แฝด ตอนที่ 20
“เป็นยังไงบ้าง” แม็กเอ่ยถามคนสนิทที่นอนคว่ำมีผ้าพันแผลพันเต็มแผ่นหลังอยู่บนเตียงด้วยความรู้สึกผิด สายตาคมไล่มองดูบาดแผลแหวะหวะที่อยู่ไปทั่วทั้งตัวของกำธรอย่างเจ็บใจที่ไม่สามารถช่วยอะไรเจ้าตัวได้เลย
“ดีขึ้นมากแล้วครับ” กำธรบอกพร้อมกับส่งยิ้มน้อยๆให้กับเจ้านายอย่างไม่ติดใจเอาความอะไร เพราะรู้ดีว่าแม็กรู้สึกผิดกับตนมากแค่ไหนจากสีหน้าท่าทางและการแสดงออกที่ส่งผ่านมาจากแววตาจริงใจคู่นั้น
“ฉันสัญญาว่าจะจับตัวคนที่ทำผิดมาลงโทษให้ได้” แม็กทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ว่างข้างๆกับเตียงกำธร เขาคว้าสากที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลมากุมไว้เบาๆพร้อมทั้งให้คำสัญญา
“คุณแม็กอย่าคิดมากเลยครับ อีกไม่กี่วันแผลแห้งเดี๋ยวผมก็หายแล้วครับ” กำธรส่งยิ้มให้กำลังใจเจ้านายน้อยๆ เพราะเขารู้ดีว่าช่วงนี้แม็กเครียดแค่ไหน ทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัวประเดประดังกันเข้ามาวุ่นวายไปหมด
“ถ้ามีปัญหาหรือขาดเหลืออะไรรีบโทรหาผมเลยนะ” แม็กบอกทั้งกำธรและภรรยาของกำธรที่นั่งเฝ้าอยู่อีกฝั่งนึงของเตียง
“ค่ะ” เธอตอบรับด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ถึงแม้ว่าจะรู้แล้วว่าสาเหตุที่ทำให้สามีของเธอเจ็บตัวนั้นคือคนตรงหน้า แต่เธอก็โกรธไม่ลงเพราะเจ้านายคนนี้ของสามีเธอมอบทั้งพระเดชและพระคุณช่วยเหลือครอบครัวเธอไม่เคยขาด
..
..
..
“อ่าว...ไอ้เปี๊ยกหายไปไหน” แม็กเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัยเมื่อเข้ามาแล้วไม่เจอชิตะน้อยที่ควรจะนอนเล่นอยู่บนเตียงกับคนรักเขา เหลือแต่เตชินที่นั่งเฝ้ามินอยู่ห่างๆ
“คุณหนูออกไปกับหัวหน้าครับ…ผมขอตัวไปเฝ้าเป็นเพื่อนเตโชข้างนอกนะครับ” เตชินบอกก่อนที่จะขอตัวเดินออกจากห้องไป
“เป็นอะไร” นั่งเช็คงานกับทางเลขาผ่านทางออนไลน์อยู่นาน แม็กก็ต้องลุกเดินเข้าไปถามคนรักที่นอนหน้านิ่วคิ้วขมวดทั้งที่ยังคงไม่ลืมตา
“อือ...มินปวดฉี่อ่า.....” มินลืมตาขึ้นมาพูดบอกอย่างงัวเงีย
“แล้วก็ไม่บอกตั้งแต่แรก อั้นอยู่ได้ เดี๋ยวก็ปวดท้องหรอกมึง” แม็กว่าก่อนที่จะช้อนตัวคนรักขึ้นมาอุ้มแล้วรีบเดินเข้าไปในห้องน้ำทันที เขาค่อยๆวางมินลงที่พื้นเบาๆอย่างระมัดระวังเมื่อถึงจุดหมายปลายทาง
“เอ้า! มัวยืนทำอะไรทำไมไม่ฉี่ล่ะ?” แม็กชะโงกหน้าเข้าไปถามคนรักใกล้ๆด้วยความสงสัยเมื่อเห็นว่ามินยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น
