะทำแบบปรกตินั่นแหล่ะครับ  แต่เห็นพี่รันย์เอาจริงผมก็ทำตามพอดีเป็นพวกไม่ชอบให้ใครได้หน้ามากกว่า”

“โอ้โห ไอ้เขียว เมิงเป็นเอี้ยเกรียนตัวน้อยจริงๆ”ผมกล่าวตอบรับน้ำใจน้องด้วยภาษาดอกไม้(คาดว่าอุตพิษ)แล้วยิ้มเหี้ยม ก่อนจะตบกะโหลกพอออมแรงให้มันกลับไปนั่งที่

“เมริงอีกตัวนะ”ผมหันไปชี้หน้าไอ้รันย์มัน รู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองผมตลอดแม้ว่ากิจกรรมเต้นเสียวจะจบลงแล้ว  ไอ้รันย์ยักไหล่อย่างน่าหมั่นไส้ก่อนจะแยกย้ายไปทำหน้าที่กันเพื่อรวมน้องกลุ่มตนเองให้ตั้งแถวเตรียมทานอาหารกลางวัน

“ขอบคุณพี่สต๊าฟนะครับ  พี่เลี้ยงพาน้องไปรับประทานอาหารได้เลยนะครับ  เราจะนัดรวมกันอีกทีตอนบ่าย”


“เกิดไหมเมริง?”เสียงถามปนหัวเราะโรคจิตดังขึ้นข้างหู ขณะที่ชาวค่ายกำลังล้อมวงกันทานข้าว  โดยมีพี่เลี้ยงนั่งร่วมวงอยู่ด้วยผมและโม ญ นั่งติดกัน

“มาแล้วหรอครับ ไอ้คุณโม ญ ไม่ทราบไปส้วมเนี่ย ขี้หมดส้วมหรือยัง”โม ญหัวเราะสะใจก่อนเริ่มตักอาหารใส่ปาก

“เออ น้องไม่สบายคนนึง เลยพาไปหาพยาบาล กว่าจะกลับมาเมิงก็ไปอยู่กลางวงแล้ว  บาทเดียวดูเพลินเลยล่ะเมริง” มันพูดพลางชี้นิ้วชี้ซ้ายขวาขึ้นมาเหมือนท่าเต้นที่ผมเพิ่งเต้นไป

“เพราะเมิงชิ่งนั่นแหล่ะ”

“อ๊ะ  ถ้าไม่ชิ่งจะได้ดูของดีหรอกวะ  ลูบได้คลำได้ๆ  หึหึหึ”ผมเม้มปากด้วยอาการคันไม้คันมืออยากบีบคอเพื่อนหญิงคนนี้ให้ตาย ขณะที่มันกำลังหันไปคุยกันน้องกลุ่มอย่างสนุกสนาน

“พี่เมศคะ เมียงูพี่สุดยอดเลยนะคะ”น้องสาวคนที่เรียบร้อยที่สุดในกลุ่มเราพยายามหาเรื่องคุย เอาเรื่องนี้จะดีหรอครับน้อง ฮาๆฮือๆ

“อ่า ขอบคุณครับ”ผมตอบรับน้องคนนั้นท่ามกลางเสียงหัวเราะสะใจแบบเปิดเผยสุดๆของคู่พี่เลี้ยงของผม

“กรูบอกแล้ว เมริงจะเกิด  เมริงก็ต้องเกิด”


กิจกรรมภาคบ่ายเป็นกิจกรรมเข้าฐาน คือพี่เลี้ยงต้องพาน้องๆเข้าฐานต่างๆรอบสถาบันฯเพื่อเล่นเกมส์ต่างๆที่ฝ่ายกิจกรรมคิดกันสมองแทบไหลจนถึงตอนเย็นแล้วค่อยปล่อยน้องอิสระ โม ญชิ่งไปทำงานโปรเจคที่เหลืออีกนิดหน่อยให้เรียบร้อย ผมจึงพาน้องไปเข้าฐานพร้อมกับพี่เลี้ยงสำรองต่างคณะ โดยแต่ละฐานจะให้สองสีไปด้วยกัน โชคร้ายที่สีผมไปพร้อมกับสีไอ้รันย์  ใครนะมันช่างคิดให้ผมไปกับมันจัง  เมื่อกิจกกรรมเข้าฐานดำเนินมาถึงฐานก่อนโค้งสุดท้ายของช่วงเวลากิจกรรมยามบ่าย ในที่สุดก็มาถึงกิจกรรมขาไก่หรรษาอซึ่งถ้าดูจากกลุ่มที่เพิ่งเปลี่ยนฐานออกไปคงจะประทับใจกับฐานนี้มาก

“น้องตั้งแถวตอนลึกแบ่งชายหญิงอย่างละแถวนะครับ  หยิบขาไก่ที่พี่ๆแจก”สต๊าฟเจ้าของฐานตะโกนบอก น้องค่ายก็ทำตามอย่างว่าง่าย....ดีมากไอ้น้อง

“กติกาง่ายๆครับน้อง   ตอนนี้น้องมีอุปกรณ์แล้ว คือขาไก่คนละหนึ่งอัน และหนังยาง.....”ผมไม่ค่อยได้สนใจฟังนัก  สายตาเหลือบขึ้นมองบนตึกBชั้นสี เห็นคนหน้าตาคุ้นๆกำลังโทรศัพท์พลางชะโงกตัวลงมามองข้างล่าง  ก่อนจะหายไปอย่างลึกลับ  เสียงฮือฮาจากน้องๆทำให้ผมกลับมาสนใจสิ่งรอบตัวอีกครั้ง

“ให้น้องส่งหนังยางต่อกันไปโดยคล้องยางไว้กับขาไก่แล้วส่งไปท้ายแถวนะครับ”กติกาโหดนะ...มิน่าให้แยกชายหญิง  

“พี่เลี้ยงชายโชว์สปิริตต้องร่วมเล่นเกมส์ด้วยนะครับ  เพราะน้องผู้หญิงมีเยอะกว่า  เดี๋ยวฝ่ายชายจะได้เปรียบ”ฉิบหาย(อีกแล้ว) ผมหันไปสบตาไอ้รันย์เข้าพอดี  มันยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยให้ผมอีกแล้วครับ  เห็นแล้วคันมืออยากตบกะโหลกมันขึ้นมาทันที

“พี่เมศๆ”ไอ้เขียวกวักมือเรียกไหวๆให้ผมไปต่อแถวหลังมัน พลางรับอุปกรณ์ในการเข้าฐานมาถือไว้อย่างละเหี่ยใจเต็มที โดยมีไอ้รันย์เป็นคนปิดท้ายแถว

“เริ่มส่งได้หลังสัญญาณนกหวีดนะครับ แถวไหนแพ้เดี๋ยวมีโชว์ เมียงูอีกสักเวอร์ชั่นดีไหม”สต๊าฟประจำฐานหันมาแซวผมอีกแน่ะ

ปรี๊ดดดดดดดดด~

เสียงนกหวีดดังขึ้นแล้วต้นแถวกำลังส่งหนังยางให้คนต่อมาอย่างน่าหวาดเสียว  มันจะไม่หวาดเสียวได้อย่างไรล่ะครับ  ขาไก่อันนิดเดียวความยาวไม่น่าเกินนิ้วครึ่ง เห็นแล้วหวาดเสียวว่าแทนที่จะได้ส่งหนังยางจะกลายเป็นโชว์ด๊วบแทน  ผมสังเกตว่าสต๊าฟถ่ายภาพมักมาชุมนุมกันที่ฐานนี้มากผิดปรกติ  ที่แท้ก็เพราะเหตุนี้นี่เอง แถมมีการเล่นมุมกล้องให้ดูหวาดเสียวขึ้นไปอีก โดยเฉพาะถ้าน้องคนนั้นมีภาษีดีที่หน้าตา ไอ้พวกนี้จะรุมถ่ายเยอะมาก  มันโรคจิตครับทุกคน

“เฮ้ยรันย์ เมริงดูดิ ไอ้พวกนี้ โรคจิตว่ะ  ถ่ายกันใหญ่”ผมหันไปพูดกับไอ้รันย์ เห็นปากมันคาบขาไก่รออยู่แล้ว  จากการสังเกตทำให้ผมเห็นว่าขาไก่ขยับไปมาในปากมัน

“ไอ้เอี้ย!!!เมริงอย่าแทะเล่นดิวะ ยิ่งสั้นๆอยู่ เมริงนิ”เรื่องจริงครับ ไอ้รันย์มันแทะขาไก่ จากที่มันสั้นอยุ่แล้ว  มันก็ยิ่งสั้นน่ะสิครับ

