.
.
.
ที่ใต้ถุนตึกคณะวิศวกรรมในวันเสาร์ มีหนึ่งสาวหนึ่งหนุ่มกำลังขมีขมันซ้อมบทละครกันอยู่ วันชนะรู้สึกขัดใจเล็กน้อยที่มาถึงก็เห็นเอากับฉากที่องครักษ์แอบลักลอบพลอดรักกับเจ้าหญิง
“ขอโทษที สายไปหน่อย” วันชนะจงใจวางกระเป๋าลงแรงๆอย่างแสนงอน น้ำเสียงขัดเคืองเหมือนจะเรียกสติให้นักขัตรู้ตัวว่า ‘แฟนนายอยู่นี่’
“อ้อ มาแล้วเหรอ ช้าเสียจริง” นักขัตพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างที่วันชนะจับได้
“ซื้อสเต็กมาฝากด้วย” น้ำเสียงยังแง่งอนห้วนๆ
ขณะที่สุวรรณาเงี่ยหูฟังอย่างสนใจ สองคนนี้โกรธกันหรือ? จับผิดสังเกตได้ก็เริ่มยิ้มในใจมองเห็นทางยุแยง
“ว้าย ตายแล้ววิน” หล่อนทำเสียงกรี๊ดกร๊าด “ไม่รู้เหรอไงจ้ะ ว่าตั้มเขาไม่ทานเนื้อ”
วันชนะเหวอไป “มะ...ไม่รู้” เสียงอ่อยลง
นักขัตเงียบ ตามีแววขุ่นเคือง แต่ก็เลือกจะไม่พูดอะไร
วันชนะมองลึกเข้าไปในตานักขัต ...ดูเย็นชาแปลกไปจากเมื่อวาน หันไปมองหลิน เพื่อนคนนี้ทำท่าว่าตัวเองสูงส่งกว่าตนอีกแล้ว
อ้อ...ถ่านไฟเก่า!
เงียบไปทั้งสามคน
“มาซ้อมกันต่อเถอะ” สุวรรณาทำลายความตึงเครียด ...หล่อนมีแผนอยู่ในใจ “วินดูที่องก์ห้านะจ้ะ ท่องไปก่อนเดี๋ยวหลินมาซ้อมด้วย”
วันชนะรับคำบงการของหล่อนอย่างมึนตึงที่ยังค้างคากับแววตาของนักขัต
นั่งท่องบทไปแต่ใจพะวงไปกับเสียงพูดตามบทละครที่นักขัตกับสุวรรณากำลังซ้อมกันอยู่
“โอ้เอย ท่านหญิงของข้าผู้ต้อยเกียรติ ดูเถิดจันทรา หากขอได้ ใคร่จะขอให้หญิงสูงศักดิ์ผู้นี้กลายเป็นเพียงนรีชาวบ้านธรรมดาสามัญ” นักขัตซ้อมฉากที่โอบกอดพลอดรักกับเจ้าหญิงใต้แสงจันทร์
“พูดไปใยเช่นนั้นท่านองครักษ์กล้า ท่านอยากเห็นข้าเป็นแต่เพียงหญิงสามัญชนกระนั้นหรือ” หญิงสาวพูดมีจริตจะกร้าน
“หามิได้ดอกเจ้าหญิงผู้เลอโฉม ข้าเพียงแต่มิอาจขอจันทร์ให้เสกข้าเป็นเจ้าชายไปได้ มิบังควร...” นักขัตต่อบทอย่างแนบเนียน
“ข้าได้ยินดวงจันทร์ให้พรข้อนั้นแก่เจ้า” สุวรรณายิ้มเอียงอายอย่างอินกับบท “จันทราขึ้นกลางฟ้าคืนพรุ่ง ข้าจะกลายเป็นหญิงต่ำศักดิ์ ...ข้าจะไปกับเจ้า จงรอรับข้าเถิด”
ตามบทเจ้าหญิงจะสละยศและเกียรติเพื่อนหนีตามคนรักซึ่งเป็นเพียงองครักษ์ของเจ้าชายไป
“ในเมื่อเจ้าเลือกจะกลายเป็นนังไพร่คนหนึ่ง ข้าก็จะให้เจ้าสมหวัง” เสียงวันชนะโพล่งขึ้น เขาเก้าเข้าไปร่วมวงด้วย
นักขัตกับหลินรู้ว่าวันชนะลัดไปฉากวันที่ทั้งคู่จะหนีตามกัน
เวทีซ้อมละครดูเหมือนจะกลายเป็นเวทีเชือดเฉือนคารมและจิตวิทยาที่ดูจะเข้ากับบทจริงของคนทั้งสามไปเสียแล้ว
