หลานคุณย่า แอบรัก3...............
(มินนี่)
ผมเริ่มบอกตัวเองอีกครั้ง ว่าควรที่จะเรียนรู้ที่จะรักให้เป็น ไม่ให้มันมาทำร้ายตัวผมเอง สมุดบันทึกที่ก่อนหน้านี้ผมชอบบันทึกอะไรลงไป ตอนนี้มันถูกผมลืมเลือนไปแล้ว เพราะผมไม่อยากยึดติดกับอดีต ในเมื่อคนที่เราห่วงหาอาทร กลับไม่ได้มีความรู้สึกแบบเดียวกับเรา ผมก็ไม่ควรที่จะไขว่คว้าหาสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง
ตอนนี้ผมมีความสุขดีครับ เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย ทำงานที่ร้านอาหารวันละสามชั่วโมง ทำแค่พาร์ทไทม์ เจ้าของร้านก็ใจดีกับผม คุณย่าท่านโมโหมากที่ผมแอบมาทำงานแบบนี้ ท่านบอกไม่อยากให้ผมลำบาก แต่ผมบอกท่านไปแล้ว ว่ามันมีประโยชน์กับตัวผมเอง ทั้งในเรื่องการเรียน แล้วก็แบ่งเบาภาระแม่ได้ด้วย
ผมเรียนอยู่ปีหนึ่งใกล้จะสอบปลายภาคแล้ว ยุ่งดีชะมัดเลย วันนี้วิ่งวุ่นทั้งวัน ทั้งเรื่องงานที่จะทำส่งอาจารย์ ทั้งเรื่องสอบย่อยอีก
“เฮ้ย! มินเย็นนี้ไปทานข้าวกัน” เพื่อนสนิทผมเองครับ ผมมีเพื่อนไม่เยอะหรอก เพราะเอาเวลาส่วนใหญ่ทำงานพิเศษเสียมากกว่า
“เราต้องไปร้านอ่ะ วันนี้พี่คนอยู่ประจำเขาลาด้วย” กรีนเพื่อนสนิทผมเริ่มหน้ามุ่ยแล้ว เพราะชวนทีไรผมก็ไม่เคยไปซะที
“อีกแล้วนะแก พวกฉันชวนทีไรไม่เคยไป ทำงานตลอด” หลิวเพื่อนอีกคนเอ่ยเสริม
“ก็มินไม่ว่างจะอะไรกันพวกแกนี่” เมฆที่นั่งอยู่อีกฝั่งเอ่ยแย้งขึ้น
“เข้าข้างกันตลอดนะยะ ทีฉันอ่ะเรียกแกย่างนั้นอย่างนี้ ทีกับไอ้มินนี่พูดซะเพราะ พวกฉันเป็นผู้หญิงนะเว้ยไม่ใช่ไอ้มิน” กรีนแหวใส่เมฆที่นั่งทำหน้ามึนๆ อยู่ข้างๆ ผม เขาพูดเพราะกับผมเสมอ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ทั้ง ๆที่ผมก็เป็นผู้ชาย
“อยากให้พูดเพราะๆ ด้วยเหรอครับคุณกรีน คุณหลิว” เมฆพูดเสียงอ่อนเสียงหวานยังคงต่อปากต่อคำกับเพื่อนอีกสองคน ผมก็ได้แต่นั่งหัวเราะที่สองสาวทำท่าเหมือนจะอ้วกออกมา
“ใครทำแกสองคนท้องเนี่ย แถมท้องพร้อมกันสองคนเลยด้วย” สองสาวสงสัยจะหมั่นใส้คนข้างๆ มาก ฝ่ามือเล็กๆ สองข้างประเคนใส่หลังเมฆจนเต็มแรง สงสัยคงจะเจ็บน่าดู หน้าตาเหยเกจนผมยังเจ็บแทน
พวกเรานั่งเล่นที่ใต้ตึกคณะรอเวลาเรียนคาบบ่าย พูดคุยเล่นกันไปเรื่อย เมฆอาสาไปซื้อน้ำให้ผมกับสาวๆ อีกสองคน ตอนนี้เป็นคาบว่าง อ่านหนังสือบ้าง คุยไร้สาระบ้างในบางครั้ง ไม่มีอะไรที่ต้องเครียดมาก
