- คิงไซซ์ - 1 -
----------------------------------
“สวัสดีครับ สนใจแบบไหนไซซ์ไหน สอบถามได้นะครับ”
วันๆ ผมพูดประโยคนี้ สัก 500 รอบได้ พูดซ้ำๆ คำเดิมๆ กับยิ้มหลอกๆ
60% จะเดินหนี
30% จะยิ้มให้แล้วเดินหนีอีกเช่นกัน
5% จะมีคำถามนิดหน่อย แล้วก็ไป
4% ถามเยอะมากแต่ไม่ซื้อ
และไม่ถึง 1% ที่จะตกลงใจซื้อ
ผมเข้าประจำตำแหน่งขอบเตียงเหมือนทุกวัน
ไม่ได้ขายตัว แต่ขายเตียง
ถึงเศรษฐกิจจะไม่ดี แต่ก็ยังมีคนซื้อบ้านซื้อคอนโดกันเยอะแยะมากมาย จากมนุษย์เงินเดือนก็เพิ่มตำแหน่งมนุษย์เงินผ่อนไปอีก เตียงผมยังผ่อนได้เลยนะครับ 0% 10 เดือน กรุณาตรวจสอบเครดิตของท่านก่อนทำการสั่งซื้อ
พอซื้อบ้านใหม่ก็มักจะซื้อเตียงกันใหม่ด้วย ดีครับ ค่าคอมฯผมกระฉูด ทำให้คนตัวคนเดียวอย่างผมมีกินมีใช้
“สร สรใช่ไหม?”
“...” ผมอึ้งกับคำถามที่แปลกออกไป ปกติจะเป็นคำถามพวก เตียงพวกนี้ทำมาจากอะไร ปวดหลังนอนแบบไหนดี อันนี้กับอันนี้ต่างกันยังไง นอนไปนานๆจะยุบไหม สะสมไรฝุ่นรึเปล่า
นี่ถามชื่อ? รู้จักกันเหรอ? แต่ขื่อถูกนะ ใช่ ผมชื่อสร
ผมเพ่งมองคนตรงหน้าดีๆ อีกครั้ง ชายดูภูมิฐาน ใส่สูทผูกไทด์ กางเกงสแลคกลีบโง้ง รองเท้าหนังเงาวับนาฬิกาโรเล็กซ์แสงเงาเข้าตา ผมหวีปาดทรงแบบคุณชายสุดๆ ไอ้ลุคนี้มันนักธุรกิจร้อนล้านเลยนะ
เดี๋ยว มองทั้งตัวลืมมองหน้า หน้า... คุ้นๆ แต่ ไม่ยักนึกออก
“ขอโทษนะครับ เรา รู้จักกันเหรอ?”
“เฮ้ย ไม่ต้องครับดิ กูกรไง กรที่นั่งข้างหลังมึงตอน ม.ปลายอ่ะ”
“กร...” ผมขมวดคิ้ว
เชี่ยเลวกรอ่ะนะ ถ้าไม่นับเรื่องนิสัยขี้แกล้งกวนตีนของมัน มันทั้งดำทั้งซกมก แล้วดูคนตรงหน้าผมสิ ควรเรียกคุณกรแล้วกราบงามๆ เลยล่ะ
“นึกๆ สินึก”
“...”
“ลูกตาประจวบอ่ะ จำได้ยังๆ”
“อ้อ กร”
“ไมทำท่าห่างเหินงั้นอ่ะ เฮ้ย เป็นไงบ้าง” เขาตบแขนผมเบาๆ อย่างสนิทสนม
มึงไม่ได้สนิทกับกูขนาดนั้น!
“คุณเปลี่ยนไปมากเลยนะครับ” ผมเลือกพูดด้วยคำสุภาพเหมือนเดิม มันจะได้รู้ว่า กูไม่ได้อยากสนิทกับมึง!
“เฮ้ย บอกว่าไม่ต้องครับไง คนกันเอง”
“เอ่อ ไม่ได้ครับ นี่เวลางานถ้าเมเนเจอร์เห็นจะโดน”
“อ้อ ได้ๆ งั้นกูจะเล่นเป็นลูกค้ามึง เอ่อ น้องครับรุ่นนี้ไปไงมาไง”
“หา?”
