-14-
-แม็กม่า-
ผมจำที่นี่ได้ดี มันคือร้านอาหารที่คุณอิฐเคยพาผมมาในวันแรกที่เราพบกัน ผมเพิ่งรู้เอาตอนนี้ว่าเป็นที่ประจำที่เขาจะมากับคุณบีทเสมอๆ ร้านอาหารร้านเดิม อาหารชนิดเดิม ไวน์ราคาแพงที่ถูกสั่งมาเหมือนเดิมทุกอย่าง แตกต่างคือจำนวนคน
ผมนั่งเงียบๆ อย่างอึดใจ แม้จะถูกพามาร่วมโต๊ะด้วยแต่ก็รู้สึกได้ว่าเป็นส่วนเกิน แม้คุณอิฐจะหันมาใส่ใจกันบ้างเป็นบางที แต่ก็ไม่มากเกินไปนัก เขาคงเกรงใจแฟนตัวจริงมากกว่า ส่วนคุณบีทก็แสร้งทำเหมือนว่าไม่แคร์ว่าผมจะอยู่หรือไม่อยู่ คงเพราะเขาย่อมรู้ตัวว่าเขาเหนือกว่าผมในทุกๆ ด้าน
ผมมองดูคุณบีทจิบไวน์ราคาแพงอย่างชื่นชมปนหมั่นไส้ สายตาและท่าทางที่แสดงออกถึงความมั่นใจในตัวเอง ทำให้ดูเหมือนข่มอยู่ในที ทั้งๆ ที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาด้วยซ้ำ ในระหว่างที่ผมมองเขา เขาก็เหลือบตามาทางผม เราสองคนสบตากันแวบหนึ่ง ซึ่งผมเป็นฝ่ายยอมแพ้เบนสายตาหนี
“มองทำไม อยากดื่มบ้างหรือไง” เขาเอ่ยขึ้นมาทำให้ผมสะดุ้ง คุณอิฐหันมามองผมทันที
“เปล่าครับ” ผมรับปฏิเสธ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำให้ผมอึดอัดมากขนาดนี้
“ทำไมล่ะ ขวดนึงตั้งหลายหมื่นนะ”
“แม็กดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้หรอก” คราวนี้คุณอิฐเป็นฝ่ายตอบแทน เพราะเขาย่อมรู้ดีว่าผม “ดูแล” ลูกของเขาดีมากแค่ไหน
“อ้อ...ลืมไปว่าท้องอยู่ ดูเหมือนว่าเธอจะดูแลเด็กได้ดีกว่าแม่บางคนซะอีกนะ” ผมไม่แน่ใจว่านั่นเป็นคำชมจริงๆ หรือแค่ประชดกันแน่
“แน่นอนครับ นั่นเป็นหน้าที่ของผมนี่นา” ผมตอบรับแกนๆ ระหว่างระแวดระวังว่าจะเขาจะเดินเกมแบบไหน
“ตอนแรกก็ดูแลแค่ลูก นานๆ ไปก็ดูแลพ่อด้วยอีกคนใช่ไหม?” คำถามแทงใจดำจนแทบสะอึก
“บีท...” คุณอิฐกดเสียงต่ำเป็นเชิงปราม แล้วคนพูดก็หัวเราะยิ้มแย้มแจ่มใสกลบเกลื่อน
“ฮึฮึ ผมแค่ล้อเล่นเอง ทำไมต้องดุด้วยล่ะ แค่จ้างมาท้องให้เฉยๆ อีกไม่กี่เดือนก็ต้องไปแล้ว คุณบอกผมแบบนั้นนี่”
เจ็บ... ผมเจ็บมือเหลือเกิน มือที่ถูกเล็บของตัวเองจิกอุ้งมือสุดแรงเพื่อไม่ให้โต้เถียงอะไรออกมาได้ ผมเจ็บเพราะผมทำร้ายตัวเอง ไม่ได้เจ็บเพราะเขาเอาความจริงมาพูด
ทนต่อไปเถอะ... อีกไม่กี่เดือนก็จะได้หลุดพ้นจากสภาพแบบนี้แล้ว
และแล้วเราก็ผ่านมันไปจนได้ ผมดีใจมากที่ได้หลุดพ้นจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดนั่นเสียทีโดยยังเหลืออวัยวะครบสามสิบสอง (ไม่รวมของลุกเข้าไปด้วย) คุณอิฐขับรถมาส่งผมที่บ้านทั้งๆ ที่ผมบอกเขาแล้วว่าไม่ต้อง เขาก็ไม่ยอม ผมไม่เข้าใจเลยว่าเขาจะแวะมาส่งผมทำไมในเมื่อเขารับปากคุณบีทไว้แล้วว่าจะกลับไปหาอีก...
