ไอ้แนนจ้องไอ้เชนแบบประกาศความเป็นศัตรู สลับกับหันมามองหน้าผมเหมือนจะจับพิรุธพี่มัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าไอ้คู่หูวินไม้คงเล่าเรื่องผมกับไอ้โย่งให้พวกแฝดฟังแล้วแน่ๆ กุหนอกุ จะเอาไงต่อดีวะเนี่ย
“ไม่เป็นไรใช่มั้ย”
ไอ้เชนถามย้ำอีกครั้งแบบไม่สนใจท่าทีขวางๆของพวกแฝด สุขุมนุ่มลึกจริงนะมรึง
“แค่นี้จิ๊บๆน่า”
ทำเป็นคุยทั้งๆที่ก็เกือบเอาตัวไม่รอดถ้าไม่ได้เสียงนกหวีดพี่ยามมาห้ามทัพ ไอ้นิคยักไหล่เบ้ปากเหมือนจะยืนยันว่าไม่ยี่หระจริงๆ ถอยไปนั่งที่โซฟาโดยมีพวกแฝดเดินตามตูดต้อยๆเป็นองครักษ์พิทักษ์คุณชาย แต่มองหน้าไอ้น้องชายที่เคารพแล้ว เหมือนมันจะเป็นผู้คุมนักโทษมากกว่าจะเป็นองครักษ์เสียอีก ก็ดูสิครับ ทำตาดุตาขวางใส่ผม อย่างกับพ่อมาเองเลย อย่างนี้ต้องเบนความสนใจก่อน เอาเสียงโหดๆตาขวางๆเข้ากลบเกลื่อน หันไปเล่นงานไอ้คู่หูวินไม้
“แล้วทีหลังก็อย่าทำอย่างนี้อีก อย่าล้ำเส้นมายุ่งเรื่องของพี่ให้มากนัก เพราะถ้ามีคราวต่อไปอีก ถึงจะยังเด็ก หรือจะเป็นน้องใคร พี่ก็ไม่ไว้หน้าแน่”
ผมเล่าเรื่องคร่าวๆให้พวกไอ้เชนฟังแบบมาดเท่กินขาดยิ่งกว่าเจ้าพ่อมาเฟียในหนัง และหันไปย้ำกับคู่หูวินไม้เป็นการปิดท้ายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ก็ทำให้บรรยากาศในห้องนี่เย็นยะเยือกชวนสยองขึ้นมาทันตา มาดโหดใช้ได้เลยครับไอ้นิค
“แต่เค้าเข้าใจนะ ว่าทำไมไอ้สองตัวนั่นมันถึงทำอย่างนี้”
นั่นประไร อุตส่าห์คิดว่าเก๊กได้โหดเถื่อนสุดๆแล้วแท้ๆ สถานการณ์ตึงเครียดเพราะไอ้นิคแผ่รังสีเจ้าพ่ออย่างนี้ไม่มีใครกล้าขัดนอกจากไอ้คนนั้นมันจะแน่ใจอย่างล้นเหลือว่ายังไงผมก็ไม่ทำอะไรรุนแรงกับมันจนเกินไปแน่ ไอ้แนนยังไงล่ะครับ มันทำเสียงเครียด ตาขุ่นใส่อีก ฟังดูเหมือนจะเข้าข้างพวกคู่หูอ้อนตรีนมากกว่าจะเข้าข้างพี่มัน
“ตกลงว่า ตัวกับพี่ชายไอ้วินเป็นแฟนกันใช่มั้ย”
ไอ้แนนถามมาแบบตรงประเด็น พร้อมกับผลักมือไอ้เนมที่พยายามจะปิดปากแฝดพี่ของมันออก แถมยังทำหน้าตาเหมือนจะบอกว่า ยังไงก็ไม่ยอมถอย ถ้าไม่ได้คำตอบที่พอใจ
ตอนนี้สภาพบรรยากาศเลยยิ่งตรึงเครียดหนัก พายุฝนฟ้าคะนอง คลื่นลมแรง ลูกเห็บกระจายเป็นแห่งๆ เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง ถ้าเปรียบให้เห็นภาพก็คงประมาณนี้มั้งครับ เหอๆ
“แล้วตัวจะอยากรู้ไปทำไม รู้แล้วได้อะไรขึ้นมา ที่บอกว่าอย่าล้ำเส้นนี่พี่ไม่ได้หมายความถึงแค่พวกวินไม้นะ”
ผมกอดอกมองหน้าน้องชายตัวเองนิ่ง ไอ้แนนมันก็จ้องตาตอบมาแบบไม่มีหลบเหมือนกัน เอาสิวะ ให้มันรู้กันไปว่าใครจะแน่กว่ากัน
“ตัวจะบอกว่าแม้แต่เค้าก็ห้ามยุ่งใช่มั้ย ตัวเห็นแฟนดีกว่าน้องใช่มั้ย ด้ายยย เค้าจะฟ้องแม่ !!!”