“แล้วตัวเองล่ะทำไมไม่ออกไปข้างนอกจะมายืนดูอะไร!” มินว่ากลับไปบ้าง
“อย่าบอกนะว่ามึงอายกูอ่ะ?” แม็กขมวดคิ้วถาม
“เออเดะ! ใครมันจะไปกล้ายืนฉี่ให้คนอื่นดูล่ะ” มินตอบมาอย่างอายๆ หน้าแดงแปร๊ด
“คนอื่นที่ไหน? กูผัวมึงเถอะ อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิดยันโต กูสำรวจทุกซอกทุกมุมมึงมากี่ร้อยกี่พันครั้งแล้วห้ะมินยังจะมาอายอะไรอีก ให้กูควักของกูออกมาฉี่เป็นเพื่อนมึงตอนนี้ยังได้เลยเอามั้ย?” แม็กว่าพร้อมทั้งแกล้งทำท่าจะปลดกระดุมกางเกงตัวเองออก
“’งื้อออ...แม็กอย่าแกล้งมินสิ มินฉี่จะราดอยู่แล้วนะ! ออกไปเลย!” มินบอกพร้อมกับผลักตัวแม็กออกจากตัวเอง
“เออๆ เสร็จแล้วเรียกนะ หรือถ้าฉี่ไม่ออกก็เรียกนะเดี๋ยวน้องจะเข้ามาช่วย ‘เอาน้ำออก’ ให้พี่เอง...ฟอด!!!” แม็กยอมเดินออกไปรอมินที่หน้าห้องน้ำแต่โดยดี แต่ก็ยังไม่วายที่จะแหย่คนรักให้เขินอายจนแก้มแดงเล่นจากคำสองแง่สองง่ามที่เจ้าตัวตั้งใจพูดผิดออกมา
“ไอ้คนทะลึ่ง!!!”
“เร็วๆเข้า ก่อนที่กูจะเปลี่ยนใจ หึๆ” แม็กออกมายืนหัวเราะชอบใจอยู่หน้าห้องน้ำคนเดียว เมื่อได้ยินเสียงตะโกนว่าของคนรักที่ป่านนี้คงจะเขินอายจนตัวเห่อแดงเหมือนโดนย้อมสีไปหมดแล้วแน่ๆ
..
..
..
เย็นวันเดียวกัน...
ปัง!!!
“ทำไมถึงทำหน้างออย่างนั้นล่ะครับชิตะ” มินเอ่ยถามเพื่อนซี้ต่างวัยของตัวเองที่กระแทกตัวเปิดประตูห้องพักเสียงดัง ก่อนที่จะวิ่งปืนขึ้นมาทิ้งตัวลงนอนหนุนแขนเอาอย่างไม่พูดไม่จา โดยมีฟาโรห์เดินตามหลังมาด้วยสีหน้าและท่าทางนิ่งๆตามแบบฉบับของเจ้าตัว
“ออกไปเลยนะ!!!” ชิตะคว้ากระเป๋าเป้ลูกเป็ดใบน้อยของตัวเองที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียงของมินคว้างใสหน้าฟาโรห์ที่มาหยุดยืนอยู่ตรงปลายเตรียงของมินด้วยความแม่นยำ
“ไม่เอานะครับ ไม่ทำอย่างนี้อีกนะครับชิตะ เพราะมันไม่น่ารักเลย” มินเอ่ยเตือนพร้อมทั้งพูดสอนชิตะน้อยอย่างอ่อนโยน เขาไม่รู้หรอกว่าระหว่างที่สองคนนี้หายไปด้วยกันมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ถึงได้ทำให้คนที่เคยร้องหาแต่ฟาโรห์ไม่ว่าจะทำอะไรอย่างชิตะถึงได้มีทำกิริยาก้าวร้าวใส่คนโปรดอย่างฟาโรห์แบบนี้ แต่ที่แน่ๆเลยคือที่โดนชิตะคว้างกระเป๋าใส่หน้าไปจังๆอย่างนั้นฟาโรห์จะต้องเจ็บมากอย่างแน่นอนเพราะกระเป๋าของชิตะที่เห็นใบเล็กๆอย่างนั้นน่ะหนักมาก จากที่เขารับรู้ได้เมื่อตอนที่เป็นคนยกกระเป๋าเจ้าตัวไปวางแอบไว้บนโต๊ะวางของข้างเตียง แต่ก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันใส่อะไรไว้ถึงได้หนักขนาดนั้น เพราะไม่ได้เปิดดู