“ฉันขอโทษแทนบีทด้วยนะ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ดีนักระหว่างทางกลับ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เขาก็ไม่ได้ด่าว่าอะไรผมนี่นา” ผมตอบตามตรง ถือว่าแฟนคุณอิฐยังเก็บอารมณ์ได้ดีมากที่ไม่อาละวาดใส่ผม ทั้งที่ตอนแรกคิดว่าจะโดนฝ่ามือยูไร จระเข้ฟาดหางซะแล้ว แค่วาจาจิกกัดเบาๆ แค่นี้ มันเล็กน้อยมากเลยด้วยซ้ำ
“ถ้าไม่คิดอะไรมากมันก็ดี”
แล้วมันคืออะไรที่ผมควรต้องคิดล่ะ?
ผมควรจะดีใจไม่ใช่เหรอที่เห็นว่าเขาสองคนก็ยังรักกันดี ผมไม่ใช่ต้นเหตุที่ทำให้พวกเขาผิดใจกัน และสักวันที่หน้าที่ของผมสิ้นสุด พวกเขาจะมีครอบครัวที่แสนสุข หน้าที่ของผมมีแค่นี้ และผมไม่ควรคิดอะไรเกินหน้าที่เลยด้วย
ผมถอนใจยาว พลิกตัวกระสับกระส่ายท่ามกลางความมืดมิดในห้องนอน พยายามห้ามตัวเองไม่ให้คิดอะไรฟุ้งซ่าน แต่อยู่ดีๆ เสียงโทรศัพท์ก็แผดเสียงลั่นขึ้นทำลายความเงียบสงัด ผมสะดุ้งพุ่งตัวไปที่มือถืออย่างแปลกใจ เพราะไม่มีใครโทรมานานแล้ว กัสเหรอทำไมโทรมาซะดึกป่านนี้... แต่ชื่อที่ขึ้นมาบนหน้าจอทำให้ผมตกใจหนักขึ้นอีก
ทำไมคุณอิฐถึงโทรมาล่ะ? ก็เขาเพิ่งมาส่งผมเมื่อกี้นี่เอง
“สวัสดีครับ” ผมรับสายแล้วกรอกเสียงลงไปอย่างประหม่า
“นี่ฉันเอง...” ผมลอบถอนใจให้เบาที่สุด นึกอยู่แล้วเชียวว่าไม่น่าจะใช่เขาจริงๆ
“มีธุระอะไรกับผมเหรอครับคุณบีท”
“ที่จริงแล้ว ฉันอยากคุยแบบเห็นหน้านะ แต่ไม่มีโอกาสเลย”
“ผมเข้าใจครับ” ผมรับคำแล้วเปิดไฟในห้องให้สว่าง ลุกขึ้นมานั่ง
“ฉันไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไงดี” วิธีเปิดหัวข้อสนทนาดูเกร่อจนน่าขำ
“พูดเถอะครับ คุณโทรมาเพราะคุณตัดสินใจแล้วนี่”
“ฉันขอร้องให้เธอไปได้ไหม?” ผมหลุดยิ้มออกมาทันทีเพราะคิดว่าตัวเองพอจะเดาถูก คิดไว้อยู่แล้วล่ะว่าไม่มีใครเขาไว้วางใจกันง่ายๆ แบบนี้หรอก ในเมื่อคุณอิฐเขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ออกจะหล่อ มีเงิน และอบอุ่นในบางที การที่เขาจะระแวงว่า ผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อแย่งแฟนเขามาน่ะเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็คิดทั้งนั้นแหละ
“แน่นอนครับ หลังจากที่คลอด ผมจะไปแน่ๆ” ผมตอบรับง่ายๆ เป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง
“ฉันหมายถึงตอนนี้... ทั้งเธอและลูกของเธอ” อืม... แบบนี้ก็ถือว่าตัดไฟแต่ต้นลมเลยนะ ผมถือว่าคุณบีทฉลาด เขาเลือกจะพูดกับผมลับหลังคุณอิฐ แต่ไล่กันตรงๆ แบบนี้ก็ดูจะตื้นไปอยู่ดี
“ก่อนที่คุณจะถามผม คุณปรึกษาคุณอิฐแล้วหรือยังครับ”
“ตอนที่เขาตัดสินใจจะให้เธอท้อง เขาก็ไม่ได้ปรึกษาฉันเหมือนกันนะ”
“งั้นผมคงทำตามที่คุณบอกไม่ได้ ในเมื่อนายจ้างของผมคือคุณอิฐ ไม่ใช่คุณ”
“แล้วเธอไม่สงสารเด็กเหรอ เขาจะเกิดมาเป็นเด็กมีปัญหาแน่ๆ”
“คุณหมายความว่ายังไง?”
“เธอไม่รู้หรือไงว่าอิฐเป็นพวกบ้างานขนาดไหน เขาไม่มีเวลาให้ลูก ส่วนแม่ก็ไม่มี ส่วนฉันก็เกลียดเด็ก สรุปแล้วก็คงเหลือแต่ย่า แต่คนแก่น่ะ จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้นะ”
ที่คุณบีทพูดมาก็ถูก ความคิดเรื่องครอบครัวแสนสุขของคุณอิฐล่มสลายไปจากมโนภาพของผมแล้ว แต่จะให้ผมหอบลูกหนีไปทั้งๆ ที่ตัวผมคนเดียวก็ไม่แน่ใจเลยว่าจะดูแลเขาได้ตลอดรอดฝั่งได้ยังไง
“ถึงอยู่กับผม เขาก็คงลำบากอยู่ดี”
“ก็จริง ผู้ชายคนเดียวเลี้ยงลูกคงลำบาก ถ้าการมีลูกมันสร้างปัญหามาก ก็ไม่ควรมีแต่แรก เธอว่าไหม?”
“ถึงผมจะเห็นด้วย มันก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้วนี่ครับ”
“เอาเด็กออกไหมล่ะ?”
“คุณบีท!!” ผมตะคอกใส่โทรศัพท์อย่างโกรธจัด
“ฉันล้อเล่น... ดูจากน้ำเสียงแล้วเธอคงไม่ยอมง่ายๆ” น้ำเสียงของเขาดูเหมือนสิ่งที่พูดมาเป็นแค่เรอื่งขบขันแต่ผมไม่ขำกับมันเอาเลย
“แน่นอนครับ” ผมตอบรับออกไปด้วยน้ำเสียงที่แสดงความไม่พอใจเต็มเปี่ยม
“งั้นฉันคงไม่มีธุระอะไรแล้ว นอกจากจะบอกอะไรสักหน่อย ทำหน้าที่ของเธอต่อไปให้ดีที่สุด แต่อย่าคิดจะทำเกินหน้าที่” คุณบีทตัดสายไปทันทีที่พูดจบ ผมลดมือถือลงอย่างกลัดกลุ้ม
เขาไม่ผิดหรอกที่พยายามรักษาของของเขาเอาไว้ ไม่ผิดเลยสักนิดที่คิดจะกำจัดเสี้ยนหนามออกไปเสียตั้งแต่เนิ่นๆ ถ้าผมเป็นเขาก็คงจะทำเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นคนที่ผิด และควรต้องเป็นฝ่ายเดินจากไปจะเป็นใครล่ะ ถ้าไม่ใช่ผม
“แม็ก... ตาอิฐไปไหน” ผมชะงักมือที่จับช้อนและส้อมทันทีที่เจอคำถามนั้น เราเพิ่งทานอาหารเช้าร่วมกันไปได้ไม่เท่าไรเอง ดูท่าว่าผมจะกินอะไรไม่ลงเสียแล้ว...