“หมายถึงทำมาจากอะไร”
“อ้อ ทำมาจาก... ก็เหมือนๆ เตียงทั่วๆ ไปนั่นแหละ ลองกดหรือนั่งกูเลยดีกว่า” ผมเลือกไม่อธิบายกับไอ้บ้านี่ให้เสียเวลาเสียอารมณ์ ชอบแบบก็เอาแบบนั้นไปเลยเถอะ อย่าให้ต้องเปลืองแรงอธิบายให้มากความเลย
“เออ ก็จริง รู้ไปกูก็ไม่เก็ทอยู่ดี แต่... ผมขอถามหน่อย ถ้าผมซื้อคุณได้ค่าคอมฯป่ะ?”
“เอาจริงๆ นะคุณลูกค้า ผมเป็นเซลของยี่ห้อตัว T ถ้าคุณซื้อของแบรนอื่นผมก็ไม่ได้เปอร์เซ็น” ผมแอบกระซิบตอบเบาๆ
เรื่องสนิทไม่สนิทเอาไว้ทีหลัง แต่เรื่องเงินสำคัญกว่า ตอนนี้ผมขอตีสนิทจนกว่าไอ้บ้านี่จะรูดบัตรแล้วเซ็นเสร็จเรียบร้อยก็แล้วกันนะ
“เหรอครับ งั้นยี่ห้อนี้ นี่มีรุ่นไหนให้เลือกบ้าง ผมขอดูคิงไซซ์ก่อนเลย”
ผมเดินนำพาไอ้กรไปดูตามที่ขอ
“ลองนั่ง หรือจะนอนเลยก็ได้นะครับลูกค้า”
“เหรอ ก็ดีนะ” ว่าแล้วไอ้คุณกรก็ไม่รอช้า หันหลังนั่งใส่เตียง
แสงสะท้อนจากรองเท้ามันเด้งเข้าตาผมแรงมาก สูทมันเรียบกริ๊บจนผมกลัวมันนั่งเยอะกางเกงจะยับ ไม่ได้กลัวเตียงผมยุบหรืออะไรเลย
“คุณ ช่วยนั่งลงตรงนี้หน่อย” เขาตบปุๆ ที่ว่างข้างๆ
ผมมองมือมัน เอาตรงๆนะ ผมค่อยข้างลังเลและระแวงมันอ่ะ จริงๆ
“เอาน่า ผมอยากรู้ว่าถ้าผมนอนอยู่แล้วมีคนนอนหรือขยับอยู่ข้างๆ จะรู้สึกตัวตื่นไหม ผมตื่นง่าย กลัวหลับไม่สนิท”
ผมลังเล แต่ก็ยอมนั่งลงข้างๆ ไกลสุดขอบ ความทรงจำตอนที่มันเคยแกล้งผมไว้เมื่อตอนเด็กๆ ยังจำฝังใจ อย่าหาว่าผมเป็นคนขี้หวาดระแวงเลย ก็เพราะมันนั่นแหละทำให้ผมเป็นคนแบบนี้
มันนอนครึ่งตัวลงกันเตียงยกแขนไขว่รองหัวไว้ ตบที่นอนข้างๆ มันที่เดิม
“ใกล้อีกๆ นี่ๆ เดี๋ยวพี่เหมาให้สองเตียงเลย” ผมเลี่ยงไม่ได้ ไม่ได้เห็นแก่เงินนะ ลูกค้าขออะไรพอทำได้ก็ทำ ผมขยับไปใกล้อีกหน่อย พอหยุดขยับก็ถูกดึงเสื้อจากข้างหลังเสียหลักนอนแผ่ลงกันเตียงทับแขนไอ้บ้านั่นเต็มๆ
ผมเด้งตัวขึ้นทันที เดินหนีมันให้ไกล
ไอ้บ้าเอ้ย ไม่เปลี่ยนจริงๆ
“เดี๋ยวดิ นี่เทสเตียงอยู่นะ”
เทสเหี้ยอะไรกลางห้าง ไปเทสต่อที่บ้านมึงโน้นเลย
“เทสขนาดนี้เรียกแฟนมึงมาเทสเองเหอะ”
“ฮ่าๆๆ งอนอะไรว่ะ มานี่ก่อน พนักงานเดินหนีลูกค้าได้ไง” ผมไม่สน ขอแค่ไปให้ไกลๆไอ้นี่ก็พอ แต่แม่งก็ยังตามมาติดๆ
“มึงแม่ง”
“สร สร กูขอโทษ กูเล่นแรงไปเหรอ”
