เฮ้ย ! มันไม่ใช่ลูกกู
ตอนที่ 38
“ กูรักมึงว่ะ แต่ไม่ใช่แบบเพื่อนที่ควรเป็นนะ กูรักมึงแบบผู้ชายคนนึงจะรักใครสักคนได้ กูรักมึงแบบนั้นวะขม "
ในที่สุดก็พูดออกไปจนได้..ความรู้สึกที่เก็บไว้มาตลอด แววตาของขมที่มองผมเปลี่ยนไปทันทีในวินาทีที่มันได้ยินคำพูดนั้น ท่าทางที่ชวนให้ร่างกายของผมเหมือนถูกสะกดนิ่งไป ก่อนที่มันจะทำทีเป็นหัวเราะกลบเกลื่อนขึ้นมาเหมือนอย่างที่ผมเคยทำทุกครั้ง
“ ฮ่าๆ เล่นเหี้ยอะไรของมึงวะ ตกใจหมด แล้วทำหน้าก็โคตรจริงจัง ไอ้บ้า " ตอนที่ยินคำพูดนั้น ห้วงวินาทีนึงผมอยากจะหัวเราะตามมันออกไปแล้วพูดว่า ' รู้ทันจนได้ไอ้สัด ' แล้วทำทีเป็นว่าเรื่องจริงจังพวกนั้นผมเองก็แค่แกล้งเล่นเหมือนทุกครั้ง แต่ในสมองมันก็เกิดคำถามนึงขึ้นมาตอนที่คิดจะทำอะไรแบบนั้น
' ถ้าไม่บอกตอนนี้แล้วเมื่อไหร่จะได้บอก บอกตอนที่มันไม่ทันการณ์แล้วน่ะเหรอ ? ตอนที่มันมีใครคนอื่นเข้ามาในใจมันแล้วน่ะเหรอ ? จะรอจนถึงตอนที่ทำอะไรไม่ได้แล้วเหรอ ? ถึงจะได้กล้าบอก ' คำพูดที่ชวนให้คิดแล้วตอนนั้นผมก็ผ่อนลมหายใจออกมานิ่งๆจ้องมองมันด้วยสายตาจริงจังที่ก็ไม่ได้ทำเล่นๆอย่างทุกที ผมพูดเสียงเบาๆ
“ กูรู้ว่ามึงรู้ ว่ากูไม่ได้พูดเล่นๆ " ขมหลบตาไปทางอื่นทันที ตอนที่ผมพูดแบบนั้น มันที่ผ่อนลมหายใจออกมาไม่แม้จะหันมามองหน้าผมเลยสักนิด ทุกอย่างในห้องตอนนี้มีแต่เสียงเข็มนาฬิกาที่เดินไปเรื่อยๆ " ขอโทษทีมึง "
“ ขอโทษเรื่อง ? " มันถาม
“ ขอโทษที่มึงต้องมาฟังคำพูดพวกนี้ " ผมก้มหน้าลงก่อนจะบอก " ไม่ต้องตอบรับรักกูก็ได้ ถ้ามึงไม่อยากจะทำหรือว่าไม่ได้คิดแบบเดียวกันกับกู แต่กูแค่อยากจะบอกมึงออกไป กูก็เลยตัดสินใจบอก กูแค่กลัวว่าวันนึง..กูอาจจะไม่ทันได้บอก "
“ อื้ม " มันขานรับสั้นๆ ด้วยคำที่จับความรู้สึกไม่ได้เลยว่าตอนนี้มันรู้สึกยังไงกับประโยคสารภาพรักของผม " เรื่องจริงเหรอวะ " ขมถามขึ้นมาท่ามกลางความเงียบนั้น " เรื่องที่มึงพูด คือเรื่องจริงเหรอวะ "
“ อื้ม เรื่องจริง "
“ แล้วทำไมอยู่ๆถึงพูดออกมาวะ " ขมก้มหน้าลงก่อนจะถาม มันที่ค่อยๆเหลือบมองผม แต่พอผมหันไปมองมันก็หันหน้าหลบ " ไม่ต้องมาสบตากู "
“ อะไรของมึง " ผมหลุดยิ้มก่อนจะหัวเราะออกมา " ทำไม ? มึงคิดว่ากูอำมึง "
“ ก็มึงมันเชื่อได้ที่ไหนละไอ้สัด สันดานเหี้ยจะตายห่า ชอบแกล้งกู " ขมบอกมันก็เหลือบมองผมอีกครั้ง " แล้ว..แล้วทำไมมึงถึงคิดมาบอกกู "
“ ไม่เห็นมีอะไรมาก กูแค่รู้สึกว่าชีวิตคนเรามันไม่แน่นอนอะไรสักอย่าง ดูอย่างเราสิ ก่อนจะเกิดเรื่องของกาลิควันก่อนหน้านั้นเรายังสนุกสนานที่ได้ไปเที่ยวด้วยกันอยู่เลย เรายังกอดกัน ยังหัวเราะด้วยกัน แล้วพอหลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงทุกอย่างมันก็เปลี่ยนไป ความรู้าึกมีความสุขพวกนั้นถูกพลิกกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือ " ผมเว้นเสียงก่อนจะถอนหายใจออกมา " พอคิดถึงเรื่องของกาลิคที่เป็นแบบนั้น กูก็คิดถึงมึงขึ้นมา ตอนนี้กูมีความสุขมากที่มีเราอยู่ด้วยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน ใช้ชีวิตด้วยกัน แต่ใครจะรู้ว่ามันจะยาวนานไปถึงเมื่อไหร่วะ วันนึงมึงอาจจะเจอผู้หญิงสักคนที่มึงชอบ แล้วตอนนั้นความรู้สึกของกูก็คงต้องถูกเก็บไป พูดอะไรออกไปไม่ได้อีก แล้วพอคิดว่ามันอาจจะเป็นแบบนั้น กูเลยพูดมันออกไป ในตอนที่มันยังพูดมันได้ดีกว่า "
“ อื้ม " ขมตอบรับสั้นๆตอนที่ผมหันไปมอง ร่างบางก็เอาแต่ก้มหน้าแล้วก็ไม่พูดอะไรต่ออีก
“ ขม อย่าเปลี่ยนไปนะมึง " ผมบอกสิ่งที่ผมกลัวที่สุดหลังจากที่บอกความจริงกับมันไป ถึงแม้จะรู้อยู่ในใจลึกๆว่า ยังไงซะ มันก็ต้องเปลี่ยนไป ไม่มีใครอยู่ใกล้เพื่อนที่บอกว่าชอบตัวเองได้อย่างสนิทใจหรอกแต่ถึงอย่างงั้นผมก็ยังเอ่ยขอร้องกับมัน " ถึงจะไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกันก็ไม่ไปไรแต่อย่าเปลี่ยนไปนะ เป็นอย่างที่เคยเป็นมานะมึง กูไม่อยากจะเสียเพื่อนแบบมึงไป "
“ กูไม่เปลี่ยนไปหรอก อย่าคิดว่ากูเป็นคนแบบนั้นสิวะ " มันยิ้มก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา ขมก้มหน้าลง " ยังไงกูก็ยังเป็นกูนั่นแหละ "
“ เหรอ " ผมยกยิ้มให้กับตัวเอง ทั้งๆที่มันพูดออกมาแล้วแท้ๆว่าจะไม่เปลี่ยนไปแต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่า ที่บอกว่าไม่เปลี่ยนนั่นแหละคือกำลังจะเปลี่ยนไป
“ ภาพ.. โทษทีนะมึง " ผมหันไปหามันที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมา
“ เรื่องอะไร "
“ ก็อยู่ๆมึงพูดเรื่องแบบนั้นขึ้นมา กูไปไม่เป็นเลยวะ บอกตรงๆ ไม่รู้เลย ว่าควรจะตอบมึงว่าอะไร ปกติได้แต่สารภาพรักคนอื่น พอมาเจอกับตัว กูแม่งก็ทำได้แค่นิ่งเท่านั้นแหละ " ขมเหลือบมองผม พอเห็นผมมองอยู่มันก็หลบไปมองพื้น " อย่ามองมาสิวะ "
“ แล้วทำไมจะมองไม่ได้วะ ก็กูพูดกับมึงอยู่ กูก็ต้องมองมึงสิ มึงมากกว่าพูดกับกูแล้วทำไม เสือกไปมองพื้น "
“ เออนั่นแหละ ช่างกูเถอะน่า มึงอย่ามองก็แล้วกัน หันไปทางอื่นบ้างสิวะ จ้องกันอยู่ได้ " ว่าแบบนั้นพร้อมกับแก้มแดงๆของมันที่ชวนให้ผมยกยิ้ม
“ เขินเหี้ยอะไรนักหนา "
“ ไม่ได้เขินเว้ย!! “ มันตะโกนบอกเสียงดังจนคนที่นอนอยู่ในตักขยับตัวเล็กน้อย " มึงแม่ง.. เกือบทำให้ไอ้หัวหอมตื่นเลย "
“ เดี๋ยวๆ " ผมยกมือเบรคคำพูดมัน " เมื่อกี้มึงคือคนที่ตะโกนนะ แล้วยังจะมาโทษกูอีก "
“ ชิส์! " ขมจิ๊ปากเสียงเบาๆ มันถอนหายใจออกมาอีกครั้ง " ภาพ มึงอยากจะได้คำตอบรึเปล่า "
“ คำตอบอะไร "
“ ก็คำตอบของคำถามเมื่อกี้ "
“ จะตอบเหรอ ไม่ต้องตอบก็ได้มั้ง " ถ้าตอบแล้วจะทำให้กูเสียใจ ก็อย่าเพิ่งตอบเลย ผมรู้สึกแบบนั้นแต่ก็ไม่กล้าจะพูดกับมันออกไปตรงๆ