ไอ้แนนมันแผดเสียง ทำเอาผมแทบหน้าคะมำเปลี่ยนอารมณ์ตามไม่ทัน ไอ้น้องบร้าาา จะฟ้องแม่เนี่ยนะ มรึงจะฟ้องแม่ว่ากุเป็นเกย์เนี่ยนะ เออดี แทนที่แม่จะคว้าไม้เรียวมาจัดการเหมือนสมัยก่อน แม่จะได้เป็นลมไปสามวันสี่คืนล่ะไม่ว่า ก่อนไอ้นิคจะเริ่มอ้าปากปาฐกถาให้พวกแฝดฟังด้วยอารมณ์ที่ประทุยิ่งกว่าภูเขาไฟระเบิดให้ต้องไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันทั้งคืน ไอ้โย่งมันก็แตะข้อศอกผมเป็นเชิงห้ามไว้ มีไอ้เนมเป็นแนวป้องกันไฟป่าฟากไอ้แนนไว้ด้วย เรียกว่างานนี้ร่วมด้วยช่วยกันจริงๆ
“พี่นิคเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว มีอะไรค่อยว่ากันใหม่พรุ่งนี้ดีกว่านะแนน เร็วๆไปนอนเป็นเพื่อนกันหน่อย เค้าไม่ชินกับที่นี่ กลัวผี นะๆๆๆ ไปนอนดีกว่านะ”
“ตัวก็ไปก่อนสิ เค้าจะคุยกับพี่นิคให้รู้เรื่อง ยังไงเค้าก็ไม่ยอมให้พี่นิคเป็นเกย์หรอก”
ไอ้แนนโพล่งออกมาอีกแบบไม่ไว้หน้าใคร ตาโตๆดุๆของมันจ้องไอ้เชนอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ทีนี้เลยไปกันใหญ่ พวกวินไม้ที่ว่าแรงยังแพ้ไอ้แนนแบบราบคาบ เพราะรายนี้มาแบบตรงๆ เปิดประเด็นดุเดือดถึงลูกถึงคน กัดไม่ปล่อยจริงๆ
“แนน !!! พอแล้วน่า”
ไอ้เนมเสียงดุกับแฝดผู้พี่เมื่อเห็นอาการของพี่คนโต เพราะถ้าขืนไม่เบรกไอ้แนนไว้ตอนนี้ มีหวังได้เปิดศึกสายเลือดตะลุมบอนกันยกใหญ่แน่ ก็พี่น้องตระกูลนี้มันใช้กำลังตัดสินความกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ลับหลังฝาแฝดที่ฉุดกระชากลากจูงกันไปนอนแล้ว ไอ้นิคก็ต้องถอนใจเหนื่อยๆออกมาเฮือกใหญ่ เนี่ยแหละครับ บรรยากาศที่น่ารังเกียจสำหรับคนอย่างผม ค้างๆคาๆให้ได้เครียดกันข้ามวันข้ามคืนอย่างนี้ แต่ถ้าจะให้คุยกันตอนนี้ก็คงไม่เหมาะเท่าไหร่เพราะคนอยู่กันเต็มบ้าน ที่สำคัญคือกลัวครับ กลัวว่าไอ้พวกแฝดมันจะรับไม่ได้และหมดความเชื่อถือในตัวผม
ไอ้นิคเอนตัวลงพิงหลังกับพนักโซฟา หลับตา พลางนวดขมับตัวเองเบาๆ เหมือนเหนื่อยเต็มที
“นิค” สักพัก ไอ้เชนมันก็เรียกผมเบาๆ
“หือ”
ลืมตาขึ้นมองสุดที่รักก็เห็นว่าไอ้พวกข้างบ้านคนอื่นๆ พร้อมคู่หูอ้อนตรีนวินไม้เคลื่อนทัพกลับกันหมดแล้ว ส่วนฝั่งบ้านผมก็สลายตัวไปหมดแล้วเหมือนกัน ตอนนี้ในห้องนั่งเล่นเลยมีแค่ผมกับไอ้เชนสองคนเท่านั้น
“ขอโทษนะ”