“อร่อยดีออกเมริง”ลอยหน้าลอยตาตอบกันเลยทีเดียว

“กินหลังจบเกมส์ก็ได้เว้ย  เดี๋ยวกรูแถมให้ทั้งห่อเลย”พวกเมริงนิไม่สำนึกกันเลยนะว่าขาไก่มันสั้นๆก็ไม่ควจะไปทำให้มันสั้นกว่าเก่า  ตรรกะอยู่ที่ไหนพวกเมริง

“พี่เมศจะถึงแล้ว”ไอ้เขียวหันมาเรียก แล้วหันกลับไปรับหนังยางมากจาก เพื่อนคนหน้า  


นาทีระทึกมาถึงแล้ว  ผมละแทบจะโดดออกมานอกแถวให้ได้  หน้าขาวๆของไอ้เขียวเลื่อนเข้ามาใกล้ๆ สายตาหลุบมองริมฝีปากผมอยากตั้งอกตั้งใจ  น้องมันหน้าตาดีเหมือนกันนะเนี่ย  ดูใกล้ๆแบบนี้หน้าใสกิ๊งเลย อ้าว....คิดไปไหนวะเนี่ยกรู  ไอ้เขียวส่งหนังยางให้ผมไม่ได้สักที  มันออกอาการต้องเปลี่ยนมุมในการส่งให้  เสียงกล้องถ่ายรูปดิจิตอลดังอยู่ใกล้ๆทำให้ผมนึกด่าคนถ่ายอย่ในใจอีกหลายตลบ


“เสร็จหรือยัง  ส่งช้าจริงว่ะ”เสียงไอ้รันย์ดังอยู่หนือหัวอย่างหงุดหงิด  พอดีกับหนังยางเจ้ากรรมคล้องกับขาไก่ในปากผมได้พอดี


ผมทำคอแข็งกลัวจะทำหนังยางร่วงจากปลายขาไก่ที่หมิ่นเหม่เต็มที  แล้วค่อยๆกลับหลังหันไปหาไอ้รันย์   มันย่อตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากความสูงที่ต่างกันค่อยข้างชัด  แหงนหน้านิดๆเพื่อรับหนังยางได้ง่ายขึ้น  ผมเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้  ยิ่งใกล้ยิ่งใจเต้นแรง  แรงจนผมนึกกลัวว่าไอ้รันย์จะได้ยินว่าหัวใจผมมันแทบจะกระดอนออกมาทางปากอยู่แล้ว   ดวงตายาวที่มีขนตาสีเข้มหนาเป็นแพ มองผมด้วยนัยน์ตาพราว มุมปากหยักสวยเข้ารูปนั้นยกยิ้มน้อยๆพลางคาบขาไก่ไว้   มือแข็งแรงแตะไหล่ผมไว้ พลางบังคับทิศทางให้ผมเคลื่อนไปตามมัน  แต่ดูเหมือนจะยังไม่ใช่มุมที่เหมาะแก่การส่งหนังยาง  มืออีกข้างของมันจึงแตะลงแถวเอวเพื่อให้ผมเบี่ยงตัวไปในองศาที่ถูกต้อง เสียงกล้องและแสงแฟรชเสียงชัตเตอร์จากกล้องทั้งกล้องดิจิตอลและมือถือถ่ายกันโชะแช๊ะไปหมด  

“คู่นี้นี่ส่งนานว่ะ จะได้เสียกันอยู่แล้วเนี่ยเมริง เร็วเร๊วววว”เสียงโม ญ ที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนทำให้ผมสมาธิแตกซ่าน

“อย่าไปแซวมัน  เดี๋ยวขาไก่ร่วงโดนไอ้รันย์จูบจริงนะเมริง”

“ปากแตะปากเลย ฮี้ววว~”จากเสียงแล้วคาดว่าสภาที่ทำหน้าที่พี่เลี้ยงได้พละจากกลุ่มสีของตนเพื่อมาเชียร์ผมอย่างครบองค์ประชุมแน่นอน จะมากันทำไมมากมายครับเจ๊  มือไอ้รันย์ออกแรงบังคับองศาของผมอีกครั้ง  คราวนี้หนังยางยอมไปอยู่บนขาไก่ของไอ้รันย์อย่างว่าง่ายเลยครับ

‘เฮ้~~’เสียงน้องๆเฮประกาศชัยชนะ  ช่างน่ายินดียิ่งนักที่แถวพวกผมชนะ  ไม่อย่างนั้นอาจมีโชว์เสียกันอีกรอบโดยไม่เต็มใจได้ น้องผู้หญิงทั้งแถวโดนลงโทษพอหอมปากหอมคอด้วยการเต้นไก่ย่าง ให้พอขำขันเฮฮาก่อนจะปล่อยแถวให้ไปฐานต่อไป

“เฮ้ย  ไหนขาไก่กรูอ่ะ”ไอ้รันย์มันดึงตัวผมไว้รั้งท้ายขบวนน้องๆ

“อะไรวะ”ผมพูดพลางใช้มือจับขาไก่ที่เมื่อกี้ใช้คาบนั่นแหละครับ พอดีไม่ค่อยชอบกินขาไก่เท่าไหร่เลยไม่ค่อยอยากกิน

“ไหนบอกว่าถ้าไม่แทะเล่น เดี๋ยวจะเอาให้อีกไง”อ่อ ของกินนี่เอง

“เออ  ไว้พักก่อนเดี๋ยวซื้อให้”

“ไม่ต้องอ่ะ” มือคว้ามือผมแล้วงาบขาไก่ในมือผมไปเคี้ยวกรุบๆ ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมกันเลย ก่อนจะเดินลอยชายตามกลุ่มมันไป  ทิ้งผมให้ยืนมึนงง

“เห็นน๊าๆ ฮี้วว~” เอ่อ ซวยสิครับ สาวๆชาวสภาฯยังอยู่  

“เดี๋ยวนี้พัฒนาแล้วนะเนี่ย  สงสัยคู่นี้ไม่แคล้วละเว้ย”

“ไม่แคล้วอะไรครับ  พวกเจ๊กลับไปดูน้องกลุ่มตัวเองได้แล้วม๊างงง”สภาฯมองหน้ากันแบบเพิ่งได้สติ ก่อนจะขอตัวแยกย้ายกันกลับไปทำหน้าที่ เหลืออยู่คนเดียวที่ก่อนหน้านี้แอบดอดไปทำโปรเจค บัดนี้หัวเราะโรคจิตขึ้นมาอีกแล้ว

“เมื่อกี้ยังอยู่ห้องคาร์เทียอยู่เลยไม่ใช่หรอ?”

“ลงมาแล้ว  มีคนโทรตาม”โอ้โห  สภาฯมีการโทรตามให้ลงมาดูฐานนี้โดยเฉพาะ  อำนาจมืดจริงๆ ผู้หญิงกลุ่มนี้  มีใครสนใจจะเข้าพวกสภาฯไหมครับ  ผมจะได้ดอลลี่ตัวเองให้ห่างเข้าไว้



ท้องฟ้ามืดครึ้มเป็นสัญญาบอกให้ทราบถึงเวลากลางคืน แสงดาวกระพริบวิบไหวในคืนนี้ไม่อาจสู้แสงจากกองไฟเทียมที่สร้างจากสปอตไลท์ได้  เพราะดูเหมือนจะไม่มีใครให้ความสนในดาวบนฟ้าเลยสักคน  ผมเดินนำน้องๆไปยังลานกิจกรรมภาคกลางคืน ที่มีอาจารย์และเหล่าผู้ควบคุมเสียงที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีนั่งประจำที่อยู่แล้ว  เสียงเพลงฮิปฮอปแผดเสียงผ่านลำโพงช่วยปลุกกระตุ้นให้ชาวค่ายยิ่งคึกคัก  ผมพาน้องๆนั่งลงตีตั๋วแถวหน้า เพื่อรอชมการแสดงชุดแรกของกิจกรรมภาคกลางคืน นำแสดงโดยเหล่าพี่เลี้ยงที่เพิ่งซักซ้อมกันแบบได้เพลงคิดท่ากันเดี๋ยวนั้น ไม่มีอะไรมากหรอกครับออกมาเต้นให้พอครึกครื้นสนุกสนาน  ต่อมาเป็นกิจกรรมการแสดงของน้องๆชาวค่าย ที่คิดกันสดๆอีกนั่นแหล่ะ  สลับสับเปลี่ยนไปกับกิจกรรมจากฝ่ายสรรฯทั้งร้องเล่นเต้นรำเอาให้ครบเครื่อง  โดยเฉพาะเกมส์เชื้อโรคแด๊นซ์กระจาย กติกาง่ายแต่แอบทำยากคือตัวเชื้อโรคจะเต้นหาหาเป้าหมายแล้วแตะ  เต้นไปแตะใครคนนั้นต้องเต้นท่าเดียวกันกลับมาเพื่อแตะยังกองไฟเทียมที่จัดไว้กลางวงล้อม ก่อนจะเปลี่ยนท่าแล้วไล่แตะคนอื่นต่อ พวกผมเล่นเส้นสายนิดหน่อย เพื่อให้อาจารย์อันเป็นที่เคารพรักได้ออกมาแค่ขยับเท่ากับออกกำลังกายบ้าง  เพราะอาจารย์เริ่มหุ่นดีมากแล้ว  เอ่อ...หมายถึงหุ่นเป็นรูปตัวดีน่ะครับ  คงนึกภาพออกใช่ไหม  แต่ลูกศิษย์เป็นยังไง อาจารย์ท่านก็ปรับตัวตามได้ครับ ด้วยการเต้นกลับมาแตะซุ้มกองไฟเทียมอย่างว่าง่าย ก่อนส่งสายตามุ่งร้ายมายังเหล่าสต๊าฟAEที่นั่งกันเป็นกระจุก     แล้วเปลี่ยนท่าเต้นมุ่งตรงมาทางเหล่าลูกศิษย์ด้วยความเร็วเกินจะคำนวนได้  ที่สำคัญคือ  อาจารย์สบตาผมด้วยครับ  คงไม่ต้องเดานะครับว่าเกิดอะไรขึ้น  เพราะคงไม่มีคำไหนใช้ได้ดีไปกว่าคำว่าแตกรัง  เหล่าสต๊าฟชาวAEวงแตก!!!วิ่งกันไปคนละทิ้งละทางแม้แต่สภาฯยังต้องเอาชีวิตรอด  สุดท้ายอาจารย์ก็คว้าเหยื่อไปได้หนึ่งคน  เป็นที่สนุสนานเฮฮา กว่าจะจบรอบกองไฟรอบดึก ก็เกือบเที่ยงคืน  