“ กูอยากตอบ " มันยืนยันผมก็ถอนหายใจออกมา เหมือนเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่จะได้ฟัง " กูไม่มีคำตอบที่จะตอบหรอก "
“ อ้าว.. " ผมหันไปมองมันก่อนจะขมวดคิ้วงง " แล้วเมื่อกี้มึงบอกว่าอยากจะตอบ พอตั้งใจฟังก็บอกว่า ไม่มีคำตอบที่ตอบ อะไรของมึงกันแน่วะเนี้ย กูงงนะ "
“ ก็กูอยากจะบอกมึงแค่นั้นแหละ อยากบอกว่า กูไม่มีคำตอบที่จะตอบมึง แต่.. แต่กูก็ไม่ได้ปฎิเสธมึงเปล่าวะ " มันหันมาเถียงผมที่ก็ได้แต่ยกคิ้วมองมัน " มันก็เหมือนกับว่า กูบอกมึงว่า กูรับรู้ความรู้สึกของมึงแล้วนะ ว่ารู้สึกยังไง แล้วก็ไม่ได้ปฎิเสธนะกับความรู้สึกนั้น "
“ งั้นมึงก็ตกลง " ผมหันไปมองมันยิ้มๆ อีกคนก็ชะงัก
“ ไม่อะ! ไม่ตกลง "
“ เอ้า! เหี้ยอะไรของมึง ตกลงก็ไม่ตกลงแต่ก็ไม่ปฎิเสธ "
“ เออน่า มึงรู้ไว้แค่นั้นไม่ได้รึยังไงละ " มันบอกปัด ผมก็เถียงกลับ
“ ไม่ได้! กูต้องการความแน่ชัด ไม่งั้นกูจะคิดเองเออเองเลยนะ "
“ คิดเองเออเองอะไรของมึง " ขมถาม
“ ก็คิดว่าที่มึงไม่ปฎิเสธ เพราะว่ามึงก็อยากจะตอบรับนั่นแหละ แต่ไม่กล้าบอกก็เลยบอกว่า ไม่ปฎิเสธความรู้สึกของกูแต่ยังไม่ตอบรับ งั้นก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวอีกไม่นานมึงก็ต้องตอบรับมันเองแหละ เพราะกูจะทำให้มึงตอบรับเอง "
“ ไอ้เหี้ยโคตรเข้าข้างตัวเอง " มันว่าเสียงเบาๆ ผมก็ยกยิ้ม
“ แล้วไง ก็มึงเสือกตอบไม่เคลียร์เองนิ งั้นมึงก็พูดมาเลยสิ ว่า ไม่ได้รู้สึกอะไรกับกู ปฎิเสธกูเลย " จ้องหน้ามันอีกคนก็นิ่ง ขมถอนหายใจ มันก้มหน้า
“ กูไม่อยากปฎิเสธ แต่ถ้าให้กูตอบรับตอนนี้ กูก็..”
ท่าทางลังเลของมัน ทำให้ผมฉุดคิดขึ้นมาได้ว่า ความรักของผู้ชายสองคนมันไม่ได้ตอบรับง่ายได้ขนาดนั้น ตัวผมตอนที่รู้สึกว่ารักมันเกินเพื่อนก็ถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเหมือนคนบ้า เพื่อความมั่นใจ แต่วันนี้ผมมาถามขมเพื่อจะมาเอาคำตอบในวันเดียว มันจะเป็นไปได้ยังไงวะ
ความรู้สึกของเรามันไม่ใช่แค่ ถ้าไม่ชอบก็ปฎิเสธออกมาเลย ง่ายๆ ตัวผมที่แคร์มัน มันเองก็ต้องแคร์ผม ในสมองตอนนี้ของมัน คงกำลังคิดว่าถ้าปฎิเสธเราจะเป็นยังไงต่อไป หรือถ้าตอบรับจะเป็นยังไงต่อไป และก็คงคิดด้วยว่า ตัวมันกำลังรู้สึกยังไงกับผมกันแน่
“ ขม " ผมเอื้อมมือไปเชยคางอีกคนขึ้นมาสบตา " ไว้วันไหนมึงกล้าจ้องตากูแล้วพูดความรู้สึกจริงๆออกมาได้ว่ารู้สึกยังไงกับกู ก็ค่อยบอกแล้วกัน กูรอได้ "
" แต่กูไม่ได้อยากจะปฎิเสธนะ " มันพูดขึ้นก่อนจะเม้นริมฝีปาก " แต่กูไม่รู้ว่าที่กูรู้สึกอยู่ กูรักมึงแบบเพื่อน หรือรักมึงมากกว่านั้น กู..ไม่มั่นใจ กูไม่รู้ว่ามันคือความรู้สึกอะไรกันแน่ "
" ก็บอกว่า มั่นใจเมื่อไหร่ค่อยตอบ กุรอได้ " เอื้อมมือไปขยี้หัวมัน แต่อีกคนก็เอาแต่ทำหน้าเศร้า
" หรือว่า ให้กูจูบมึงแบบดูดดื่มดูสักครั้งเป็นไง มึงจะได้รู้ว่า ตัวเองรู้สึกยังไง มา! “ เอื้อมมือไปจับตัวมันผมที่ดึงหน้าเข้าไปใกล้อีกคนก็เอนหลังหลบแบบสุดแรงก่อนจะตะโกนออกมา