ผมเดินหลบเข้ามาในบล็อกโชว์ที่ไร้ผู้คน มันแม่งก็ยังเดินตาม
“ไม่เจอกับแปดเก้าปีมึงแก่จะตายห่าแล้ว ยังเอาแต่แกล้งกู”
“เฮ้ย กูขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้จะแกล้งจริงๆ แค่อยากให้มึงช่วยเลือก”
“เพื่ออะไร? มึงน่าจะมีคนเยอะแยะอยากช่วยมึงเลือกอยู่แล้วนี่หว่า กูเป็นแค่พนักงานมึงจะมาอยากรู้ความเห็นกูทำไม”
ผมไม่รู้เขามีแฟนหรือคนที่คบมั้ย ดีไม่ดีอาจจะแต่งงานแล้วก็ได้ มีตังอย่างมันคงไม่ขาดแคลน ผมสิ รู้สึกโคตรต่ำต้อย เป็นแค่พนักงานกระจอกเขาสั่งอะไรก็ต้องทำ อันนั้นกูรู้มันคือหน้าที่มันคืองานของกูอยู่แล้ว แต่พอเป็นไอ้เหี้ยนี่เข้าหน่อยทำไมความสามารถควบคุมจิตใจทำไมมันต่ำนักวะ กูก็แค่อยากให้มึงซื้อของกูแล้วจะไปไหนก็ไป อย่ามาแสดงสีหน้าสมเพสกูอย่างตอนนี้
“กูไม่มีใคร ไม่มีใครเลยต่างหาก” อยู่ๆ เขาก็ทำหน้าเศร้า เลิกเดินตามผม
อยากบอกว่ากูไม่ได้สนใจชีวิตมึงเลยสักนิด แต่เป็นความว่างเปล่าในตาเขาที่ทำให้เผลอถามออกไป
“หมายความว่าไง?”
“แฟนที่กูคบ เราคบกันเพราะธุรกิจ” มันก้มหน้าลง “เราตกลงกันตั้งแต่แรกว่าถ้าเจอคนที่ใช่จริงๆ ให้บอกอีกฝ่าย แล้ว เขาเจอแล้ว จริงๆเขามีคนรักอยู่นานมากแล้ว ก่อนเริ่มคบกับกูซะอีก”
“มึงคงรักเขาไปแล้ว”
“เปล่า เปล่า ไม่ใช่เลย แค่ กูรู้สึกพอเหมือนจะมีใคร กูดันพบว่ากูก็ไม่มีใครเหมือนเดิม รู้มั้ยตามกำหนดกูกำลังจะแต่งงานกับเขา อีกครึ่งปี นี่กูมาเลือกของแต่งเรือนหอ กูก็ต้องมาคนเดียว พ่อแม่เขายังไม่รู้เลยว่าพอถึงเวลาลูกเขาจะหนีงานแต่ง ในฐานนะเพื่อนที่ดีก็ตามน้ำไปก่อนจนกว่าเรื่องจะแดงขึ้นมาเอง”
“กูเสียใจด้วย มึงโอเครึเปล่า”
“มึงเลิกงานกี่โมง”
“วันนี้ดึกหน่อยสี่ทุ่ม เพราะพรุ่งนี้หยุด” อ้าว นี่ผมโดนมันหลอกถามเปลี่ยนเรื่องรึเปล่าเนี่ย
“หยุดวันจันทร์เนี่ยนะ”
“ก็เสาร์อาทิตย์หยุดไม่ได้อยู่แล้ว ลูกค้าเยอะ ก็หยุดจันทร์อังคารพุธ ไรเงี้ย”
“พากูไปคิดตังที”
“คิดอะไร?” เปลี่ยนเรื่องอีกแล้ว!
“ก็เตียงเมื่อกี้ไง”
“เอาเลยเหรอ?”
“แน่ะ มึงพูดอย่างนี้กูคิดนะ” ผมขอถอนความคิดที่สงสารมันไปเมื่อกี้ แม่งเสียดายความรู้สึกจริงๆ
“หมายถึงคุณลูกค้าจะรับเตียงเมื่อครู่เลยเหรอครับ?”
“รับครับ หกฟุตสอง ห้าฟุตอีกสองครับ”
“หา?!”
