ตอนนี้ไม่ไหวแล้วค่ะ
ถ้ายังไงพรุ่งนี้(ซึ่งก็คือวันนี้)จะมาแปะภาคผนวกให้นะคะ
แจ้งก่อนเลื่อนลงไปดูเนื้อหา
ตอนนี้เป็นร้อยกรองทั้งหมด และทั้งหมดเป็นคำฉันท์ค่ะคนเขียนเห็นมีเสียงเรียกร้องอยากอ่านฉันท์ เลยสนองซะ
ลองเขียนมาให้อ่านกันเล่นๆเป็นนิทานแนวแฟนตาเซียจักรๆวงศ์ๆ
เพราะถ้าเรื่องไปไกลจากแถบนี้ก็ไม่รู้จะดึงให้เข้ากับลีลาของฉันท์ทั้งหลายได้อย่างไร
มีฉันท์อยู่หลายชนิดนะคะ ไว้พรุ่งนี้มาคุยกันเนอะว่าอะไรยังไง
กอดทุกท่านแน่นๆ ขอบคุณจริงๆค่ะที่ติดตามกันมาตลอด
หลังนิทานคำฉันท์เรื่องนี้คงพักจากการเขียนฉันท์อีกนาน โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
.......................................................
เรื่องเล่าจากความฝัน
:
เบื้องบรรพกาล แต่บพกาล นานกปกัลป์
ในวนอัน สุดพิสดาร
มีพระฤษี ฑีฆรฌาณ
ตั้งตบะญาณ กว่าศตปี
วรรณะก็กลืน คืนอคนี
โภชนมี เพียงมธุชล
อันภุมริน บินจรดล
วันละก็หน นิจถวาย
ล่วงวษหนึ่ง ผึ้งจะละกาย
กลัวพระฤสาย พลอยมรณา
โอ้องค์มุนีเจ้า ดนุเฝ้าบรีบาล
เอมโอษฐ์ ณ ก่อนกาล ลุ ณ ปัจจุสมัย
โปรดฟังนะซึ่งถ้อย ดนุน้อยจะขานไข
ด้วยข้าจะลาไป ยมโลก ณ สายาณห์
ว่ามาสิภมร นวพรจะบันดาล
เกื้อหนุนก็ช้านาน ตถคตจะแทนคุณ
ข้าน้อยมิหวังใด พระสิใครจะค้ำจุน
หวังผู้แสวงบุญ รึก็คงจะเนิ่นช้า
อ้าองค์พระโยคี ธ ก็มีตบะกล้า
โปรดเถิดละทุกขา และก็หาสิอาหาร
ด้วยข้ารึเป็นห่วง จะละล่วงนะสังขาร
เกรงองค์พระทรงญาณ นะจะวายชิวาตาม
โยคิสดับ รับวจนา
จึ่งตริและว่า นี่นะภมร
เราจะมิตาย วายชิพิก่อน
เจ้าจุติพร สมกะกุศล
ณ สายัณห์ก็วันนั้น ภมรพลันจะแบหลา
ก็โผผินและบินมา ทะทอดร่าง ณ กลางธาร
พระโยคีก็ตั้งจิต มโนฤทธิลือชาญ
กุมุทใหญ่ก็แย้มบาน ผลิออกรับภมรพลัน
มุนีโอมและอ่านเวทย์ สะท้านเขตคิรีขัณฑ์
สะเทือนพฤกษ์พนาวัน สะท้อนลั่นสวรรค์ครืน
จากกาลบัดนั้น จวบวันใหม่เยือน
ส่ำสัตว์ในเถื่อน ล้วนตื่นลืมตา
ร่วมเป็นสักขี ฤๅษีสิทธา
รังสรรค์กายา มานพรูปงาม
แสงทองเยือนหล้า ฟากฟ้าสีใส
ลมโบกโยกไกว ยอดไม้ไหวตาม
กลางกลีบโกมุท พลันผุดแสงวาม
พร้อมหนุ่มน้อยงาม สามโลกต้องชม
มานพก็เยื้องลุ ณ พระที่ ก็มุนีสถิตอยู่
ยอกรประณตและศิระลู่ ณ พระบาทพระฤๅษี
โอ้คุณ ธ ล้นดนุจะทด และจะแทนก็เหลือที่
แม้ข้าอุทิศก็ชิวินี้ ก็มิอาจจะแทนได้
โยคีก็ชมวรสะอาง พิศพลางก็เผลอไผล
สูญเสียสมาธิตบะไป บ่มิทันจะตั้งตัว
พลันกายทิเชื่อมกะอคนี ก็ปริร้าวกะเทาะทั่ว
สำนึกสิสายจิตะก็มัว สละร่างมิช้าที
ปางนั้นมิลันทา ยุพราชะทรงเดช
แห่งมัลละแคว้นเขต ธ สุบิน ณ ราตรี
เห็นเป็นกุมุทแก้ว มละแววเมลืองศรี
ผ่องผุด ณ ธาตรี และก็ลอยละล่องลับ
ลืมตาผวาตื่น พระก็ฝืนจะคว้าจับ
กลิ่นกรุ่นระรินรับ จะแตะต้องก็พลันหาย
เจ้าชายเทวษราว อุระร้าวและเปล่าดาย
ด้วยจิตถวิลหมาย นะจะได้กุมุทนั้น
เข้าเฝ้าพระมารดา เพราะจะลาสิโดยพลัน
ด้วยลูกจะจรจรัล หิมวันต์วนาลี
พระนางกษัตรีย์ อุระราวจะสุมไฟ
ผิทราบวะปล่อยไป ก็จะลับมิคืนหวน
พระลูกจะร้างห่าง และหทัยจะแปรปรวน
ผิล่ามสิด้วยตรวน ก็มิอาจจะรั้งไว้
ปะเนตรปุโรหิต กลล้วนจุความนัย