" ถอยออกไปเลยไอ้เชี้ย! ภาพ แกล้งกูอีกแล้วนะ!!! " ใบหน้าหงุดหงิดของมันชวนให้ผมขำ แล้วในตอนนั้นคนที่หลับสนิทอยู่ ก็ค่อยๆตื่นขึ้นมา กาลิคขยับตัวก่อนจะเอ่ยเรียกชื่อคนที่อุ้มมันอยู่
“ อาขม~ " มันเอื้อมมากอดร่างบางไว้ ก่อนจะซบลงไปที่ไหล่ " กาลิคตื่นแล้ว "
“ ตื่นแล้วเหรอ หิวมั้ย "
“ ไม่ แต่กาลิคอยากจะกอดอาขม " มือเล็กที่กอดไว้แน่น มันซบที่อกอยู่แบบนั้น
" ไอ้เด็กขี้อ้อนนน " ไอ้ขมลากเสียงก่อนจะกอดกาลิคไว้แน่น มันลุกขึ้นยืนเต็มความสูง " เราออกไปเดินเล่นข้างนอกกันดีกว่ามั้ย ไปสูดอากาศสดชื่น "
" ไม่ไป! “ เสียงขัดของมันที่ดังขึ้นมา ก่อนจะตามด้วยเสียงงอแง " ไม่เอา ไม่ออกไปนะอาขม อาขมนั่ง นั่งลงตรงนี้ ไม่ออกไปไหนน้า~ "
" ทำไมไม่ออกไปละ "
" โอลิเวีย อยู่ข้างนอก โอลิเวียจะมาเอากาลิคไป กาลิคไม่อยากไป กาลิคจะอยู่กับอาขมมม อึก ฮือๆ ไม่ไป กลัววว กาลิคกลัว~ "
" โอ๋ๆ ไม่ต้องร้องไห้นะ ไม่ต้องกลัว " มือบางลูบหลังอีกคนปลอบๆโยกตัวไปมาแต่กาลิคก็ยังไม่หยุดร้องไห้ " ไม่ต้องร้องไห้ โอลิเวียไม่อยู่แล้วละ ต่อไปนี้จะไม่มีใครพาหัวหอมไปจากอาขมแล้วก็อาภาพอีก ไม่ต้องร้องไห้นะ โอ๋ๆ เอ๋ๆ ไม่ต้องร้องนะ "
“ ครั้งแรกเลยนะ ที่กูได้ยินมึงพูดโอ๋ไอ้กาลิคว่า โอ๋ๆ เอ๋ๆ ไม่ต้องร้องไห้นะ " ผมบอกอีกคนก็ยิ้ม " น่ารักดี "
“ ทำไมมึงพูดคำพูดพวกนั้นออกมาได้หน้าตาเฉยเลยวะ " ขมก้มหน้าลงซบที่ไหล่ไอ้ตัวเล็ก
“ เขินเหรอ " ผมแซว อีกคนก็หันมาชักสีหน้าใส่
“ ไม่ได้เขินเว้ย! " มันบอกก่อนจะหันไปปลอบเด็กน้อยต่อ " ไม่ต้องร้องไห้นะกาลิค พอแล้ว โอ๋นะ โอ๋ๆ อาขมอยู่ตรงนี้ไม่ต้องร้อง " ร่างบางโยกตัวไปมาเพื่อให้อีกคนหยุดร้องไห้ กาลิคที่ค่อยๆเงียบลงเหลือแค่เสียงสะอื้นเบาๆ ขมก็อธิบาย " ที่ต้องโอ๋มันแบบนี้เพราะที่มันร้องไห้ไม่ใช่แค่เรื่องที่มันดื้อหรือมันซนสักหน่อย ตอนนี้มันกำลังกลัว เราก็ต้องโอ๋แล้วก็ปลอบมันสิ มึงอะ ตัวดี ปลอบมันเลย พ่อมันไม่ใช่เหรอ "
“ จ้าๆ " ผมตอบรับก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหลังมันเบาๆ " กาลิคไม่ต้องกลัวนะ ไม่มีใครทำอะไรกาลิคหรอก ไม่ต้องร้องไห้ " เอื้อมมือเช็ดน้ำตาให้มัน แววตากลมก็จ้องมองผมที่ปิดหน้าตัวเองไว้ก่อนจะเปิดออกเร็วๆ " จ๊ะเอ๋! ไม่ต้องร้องไห้น้า "
“ ฮึฮึ อาภาพเอาอีก เอาอีก " มันบอกผมก็ปิดหน้าตัวเองอีกครั้ง
“ จ๊ะ~ เอ๋! ” แลบลิ้นบิ้นตาใส่มันอีกคนก็หัวเราะชอบใจ ยื่นมือไปขยี้หัวอีกคนจนยุ่งผมถอนหายใจก่อนจะเอียงหน้าสบสายตากับมัน " ไม่ต้องกลัวนะ ต่อไปนี้ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น อาภาพจะดูแลกาลิคเอง จะไม่มีวันยอมให้ใครมาทำร้ายกาลิคเด็ดขาดเลย อาภาพสัญญา " ยื่นนิ้วก้อยไปให้มันอีกคนก็ยื่นนิ้วก้อยมาเกี่ยวนิ้วก้อยของผม