“อีกครึ่งชั่วโมงคุณภีมจะเข้ามารับคุณหนูกลับ...ผมขอตัวไปทำงานต่อนะครับ” ฟาโรห์ใช้สายตาว่างเปล่าจ้องมองเด็กน้อยอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จะละสายตาหันไปบอกลาแม็กกับมินอีกครั้งด้วยท่าทางนิ่งๆคงเดิม ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป
“กำลังรู้สึกเสียใจกับอะไรบางอย่างอยู่สินะ” เป็นอีกครั้งที่แม็กต้องพึมพำออกมาเงียบๆคนเดียว อย่างรู้สึกเห็นใจ (อย่างที่ไม่เคยรู้สึก) เมื่อสายตาที่ดีเกินไปของตัวเองดันไปสังเกตเห็นความวูบไหวอย่างผิดปกติในแววตาของบอดี้การ์ดตัวโตที่เดินออกไป ถึงแม้ว่าเจ้าตัวนั้นจะเผลอปล่อยความรู้สึกส่วนลึกในใจออกมาเพียงเสี้ยววินาทีก็ตาม แต่ก็ไม่อาดรอดพ้นสายตาอันเฉียบคมของแม็กไปได้
“อะไรหรอ?” มินเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจกับสิ่งที่คนรักพูดออกมา
“ไม่มีอะไรหรอก...ว่าแต่แกอ่ะไอ้เปี๊ยกกินข้าวมารึยัง?” แม็กตอบปัดๆ ก่อนที่จะหันไปพูดถามกับเจ้าหนูน้อยชิตะที่ยังคงนั่งตีหน้าบึ้งอยู่ในอ้อมแขนของมิน ในขณะที่เจ้าตัวกำลังซบหน้าคุย(ฟ้อง)น้องในท้องของมินถึงเรื่องที่ไม่สบายใจของตัวเองในวันนี้อยู่
“กินแล้วฮะ” เงยหน้าขึ้นมาตอบแม็กด้วยเสียงอ่อยๆ ก่อนที่จะซบหน้าลงไปนอนคุยกับน้องต่อ โดยมีมินนั่งลูบหัวทุยๆของเจ้าตัวไปด้วย ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าชิตะเป็นอะไรแต่เขาก็อยากจะช่วยปลอบใจหนูน้อยคนนี้ที่กำลังแสดงท่าทางอ่อนแอออกมาอย่างที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว
..
..
..
“หนวดขึ้นแล้วนะแม็ก” มินเอ่ยทักพร้อมกับเอื้อมมือไปลูบคางสากของคนรักที่กำลังนั่งอ่านรายงานของบริษัทอยู่ข้างเตียง หลังจากที่ปล่อยให้ความเงียบครอบคุมพื้นที่ในห้องอยู่นาน เพราะภีมมารับชิตะกลับไปนอนด้วยตั้งแต่ยังไม่หกโมงดีเลยเสียด้วยซ้ำ จนเป็นเหตุให้เจ้าแสบเล็กทำท่าอิดออดอยู่นานเพราะคุณลุงสุดที่รักมารับเร็วเกินไป
“หน้าที่กูรึไง?” แม็กทำซึนตีมึนโยนความผิดไปให้กับมินเพราะปกติแล้ว มินจะเป็นคนจัดการเรื่องการโกนหนวดให้เขาอยู่เป็นประจำ ทั้งทีมันไม่ใช่เรื่องของมินเลยก็ตาม แต่จะทำยังไงได้เมื่อเจ้าตัวเขาโบ้ยมาให้มินนเป็นคนจัดการกับหนวดของตัวเองอย่างนี้…เชื่อพี่เขาเลย!
