ใกล้จบแล้วจริงๆ
+++++++++++++
“อย่ายุ่งได้มั๊ย” ศิระตวาดเพราะมีอารมณ์ครุกรุ่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้คนที่เขาต้องการเจอหน้าที่สุดคือไอ้คนที่มันทำเพื่อนเขาต่างหาก
“พฤกษ์” เสียงปอนด์แทรกขึ้นขัดจังหวะ ทำให้สองคนที่กำลังเผชิญหน้ากันต้องหันไปมอง ศิระถือโอกาสที่พฤกษ์เผลอรีบออกเดินต่อเพื่อเข้าไปในสถานที่ ที่ใจมันสั่นอยากจะเข้าไปให้เห็นกับตาว่าคนที่ต้องการเจอตัวมันกำลังทำอะไรอยู่
“อ้าวเฮ้ย” ปอนด์โพล่งปากออกมาเมื่อศิระเดินแทบจะชนตัวเอง
“จะรีบไปตายหรือไงวะ” เด็กหนุ่มเอ่ยตามไล่หลัง
“ปากพล่อยนะมึงไอ้ปอนด์” พฤกษ์บอกดุๆ แต่ก็รู้สึกผิดสังเกตในท่าทีศิระเช่นกันเลยรีบเดินตามเข้าไป ปล่อยให้ปอนด์ยืนงงอยู่พักใหญ่ ภายในสถานที่ ที่เต็มไปด้วยกลุ่มคนขณะกำลังเฮฮาระบายตัวตนที่แท้จริงของตัวเองไปกับเสียงเพลงที่คลอเคล้าไปกับแสงสีวูบวาบ ศิระเริ่มเวียนหัวกับบรรยากาศไม่คุ้นเคย แต่ต้องทนฝืนเดินเข้าไป สายตาก็แลหาคนที่กำลังตามตัวเพราะต้องการที่จะเคลียร์ในสิ่งที่มันทำ
“เจอตัวจนได้มึง” เด็กหนุ่มพูดออกมาเมื่อมองเห็นเต็มตาว่าคนที่กำลังตามหากำลังเมามันส์กับแสงสีเสียงและคนรอบกาย เพื่อนเขานอนเจ็บแต่มันคนทำมาจะสนุกสุดเหวี่ยงแบบนี้มันยุติธรรมซะที่ไหน
“มึงต้องรับผิดชอบในสิ่งที่มึงทำ” ด้วยอารมณ์อยู่เหนือเหตุผล ประกอบกับที่คิดไม่มีใครสนใจตน ศิระจึงกวาดสายตาหาสิ่งของที่พอจะติดไม้ติดมือไป หากว่าเข้าไปคุยแล้วฝ่ายนั้นจะแว้งกัด จะได้โต้ตอบได้ทัน นั่นไงโต๊ะว่างกับขวดโซดาสองสามขวด เจ้าของไปหัวราน้ำอยู่ที่ไหนไม่สนล่ะ เด็กหนุ่มทำเนียนเดินเข้าไปคว้าขวดแก้วขนาดเหมาะมือมาถือไว้กะตัว เจ้าตัวคิดว่าไม่มีใครรู้เพราะคงไม่มีใครสนใจ แต่...
“ทำอะไรน่ะ ศิระ” เสียงคุ้นหูตวาดถามขึ้น คนทำเนียนถึงกับตัวชา พฤกษ์ตามเขาเข้ามาทำไม
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกะนาย” เด็กหนุ่มบอกเสียงเรียบ พฤกษ์มองอย่างแปลกใจ ก่อนออกคำสั่ง
“วางขวดนั้นลงศิระนี่ไม่ใช่ที่ที่นายจะมาทำแบบนี้นะ” ศิระไม่สนใจ มองหน้าคนสั่งแค่แวบเดียวก่อนจะหันมองไปอีกทางหนึ่ง
“มองหาใคร” พฤกษ์ถามใหม่ เมื่อเห็นศิระชะเง้อแปลกๆ
“หายไปไหนวะ” ศิระหงุดหงิด เมื่อเป้าหมายหายไปจากที่เดิม นึกโทษที่คนมาทักทำให้เขาเสียโอกาสที่จะเคลียร์ปัญหาคาใจ นี่ถ้าไอ้เลวนั่นมันกลับไปแล้วเขาจะไปตามตัวมันได้ที่ไหนอีก
“เพราะนายคนเดียว อย่าตามฉันมาอีกนะ” เด็กหนุ่มเอ่ยโทษคนที่ไม่เข้าใจเหตุการณ์ ก่อนจะกระแทกวางขวดในมือลงที่เดิมแล้วก้าวเดินหนีจากตรงนั้น
“เป็นอะไรของมันวะ” พฤกษ์มองตามอย่างนึกสงสัย แล้วเรื่องอะไรเขาจะไม่ตาม หัวใจตอนนี้มันนึกห่วงและสังหรณ์ขึ้นมาว่าศิระคงไม่ได้มาดีแน่ๆ
ผลั๊ก!!! เสียงร่างสองร่างชนกันจนต่างฝ่ายต่างก็เซเพราะรีบทั้งคู่ อีกคนตามหาใครบางคนด้วยความหลง แต่อีกคนตามหาใครบางคนด้วยความแค้น เมื่อต่างฝ่ายต่างตั้งตัวได้ จึงยืนมองจ้องกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
“มึงอีกแล้วเหรอ ไอ้กุ๊ย” เมษา ตวาดถามขึ้นก่อน เพิ่งมาถึงแท้ๆแทนที่จะเจอพฤกษ์กลับมาเจอกิ๊กเก่าเจ้าตัวซวยชะมัด
“ก็เออสิ ทำไม” ศิระโวยกลับคนรอบข้างที่ได้ยินเริ่มชะงักหันมาสนใจเหตุการณ์ แต่สองคนที่ยืนเผชิญหน้ากันกลับไม่สะท้าน เพราะในใจตอนนี้กำลังขุ่นมัวกันอยู่ทั้งคู่
“มึงกล้าหือเหรอ มึงน่าจะรู้นะว่ากูเป็นใคร” เมษาชี้หน้าขึ้นเสียงเมื่อเห็นว่าศิระดูจะไม่ยอมให้เขาอย่างที่เคยๆ
“แล้วไง มึงก็แค่คนๆหนึ่ง ทำไมกูจะไม่กล้าหือ” ศิระสวนกลับ เมษานึกฉุนตรงเข้าไปเพื่อที่จะทำร้ายให้หายแค้น แต่ต้องชะงักเมื่อโดนกระชากตัวไว้
“มึงอย่ามาอวดตนแถวนี้เมษา ไป ไปกะกู” เป็นปอนด์เองที่เข้ามากระชากตัวเด็กหนุ่มเอาไว้ก่อนจะออกแรงลากออกไปทางนอกร้านเมื่อเห็นผู้คนเริ่มสนใจ ไม่นานนักศิระก็โดนลากไปอีกทางเหมือนๆกันจากคนที่เพิ่งตามมาถึง
“ปล่อยสิโว้ย” ศิระสะบัดตัวให้หลุดจากการเกาะกุม บอกนายนี่แล้วว่าอย่าตามเขามา อย่าตามเขามา ยังตามมาอีก มันอะไรกันนักหนา ตั้งใจจะมาหาคนๆหนึ่งแต่ดันมาเจอไอ้พวกสามเกลอพวกนี้ ทุกอย่างเลยพังกันหมด
“ปล่อยให้นายไปอาละวาดเป็นหมาบ้างั้นเหรอ” พฤกษ์ตวาด ก่อนจะผลักศิระให้นั่งลงสงบสติอารมณ์ตรงม้านั่งนอกร้าน