♥ Describe me in one word ♥ In Inninn : Describe me in one wordเพื่อน 1 : Cute!
เพื่อน 2 : Cool!
เพื่อน 3 : Rabbit
เพื่อน 4 : น่ารัก
เพื่อน 5 : รู้ว่าซ้ำแต่ก็อยากตอบว่า น่ารัก
ใครก็ไม่รู้ 1 : ใช่ค่ะ อยากตอบแค่ว่าน่ารักซ้ำไปซ้ำมา
ใครก็ไม่รู้ 2 : พี่ต้องเลือกคำไหนที่มันใช่กว่าคำว่าน่ารักอีกล่ะลูกกกกกก
ใครก็ไม่รู้ 3 : นอกจากน่ารักก็นึกคำอื่นไม่ออกอีกเลยยยย
ใครก็ไม่รู้ 4 : จริงๆ นอกจากน่ารักก็น่าฟัดแหละจ้า
.
.
.
Parama Pai : แรด =_=
แรด..
แรด!
แรด!!!
มือที่ไม่ได้ถือโทรศัพท์กำแน่นแล้วทุบโต๊ะอย่างแรง ใบหน้าที่คนค่อนมหาลัยลงความเห็นว่าน่ารักกำลังบูดเบี้ยวเพราะคอมเมนท์ล่าสุดบนสเตตัสของแอพพลิเคชั่นยอดฮิตอย่างเฟสบุ๊กที่เขาเพิ่งตั้งจากเพื่อนข้างบ้าน
...ไม่สิ ตอนนี้ต้องเรียกว่าศัตรูข้างบ้านมากกว่า
ก็กล้าดียังไงมานิยามตัวเขาด้วยคำว่าแรดกัน
“โถ น้องอิน ใจเย็นๆ น่า ไอ้ปายมันก็แกล้งกวนตีนมึงแบบนี้ทุกครั้ง” เพื่อนที่เป็นเจ้าของคอมเมนท์แรกพูดปลอบ พลางยกมือลูบหลังคนกำลังโมโหไปด้วย
“บอกว่าไม่ให้เรียกน้องไง กูพี่มึงนะ” คนกำลังหัวฟัดหัวเหวี่ยงพาลไปทั่ว ปกติแล้วเขาก็ไม่ใช่คนโมโหง่ายแบบนี้ แต่อะไรก็เป็นข้อยกเว้นได้ถ้าอารมณ์ถูกกวนด้วยคนที่ชื่อปายคนนั้น
“เอาน่า ไม่น้องก็ไม่น้อง ไอ้อิน มึงก็อย่าโมโหมาก ดูซิ ข้าวก็กินยังไม่หมด เดี๋ยวมันมาเห็นมึงก็โดนด่าอีก แล้วทีนี้ล่ะได้ทะเลาะกันยาวแน่ๆ”
“ทะเลาะก็ทะเลาะ วันนี้กูจะสู้!”
“กูก็เห็นมึงสู้ทุกวัน” ...