“ไปอาบน้ำกัน” ยังไม่ทันที่มินจะได้พูดเถียงหรือคัดค้านอะไร ก็โดนแม็กอุ้มตัวลอยเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างปลงๆ เพราะรู้ตัวว่ามันถึงเวลาที่เขาจะต้อง(เขินจน)เหนื่อยอีกแล้ว หลังจากที่มีประสบการณ์ในการนั่งเป็นเหยื่อให้แม็กที่เสนอตัว(แบบไม่ถามความสมัครใจ)มาทำหน้าที่อาบน้ำให้มินมาถึงสองวันด้วยกัน
“หนวดตัวเองแต่เป็นภาระเค้าตลอด” มินเบ้ปากบ่นอย่างไม่จริงจังนักหลังจากที่แม็กจัดการถอดชุดคนไข้ของเขาออกพร้อมกับอุ้มตัวมินที่เหลือแค่ร่างกายเปลือยเปล่าขึ้นไปนั่งบนเคาน์เตอร์ล้างหน้าที่แข็งแรงและมีพื้นที่ว่างกว้างพอให้คนท้องอย่างมินขึ้นไปนั่งได้ ก่อนที่จะส่งอุปกรณ์โกนหนวดของตนเองที่นมน้อมจัดมาส่งให้กับมิน
“เออ...เพราะฉะนั้นทุกๆครั้งก่อนที่มึงจะนอนหรือจำเป็นต้องนอนก็จำเอาไว้ให้ขึ้นใจเลยนะว่ามึงจะต้องตื่นขึ้นมาโกนหนวดให้ตัวภาระอย่างกูอย่างนี้ทุกวัน เพราะมันเป็นหน้าที่ของมึง” แม็กแทรกตัวเข้าไปอยู่ระหว่างขาของมินพร้อมกับใช้หน้าผากของตัวเองชนกับมิน ก่อนที่จะพูดบอกออกมา
“แม็ก...” มินได้แต่ครางเรียกชื่อคนรักด้วยเสียงแผ่วเบาเพราะทราบดีว่าแม็กต้องการจะสื่อถึงอะไร.....แม็กคงกลัวว่าจะเสียมินไปจริงๆ เพราะภาพของมินที่นอนอยู่ในห้องผ่าตัดมันยังคงตามหลอนและติดตาเขาอยู่จนถึงทุกวันนี้
“ส่วนเรื่องของมึงกับลูกน่ะ...ปล่อยให้เป็นหน้าที่กูเอง” แม็กพูดบอกพร้อมกับวาดแขนกระชับร่างนุ่มนิ่มของมินเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด สายตาคมที่บ่งบอกถึงความรัก ความห่วงใย ความจริงจังและจริงใจในคำพูดของเจ้าตัวทำเอามินถึงกับน้ำตาคลอ...แม็กไม่ใช่คนโรแมนติกอ่อนหวาน แต่ก็อ่อนโยน (แบบกระด้างๆตามฉบับของเจ้าตัว) ปากร้ายแต่ทว่ากลับใจดีได้อย่างน่าใจหาย พูดไม่เพราะ ชอบดุ ชอบว่า ชอบด่า แต่ก็ต้องกลับมาเป็นคนปลอบมินอยู่เป็นประจำ
“อื้อ! มินจะรับภาระอันยิ่งใหญ่อันนี้ไว้ก็แล้วกัน” มินร้องบอกทั้งน้ำตาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข พร้อมกับยกมือขึ้นกอดตอบแม็กไปด้วย
..
..
..
เช้าวันต่อมา...
“อยู่กับไอ้เปี๊ยกแล้วอย่าพากันซนล่ะ ประชุมเสร็จแล้วกูจะรีบกลับ...ดูแลมินกับน้องดีๆนะไอ้เปี๊ยก” แม็กบอกพร้อมกับก้มลงจูบขมับมินเบาๆ ก่อนที่จะหันไปบอกกับชิตะที่นั่งมองตาแป๋วอยู่ข้างๆกันกับมิน
“อื้อ”
..
..
..
“มาทางนี้ก่อนครับ” ในขณะที่แม็กจะเดินเข้าไปยังห้องประชุมหลังจากที่เลขาที่อยู่ในห้องประชุมโทรมาเร่งในรอบที่สิบแล้ว แต่ยังเดินไปได้ไม่ถึงครึ่งทางแม็กก็ถูกใครบางคนดึงเข้ามุมอับทางเดินเสียก่อน
“มีอะไรหรือฟาโรห์” แม็กเอ่ยถามออกมาทั้งยังที่ไม่เห็นหน้าเพราะเขาจำเสียงของฟาโรห์ได้
“รออีกสักพักแล้วค่อยเข้าไปนะครับ เพราะตอนนี้เลขาคนสวยของคุณก็โดนเขี่ยออกมานอกห้องเหมือนกัน...ช่วยรับนี่ไปด้วยครับ” ฟาโรห์บอกเสียงเรียบพร้อมกับส่งหูฟังไร้สายให้แม็กหนึ่งข้าง เช่นเดียวกับที่ตัวเขาเองก็ใส่ติดหูไว้หนึ่งข้างเหมือนกัน
‘นี่มันหมายความว่ายังไงห้ะคุณกิติกร ไหนคุณบอกว่าจะยึดหุ้นของคุณแม็กมาแบ่งให้พวกผมไง! แล้วไหงตอนนี้มันถึงถูกโอนไปอยู่ในมือของไอ้เด็กนั่นทั้งหมดอย่างนี้!!!’