“เอ่อ... ออกไปทำงานตั้งแต่เช้ามืดแล้วครับ” คำโกหกงี่เง่าถูกผมวนลูปกลับมาใช้ไม่รู้กี่ครั้งที่เขาหายไปข้ามวันข้ามคืนแบบนี้
“อย่ามาโกหก เมื่อคืนตอนเธอกลับมาน่ะ ฉันยังไม่หลับ ฉันเห็นตอนที่เขามาส่งเธอแล้วก็ออกไปทันที ไม่ได้ค้างบ้าน” คำคัดค้านนั้นทำให้ผมอึกอักไม่รู้จะตอบยังไงดี แต่ลงท้ายก็ยังอุตส่าห์นึกขึ้นมาได้
“เห็นเมื่อวานมีประชุมแล้วงานก็ยังไม่เสร็จ บางทีคุณอิฐอาจจะกลับไปบริษัทก็ได้” ไม่แน่ใจว่าหน้าที่ของผมนอกจากท้องแล้วจะรวมการหาข้อแก้ตัวให้เขาด้วยหรือเปล่า และถ้าผมทำจะมีใครหาว่าผมทำเกินหน้าที่ด้วยไหม แต่ถึงยังไงผมก็ทำไปแล้วล่ะ
“พอเลย ไม่ต้องมาแก้ตัว คนนะไม่ใช่เครื่องจักรจะได้ไม่ต้องหลับต้องนอน ดึกขนาดนั้นแล้วใครมันจะกลับไปทำงาน ไปหาเมียน้อยล่ะไม่ว่า ที่เธอแก้ตัวให้ขนาดนี้เนี่ย เพราะเธอใจดีหรือว่าโง่กันแน่ฮะ?”
ผมก้มหน้าฟัง ไม่รู้จะพูดจะเถียงอะไรออกมา สถานะของผมไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยอะไร ทั้งๆ ที่แม่คุณอิฐเข้าข้างผมขนาดนี้ผมก็ไม่มีสิทธิ์จะรับความเห็นใจ ในเมื่อคนที่คุณอิฐไปหาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเป็นตัวจริงของเขา
“นี่ฉันไม่รู้ว่าเธอทนเข้าไปได้ยังไง เธอปล่อยให้เขาไปหาความสุขนอกบ้านง่ายๆ ไม่หือไม่อือเลยสักคำเนี่ยนะ?”
“ทำไงได้ล่ะครับ ก็ผมท้องอยู่นี่ คงให้ความสุขเขาไม่เต็มที่ล่ะมั้ง เขาถึงต้องไปหาเอาข้างนอก ไม่เป็นไรหรอกครับ ผู้ชายก็แบบนี้แหละ มีออกนอกลู่นอกทางกันบ้าง แต่เดี๋ยวก็กลับมา” ผมฝืนยิ้มอีกครั้งทั้งที่ความจริงในใจขมขื่น ไม่ว่าจะท้องหรือไม่ท้องคุณอิฐเขาก็ไม่สนใจใยดีผมอยู่แล้ว
“ไอ้จิตใจผู้ชายน่ะฉันก็พอเข้าใจนะ แต่จิตใจเธอน่ะฉันไม่เข้าใจ นี่ไม่ใช่สมัยนางทาสนะ ผู้ชายจะได้มีเมียกันทีสามสี่คน ส่วนนี่เงียบเป็นเป่าสาก อะไรๆ ก็ยอมไปหมด หรือเธอกลัวว่าถ้าเธอมีปากมีเสียง เขาจะทิ้งเธอไปหรือไง?”