“ตกใจอะไร กูเอาจริง”
ผมกุมขมับกับไอ้บ้านี่ ดูไม่ถึงนาทีมันจะเอาแล้ว ผมไม่ยอมหรอก เตียงไม่ใช่สองสามบาทนะมึง
“มึงกลับไปดูดีๆอีกรอบเลย ที่นอนอันนึงไม่ใช่ถูกๆนะมึง แถมมึงต้องนอนทุกวัน ถ้าไม่ถูกกับมึง มึงจะนอนไม่หลับ เสียงสุขภาพ บุคลิกภาพก็เสีย มึงต้องเลือกดีๆ มันไม่ใช่เรื่องที่แค่ถูกใจก็เลือกง่ายๆนะเว้ย ตั้งใจหน่อยสิว่ะ”
“มึงว่าคนนอนต้องเลือกเองเหรอ”
“เออ ไป ไปเลือก”
“งั้นกูโทรศัพท์แปป”
หา อะไรของมันอีกว่ะ
“คุณพลอยคะ กรอยู่โซนเตียงนอน คุณพลอยมาหากรหน่อยสิคะ พากีต้าร์มาด้วยนะ จ้า จะรอนะคะ” ฟังมันพูดค่ะขาแล้วขนลุก
มั่นไส้
ไม่ถึงนาที ก็มีคนเดินเข้ามาหามัน เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ผอมบางแบบคุณหนู ใส่เดรสเนื้อผ้าบางพลิ้วไปมา อีกคนก็งามพอกันเดินตามมาห่างๆ นี่เหรอคู่หมั้น ควายแล้วมึงปล่อยให้หลุดมือ ขนาดผมเป็นคนอื่นยังเสียดาย มันได้อยู่ในมือ ปล่อยให้หลุดไปได้ไง
“คุณพลอย กีต้าร์ นี่สร เพื่อนผมตั้งแต่สมัยมัธยมเพิ่งเจอกันเมื่อกี้ โลกกลมมากเลยว่าไหม”
“จริงเหรอ โลกกลมจังค่ะ”
“มึง นี่พลอย คู่หมั่นกู นี่กีต้าร์แฟนของคู่หมั่นกู”
“คุณกร ทำไมบอกเพื่อนอย่างนั้น บอกแล้วไงไม่ให้บอกใคร” พลอยตีกรแบบไม่ยั้ง สมน้ำหน้า
“เดี๋ยวๆๆ ฟังกรก่อนๆ มานี่ทั้งสองคน” มันพาสองสาวสวยระดับมอเตอร์โชว์ไปไกลผมลิบๆ กระซิบอะไรสักพักก็กลับมา ผมจะถามได้มั้ยว่ากระซิบอะไรกัน เผือกเรื่องลูกค้าจะผิดมั้ย
“จริงนะคุณกร”
“จริง เขาบอกว่าให้คนนอนมาเลือกเอง จะได้ไม่มีปัญหาตามมา”
แต่กูว่าที่เขาถามกับที่มึงตอบมันคนละประเด็นนะ
สองสาวจูงมือกันไปเลือกเตียง ส่วนมัน เลือกคนเดียวต่อไป
“มึง กูชอบอันนี้ มึงชอบไหม?”
“ชอบ อันนี้กูแอบนอนประจำ”
“ฮ่าๆๆ จริงดิ งั้นกูเอาอันนี้ แบบห้าฟุตกับแบบหกฟุต อย่างละเตียง โครงเตียงกูให้อินทิเรียจัดการแล้ว”
“คุณกรๆ เราชอบแบบนี้” พลอยตัวเล็กชี้เตียงที่ตัวเองเลือกอยู่
“โอเคจ้า งั้นไปคิดตังกันมึง”
คนรวยนี่ทำอะไรก็ได้จริงๆ แม่งแป็ปเดียวเสียทรัพย์เป็นแสนก็ยังทำหน้าอารมณ์ดี คนอารมณ์ดีต้องกูนี่ กูได้ตัง มึงเสียตัง
“สี่ทุ่มห้านาที เดี๋ยวมารับหน้าห้างนะ กูกลับไปเคลียร์งานรอ”
“หา?”
“เอาน่า เดี๋ยวกูพาไปพักผ่อน เลี้ยงตลอดทริป ไม่ต้องห่วง”
“กูชอบของฟรี แต่ว่า...”