เพียงแค่ใส่หูฟังเสร็จปุ๊บดวงตาคมของแม็กก็ฉายวาววับอย่างหน้ากลัวทันที เมื่อได้ยินเสียงของใครคนหนึ่งในบอร์ดบริหารที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะในเวลาปกติเจ้าตัวชอบมาเลียแข้งเลียขาเขาเก่งยิ่งกว่าสัตย์เลี้ยงบางจำพวกอีก
‘ผมก็กำลังหาทางเอามันกลับมาให้พวกคุณอยู่นี่ไง! พวกคุณนั่นแหละที่ไร้น้ำยา แค่ให้แต่งบัญชียักยอกเอาเงินออกมาแบ่งกันใช้ยังทำไม่ได้เลย...กระจอกจริงๆ’
แต่เจ้าของเสียงที่สองทำให้เลือดเขาขึ้นหน้ามากกว่าเดิม เพราะมันคือคนที่เขาต้องการเจอตัวมากที่สุดในขณะนี้.....อยากเจอของจริงสินะไอ้แก่!!!
‘แล้วคุณคิดว่าลูกชายคุณโง่นักหรือไง ไหนจะไอ้รองประธานคนใหม่นั่นอีก ไอ้สองคนนี้มันหูตาไวยิ่งกว่าอะไรดี ขนาดผมลงตัวเลขผิดแค่หลักพันมันยังเรียกผมไปว่าเลย’ เสียงของบอร์ดบริหารคนเดิม
‘ไม่รู้ล่ะ ยังไงคุณก็ต้องจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยภายในอาทิตย์นี้ ก่อนที่พวกมันจะรู้ตัว’ เสียงของกิติกรพูดสั่งออกมาอีกครั้ง
‘แล้วคุณจะให้พวกผมทำยังไงล่ะ พวกผมเป็นเพียงแค่ลูกจ้างนะไม่ใช่ผู้ถือหุ้น’
‘ก็คิดสิ! พวกคุณเป็นบอร์ดบริหารนะ อำนาจที่มีอยู่ในมือก็ช่วยใช้มันให้เป็นประโยชน์เสียบ้าง ก่อนที่จะไม่ได้ใช้’ กิติกรว่า
‘คุณพูดเหมือนกับว่ามันจะทำกันได้ง่ายๆ’
‘ไม่รู้ล่ะ แค่นี้ก่อนนะ ผมจะส่งคนไปเยี่ยมลูกชายคนโตสักหน่อย ได้ข่าวว่ามันป่วยอยู่’ เสียงของกิติกรสิ้นสุดลงไปแค่นั้น ก่อนที่จะมีเสียงถกเถียงของเหล่าบอร์ดบริหารที่ดูเหมือนว่าจะยังหาทางออกกันไม่เจอ แต่นั่นมันไม่ใช่ประเด็นที่แม็กจะเก็บเอามาใส่ใจหรอก เพราะว่าคำพูดประโยคสุดท้ายที่กิติกรทิ้งไว้นั้นมันกำลังทำให้แม็กเป็นกังวล
“โทรสั่งให้เตชินกับเตโชเข้าไปอยู่กับมินเดี๋ยวนี้เลยฟาโรห์” แม็กพูดสั่งกับฟาโรห์ที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งอยู่ข้างๆกัน เพราะพวกเขากำลังจะกลับไปหามินที่โรงพยาบาล แต่ก็เหมือนว่าจะช้าเกินไป
เมื่อ.....
โรงพยาบาล...
สี่สิบนาทีก่อนหน้านี้...
