https://www.youtube.com/v/S-mNRHmO2ek [XIV]แสงแห่งแรกอรุณที่สาดส่องเข้ามาภายในห้องที่มืดมิด ทำให้คนที่นอนหลับอยู่ต้องพลิกตัวดึงผ้าห่มขึ้นมาซุกหน้าชิดลงอย่างเกียจคร้าน ฝ่ามือขาวถูกยกขึ้นมาบดบังไอแดดที่เริ่มเข้ามาลามเลีย
“อื้อ..” แคปพึมพำหงุดหงิดหรี่ตาขึ้นโต้แสง ทนไม่ไหวต้องรีบหลับลงอย่างเร็ว ปกติแล้วห้องเขาช่วงดึกจะปิดม่านเอาไว้นี่หว่า น่าโมโหจริงเชียว ทำไมจู่ ๆ ผ้าม่านถึงได้เปิดอ้าออกขนาดนี้วะ เขามุดหัวซุกลงไปอีก บอกตัวเองว่าจะนอนต่อได้อีกนิดหน่อย แสงแดดแบบนี้คิดว่าน่าจะยังเช้าอยู่มาก
แกร๊กกกก~
เสียงบานประตูเปิดออก ปอก้าวเข้ามายืนค้างอยู่ที่นั่นครู่นึงก่อนเดินเข้ามานั่งลงที่เตียง “แคป ตื่นยังวะมึง” เขาเขย่าเรียกคนที่อยู่ใต้ผ้าห่มนวมสีขาวผืนโต ดึงไอ้ผ้าผืนยักษ์ออกแล้วสอดมือเข้าไปวัดไข้ที่ซอกคอ
“หายแล้วนี่ หิวไหม..” เขาก้มลงถามแต่แคปไม่สนใจตอบ ดึงผ้าห่มตัวเองกลับคืนซุกตัวลงยิ่งกว่าเก่า ส่งเสียงอืออาขัดใจ บอกจะนอนท่าเดียว
“อย่ามาลีลากูรู้มึงตื่นแล้ว ขี้เกียจอ่ะดิ ลุกๆ”
“ไม่เอา กูม่วงอ่ะ” คนนอนพึมพำทำเสียงพูดไม่ค่อยชัด ปอจึงแกล้งกระชากหมอนออกจากหัว แล้วเอาหมอนใหญ่ใบนั้นกดลงที่หน้าแคปแทน
“อื้ออออ” แคปพลิกตัวหลบบอกไม่ให้ทำ ก่อนมุดเข้าผ้าห่มอีกครั้งปอรีบดึงออก คราวนี้เหลือแต่ลูกกะตากลมๆโผล่ออกมา เขานั่งหัวเราะเพราะแคปแกล้งกลอกตาเหลือกๆใส่
“ตื่นได้แล้ว”
“กูตื่นแล้วเหี้ย” แคปพูดหงุดหงิด
“แฟนมึงไปไหนแล้วอ่ะ มันกลับแล้วดิ?” ปอเลิกคิ้วสูงถามหาเอส แคปสะดุ้งโหยงลุกนั่งขึ้นเลยทันที
“เฮ้ย! จริงดิ่?” แคปถามหน้าตื่น ๆ เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเอสมานอนอยู่ที่นี่ด้วย
“แล้วมันหายหัวไปไหนวะ หรือว่ากูฝัน บ้าน่าใครจะไปฝันถึงไอ้บ้านั่น มันมาจริงป่ะวะนี่ถ้ากูฝันนะโคตรเป็นตุเป็นตะเลยอ่ะ..”
“แล้วมึงฝันว่ายังไงบ้างล่ะ..” ปอหรี่ตาแกล้งหลอกถาม แคปที่กำลังจะอ้าปากตอบเรื่องลับๆบนเตียงกลับสะกิดใจขึ้นก่อนโบกกะบาลเพื่อนรับโชคตั้งแต่เช้าตรู่
“มือหนักเป็นบ้า”
“แล้วมึงถามเห้ไรล่ะ”
“ก็แค่อยากรู้ว่ามันออกไปน่ะ ได้บอกมึงป่ะ”
“มันออกไป? มึงเห็นเหรอ”
“อือ เห็นรีบร้อนลุกออกไปตั้งแต่เช้าโน่น กูถามอะไรก็ไม่ตอบเดินหัวยุ่งออกจากห้องไป กูก็คิดว่ามันบอกมึงแล้วนะ”
“บอกเหี้ยไรล่ะ ช่างหัวมันดิ มันจะไปที่ไหนช่างมันเหอะ ปล่อยกูอยู่เป็นอิสระแบบนี้ดีที่สุด ทางที่ดีอย่าได้กลับมาห้องเราอีกก็พอ..” แคปอดไม่ได้ที่จะนึกไปว่าเอสมันรีบร้อนไปที่ไหนแต่เช้า เมื่อคืนเพื่อนมันเมามากยิ่งกว่าเขาซะอีก มันโผล่หัวมาหาเขาตอนดึกๆแสดงว่าทิ้งทางนั้นมาเลย ป่านนี้คงจะกลับไปดูแลกัน เห่อะ ยิ่งคิดยิ่งเหมือนตัวเองบ้า ไร้สาระฉิบหาย ทำตัวอย่างกับพวกผู้หญิงคิดเล็กคิดน้อยทำไมวะเรื่องของคนอื่น มันจะไปที่ไหนเรื่องของมันสิ จะไปสนหัวมันทำไม
“ฮึ่ยยยยย!!” แคปขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิดเพราะไม่ได้ดั่งใจกับความนึกคิดของตัวเอง
“เป็นไรของมึง หายแล้วก็ลุกไปล้างหน้าล้างตา เดี๋ยวกูไปดูของในครัวให้ก่อน มึงอยากกินอะไรค่อยออกไปบอกละกัน..” ปอมองคนที่ขยี้หัวอย่างงงๆ เขาดึงแขนเพื่อนบอกให้ลุกขึ้นไปล้างหน้า แคปเดินไปคว้าเอาผ้าเช็ดตัวมาคลุมหัวไว้แล้วเดินตัวแข็งเหมือนผีดิบบอกจะรีบออกไปให้ไปเตรียมอาหารไว้ได้เลย
“หิวอ่ะสิ ยังจะเล่นอีกนะมึง”
“มากอ่ะ”
ปอพยักหน้าบอกรู้ ก็เมื่อคืนใครล่ะที่อ้วกจนหมดพุงแบบนั้น ตื่นมาไม่หิวก็แปลกแล้ว “งั้นก็รีบหน่อย”
“อือๆ” เสียงตอบรับดังขึ้นจากนั้นประตูห้องน้ำก็ปิดดังปัง ปอส่ายหัวเดินไปรื้อผ้าห่มคลุมลงที่เตียง กับแคปน่ะถึงจะอายุเท่ากันแต่เขาดูแลมันมาตั้งแต่ประถมแล้ว เพราะงั้นตั้งแต่ย้ายมาแชร์ห้องอยู่ด้วยกันสิ่งหนึ่งที่เขาจะทำให้มันเสมอก็คือ อาหารและที่นอน
“บ้าฉิบ มึงมีแฟนเป็นตัวเป็นตนขนาดนี้กูยังต้องมาเก็บมาปูที่นอนให้มึงอยู่เลยเหรอวะเนี่ย หึ...” ถึงปากจะบ่นแต่เขาก็เต็มใจทำให้มันอยู่ดี
.
.
ก๊อกๆ ๆ ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงเคาะรัวดังขึ้นที่ประตูเล่นเอาคนนอนหลับเป็นตายต้องงัวเงียตื่น
“อื้อออ มาแล้วๆ ใครวะโฮ้ย!” เมี่ยงสบถหัวเสียพลางเดินสะโหลสะเหลไปกระชากบานประตูออก
“มาไรแต่เช้าวะแม่ง..” พอมองเห็นว่าคนที่ยืนอยู่หน้าห้องเป็นใครเขาก็บ่นพึมพำ หันหลังเดินกลับมาทำท่าจะล้มตัวนอน คนตัวสูงดึงแขนเล็กเอาไว้
“เช้าเหี้ยมึงดิ ตื่นได้แล้ว ลุก!”
“อื้ออ” เมี่ยงจะนอนลง แต่อีกผ่ายยังไม่ยอม
“จะนอนทำไมอีกวะลุกเหอะ ไอ้บุ้งมันรออยู่ข้างล่างรีบอาบน้ำเร็วเข้า ไปๆ”
“ไอ้บุ้งก็มาเหรอวะ?”
“ก็มาสิ มันบอกขี้เกียจขึ้นมาให้กูขึ้นมาเอามึงลงไปไง”
“แล้วจะพากูไปไหนอ่ะ วันนี้ไม่มีเรียนนี่หว่า กวนกูจริงเลยนะพวกมึงเนี่ย”
“เออไม่มีเรียนหรอก แต่นัดรุ่นพี่ไว้เรื่องแบบโครงงานมึงอย่าบอกนะว่าลืม”
“ลืมที่ไหนเล่า”
“แล้วทำหน้าเหี้ยไรแบบนั้น..” มือใหญ่ผลักหัวเล็กเบา ๆ “กูปลุกแค่นี้ต้องเศร้าขนาดนั้นเลย? ทำหน้าให้มันดีๆไอ้เตี้ย..”
“จิ๊!”
“เป็นไรของมึงวะ” เพราะเมี่ยงก้มหน้านิ่งๆเขาเลยก้มลงไปถามดู “เป็นไร?”
“เปล่า”
“งั้นก็ลุกไปอาบน้ำไป เดี๋ยวพาไปกินข้าว”
“อือ..” เมี่ยงตวัดผ้าห่มออกก่อนลุกไปคว้าเอาผ้าเช็ดตัวมาพาดใส่บ่าเหลือบมองคนตัวโตที่ยืนกอดอกมองเขาอยู่ ห้องของเขาเป็นอพาร์ทเม้นท์เล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก ห้องขนาดเล็กที่เปิดเข้ามาด้านในจะเจอเตียงนอนเลย เดินต่อเข้าไปอีกแค่ไม่กี่ก้าว จะมีระเบียงแคบๆซึ่งที่ตากผ้ากับห้องอาบน้ำจะอยู่ที่นั่น คนตัวสูงจัดการเก็บที่นอนพับผ้าห่มให้จนเรียบร้อย รอเพื่อนตัวเล็กอาบน้ำจนเสร็จ
“เมื่อคืนทำไมไอ้เอสมันไม่ค้างที่นี่กับมึงวะ..” คำถามนี้ทำเอาเมี่ยงที่กำลังแต่งตัวอยู่หน้ากระจกถึงกับชะงัก อุตส่าห์พยายามไม่คิดมาแล้วนะ ยังจะมาถามกัน
“มันมาส่งมึงไม่ใช่เหรอ กูก็นึกว่ามันจะค้างที่นี่ ทุกทีถ้ามึงเมาหนักขนาดนี้ มันเคยปล่อยมึงไว้คนเดียวซะที่ไหน”
“มันไม่ค้างหรอก กลับไปนอนกับเมียมันแล้วมั้ง คงอยู่ห้องมันน่ะแหละ..” เมี่ยงก้มหน้าตอบเบา ๆเดินมาเปิดตู้หาเสื้อใส่
“มันจริงเหรอวะไอ้เมี่ยง เรื่องน้องชายเฮียเต้อ่ะ...” ชิพขยับตัวกอดอกพิงหัวเตียงไว้ เขาทำน้ำเสียงและสีหน้าอยากรู้ ถึงแม้เมื่อคืนเมี่ยงบอกเรื่องแคปกับเอสให้ฟังคร่าว ๆแต่เขารู้สึกว่ามันน่าจะมีรายละเอียดอะไรมากกว่านั้น
“อือ จริง” เมี่ยงตอบเซ็งๆคว้าเอาเสื้อในตู้มาใส่ ชิพลุกขึ้นไปขยี้หัวเพื่อนดูรู้เลยว่ามันน้อยใจเอสมาก ๆ โดยปกติ ถึงไอ้เอสจะมีแฟนกี่คนต่อกี่คน มันไม่เคยให้ความสำคัญกับผู้หญิงคนไหนมากไปกว่าไอ้เมี่ยงเลยสักครั้ง อันนี้แม้แต่เขาหรือบุ้งก็ต่างดูออก พวกเขาสี่คนสนิทกันมากตั้งแต่เด็ก ๆ ไม่ว่าเมี่ยงมันอยากได้อยากเอาอะไร คนที่มันจะอ้อนได้ไม่ใช่เขากับบุ้งแน่ ๆ ก็มีแต่ไอ้เอสที่ตามใจมัน
“น้อยใจมันเหรอวะ..” ชิพถามขึ้น
“...........”
“ไม่เอาน่าคิดมากทำไมกัน ช่วงโปรโมชั่นมันก็เป็นแบบนี้แหละ..” ชิพปลอบใจเพื่อน แต่เมี่ยงกลับครุ่นคิดแล้วก้มหน้านิ่ง ที่ผ่านมาไม่ว่าเอสจะเคยคบใครมันไม่ค่อยแคร์ ไม่ว่าจะเป็นช่วงโปรโมชั่นหรือไม่โปรโมชั่น มีแต่ผู้หญิงที่วิ่งตามมันเองทั้งนั้น แต่นี่เป็นครั้งแรก....
“แต่กูเพิ่งเคยเห็นมันทำแบบนี้ครั้งแรก..” เมี่ยงพูดเสียงเบา
“แบบไหน..” ชิพถาม
“เอาใจใส่ ใส่ใจ แคร์ คือทุกอย่างอ่ะ...” เขานึกถึงตอนที่เอสคว้าเอาเสื้อกันหนาวไปสวมให้แคปอยู่บนรถนั่น เขานี่นั่งอึ้งมากๆ มันไม่เคยใส่ใจแฟนมันคนไหนมากขนาดนี้ เมื่อคืนถ้าหากสังเกตดีๆจะรู้เลยว่า สายตาของมันทั้งหมดนั่นโฟกัสและมองไปที่คนเพียงคนเดียว
“มันได้กันยังวะ..” คำถามของชิพทำเอาเมี่ยงสะดุ้งออกจากภวังค์ความคิดทั้งหมด
“กูไม่รู้..” เมี่ยงตอบเสียงเรียบ แต่ทำไมถึงแฝงไปด้วยความรู้สึกเศร้า ชิพเอามือบีบไหล่เล็กของเพื่อนไว้ บางครั้งเขาคิดว่าตัวเองดูออก ความรู้สึกที่เมี่ยงมีต่อเอส แต่บางครั้งก็คิดว่ามันอาจจะไม่ใช่แบบนั้น คนที่หวงเพื่อนของตัวเองมากเกินความพอดีนั้นก็มีอยู่เยอะไป จิตใจคนเรายากแท้จะหยั่งถึงคงจะมีแต่เจ้าตัวเท่านั้นที่จะรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง
ถ้าแอบรักเพื่อนสนิทตัวเองจริง ๆ ต่อให้ง้างจนปากฉีกยังไงมันคงไม่เผยจิตใจที่แท้จริงออกมา เพราะว่า...กลัว...กลัวว่าคนสำคัญจะหายไปพร้อม ๆ กับคำว่าเพื่อนที่ผูกพันกันมาเป็นสิบปี หลายคนจึงเลือกที่จะเจ็บปวดอยู่กับความรู้สึกเหล่านี้
“มันเคยคบผู้ชายมาก่อนหน้านี้ป่ะวะ กูจำไม่ได้”
“ไม่เคย คนนี้คนแรก” เมี่ยงหันมาตอบ เขาแต่งตัวเรียบร้อยทุกอย่าง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเช็ค ไม่มีข้อความจากไอ้เพื่อนสนิทที่ทิ้งกันไปตั้งแต่เมื่อคืน ใบหน้าเล็กหักงอลงอีก
“เป็นไรของมึง ถ้าจะหาข้อความจากมันล่ะก็ไม่ต้องหาให้เสียเวลา มันโทรบอกกูให้มาดูมึงนี่แหละ”
“จริงดิ?”
“จะโกหกทำไมล่ะ มันโทรปลุกกูตั้งแต่เช้าแล้วเหี้ย ไม่งั้นจะแหกขี้ตาตื่นมาเรอะ เมื่อคืนกูแม่งก็เมาเหอะ” เมี่ยงค่อยยิ้มออกทันทีที่ได้ยินชิพบอกเขาว่าเอสโทรให้แวะเข้ามาดู
“มึงว่ามันได้กันยังวะไอ้เมี่ยง” ชิพดึงเอาหมอนเข้ามากอด เขาทำหน้าอยากรู้เต็มที่
“กูว่ามันยังไม่ได้กันหรอก น้องเฮียเต้ท่าทางจะยากอยู่” เมี่ยงส่ายหน้า เขาคิดว่ายัง แต่คิดอีกทีก็ยังไม่ชัวร์
“มันก็เลยท้าทายอยากได้มาไว้ในมืองั้นเหรอวะ..”
“ก็คงงั้น” เมี่ยงเดินมานั่งลงที่เตียง คิดตามคำพูดเพื่อน
“แต่ถ้ายังไม่ได้กัน ไอ้เอสมันจะตามแบบนี้เหรอวะ”
“อันนี้กูไม่รู้ แต่มึงไม่ต้องห่วงหรอกที่ผ่านมาผู้หญิงของมันไม่เคยเกินสองเดือน กูรู้ใจมันดี ไอ้เอสมันเบื่อง่าย แป๊ปๆมันก็ทิ้ง สวยหยดย้อยอย่างกับนางฟ้ามันยังทิ้งมาแล้ว นับประสาอะไรกับผู้ชายล่ะวะ”
“แต่มันหล่อนะ ไอ้แคปนั่นน่ะ ขาวด้วยผิวสวยฉิบหาย”
“หล่อเหรอแบบนั้น” เมี่ยงทำท่านึก
“กูบอกไม่ถูก หน้าตามันกวนตีนก็จริงแต่เวลามันพูด ถึงมันจะด่าแต่กูรู้สึกว่ามันไม่ธรรมดาว่ะ มันน่าสนใจไงไม่รู้”
“น่าสนใจ? มึงใช้คำว่าน่าสนใจเนี่ยนะ?” เมี่ยงเอนตัวพิงลงพนักเตียง เขายกสองแขนสอดรองเข้าใต้ศีรษะ นึกถึงหน้าตาท่าทางของแคป
“ไอ้เหี้ยเมี่ยงกูก็หมายถึง โฮ้ยไม่รู้เว้ยไอ้บุ้งมันยังบอกน้องเฮียเต้โคตรดึงดูด”
“ดึงดูดเหี้ยไรวะ”เมี่ยงหันไปถาม
“ก็ดึงดูดคนเข้าหาตีนมันไง”
“ไอ้บ้า!” เมี่ยงตบกะบาลเพื่อนแทบไม่ทัน ชิพหัวเราะขำเมื่อแกล้งเพื่อนตัวเองได้ “มึงอย่าพูดนะกูยังจำได้ดีเลยวันที่โดนตีนมันน่ะ” เมี่ยงทำตาเขียว ขนลุกขึ้นมาเมื่อนึกถึงตอนที่ถูกแคปกระทืบ ท้องเขียวไปเป็นอาทิตย์
“เออใช่วันนั้นมันกระทืบมึงด้วยนี่หว่า”
“สัส มึงอย่าพูดสิวะกูนึกแล้วสยองเลยเหี้ย แหยงๆมันอยู่นี่ไง ตีนหนักขนาดนั้นมาคบกับเพื่อนกูป่านนี้ไอ้เอสช้ำในตายก่อนแล้ว”
“อยู่บนเตียงเขาอาจอ้อนกันหวานหยดย้อย มึงจะไปรู้อะไร๊..”
“ไอ้สัส! คนแบบนั้นคงหวานหยดมดตายห่าหรอก”
“เรามารอดูกันสองเดือนมันจะทิ้งอีกไหม” ชิพตีคิ้วหรี่ตาท้า
“ทิ้งดิ ถ้ามันได้แล้วอ่ะนะ” เมี่ยงตอบอย่างมั่นใจ
“มั่นใจเหี้ยๆเลยนะมึง”
“ไม่มีใครรู้ใจไอ้เอสเท่ากับกูหรอก”
“เออๆ ถ้ามันไม่รักจะเลิกกันกูก็ไม่ว่าหรอก แต่ถ้ามันรักเขาจริง ๆ สองเดือนสั้นไป๊”
“ไอ้สัส คนอย่างมันจะรักใครนานวะ มึงก็รู้อยู่แล้วมีแค่พี่เกรซ รักแรกที่มันหลงหัวปักหัวปำนั่นแหละ หลังจากนั้นมึงเห็นมันเคยคบใครนานๆไหมล่ะ”
“นั่นสิ...” ชิพเพียงแค่พยักหน้าเบา ๆ เห็นด้วย ก่อนหันไปเหลือบมองเพื่อนตัวเล็กที่นอนทำหน้าเรียบ ๆ แต่แฝงไปด้วยความกังวล ปากก็บอกว่าเอสมันจะต้องทิ้งแคปแน่ ๆ ไม่เกินสองเดือนแต่สีหน้ากับแววตาที่ฟ้องออกมามันไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด
ปัง! เสียงประตูถูกเปิดผั๊วะออกมาดังมากๆ บุ้งที่ยืนรออยู่ข้างล่างนานเกินไปแล้วทนไม่ไหว ต้องถ่อขึ้นมาตาม
“เสร็จรึยังวะพวกมึงสองตัว ช้าเป็นบ้า” ร่างสูงใหญ่ยืนทำหน้ายักษ์อยู่ด้านนอก ชิพเลยชี้ๆคนที่นอนอยู่ข้างตัว บุ้งเดินเข้ามาดึงแขนเล็กขึ้นเลย
“รีบหน่อยไอ้เมี่ยงกูหิวข้าวแม่ง เดี๋ยวทิ้งเลย!” คำพูดว่าทิ้งทิ่มใจจนเมี่ยงที่กำลังจะลุกแบบดี ๆ ตาแดงก่ำขึ้นมา
“ฮึกกๆๆ...”
“อ้าวๆๆๆ มึงร้องไห้ทำเชี่ยเหรอ..” บุ้งรีบถอย ชิพมองหน้าแล้วส่ายหัวก่อนลูบลงที่หัวเมี่ยงปลอบใจ
“พวกมึงก็จะทิ้งกูอีก ฮึก..ไอ้เอสแม่งก็ทิ้งกูไปแล้ว”
“ทิ้งเหี้ยไรวะ..” บุ้งถึงกับงง จู่ ๆ เมี่ยงร้องไห้ขึ้นมา โวยวายหาว่าเขาจะทิ้งมัน แล้วยังไปว่าถึงเอสที่ทิ้งมันไปแล้วอะไรนั่นอีก พอค่อยๆนึกจึงจำได้เรื่องที่คุยกับชิพเมื่อคืน เรื่องที่ไอ้เอสกับน้องชายเฮียเต้คบกัน บุ้งถอนหายใจแล้วผลักหัวเมี่ยงจนเงิบไปเลย
“บ้าแล้วมึงไอ้เมี่ยง มึงคิดเหี้ยไรวะ เพื่อนมึงมีแฟนมึงต้องทำใจอย่างเดียวจบ ไม่ใช่งอแงว่ามันทิ้งมึงไปแบบนี้ มึงเป็นแค่เพื่อนก็ต้องทำใจดิวะ แต่กูบอกอะไรดี ๆ ไว้อย่าง เพื่อนน่ะนานแค่ไหนก็ยังคงเป็นเพื่อน เพื่อนไม่มีคำว่าจบคำว่าเลิก มึงสามารถเดินไปกับมันได้ไกลกว่าคนที่มันรักเสียอีก มึงก็รู้อยู่แล้วไอ้เอสมันคบใครเคยนานเดี๋ยวพอมันเบื่อมันก็กลับมาเป็นไอ้เอสของมึงเหมือนเดิมอ่ะ ใครจะดูแลมึงดีเท่ามัน”
“ไอ้สัส คำปลอบใจของคนอกหักที่แอบรักเพื่อน” ชิพสวนขึ้นมาโดยไม่ทันได้คิด เมี่ยงหันขวับมองทันที
“............”
“แล้วมึงคิดกับมันแบบนั้นรึเปล่าล่ะ” บุ้งจ้องหน้าถาม
“มะ...ไม่ใช่นะเว้ย มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงล่ะวะ พวกมึงก็..” เมี่ยงเถียงกุกๆกักๆ หลบสายตาทั้งสองคนที่จ้องเอาคำตอบจากเขาอยู่
“เออ ถ้าไม่ใช่แบบนั้นก็ดีไป มึงก็แค่ต้องทำใจยอมรับแค่นั้นก็จบ ไปๆลุก กูหิวข้าวออกไปกินข้าวกัน..” บุ้งส่ายหน้าแล้วเดินนำออกไป ชิพหันไปมองคนที่นั่งก้มหน้านิ่งอยู่ เขาตบลงที่บ่าเล็กอย่างให้กำลังใจก่อนดึงมือเพื่อนบอกให้ลุกออกไปด้วยกัน
.
.
“ไอ้แคปมึงจะกินโจ๊กไหมวะ ในครัวมีแต่มาม่าน่ะ..” ปอคว่ำแก้วเก็บเป็นอย่างสุดท้าย เช็ดมือแล้วถอดผ้ากันเปื้อนพาดเอาไว้ เขาเดินไปเปิดตู้เย็นสำรวจของสดต่าง ๆ อีกครั้งตามความเคยชิน ขณะที่แคปล้างหน้าล้างตาเสร็จเดินบิดขี้เกียจออกมาจากห้อง กระโจนลงที่โซฟาหน้าทีวีกดดูช่องข่าวเช้าต่าง ๆ สุดท้ายจบลงที่การ์ตูนตามเคย
“อือ ยังไงก็ได้” แคปหันมาตอบ
“งั้นก็รอเดี๋ยว กูลงไปซื้อที่มินิมาร์ทข้างล่างมาเวฟให้”
“เฮ้ยแบบนั้นไม่เอา โจ๊กแบบนั้นกูไม่ชอบหรอก” แคปร้องขึ้นอย่างดัง ปอที่กำลังจะเดินเข้าไปหยิบกระเป๋าตังค์ถึงกับชะงัก มองหน้าคนที่นั่งยิ้มดูการ์ตูนแล้วหัวเราะอยู่คนเดียว
“แล้วมึงจะกินแบบไหนล่ะวะ จะให้กูตุ๋นข้าวให้แบบนั้นน่ะเหรอ..” เขาเดินเข้าไปถามใกล้ ๆ
“อือ มึงทำอร่อยนิ ทำดิ..” คนตอบมองแต่การ์ตูนคือไม่ได้ดูเลยใช่ไหมว่าหน้าตาเขาตอนนี้อยู่ในสภาพแบบไหน ความจริงปอเองก็อยากจะทำให้นะ เสียแต่ว่าในตู้เย็นตอนนี้มันไม่มีอะไร ปอเห็นแคปจ้องแต่ทีวี เขาจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหยิบเอากระเป๋าตังค์โทรศัพท์กับกุญแจรถออกมา
“จะไปไหนวะ..” แคปเงยหน้าถาม
“ซุปเปอร์ ใกล้ๆเนี่ย” ปอตอบพลางสวมรองเท้ากีฬาคู่เก่ง ทั้งเขาทั้งแคปไม่ค่อยชอบลากแตะ รองเท้ากีฬาจะมีคู่ที่เอาไว้ใส่เล่นใส่เที่ยวใส่เรียนและใส่เล่นกีฬา บางทีเปลี่ยนพร้อมกันทีเดียวสี่คู่เลยก็มี
“ซื้อไรอ่ะ”
“อ้าว! ก็หมาที่ไหนล่ะบอกว่าอยากให้กูต้มโจ๊ก ตุ๋นข้าวให้กินน่ะ ทั้งกระดูกหมู ผักชี ต้นหอม หมูสับ กูจะไปเสกมาจากไหนถ้าไม่ใช่ซุปเปอร์ล่ะวะห๊ะ!” ปอเดินเข้าไปผลักหัวแคปทำโทษหนึ่งที คนฟังเงยหน้าแล้วเบะปากใส่ เขาไม่อยากสนใจแล้วรีบลงไปตอนนี้น่าจะดีกว่า แต่ทว่าเสียงทุ้มๆของแคปเรียกดังขึ้น
“เฮ้... ไอ้ปอ”
“ไรอีก” ปอหันไปถามเสี่ยงเหวี่ยง แคปทำท่าอ้าปากค้างกำลังจะพูดอะไรสักอย่างออกมาแน่ ๆ สองคนมองหน้ากัน ปอเห็นแบบนั้นก็นึกดีใจรอเลย เขาเผลอคิดไปว่าแคปมันกำลังจะอ้าปากบอกว่าไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวกินโจ๊กเซเว่นนี่แหละไม่ต้องไปขับรถตากแดดร้อนๆให้เสียเวลา แต่น่าเสียดายมากจริงๆ เพราะสิ่งที่แคปพูดออกมามันทำให้ปอหุบรอยยิ้มไว้แทบไม่ทัน
“รีบไปรีบมาล่ะมึง เหยียบให้มิดเลยนะ”
“ไอ้เพื่อนเหี้ย!” คราวนี้ไม่ใช่ผลักหัวแล้ว ปอเดินไปฟาดผั๊วะลงที่หัวทุยๆนั่นจนหน้าแคปเกือบทิ่ม เจอสวนกลับด้วยหมัดชกพุงความเร็วสูงมาก ปอหลบจนกระเด็นไปชนผนัง แคปมองแล้วขำ เขานั่งหัวเราะที่แกล้งเพื่อนได้จนท้องคัดท้องแข็ง
“มึงจำไว้ไอ้แคป กูจะทำโจ๊กที่จืดที่สุดให้มึงแดก” ปอชี้หน้าบอกให้รู้ว่าโกรธแล้ว แต่แคปมีเหรอจะสน เขาก็แค่ยักไหล่
“กูกลัวเรอะไอ้เหี้ยปอ เหอะๆ” หัวเราะแล้วไขว้ขานั่งดูทีวีทำท่าราวกับราชา ขณะที่ปอหัวเสียสุดๆเดินไปเปิดประตูผั๊วะออก
“เหี้ย! กูตกใจ” เสียงทุ้มตะโกนขึ้นสุดแรง กระเป๋าตังค์กับโทรศัพท์แทบจะร่วงหลุดจากมือ ก็จู่ ๆ ใครจะคิดว่ามีคนที่เปิดประตูพร้อมกันกับเขายืนตีหน้ายักษ์อยู่หน้าห้อง ในมือมันหิ้วปิ่นโตเถาใหญ่ ก่อนตัวคนจะเดินหน้ายุ่งเข้ามาแล้วยัดไอ้ปิ่นโตร้อนๆนั่นใส่อกเขาแบบแรงมาก
“เหี้ยบ้านมึงหล่อขนาดนี้เลย?”
“ไอ้สัสเอส หลงตัวเองนักนะมึง” ปอสวนขึ้นทันที เอสหัวเราะเหอะไม่ได้สนใจ ขณะที่ปิ่นโตในมือปอร้อนมากๆเขาวิ่งเอาเข้าไปวางในครัวแทบไม่ทัน กลิ่นหอมของโจ๊กลอยฟุ้งออกมา
“ตื่นนานยังวะ..” เอสเดินไปแตะมือเข้าที่หน้าผากของคนที่นั่งดูทีวีเพื่อเช็คอุณหภูมิ เจอแคปปัดออกแรงมากเขาโมโหเลยรวบเอาแม่งทั้งตัวนั่งกอดไว้แบบนั้นแหละ
“มึงบ้ารึไงห๊ะ! ปล่อยเดี๋ยวนี้ไอ้สัส! กลับมาทำไมของมึงอี๊กกกก” แคปดิ้น
“ก็ถามดีๆไม่ยอมตอบให้ดี กูก็ต้องเล่นไม้นี้ไง”
“ทำไมกูต้องพูดดีๆกับมึงล่ะห๊ะ กับไอ้คนที่หนีไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้เนี่ย โฮ้ยปล่อยโว๊ยยยยย”
“หนีไปไหน?” เอสทำหน้างง
“จะไปรู้หัวมึงเรอะ มึงหายหัวไปไหนมาล่ะตั้งแต่ตื่นนอนน่ะ”
“ก็ไปรอต่อคิวซื้อโจ๊กให้หมาอยู่มั้งนะ นานเป็นกิโลไม่บ่นให้มึงฟังหรอก”
“ถึงมึงบ่นกูไม่เชื่ออ่ะ ปิ่นโตมาจากไหนกูเชื่อมึงตายแหละ”
“ปากดี ดูดโชว์เพื่อนมึงสักทีดีไหมล่ะหื้ม”
“อย่านะ ไอ้สัส ปล่อยโฮ้ยยยยปล่อยกู๊ววววว”
“นิ่ง ๆ แล้วปล่อย”
“ไม่นิ่ง!”
“แคป”
“กูไม่นิ่ง!” แคปตะคอกขึ้นอีกเอสนี่โมโหมาก มือนึงล๊อคต้นคออีกมือบีบปากเล็กๆจนจู๋ แคปร้องอู้วๆอ้าๆ
“ไม่นิ่งก็โดนกอดอยู่แบบนี้แหละ ดูหน้าเพื่อนมึงสินั่น เทโจ๊กลงถ้วยผิดแล้วมั้งน่ะ..” แคปหันไปมองปอทั้งๆที่ตัวเองโดนกักไว้ทุกทางแบบนั้น แววตาคือขอความช่วยเหลือเต็มที่ แต่ปอยักไหล่แล้วส่งยิ้มแห้ง ๆ เป็นสัญญาณว่ากูช่วยมึงไม่ได้จริง ๆ แฟนมึงๆโหดเหี้ยๆจัดการเอาเองเห๊อะ
“อื้ออออ...” เสียงแคปพูดอู้อี้พยายามจะขยับขาออกให้หลุดจากท่อนขาแข็งแกร่งที่พันรัดเขาไว้ และเพราะว่าปากเล็กก็ยังไม่โดนปล่อยให้เป็นอิสระ เพราะงั้นท่าทางแคปจึงตลกมากๆ เอสเห็นแล้วก็นึกขำหน้าตาอะไรมันจะฮาขนาดนั้น
“กูเกลียดมึง อย่ามาหัวเราะกูนะปล่อยสิโว๊ยยย ไอ้เหี้ยนิ!”แคปด่าลั่นเมื่อเอสยอมปล่อยปากเขาออกแล้วจ้องหน้า
“มึงเกลียดกู แต่กูขับรถเป็นชั่วโมงไปต่อคิวเพื่อซื้อโจ๊กให้มึงกินเนี่ยนะ”
“ปล่อยกู! ไอ้คนสารเลว”
“คนสารเลวที่นอนตีสามแต่ตื่นขึ้นมาเช็ดตัวให้มึงทุกครึ่งชั่วโมงอ่ะนะ”
“ไอ้ชั่วเอ๊ย โอ๊ยยยกูอึดอัด รัดขากูทำเหี้ยเรอะ”
“คนชั่วที่นอนกอดมึงไว้ตอนที่มึงละเมอร้องหาแต่พี่ชายมึงอ่ะเหรอ”
“มึงเงียบปากได้ไหมห๊ะไอ้สัส! พูดเสียงดังไปไหน นึกว่าพูดแบบนี้แล้วกูจะบอกว่ามึงดีงั้นดิ ปล่อยกู๊ววววว” แคปดิ้นต่อต้านทั้งมือทั้งเท้า เอสจนใจจะกอดไว้แล้วเขาผลักตัวคนทั้งตัวลงจากตักไปนั่งตาเขียวหน้าเขียวอยู่ข้างๆ แคปคว้าหมอนอิงข้างตัวได้กระโดดขึ้นคร่อมจะจัดการกดคนตัวโตลงกับโซฟา เขาบดฟันกรอดจะเอาให้ได้ แต่เอสกลับรวบเอวเล็กไว้ได้อีก
“ไม่เคยบอกว่าตัวเองดี แล้วก็ไม่เคยคิดอยากให้ใครมาชมว่ากูดีด้วย”
“ก็แล้วมึงพูดขึ้นมาทำไมล่ะวะห๊ะ!”
“ก็แค่อยากพูด”
“สัส อยากพูดทำไม กวนตีนกูได้มึงมีความสุขงั้นดิ?”
“มั้ง หึหึ”
“ไอ้โรคจิต!”
“แหม่..เมื่อคืนไม่เห็นว่าแบบนี้เลยเหอะ ตาแดงด้วยตอนที่กูเปิดห้องออกไปน่ะ ฉุนเฉียวกลัวกูไม่กลับเข้ามาใช่ไหมล่ะหื้ม...” เสียงแหบพร่ากระซิบเย้ยอยู่ริมหู แคปตวัดสายตาใส่อย่างโกรธจัด
“กูบอกให้มึงเงียบปากไอ้สัสนี่ ปากมึงแม่งแกว่งหาตีนกูตลอดเลยเหี้ย ตายซะ!” แคปโมโหจนตาเหลือกกระโจนสุดตัวยังไงวันนี้เอาให้มันขาดอากาศด้วยหมอนใบนี้ให้ได้ เขาพยายามจะกดมันลง แต่น่าเสียดายยังไม่ทันได้ทำอะไรหรอกเพราะเอสกระชากแขนเล็กทีเดียวแคปกลิ้งลงมานั่งอยู่ด้านล่างส่วนคนตัวโตกว่าพลิกเกมส์ไปนั่งคร่อมอยู่บนตักเล็กแทน
“กูหนักไอ้เหี้ย อื้อออ ผั๊วะๆๆๆ” แคปฟาดใส่ไม่ยั้ง เอสไม่สนใจล๊อคใบหน้าเล็กด้วยสองมือเขาเอาหน้าผากเข้าชนหน้าผากเล็กของอีกคนกดแนบไว้จนแน่น อุณหภูมิยังอุ่นอยู่นิดหน่อยแต่ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ
“ไอ้สัสเอ๊ย” แคปด่าอีกครั้ง เอสหมั่นเขี้ยวกดจูบเบา ๆ ลงที่มุมปากเชิดๆนั่น แคปเบี่ยงหน้าหลบ
“ชอบไหมวะท่านี้น่ะ” เสียงทุ้มเหยียดรอยยิ้มเยาะ แคปหันมองจ้องมันจนตาเขียวก่อนที่จะนึกอะไรดีๆออกเพราะได้ยินเสียงช้อนหล่นกระทบพื้นดังโครมครามอยู่ที่ครัว รู้แน่ๆว่าปอมันคงกำลังแอบดูเขาสองคนอยู่ แคปรีบปรับสีหน้าใหม่ก่อนอมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ออกมา
“อะไร? มองแล้วยิ้มนี่มันอ่อยกูชัดๆเลยนะ” เอสพูด รู้แล้วล่ะว่าแคปจอมเจ้าเล่ห์มีลูกเล่นอะไรกับเขาแน่ๆ
“อ่อยเรอะ? มึงมากกว่ามั้ง ขึ้นมานั่งคร่อมตักกูซะขนาดนี้ อยากโดนเหรอครับถามจริง หึหึ” แคปย่ามใจท่านี้ความจริงเข้าท่าชะมัด เขาคิดว่าตัวเองกำลังสวมบทบาทเป็นฝ่ายรุก เลื่อนสองมือบีบเข้าที่แก้มก้นของคนบนร่างก่อนฟาดผั๊วะเสียงดังออกมาเซอราวด์รอบห้อง ปอที่กำลังจะยกถ้วยโจ๊กขึ้นแต่ยังไม่สบโอกาสดีๆถึงกับอุทานว่า
“เหี้ย!” เสียงดังสดมาก เอสขำ
“ท่านี้ความจริงก็ไม่เลว”เขาว่าขึ้น
“นั่นดิ..” แคปส่งสายตาเจ้าชู้ เขาเคยบอกกับปอว่าไอ้เอสมันเป็นเมียเขา เพราะฉะนั้นป่านนี้ไอ้ปอมันเห็นภาพหลักฐานชี้ชัดๆขนาดนี้ โอ๊ยยยยยขำ สมน้ำหน้าไอ้เหี้ยเอสอยากพลิกเกมขึ้นมานั่งคร่อมตักเขาดีนัก มึงโทษตัวเองไปเถอะนะเอสนะ
“เพื่อนมึงคงจะคิดว่ากูเป็นคนของมึงแบบนั้นใช่ไหมล่ะ” เอสพูดออกมาเบา ๆ กดน้ำหนักลงที่ฝ่ามืออีกนิด จนแคปต้องเบ้หน้า เห็นแบบนี้ใบหน้าแคปคือโดนล๊อคแน่นมาก แต่คนที่มองจากมุมนอกคงคิดว่าแคปกำลังเงยหน้าขอกอดไอ้คนด้านบน
“กูเกลียดมึงว่ะ” เพราะแคปเริ่มหนักจนทนแทบไม่ไหวกัดฟันด่า ที่สำคัญเจ็บหน้าเจ็บปากไปหมด ไอ้เหี้ยเอสแม่งเล่นแรงเป็นบ้า มันไม่ได้จับหน้าเขาแบบทะนุถนอมสักนิด
“อ้าว ทำไมน้ำเสียงเปลี่ยนล่ะวะหื้ม? ไม่อยากให้กูอยู่ข้างบนแล้วงั้นสิ”
“มึงลงไปเลยไอ้เหี้ย กูหนักสัส” แม่งตัวอย่างกับควายไม่สนแล้วเพื่อนจะมองภาพเขากับมันแบบไหน หนักฉิบหายเลยเหอะ
“ไอ้เหี้ยเอส กูหนัก!” แคปตะคอกใส่ผลักไหล่ดันตัวมันออก
“ลุกสิวะ มึงไม่ได้ยินเหรอห๊ะ! ไอ้บ้านี่ อื้ออ”
“พอๆๆๆ เล่นเหี้ยไรกันไม่รู้เรื่องเรื่อง กินข้าวกันได้แล้ว โซฟาพังหมดพวกมึงนี่ จะตีกันไปถึงไหนวะ” ปอดึงแขนเอสบอกให้ลุกออกมาจากแคปได้แล้ว เขาส่ายหัวกับพฤติกรรมสองคนที่ตอนแรกก็ดูโซสวีทดีหรอกแคปมันก็ท่าทางจะเป็นผู้นำได้อยู่ แต่ไปๆมาๆทำไมมันตีกันอีกเหมือนเดิม แล้วคนที่เสียเปรียบกลับเป็นไอ้แคปเพื่อนเขาเองอีก มันทำท่าจะถูกไอ้เอสกดหลายรอบมาก ร้องอื้อๆอ้าๆต้องช่วยไว้ก่อน
“โห หอมมาก” แคปวิ่งหน้าตั้งรีบเข้ามาดูถ้วยอาหารบนโต๊ะ โจ๊กร้อนๆควันลอยขึ้นหอมฉุย เขานั่งลงแล้วตักซัดเลย