แล้วก็แพ้ทุกวัน ประโยคหลังนั้นเพื่อนไม่ได้ต่อ เพราะรู้ดีว่าถ้าพูดออกมา จานข้าวที่ข้าวยังเหลือเกินครึ่งนั่นได้ร่อนลงมาบนหัวเขาแน่ๆ
ไอ้อิน คุณหนูอิน น้องอิน หรืออินอินที่ทุกคนรู้จักเป็นผู้ชายตัวเล็กที่สุดในกลุ่มหนุ่มโฉดที่มีกันห้าคน แต่ห้ามเรียกว่าเตี้ยให้ได้ยินเด็ดขาดเพราะเจ้าตัวมั่นใจในความสูง 175 เซนติเมตรของตัวเองมากๆ ว่านี่คือสูงเกินมาตรฐานชายไทยเเล้ว ในขณะที่เพื่อนคนอื่นร้อยแปดสิบอัพกันทั้งนั้น ผู้ชายผิวขาวโอโม่ ผมเพิ่งย้อมสีน้ำตาลเกือบส้ม ตาสองชั้นกลมโต แก้มยุ้ย แถมฟันกระต่าย ที่ยิ้มทีไรใครๆ ก็ลงความเห็นว่าน่ารัก น่าฟัด แต่อย่าให้กระต่ายเตี้ยตัวนี้โมโหเชียว เพราะถ้าเห็นใครขวางหูขวางตามวยไทยที่พี่ชายคุณเขาสอนมาตั้งแต่เด็กๆ จะถูกเอาออกมาใช้แบบไม่สนใครหน้าไหนทั้งสิ้น
แต่ว่า ตั้งแต่คบเป็นเพื่อนกันมา น้องอินของเพื่อนๆ ก็ไม่เคยโมโหใครให้เห็นเลยยกเว้นผู้ชายที่ชื่อ ปาย
“กินให้หมด อย่าเขี่ยคะน้า” เพื่อนอีกคนที่นั่งข้างกันพูดขึ้น วันนี้พวกเขามากินข้าวกันเพียงแค่สี่คน เนื่องจากเพื่อนหนึ่งคนในกลุ่มติดธุระ เพราะเป็นนักกีฬามหาลัยเลยต้องไปยื่นเรื่องกับอาจารย์เพื่อขอสอบล่วงหน้า
“วันเดียวน่า” กระต่ายที่ไม่ใช่สัตว์กินพืชยู่ปาก มือก็พยายามเขี่ยผักใบเขียวออก แต่ไม่มีใครยอม
“กูถ่ายรูปอัพลงไอจีละแท็กพ่อมึงนะ”
“มึงนี่!!”คนที่เพื่อนไม่ยอมตามใจแถมยังทำท่าจะถ่ายรูปจริงๆ รีบจ้วงคะน้าเข้าปาก หลับตาปี๋พลางรีบเคี้ยวรีบกลืนก่อนจะดื่มน้ำตามจนเกือบหมดแก้ว ...ทั้งที่ก็แอบบอกแม่ค้าละนะว่าไม่เอาผักๆ ก็เผลอใส่มาให้อยู่ได้
ท่าทางไม่เต็มใจแต่ก็ยอมกินข้าวจนหมดจานนั้นทำให้เพื่อนอีกสามคนยิ้มกริ่ม ก่อนคนที่ถือโทรศัพท์แต่แรกจะเอื้อมมือมาดึงจานข้าวเขาไปถ่ายรูป แล้วส่งรูปนั้นเข้าไลน์กลุ่มเพื่อนก่อนจะพิมพ์สำทับไปว่า
บังคับนิดหน่อย แต่กินหมดจาน“ทำไมต้องรายงานด้วย”
“มันสั่งมา”
“แล้วพวกมึงก็เชื่อ?”