“ยังไม่ถึงเวลาตรวจนี่ครับ” เตชินเอ่ยทักทีมแพทย์และพยาบาลที่เดินมาหยุดอยู่หน้าห้องพักของมินด้วยความแปลกใจ เพราะเวลาตรวจของมินมันไม่ได้เร็วอย่างนี้ เนื่องจากว่าห้องพักของมินเป็นแบบพิเศษวีไอพีเลยอยู่ชั้นบนสุดของหอผู้ป่วยใน จึงได้ตรวจเป็นคนสุดท้ายในช่วงสายโน่น
“พอดีว่าวันนี้คนไข้เยอะน่ะค่ะ คุณหมอเลยต้องแบ่งกันมาตรวจ เพราะกลัวว่าจะไม่ทันเวลา” พยาบาลสาวที่ทำหน้าที่เข็นรถอุปกรณ์เอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญครับ” เตชินบอกพร้อมกับเปิดประตูให้ทีมแพทย์และพยาบาลเดินเข้าไปในห้อง ส่วนเขาเดินตามหลังปิดท้าย โดยไม่ลืมที่จะส่งซิกบางอย่างไปให้พี่ชายอย่างเตโชได้รับรู้
คลิก!
“พวกมันมาแล้วครับหัวหน้า” เตโชกดล็อกประตูหน้าห้องใหญ่ของมิน ก่อนที่จะเดินตามหลังทุกคนเข้าไป พร้อมกับโทรรายงานฟาโรห์ที่เข้ามาสั่งงานเขาแต่เช้า
..
..
ภายในห้องพักของมิน
“สองคนนั้นไม่ได้ตามเข้ามาใช่มั้ย?” คนที่แสดงตัวว่าเป็นหมอหันหลังกลับมาถามนางพยาบาลที่เดินตามตนเข้ามา พลางชะเง้อมองไปทางที่เพิ่งเดินเข้ามา
“ไม่มีค่ะ” เธอหันไปมองทางด้านหลัง ก่อนที่จะหันกลับมาตอบหัวหน้าของเธอ เพราะไม่มีวี่แววของบอดี้การ์ดสองคนตามเข้ามาสักคน
“ถ้าอย่างนั้นก็จัดการเลย” คนที่เป็นหมอบอกพร้อมกับที่ทีมงานของตัวเองทั้งสองคนก้าวเข้าไปล้อมรอบเตียงนอนของมิน โดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่าบนโซฟาที่ตั้งอยู่ไม่ห่างนักมีร่างเล็กของเด็กน้อยนอนคลุมโปงอยู่อย่างมิดชิด
“โปะยาสลบไปเลย” หมอคนเดิมพยักหน้าพูดสั่งกับนางพยาบาลอีกคน เมื่อเห็นว่ามินทำท่าว่าจะตื่นขึ้นมา
“พวกคุณเป็น...อื้อ!! อื้ออออ...” เพียงแค่ลืมตาตื่นมาได้ไม่ถึงห้าวินาที มินก็จำต้องหลับไหลดังเดิมเมื่อโดนฤทธิ์ยาสลบโปะเข้าไปเต็มๆ ก่อนที่ทุกๆอย่างเริ่มจะชุนละมุนเมื่อสองพี่น้องเตพากันเข้ามาล็อกคอพยาบาลสาวทั้งสองคนจากข้างหลัง
“คุณหมอเขาอยากเล่นผ่าตัดคุณหนูช่วยเล่นเป็นเพื่อนคุณหมอแทนพวกผมหน่อยได้มั้ยครับ” เตชินตะโกนบอกกับคุณหนูตัวน้อยที่กำลังนั่งหัวฟูทำหน้ามึนอยู่บนโซฟาเพราะนอนไม่เต็มอิ่มหลังจากที่ต้องตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงเอะอะจากการต่อสู้และขัดขืนของสองพี่น้องเตและสองพยาบาลสาวที่ไม่น่าจะใช่พยาบาลจริงๆ เพราะต่อสู้กับพวกเขาได้สูสีขนาดนี้
“เหอะ! ก็แค่เด็กน้อยจะมาทำอะไรฉันได้!” คุณหมอ(ปลอม)สะบัดเสื้อกาวน์ออกทิ้งอย่างไม่ใยดีเพราะมันเกะกะ
“เดี๋ยวหมอก็รู้เอง...ฝากด้วยนะครับคุณหนู” เตชินแสยะยิ้มพูดบอกกับหมอเก๊ก่อนที่จะพูดฝากฝังกับคุณหนูของตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เขาและเตโชจะลากพยาบาล (ปลอมๆ) ออกไปข้างนอกห้องเพราะไม่อยากที่จะรบกวนเวลา ‘เล่น’ ของคุณหนูที่เคารพรัก
“เอาจะเล่นอะไรกันก่อนดีฮะคุณหมอ...ผ่าตัด? เย็บแผล?” ชิตะน้อยเอียงคอถามด้วยรอยยิ้มหวานตามฉบับเด็กน้อยน่ารักของเจ้าตัว พร้อมกับหยิบมีดสปริงสองคมที่อยู่ในกระเป๋าเป้ลูกเป็ดออกมาถือ ก่อนที่จะหยิบแผ่นหนังสีดำขนาดฝ่ามือที่เต็มไปด้วยเข็มเงินเล่มเล็กเหน็บเรียงเต็มแผงทั้งสองด้านออกมาอีกอย่างหนึ่ง
“…..”