ผมกำลังไล่น้องๆมาอาบน้ำครับ ห้องอาบน้ำชายที่ทางสถาบันจัดให้น้องๆ รวมทั้งเหล่าสตาฟชายทั้งหลายนั้นเป็นห้องอาบน้ำกลางแจ้งสไตล์หรูคลับคล้ายลาร์กูน่าภูเก็ต เพราะนอกจากอาบน้ำชำระกายท่ามกลางสายลมและแสงดาวแล้ว  มียังต้นไม้ใบหญ้าใช้ชมประกอบการอาบอีกด้วย แถมร่มจากธนาคารสีส้มๆให้อีกสามคัน  เผื่อว่าอาบๆอยู่แล้วฝนตก  โดยกันพื้นที่เป็นคอกสูงระดับอก เอ่อ จริงๆน่าจะบอกว่าไม่พ้นอกจะถูกต้องกว่า เพราะมันไม่พ้นอกจริงๆครับ  แล้วด้วยระบบน้ำวนอุ่นวิดจากกาละมังทำให้ได้บรรยากาศไปอีกแบบ    ที่สำคัญคือมันตั้งอยู่ในจุดสนใจเลยทีเดียว  คืออยู่ข้างๆโรงอาหาร  ที่หากใครแวะทานข้าวต้มมื้อดึก  อาจได้ชมภาพการอาบน้ำโครมๆของเหล่าชาวค่าย ดีหน่อยที่จัดเวลาอาบน้ำให้มาอยู่ตอนดึกๆ  ไม่อย่างนั้นพี่ๆร้านซีรอกซ์คงเป็นตากุ้งยิงกันหมด เนื่องจาก  คอกอาบน้ำนั้นตั้งอยู่ใกล้ร้านซีรอกซ์มากชนิดที่เรียกว่าถ้าเข้าไปในร้านซีรอกซ์คงได้ชมภาพหนุ่มน้อยเล่นน้ำแบบริงไซซ์แน่นอน  แต่ที่ร้ายกว่านั้น คืออยู่ใกล้ห้องอาบน้ำหญิงมาก  หลายคนอาจจะคิดว่าดี ซึ่งมันก็อาจจะดีจริงล่ะครับ ถ้าไม่ใช่สภาฯเป็นพี่เลี้ยงที่ควบคุมคิวการเขาอาบน้ำของน้องค่ายฝ่ายหญิง

“อู้วววว  ขาวมากค่ะน้อง  เซ็กซี่”น่าแปลกนะครับที่แทนที่ผู้ชายจะแซวผู้หญิง  กลายเป็นผู้หญิงแซวผู้ชายเสียนี่

“เจ๊ๆซับเลือดค่ะซับเลือด” น้องๆ   ผู้ชายหลายคนหน้าแดงรีบจ้วงอาบแล้วจากไปทันที

“น้องค๊า  พี่ถูหลังให้ไหมคะ?”เสียงหวานปนหื่นจากเหล่าสภาฯทำเอาน้องๆรีบเบียดตัวกันซุกมุมด้านหนึ่งของคอกอาบ ที่ห่างไกลจากรัศมีของเหล่าสภาฯมากที่สุด

“แกก็ไปแซวน้องมัน”ผมท้วงอย่างขำๆ เมื่อเห็นน้องๆมีทีท่าหวาดระแวง

“น้องหันทางนี้นิด  วู้ววววนั่นแหล่ะๆ”มันยังไม่เลิกครับ ไอ้เอี้ยรันย์ก็ขำไปด้วย

“น้องอย่าทำสบู่ตกนะคะ ว๊ายยยยยยย”

“น้องกรีนๆ จะรีบอาบไปไหนค๊าน้อง”ไอ้เขียวมันมาอาบตั้งแต่เมื่อไหร่   เห่อๆ  ตัวขาวๆของมันนุ่งบอกเซอร์อาบน้ำโครมๆ หน้าขาวๆแดงเรื่ออยู่ในเงาต้นไม้บังอุจาด ทีอย่างนี้ล่ะอายนะเอ็ง

“ต้องการคนช่วยอาบไหมน้องกรีน”

“คร๊าบบบบ”มันตอบรับเสียงใสทำให้สภาฯเกรียวกราว

“เอาเป็นพี่เมศได้ไหมอ่ะ? โอ้ย!!!! พี่รันย์ฉีดน้ำใส่หน้าผม!!”ไอ้เขียวกระอักกระไอจากการที่น้ำเข้าทั้งปากทั้งจมูก  ต้นเหตุจากไอ้รันย์ครับ มันเป็นคนคุมสายยางคอยเติมน้ำใส่กาละมังให้น้องอาบ  

“อ้าวหรอ โทษว่ะไม่เห็น”  ผมขำกับหน้าไอ้รันย์ที่นอยด์เต็มที

“หัวเราะชอบใจเชียวนะแก”โม ญ ที่แอบอู้จากการจัดคิวอาบน้ำให้ฝั่งห้องอาบน้ำหญิงยืนเท้าเอวหัวเราะหึหึใส่ผม

“สภาฯชอบมากกว่าละมั้ง”ผมหันไปมองหน้าหนึ่งในสมาชิกสภาฯ  มันยิ้มมีเลศนัยน์ทันที

“เออ”





ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23



เวลาตีหนึ่งครึ่งหลังจากพวกผมไล่น้องเข้านอนกันเป็นที่เรียบร้อยก็ถึงเวลาของเหล่าสต๊าฟที่จะอาบน้ำบ้าง ไม่ต้องห่วงสภาครับ พวกนางสามารถจัดคิวให้น้องค่ายในความรับผิดชอบอาบน้ำเข้านอนได้รวดเร็วกว่าฝ่ายชาย  เลยได้ทำธุระส่วนตัวก่อน  ผมเดินนุ่งผ้าขนหนูแอบย่องๆมาอาบน้ำผ่านทางด้านหลังโรงอาหารอันเป็นมุมลับตาคน รีบอาบแล้วออกมา  มันหวิวครับ อาบน้ำกลางแจ้ง ลมเย็นๆพัดโชยชายไล้ผ่านผิวกาย  จะหนาวเอาง่ายๆถึงจะมีเพื่อนสต๊าฟอาบเป็นเพื่อนอยู่ห้าหกคน   ส่วนไอ้รันย์คาดว่ามันคงอาบเสร็จไปแล้วเนื่องจากไม่เห็นมันในคอกอาบ  ผมรีบนุ่งผ้าเช็ดตัวเดินก้าวยาวๆหวังจะซื้อน้ำมะนาวสักแก้วกินก่อนจะขึ้นไปแต่งตัวต่อข้างบน

“วู้ว  ขาวว้อยไอ้เมศ   ขาวเชียวเมริง”โชคร้ายหน่อยครับที่สภาฯเลือกจะนั่งที่ม้าหินอ่อน ‘ตรง’ กับคอกอาบน้ำพอดี ซึ่งแน่นอนว่าถ้านั่งตรงนี้ไม่ว่าใครมาอาบน้ำสภาฯย่อมสามารถมองเห็นได้

“มานี่ดิ๊”เจ๊ใหญ่  ท่านร้องแห่งสภาฯกวักมือเรียกผมให้เข้าไปหายังโต๊ะที่สภานั่งอยู่  ทั้งที่ผมอยู่ในสภาพเกือบๆจะโป๊