“ครับ ผมกลัว” ผมตอบรับออกไปงั้นเอง... เพราะมันคงเป็นเหตุผลที่เข้าท่าที่สุดแล้วล่ะ
“โอ๊ย... ตกลงนี่พวกเธอรักกันจริงไหมเนี่ย?”น้ำเสียงแม่คุณอิฐดังขึ้นอย่างรำคาญใจอีกครั้ง “สรุปที่ท้องนี่แค่พลาดหรือไง? ถ้าเธอไม่ท้องนี่เขาคงไม่พาเธอมางั้นสิ?”
และประโยคต่อมานั้นมันช่างจี้ใจดำผมเหลือเกิน จนผมทนไม่ไหวถึงกับสะอื้นฮักขึ้นมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ผมจะบอกออกไปได้ยังไงว่าผมพลาดไปแล้วจริงๆ
“อะไรเนี่ย บ้าแล้วหรือไง อยู่ดีๆ ก็ร้องห่มร้องไห้เป็นผู้หญิงไปได้ พอเสียที หยุดร้องเดี๋ยวนี้”
“ฮือ....ฮือ....” ยิ่งท่านโวยวายเท่าไรผมก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้นอีก ราวกับว่าความอดทนที่สั่งสมมาตลอดยี่สิบสี่ปีมันพังทลายลงแล้วในวันนี้เลยไม่หยุดเอาง่ายๆ
ลงท้ายแล้วเลยกินข้าวเช้าไม่ลงกันสักคน
ผมหมกตัวอยู่ในห้องนอนตลอดเช้า ยอมรับเลยว่าผมเริ่มแบกรับปัญหาครอบครัวที่รุมเร้าทุกทางแบบนี้ไม่ไหวอีกแล้ว แม่คุณอิฐก็มองว่าผมเป็นคนโง่ และพยายามยุยงให้ผมทวงสิทธิ์ที่ผมไม่เคยมี และพอนั่งทบทวนดูดีๆ ผมคิดว่าสิ่งที่คุณบีทพูดเป็นความจริงทุกอย่าง
ปึ้ง! ประตูห้องถูกเหวี่ยงออกอย่างแรงอย่างจนผมตกใจและสะดุ้งตัวขึ้นหันไปมองอย่างแปลกใจเมื่อพบว่าคุณอิฐกลับมาแต่หัววัน แต่ยังไม่ทันที่จะถามไถ่อะไรอีกฝ่ายก็เริ่มต้นเสียก่อนว่า
“นี่เธอไปฟ้องแม่เหรอ ว่าฉันมีเมียน้อย” ใบหน้าและน้ำเสียงทำให้รู้ว่าเขาคงไม่พอใจนัก
“ผมเปล่านะครับ”
“ถ้าอย่างงั้นแล้วทำไมแม่ต้องบ่นขนาดนี้ด้วย” แสดงว่าเขาคงไม่ได้กลับมาเองหรอก แต่ถูกแม่เขาเรียกให้กลับมาแน่เลย
“ถามผมทำไมล่ะครับ แม่คุณตาบอดหรือไงล่ะ ถึงจะไม่เห็นว่าคุณกลับบ้านหรือเปล่า หายไปบ้างไหม” ผมตอบกลับอย่างไม่พอใจเช่นกัน
“แต่เธอก็ควรจะแก้ตัวไป ไม่ใช่ยอมรับไม่ใช่เหรอ?”
“ผมทำแล้วครับ แต่ถึงผมจะแกล้งโง่ ก็ไม่ได้แปลว่าแม่คุณต้องเชื่อทุกอย่างนี่”
“แล้วมันจำเป็นด้วยเหรอ ที่เธอจะบอกท่านว่าฉันไม่ได้รักเธอน่ะ?” ผมยิ้มขื่น มันน่าสมเพชขนาดไหนล่ะที่พูดความจริงไม่ได้
“ผมคงไม่จำเป็นต้องพูดหรอกครับ ใครๆ เค้าก็คงดูออกทั้งนัน้แหละว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ” ผมอดประชดกลับไปไม่ได้
“แต่ถึงยังไงเธอก็ไม่ควรจะบอกท่านว่าลูกที่อยู่ในท้องของเธอมันคือความผิดพลาดนะ”
“ทั้งๆ ที่มันเป็นอย่างงั้นจริงๆ เหรอครับ?”
“การที่ฉันไม่ได้รักเธอ ไม่ได้แปลว่าฉันไม่ได้รักลูกของฉันนะ” เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกว่าถูกความจริงทำร้ายเอาอีกแล้ว ผมหัวเราะขื่นๆ อีกครั้งระหว่างโต้กลับไป
“รักเหรอครับ ใครๆ ก็พูดได้ ถ้าเด็กคลอดออกมาจริงๆ ผมอยากรู้นักว่าคุณจะอุ้มเขาอาทิตย์ละกี่วัน หรือรักมากๆ แต่ปล่อยให้แม่คุณเลี้ยงไป ส่วนคุณ ก็เอาแต่อยู่อยู่กับคนที่คุณรัก พอลูกโตขึ้นมาหน่อยก็ส่งเขาเข้าโรงเรียนประจำใช่ไหมครับ แหม! ช่างเป็นความรักที่โคตรจะอบอุ่นเลยนะครับ!”
“แม็กม่า!!” เขาตะคอกใส่ เค้นสายตาใส่ผมอย่างโมโห เขาคงโกรธเอามากๆ ที่ผมเอาความจริงมาพูด “ฉันจ้างเธอให้มาท้องให้เท่านั้นนะ ไม่ได้จ้างมาขอคำปรึกษาปัญหาครอบครัวด้วย”
คำตอบของเขาทำเอาผมหน้าชา...
ผมเจ็บอีกแล้ว เจ็บเพราะเล็บที่จิกอุ้งมือตัวเองอีกครั้ง
ผมเจ็บเพราะผมทำตัวเอง
“แค่นั้นใช่ไหมหน้าที่ของผม ผมเข้าใจแล้วครับ” ผมแค่นยิ้มขื่น แล้วเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าดึงเอากระเป๋าเสื้อผ้า ผมกำลังกลั้นน้ำตาครั้งที่เท่าไรของวันไม่รู้ไม่ให้ไหล...
“เธอจะทำอะไร?” เขาถามแล้วเดินมาอยู่ข้างๆ ระหว่างที่ผมพยายามกวาดของใช้จำเป็นใส่ลงไป
“ขอร้อง... ให้ผมไปเถอะ” ให้ผมไปจากความทรมานนี้เถอะ
“ฉันไม่ยอมให้เธอไปไหนทั้งนั้น” เขาตะคอกใส่แล้วกระชากกระเป๋าออกจากมือของผม ผมแหงนเงยขึ้นมองเขา ด้วยแววตาวอนขอ... ทำให้เขาชะงักงันไป ผมเดินผ่านร่างของเขาไปคว้ามือถือรีบเดินเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะล็อกกลอนแน่นหนา
“แม็ก!! แม็ก เธอเข้าไปทำอะไรในนั้น ออกมาเดี๋ยวนี้นะ” เสียงคุณอิฐเคาะประตูโครมครามอยู่พักหนึ่งแต่ผมไม่สนใจ รีบยกมือถือขึ้นกดโทรหาคนๆ เดียวที่จะอยู่ข้างผม
“ว่าไง? คิดถึงเหรอ?” น้ำเสียงร่าเริงแจ่มใสที่ทักทายกลับมาทำให้ผมรู้สึกได้ว่าผมคิดถึงเขาเหลือเกิน
“อือ...” ผมตอบรับแทรกเสียงสะอื้นลงไปเพียงเบาๆ
“เป็นไรป่าว? แม็ก...” ผมพยายามจะเช็ดหยดน้ำตาที่ร่วงหล่นเหล่านั้นอย่างเต็มที่
“กัส... เราทนไม่ได้ไหวแล้ว ฮึก... ช่วยพาเราออกไปจากที่นี่ที”++++++++++
เมื่อไหร่จะคลอดลูกซะที?
ตอนที่ 30 ยังเพิ่งท้องได้5เดือนเองค่ะ....
(แต่ประมาณ35 ตอนจบ )