“แฟนมึงจะว่าเหรอ?”
“เฮ้ย กูไม่มีแฟน”
“อุ้ย ยอมบอกแล้ว ฮ่าๆๆ มึงนี่หลอกง่าย”
“ถ้ามึงยังไม่เลิกแกล้งกู กูจะไม่ไปกับมึงจริงๆ” ผมไม่พอใจมันจริงๆ ถึงมันจะมีพระคุณเป็นคุณลูกค้าระดับพรีเมี่ยมก็เถอะ
“โอเคๆ ไม่แกล้งๆ งั้นตกลงไปนะ”
“กู กูต้องกลับไปเตรียมของก่อนป่าววะ มึงชวนกะทันหัน”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวกูให้สาวๆจัดการให้ เรื่องนี้พวกเขาถนัด คุณพลอยคะ เดี๋ยวฝากดูชุดนอน กับชุดสบายๆไว้ใส่พรุ่งนี้อย่างละสองชุดนะ ของกรกับสร”
“โอเค รับทราบ ช็อปปิ้งงง ป่ะต้า” สองสาวชูกำปั้นจับมือกันเดินไป มองเผินๆ ก็เหมือนเพื่อนผู้หญิงที่ชอบจับมือกันเดิน ดูน่ารักเหมือนเด็กมัธยม
“มึงเห็นป่ะ เขาเป็นกันอย่างนี้ มึงจะไปบอกพ่อแม่เขาทำลายชีวิตรักเขาลงได้ไง มึงพอจะเข้าใจกูยังว่าทำไมกูยอมตามน้ำให้พวกเขา”
“แต่แลกกับชีวิตมึงทั้งชีวิตเลยนะเว้ย ถ้าวันข้างหน้ามึงเจอคนที่ใช่แล้วเขารับไม่ได้ที่มึงเคยแต่งงานล่ะ ถ้าเขารู้แล้วถอยจากมึงล่ะ หรือมึงอาจจะไม่มีโอกาสเจอคนคนนั้นของมึงเลยนะ”
“กูคิดว่ากูเจอแล้ว เจอนานแล้วด้วย”
“แล้วทำไมมึงไปบอกเขา”
“กูก็กำลังชวนเขาไปเที่ยวด้วยกันนี่ไง”
“หา”
“มึงนี่ชอบหา กูบอกว่ากูเจอแล้ว รอเขาตอบรับอยู่ ฮ่าๆๆๆ อ้าปากกว้างเชียวนะมึง เดี๋ยวกูจับจูบซะหรอก”
“ไม่จริง มึงแกล้งกู” ผมเลิกเดินไปส่งเขา ผมหันกลับ ใจเต้นระรัว บ้า ไอ้บ้านั่นแกล้งผมอีกแล้ว ผมเกลียดการแกล้งของเขา ผมเกลียดการพูดจาหรือการกระทำที่ทำให้ผมใจเต้น แล้วลงท้ายเขาก็บอกว่าทั้งหมดนั่นคือการล้อเล่น ผมเกลียดความจริง
ผมเกลียดหัวใจตัวเองที่ไม่เคยเกลียดเขาได้จริงๆ สักที
หัวใจนี้ ผมตัวสั่นเพราะกลัวเขาจะตะโกนกลับมาว่า ‘เออมึงรู้ทันได้ไงว่ะ กูแค่ล้อมึงเล่นจริงๆ’
แต่สิ่งที่เขาตะโกนตามมายิ่งทำให้ความกลัวของผมทวีคุณขึ้นไปอีก
“กูจริงจังนะ ไม่ว่ามึงจะคิดยังไง คืนนี้กูจะมารอ รอจนกว่ามึงจะมา”
เพราะผมคาดหวังกับคำพูดเขาอย่างเต็มหัวใจ
ผมไม่หยุดก้าว ผมยังคงเดินห่างจากเขาห่างจากเขา ทุกทีๆ
ผมเกลียดเขาพอๆ กับที่ชอบเขา ผมดีใจแทบตายที่เจอเขาวันนี้ แล้วก็กลัวจับใจว่าเขาจะมาล้อเล่นอะไรกับหัวใจผมอีก
ผมเหรอจะเป็นคนที่คนเพียบพร้อมทุกอย่างคนนั้นเลือก ผมเหรอจะคู่ควรกับเขา ดูผมวันนี้ กับดูเขาในวันนี้สิ แค่นี้ก็ต่างกันราวฟ้ากับเหว
..................