“เฮ้ย อะไร  โป๊อยู่ไม่เอา”

“ทำเป็นเขิน ดูไอ้รันย์ดิ”เมื่อเจ๊ชี้มือ ผมก็ต้องมองตามสีครับ  เห็นไอ้รันย์เดินถือแก้วชามะนาวมาแต่ไกล สภาพมันคล้ายๆผมแต่แย่กว่า เพราะผมนุ่งผ้าขนหนู  แต่ไอ้รันย์นุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียว!!!  ไปยืนชายทุ่งนี่จะเหมาะมาก   แต่จะขัดตาตรงที่หุ่นมันบาดตาบาดใจมากครับ  นี่ล่ะหุ่นที่ผมใฝ่ฝันอยากได้มาตลอด  มองเห็นซิกซ์แพคพอสวยงาม กล้ามเนื้อสมส่วนทุกส่วนสัด  ผิวสีออกทองน่าลูบ 

“ทีมันยังไม่เขินเลย”

“ก็มันหุ่นดีน่ามอง พวกเจ๊ก็มองมันไปสิครับ  ไอ้นี่มันบ้าพวกชอบโชว์ของแปลก”

“อู้ย ซิกซ์แพคแบบนี้เจ๊ชอบ  แต่แกสิผอมแห้งเป็นขี้ก้าง”เจ๊พูดแล้วเบ้ปากเล็กน้อง พอทำให้พึงสังวรณ์ในวังขารตัวเอง

“ขาว บาดตา”โม ญ พูด เรียบๆไอ้รันย์กับโม ญ มีสิ่งที่เหมือนกันนี่ล่ะครับ  ลูกกะตามันหัวเราะยิกๆ แม้ว่าสีหน้ามันจะแทบไม่เปลี่ยนเลย  ผมรู้สึกหน้าร้อนๆ  อย่าที่น้อยครั้งจะเป็น

“หนาว เดี๋ยวแต่งตัวก่อนแล้วค่อยลงมาคุย”

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวก็จะขึ้นแล้วเหมือนกัน”โม ญ พูดพลางดูดน้ำแดงโซดาอึกสุดท้ายเป็นอันว่าพวกสภาฯยกพวกกันขึ้นไปห้องนอนสต๊าฟหญิงชั้นสาม ผ่านทางบันไดหนีไฟ เหลือผมกับไอ้รันย์ที่ห้องอยู่ชั้นสอง ต้องเดินขึ้นบันไดใหญ่ เพราะบันไดหนีไฟสงวนไว้สำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ ด้วยสาเหตุเกี่ยวกับความปลอดภัย

“หนาวว่ะ” ผมพูดกับไอ้รันย์ขณะรอมันดูดชามะนาวให้หมด

“เหนื่อยไหมวะ?”มันถามพลางดูดชามะนาวแล้วเกาพุงไปด้วย

“ก็เหนื่อยแหล่ะแต่มันส์ว่ะ ตกลงโปรเจคเรา ส่งไปตามนั้นเลยนะ  เรนเดอร์ กับดราฟติ้งก็โอเคแล้ว”มันรับคำสั้นๆ พลางมองหมูมองหมาอะไรของมันไปเรื่อย

“คืนนี้ไม่อยากนอนว่ะ”ผมมองหน้ามันตื่นๆ สบตากับดวงตาสีเข้ม ดวงตาคู่นั้นทำให้ผมพูดไม่ออกนอกจาก

“อืม”


ด้วยเหตุนี้เองทำให้หลังเวลาปิดไฟนอน ที่พวกสต๊าฟส่วนใหญ่ หลับเป็นตาย เนื่องจากต้องตื่นก่อนนอนทีหลัง  ผมกับไอ้รันย์เลยย้ายสำมะโนครัวออกมานอกห้อง โดยมานั่งริมระเบียงทางเดินด้านติดกับทางหนีไฟ โดยมีอุปกรณ์ คือ โน้ตบุ๊คหนึ่งเครื่องของรันย์และผ้าห่ม  ไม่หนาวหรอกครับกันยุงกัด  ลมคืนนี้กำลังดียิ่งนั่งตรงบันไดหนีไฟนี่ด้วยแล้วลมเย็นๆพัดมากำลังได้ที่  ไอ้รันย์เอาหูฟังข้างหนึ่งยัดหูผมก่อนจะเอาอีกข้างยัดใส่หูตัวเอง  เสียงเพลงแจ๊ส Fly me to yhe moonทำเอาผมเคลิ้มไปกับบรรยากาศเงียบสงัดของสถาบัน  มีเสียงมอมมี่ นศ.พิเศษสี่ขาที่เหลือสามเห่าบ้างประปราย

“บรรยากาศดีชะมัด ลมกำลังดี เสียอย่างเดียว ยุงจะหาม”มันพูดแล้วผิวปากเป็นทำนองเพลง

“อืม”

“เคยเข้าเวบนี้ไหม?” มันกรอกรหัสไวเลสของสถาบันแล้วเข้าไปเวบๆหนึ่งที่ผมเองก็เคยเข้าอยู่บ้าง  BGสีฟ้าทำให้ผมมองมันด้วยสายตาเซ็กซี่ ฉ่ำเยิ้ม เนื่องจากเริ่มง่วงเต็มที  เสียงฝีเท้าไกลๆทำให้ผมตื่นอีกครั้ง เงาตะคุ่มๆของใครคนหนึ่ง ค่อยเดินฝ่าความมืดเข้ามาหาพวกเราที่นั่งกันอยู่ตรงทางบันไดหนีไฟที่แสงไฟสว่างส่องถึง

“ใครวะนั่น?”

“ไม่รู้สิ” รันย์เปิดไฟล์บางอย่างขึ้นมาอย่างเงียบๆ

“ยังไม่นอนกันอีกหรือ” พี่เจ้าหน้าที่เดินยามถามพวกเราเมื่อปรากฏตัวขึ้นในระยะที่สามารถมองเห็นได้ชัด

“ทำโปรเจคครับ”ไอ้รันย์ตอบแบบเนียนๆ พลางเลื่อนไฟล์คาเตี่ยมาเปิดๆดูทำท่าเหมือนทำงานขึ้นมาทันที

“อืม ระวังพรุ่งนี้จะไม่ไหวล่ะ”พี่เจ้าหน้าที่เดินยามเดินกลับไปตามทางเดินเดิม เหลือเพียงผมและรันย์อีกครั้ง

“กุก็นึกว่าจะไล่ให้เข้านอน” ผมพูดพลางถอนใจหน่อยๆ

“ป๊อดไปได้น่ะเมริง”ดูมันสิครับ อยากทุบมันให้ตายคามือจริงๆ

“นี่ เร็วๆนี้มีงานให้เที่ยวอีกแล้วเว้ย   คราวที่แล้วครอสเพลย์สวยๆเพียบ  เสียดายเมริงไม่ได้ไป...”ไอ้รันย์พูดอะไรไปได้อีกพักหนึ่ง ผมก็เบลอๆเมาดึก  ในที่สุดสติก็ดับวูบ



มือแข็งแรงเลื่อนปลายนิ้วไปมาอย่างคล่องแคล่วสลับกับการกระดิกนิ้วแตะลงบนแป้นเบาๆเพื่อเปิดหน้าเวบอีกหน้าขึ้นมาสลับกัน  พลางพูดชวนคนข้างๆคุยไปด้วย  เพียงไม่นาน น้ำหนักส่วนหนึ่งก็ถูกกดลงบนไหล่แข็งแรงนั้น  เสียงเพลงจากหูฟังดังขึ้นเบาๆ ท่ามกลางความสงัดเงียบของทั่วบริเวณ ดวงตาคมเข้มมองคนหลับพิงคนอื่นแล้วกัดริมฝีปาก  คันไม้คันมือขึ้นมาตะหงิดๆ เมื่อกี้ยังบอกจะอยู่เป็นเพื่อนกันอยู่เลย  พูดอยู่แหมบๆหลับแล้ว   มันน่านัก เสียงเพลงยังคงดังต่อไป ดึงความสนใจกลับไปที่เนื้อความของเพลง


ใกล้ไป ไม่อยากให้ใกล้ไป ยังไม่อยากจะเข้าไป
อยู่ตรงนี้มันคงไม่เป็นไร
ชัดไป ถ้าหากมันชัดไป มันอาจไม่ซึ้งเท่าไหร่
แค่เท่านี้ มันคงไม่มากไป