ก็เคยนะทายไว้ ณ ประสูติกาลนั้น
มิลันทราชเจ้า จะฉลาดละออพรรณ
ผิเข้าวัยฉกรรจ์ จะละเมืองและวงศา
จะทิ้งสิหน้าที่ และละทิ้งนะยศถา
มิพักจะโศกา และมิคิดจะกลับคืน
จำใจจะกล่าวลา ชลนาก็หลั่งนอง
จูบปรางคะทั้งสอง และก็อวยพระพรให้
จงปราศจากโศก และวิโยครึโรคภัย
ลูบหลังและโอบไว้ ผละลาสะอื้นตรม
แรมทางกลางไพรพฤกษ์ พระเฝ้าตรึกคะนึงหา
แต่ดอกบัวงามตา ผกาแก้วนะที่ปอง
ลึกเข้าในป่าใหญ่ ระเรื่อยไปลุเดือนสอง
จึงขับเหล่านายกอง สิกลับคืนบุรีรมย์
แล้วออกเดินเท้าต่อ มิทดท้อรึทุกข์ตรม
ด้วยหวังจักได้ชม กุมุทงาม ณ ปลายทาง
จวบวสันต์ฤดูสิเยือนพิภพ มิลันทราชก็มาประสบ
กะบึงใหญ่
แผ่นนทีก็ดูระรินละไหล และฆานก็ฉมกะกลิ่นหทัย
คะนึงหา
แฝงสรีระร่างกะพุ่มพนา พระค่อยยะเยื้องผะแผ่วและตา
ก็ได้ยล
ร่างลออสะอ้านประจักษ์ ณ ชล ประทับ ณ กลางกุมุทและดล
ฤดีรอน
พลันพระเผยพระองค์และยื่นพระกร จะคว้าจะไขว่มิต่างภมร
เสาะน้ำหวาน
นัยเนตรก็ราวจะเคลือบกะตาล และโอษฐ์ก็เอื้อนวจีประสาน
นะสัมพันธ์
โอ้โฉมประโลมหล้า ดนุมาประสบพักตร์
ให้หวั่นและไหวหนัก มนวาง ณ หัตถา
เพียงพิศก็รู้ได้ วธุไซร้ประทับตรา
ตรึงในหทัยข้า และก็คงมิอาจเลือน
ยินความ ธ เอ่ยไซร้ รึก็ใครจะแชเชือน
คงคบ ธ เปนเพื่อน ดุจมิตรสนิทหมาย
ควรแล้วรึเยาว์เรศ ปฏิเสธสิโดยง่าย
ไม่รักจะลาตาย สละสิ้นล่ะชีวิต
ว่าพลางขยับขรรค์ และก็พลันจรดจ่อ
แนบปลายกะส่วนศอ ขณะก้าวประชิดน้อง
มานพมิเท่าทัน กะอุบายก็เร่งร้อง
ควรหรือจะทิ้งน้อง และจะกลับสวรรค์เสีย
น้ำเนตรก็เอ่อคลอ และก็พ้อ ธ ลืมเมีย
น้องรอพระจนเสีย ชิพิหนึ่งก็ไม่มา
ชาติก่อนภมรน้อย รึก็คอยชะแง้หา
เร่งทำสิกรรมา และก็ล้วนกุศลกรรม์
หวังเพียงจะได้พบ และประสบกะเทวัญ
องค์ภัสดานั้น จะมิทิ้งมิขว้างน้อง
เจ้าชายสดับนึก พระระลึก ณ ก่อนกาล
ทิ้งขรรค์กะท้องธาร และถลันประคองเคียง
โอ้นี่ศวัตรา ภสดาจะร่วมเรียง
หยุดร้องนะยินเสียง วะสะอื้นก็ปวดใจ
เชยปรางค์และจุมพิต วรมิตรอย่าร้องไห้
แต่นี้และต่อไป จะมิพรากรึจากกัน
โอบตระกองยิหวาและดอมและดม พระกรก็ไล้ระเรื่อยและพรม
ก็จุมพิต
รั้งสรีระนวลและแนบประชิด วธูจะหนีก็ตามและติด
กระสันหา
ฟ้าก็ครืนและครวญประดุจนภา จะแตกทะลายสลายกะตา
ณ ครานี้
วิหคถลาระร่อน ณ กลางนที และมัสยาก็แหวกระรี้
ระริกสั่น
เสียงคระครืนก็ยิ่งประโคมและลั่น สะท้านสะท้อนสะเทือนสวรรค์
และโยกคลอน
คมนขาก็กรีดนะอ้อมพระกร ณ ยามพิรุณกระเซ็นและย้อน
ประดุจคลั่ง
ลมสงบมิทันจะได้ระวัง ก็กลับกระแทกกระทั้น ณ ฝั่ง
นทีธาร
แต่นั้นภมรน้อย ก็มิคล้อย ณ หนไหน
อิงแอบและแนบใน กะมิลันทะราชา
สองสมประคองคู่ ดุจอยู่ ณ ชั้นฟ้า
ลืมสิ้นนะโลกหล้า มนมุ่ง ณ ที่รัก
....................................................................................
.......จบตอนค่ะ
ปล. เชื่อกันเถิดนะคะว่าฉันท์ก็โรแมนติคคอเมดี้ได้ ฮี่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
.
.
ท่านไหนที่อ่านแล้วไม่กระจ่างใจยังไงเชิญตามไปอ่านภาคผนวกนะคะ
ภาคผนวก๑ภาคผนวก๒ เรื่องเกี่ยวกับชนิดฉันท์ที่มีในเนื้อเรื่องจะตามมาค่ะ