สี่ทุ่มครึ่ง ผมยังเข้าออกโกดังขนย้ายเปลี่ยนสินค้าตัวโชว์ไม่เสร็จ
“สร มึงเอาแต่ดูนาฬิกา นัดใครไว้ป่าวว่ะ”
“เปล่านี่”
“เฮ้ย ถ้ามีนัดก็ไปก่อนก็ได้ ทางนี้ก็ใกล้เสร็จแล้ว”
“เอ่อ... ได้เหรอว่ะ”
“ได้ดิ ตอนนี้ที่นี่กูใหญ่สุด” บอลเพื่อนผมบอก ซึ่งก็จริงของมัน มันเป็นรองผู้จัดการ
“ไม่เป็นไร ก็อีกนิดเดียว ช่วยๆกันหลายๆคนจะได้เสร็จเร็วๆไง”
แต่ผมคิดว่า กรคงไม่อยู่รอผมแล้ว ถึงออกไปตอนนี้ก็คงไม่เจอเขา สู้อยู่ทำงานไปเรื่อยๆดีกว่า กลับออกไปก็เสียความรู้สึกเปล่าๆ ถ่วงเวลาให้การเสียความรู้สึกมันไกลออกไปอีกนิดก็ยังดี
ผมออกจากห้างด้วยประตูหลัง ตอน 22.48 นาที เลทไปเกือบชั่วโมง ถ้าเขายังรอผมจะกระโดดขึ้นรถเขาอย่างไม่ลังเล แต่ถ้าเขาไม่รอ ผมว่าผมได้นอนร้องให้ที่หอคนเดียวอีกตามเคย
ชีวิตอับเฉาของผมมันเริ่มมานานและไม่เคยสิ้นสุด
ผมถอนหายใจ เดินไปหน้าห้างกะโบกแทคซี่ มีแทคซี่จอดรออยู่หลายคัน เพราะข้างๆ เป็นที่เที่ยวกลางคืน ผมไม่กล้าคาดหวังจริงๆว่าจะมีไอ้บ้ารออยู่หรือไม่รอ ผมมองไปรอบๆ ไม่มีรถแปลกๆ นอกจากแทคซี่ ผมไม่กล้ามองหามากไปกว่าบริเวณที่สายตาส่องถึง ผมกลัวยิ่งคาดหวัง จะยิ่งผิดหวัง ผมได้แค่ถอนหายใจ
ไม่มีเขา เขาไม่ได้รอ เขาแค่ล้อเล่น จบแค่นี้
กลับไปเสียใจต่อที่ห้องอีกนิดหน่อยมึงก็จะกลับมาเป็นสรคนเดิมเอาเองแล้วกันนะไอ้สร
มีแรงสะกิดที่ไหล่ ผมสะดุ้งตกใจกระโดดหนี เวลาแบบนี้ไม่ผีก็โจร
“เหี้ยแม่ง!”
“อะไร ตกใจทำไม นึกว่ามึงเห็นกูซะอีก”
“กร!”
“เออดิ”
“มึงอยู่ไหนเมื่อกี้”
“กูนั่งอยู่เนี่ย” มันชี้เก้าอี้ในป้ายรถเมล์ ผมไม่เห็น ผมไม่รู้ว่ามีคนด้วยซ้ำ ผมมองหาแต่รถ
“แล้วรถมึงอ่ะ”
“จอดไว้หน้าเซเว่นตรงโน้นน นี่มึงกะหลบหน้ากูรึไงถึงออกมาป่านนี้แถมตกใจตอนเห็นกูอย่างกับเห็นผี”
“เปล่า งานกูไม่เสร็จ ที่ตกใจเพราะกูนึกว่าผีสะกิด”
“ฮ่าๆๆ มึงนี่ กลัวผีขึ้นสมองเหมือนเดิม ป่ะ ไปกับกู นะ”
“ไปก็ได้ พรุ่งนี้กูว่าง” ผมตอบให้เหมือนไม่คิดอะไร แต่ใจจริงผมคิดเยอะมาก
“ไม่ว่างไม่ได้เหรอ?”