“คนที่กล้าเถียงมันกูก็เห็นมีแค่มึงอ่ะ พวกกูทำตามคำสั่งมันได้ ไม่เดือดร้อนอะไร”
“หึย.. จำไว้เลย”
คนที่ถูกเพื่อนรุมแกล้งเบะปากแล้วลุกขึ้นยืนก่อนจะถือจานข้าวไปเก็บ แต่แม้จะโมโหก็ไม่ลืมรวบจานของเพื่อนๆ ที่กินหมดก่อนเขานานแล้วไปเก็บให้ด้วย ก่อนจะกลับมาแวะซื้อชาเย็นไม่ใส่น้ำตาลแต่เอานมเยอะๆ ที่ร้านขายน้ำเจ้าประจำร้านริมสุด แจกยิ้มสดใสอวดแม่ค้าไปหลายๆ ครั้ง แม่ค้าก็แทบจะเทนมสดหอมมันให้จนล้นแก้วชา
“ขอบคุณครับ” รับแก้วน้ำมาไว้ในมือและกำลังจะยื่นแบงค์ร้อยให้เพราะไม่มีแบงค์ย่อยแล้ว ก็มีมือของใครคนหนึ่งยื่นแบงค์ยี่สิบตัดหน้าแทน
“จ่ายให้ทำไม”
“รวย” เสียงทุ้มตอบเรียบๆ พลางใช้มือดันหลังคนที่ยังยืนนิ่งอยู่กับที่ให้ออกเดินเพื่อไม่ให้ขวางทางลูกค้ารายอื่น คนที่ถูกเลี้ยงน้ำแก้วใหญ่อดไม่ได้ที่จะทำหน้าหมั่นไส้คำพูดนั้น แล้วก็ไม่ขอบคุณหรอกนะ ตบหัวว่าเขาแล้วจะมาลูบหลังแบบนี้ได้ไง
สองคนดังของมหาลัยเดินคู่กันไปช้าๆ โดยคนตัวเล็กกว่าก้มหน้าดูดชานมเย็นอึกใหญ่ ตาไม่มองทางแต่ก็มีคนคอยระวังทางให้โดยการโอบเอวไว้หลวมๆ อยู่แล้ว อีกมือก็หยิบมือถือมาเช็คคอมเมนท์ของสเตตัสที่เพิ่งตั้งไป ซึ่งส่วนมากก็วนๆ อยู่แค่คำว่าน่ารัก น่าฟัดอะไรทำนองนั้นเท่านั้น แต่พอเลื่อนสายตาเจอคำว่า “แรด” ที่มีคนกดไลค์ให้เยอะที่สุดเพราะคนคอมเมนท์เป็นนักกีฬาสุดฮอตของมหาลัยก็อดไม่ได้ที่จะเบะปากใส่เจ้าของคอมเมนท์ที่เดินอยู่ข้างๆ อีกครั้ง
"ทำไมชอบเบะปาก"
“ว่าเราทำไม” แม้กับเพื่อนคนอื่นจะพูดจามึงมาพาโวยหรือหยาบแค่ไหน แต่กับคุณปรมะ ผู้ชายที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กๆ เขาไม่เคยได้รับอนุญาตให้ใช้ถ้อยคำเหล่านั้น เคยเผลอแล้วโดนดีดปากจนแสบไปหมด ตั้งแต่นั้นมาไม่ว่าจะทะเลาะด้วยเรื่องเล็กหรือใหญ่แค่ไหนก็ไม่เคยขึ้นมึงกูอีกเลย โมโหมากๆ ก็จะเรียกอีกฝ่ายว่าคุณแทนชื่อเล่น และนั่นแปลว่าไม่ว่าใครจะผิดหรือถูก แต่คนง้อไม่ใช่น้องอินที่รักของเพื่อนๆ แน่ๆ
“เราว่าเหรอ เราพิมพ์ตามจริง”
“ปาย!!”
“อย่าเสียงดังน่า”
“จะโมโหแล้วนะ”
“ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายนะน้องอิน”
“บอกว่าไม่ให้เรียกน้องไง ทำไมพูดไม่รู้ฟัง! เราเป็นพี่นะ เป็นพี่ใหญ่ของกลุ่ม เกิดก่อนทุกคน เราไม่ใช่น้อง!!”
“อื้อหือ นิสัยนี่เหมาะกับการเป็นพี่ใหญ่มากๆ”
“ปาย!! นี่ว่าเราอีกแล้วนะ ว่าเราตลอดเลย”
“ก็แรดจริงๆ ตั้งแต่เดินเข้าโรงอาหารมายิ้มเรี่ยราดให้กี่คนแล้ว หืม?”
“เปล่ายิ้มให้ใครสักหน่อย” ในขณะที่ปฏิเสธแบบนั้น ก็มีเสียงผู้หญิงกลุ่มหนึ่งเรียกอินอินตามชื่อที่เจ้าตัวตั้งบนเฟสบุ๊ก และเจ้าของชื่อก็หันไปยิ้มตอบให้ร่างสูงข้างๆ ส่ายหัว...