“ สัญญาน้า "
“ สัญญาครับ และจะไม่ผิดสัญญาแน่นอน "
“ อาขมเองก็สัญญา " ขมบอก กาลิคก็ผละตัวเองออกแล้วเงยหน้ามองอีกคน " อาขมสัญญาว่าจะไม่ให้ใครมาทำร้ายกาลิคเหมือนกัน อาขมก็สัญญา " ขมยื่นนิ้วก้อยไปให้มัน อีกคนก็ยิ้มกว้างก่อนจะยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวกลับ " เกี่ยวก้อยสัญญา สัญญากันนะ "
“ คราวนี้ออกไปข้างนอกได้ยัง "
“ อื้ม " กาลิคพยักหน้าตกลง ก่อนจะดึงตัวเองลงไปยืนบนพื้นมันเอื้อมมือมาจับมือไอ้ขม ผมก็หันไปกระซิบกับอีกคน
“ ขม กูอยากจะพากาลิคไปที่สนามเด็กเล่นของหมู่บ้านอะ สองต่อสองมีอะไรจะคุยกับมันหน่อย "
“ ได้สิ มึงก็พาไปเลย บอกกูทำไมอะ " มันเอียงหน้าถาม ผมก็ผ่อนลมหายใจออกมา
“ มันติดมึงจะตาย มันจะไปกับกูสองต่อสองมั้ยละ มึงพูดให้หน่อยสิ "
“ อ๋อออออ แล้ว..จะไปพูดอะไรกัน ให้กูรู้ด้วยสิ อยากเสือกอะ " มันว่ายิ้มๆก่อนจะเอาผมทัดหู ผมเอื้อมมือไปดีดหน้าผากมัน
“ เสือก เรื่องของพ่อลูกเค้าจะคุยกัน "
“ ชิส์ " มันสถบเสียงเบาๆ ผมก็แซว
“ แต่จะว่าไปมึงก็ฟังได้นะ กูไม่ปิดมึงหรอก ยังไงมึงก็ต้องมาเป็นแม่ไอ้กาลิคอยู่แล้ว จะไปฟังด้วยก็ได้ "
“ สัด ! ไปกันแค่สองคนเลยไป๊ " มันบอกปัดด้วยท่าทางหงุดหงิดที่ชวนให้ผมยิ้ม ก่อนที่กาลิคจะออกแรงดึงมัน
“ อาขมม ไป ไปกัน ไปขี่จักรยานกัน "
“ อาขมง่วงนอนอะ อยากนอน ไปกับอาภาพได้มั้ย " ขมเอ่ยบอกมันอีกคนก็ทำหน้ามุ่ย มือเล็กๆที่ยังคงจับมืออีกคนไม่ยอมปล่อย กาลิคเริ่มงอแง
“ งื้ออออ กาลิคอยากไปกับอาขม อาขมไปนะ "
“ อาขมง่วงนอน ไปกับอาภาพก่อนนะ เดี๋ยวอาขมขอนอนแปปนึง ตื่นขึ้นมาจะลงไปเล่นด้วยตกลงมั้ย " มันส่ายหน้าไม่ตอบรับคำพูดของอีกคน ผมก็หลุดยิ้ม
“ ให้อาขมนอนก่อนนะ อาขมคงเหนื่อย เราไปขี่จักรยานกันดีกว่า ไปกินไอติมด้วย ดีมั้ย " ก้มลงถามอีกคน กาลิคชั่งใจอยู่สักพักก่อนจะพยักหน้ารับแล้วตอบเสียงอ่อยๆ
“ ก็..ได้ครับ "
“ เห็นแก่กินจริงๆเลยน้า~ " ขมลูบหัวเจ้าตัวเล็กมันพูดเสียงเบาๆ ก่อนจะหอมแก้มใสๆไปเต็มฟอด " งั้นเดี๋ยวตามไปนะ ขอนอนก่อน "
“ อื้อ! อาขมรีบตามมานะ " กาลิคเอื้อมมือมาจับมือผม
“ เล่นกันให้สนุกๆนะ "
“ ครับ " พยักหน้ารับอีกที ผมก็จูงกาลิคออกมาจากห้องลงมาที่ชั้นล่างของบ้าน เดินผ่านโต๊ะในสวนด้านนอกของตัวบ้านที่มีพ่อกับแม่นั่งอยู่ เจ้าตัวเล็กมันก็ปล่อยมือผมก่อนจะวิ่งเข้าไปหาแม่ผม แขนเล็กๆที่กอดท่านไว้ " คุณย่าา "
“ กาลิค ตื่นแล้วเหรอ "
“ กาลิคตื่นแล้วครับ " มันบอกเสียงใส แม่ก็ก้มลงหอมแก้มมันพ่อเองก็ด้วย เค้ายื่นมือไปลูบหัวกาลิคเบาๆ อีกคนก็ดึงตัวเองมากอดพ่อผมบ้าง
“ หิวมั้ย กินขนมรึเปล่า "
“ ไม่กิน กาลิคจะออกไปขี่จักรยานกับอาภาพ " มันว่า พ่อกับแม่ผมก็พยักหน้ารับ
“ แล้วอาขมละ " แม่ผมถามมัน อีกคนก็ชี้ไปที่ในบ้าน
“ อาขมบอกว่า อาขมง่วงนอน อาขมจะนอน "
“ อย่างงั้นเหรอ กาลิคก็เลยต้องเล่นกับอาภาพสองคนสินะ "
“ ไปขี่จักรยานได้แล้วไป อากาศกำลังดี " ผมเอ่ยบอกมัน ตอนที่ยื่นมือออกไปกาลิคก็วิ่งเข้ามาจับมือนั้นไว้ เราเดินออกไปที่ลานจอดรถ จักรยานคันเล็กสี่ล้อสีแดงของมันจอดอยู่ที่นั่น กาลิควิ่งไปขี่มันทันทีก่อนจะปั่นวนตัวผมอยู่แบบนั้น " นี่กาลิค ออกไปปั่นข้างนอกกันมั้ย "
“ ไปไม่ได้ คุณปู่ไม่ให้ไป คุณปู่บอกว่าอันตรายให้ปั่นอยู่แต่ในบ้าน " มันว่าพลางหันไปมองพ่อผมแล้วก็พูดเสียงเบาๆ " แต่ว่าถ้าอาภาพพาไปคุณปู่อาจจะให้ไปก็ได้นะ "
“ ไอ้หัวหมอ " ขยี้หัวมันด้วยความหมั่นเขี้ยวก่อนจะหันไปบอกพ่อกับแม่ของตัวเอง " ป๊า ม๊า ภาพพากาลิคออกไปขี่จักรยานข้างนอกนะ "
“ ไปสิ ระวังตัวด้วยละ " พ่อบอกแบบนั้น ผมก็พยักหน้ารับ
“ ไปกัน " หันไปบอกมัน ไอ้ตัวเล็กที่อยากจะออกไปข้างนอกก็พยักหน้ารับแบบดีใจสุดฤทธิ์ กดเปิดประตูรั้วกาลิคที่ขี่จักรยานมาข้างๆผมก็อธิบาย " เวลาออกถนนใหญ่ ถ้าไม่มีผู้ใหญ่มาด้วย ก็ห้ามออกมานะ เข้าใจมั้ย "
“ เข้าใจครับ กาลิคจะไม่ออกมา "
“ แล้วพอเราออกมา เราก็ต้องระวังให้ดี มองซ้าย มองขวา ว่ามีรถรึเปล่า แล้วก็ค่อยๆปั่นจักรยานออกมา " เอื้อมมือไปจับหัวรถจักรยานของมันตอนที่อธิบาย เดินข้ามถนนมาอีกฝั่งก่อนจะปล่อยให้มันขับเองอยู่ข้างๆ " ขับตรงไปเรื่อยๆนะ เดี๋ยวไปที่สนามเด็กเล่นกัน "
“ อาภาพ เราจะไปที่สนามเด็กเล่นเหรอ "
“ ใช่แล้ว " พยักหน้ารับบอกมัน กาลิคก็ปั่นจักรยานเข้าไปในหมู่บ้านลึกขึ้นเรื่อยๆ จนถึงสนามเด็กเล่น ที่ก็จะเรียกว่า สนามเด็กเล่นก็ไม่ถูกซะทีเดียวหรอก เพราะมันเหมือนสวนสุขภาพของหมู่บ้านมากกว่าและไม่มีของเล่นเด็กอยู่เลย มีแค่ทะเลสาบที่ทางโครงการหมู่บ้านสร้างให้มีพื้นที่ได้วิ่งออกกำลังรอบๆ แล้วก็พื้นที่หญ้าสีเขียวอีกนิดหน่อยสำหรับนั่งพักผ่อนหย่อนใจ
“ ไม่เห็นมีของเล่นเลย " มันบอกผมก็หลุดยิ้ม เมื่อก่อนผมก็รู้สึกแบบเดียวกับมัน เวลาที่พ่อบอกว่าจะพาไปสนามเด็กเล่นแต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีของเล่นสักชิ้น แต่ถึงอย่างงั้นก็ที่ตรงนี้แหละ ที่ผมกับไอ้ขมวิ่งเล่นกันมาตลอด ไม่มีของเล่นเราก็หอบหิ้วกันมา บางทีก้วิ่งเล่นไล่จับกัน " ลงเล่นน้ำได้มั้ย "
“ ไม่ได้ " ผมหันไปบอกมันก่อนจะส่ายหน้า " มันไม่ใช่ทะเลนะ เค้าเรียกทะเลสาบ มีเอาไว้ดู เท่านั้นแหละ "
“ ถ้าเล่นน้ำไม่ได้ จะมีสระน้ำใหญ่ม๊ากมาก ไว้ทำไมอะ " คำถามเดียวกันกับตอนที่ผมเป็นเด็กเลย
“ ก็มีไว้นั่งดูไง "
“ แค่ดูเหรอ "
“ อื้ม " พยักหน้ารับอีกคนก็ยังขมวดคิ้วงง
“ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย ถ้ากาลิคมีสระน้ำกว้างม๊ากกกแบบนี้ กาลิคจะทำให้ว่ายน้ำได้ แล้วก็จะชวนเพื่อนๆที่โรงเรียนมาเล่นน้ำทุกวันเลย " ผู้ใหญ่กับเด็กต่างกันก็ตรงนี้ละมั้ง ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงรู้สึกว่าไร้สาระจะสร้างไว้ทำไมถ้ามันลงเล่นน้ำไม่ได้ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าแค่ได้นั่งดูน้ำนิ่งๆ รับลมธรรมชาติที่พัดเข้ามาใส่หน้า สูดอากาศบริสุทธิ์นั่นก็ดีแล้วละ นี่ละมั้ง..ความเป็นผู้ใหญ่ พอเราโตขึ้นอะไรๆก็เปลี่ยนไปความคิดนั่นก็ด้วย
“ กาลิคมานั่งนี่สิ " ผมบอกก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้ เจ้าตัวเล็กที่ทำหน้าเซ็งๆเพราะอยากจะเล่นน้ำมากกว่าลุกจากจักรยานมานั่งข้างผม
“ นั่งทำไมอะ "
“ มานั่งดูทะเลสาบด้วยกันไง " ผมชี้ไปที่น้ำอีกคนก็มองก่อนจะทำทีเป็นลุกขึ้น
“ กาลิคจะไปขี่จักรยาน~ "
“ คุยกับอาภาพก่อนสิ อาภาพมีอะไรจะบอกกาลิคด้วยนะ " คว้าตัวมันที่กำลังจะเดินออกไปมายืนอยู่ตรงระหว่างขา เลื่อนมือมาจับมือเล็กๆสองข้างนั้นก่อนจะมองหน้ามันที่ก็มองหน้าผม
“ อาภาพจะบอกอะไรกับกาลิคเหรอ เป็นฟามลับเปล่า~ "
“ อาภาพรู้แล้วนะ ว่าใครเป็นคุณพ่อของกาลิค " ผมบอก กาลิคก็นิ่งไปแววตากลมที่จ้องมองผมเหมือนว่าตัวมันไม่ได้คิดเลยว่าผมจะถามออกมาแบบนั้น " อยากรู้มั้ยว่าใครเป็นพ่อของกาลิค "
“ อยากรู้ " ตอบรับเสียงเบาๆก่อนจะพยักหน้ารับช้าๆ
“ อาภาพเอง " ผมบอก " อาภาพเป็นพ่อของกาลิคนะ "
“ อาภาพ อาภาพเป็นพ่อของกาลิคเหรอ " มันทวนคำพูดของผมที่ก็ยิ้ม แล้วพยักหน้ารับ
“ ใช่ อาภาพเป็นพ่อของกาลิค " ผมย้ำก่อนจะยิ้มให้มัน " แต่ว่า อาภาพกับหม่ามี๊น่ะไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้นะ เพราะว่าเราสองคนไม่ได้รักกันก็เลยต้องแยกจากกัน หม่ามี๊ตอนนี้ก็ไปอยู่กับคนที่เค้ารักแล้วก็อยากจะอยู่ด้วยแล้ว และกาลิคก็จะลำบากมากๆถ้าต้องไปอยู่กับหม่ามี๊ อาภาพเลยไม่อยากจะให้กาลิคไป อาภาพอยากจะให้กาลิคอยู่ที่นี่ เพราะงั้นต่อไปนี้กาลิคอยู่กับอาภาพนะ เราจะอยู่ด้วยกันสองคน แล้วเราก็จะไม่แยกจากกันอีก ตกลงมั้ย "
" อื้อ! " เด็กชายตัวน้อย พยักหน้ารับ " เพราะว่าหม่ามี๊จะพากาลิคไปลำบาก จะไม่สบาย จะไม่มีความสุข แบบนั้นอาขมก็เลยบอกให้กาลิคเลือกใช่มั้ย "
" ใช่แล้วละ " ผมบอก " เพราะอาภาพ กับ อาขม อยากจะให้กาลิคมีความสุขไง เสียใจรึเปล่าที่ต่อไปนี้จะไม่ได้เจอหม่ามี๊แล้ว "
" ไม่ครับ " มันส่ายหน้า ก่อนจะบอก " ก็กาลิคมีอาภาพ แล้วก็มีอาขมอยู่ กาลิคไม่เสียใจหรอก "
" ดีใจจังที่ได้ยินแบบนั้น " ผมบอกก่อนจะยิ้มให้คนตรงหน้า " อาภาพน่ะ ต่อไปนี้จะเป็นพ่อแบบไหนให้กาลิคก็ยังไม่รู้เลย จะเป็นพ่อที่ดีได้รึเปล่าก็ยังไม่รู้ด้วย แต่ที่รู้คือ อาภาพจะดูแลกาลิคให้ดีที่สุด จะไม่ทำให้กาลิคต้องเสียใจ แล้วก็จะไม่ยอมให้กาลิคไปกับอยู่ใครที่ไม่ดีด้วย อาภาพจะคอยปกป้องกาลิคตลอดไปเลย อยู่กับอาภาพนะกาลิค อยู่ด้วยกันตลอดไปเลยนะ "
“ อื้อ " แววตากลมคลอน้ำตาตอนที่เอ่ยบอกผม " กาลิคจะอยู่กับอาภาพแล้วก็อาขมตลอดไปเลย แต่ว่าอาภาพ..”