“อ้าว อะไรของมึง ไม่ว่างกูก็ไปไม่ได้ดิ นี่มึงอยากรึไม่อยากให้กูไปกันแน่เนี่ย”
“หมายถึงหัวใจมึงอ่ะ ไม่ว่างได้ไหม เอากูไปใส่ให้เต็ม”
“มึงจะไม่เลิกแกล้งกูจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย” ผมเริ่มโมโหอีกแล้ว
“แกล้งบ้าอะไร นี่จีบอยู่โว้ย จีบครับจีบ มึงนี่หัวช้า แวะเซเว่นหน่อย กูไปซื้อของที่ทำให้มึงหัวไว เอาอะไรมั้ย หยิบเลย หรือจะแวะหาอะไรกิน?”
“ซื้อไปกินบนรถก็ได้ ดึกแล้วขับรถอีกไกลนิ” ผมเริ่มลังเล หรือจะไม่ไปดี?
“อื้ม” มันยื่นตะกร้าให้ผม ผมไปเลือกของกินที่ต้องอุ่นก่อน แล้วไปยืนเลือกน้ำข้างใน
“หยิบชาเขียวให้ขวดนะมึง เอารสน้ำผึ้ง”
“ได้ๆ”
ผมไปเลือกน้ำของตัวเอง มีเสี่ยเลี้ยงผมเลยหยิบน้ำทับทิมร้อยเปอร์เซ็นที่โคตรแพงสำหรับผมที่ปกติถ้าจ่ายเองจะไม่ซื้อกินเด็ดขาด ไม่ลืมหยิบของกรกับน้ำเปล่าติดมาด้วย ตอนมาจ่ายเงิน ผมเห็นมันถืออยู่ถุงหนึ่งแล้ว เป็นเหลี่ยมๆ กล่องๆ สงสัยซื้อบุหรี่มันเห็นผมมองก็ยัดใส่กระเป๋ากางเกงไป
เราขับรถมุ่งลงใต้ จุดหมายปลายทางคือหัวหิน
“นี่ความใฝ่ฝันกูเลย”
“อะไร?”
“ขับรถแล้วมีคนป้อนข้าวป้อนน้ำเนี่ย”
“ความฝันมึงนี่ง่ายเนอะ”
“ไม่ง่ายนะเว้ย กว่าจะมีวันนี้ได้ กูคิดว่าจะไม่มีซะแล้ว”
“มึงให้เลขามานั่งป้อนก็ได้นี่หว่า”
“หื้อ มึงนิ คนที่ว่ากูหมายถึงมึง ให้มึงป้อน” ผมฟังแล้วแหม่งๆ เลยหยุดป้อนลูกชิ้นมัน แล้วถามกลับ
“นี่มึงจีบกูจริงๆ เหรอ?”
“เอ้า ไอ้นี่ จีบจริงดิ กูลงทุนขับรถไปหัวหินนี่ถ้าคิดแค่เพื่อนกูปล่อยมึงกลับบ้านเองไม่ไปส่งด้วยซ้ำ”
“อะไรทำให้มึงทำแบบนี้ ถ้าจะแกล้งกันไม่ตลกนะ ผมทิ้งไส้กรอกลงกับตัก”
“ไม่แกล้ง กูจริงจัง ทำไมมึงฝังใจว่ากูจะแกล้งมึงตลอดเวลาวะ กูแหย่ตามประสาคิดถึงก็หาว่ากูแกล้ง กูหยอดมุขกะทำหวานก็หาว่ากูแกล้ง”
“ก็มึงแกล้งกูมาตลอด ...ตั้งแต่เด็ก”
“เอาจริงนะ อันนี้กูขอสารภาพ ตอนม.1 ขึ้นม.2 มึงที่เคยร่าเริงกำลังเศร้ามาก” ผมฟังมาถึงตรงนี้ ภาพอดีตในตอนนั้นย้อนกลับมา ใช่ ผมเศร้าจริงๆ การสูญเสียครอบครัวทั้งหมดไปทำให้ผมเปลี่ยนเป็นคนละคน
