บทที่ 22
“พวกเราอยู่นี่แล้วกันนะ พวกพี่ว่าจะไปไร่นู้นก่อน เย็นๆคงกลับ สิตางศุ์อย่าไปที่อื่นนะ ไอ้เมฆชวนไปไหนก็ไม่ต้องไป” รัชพลสั่งหลังจากที่ทั้งหมดทานอาหารกลางวันกันเสร็จแล้ว
รัชพลและตะวันต้องเข้าไปดูผลผลิตส่วนอื่นๆที่ไร่เพียงระพีเลยกำชับให้ภุมริน สิตางศุ์และเมฆาอยู่รอที่ไร่ก่อน สิตางศุ์พยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย ภุมรินเบ้ปากเล็กน้อยให้ความหวงของรัช ส่วนเมฆาที่กำลังเคี้ยวคุกกี้ฝีมือสิตางศุ์อยู่ก็หูผึ่งแล้วเงยหน้ามามองรัชพลกับตะวัน
“ไปด้วยดิพี่รัช” เมฆาว่าทั้งที่ขนมยังเต็มปาก ร่างเล็กคว้าแก้มน้ำแถวนั้นมาดื่มจนหมดแล้วลุกขึ้นเพื่อสนองเจตนารมณ์ของตัวเอง
ไปไร่เพียงระพีอย่างนั้นเหรอ หึๆ
“จะไปทำไม อยู่นี่แหละ คนเค้าจะทำงาน ไปก็เกะกะเปล่าๆ” รัชพลด่าเข้าให้ เมฆาชอบสร้างเรื่องให้เขาปวดหัวอยู่เรื่อย เรื่องอะไรจะพาไปกวนเวลาทำงานล่ะ
“เถอะน่าพี่รัช เมฆไม่กวนแน่นอน นะๆ” เมฆาจับแขนรัชพลแล้วเขย่าๆจนรัชพลต้องแงะมือนั้นออกเพื่อปัดรำคาญ
“ให้มันไปเถอะ ไม่ให้ไปมันก็ง้องแง้งอยู่อย่างนี้แหละ แล้วแกนะไอ้เมฆ ไปก็อย่าไปทำอะไรไม่ดีที่ไร่เค้า” ตะวันชี้หน้าสั่ง เมฆายิ้มกว้างรับคำ ส่วนรัชพลทำหน้าเซ็งๆเล็กน้อย
“รับทราบ!” เมฆาตะเบ็งเสียงลั่น
“จะไปก็รีบๆตามมา” รัชพลว่าแล้วเดินออกไปตามด้วยตะวัน เมฆากำลังจะเดินตามแต่ก็นึกอะไรออกซะก่อน
“ริน ขอยืมหนังสติ๊กหน่อยสิ” ก่อนจะไปเมฆาเข้ามาหาเพื่อนรักแล้วกระซิบกระซาบ
“หนังสติ๊ก? เอาไปทำไม” ภุมรินขมวดคิ้วแน่นอย่างสงสัย อะไรของเมฆา อยู่ๆมาถามหาหนังสติ๊ก
“เถอะน่า เร็วๆ เดี๋ยวพี่รัชรอนานแล้วบ่นอีก” เมฆาไม่ตอบแต่กลับเร่งรัด ภุมรินแม้จะยังงงๆอยู่แต่ก็ยอมไปหยิบมาให้เมฆาแต่โดยดี เท่านั้นแหละ คุณหมอตัวเล็กก็ยิ้มร้ายแล้วรีบตามสองหนุ่มออกไป
สรุปแล้วเมฆาก็ได้มาไร่เพียงระพีกับตะวันและรัชพลสมใจ พอมาถึงตะวันกับรัชพลก็แยกตัวออกไปตามคนงานซึ่งจะพาไปดูสวนด้านหนึ่งของไร่ที่มีเพียงดินรออยู่ก่อนแล้ว เมฆาอยากตามไปด้วยแต่ก็โดนสายตาดุๆของรัชพลห้ามไว้ซะก่อน เจ้าตัวเลยเซ็งไปตามระเบียบ
“นี่ นายน่ะ” เมฆาตะโกนเรียกเมื่อเห็นคนงานคนหนึ่งกำลังจะขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป
“เรียกผมเหรอครับ” งอกทำหน้างงเล็กน้อย ตอนบ่ายนี้เขาว่าจะไปที่ฟาร์มไม่เข้าสวนเพราะพ่อเลี้ยงมีแขก ทั้งๆที่ปกติเขาจะเข้าฟาร์มก็ทุกวันจันทร์และวันศุกร์ ถ้าจำไม่ผิดคนที่เรียกเขานั้นก็คือคุณหมอ
“เรียกนายนั่นแหละ นี่ ไปส่งที่ฟาร์มหน่อยสิ” เมฆาว่าแล้วเดินเข้าไปหางอก คนอื่นไม่อยู่ แอบไปขี่ม้าไร่นี้เล่นคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง อีกอย่างเพียงดินเป็นคนบอกเองว่าจะมาเมื่อไหร่ก็มา
“ผมกำลังจะไปฟาร์มพอดีเลยครับคุณหมอ มาๆ เดี๋ยวไอ้งอกพาซิ่ง” งอกยิ้มอย่างอารมณ์ดี คราวที่แล้วพ่อเลี้ยงเป็นคนพาคุณหมอมา คราวนี้คุณหมอมาเองอย่างนี้ไอ้งอกในฐานะลูกน้องมือหนึ่งต้องต้อนรับอย่างดี เผื่ออาจจะเพิ่มคะแนนความนิยมให้เจ้านายของมันได้
“นี่ ไม่ไปทางลงเขานั่นได้มั้ย” เมฆายังขยาดคราวที่แล้วไม่หาย ขืนลงรอบนี้อีกรอบหัวใจได้วายตายจริงๆ
“อย่างนั้นก็ได้ครับ เดี๋ยวผมพาไปอีกทางแล้วกัน” งอกยังงงๆอยู่แต่ก็ยอมทำตามคุณหมอตัวเล็ก
เมฆาซ้อนมอเตอร์ไซค์งอกมาที่ฟาร์มซึ่งตอนนี้กำลังร้อนเลย งอกไปส่งแขกคนสำคัญของพ่อเลี้ยงที่หน้าคอกม้าตามที่เจ้าตัวขอ แต่พอเห็นว่ายังขี่ม้าตอนนี้ไม่ได้งอกเลยเสนอให้เมฆาไปที่คอกวัวแทน ซึ่งตอนนี้คนงานเริ่มทำงานช่วงบ่ายแล้ว
แม่วัวหลายตัวกำลังถูกรีดนมอยู่ เห็นอย่างนั้นเมฆาก็นึกสนุก งอกเอารองเท้าบูทมาให้ใส่พร้อมกับชุดกันเปื้อน เท่านั้นแหละ เมฆาก็ลืมเจตนารมณ์ที่ตัวเองต้องการมาที่นี่ตั้งแต่แรก
“นี่น้ำหวานครับ น้องสาวผมเอง เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโรคพืช เห็นคุณรัชบ่นเรื่องโรคที่ตามมาหลายอย่าง วันนี้ผมเลยเรียกตัวมาคุยกันที่นี่เลย” เพียงดินแนะนำหญิงสาวข้างกายให้ผู้มาใหม่ทั้งสองคนรู้จัก
น้ำหวาน เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขาเอง น้ำหวานเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโรคพืช ซึ่งตอนนี้กำลังสร้างปัญหาให้ทั้งไร่น้ำรินและไร่เพียงระพี ต้นไม้หลายๆต้นที่ลงใหม่ต้องประสบปัญหากับเรื่องนี้ และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผลผลิตเสียให้เนื่องจากต้นองุ่นเดิมพลอยติดเชื้อไปด้วย เลยทำให้ผลผลิตไม่พอ
“สวัสดีครับคุณน้ำหวาน” ตะวันและรัชพลทักทายผู้เชี่ยวชาญสาว
การคุยงานค่อนข้างจะเครียดไม่น้อย รัชพลจำเป็นต้องซื้อที่ดินเพิ่มและขยายการเพาะปลูกผลไม้อย่างอื่นเพิ่มขึ้นเพื่ออนาคตของการร่วมทุนกับตะวันและเพียงดิน ส่วนเพียงดินก็จำเป็นที่จะต้องใส่ใจองุ่นเพิ่มมากขึ้นซึ่งอาจจะกินพื้นที่ส่วนฟาร์มเข้าไปอีกหน่อย การคุยงานของตะวันที่ต่างประเทศนั้นแม้ว่ารอบที่ผ่านมาจะผ่านไปด้วยดี แต่เครดิตที่มีอยู่ก็หายไปพอสมควร จึงจำเป็นที่จะต้องรักษามาตรฐานการส่งออกให้เสถียรกว่าเดิม
น้ำหวานใช้เวลาอธิบายเรื่องโรคพืชอยู่นานพอสมควร ซึ่งตรงส่วนนี้ต้องทำงานกับเกษตรอำเภอที่เพียงดินต้องขอเข้ามาประสานงานด้วย เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงจึงได้เวลาที่จะต้องแยกย้ายกันกลับ น้องสาวของเพียงดินจะอยู่ที่นี่อีกสองสามวันเพื่อช่วยงานเพียงดินในหลายๆส่วน นั่นเป็นเรื่องดีไม่น้อย
ทั้งสี่คนพากันกลับมาที่บ้านของเพียงดิน แล้วตะวันกับรัชพลก็ต้องถอนหายใจเมื่อมองหาเมฆาแล้วไม่เจอ พอมองไปรอบๆแล้วก็ไม่เจอ บอกให้รออยู่ที่นี่ๆ
“มองหาอะไรเหรอครับ” เพียงดินถามเมื่อเห็นรัชพลกับตะวันทำท่าเหมือนมองหาใครอยู่
“ก็ไอ้เมฆน่ะสิครับ ขอมาด้วย บอกให้เดินดูนู่นนี่แถวนี้ ว่าแล้ว ว่ามันต้องไม่ฟัง ไม่น่าพามาด้วยเลย” รัชพลบ่นอุบ
“เตี้ย เอ้ย! หมอเมฆมาที่นี่เหรอ” เพียงดินหูผึ่งเมื่อได้ยินชื่ออีกคน เมฆามาที่นี่ แล้วทำไมไม่ไปกับรัชพลและตะวัน แล้วตอนนี้หายไปไหนล่ะเนี่ย
“ก็ใช่น่ะสิครับ ผมต้องรีบกลับแล้วด้วย” คราวนี้เป็นตะวันที่บ่นบ้าง เขาต้องพาภุมรินเข้าเมืองอีกวันนี้ ขืนไปช้ากลัวฟ้าจะมืดเสียก่อน
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมไปส่งเองครับ คุณรัชกับคุณตะวันกลับก่อนก็ได้ หาตอนนี้คงไม่เจอง่ายๆ” เพียงดินอาสา
“จะดีเหรอครับ”
“ดีสิครับ เดี๋ยวผมไปส่งเอง” เพียงดินยังยืนยันคำเดิม ลูกแมวน้อยหลงมาในไร่เรื่องอะไรจะปล่อยกลับบ้านง่ายๆล่ะ ขอเล่นกับมันหน่อยนิดนึง คิดแล้วก็ยิ้มกับตัวเอง
“ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนด้วยนะครับ ไอ้เมฆนะไอ้เมฆ คราวหน้าอย่าหวังว่าจะได้มาอีกเลย” รัชพลยังไม่วายบ่นต่อ
“รับรองถึงบ้านอย่างปลอดภัยครับ” เพียงดินพูด
ตะวันกับรัชพลกล่าวขอบคุณอีกรอบก่อนจะขอตัวกลับ เมื่อทั้งสองคนกลับไปแล้วหญิงสาวคนเดียวก็เข้ามายืนจังก้าข้างหน้าแล้วยักคิ้วเป็นเชิงถามพี่ชาย
“ใครเหรอชื่อเมฆ” น้ำหวานสงสัย เธอจะไม่อะไรเลยหากเพียงดินไม่ทำหน้ามีเลศนัยแถมยังยิ้มเล็กยิ้มน้อยอีก
“ไม่ต้องรู้รอกน่า รู้แค่ว่าอีกหน่อยคงได้เจอแกบ่อยๆ ไป เข้าบ้านไปได้แล้ว” เพียงดินไล่ น้ำหวานเบ้ปากใส่พี่ชายก่อนจะเข้าบ้านไป
นายเหนือแห่งไร่น้ำรินยิ้มกว้างแล้วตรงไปที่โรงรถ แน่นอนว่าที่เดียวที่เมฆารู้จักในไร่นี้ก็คือฟาร์ม เขามั่นใจว่าเมฆาต้องไปที่นั่น แอบมาเล่นก็ไม่บอกนะเตี้ยตัวแสบ
“ตัวนี้วิ่งเร็วพอตัวเลยล่ะครับ ว่าแต่คุณหมอจะไปคนเดียวแน่เหรอ” ลุงคนที่ดูแลคอกม้าถามเมฆาเมื่อคุณหมอได้ฤกษ์จะออกไปขี่ม้าเล่นเพราะตอนนี้แดดร่มเรียบร้อยแล้ว
“จะกลัวอะไรเล่าลุง ไปคนเดียวนี่แหละ แป๊บๆก็กลับ” เมฆาว่าแล้วตวัดตัวขึ้นไปบนม้าอย่างชำนาญ
“ถ้าอย่างนั้นระวังตัวด้วยนะครับคุณหมอ อย่าออกไปไกลนักนะครับ” ชายชราพูดย้ำอีกครั้ง เมฆาเพียงแค่พยักหน้าแล้วขี่ม้าออกไป
ไม่นานหลังจากเมฆาออกไป มอเตอร์ไซค์คันก็เข้ามาจอด เพียงดินเดินเข้าไปหาคนงานที่กำลังง่วนอยู่กับม้า
“หมอเมฆมาที่นี่มั้ย” ตะโกนถามออกไป คนงานที่ดูแลคอกม้าอยู่เลยเดินมาหา
“คุณหมอเหรอครับ เพิ่งขี่ม้าออกไปเมื่อกี้นี้เอง” คนงานบอก เพียงดินขมวดคิ้วเล็กน้อย นี่เมฆาชิงออกไปขี่ม้าก่อนเหรอเนี่ย
“แล้วไปกับใคร”
“ไปคนเดียวครับ” คำตอบพาซื่อของคนงานทำเอาเพียงดินคิ้วขมวดกว่าเดิม ไปคนเดียวเนี่ยนะ เมฆาชินทางที่นี่เสียเมื่อไหร่ เดี๋ยวได้หายไปจริงๆหรอก
“แล้วปล่อยให้คุณหมอไปคนเดียวได้ยังไง” เมฆาด่าคนงานก่อนจะกระโดดขึ้นไปคร่อมม้าตัวหนึ่งแล้วตามออกไป
นายเหนือแห่งไร่เพียงระพีควบม้าออกมากลางทุ่งกว้างที่ตอนนี้หญ้าที่ปลูกไว้สำหรับเลี้ยงมาเลี้ยงวัวนั้นปลิวไปทะสายลมเป็นคลื่น มองออกไปก็ไม่เจอเมฆา เขาคิดว่าเมฆาคงไม่รู้จักที่นี่ดีเท่าไหร่นัก หากจะออกมาขี่ม้าแบบนี้ก็คงจะไปที่เดิมที่เคยมาคราวก่อน เพราะฉะนั้นพ่อเลี้ยงหนุ่มเลยควบมาไปที่กระท่อมหลังน้อยตรงส่วนที่ติดกับทุ่งดอกปอเทือง
เมื่อมาถึงก็ไม่เจอเมฆา มีเพียงแค่ม้าของเมฆาที่ถูกมัดไว้ใต้ต้นมะขาม เพียงดินกระโดลงมาจากม้าแล้วไปที่ม้าของเมฆา มองไปรอบๆก็ไม่เจอใคร
ป๊อก!
“โอ้ย!” เพียงดินสะดุ้งโหยงเมื่อมีอะไรบางอย่างมากระทบโดนหัวดังป๊อก พอหันไปก็ไม่เจออะไร
ป๊อก!
คราวนี้มาอีกระลอก เพียงดินหันรีหันขวางอย่างเอาเป็นเอาตายแต่ก็ไม่เจออะไร แล้วก็เหมือนกองทับอะไรซักอย่างที่รัวเมล็ดมะขามใส่เขาพัลวันจนเพียงดินต้องถอยห่างจากบริเวณนั้น เงยหน้ามองบนต้นมะขามก็เจอตัวการ
“เตี้ย!” เพียงดินตะโกนเมื่อเห็นเมฆากำลังกัดมะขามอย่างสบายอารมณ์ก่อนทีร่างเล็กนั้นจะใช้หนังสติ๊กยิงมะขามใส่เขาอีกรอบ
“ไอ้หัวงู ต้องยิงให้งูมันตาย” ไม่พูดเปล่าเมฆายิงเพียงดินอีกรอบแล้วกระโดดลงจากต้นมะขามมา
“เป็นบ้าอะไรเนี่ยเตี้ย หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้!” เพียงดินทำใจกล้าเดินเข้าไปดึงหนังสติ๊กออกจากมือน้อยๆนั้น หัวเขาโนแล้วมั้งเนี่ย
“เอาคืนมาเลยนะ” เมฆาว่าเมื่อเพียงดินดึงอาวุธในมือไป
“ไม่ให้ ทำร้ายร่างกายคนอื่นอีกแล้วนะ เป็นบ้าอะไรเนี่ย” เพียงดินเท้าสะเอวว่า เหมือนจะเริ่มคุยดีมาแล้ว ไหงเมฆามาตั้งแง่กับเขาอีกรอบ
“ไม่ได้เป็นบ้า” เมฆาเดินสะบัดหน้าไปที่ม้าของตัวเองแต่ก็เจอเพียงดินคว้าแขนไว้ก่อน
“เดี๋ยวๆ แล้วมาขี่ม้าคนเดียวแบบนี้ได้ไง มาทำไมไม่บอก จะได้พามา” เพียงดินพูด ที่เขาเคยบอกให้เมฆามาที่นี่เมื่อไหร่ก็ได้ไม่คิดว่าอีกคนจะมาจริงๆ แต่มันก็ดี มาบ่อยๆ จะได้ชินๆ
“จะพามาเหรอ เอาเวลาไปม่อสาวดีกว่าเหอะ” เมฆากระทืบเท้าเพียงดินไปหนึ่งรอบจนทำให้เพียงดินสะดุ้งโหยงแล้วปล่อยมือเขา เจ้าตัวเดินอาดๆไปอีกรอบ แต่ก็เจอเพียงดินรีบวิ่งมาขวางหน้าไว้
“สาวอะไร ใคร” เพียงดินทำหน้างง อะไรของเมฆาอีกล่ะเนี่ย
“ก็คนที่นายพามาขี่ม้าแล้วอี๋อ๋อไง ทำมาเป็นลืม ไอ้คนเจ้าชู้ ทีคราวที่แล้วทำมาเป็นหยอด เหอะ ต่อไปนี้ไม่ต้องมาทำท่าว่าจะจีบฉันอีกนะไอ้พ่อเลี้ยงคอกวัว ไม่ต้อนรับแล้วโว้ย” เมฆาโวยลั่น เพียงดินยิ่งทำหน้างงไปใหญ่ ใครวะ เขาพาใครมาขี่ม้า ก็มีแค่เมฆาเนี่ย
แต่คิดดูอีกที เมื่อเช้าเขาพาน้ำหวานมาขี่ม้านี่นาเพราะน้องสาวคนสวยอยากจะขี่ม้าเล่น นานๆทีจะมาที่ไร่ กิจกรรมยามว่างของสาวสวยก็ดันเป็นชอบขี่ม้าเสียนี่ พี่ชายที่แสนดีเลยพามาเพราะไม่อยากปล่อยเธอมาคนเดียว
แต่เดี๋ยวนะ แล้วเตี้ยมันไปเห็นตอนไหนวะ นี่ต้องอธิบายใช่มั้ยเนี่ย
“เดี๋ยวๆเตี้ย อย่าบอกนะว่าหมายถึงคนเมื่อเช้า นั่นมันน้องสาวฉันเอง มาช่วยงานที่ไร่” เพียงดินรีบอธิบายอุตลุด แล้วเรื่องอะไรเขาต้องมาอธิบายด้วยล่ะเนี่ย