“แต่พี่ว่าเล่นผ่าตัดดีกว่าเน๊อะ...อชิตะชอบ” ว่าพร้อมกับโยนกระเป๋าเข็มทิ้งลงบนโซฟา ก่อนที่จะก้าวเดินย่างสามขุมเข้าหาคุณหมอเก๊พร้อมมีดสปริงสองคมปลายแหลมด้วยสีหน้าที่พร้อมสนุกเต็มที่ ทำเอาคุณหมอเก๊ผงะถอยแทบจะไม่ทัน
“อ...อย่าเข้ามานะไอ้เด็กบ้า!!!” ไม่! เขาไม่ได้อยากหนี เขาไม่ได้อยากกลัว แต่ไอ้เด็กบ้านี่มันทำท่าทางหน้ากลัวเกินไป อีกทั้งสายตากลมๆที่เคยบ๊องแบ๊วก่อนหน้านี้นั้นมันหายไป พร้อมกับสายตาความเย็นชาแห่งการกระหายบางอย่างแทรกเข้ามาอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้ และที่สำคัญคือเขาคนนี้ไม่ใช่มือปืนหรือนักฆ่ารับจ้างอย่างผู้หญิงสองคนนั้น เขาเป็นเพียงคนธรรมดาที่เป็นเหมือนกับมันสมองของกิติกรเท่านั้น!! ไม่ได้มีความสามารถอะไรเลยนอกจากงานเอกสาร!!
หมับ!
“เลิกเล่นได้แล้วครับคุณหนู คุณหมอเขากลัวหมดแล้ว” แต่สวรรค์กลับเข้าข้างหมอเก๊คนนี้เมื่อฟาโรห์มาคว้าแขนคุณหนูน้อยของตัวเองไว้ได้ทัน ก่อนที่มันจะจิ้มเข้าไปฝังในพุงผู้ใหญ่ตัวโตตรงหน้า
“อย่ามาจับเรานะ! เราเกลียดฟาโรห์!!” ถ้อยคำเจ็บแสบจากปากคุณหนูที่รักทำให้ฟาโรห์รีบปล่อยข้อมือน้อยๆนั่นเหมือนกับกับของร้อนอย่างช่วยไม่ได้ เพราะตั้งแต่ที่เกิดเรื่องวันนั้น เขายังไม่ได้อธิบายเหตุผลให้คุณหนูตรงหน้านี้ฟังเลย ได้แต่ปล่อยให้อารมณ์เด็กน้อยคุกรุ่นมาจนถึงตอนนี้ เพราะหน้าที่การงาน เวลา และสถานการณ์ไม่เคยช่วยอำนวยเลยสักครั้ง
“ทุกอย่างพร้อมแล้วครับคุณแม็ก” เตชินกลับมาเรียกแม็กที่ยืนอยู่ข้างเตียงของมินเมื่อทุกอย่างที่พวกเขาวางแผนกันไว้ก่อนหน้าเตรียมพร้อมหมดแล้ว
“อืม...ฝากมินด้วยล่ะ…ไปฟาโรห์” แม็กรับคำพร้อกกับพูดสั่งเตชินที่จะอยู่ทำหน้าที่ดูแลความปรอดภัยที่นี่ ส่วนตัวเขานั้นจะไปกับฟาโรห์และเตโช
“ครับ” ฟาโรห์รับคำพร้อมทั้งละสายตาจากคุณหนูตรงหน้าไปทำหน้าที่อย่างจำยอม เมื่อแม็กเรียก
“เรามาจบเรื่องนี้กันสักทีเถอะ...กิติกร”
………………………………………………………………….TBC.