“หมูน้อยยยย” เสียงเรียกผมดังมาแต่ไกล ก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งยิ้มร่ามาหาผม ไม่เคยคิดจะอายใครหรอกครับคนอย่างบราวนี่ แต่เพราะเขาเป็นคนน่ารัก จึงมีแต่คนจ้องมองด้วยสายตาแพรวพราว โดยเฉพาะพวกหนุ่มๆ ที่เห็นหน้าตาน่ารักของบราวนี่ทีไรก็พากันเคลิ้ม จนผมเริ่มที่จะรำคาญไอ้พวกผูชายเจ้าชู้พวกนี้แล้ว ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ชอบเข้ามาถามว่าบราวนี่คนน่ารักมีแฟนยัง มีเบอร์ไหม จีบได้ไหม จนผมอยากตะโกนดังๆ ออกไปว่าให้ไปถามเอาเอง แต่ก็ได้แค่คิด ไม่กล้าพูดหรอก กลัวรุ่นพี่จะโกรธ ถึงคณะที่ผมเรียนจะเป็นคหกรรม แต่ก็มีทั้งบรรดา หนุ่มแท้หนุ่มเทียมเรียนเยอะพอสมควร การที่ผู้ชายรักกับผู้ชายจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่
“เสียงดังทำไมบราว เค้าอยู่แค่นี้” ผมว่าไอ้คนที่ไม่ได้รู้สึกสำนึกเลยแม้แต่น้อย
“ฮี่ๆ ก็เค้าดีใจที่เจอหมูน้อยนี่นา ไม่ได้เจอกันเกือบสองอาทิตย์” เสียงเล็กๆ เริ่มตัดพ้อผม เพราะเราสองคนเรียนกันคนละคณะ แล้วผมก็ยังทำงานพิเศษอีกจึงไม่มีเวลาที่จะได้เจอกัน แต่ก่อนเราเรียนด้วยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันแทบจะตลอด ตัวติดกนยังกับปลาท่องโก๋
“แล้วมีอะไรเนี่ย มาหาถึงที่นี่” อีกคนเข้ามานั่งข้างๆ เอาหัวมาถูไถผมแบบที่เจ้าตัวชอบทำตั้งแต่เด็กจนโต เวลาที่ต้องการจะอ้อนคนในครอบครัว หรือแม้กระทั่งเพื่อนสนิทอย่างผม
“คิดถึง คุณย่าก็คิดถึง บอกว่าตัวไม่เข้าไปทานข้าวที่บ้านเลย รู้ไหมว่าย่าน้อยใจใหญ่แล้ว” นี่ล่ะสินะคือสาเหตุที่บราวนี่มาหาผม
“ก็บอกคุณย่าแล้วนี่นาว่าทำงานพิเศษ” ผมสองคนคุยกันไปเรื่อยโดยที่สองสาวเอา แต่นั่งจ้องกับท่าทางของเราสองคน
“เราขอขัดจังหวะได้ไหม นายสองคนใครรุกใครรับ” กรีนเอ่ยถามขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของเราสองคน
“อะไรนะกรีน อะไรรุกๆ รับๆ” ผมงงกับคำถามของเพื่อน จึงถามย้ำอีกครั้ง
“ก็นายสงคนไง ใครรุกใครรับ” กรีนคิดว่าผมสองคนเป็นแฟนกัน
“ฮ่าๆๆๆๆๆ เรา ฮึ...ฮ่าๆๆๆ ขอหัวเราะก่อนนะ” บราวนี่หัวเราะเสียงดังกับคำถามบ้าบอของเพื่อนผม แต่ผมนี่ยิ้มไม่ออกนะครับ