ไอ้เชนนั่งลงข้างๆ ถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ดึงตัวผมให้ซบกับไหล่ของมัน แถมโปรโมชั่นนวดท้ายทอยให้อีก ฮี่ๆ สบายจริงกุ
“ไม่ใช่เพราะมรึงหรอก เอาน่า ไม่ต้องคิดมาก น้องกุมันพูดรู้เรื่องกว่าน้องมรึงเยอะ เดี๋ยวอธิบายให้มันฟัง ก็หมดเรื่องแล้ว”
พูดเหมือนปลอบใจตัวเองไปในตัวด้วย
“อะไร” ไอ้โย่งมันแบมือมาให้ผม ไอ้นิคเลยงงๆ มรึงจะมาแบมือขอตังค์กุไปซื้ออมยิ้มหรือไงวะ
“ขอมือ”
“กุไม่ใช่หมานะ จะได้มาขอมงขอมือเนี่ย”
ด่ามัน แต่ก็ส่งมือให้มันอยู่ ผมตบป๊าบลงเต็มฝ่ามือไอ้เชน ยิ้มน้อยๆให้เมื่ออีกฝ่ายกระชับมือผมไว้แล้วถามเสียงเบา
“กุกลัวว่าแนนจะไม่เข้าใจและบอกให้มรึงเลือก ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆมรึงจะเลือกกุมั้ย”
“ไม่เลือก”
ผมตอบได้โดยไม่ต้องคิด ไอ้เชนเลยหน้ายักษ์ใส่ปล่อยมือผมออกทันที แต่เรื่องอะไรไอ้นิคจะยอมล่ะครับ ก็ผมยังไม่ได้รุกมันกลับเลย 555 คว้ามือมันกลับมาจับไว้แน่นแล้วขยายความให้ก่อนที่มันจะงอนมากไปกว่านี้
“กุไม่เลือกอะไรทั้งนั้นแหละ มรึงคิดว่ากุเป็นใคร คนอย่างกุไม่มีคำว่าต้องเลือก กุอยากได้อะไรก็ต้องได้ทั้งหมดว้อย 555”
หัวเราะเป็นฆาตกรโรคจิตใส่อย่างหมั่นเขี้ยวแล้วโถมเข้ากดไอ้โย่งลงกับโซฟา พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส คราวนี้ถึงทีกุรุกมรึงบ้างล่ะวะไอ้เชนเอ๋ย ไอ้นิคเอาหัวซุกๆกับซอกคอไอ้โย่งอ้อนๆ เตรียมต่อรองเต็มที่
“พี่นิค ฟูกในตู้หายไปไหน เค้าหาไม่เจอ”
เสียงไอ้เนมตะโกนถามลงมาได้จังหวะจริงๆ ผมเลยต้องผละจากอกอุ่นๆของไอ้เชนเลย เฮ้อ กำลังจะได้โอกาสยื่นข้อเสนอขอเจรจายึดครองดินแดนในอำนาจอธิปไตยของไอ้เชนที่รักแล้วเชียว
“มรึงไปจัดการพวกวินไม้เถอะ เดี๋ยวกุเคลียร์พวกแฝดเอง พรุ่งนี้จะโทรหานะ”
“งั้นมาให้จูบลาหน่อยม่ะ” มีญาติข้างไหนเป็นฝรั่งรึไงมรึง
“ไปได้แล้ว ปิดประตูบ้านให้ด้วยล่ะ”
สั่งการไอ้โย่งพร้อมไล่มันกลับบ้าน หลังจากโดนจูบจนหายใจหายคอไม่ออกอย่างกับมันไปตายอดตายอยากที่ไหนมา ผมรอจนไอ้เชนออกไปแล้วถึงเดินกลับห้องไปหาไอ้น้องบังเกิดเกล้าที่เคารพ คิดแล้วก็ถอนใจเฮือกๆกลุ้มใจไม่รู้จะเอายังไงกับไอ้สองตัวฝาแฝดดี ไอ้เนมน่ะไม่มีปัญหาเท่าไหร่ รายนี้เด็กดีน้องเล็ก อธิบายแบบจับเข่าคุยเสียหน่อยเดี๋ยวมันก็เข้าใจแต่ไอ้แนนนี่สิครับ ถอนหายใจอีกครั้งพลางเปิดประตูเข้าไปในห้อง แล้วก็อย่างที่เดาไว้ไม่มีผิด