“ข้าเลือกทางสามัญดีกว่าอภิเษกกับท่าน” สุวรรณาต่อบททันที “ข้าทนไม่ได้หรอกที่จะต้องอยู่กับท่านไปตลอดชีวิต ...ท่านมิคู่ควร” หล่อนแกล้งพูดผิดจาก ‘ข้ามิคู่ควร’ เป็น ‘ท่านมิคู่ควร’ สายตามองที่วันชนะแล้วจึงชำเลืองไปยังนักขัต
วันชนะจนด้วยอารมณ์หึงพุ่งทะลุอก สมองจึงคิดไม่ทันว่าจะต่อบทอย่างไร
“ท่านกลับไปเสียเถิดเจ้าชาย บ่าวรู้ตัวว่าทำผิด” นักขัตแทรกตามบท “คนผิดมิควรกล่าวขอสิ่งใด แต่ครั้งนี้บ่าวขอ วันหน้าบ่าวจักกลับมารับคมดาบท่าน”
วันชนะปวดใจ หากแต่ในบทเจ้าชายปวดใจที่เห็นคนทั้งคู่รักกัน วันชนะปวดใจที่นักขัตแทรกมาแม้จะเป็นไปตามบทก็เถอะ
ดูเหมือนนักขัตจะเข้าใจสงครามจิตวิทยานี้ และเขาก็ช่วยหลินรุมตนโดยเอาบทละครมาบังหน้า
งงหนักที่จู่ๆนักขัตเปลี่ยนไป ...แต่ซ้อมละครด้วยกันไม่กี่ชั่วโมงนี่หรือ แค่ห่างจากเขาไปวักแวบนี่หรือ โบราณว่าผู้หญิงเปรียบเหมือนไม้เลื้อย ไม่เคยคิดว่านักขัตจะเป็นไปเช่นคำกล่าวนั้น
วันชนะมองดูนักขัตอย่างโกรธตามบทละครแต่มีอารมณ์นอกบทคุเจือปน
“ได้โปรดเถิดเจ้าชายผู้เปี่ยมด้วยเกียรติ ปล่อยพวกเราไปเถิด” สุวรรณาโผเข้าโอบนักขัต
วันชนะเงียบอึ้ง นักขัตเงียบแต่สายตาจดจ้องวันชนะบอกความเย็นชาระคนขัดข้องหมองใจ
“โอ้โห หลินตื่นเต้นไปหมดแล้วเนี่ย ละครเรื่องนี้ต้องสนุกมากๆแน่เลย” หล่อนสมใจจนหลุดบท คำพูดเหมือนจะทำนายเหตุการณ์
“ขอพักก่อนนะ” วันชนะสะบัดหน้าเดินไปที่นั่งห่างออกไป
“เชิญจ้ะ” สุวรรณายิ้มเจ้าเล่ห์ หางเสียงฟังดูกระแทก แล้วจึงหันไปสนทนากับนักขัต “เรามาต่อตอนที่อยู่ในกระท่อมในป่าร้างกันเถอะตั้ม”
“เชอะ! กระท่อมร้าง” วันชนะนึกหมั่นไส้ในใจ
“โอ้ย!”
“อะไรอีกล่ะ” วันชนะคิดในใจเมื่อไรยินเสียงหลินอุทานปนเจ็บปวด ...จะมาไม้ไหนอีก
มองไปก็เห็นนักขัตพยุงหลินเดินมาทางตน ...อ้อ ขาแพลง
หญิงสาวทำออเซาะ ทำเป็นอ่อนแอ เกาะแขนนักขัตเสียแน่น เดินขากระเผกแบบลงแรงไม่เต็มเท้า ร้องครางโอดโอยแต่พองาม
นักขัตพาหลินมานั่งใกล้กับวันชนะ
จะอะไรกันนักหนาพามานั่งก็พอแล้ว นี่ยังจะทำกระหนุงกระหนิงกันอยู่ได้
อารมณ์หึงชั่ววูบทำให้คนใจเย็นอย่างวันชนะถึงกับหน้าแดงก่ำ ลืมไปว่าสุวรรณาก็เป็นเพื่อนตน
“อ้ะ ขอโทษทีนะ” วันชนะแกล้งทำหนังสือเล่มหนาตกใส่เท้าสุวรรณา “มันหลุดมือ”
สุวรรณาร้องโอดโอยเหมือนจริง
วันชนะยิ้มเยาะเพียงชั่ววินาที
แต่นักขัตรู้! ว่าวันชนะแกล้งทำ นักขัตจ้องมองหน้าวันชนะอย่างกับคนแคลงใจ ...วันชนะคนที่น่ารักของเขาหายไปอยู่ไหนกันแล้วนะ วันชนะคนที่มองโลกในแง่ดี เรียบร้อยคนนั้น...