ขอเข้าไปใกล้เธอทีละน้อย
ค่อยๆ ซึมลงไปในใจ จนเจอรักเธอ

อย่าเพิ่งรู้ว่าฉันนั้นคิดอะไรก็แล้วกัน
ปล่อยให้ฉันได้ฝันได้เพ้อนานๆ อีกซักหน่อย
แค่เท่านี้ก็ดีอยู่แล้วถึงมันจะเลื่อนลอย
อาจเป็นเพียงความฝันน้อยๆ แต่ฉันก็จะคอยต่อไป
ถ้าใกล้กว่านี้ กลัวว่าเธอจะถอยไป
ห่างใจฉันไปไกลไม่กลับมา

ช้าหน่อย ต้องมีระยะหน่อย อาจจะต้องถอยซักหน่อย
แต่แค่ไหน ใจคงไม่เปลี่ยนไป
รักเธอ เพราะว่าอยากรักเธอ และก็ไม่อยากรักเก้อ
ยังไงก็คงไม่เปลี่ยนใจ

ขอเข้าไปใกล้เธอทีละน้อย
ค่อยๆ ซึมลงไปในใจ จนเจอรักเธอ

อย่าเพิ่งรู้ว่าฉันนั้นคิดอะไรก็แล้วกัน
ปล่อยให้ฉันได้ฝันได้เพ้อนานๆ อีกซักหน่อย
แค่เท่านี้ก็ดีอยู่แล้วถึงมันจะเลื่อนลอย
อาจเป็นเพียงความฝันน้อยๆ แต่ฉันก็จะคอยต่อไป
ถ้าใกล้กว่านี้ กลัวว่าเธอจะถอยไป
ห่างใจฉันไปไกลไม่กลับมา


http://www.ijigg.com/jiggPlayer.swf?Autoplay=1&songID=V2BB0G7FPB0


ศรันย์มองหน้าเพื่อนที่หลับสับประหงกจนน่ากลัวว่าคอจะเคล็ดดวงหน้าขาวๆซบลงบนบ่า ดวงตาโตขนตายาวกำลังเล่นเกมส์ซ่อนตาดำอย่างสนุก    ริมฝีปากหยักสวย เหยียดยกขึ้นนิดหนึ่ง  มือแข็งแรงตบเข้าที่ศีรษะอันปกคลุมด้วยเส้นผมสีเข้มนั้นแม้ไม่แรงแต่ได้ยินเสียงดังป๊าบ! เพื่อนรักจึงงัวเงียตื่นขึ้น

“ถ้าง่วงก็ไปนอน น้ำลายยืดเชียวเมริง”

******************************************************************


ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
วิ้ววววววววววววววววววววว มีน้องเขียวโผล่มาด้วย สนุกแน่ๆ

three

  • บุคคลทั่วไป
สู้ๆนะครับผมขอให้หาวยป่วยไวๆนะครับผม o15

ออฟไลน์ fulres

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 594
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1

ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
ไอ้เขียว มันเป็นเด็กสั่งของพี่ว่าง  หึหึหึ  หวังว่ามันจะเป็นที่รักของคนอ่านบ้าง  เพราะสภาฯบอกว่ามันเป็น น้องต๊อด(กิงเร) เวอร์ชั่นเกรียน หึหึหึหึ 

เรื่องป่วยเมศเป็นๆหายๆรอบที่3เเล้วค่ะฤดูนี้ ฮื่อ ....~

ปล.พี่เเป๋มอย่าเเปะบ่อยนะ  เดี๋ยวเขียนไม่ทัน กร๊ากกกก(ซะงั้นเลยวุ้ย)

ปล.(อีกที) ถ้าอ่านเม้นต์เมศไม่รู้เรื่อง เพราะมาเป็นวลีมากกว่าประโยค ต้องขออภัยค่ะ เเบบว่าเบลอๆ



ขอบคุณที่ยังอ่านกันอยู่นะคะ  :a4: :a3: :a10: :a11:  :a1: :a2: :a9:  (ชอบกระต่ายตี่)

titang

  • บุคคลทั่วไป
 :a4:
อย่าหายไปนาน นาน แบบ กิง กับเรย์ นะฮับ :oni2:

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23

เรื่องนี้ไม่ดองแบบกิงเรจ๊ะ แต่มีแนวโน้มว่าจะดองมากกว่า  :m29:

***********************

ตอนที่๖


“เฮ้ย รันย์ กรูว่ากรูจะย้ายหอว่ะ” ผมพูดขึ้นขณะมือกำลังตะไบเหล็กอย่างจริงจังจนเหงื่อไหลซึมตามขมับ

“ทำไม?”เสียงมันถามเรียบ ห้วนกว่าปรกติ ผมละมือจากงานที่ทำวางตะไบหยาบลงอย่างชักไม่ค่อยพอใจ

“ก็สัญญาหอกรูจะหมดแล้ว  ย้ายมาอยู่ใกล้ๆถาบัน จะได้ไม่ต้องเสียงตังค์ค่ารถ ตื่นสายจะได้มาเรียนทัน”ผมพูดเสียงหนัก  เพราะต้องอธิบายให้คนกะโหลกหนาอย่างไอ้รันย์เข้าใจ  ผมก็ไม่เข้าใจว่า โจทย์คิดยากๆมันเข้าใจได้ แต่กับอิแค่ เพื่อนจะย้ายหอ ทำไมมันไม่เข้าใจ

“แล้วเมริงเสียค่ารถตรงไหน จะมากรูก็รับ จะกลับกรูก็ส่ง”

“แล้วเมริงให้กรูออกค่าน้ำมันมั่งป่ะล่ะ” ผมจ้องตามัน   มันรีบหลบตา เพราะรู้คำตอบอกอยู่กับอกว่า ไม่...มันไม่เคยให้ผมออกค่าน้ำมันแม้แต่สตางค์เดียว

“เมริงจะย้ายทำไม  หอเก่าก็สบายดีแล้ว”

“กรูบอกเหตุผลเมริงมารอบที่ล้านได้แล้วมั้ง ไอ้โง่”ผมพูดโดยละม่อม ก่อนจะเลิกสนใจมันหยิบตะไบขึ้นมาอีกครั้งแล้วเริ่มลงมือตะไบงานตัวเองต่อ  แต่ดูเหมือนจะเอาอารมณ์ขุ่นมัวนั้นมาลงกับงานเสียมากกว่า   รันย์มองหน้าผมอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินหนีกลับไปยังโซนทำงานของมัน

“โธ่เว้ย ไอ้เอี้ย!”ผมร้องเสียงหลงเพราะตะไบงานเหล็ก ตะไบไปๆมาๆตะไบเอามือตัวเอง



เราเรียนวิชาปฎิบัติการวิศกรรมกันครับ เป็นวิชาสำหรับฝึกทักษะในการเครื่องมือต่างๆให้มีความรู้ว่า เครื่องมือแต่ละชนิดใช้งานอย่างไร  ทำงานแบบไหนถึงจะได้ชิ้นงานที่สวย  แข็งแรง เหมาะกับงานด้านวิศวกรรม   secของเราแบ่งออกเป็นอีกสามกลุ่มย่อย เพื่อผลัดกันเรียนทักษะงานสามลักษณะต่างกันไป  อย่างที่ผมทำอยู่นี้ เป็นงานประเภท ตะไบ เลื่อย เจาะ ต๊าฟ ไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไรครับ เพื่อนที่เคยเรียนกลุ่มนี้เมื่อก่อนหน้า กว่าจะเปลี่ยนฐานไปเรียนอย่างอื่นก็มือแหกกันไปหลายคน  ส่วนกลุ่มที่เสียดกำลังเรียน เป็น งานประเภท กัด กลึง  และกลุ่มสุดท้ายที่ผมเปลี่ยนออกมา กลายเป็นไอ้รันย์กำลังเรียนอยู่คือกลุ่มงานเชื่อม  หรือเรียกแบบพื้นบ้านว่า ออค 


หลังงานเสร็จ ผมเดินไปหาไอ้รันย์อีกครั้งเพื่อนถามเรื่องซีรอกซ์ชีทเรียน จริงๆแล้วมันควรจะเป็นคนเดินมาหาผมนะครับ เหมือนผมง้อมันยังไงไม่รู้   กลุ่มของมันเลิกเรียนแล้ว  แต่ถ้าใครใคร่อยากจะทำงานต่อก็ทำได้  ผมยังเห็นมันก้มๆเงยๆอยู่แถวบูทเชื่อม แสงขาวสว่างวูบวาบทำให้รู้ว่ามันกำลังทำงานอยู่ ผมจึงหยิบลวดเชื่อติดมือไปให้มันด้วย เพราะรู้ว่าลวดเชื่อมที่ใช้งานมักหมดเร็ว

“อะ ลวดเชื่อม”ผมส่งให้มันพลางเบี่ยงตัวให้ติดกับบูทงานที่ว่างอยู่ที่ด้านขวามือของมัน เพื่อหลีกเลี่ยงการจ้องประกายไฟสว่างจ้า มันอันตรายต่อลูกกะตาครับทุกคน  ไอ้รันย์ยังเฉย ไม่ตอบรับการมาของผมแม้แต่น้อย