“วันนี้ให้เนมนอนฟูกไป พี่มานอนกับเค้านี่ เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
ผมหันไปมองหน้าไอ้เนมมันก็ได้แต่ยิ้มแหยๆ ส่งมาให้ มือมันก็จัดการลากที่นอนปิคนิกเข้าไปให้ใกล้เตียงที่สุดเท่าที่จะมากได้ ท่าทางไอ้น้องคนเล็กมันคงเกลี้ยกล่อมจนน้ำลายแห้งไปแล้วล่ะครับ แต่บอกแล้วว่าไอ้แนนมันหัวดื้อ
“ปล่อยน้องนอนข้างล่างคนเดียวได้ไง เนมขึ้นมานอนด้วยกัน เบียดๆหน่อยแต่ก็ดีกว่านอนคนเดียว”
ไอ้เนมมันกลัวผีเข้าขั้นโคม่าเลยครับ
“ก็แนนไม่ให้เค้านอนด้วย บอกจะเคลียร์กะพี่นิค”
ปากมันก็ว่าอย่างนั้น แต่คลานขึ้นเตียงมานอนข้างๆแบบเร็วจี๋แถมส่งยิ้มหวานมาให้อีก น้องใครวะ น่ารักน่าฟัดจริงๆ
“เออน่า มีเวลาเคลียร์อีกเยอะ แล้วไม่นอนตรงกลางเหรอ”
“ไม่เป็นไร นอนข้างๆก็ได้ แบ่งแนนด้วย”
พูดอย่างกับพี่มันเป็นปาท่องโก๋ หนึ่งตัวฉีกแบ่งครึ่งเอาไปจิ้มนมข้น ไอ้เนมนี่สมกับเป็นลูกคนเล็กจริงๆครับ โตจนปูนนี้แล้วยังอ้อนเก่งเหมือนเดิม แต่มองตาโตๆของมันก็รู้แล้วครับว่ามันตั้งใจจะช่วยเบนความสนใจไอ้แนนไม่ให้ซักเรื่องไอ้เชนด้วย
ผมสูดหายใจเข้าเต็มปอด เอาวะ ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้วปิดบังไปก็ไม่มีประโยชน์ จะถามอะไรก็ถามมาเลยน้อง พี่พร้อมจะรับทุกอย่างแล้ว เหอๆ
“พี่นิค ตัวมีความสุขดีมั้ยตอนนี้น่ะ”
ห๊า อะไรของมันวะ อุตส่าห์เตรียมตัวเตรียมใจซะดิบดี ผมละงงกับอารมณ์ขึ้นๆลงๆเป็นหญิงวัยหมดประจำเดือนของไอ้แนน ตกลงมันจะเอาไงกันแน่
“ก็เรื่อยๆ มีอะไรรึเปล่าถามอย่างนี้น่ะ”
“ก็แค่สงสัย ทุกทีเค้าเห็นพี่นิคคบผู้หญิงคนไหนไม่เคยเกินสามเดือนก็เลิกกันทุกที พอมารู้ว่าพี่นิคเป็นแฟนกับพี่ไอ้วินเลยสงสัยว่าพวกตัวจะคบกันยืดรึเปล่า”
ผมนึกแปลกใจกับท่าทีของน้องชายที่ตะกี้ยังตะโกนปาวๆบอกจะฟ้องแม่ แต่มาตอนนี้กลับทำเสียงเป็นหมาหงอย จะสันนิษฐานว่ามันโดนสาลิกาลิ้นทองของไอ้เนมเกลี้ยกล่อมก็ดูจะใช้สติปัญญาน้อยไปหน่อย แล้วมันเป็นเพราะอะไรล่ะ
“ตกลงตัวกับพี่ไอ้วินเป็นแฟนกันจริงๆใช่มั้ย”
ถามเสียงอ่อยหน้าก็ดูหงอยๆอีก เฮ้ยๆๆ มรึงอย่าทำงี้สิวะ เปลี่ยนเป็นตะโกนด่าอย่างเดิมดีกว่า เห็นบ้าๆอย่างนี้แต่ความจริงผมใจอ่อนกับพวกเด็กๆที่สุดละ และเพราะแบบนี้ไอ้นิคถึงได้ชอบผู้หญิงแก่กว่ายังไงล่ะครับ ไม่ต้องคอยตามใจมาก มิหนำซ้ำยังเอาใจเก่ง ผิดกับไอ้สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเด็ก ไอ้พวกนี้นี่มันน่ากลัวจริงๆนะครับ บทมันจะง้องแง้งก็น่าตื้บสุดๆ แต่บทมันจะอ้อนเอาน้ำตาเข้าสู้ขึ้นมาก็ทำไอ้นิคแพ้ทางมือไม้อ่อน พาลจะหลงกลตามใจน้องทุกที