“กูเห็นความเปลี่ยนแปลงของมึงทั้งหมด แล้วไม่อยากให้มึงจมอยู่อย่างนั้นคนเดียว ก็เลยกะชวนมึงเล่นด้วย ตอนนั้นมันอาจเป็นการดึงดูดความสนใจจากมึงแบบโง่ๆจากเด็กคนนึง แต่เวลาที่มึงจะสนใจแล้วหันมามองกูก็มีแต่ตอนที่กูแกล้งมึง กูก็เลยแกล้งมึงมาเรื่อยจนชิน ตอนนั้นกูยังเด็ก ไม่รู้หรอกว่าที่ทำไปนั่นดีหรือไม่ดี แต่พอกูโตขึ้นแล้วมาย้อนคิดดู กูผิดเอง กูขอโทษกับการกระทำที่เคยทำร้ายมึงทั้งหมดที่ผ่านมา ขอโทษจริงๆ”
“...” ผมพูดไม่ออก จริงอย่างที่เขาพูด ผมปลีกตัว ผมเอาแต่อยู่คนเดียว เขาที่คอยแกล้งทำให้ผมมีเพื่อนที่คอยกันเขาให้ผม ทำให้ผมมีคนคุยด้วย ทำให้ผมผ่านช่วงเวลามืดดำออกมาพบผู้คนรอบข้าง ทำให้ผมไม่หายไปจากเพื่อนๆ เขาคอยเดินตาม คอยเตะตัดขาผมทำให้เวลาเดินผมต้องระวังอยู่ตลอดไม่เดินเหม่อลอย ตอนเรียนที่ผมเริ่มก้มหน้าและมองรูปพ่อแม่ในกระเป๋าเงิน เขาจะคอยเอาดินสอจิ้มคอให้ผมเงยหน้ามาหาเขา
ผมไม่รู้ตัวเลย ไม่รู้เลยว่าที่จริงเขากำลังช่วยผมออกมาจากอะไร
น้ำตาผมไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว ความเสียใจในตอนนั้นมันย้อนกลับมาชัดเจน คำพูดของเขาทำให้ผมย้อนคิด ทำไมจนถึงตอนนี้ผมไม่รู้ว่าที่จริงเขากำลังช่วยผม
“เฮ้ย ร้องให้ทำไม”
“ก็มึงแกล้งกู” ผมพูดน้ำตานองหน้า แต่ยิ้มให้เขา
ไอ้บ้าจอดรถข้างทางทันที หยิบทิชชู่เช็ดน้ำตาให้ผม
“ขี้แยไม่เปลี่ยนเลยนะมึง”
“ก็มึงเสือกทำหล่อทำไม” มารำเลิกบุญคุณเอาป่านนี้ ผมนี่ไปไม่ถูกเลย ขนาดมึงแกล้งกูชิบหาย กูก็ยอมจะตายห่า นี่ยังมาทำหล่ออีก แบบนี้จะเอาอะไรกูก็ยอมหมดเลยสิมึง
“ถ้าหล่อแล้วมึงรัก กูก็อยากหล่อ แต่ถ้าหล่อแล้วมึงเกลียดกูไม่อยากหล่อหรอกนะ”
“อันนี้จีบใช่ไหม?”
“ครับ”
“อย่าพูดเพราะๆ แบบนั้น”
“ทำไมครับ?”
“ฮื้อ...” ไอ้บ้าไม่สงสัยเปล่า ไอ้บ้ากำลังโน้มหน้าเข้ามาใกล้ ใกล้ ใกล้มาก ผมเอียงจนหัวติดกระจกรถแล้วตอนนี้
“ไม่เอานะ ตรงนี้ไม่ได้”
“ทำไม เพราะเป็นข้างทางเหรอครับ”
“ก็เออดิ” เขาได้ยินแค่นั้นก็ถอยออกไปออกรถ
“งั้นถ้าไปถึงคอนโด เสร็จผมนะครับ เอ้ย ผมจัดการนะครับ เอ้ย เป็นของผมนะครับ เอ่อ ไม่มีอันที่ดูเหมือนจะดีเลยแหะ เหอๆ”
“กูขอกลับตอนนี้ทันไหม?”
“คิดว่าไงล่ะครับ?”
“ไม่น่ารอดครับ”
“น่ารักมากครับ”
-----------------------------------------------
TBC.
บอกเลยว่าที่กรซื้อไม่ใช่บุหรี่ ฮ่าาาา
สรเอ๋ย เจ้าจักมีชีวิตรอดกลับมาหรือไม่
เพจคนหัดเขียน >> https://web.facebook.com/Brosohub/