“เฮ้ยสนใจกรูหน่อย”ผมเอื้อมมือไปเขย่าไหล่มันจนหัวสั่นหัวคลอน

“เป็นเอี้ยอะไร!” มันตวาดทั้งที่มันยังใส่หน้ากากกระบังหน้ายังปิดกระจกดำทึบ ที่สร้างไว้เพื่อกันแสงจากการออคเหล็ก

“แล้วเมริงล่ะเป็นเอี้ยอะไร”ผมเอามือเคาะๆที่กระบังหน้ามันบ้างก่อนจะเปิดกระจกกระบังหน้าสีดำออก ข้างในเป็นกระจกใส เห็นตามันกระพริบปริบๆ ผมอารมณ์ดีแล้วครับ เป็นพวกโกรธง่ายหายเร็ว

“เปล่า” งอนป่องเป็นปลาทองหัววุ้นเชียวเมริง

“ไอ้หัววุ้น”ผมตบหน้ากากมันเสียงดัง ยิ่งเสียงดังยิ่งไม่ยอมหยุด  มันเลยจับมือผมไว้ 

“วุ้นพ่อเอ็งดิ”

“เฮ้ย พ่อกรูอยู่บ้าน เกี่ยวไร”

“มือเจ็บหรอ? เรียนตะไบทำไมไม่ใส่ถุงมือ”

“จารย์ยังไม่มีให้เบิก  ต้องรออาทิตย์หน้า  ไม่ได้เจ็บไรขนาดนั้นเมริงทำเป็นเว่อร์”

“ไปล้างมือซะ เดี๋ยวบาดทะยักแด๊กซ์”ผมพยักหน้าเออๆออๆไปกับมัน มันเลยไล่ผมไปล้างมือที่อ่างล้างมือข้างๆชอป ก่อนจะใช้คีมคีบชิ้นงานมันไปวางในอ่างน้ำแล้วเปิดน้ำใส่

“เออ แล้วเมริงซีชีทเรียนยัง?”

“ซีแล้วอยู่ในกระเป๋า”ผมมองชิ้นงานที่ส่งเสียงฉู่ฉ่าอย่างของร้อนโดนน้ำ ไอน้ำกระจายเป็นไอเหนืออ่าง

“เรื่องย้ายหอเอาจริงหรอ?” มันถามผมด้วยสีหน้าจริงจัง

“อืม”

“ไม่เอาไม่ให้ย้าย!!”อยู่ๆมันก็เสียงดัง เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้นมา  ใครเหยียบหางเมริง สาด...

“ก็กรูจะย้าย เมริงพูดไม่รู้เรื่องนี่หว่า กรูจ่ายตังค์ที่ใหม่ไปแล้ว”มันคว้าตัวผมเขย่าบ้าง ไม่แรงมากหรอกครับ แต่เซๆ

“ทำไมจะทำอะไรไม่ปรึกษา”มันทำเสียงเหี้ยม คิกว่ากรูกลัวเมริงงั้นหรอ

“ปรึกษาทำไม คนจ่ายตังค์มันพ่อกรูนะเว้ย คนอยู่ก็กรู เมริงกลับไปนอนบ้านเลยไป”

“ทำไม กรูไม่เข้าใจ เรื่องแบบนี้ทำไมไม่ปรึกษากรู”

“ก็กรูเบื่อ รำคาญ”

“พูดให้ดีๆนะเมริง”ไอ้รันย์ออกอาการตาขวาง เริ่มคาดโทษแล้วครับ

“ก็เมริงน่ะ นิสัยเสีย สันดานหมา  ชอบดูบอลอดนอนตื่นสาย ชอบนอนกรน  เวลาขับรถก็ปากบอนโวยวาย”

“เฮ้ย อะไรกันวะ สามีภรรยาทะเลาะกันว่ะ”เสียงอย่างนี้ๆจะใครละครับ สภาฯ พวกนางรู้ทุกเรื่องให้ตายสิ  ไอ้รันย์มองผมด้วยสายตาตัดพ้อ ก่อนจะเดินสวนกับเหล่าสภาฯสามสาวกลับเข้าไปในชอป เก็บอุปกรณ์โครมครามปึงปังก่อนจะเดินเบียดพวกผมตรงดิ่งไปที่รถ แล้วสตาร์ทออกไปเลย

“ทะเลาะไรกันวะ ท่าทางมันโมโหจริงนะเนี่ย”โม ญ ถาม มันคงห่วงผมเหมือนกันเลยถามอย่างนี้

“เรื่องย้ายหอ”

“ไม่ง้อคุณสามีซะล่ะ เดี๋ยวงอนหนีไปมีน้อยแล้วจะน้ำตาเช็ดหัวเข่า”สามสาวสภาฯหัวเราะก่อนจะตบไหล่ผมสองสามทีแล้วเดินกลับเข้าไปในชอป ให้มันได้งี้ดิวะ....


            

หลังจากวันที่ทะเลาะกับหมาบ้ารันย์แล้ว ผมก็ยังคงดำเนินการเรื่องการย้ายหอต่อไป วันๆมันแทบไม่มองหน้าผมเลย  แม้ผมจะพยายามง้อมันด้วยของกินก็แล้ว หนังสือโป้ก็แล้ว  หรืออะไรก็ตามที่พอจะนึกออกว่ามันน่าจะง้อสำเร็จ แต่ก็ยังไม่มีเค้าว่าจะง้อมันได้  มันใจแข็งหรือบ้าผมก็ไม่แน่ใจ  ไอ้เชรี่ยนี่นิ....  ตอนนี้ผมอ่อนใจจะง้อมันแล้ว  แล้วอย่ามาง้อกรูล่ะ แต่จะว่าไปวันนั้นผมก็พูดค่อนข้างแรงทีเดียว  แม้จะเป็นนิสัยจริงของมัน เรื่องชอบโวยวายปากบอน กับเรื่องดูบอลตื่นสาย  แต่ถึงจะตื่นสาย ก็สายทั้งคู่ล่ะครับ ทั้งมันทั้งผม

“ล้าง”มันพูดสั้นๆแล้วส่งหลอดทดลองให้แทบไม่มองหน้าผมเลย ขณะที่เรากำลังทำการทดลองของวิชาปฎิบัติการเคมี   

“ไม่”มันสั้นผมก็สั้นบ้างสิครับ

“ไอ้เสียด เมริงล้าง”มันโบ้ยให้ไอ้เสียดเฉยเลย 

“ไม่ว่างเว้ย เมริงเห็นไหมกรูกำลังทำอะไร”  ไอ้เสียดกำลังปิเปตดูดสารจากขวดแก้วสีชาขึ้นมาเพื่อปริมาตรที่ถูกต้องในการทดลอง

“งั้นกองไว้”

“กรูล้างเอง” ในที่สุดผมก็อารนทนไม่ไหมต้องเอาออกไปล้างเอง

“พวกเมริงเป็นไรวะ เห็นไม่พูดกันมาหลายวันและ”

“นอยด์ อย่ามาถามกรู”

“เรื่องไอ้เมศมันย้ายหออ่ะดิ  พวกเมริงเนี่ยนะ ทำอย่างกับเป็นแฟนกัน มันจะย้ายหอก็ย้ายไปดิ เกี่ยวไรกะเมริง  ดีเสียอีกมันย้ายมานอนใกล้ๆถาบัน วันไหนมีเรียนครึ่งวันจะได้ไม่ต้องรีบกลับ ไปนอนเล่นหอมันก็ยังได้”เสียดพูดพลางปิดฝากรวยสกัด

“แล้วกรูจะอยู่กับใคร”

“โธ่ เพื่อนกรู”เสียดอุทานอย่างอนาถใจ

“อยู่กับใครก็อยู่กับหัวใจตัวเองไง”เจ๊ใหญ่แห่งสภาฯควบตำแหน่งรองประธานสภาฯแทรกขึ้น ไม่มีใครเห็นว่าผู้หญิงคนนี้เข้ามาได้อย่างไร และตอนไหน  แน่นอนว่าพกลิ่วล้อในการทำแลบมาด้วย พอดีกับที่ผมเดินกลับเข้ามาพร้อมหลอดทดลองที่ล้างเสร็จแล้ว

“เฮ้ยเมศ พรุ่งนี้อย่างลืมเอาของมาคืนนะ” เจ๊ใหญ่พูดแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย

“คืนไร ไม่ได้ยืมอะไรไปเสียหน่อย”

“เฮ้ย ยืมไปแล้วลืมได้ไง”

“ต้องคืนอะไรล่ะ?”