“พี่จะเป็นแฟนกับใคร แต่ยังไงพี่ก็รักพวกตัวเหมือนเดิมแหละน่า จะคิดมากกันไปทำไม”
ไอ้แนนมันกอดผมแน่น ไอ้เนมก็เอาบ้าง นอนกอดกุขนาบซ้ายขวาอ้อนกำลังสองอย่างนี้ไอ้นิคจะไปไหนรอด
“ไม่เอา เค้าไม่อยากได้พี่เขย เขาอยากได้พี่สะใภ้มากกว่า”
ทำน้ำตาคลออีก เฮ้อ กุล่ะกลุ้ม ผมถอนใจเฮือกๆกับอาการของน้องคนกลาง
“เอาเถอะๆ เรื่องนี้คงต้องคุยกันอีกยาว วันนี้นอนก่อน ไว้ค่อยคุยกันอีกทีแล้วกัน”
รู้ว่ายังไงคืนนี้ก็คงหาข้อสรุปไม่ได้ ผมเลยตัดบทบอกให้พวกแฝดนอนหลับไป ส่วนตัวเองก็นอนลืมตาอยู่ในความมืด คิดไม่ตกกับคำถามของไอ้โย่งที่วนเวียนอยู่ในหัว ถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างที่ไอ้เชนมันว่า ถ้าเกิดไอ้แนนบอกให้ผมเลือกขึ้นมาจริงๆ ถึงเวลานั้นผมจะเลือกฝ่ายไหนกันแน่ ถึงแม้ปากจะบอกออกไปว่าคนอย่างผมไม่มีวันต้องเลือก เพราะผมจะรักษาไว้ให้ได้ทั้งครอบครัวและคนรักในคราวเดียวกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผมจะทำได้อย่างที่พูดรึเปล่านี่สิที่เป็นปัญหา
ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยคิดมากเรื่องที่ตัวผมเองมีแฟนเป็นผู้ชายด้วยกัน เพราะพื้นฐานนิสัยที่เอาตัวเองเป็นที่ตั้งไม่ค่อยจะแคร์อะไร พอรู้สึกตัวว่าผมมีความสุขเวลาที่ได้อยู่กับไอ้เชน รู้สึกหัวใจฟูๆเวลาถูกมันบอกรัก ไอ้นิคก็ตัดสินใจที่จะคบกับไอ้โย่งในฐานะแฟนโดยไม่อิดออดให้เสียเวลา เพราะคนอย่างผมมันประเภทไม่ค่อยจะคิดอะไรมากมายให้รกสมองอยู่แล้ว คิดแต่ว่า คนเราถ้ารู้ว่าอะไรจะทำให้ชีวิตมีความสุขก็ต้องรีบไขว่คว้าไว้ก็แค่นั้น
แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็มีครอบครัวที่ต้องใส่ใจและแคร์ความรู้สึกของพวกเขาด้วย มาวันนี้ผมจึงเริ่มกังวลแล้วว่า หากต้องเลือก ท้ายที่สุดผมจะเลือกใคร นึกแล้วก็อิจฉาไอ้คินที่แม่ไอ้เป้ยอมรับเป็นลูกอีกคนไปแล้ว แถมยังทำท่าว่าจะรักไอ้คินมากกว่าไอ้เป้ที่เป็นลูกจริงๆเสียอีก เฮ้อ...ไอ้นิคนะไอ้นิค นานๆจะมีความกลุ้มในชีวิตกับเขาสักทีก็ดันกลุ้มเอาซะเรื่องใหญ่เลย