“บ้ารึไงกรีน เราสองคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก บ้านอยู่ติดกัน คุณย่าของบราวนี่ก็เหมือนย่าของเรา” ผมพยายามอธิบายให้เพื่อนเข้าใจ แต่อีกคนเอาแต่ขำ ท้องคับท้องแข็ง
“ใช่ๆ เรา ฮ่าๆ เป็นเพื่อนกัน” หมั่นใส้บราวนี่จริงๆ เลยเอาแต่หัวเราะ ไม่ทุกข์ร้อนอะไรกับเขาสักอย่าง
“ฉันก็ว่างั้นแหละยายกรีน แกจะเอาเคะมาชนเคะหรือไง ฟ้าผ่าตาย” ดูเพื่อนผมแต่ละคนสิครับ สนับสนุนให้ผู้ชายกินกันเองไม่พอ ยังจะมาจับคู่ให้ผมกับบราวนี่อีก
“พอๆ เลยพวกเธอเลิกไร้สาระได้แล้ว ส่วนบราวเมื่อไหร่จะเลิกขำ”
“อือๆ ฮึ เขาเลิกก็ได้” แม้จะพยายามกลั้น แต่ก็ยังแอบหัวเราะออกมาอีก จนผมหันไปมองค้อนเพื่อรักที่หนึ่ง
“บราวนี่น่ารักอ่ะ เราชอบ” กรีนส่งยิ้มที่คิดว่าน่ารักที่สุดในชีวิตให้กับบราว
“จีบเราเหรอ”
“คิๆๆๆ ใครเขาจะจีบล่ะ เราแค่อยากหาแฟนให้บราว”
“เอาสวยๆ เลยนะคร้าบบบบ” บราวนี่ยังไม่รู้ตัวล่ะสิว่าความซวยกำลังจะมาเยือนถ้าให้ยายสองสาวนี่หาแฟนให้สงสัยจะได้สามีมากกว่า
“อย่างบราวนี่ต้องหาแฟนหล่อๆ ล่ำๆต่างหาก” หลิวแท็กมือกับกรีนอย่างเห็นด้วย สองสาวนี่ท่าจะบ้าไปใหญ่แล้ว ผมก็เคยโดนตอนที่รู้จักกันใหม่ๆ
“บ้าแล้ว เราผู้ชายนะ”บราวนี่แหวเสียงดังอย่างขัดใจ
“แต่ผู้ชายแบบบราวนี่กับมิน ต้องเหมาะกับเมะล่ำๆ หล่อๆ ชายได้ชายเป็นยอดชายนะจ๊ะ” ใครก็ได้ช่วยพายายสองคนนี่ไปล้างสมองทีครับ สางสารพ่อแม่ของพวกเธอจริงๆ เลย
เมฆที่ไปซื้อน้ำนานจนผมลืมไปเลย เดินกลับมาพร้อมน้ำหลากสีตามที่พวกผมสั่งไป แต่ไม่มีของบราวเพราะไม่รู้ว่าจะมาเลยไม่ได้สั่งเผื่อ
“สวัสดีเมฆ” บราวนี่เอ่ยทักผู้เดินเข้ามาใหม่ ก่อนที่จะส่งยิ้มน่ารักตามแบบของตนเอง
“สวัสดีครับบราวนี่” เมฆเอ่ยทักบ้างพร้อมกับนั่งลงเก้าอี้ว่างข้างๆ บราวนี่
ผมหยิบแก้วชานมเย็นปั่นมาดื่ม ก่อนที่จะยื่นให้บราวนี่ แต่รายนี้เขาไม่ชอบหรอก ชอบดื่มชาเขียวใส่นมเยอะๆ แต่ก็ยอมดื่ม สงสัยจะหิวล่ะสิ
“บราวทานข้าวมารึยัง”
“ทานแล้ว แล้วตกลงเย็นนี้ว่าไง บอกบราวมา” เจ้าตัวคะยั้นคะยอผมไม่ยอมหยุด รายนี้ไม่ชอบให้คนขัดใจ
“โธ่ บราวอ่ะ วันอาทิตย์ได้เปล่า เราลางานก่อน” หาทางเลี่ยงเพราะไม่อยากให้คนที่ร้านรอ เพราะไม่พนักงานไม่พอ อีกอย่างก้ตกลงกับพี่ๆ ที่ร้านไว้แล้ว
“หมูน้อยอ่ะ” พูดอย่างนี้คืองอนเต็มขั้นแล้วครับ หน้างอๆ ตาเชิดๆ ที่ตอนนี้ส่งมาให้ผม ชอบให้คนอื่นง้อเป็นที่หนึ่งเลย
เสียงฝีเท้าคนที่เดินมาตรงนี้ ทำให้ผมต้องหันไปสนใจผู้มาใหม่ ก่อนที่จะเห็นว่าเป็นพี่พาย ปกติเขาจะไม่มาหาผมที่คณะหรอกครับ พี่พายสวยในแบบที่ผู้หญิงหลายๆ คนยังต้องอาย ตาคม ปากเล็กๆ จมูกเล็กๆ โด่งไม่มากรับกับใบหน้า ริมฝีปากบางๆ ของพี่พายยกยิ้มสวยส่งมาให้ผมส่วนพวกหนุ่มๆ สาวๆ ที่อยู่โต๊ะข้างๆ อยู่ดีๆ ก็เอ่ยเสียงดังเซงแซ่ จนผมหันไปมองจึงรู้ว่าพวกนั้นกำลังจ้องผู้มาใหม่อย่างเอาเป็นเอาตาย
“พี่พายมาได้ไง” ผมยิ้มให้พี่พายบ้าง ส่วนเมฆนี่เอาแต่นั่งอ้าปากค้าง อยู่อย่างนั้น ตาก็มองพี่ชายผมไม่กระพริบเลย ไม่ต่างกับสองสาวที่มองตาค้างสะกิดแขนกันเบาๆ แล้วกระซิบกระซาบอะไรไม่รู้
“มาตามเจ้าตัวแสบ”
“นั่งนี่เลยครับ” เมฆตั้งสติได้รีบลุกขึ้นให้พี่พายนั่งลงที่ๆ ตัวเองนั่งอยู่ก่อนแล้ว
“ไม่ป็นไรหรอก พี่มาแป๊บเดียว”
“นั่งเถอะค่ะ ให้ไอ้เมฆมันยืนน่ะดีแล้ว” หลิวนี่เห็นผู้ชายหน้าตาดีไม่ได้ครับ ตาเยิ้มเชียว
“จริงๆ ค่ะ พี่นั่งเลย ไอ้เมฆมันถึก มันอึด ไม่เป็นไรหรอก” กรีนเป็นฝ่ายสนับสนุนเข้าขากันดี ถ้าคนหนึ่งเป็นนักร้องอีกคนก็คงจะเป็นมือกลองคอยตบให้เข้าจังหวะ
“ขอบคุณนะ” พี่พายยิ้มเผื่อแผ่ให้ทุกคน รวมทั้งเมฆที่มองตามตาละห้อยเลยงานนี้
“เดี๋ยวมินแนะนำเพื่อนให้รู้จักนะฮะ” ผมแนะนำให้ทุกคนรู้จักกันอย่างเป็นทางการ พวกเพื่อนๆ ผมก็ยกมือไหว้พี่พายกันใหญ่
“หน้าตาดีกันทั้งบ้านเลยอ่ะ อิจฉาจัง ทำไมผู้ชายสมัยนี้ ทั้งสวย ทั้งน่ารักแบบนี้ แล้วผู้หญิงอย่างกรีนกับหลิวจะมีที่ยืนเหรอคะ” มันก็จริงครับ อย่างที่ผมบอกว่าบ้านนี้เขาหน้าตาดีทั้งบ้าน แต่ละคนหน้าไม่เหมือนกันหรอก พี่ซองคนโตออกแนวหล่อแบดบอย พี่พายดูสวยคม ส่วนบราวนี่ดูน่ารักแบบแก่นๆ เซี้ยวๆ
“ฮ่าๆ แกก็ยืนอยู่ที่เดิมของแก เพียงแต่ไม่มีใครสนใจก็เท่านั้น” เมฆปากร้ายว่าเพื่อนผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไง
“แกไม่ต้องมาว่าฉันหรอก ไอ้ยักษ์ปักหลั่น ตัวดำทะมึน” เป็นหลิวที่ร้องด่าเมฆออกมาเสียงดัง
“พี่พาย กับบราวนี่ไม่ต้องตกใจนะคะ เราแค่คุยกัน ไม่ได้ทะเลาะกันหรอก” กรีนพูดก่อนที่จะยิ้มบางๆ ส่งให้พี่พายสงสัยจะเขิน
“ไม่เป็นไรหรอก พี่ว่าตลกดี”
“แล้วตัวตามเค้ามาทำไม” บราวนี่หันไปถามพี่พายหลังจากที่นั่งเงียบมาสักพัก
“ก็บอกว่ามาตามเจ้าเด็กแสบเอาแต่ใจไง คุณย่าบอกแล้วไงว่าบราวทำงานพิเศษ วันอาทิตย์ค่อยเข้าไปที่บ้านก็ได้” เริ่มจะมีอะไรตะหงิดๆ น่าสงสัยซะแล้ว
“บราวบอกว่าคุณย่าคิดถึง น้อยใจที่มินไม่ได้เข้าไปหาไม่ใช่เหรอ” ผมหันไปถามพี่พาย น่าจะได้คำตอบมากกว่า
“เจ้าตัวแสบต่างหาก บังคับให้คุณย่าโทรหาหมูน้อยด้วย แต่คุณย่าไม่โทรเลยมาเอง” ผมเริ่มจะเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว
“บราวหลอกมินเหรอ” ผมหันไปมองบราวนี่อย่างเคืองๆ ที่จริงก็ไม่ได้โกรธหรอก แค่แกล้งไอ้คนที่ชอบเอาแต่ใจเล่นเท่านั้นเอง
“ฮี่ๆ แกล้งเล่นเฉยๆ ก็บราวคิดถึงมินอ่ะ ตั้งแต่เด็กเราอยู่ด้วยกันตลอดนี่นา” หน้าตาน่าสงสารส่งมาให้ผม สายตาอ้อนๆ คู่เดิมตั้งแต่เด็กจนโต ผมก็ใจอ่อนตามเคยครับ
“มินทำงาน วันอาทิตย์จะเข้าไปหาแต่เช้าเลย”
“จริงๆ นะ” อีกคนพุ่งเข้ากอดผม จนตั้งตัวไม่ทัน เกือบตกเก้าอี้ทั้งสองคนแล้วไหมล่ะ จนผู้คนที่นั่งมองกลุ่มเราอยู่หันมาจ้องเป็นตาเดียวกัน จะไม่ให้มองได้ไงล่ะ ก็ผู้ชายสองคนมานั่งกอดกันแบบนี้ ใครๆ ก็มองทั้งนั้นแหละ อีกทั้งยังมีพี่พายคนสวยนั่งอยู่ด้วยจึงเป็นจุดสนใจได้ไม่ยาก
“พอแล้วน้องบราว คนมองกันใหญ่แล้ว” เป็นพี่พายที่ห้ามไว้ เพราะคนแถวนี้คงม่ไมีใครคิดว่าเพื่อนผู้ชายจะกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันขนาดนี้
“ไม่นะคะพี่พาย กำลังฟินเลย”
“จริงๆ ค่ะ เคะชนเคะก็ไม่เป็นไรแต่ตอนนี้กรีนว่ากอดกันต่อเลยค่ะ ทำเยอะกว่านี้ก็ไม่ว่า ผลัดกันรุกผลัดกับรับ หนูชอบ” ประสาทจะเสียเพราะเพื่อนผมสองคนนี่แหละ
“ไร้สาระจริงๆ พวกแกสองคนเนี่ย” เมฆเอ่ยขัดความสุขของสองสาวที่ที่นั่งเคลิ้มๆ อยู่
“แกไม่เข้าใจสาววายอย่างฉันหรอก เงียบๆ ปากไปเลยไป” หลังจากนั้นก็เป็นการปะทะคารมของสองสาวกับหนึ่งหนุ่ม อย่างเช่นทุกครั้ง มีความสุขในทุกๆ ครั้งที่ผมได้อยู่กับเพื่อน มันเป็นความทรงจำที่ผมไม่มีวันลืม ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือไม่ดี ทุกข์บ้างสุขบ้าง ทะเลาะกันบ้างตามประสาแต่ผมก็จำทุกช่วงเวลา
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ในทุกๆ ปี แม้ผมจะยังไม่สามารถลืมคนที่อยู่ในใจได้ แต่ผมก็แค่เก็บเขาไว้ในซอกหลืบของหัวใจให้ลึกที่สุด ไม่ให้ความรู้สึกนี้มาทำร้ายผมอีก ตอนนี้ผมใกล้จเรียนจบแล้ว บราวนี่ก็เหมือนกัน ส่วนพี่พายเรียนจบไปสองปีกว่าแล้ว ตอนนี้เปิดร้านเค้กเล็กๆ อยู่ มีผมเข้าไปช่วยบ้างหลังเลิกเรียน ผมไม่ได้ทำงานพิเศษที่ร้านอาหารแล้ว มาช่วยพี่พายแทน เป็นลูกมือคอยช่วยทำเค้กเมนูต่างๆ พี่พายก็สอนผมอย่างตั้งใจ จนตอนนี้ผมทำได้หลายเมนูแล้ว
ผมเคยบอกตัวเองไว้ ถ้าวันที่ผู้ชายที่เป็นเจ้าของหัวใจของผมกลับมา แล้วผมยังไม่สามารถลืมเขาได้ ผมจะทำอะไรบางอย่าง เพื่อเป็นตัวตัดสินชีวิตของผมในอนาคต ผมคิดดีแล้ว จะไม่เสียใจในสิ่งที่ตนเองตัดสินใจไปแล้ว ผมแค่รอเวลาก็เท่านั้นเอง
ถ้าไม่มีอะไรดีขึ้น ผมแค่ยังอยู่ในที่ของผม ที่ๆ ไม่มีผู้ชายอีกคนที่ผมเฝ้ามองมาตลอด ผมจะใช้ชีวิตให้ดี เพราะยังมีแม่กับเจ้าปลาทองจอมซนอยู่ข้างๆ ผม อีกทั้งพี่พาย บราวนี่ คุณย่า ทุกๆคนรักผม แค่นี้ก็พอแล้ว
ผมนั่งมองอีกคนที่ผมเคยแอบเอาโทรศัพท์ถ่ายรูปเขาไว้เมื่อนานมาแล้ว ถ่ายจากกรอบรูปที่บ้านของเขาครับ มันเป็นเพียงรูปเดียวที่ผมมีอยู่ ผมเอามาเปิดดูทุกวันเพื่อตอกย้ำความรู้สึกตนเอง เพียงแค่อยากรู้ว่าผมลืมเขาได้รึยังก็แค่นั้น มันไม่ได้มีความหมายอะไรมากมายหรอกครับ ความรู้สึกตอนนี้ไม่ได้เจ็บปวดเหมือนเมื่อก่อน เพียงแต่ยังรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าเขาคือคนสำคัญของผม
อีกไม่กี่เดือนเขก็จะกลับมา พร้อมกับรับตำแหน่งประธานบริษัท หน้าที่การงานที่ผมไม่มีทางจะเทียบได้ แค่นี้เราก็ห่างกันจนไม่มีทางที่จะเดินมาบรรจบกันแล้ว วันข้างหน้าที่เขาประสบความสำเร็จ ก็ยิ่งจะทำให้เราต่างกันเกินกว่าที่คนอย่างผมจะสามารถเดินบนเส้นทางเดียวกันกับเขา
ผมคนนี้พร้อมที่จะสู้กับอนาคตในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า วันที่เขากลับมาผมจะยิ้มให้เขาอย่างเข้มแข็ง จะไม่มีมินคนเดิมที่เอาแต่ร้องให้สียน้ำตาอีกต่อไป หัวใจผมเข้มแข็งมากพอแล้วในตอนนี้ ไม่มีใครสามารถทำลายมันได้อีก
***********************************
มาแล้วๆ ขอโทษที่มาช้า
ตอนนี้เนื้อหาก็เรื่อยๆ นะคะ เป็นตอนที่มินนี่น้อยเรียนมหาวิทยาลัย ว่ามีใครเป็นเพื่อนสนิท เพื่อจะได้เชื่อมโยงกับตอนปัจจุบัน
ตอนหน้าอีพี่ซองจะกลับมาแล้วเป็ยังไงก็คอยติดตามเนอะ จะมาดีมาร้ายก็คอยดูเอา จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างรึเปล่า คอยติดตามนะ
ขอบคุณหลายๆ คนที่อ่านแล้วเม้นให้ตลอด เป็นกำลังใจที่ดีเสมอค่ะ สนุกไม่สนุกบอกกันได้นะคะ ยินดีรับทุกคำติชม
TBC.