“คืนใจ ฮี๊ววววว~”เสียงเคล้งกับเสียงไอคอกแคกจากไอรันย์ที่กำลังเทสารเคมีภายในกล่องดูดอากาศทำให้ทุกคนหันไปมอง

“เป็นไรวะ อะไรติดคอ?”เสียดถามขึ้นเปิดโอกาสให้เหล่าสภาฯเข้าเสียบแย่งลูก

“ก้างใจติดคอ ว๊าย~”  หึหึหึ  เอากะมันสิครับ  ไอ้พวกนี้นี่  มันไม่เลือกทั้งวาระและโอกาส ขอให้มีช่องเป็นต้องเสียบปรื๊ดเสียบปรี๊ด

“แกย้ายเข้าหอใหม่แล้วใช่มะ?”โม ญ ถามอย่างปรารถนาดี

“อืม”

“น่าอยู่ไหม?”

“ก็สวยดี ตกแต่งสไตล์ บาซิล เอ๊ะ บาซู เอ๊อ...บาหลี”

“สไตล์ไหนแน่แก  ฉันจะได้เกี่ยวขากันถูก”โม ญ ถามกวนๆพลางทำท่าล้อๆ เหมือนวงดังเมื่อสมัยสิบกว่าปีที่แล้ว  ดักอายุกันอีกต่างหาก

“บาหลีๆ”

“อืม ได้ข่าวว่าผู้ดูแลน่าร๊ากกกกก น่าเจี๊ยะ”เจ๊ใหญ่ถามอย่างใคร่รู้

“อืม”เสียงก้องแก้งจากเครื่องแก้วที่ใช้ทดลองดังกว่าปรกติ

“ถ้ามันแตกเมริงจ่าย”ผมบอกดินบอกฟ้าอย่างนอยด์ๆ

“ยังงอนกันอยู่อีกหรอ ไอ้สามีภรรยาคู่นี้ หึหึหึหึ”สภาฯหัวเราะ ก่อนจะกลับไปสนใจทำการทดลองของตัวเองต่อ ผมสิครับถอนใจดังเฮ้อ~



คาบแคลคูลัส๒วิชาที่ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะผ่านมาเรียนวิชานี้ได้ เนื่องจากเทอมที่แล้วทรมานทรกรรมกับมันมาสาหัส ตอนนี้ก็ทรมานครับ  ทรมานกับการต่อสู้กับความง่วง  อาจารย์ที่เปลี่ยนไปทำให้สไตล์การสอนเปลี่ยน  นักศึกษาอย่างผมก็เปลี่ยนครับ  เปลี่ยนท่านอน  ผมฟุบหน้ากับโต๊ะกำลังกรึ่มๆจากความง่วงอย่างได้ที่  บางทีเขาของผมอาจจะยาวมากจนแทงคนข้างหน้า เลยได้ยินเสียงเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างหน้าคุยกันเบาๆ

“....เอาไหม?”เสียงคนที่นั่งข้างหน้าผมถาม  เสียงนั้นเป็นเสียงผู้ชายแน่นอนครับ

“เอาสิ” เสียงตอบก็เป็นผ้ชายคร๊าบบบบบ~  มันจะเอาอะไรวะนั่น คงไม่ใช่....

“เอาอะไรวะ?”เสียงโม ญ ถาม  ทำให้ผมยิ้ม พวกสภาฯ เดี๋ยวนี้ไม่ได้ราวีแค่ผมกับไอ้รันย์นะครับ ตอนนี้มันลามไปทั่วถึง  ตอนนี้ทั้งsecตกเป็นเหยื่อของสภาฯแล้ว กำลังขยายผลข้ามsec คนไหนหน้าตาดีหน่อยจะถูกทะโลมวันละเล็กละน้อยให้พอชื่นใจ

“เฮ้ย อะไร”เหยื่อรายล่าสุดรีบปัดป้อง  ปัดไปเหอะเมริงไม่พ้นตัวหรอก

“โม ช  กับมีทปี้จะนัดกันไปไหนหรอ หึหึหึ” เสียงเพลงคนดี24ชั่วโมง เคลิ้มสมาคม ดังลั่นห้อง มือถือของผมกำลัครวญเพลงท่อนฮุคพลางสั่นแกรกๆอยู่บนโต๊ะ  ผมรีบคว้ามันมากดรับแล้วแนบหู แทบไม่ต้องดูเลยครับว่าใครโทรมา  ไอ้เขียวน้องร๊ากกกก~นี่เอง(เพื่อการออกเสียงที่ถูกต้องเป็นการสมควรอย่างยิ่งที่จะออกเสียงยาวเท่าที่จะทำได้ครับ)

“ว่าไงวะ ไอ้เขียว”

“พี่เมศเรียนอยู่หรอ งั้นเดี๋ยวโทรไปใหม่” ไอ้เขียวเป็นคนดีวุ้ย หวังดีอยากให้เรียนหนังสือหนังหา

“ไม่ต้องๆ เดี๋ยวออกไปคุยข้างนอก” ผมลุกขึ้น ก่อนจะย่องๆออกทางประตูหลังห้อง  ไปยืนอยู่ที่ระเบียงหน้าห้องมุมในสุดของชั้นสาม  ลมฤดูหนาวที่อุ่นผิดปรกติพักเบาๆ ให้ความรู้สึกสบายๆ

“เออ  ออกมาแล้ว”

“พี่ มองมาข้างล่างดิ”

“ทำไม?”

“มาสมัครแล้วนะ” ผมมองลงข้างล่างไปแถวห้องทะเบียน  ที่ๆน้องๆจะต้องมายื่นใบสมัคร

“เออ  เห็นแล้ว”ผมโบกมือให้มันพลางยิ้ม  ดีใจครับที่น้องๆสนใจที่นี่  เสียงประตูปิดจากด้านหลังแสดงว่าคงมีอีกหลายคนที่เบื่อเรียนเกินจะทนเหมือนผม

“ขี้โม้ชิบ”เสียงคุ้นๆเข้ามาพูดใกล้ๆหูที่กำลังฟังเสียงที่ปลายสายจากโทรศัพท์มือถือ เหมือนจงใจให้เสียงดังลอดเข้าไปในมือถือ  ผมหันไปอย่างเคืองๆ

“ไปขี้เลยไป เอี้ยรันย์” ผมไล่มัน มันเลยยยักไหล่อย่างเสียมิได้ ก่อนจะเดินไปตามทางเดิน ตรงไปห้องน้ำ  แต่ดูเหมือนมันจะเห็นอะไรเบื้องล่าง

“อ้าวพี่รันย์”เสียงไอ้เขียวทัก แล้วยกมือไหว้  ไอ้รันย์คจะยิ้มเหี้ยมให้มุมปาก 

“พี่รันย์เป็นไรป่ะ ทำหน้าอย่างกะจะถีบผม”

“ไม่รู้แม่ง  สมัครแล้วเหลืออะไรอีก  สอบใช่ป่ะ?

“ครับ ผมอยากได้ทุน1เลยแหล่ะ จะได้ไม่ต้องเสียตังค์ค่าเรียนเยอะ”

“เออ พี่แกมันโง่  มันเด็กไม่มีทุน” เสียงที่ปลายสายหัวเราะ ก่อนจะได้ยินเสียงกุกกักๆ

“อ้าวเฮ้ย  ทำไรวะ กุกกักๆอยู่นั่น”ที่ปลายสายยังไม่ตอบ  ผมเลยมองกลับลงไปข้างล่าง ไอ้เขียวไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว

“เฮ้ย เมศ กรูขอโทษ”เสียงแปลกๆทุ้มน่าฟังกว่าเสียงไอ้เขียว ที่ปลายสายหยุด เป็นเสียงน่าสงสัยว่าเสียงใคร แม้จะคุ้ยหู

“ห๊ะ  ว่าไรนะไอ้เขียว?”

“กรูไอ้รันย์  กรูขอโทษเมริง ได้ยินไหม ไอ้งั่ว”เสียงนั้นเหมือนตะโกน  ผมรีบกระชากโทรศัพท์ออกจากหู  ขี้หูแทบเต้นเป็นจังหวะชาลาล่า

“เออ  ขอโทษกรูแต่แรกก็จบแล้ว  ไอ้งั่ง”ผมตัดสายมันเลย  สายลมยังคงพัดอ่อนๆ เช่นเคย  ผมสูดลมหายใจเข้าช้าๆ แล้วผ่อนออกเบาๆ มองท้องฟ้าหน้าหนาวที่ไร้เมฆ  บางทีตั้งใจเรียนแคลคูลัสเสียบ้างก็ท่าจะดี



หลังเลิกเรียน ผมพาไอ้รันย์เดินจากสถาบันไปยังหอใหม่ของผม  แม้จะตั้งติดกับซอยแหล่งเริงรมย์ยามค่ำคืน  แต่ตัวหอพักเองก็ดูสวยงามดี  ระบบรักษาความปลอดภัยก็น่าอยู่  ที่สำคัญคือมีร้านสะดวกซื้อหน้าปากซอย  ข้างซ้ายของซอยเป็นร้านข้าวขาหมู กับร้านข้าวมันไก่ ข้างขวาเป็นร้านขายยา  ฝั่งตรงข้ามก็มีของกินอีก  ว่าง่ายๆคือยังไงก็ไม่อดตาย  แถมใกล้สถาบัน เหมาะแก่การวิ่งไปเรียนยิ่งนัก

“เออ  เข้าใจเลือกหอว่ะเมริง”ไอ้รันย์ออกอุทานทันทีที่มันเห็นหอสไตล์บาหลีของผม

“อือ  เดี๋ยวเข้าไปในห้องจะยิ่งกว่านี้อีก โดยเฉพาะส้วม” ผมพูดติดตลกพลางเอาคีย์การ์ดแตะเพื่กดลิฟท์

“หอนี้มีอาจารย์อยู่ด้วยหรอ?”มันถามอย่างตื่นเต้นที่ได้ขึ้นห้องใหม่ผม

“อืม  แล้วก็พวกITน่ะ” ทันทีที่ลิฟ์ส่งเสียงดังกิ๊ง ถึงชั้นที่กด รันย์รีบรุนหลังผมให้พาไปห้องทันที

“ห้องเบอร์อะไร?”