และเพราะมัวแต่กลุ้มเรื่องไอ้แนน พอตื่นมาอีกวันไอ้นิคเลยขอบตาคำคล้ำ หน้าเครียดหน้าดำ เหมือนโดนพระราหูเคลื่อนตำแหน่งย้ายวิถีโคจรเข้าครอบงำ เดินตาลึกตาโหลเข้าไปในครัว
“ลองเอาแตงกวาแช่เย็นโปะตาไว้ดิ”
ไอ้เชฟแม็คมันรู้ว่าผมคงกลุ้มไม่น้อยแต่ก็ไม่ถามเซ้าซี้อะไร มันแสดงความห่วยใยด้วยการเผยเคล็ดลับหน้าเด้งตาใสให้แทน โคตรซึ้งน้ำใจมรึงว่ะไอ้เชฟ แต่ไม่เอา กุชอบแบบจิ้มน้ำพริกกินมากกว่า ผมเดินมึนๆไปชงกาแฟแก้ง่วง แล้วมานั่งทำอารมณ์เป็นพระเอกโฆษณาจิบกาแฟอยู่หน้าบ้านรอไอ้เชนมารับไปเรียนด้วยกัน ปัญหาเรื่องไอ้แนนนั้นผมยังหาทางออกไม่ได้ ส่วนไอ้สุดที่เลิฟก็ไม่รู้ว่าจะเคลียร์กับคู่หูวินไม้ได้รึเปล่า
“พี่นิ้คคคคคค พวกเค้าไปด้วยคนดิ”
ไอ้เนมทำเสียงรื่นเริงบันเทิงใจเดินออกมาหาตามด้วยไอ้แนน เอาล่ะสิ แต่งตัวเตรียมพร้อมอย่างนี้ กะจะไปทัศนศึกษาที่มหาลัยกุแน่ๆ ไอ้นิคหน้าเซ็ง ไม่ใช่ไม่รักน้อง แต่รู้ว่ามันต้องไปทำป่วน
“พี่มีเรียนทั้งวันกว่าจะเลิกก็เย็นๆ ถ้าเลิกเรียนแล้วพวกตัวค่อยตามไปดีกว่ามั้ย”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกเค้าไปอ่านหนังสือที่หอสมุดรอก็ได้ แอร์เย็นด้วย”
ไอ้เนมยิ้มตาใส ใจอ่อนอีกละกุ เฮ้อ ไอ้นิคถอนใจเฮือกๆ พยักหน้ายอมๆพวกแฝดไป พอดีกับไอ้เชนเดินเข้ามา ก็รถของมันยังฝากจอดไว้ที่บ้านผมอยู่นี่ครับ ว่าแต่... ทำไมมันมีลูกสมุนตามมาด้วยเนี่ย เอาเข้าไป พอกันทั้งผมทั้งมัน ฝั่งผมก็มีพวกแฝด ฝั่งไอ้เชนก็มีคู่หูวินไม้ ปวดหัวตุบๆ ไอ้เด็กพวกนี้มันไม่ไปร่ำไปเรียนหนังสือหนังหากันบ้างรึไงนะ
“โรงเรียนมีงานประจำปีครับ เลยให้นักเรียนหยุดชั่วคราว” ไอ้วินตอบแบบอ่านใจผมออก
โรงเรียนบ้าอะไรพร้อมใจกันหยุดอย่างนี้วะ ไอ้นิคล่ะโมโหโทโสอยากจะโทรไปถามโรงเรียนไอ้คู่หูอ้อนตรีนว่าโรงเรียนหยุดหรือพวกมันหยุดกันเอง
“ท่าทางพี่นิคไม่อยากให้พวกเราไปด้วยเท่าไหร่เลยนะครับ”
ไอ้น้องไม้ครับ ถ้ากุจะขอตีลังกาเกลียวสองรอบครึ่งโดดถีบหน้ามรึงด้วยขาคู่ น้องไม้จะรังเกียจมั้ยครับ
“ทีเมื่อคืนทำไมไม่ปากดีให้ได้อย่างนี้”
เอาแล้วครับ ไอ้แนนซัดไปหนึ่งดอก และก่อนที่ดอกอื่นๆจะตามมาให้ได้เป็นเรื่องเป็นราวกันอีกไอ้เชนก็ตัดบทด้วยการไล่ต้อนไอ้พวกน้องๆไปขึ้นรถด้วยมาดดุ เสียงโหด สมกับที่พี่ๆสาขามันเล็งตำแหน่งพี่ว้ากไว้ให้