“ ว่าไงครับ "
“ กาลิคเรียกอาภาพว่าป๊าได้มั้ย กาลิคอยากมีพ่อ " คำถามสั้นๆที่ทำให้ผมนิ่งไปสักพัก เหมือนมีอะไรสักอย่างมาบีบใจของผมไว้แน่น น้ำตาที่ไหลออกมาผมก้มหน้าลงซบฝ่ามือเล็กๆนั่น
กาลิคมาที่นี่ก็เพราะแม่มันบอกว่าจะพามาหาพ่อ เพราะงั้นคนที่กาลิคอยากจะเจอที่สุดก็คงเป็นพ่อของมัน คนที่มันอยากจะเอ่ยเรียกคำว่า พ่อออกไปสักครั้ง คนที่มันเคยคิดว่าเค้าจะรักและต้อนรับมันในครั้งแรกที่เห็น แต่ตอนนั้นทั้งผมทั้งขมก็เอาแต่ไม่ยอมรับมัน เราที่เหมือนผลักมันให้ออกไป ผมที่ทิ้งขว้างมัน แล้วทำให้หัวใจของมันต้องเจ็บปวดอย่างหนัก ทั้งๆที่มันไม่ได้ต้องการอะไรเลย กาลิคก็แค่อยากจะมีพ่อเท่านั้น
" กาลิค " เอื้อมมือไปดึงมันมากอดไว้ในวินาทีนั้น ผมซบลงไปตรงไหล่ของมัน เด็กน้อยถามย้ำ
" ได้มั้ย กาลิคเรียกอาภาพว่าป๊าได้มั้ยครับ "
" ได้สิ ได้เลย ต่อไปนี้ กาลิคต้องเรียกอาภาพว่า ป๊านะ เรียกต่อหน้าทุกๆคน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน กับใคร ก็เรียกว่า ป๊าว่าป๊าได้เลยนะ เพราะว่าป๊าน่ะ ก็อยากจะให้กาลิคเรียกป๊า ว่าป๊าเหมือนกัน "
" ป๊าาาาา " เสียงใสๆของมันเรียกผม มือเล็กที่กอดผมไว้แน่น ในตอนนั้นกาลิคร้องไห้งอแงออกมาเสียงดัง " กาลิคอยากเรียกป๊า กาลิคอยากกอดป๊า กาลิคอยากเจอป๊าที่สุด ป๊า~ รักป๊าน้า กาลิครักป๊า~ "
" ป๊าก็รักกาลิคนะ ขอโทษนะกาลิค ป๊าขอโทษนะ ขอโทษที่รู้ช้าไป ป๊าขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ "
" อึก ฮือๆ ป๊าาา " เสียงร้องงอแงที่ดังอยู่ใกล้หูผม อ้อมกอดของผมกอดเด็กน้อยคนนี้ไว้แน่น พร้อมกับหัวใจที่ให้สัญญากับตัวเองไว้ว่า จะไม่มีวันทำให้มันเสียใจอีกและต่อจากนี้จะดูแลมันให้ดีที่สุด ให้สมกับการเป็นพ่อ พ่อที่กาลิคอยากเจอและอยากจะมีมากที่สุด
...............................................................
กาลิคของป้า #ปิดปากร้องไห้สงสารเด็กน้อย
ต่อไปนี้ก็มีคุณพ่อแล้วนะ ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็เรียกป๊าได้อย่างมีความสุขแล้วนะ
มีชีวิตที่มีความสุขนะลูก หมดทุกข์หมดโศกสักทีนะ #พรมน้ำมนต์
ในส่วนของเรื่องว่าที่คุณแม่ #เดี๋ยวตอบรับรักค่อยเป็นคุณแม่เต็มตัว
ต้องมีคนบอกแน่นอนว่า โอ๊ยยยย มึงจะเรื่องมากคิดเยอะเหี้ยไรอีก รับรักไปเถอะ ไอ้ที่มึงหึงเค้ากับมีนา คราวที่น้องมันมาสอนทำแกงจืด แกก็รักอีภาพแล้วแหละ อีบ้าาา #ใจเย็น
ไม่เคยได้ยินเหรอ พี่ดาเอ็นโดฟินกล่าวไว้ว่า " ห่างกันเพียงเอื้อมมือแต่มันคือแสนไกล "
เรารู้ว่าทุกคนรู้ว่าขมรู้สึกยังไงกับภาพ แต่ที่ทุกคนไม่รู้คือ มึงจะคิดเหี้ยอะไรอีก #เกรี้ยวกราด
คือ.. กรุณาให้ฉันมีพื้นที่เขียนนิยายต่อไปด้วยค่ะ กรุณาให้ฉันเขียน แล้วทุกคนก็เข้ามาอ่าน ฮ่าๆ
ขึ้นว่าตอนจบ เพราะรู้ว่าใครเป็นพ่อเด็กแล้ว เราได้คำตอบของชื่อเรื่องแล้ว " เฮ้ย! มันไม่ใช่ลูกกู "
และต่อจากนี้ขอเชิญทุกท่านเข้าสู่ .. นิยายแนวครอบครัวใสๆ
เรื่อง ชีวิตครอบครัวของพ่อหม้ายลูกติดกับเพื่อนสนิทที่ยังคิดเหี้ยอะไรของมึงอยู่ .. #ชื่อยาวจัง
อัพนิยายเหมือนเดิม อย่าลืมเข้ามาอ่านกันละ ส่วนการตีพิมพ์หนังสือนั้น มีแน่นอน เก็บเงิบใส่กระปุกไว้
พร้อมเมื่อไหร่ เปิดจองเมื่อนั้น ตอนนี้ยังไม่พร้อมมมมมมม ยังเขียนไม่เสร็จจจจ #กรีดร้อง
ทอล์คยาวจัง ฝากแท็ก #มมชลก ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า