พูดยังไม่ทันขาดคำแท้ๆ“อ้าว ปาย มาเร็วจังวะ อาจารย์ยอมให้สอบก่อนไหม?”
“ยอม” พยักหน้าตอบเพื่อนในกลุ่มก่อนจะทิ้งตัวลงนั่ง ไม่ลืมที่จะดึงคนที่มัวสนใจแต่แก้วชานมให้นั่งลงข้างกันด้วย
“กินน้ำหวานมากๆ ไงถึงอ้วนขนาดนี้”
“นี่แก้วที่สอง”
“เอ๊ะ!!” คนที่โดนเพื่อนหักหลังเพราะตอนแรกก็ย้ำแล้วย้ำอีกแท้ๆ ว่าไม่ให้บอกปายอุทานขึ้นมาเสียงดัง และไม่ต้องเดาเลยว่าหลังจากคำพูดนั้น แก้วน้ำในมือก็ถูกแย่งและเอาไปวางไว้ห่างตัวทันที
“ยังกินไม่หมดเลย”
“พอแล้ว จริงๆ ควรพอตั้งแต่แก้วแรกด้วยซ้ำ”
“ก็มันอร่อยนี่...” เถียงเสียงอ่อยลงเรื่อยๆ เพราะรู้ว่าตัวเองผิด แต่ก็ไม่วายแอบเหลือบมองแก้วชานมที่อยู่ห่างออกไป
ฮืออออ อดเลย TT
ดวงตากลมโตที่ดูละห้อยคล้ายสูญเสียของสำคัญในชีวิตทำให้สี่คนที่เหลืออดไม่ได้ที่จะยิ้มขำ และพอเผลอหลุดหัวเราะออกมาเท่านั้นก็ถูกดวงตาคู่นั้นแจกค้อนให้ทันที
“ถ้าอยากกิน เย็นนี้ก็ไปวิ่งกับเรา” คนที่แย่งแก้วน้ำไปยื่นข้อเสนอใหม่ซึ่งคนฟังก็ส่ายหน้าทันที
“ไม่เอา ไม่ชอบ”
“เพราะแบบนี้ไงถึง...”
“เราไม่ได้อ้วนสักหน่อย ต่อยมวยก็ออกกำลังกาย แล้วต่อยปายก็ได้ด้วยตอนนี้”
“เราเอามือดันหน้าผากไว้ก็เอื้อมแขนไม่ถึงตัวเราแล้ว”
“แขนยาวขนาดนี้ เป็นเปรตรึไง”
“แล้วแขนสั้นขนาดนี้ เป็นตัวอะไร? แมวน้ำเหรอ อุ๋งๆ อ่ะที่ขาวๆ ป้อมๆ”
“ปาย!!!”
“พอๆๆ พวกมึงนี่ก็ทะเลาะกันจัง โตมาด้วยกันได้ไงจนถึงตอนนี้แบบไม่ฆ่ากันไปก่อนอ่ะ ไอ้อินนี่ปกติก็ใจเย็นอยู่หรอก แต่ปายว่านิดว่าหน่อยนี่ขึ้นจนน่าแกล้งกว่าเดิมไปอีก”
“เออจริง เมื่อกี๊ก็แทบระเบิดโรงอาหารเพราะคอมเมนท์ว่าแรดของมึงอ่ะ”
“ก็โกรธอ่ะ ปายลบเลย” เจ้าของโพสที่นึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้อีกครั้งก็เขย่าแขนอีกคนเพื่อให้ยอมทำตาม
“ไม่เอาหรอก เสียดายยอดไลค์”
เหอะ..คนอย่างปายเนี่ยนะสนใจยอดไลค์ นายปรมะหนุ่มนักกีฬาสุดฮอตของมหาลัยไม่มีทางตื่นเต้นกับยอดไลค์ในเฟสบุ๊กแบบที่กำลังพูดนี้แน่ๆ
ก็แค่อยากแกล้งเขาเท่านั้นแหละ
“โธ่ ลบเถอะ เดี๋ยวเราเดินไปซื้อข้าวให้ ยังไม่ได้กินอะไรไม่ใช่เหรอ?”
“ตอนบ่ายไม่มีเรียน เดี๋ยวค่อยกลับไปกินที่บ้าน”
“แปลว่าจะไม่ลบจริงๆ ใช่ไหม”
“ครับ”
“จำไว้เลย!!” ขู่ได้แค่นั้น ก็ลุกออกจากโต๊ะ แล้วเดินลิ่วๆ ไปโดยไม่รอ แต่ไม่ว่าคนตัวเล็กนั่นจะเดินเร็วแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องรอขึ้นรถกลับบ้านพร้อมกันเหมือนทุกวันอยู่ดี
บ้านสีขาวสองหลังที่กั้นกลางด้วยรั้วที่สูงแค่เอวทำให้ลูกชายของบ้านทั้งสองสามารถปีนไปมาหากันได้ โดยเฉพาะตัวซุกซนที่ไม่ชอบการเดินอ้อมเข้าทางประตูด้านหน้าเพราะเจ้าตัวอ้างว่าเสียเวลา แต่ก็นับครั้งไม่ถ้วนที่คนไม่ระวังได้แผลมาอวดเพราะตกรั้วทั้งที่ตัวเองก็เป็นคนปีนบ่อยที่สุดแล้ว
หลังจากกลับมาถึงบ้านและแวะไปเก็บกระเป๋าแล้ว อินก็วิ่งย้อนกลับมาที่บ้านข้างๆ ทันเห็นว่าเพื่อนตัวสูงกำลังจะเดินขึ้นห้องนอนก็รีบวิ่งตามและไม่ต้องเสียเวลาสวัสดีใครเพราะตอนนี้บ้านทั้งสองหลังไม่มีคนอยู่
เสียงเอะอะตึงตังที่ดังไล่หลังมาพร้อมแรงโถมเข้าใส่จากคนที่ก่อนหน้านี้ยังทำปากเบะให้เพราะเจ้าตัวบอกว่าโกรธ สองแขนเรียวกอดรอบคอคนตัวสูงกว่า พร้อมกับสองขากระชับเข้าข้างเอวสอบที่เจ้าของก็รับไว้ได้อย่างทุกที
“เดี๋ยวก็ตกลงไปหรอก”
“ปายไม่ปล่อยเราตกหรอก เรารู้”
“หมั่นไส้นักจะปล่อยสักทีนะเนี่ย”
“ดีๆ ดิ ปายทำผิดกับเราอยู่ปายต้องรับผิดชอบ”
“รับผิดชอบ?”
“ให้เราขี่หลังไปห้องปายเร็ว เราง่วง เราเหนื่อย เราอยากนอน”
“แล้วทำไมไม่นอนบ้านตัวเอง”
“บ้านเราไม่มีใครอยู่เลย เรากลัว”
“ตอแหล”
ป๊าบ!!
“ว่าเราอีกแล้ว”
“ก็กลางวันแสกๆ กลัวอะไร อยากนอนกับเราก็บอก”
“ไม่บอก”
“.....”
“แต่ก็อยากนอนด้วยจริงๆ นั่นแหละ”
นี่ไง...เพราะเป็นคนแบบนี้ไง
เดินต่อไปไม่ถึงสิบก้าว ก็มาถึงห้องนอนที่หน้าห้องยังมีป้ายเล็กๆ แขวนชื่อเด็กชายปรมะไว้ เจ้าของห้องย่อตัวลงเล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูเข้าห้องไป และรีบวางลูกลิงบนหลังไว้บนเตียงกว้าง
“เหนื่อยยยยยยยย.. เหนื่อยจังเลยยยย”
“บ่นๆ บ่นใหญ่เลย”
“ก็เราเหนื่อย เราตื่นเช้า แล้วตอนนี้เราก็ง่วงด้วย”
“.....”
“เราเหนื่อยจริงๆ นะ”
“แล้วจะให้เราทำไง”
“กอดเรา”คำพูดซื่อๆ นั้นทำให้ร่างสูงอดหัวเราะไม่ได้ แต่ก็ยอมย่อตัวลงนั่งบนเตียงและช้อนคนขี้อ้อนขึ้นมากอด
“วิ่งตามผู้ชายเข้าห้อง แถมมานอนอ่อยคนอื่นเค้าถึงบนเตียง แล้วยังชวนให้กอดอีก ..ไม่เรียกแรดจะให้เรียกอะไร หือ?”
“เรียกที่รัก...”
“.....”
"เรียกสิ"
“.....”
ดวงตาสองคู่จ้องกันในความเงียบ คู่หนึ่งมีแววท้าทายปนเชิญชวน อีกคู่นิ่งสงบ หากแต่เสียงทุ้มนุ่มก็เอ่ยออกมา
“ครับ ที่รัก”“ฮื่ออออออ เราเขิน” คนตัวเล็กบนเตียงดิ้นพล่านแม้จะเป็นคนเริ่มก่อน สองมือยกปิดหน้าแต่ไม่อาจปิดใบหูที่แดงแจ๋ฟ้องว่าเจ้าตัวเขินอย่างที่พูดจริงๆ
“ไอ้อ้วน เลิกเขินแล้วไปอาบน้ำได้แล้ว จะได้มานอนกลางวัน”
“แล้วปายจะทำอะไรอ่ะ”
“อ่านหนังสือไง เราต้องสอบเร็วกว่าคนอื่นตั้งเป็นอาทิตย์”
“ปายเก่งจะตายไป ไม่อ่านวันเดียวไม่ทำให้คะแนนแย่หรอก”
“แล้วจะให้เราทำอะไร”
คำถามเดิมดังขึ้นเป็นครั้งที่สอง และคำตอบก็ยังคงเป็นแบบเดิม
“มานอนกอดเรา”กระต่ายตัวสีขาวบนเตียงนอนหลับซุกผ้าห่มไปแล้ว หลังจากอาบน้ำจนสบายตัวและมานอนให้เขาลูบผมลูบหลัง ร่างสูงของคนเป็นเจ้าของห้องหยิบชีทเรียนที่แยกไว้ใช้อ่านสำหรับสอบมานั่งอ่านพิงหัวเตียงอยู่ข้างๆ ด้วยกลัวคนที่หลับไปจะสะดุ้งตื่นไม่เจอใครแล้วจะงอแง มือเรียวสวยที่กำลังจะพลิกกระดาษแผ่นแรกชะงักเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ ก่อนจะเอื้อมหยิบโทรศัพท์ที่วางทิ้งไว้คู่กันที่หัวเตียง กดเข้าแอพพลิเคชั่นสีน้ำเงินเลื่อนหาโพสล่าสุดของเจ้าของชื่อ In Inninn ก่อนจะพิมพ์คำตอบใหม่ลงไป
In Inninn : Describe me in one word
.
.
.
Parama Pai : mine เมีย
..E N D..
ฟิคสั้นคั่นเวลาเพราะแต่งเรื่องนู้นเเล้วเครียดเหลือเกิน TT
พอดีเลื่อนๆ ไทม์ไลน์ทวิตเตอร์แล้วเจอข้อความนี้เข้าพอดีเลยนึกฟิคนี้ขึ้นมาได้
ฝากด้วยนะคะ
ละก็แอบฝากเรื่องยาวเรื่องนู้นด้วยเหมือนกันค่ะ ^^ แหะ
▲▲As an escort #เพื่อนนอน▼▼http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64001.0