วันนั้นทั้งวันไอ้นิคไม่มีสมาธิจะเรียนเลยครับ นั่งสัปหงกมันทั้งคาบ (อ้างไปงั้น ความจริงก็แอบงีบประจำ 555) เลิกเรียนวิชาสุดท้ายปุ๊บก็รีบคว้ากระเป๋าวิ่งหน้าตั้งไปหาพวกแฝดที่หอสมุด แต่ไม่เห็นแม้แต่เงา นั่นไง กุว่าแล้ว ไอ้นิคปาดเหงื่อยืนหอบแฮ่กๆ อยู่หน้าตึก กดโทรศัพท์หาน้องๆแต่ก็เจอประโยคเดิมๆว่า หมายเลขที่ท่านเรียก..... ฮึ้ย โมโห อยากจะเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้ง โทรหาไอ้เชนก็ได้วะ
“พวกวินไม้อยู่กับมรึงมั้ย งั้นก็คงไม่มีอะไร สงสัยพวกแฝดมันจะไปหาไรกินแถวนี้ แค่นี้ก่อนนะเชน เดี๋ยวไงกุไปหาแล้วกัน”
ไอ้เชนมันอยู่ที่ซุ้มกับพวกบอยแบนด์ มีไอ้น้องวินนั่งกินเกี๊ยวทอดอยู่ข้างๆ ส่วนไอ้น้องไม้เพิ่งลุกไปเข้าห้องน้ำ มันรายงานให้ผมฟังทางโทรศัพท์แบบละเอียดถี่ยิบ แต่สรุปได้ว่าพวกแฝดไม่ได้ไปป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆคู่หูอ้อนตรีนผมก็เบาใจไปเยอะ สงสัยไอ้สองน.หนูมันจะไปหาอะไรกินอย่างที่เดานั่นแหละ
ผมกำลังจะเดินไปที่โรงอาหารใกล้ๆหอสมุด แต่เสียงเรียกที่ตอนนี้ไม่แค่คุ้นหู แต่เมมไว้ในสมองเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าเป็นเสียงของไอ้เด็กปากดีแต่ขี้แงไอ้น้องไม้ ทำให้ต้องหยุดฝีเท้า หันไปมองตามต้นเสียง
“จะไปไหนครับ”
ไอ้น้องไม้เดินแกมวิ่งเข้ามาหา ประโยคคำถามมีครับลงท้าย พิจารณาน้ำเสียงแล้วไม่พบแววกวนส้น โอเค กุตอบก็ได้
“ตามหาแนนเนมอยู่” ผมตอบสั้นๆ แล้วหันหลังจะเดินออกไปต่อ แต่โดนคว้าแขนไว้
“เดี๋ยวไม้ช่วยหานะ”
เฮ้ยๆๆๆๆ เรียกตัวเองว่าไม้แถมอาสาจะช่วยผมอีก ไอ้เด็กนี่โดนผีเข้าป่าววะ ผมมองหน้าไอ้น้องไม้แบบไม่แน่ใจก่อนจะตอบปฏิเสธ
“ไม่ต้องหรอก กลับไปที่ซุ้มเถอะ”
สมองผมเตือนไม่ให้ไว้ใจไอ้หน้าซื่อๆตาใสๆ นี่อย่างเด็ดขาด ประสบการณ์ที่เคยโดนฤทธิ์เล่นละครตีสองหน้าของพวกวินไม้ที่ร้านนมยังจำได้แม่น
“ไม้ไม่ได้คิดร้ายอะไรนะ ก็แค่อยากช่วยจริงๆ ตอบแทนเรื่องเมื่อคืน”
ทำเสียงกระท่อนกระท่อน ตาแดงจมูกแดงเหมือนจะร้องไห้ ก้มหน้านิ่งแล้วดึงชายเสื้อผมไว้อีก ไงล่ะไอ้นิค ใจอ่อนเลยกุ ก็บอกแล้วว่าแพ้ทางเด็กๆ
“เออๆ ไปก็ไป แล้วอย่าคิดทำอะไรตุกติกล่ะ ไม่งั้นพ่อฝังลืมหลุมแน่”
ถึงข้างในจะใจอ่อนไปแล้วกว่าครึ่ง แต่ผมก็ตีหน้าโหดขู่เสี้ยงเหี้ยมไว้ก่อน เพื่อเป็นการข่มขวัญไม่ให้ไอ้น้องไม้มันคิดจะเล่นลูกไม้สมชื่อมัน
----------------------------
เดี๋ยวมาต่อให้นะคะ ตอนนี้ปวดตามากมาย