วันชนะรับรู้ว่านักขัตจ้องมองตนอย่างรู้ทันว่าเขาแกล้งทำ ...กระดากในใจ เป็นคนอื่นเห็นยังรู้สึกว่าหน้าหนาขึ้นมาไม่มากเท่าคนรักตัวเองจับได้
“ขอโทษนะหลิน” วันชนะกลับมาเป็นคนเดิม เสียงขอโทษจริงจังขึ้น
“ไม่เป็นไรจ้ะ” สุวรรณายิ้มให้บางๆ
“เดี๋ยวตั้มไปหายามาทาให้” นักขัตพูดแล้วเดินออกไป ก่อนไปเขายังมองหน้าวันชนะเหมือนค้นหาคำตอบอะไรสักอย่าง
วันชนะกระหวัดถึงวันนั้น...วันที่ลมแรง...วันที่เขาเองก็ขาแพลง...
“นักขัตนี่น่ารักเนอะวิน” หลินเปิดฉาก “ใครได้เป็นแฟนคงโชคดีมาก”
วันชนะยังเศร้าๆ สำนึกผิดจนไม่ทันคิดว่าหล่อนพูดกระทบตน ความหมายแฝงคือ หล่อนก็อยากเป็นแฟนนักขัต วันชนะไม่ควรมาแย่งของหล่อนไป...
“อืม จ้ะ” วันชนะตอบเสียงยังเศร้า ถ้าเป็นเวลาปกติเขาคงรู้สึกภูมิใจ “ตั้มเขาดีมาก”
“น่าเสียดายนะ...” หญิงสาวพูดเหมือนแกล้งหยุดคำได้ทัน ‘...น่าเสียดายที่กลายเป็นผู้ชายไม่เต็ม’
วันชนะรู้ในความหมายนั้น แต่ก็ยิ้มให้
...ถ่านไฟเก่ามันคุขึ้นมาอีกแล้วกระมังนี่ เอาเถอะ ถ้านักขัตเลือกหลินวินก็จะไม่ขวางหรอก กลับไปเดินทางปกติน่ะดีแล้ว...
“วินขอตัวก่อนนะหลิน พอดีนึกขึ้นได้ว่ามีธุระน่ะ บอกตั้มด้วยละกัน” วันชนะเลี่ยงที่จะเผชิญหน้าเมื่อนักขัตกลับมา
“จ้ะ เดี๋ยวหลินบอกให้” หล่อนรับคำ
วันชนะเลี่ยงไปไม่กี่ก้าวเสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าก็ดังจึงเอามากดรับ
นักขัตเดินเข้ามาพอดีทันเห็นหลังวันชนะเดินคุยโทรศัพท์ออกไป
“วินเขามีธุระน่ะตั้ม ขอกลับก่อน” หลินพูด
“อืม” นักขัตรับรู้ ในใจเดือดปุดๆ จะอะไรกันนักนะ เมื่อกี้จูบกันในร้านยังไม่พออีกหรือ
ความรักเป็นเช่นนี้เอง...เปลี่ยนคนเย็นชากลายเป็นเลือดร้อนทันใด เปลี่ยนคนใจร้อนกลายเป็นเยือกเย็น...ก็เปลี่ยนคนสองคนให้หมางใจกันได้เช่นนั้น
.
.
.
[wma=300,50]http://001.uploadblaster.com/file_hosting/3c3ff7d0fb5a60748e50739625b729be.wma[/wma]
ขอบคุณหนูบลูสำหรับเพลง eye_on_me คร้าบบบบบ