“403”

“ไม่ตัดขาดจากเลข4เลยนะ”

“แน่นอนว่ะ เลข4เป้ฯเลขที่กรูเกลียดรองจากเลข9”ผมไขห้องเปิดให้มันเข้าไปก่อน แม้ห้องภายในจะแคบกว่าหอเก่าเป็นเท่าตัว แต่แลดูน่าอยู่

“นี่ส้วมกรู พราวลี่พรีเซนโตะ”ผีญี่ปุ่นเข้าสิงแล้วครับ ผมพามันไปสำรวจส้วม พลางเปิดประตูอย่างมั่นใจ

“ลิงสีดำ  เออ....สวยวุ้ย”ผมหันไปตามสายตามัน ลิงน้อยสีดำขาเว้าสูงตัวเก่งแขวนไว้หรา

“อ้าวเช้ดดดดด...”ผมรีบตะครุบลิงน้อยไปยัดไว้ในตู้เสื้อผ้าแทบไม่ทันครับ  ทำไงได้ล่ะครับผมเป็นคนหน้าบาง

“เมริงนี่”ผมหันไปจะด่ามัน

“ห้องน้ำสวยดีว่ะ ท่าทางน่าสบาย ไหนเอาคอมมาเปิดดิ๊”อ้าวเฮ้ย ตรูจะอวดห้องน้ำ ไม่ใช่ให้เอ็งเปิดคอม

“น้องปูอยู่ที่โต๊ะ”ผมชี้ๆไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง ที่ไม่มีเครื่องเเป้งสักชิ้น  มีแต่โน้ตบุ๊ค หรือน้องปูสุดเลิฟและพจมานคนสวยมันคือเมาซ์ของผม ตั้งอย่างสงบ ไอ้รันย์เปิดคอมเล่นหน้าตาเฉย

“เน็ตแรงว่ะ”ผมไม่รู้จะทำอะไรเลยคลานไปนอนบนเตียงทั้งชุดนักศึกษา เอาหมอนเล็กหมอนน้อยมาหนุนให้สูงได้ระดับ  ได้ยินเสียงตอบรับจากโปรแกรมสื่อสารหลายครั้ง  จนชักเคลิ้มๆ  เสียงมันคลิกๆอยู่หลายทีก่อนเพลงคุ้นหูจากน้องปูจะดังขึ้น

“เคลิ้มสมาคม เมริงเป็นสมาชิกอ่ะดิ”มันถามเบาๆ เตียงยุบลงตามน้ำหนักไอ้รันย์

“ฮื่อ..เปิดเบาๆเดี๋ยวข้างห้องด่า”ผมขานรับแบบกรึ่มๆง่วงๆ มันคุ้ยกองหมอนได้ตุ๊กตากระต่ายเน่า สมนาคุณจากคุณหญิงแม่ที่กลัวลูกรักเอาหัวกระแทกขอบเตียง สภาพกระต่ายเน่าอย่าให้พูดเลยครับ  มันผ่านศึกมามากจากการกอดรักฟัดเหวี่ยงของทั้งผมและคนในครอบครัว ขนสีชมพูนั้นเริ่มมอเต็มที แต่กลิ่นยังมาดามหอมชื่นใจอยู่ครับ ผมยืนยันได้เพราะนอนกอดมันอยู่ทุกคืน นอกจากมันกอดมันส์มือแล้วนั้นยังเป็นหมอนหนุนหลังที่มีประสิทธิภาพสูงสุดด้วย แก้อาการปวดหลังได้ชะงัด

“ไอ้กระต่ายเน่านี่ กรูกอดแล้วจะเป็นแบบพี่บิ๊กหรือเปล่าวะ?”ไอ้รันย์พูดพลางเอาหูกระต่ายเน่ามัดเข้าด้วยกัน แถมพิสูจน์กลิ่นเสียด้วย

“เมริงนี่มีตาหามีแววไม่ นั่นสมนาคุณจากหญิงแม่เลยนะเว้ย”

“กลิ่นยังพอไหวว่ะ”

“เห็นมันมอมแมมอย่างนี้ ก็รักสะอาดนะเว้ย แค่สี....เพี้ยนๆไปหน่อย”มันพลิกตัวนอนตะแคง แล้วกอดกระต่ายเน่าไว้ด้วย

“เออ...ถึงกรูปากบอนขี้โวยวาย ชอบดูบอลนอนดึกตื่นสาย แต่กรูจริงใจนะว้อย”มันยักคิ้วหลิ่วตาให้ แหมเมริง มันน่าถีบ ผมเลยเอากีบเท้าถีบมันย้ำๆหลายๆที

“หมั่นไส้ว่ะเมริง” เสียงเพลงเคลิ้มสมาคมมาถึงท่อนฮุค เสียงไอ้รันย์ก็แทรกขึ้น

“ใครจะไปดี ได้ทุกชั่วโมง   ก็เรามันคนไม่ใช่ละครทีวี อยู่ที่มุมมองเลือกมองที่ด้านดี ถ้าเธอมีใจให้ใครคนดี เรื่องแค่นี้ก็น่าจะมองข้ามไป” มันร้องเพลงแล้วยิ้มให้  ผมเองก็ยิ้มกับมันด้วย 

“สันดานชั่วๆคงมีใครเอาทำพันธุ์หรอก”

“ไม่แน่หรอก” เสียงทุบกำแพงห้องฝั่งปลายเตียงทำเอาผมรีบลุกพรวดขึ้น รีบกระโดดข้ามไอ้รันย์ไปหรี่เสียงเพลงให้เบาลงด้วยกลัวว่าข้างห้องจะรำคาญ ก่อนเสียงทุบประตูแรงๆจะดังขึ้น

“เอาแล้วไอ้รันย์ กรูบอกให้เปิดเบาๆ” ผมรีบปัดผมให้เข้าทรงก่อนจะส่องตาแมว  แต่ไม่มีใครอยู่หน้าประตูครับ  ผมเลยตัดสินใจลองเสี่ยงเปิดประตูดู   ผมเปิดประตูแล้วถึงกับอึ้ง  เพื่อนสาวหน้าตาคุ้นเคยยืนยิ้มเผล่ให้ผม  คุ้นเกินไปแล้ว!!

“แหม ผนังห้องไม่หนาไม่บางไปเนอะ กำลังดีเลย เสียงห้องแกถึงห้องฉันเลยว่ะ” คุณพระช่วย โอ้ววว...หม่ายก๊อด ไอ้นี่มัน โม ญ!!

“ยินดีที่ได้ตามมาจิกกัด ห้องข้างๆกัน มีไรเรียกได้นะ 402ประตูแทบติดกัน” ผมอึ้งเอ๋อ อยู่หน้าห้อง ในขณะที่โม ญ เปิดประตูห้องตัวเองที่อยู่ข้างห้องผมต่อหน้าต่อตา

“อ่อ....อย่างเสียงดังนักล่ะ  จะร้องอะไรก็เบาๆหน่อย  ห้องข้างๆแกเป็นIT”มันพูดก่อนจะปิดประตูลงกลอนห้องตัวเอง

“ใครวะ?”ไอ้รันย์มันลุกมาชะโงกตรงประตูบ้าง ผมหันไปมองมันแบบอึ้งๆ  รู้สึกปากคอมันตีบตัน นี่ผมยังไม่หลุดจากวังวนของสภาฯใช่ไหม

“เฮ้ยใคร....?”

“โม ญ”

*****************************************



ออฟไลน์ astral

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-5

ออฟไลน์ Turn_righT

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 492
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
 :m20: :m20: เอิ้กๆๆๆ 

โม ญ ตามมาให้ได้ฮา  สภาฯจงเจริญญญ....ฮิ้ววว  :mc4:


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด