7
“ทำไมผมต้องเลิกทำงานที่บาร์ด้วยล่ะ” พอตกลงคบกัน ไทม์ก็มาขอให้วริศเลิกทำงานกลางคืนเป็นอย่างแรก
“ก็มันอันตรายด้วย ดึกด้วย พี่อยากให้เราตั้งใจเรียน เรื่องเงิน ค่าใช้จ่ายต่างๆ พี่จะออกให้เอง ไม่ดีเหรอ” สีหน้าของไทม์จริงจังมาก จนวริศลำบากใจ
“แต่พี่เจ้าของเขาไม่อยากให้ผมเลิก ผมเกรงใจเขา”
“ก็บอกเขาไปตามตรง อยู่กับพี่ ไม่จำเป็นต้องทำงานหนักแล้ว พี่ดูแลเราได้” ไทม์จับมือน้องไว้ ตลอดเวลา 2 เดือนกว่าที่ตามจีบวริศมา เห็นทำงานจนเหนื่อยล้า เลิกดึกดื่น เช้าไปเรียน เสาร์อาทิตย์ก็ทำงานเป็นวันๆ ไทม์ตั้งใจว่า ถ้าน้องตกลงคบกันเมื่อไหร่ จะช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและค่าเล่าเรียนให้ ไม่อยากให้วริศลำบาก
“ผมไม่ได้อยากเกาะพี่กินสักหน่อย” วริศหน้างอเล็กน้อย เขาเป็นผู้ชาย ถึงจะลำบากยังไงก็อยากดูแลตัวเองให้ได้มากกว่า
“อย่าคิดแบบนั้นดิ พอเรียนจบ ทำงาน ค่อยดูแลพี่บ้างไง”
“พี่ไทม์ก็ชอบอ้างแบบนั้นตลอด กว่าผมจะเรียนจบ พี่ต้องดูแลผมตั้งกี่ปี แล้วถ้าวันนึงเราต้องเลิกกันล่ะ ผมจะทำยังไง”
“พี่จะไม่มีวันทิ้งแซนด์ เชื่อพี่นะครับ” ไทม์ดึงร่างสูงโปร่งมากอดไว้ อยากให้มั่นใจ เชื่อใจกันมากกว่านี้ ไทม์ไม่ใช่คนที่ชอบคบใครเล่นๆ มีแต่อยากจะอยู่ด้วยไปตลอด ถ้าอีกฝ่ายไม่ทิ้งกันไปก่อน
วริศถอนหายใจเบาๆ “พี่ทำแบบนี้ ผมลำบากใจจริงๆ นะ ผมยังอยากทำงาน หาเงินเองอยู่”
“งั้นพี่ให้เวลาเราอีกสักพักก็ได้ แต่ถ้าต้องเรียนหนักขึ้นเมื่อไหร่ ต้องเลิกทำงานแล้วตั้งใจเรียนอย่างเดียวนะ” ไทม์ผละออกมามองหน้าน้อง มันเป็นความตั้งใจดี ที่อยากให้วริศได้เรียนเต็มที่ และได้ใช้ชีวิตอย่างเด็กวัยรุ่นคนอื่นบ้าง
“งั้นผมจะขอลดวันทำงานลงก่อนแล้วกัน” สุดท้ายวริศก็ใจอ่อนกับไทม์ตามเคย คนพี่ได้ฟังก็ยิ้มหน้าบาน กอดเด็กหนุ่มอีกครั้งด้วยความดีใจ
***
วริศเงยหน้ามองคนที่โยนสมุดโน๊ตกับกองเอกสารลงบนโต๊ะ แล้วนั่งลงข้างๆ ด้วยหน้าตาหงุดหงิดงุ่นง่านแปลกๆ
“ทำไมมึงไม่ไปทำงานที่บาร์เมื่อคืน”
“อ้าว นี่มึงไปหากูเหรอ” วริศขมวดคิ้วมองหน้าเวย์ แล้วหันมาสนใจงานตรงหน้าต่อ
“เออสิ แล้วก็ไม่บอกกูด้วยว่าไม่ไปทำงาน พักนี้มึงหายหัวบ่อยมากนะ”
“เออๆ โทษทีว่ะ กูลืมบอก หลังจากนี้กูไปทำแค่วันศุกร์นะ”
“มึงไม่ต้องหาเงินเยอะๆ แล้วเหรอ ทำไมลดวันลง หรือว่าเหนื่อยแล้ว” เวย์เขยิบเข้าไปเบียดใกล้ๆ วริศขยับแขนหนีนิดหน่อย เพราะมันเขียนไม่ถนัด เหลือบสายตาลงก็เห็นเวย์ยื่นหน้ามามองใกล้ๆ
“อือ ไม่ได้ต้องใช้เงินเยอะแล้ว แต่ก็อยากทำต่อ เลยลดวันลง”
“มึงมีอะไรอยากบอกกูอีกมั้ย กูว่ามีนะ” เวย์จ้องไม่เลิก และวริศก็ตาลอกแล่กแปลกๆ ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่อง พลางลุกขึ้น
“ไม่มีหรอกน่า เออ เดี๋ยวกูไปซื้อชีทจารย์โมทช์แป้ป มึงซื้อยัง”
“ยัง ฝากซื้อด้วย” เวย์มองตามหลังวริศไปด้วยความสงสัย
วริศก็ยังไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมไม่กล้าบอกเวย์ ไม่อยากให้เพื่อนเสียใจก็ใช่ แต่อีกใจน่าจะกลัวมากกว่า กลัวว่าเวย์จะไม่ยอมตัดใจ และยิ่งออกตัวแรงกว่าเก่า แค่ที่ผ่านมาก็พยายามมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ตอนเมาก็พออ้างได้ว่าขาดสติ ลืมๆ ไปได้ แต่ถ้าเวย์ตั้งใจจะรุกเขาจริงจัง วริศก็กลัวว่ามันจะแตกหักกันได้ เขาไม่อยากเสียเพื่อนดีๆ อย่างเวย์ไปเลยจริงๆ
ตกเย็น ไทม์ก็มารับวริศที่หน้าตึกคณะ วันนี้เป็นวันแรกที่มารับในฐานะแฟนเต็มตัว ไม่ใช่แค่คนมาตามจีบเหมือนครั้งก่อนๆ ไทม์เลยรู้สึกเหมือนยืดอกได้อย่างเต็มภาคภูมิ
“พี่ไทม์ รอนานมั้ย”
“ไม่เลยคร้าบ” ไทม์ขานรับเสียงหวานเมื่อเห็นร่างสูงโปร่งของน้องคนหล่อเดินลงมาจากบันไดหน้าตึก ทีแรกกะจะเก๊กเท่ให้น้องเขินเล่น แต่กลายเป็นตัวเองต้องอายม้วน เพราะวริศเอียงคอนิดๆ พลางส่งยิ้มให้ ทั้งเท่และสดใสในคนเดียว
ฮรื่อออ น้องแม่งหล่อออร่าเกิน
ไทม์กรี้ดกร้าดกับตัวเองในใจ พยายามทำหน้านิ่ง ทั้งที่มุมปากคอยแต่จะยกยิ้ม แถมหูก็แดงไปเรียบร้อยแล้ว
“ไม่ขึ้นรถเหรอพี่ไทม์” วริศเดินมาจนถึงรถ กำลังจะเปิดประตู แต่เห็นคนพี่เอาแต่ยืนนิ่ง เลยหันไปมอง ไทม์รีบก้มหน้าก้มตาวิ่งไปขึ้นฝั่งคนขับ เห็นท่าทางเขินจัดของพี่ตัวดุ๊กดิ๊กแล้ว วริศก็อมยิ้ม
“ถามจริงๆ นะ ไม่มีใครมาทาบทามเราเป็นดาราหรือนายแบบมั่งเหรอ หน้าแบบนี้ หุ่นแบบนี้” พอขึ้นไปนั่งบนรถ ไทม์ก็อดถามไม่ได้ วริศคาดเข็มขัดนิรภัยพลางตอบ
“อืม...ก็เคยมีนะ แต่ผมไม่ถนัดแนวนั้น”
“โห จริงดิ เงินดีออกนะ” ไทม์เสียดายแทน
“มันก็ไม่ได้จะดังกันทุกคนมั้ยอ่ะพี่ กว่าจะได้เงินได้งานขนาดนั้น เสียเวลาไปทำงานอย่างอื่นเปล่าๆ”
ไทม์พยักหน้าเข้าใจ จริงอย่างที่วริศว่า ถ้าไม่ได้มีเวลามาฝึกฝนตัวเองให้ทำงานด้านนั้นได้ แถมไม่ได้ชอบเป็นทุนเดิม ก็ไม่เสี่ยงดีกว่า
“แล้ววันนี้จะไปไหนกันดีครับ”
“แล้วแต่พี่ไทม์เลยครับ แต่พรุ่งนี้ผมมีเรียนเช้านะ ห้ามดึก” วริศกำชับ เพราะบางทีคนพี่ก็ชอบพาเที่ยวเพลินจนลืมเวลา ไทม์ขานรับเสียงใสเช่นเคย
“โอเคครับผม”
“ขอพี่กินเบียร์ได้มั้ย ไหนๆ ก็มาละ” ร้านที่ไทม์พามาวันนี้เป็นร้านเหล้าในตลาดรถไฟแถวรัชดา ขนาดวันธรรมดาคนก็ยังค่อนข้างหนาตา พวกเขาสั่งอาหารมาสามสี่อย่าง วริศดื่มน้ำเปล่า ส่วนไทม์ พอเห็นเบียร์กับเหล้าก็ตาวาว เกิดอยากขึ้นมาบ้าง
“พี่นี่ดื่มหนักอยู่นะเนี่ย อย่าให้เมาจนขับไม่ไหวล่ะ” วริศหรี่ตามอง ยังดีที่ไทม์ไม่สูบบุหรี่ ไม่อย่างนั้นคงคบสูตรหนุ่มเสเพลไปแล้ว ท่าทางไทม์ก็น่าจะป๊อปไม่เบา คงมีคนมาจีบมาคุยเยอะด้วย แต่ไม่รู้ยังไง ถึงได้ตามตื้อเขา ทั้งที่ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ
“ครับพ้ม ไม่เมาครับ” พอไทม์สัญญาด้วยท่าตะเบ๊ะแบบลูกเสือแล้ว ก็เรียกพนักงานมาสั่งเบียร์สดเย็นๆ แก้วใหญ่ ดื่มให้ฉ่ำปอด พอเริ่มกรึ่มๆ ได้ที่ คนตาเยิ้มด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็เริ่มออกอาการอ้อน
“แซนด์ อันนั้นอร่อยมั้ย”
วริศมองตามปลายนิ้วที่ชี้มาที่จานข้าวของตน “อร่อยดีครับ ปลาหมึกสดมาก กินมั้ย”
คนพี่พยักหน้าหงึกๆ อ้าปากรอ วริศยิ้มขำจนตาหยี ตักปลาหมึกในจานป้อนเข้าปาก ไทม์เคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยเหมือนเด็กน้อย
“พี่ต้องเมาแล้วแน่ๆ เดี๋ยวขากลับผมขับรถเองนะ” คนป้อนยื่นมือไปเช็ดมุมปากให้
“ไม่เมาสักหน่อย” ไทม์เถียงแก้มแดง ดื่มไปแค่สามสี่แก้ว ไม่คิดว่าจะเมาเบียร์หรอก แต่น่าจะเมาคนตรงหน้ามากกว่า
“ไม่ดื้อสิพี่ไทม์ ผมขับเอง นะ” วริศทำหน้าดุนิดๆ จนคนแก้มป่องยอมแพ้ ไม่วายขอของรางวัลที่ยอมเป็นเด็กดีด้วย
“ก็ได้ แต่แซนด์ต้องป้อนอีกคำนะ”
Rrr
เสียงสายเรียกเข้าดังขัดขึ้นพอดี วริศเลยยกมือขอเวลานอก ก่อนจะหยิบมือถือมากดรับสาย พร้อมกับตักปลาหมึกส่งเข้าปากคนพี่อีกรอบ
“ว่า?”
[มึงอยู่ไหน เสียงดังจัง ร้านเหล้าเหรอวะ]
วริศเหลือบมองไทม์ที่กำลังเคี้ยวปลาหมึกและดื่มเบียร์อย่างมีความสุข ก่อนจะขอลุกไปคุยโทรศัพท์ห่างจากเสียงเพลงในร้าน
“เออ มีไร”
[ร้านไร กูไปหา]
“ไม่ต้องมา กูจะกลับแล้ว”
[อะไรวะ เมื่อเย็นมึงก็รีบไปไหนไม่รู้ ไม่รอกูเลย ร้านก็ไม่ได้ไปทำ มึงก็ต้องว่างดิ อย่าบอกนะว่ามึงแอบมีกิ๊กที่ไหน]
“กิ๊กพ่อง แค่นี้ก่อนแล้วกัน เสียงดังไม่ค่อยได้ยิน”
[อ้าว ไอ้แซนด์ ถึงห้องแล้วโทรหากูด้วยนะ]
“เออๆ ถ้าไม่ลืมนะ” แล้วเขาก็รีบกดวางสายจากเวย์ไป เดินกลับมาที่โต๊ะอีกที ไทม์ก็เมาแอ๋ไปเรียบร้อย วริศถึงกับกุมขมับ
“โธ่ พี่ไทม์ เผลอแป้ปเดียวสั่งเพิ่มมาอีกแล้ว”
“แหะๆ” คนเมายิ้มหวานตาเยิ้มใส่ ไอ้น่ารักก็น่ารักอยู่ แต่ก็น่าหมั่นไส้มากๆ ด้วยเช่นกัน
“กินข้าวให้หมดจานเลยครับ จะได้กลับ เลิกซดเบียร์ด้วย ข้าวก่อน” วริศนั่งลง ข้าวในจานของเขาหมดแล้ว แต่ก็ช่วยกินกับข้าวที่เหลือต่อ ทั้งยังต้องคอยคะยั้นคะยอไปป้อนข้าวใส่ปากคนพี่ไปด้วย
กิจวัตรประจำวันของพวกเขา ส่วนมากก็ยังเหมือนเดิม คนหนึ่งทำงาน คนหนึ่งเรียน เย็นก็กินข้าวด้วยกัน เดินเที่ยวบ้างบางครั้ง ในช่วงที่วริศไม่มีเรียนเช้าหรือต้องทำงานพิเศษ ไปค้างที่ห้องไทม์บ้างแล้วแต่โอกาส วันอาทิตย์ไทม์ก็แวะไปหาที่ร้านเนื้อย่างเหมือนเดิม
แต่เพราะมีเวลาอยู่ด้วยกันเต็มที่จริงจังแค่ช่วงเย็นหลังวริศเลิกเรียน ไม่นาน เวย์ก็เริ่มผิดสังเกต
“มึงรีบกลับป่ะวันนี้ กูว่าจะชวนไปซื้อของขวัญวันเกิดไอ้แบงค์อ่ะ”
วริศอึกอัก “เอ่อ กูมีนัดว่ะ”
“นัดใครวะ มึงมีแฟนแล้วใช่มั้ย ไม่บอกกู” เวย์นิ่วหน้า
“บอกไปแล้วไงวะ” เขาส่ายหน้าพลางถอนหายใจ ใจหนึ่งก็อยากบอกไปให้จบๆ เวย์เองก็ไม่ได้โง่ หลอกไม่ได้ตลอดอยู่แล้ว ยิ่งพักหลังเขาไม่มีเวลาให้มัน มันก็ต้องรู้แน่ๆ
“ตกลงมึงมีแล้วใช่มั้ย ใคร”
“มึงไม่ต้องรู้หรอก” ต่างคนต่างมองหน้ากัน แววตาของเวย์วูบไหวเล็กน้อย และเขาก็สังเกตได้
“ทำไม มึงกลัวอะไร ถึงให้กูรู้จักไม่ได้ ผู้หญิงหรือผู้ชาย คณะเราเหรอ”
“ไว้กูพร้อมกูจะบอกแล้วกัน มึงอย่าเพิ่งกดดันกูเลย” เขาห่อไหล่อย่างอ่อนใจ เห็นท่าทางของเขาแล้ว เวย์ก็ยอมถอยแต่โดยดี แม้จะยังคาใจมาก
และเย็นวันนั้น ในตอนที่วริศรีบเร่งเพื่อไปหาไทม์ที่หน้าตึกคณะเหมือนทุกครั้ง ก็มีสายตาของใครบางคนไล่ตามไปจากบนระเบียงตึก โดยที่วริศไม่ทันรู้ตัว
***
นังเวย์มาแน้ววว