“...น้องเหรอ” เมฆาชะงักไปเล็กน้อย น้องไอ้พ่อเลี้ยงนี่เหรอ ใช่สิ เขาไม่รู้นี่ว่ามันมีพี่น้องรึเปล่า เห็นอยู่คนเดียวนึกว่าเป็นคนไม่มีญาติเสียอีก
“ก็ใช่น่ะสิ นี่อย่าบอกนะว่าหึงน่ะ แล้วเมื่อกี้พูดอะไร รู้อยู่แล้วใช่มั้ยว่าฉันจะจีบ แล้วไอ้ที่บอกว่าไม่ต้อนรับแล้ว แสดงว่าก่อนหน้านั้นยินดีให้ฉันจีบเหรอ” ถึงทีของเพียงดินที่ได้ถามจี้เมฆาบ้าง
เมฆาหน้าแดงไม่รู้ว่าเขินหรือโกรธกันแน่ แต่ที่แน่ๆคือตอนนี้ไม่กล้าสู่หน้าเพียงดิน ร่างเล็กรีบชิ่งหนีก่อนที่จะโดนถามไปมากกว่านี้
ใครจะบอกล่ะว่าพอจะรู้อยู่แล้วว่าเพียงดินจะทำอะไร แล้วก็แกล้งทำมึนไปงั้นแหละ แค่อยากรู้ว่าเพียงดินจะทำอะไรต่างหาก เขาเคยผ่านประสบการณ์โดนตัวผู้ด้วยกันเกี้ยวมากี่รอบต่อกี่รอบแล้ว ทำไมเรื่องแค่นี้จะไม่รู้ แค่ไม่แน่ใจว่าเพียงดินทำไปทำไม ชอบจริงหรือแค่อยากแกล้งก็แค่นั้น
แล้วก็ไม่ได้หึงบ้าบออะไรนั่นด้วย ประสาท หึงบ้าหึงบออะไร แค่ไม่พอใจแค่นั้นแหละ ทำมาเป็นจะจีบเรา แต่ไปยุ่งกับคนอื่น ใช้ได้ที่ไหน
“หึงก็บอกมาเหอะน่าเตี้ย” เพียงดินว่าแล้วเดินตามเมฆา
“ไม่ได้หึงโว้ย แล้วไม่ต้องตามมาเลยนะ” เมฆาหันไปชี้หน้าว่าทำให้เพียงดินชะงักกึกเล็กน้อยแต่ก็ยังเดินตามมาอยู่ดี เมฆาเริ่มอาย อายที่ตัวเองแสดงกิริยาและพูดอะไรเพี้ยนๆออกไป
“เตี้ยหยุดก่อนสิ มาคุยกันก่อน” เพียงดินตะโกนเมื่อเมฆาเริ่มวิ่ง
“บอกว่าไม่ต้องตามมาไงโว้ย” เมฆาวิ่งหน้าตั้ง เกิดมายังไม่เคยอยากหนีหน้าใครเท่านี้มาก่อนเลย มองไปข้างหลังก็เจอเพียงดินวิ่งตามมาไม่หยุด เลยถอดรองเท้าข้างหนึ่งเขวี้ยงไป โดนหน้าเพียงดินเต็มๆ นั่นทำให้คนตัวโตหยุดกึก
“เล่นแรงไปแล้วนะเตี้ย เฮ้ย! เตี้ย!” เพียงดินหยิบรองเท้าที่เขวี้ยงมาโดนหัวเขาขึ้นมาแล้วจะตะโกนด่าเมฆา คนอะไรวะเขินแล้วโหดชิบหาย แต่พอมองไปอีกทีก็ต้องตะโกนเรียกเมฆาอีกรอบเมื่อข้างหน้าที่เมฆาวิ่งไปนั้นมันคือ
ตุบ!
“เชี่ย!” เมฆาอุทานลั่นทุ่งเมื่อทั้งตัวของตัวเองมานอนแหมะลงกับบ่อโคลนอะไรซักอย่าง จนตอนนี้เสื้อผ้าเลอะไปทั้งตัว เหี้ยอะไรวะเนี่ย
“อุบ! ฮ่าๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” ตามมาด้วยเสียงหัวเราะลั่นของเพียงดินที่เดินตามมาแต่ก็ยังไม่ยอมไปช่วย พ่อเลี้ยงหนุ่มยังคงหัวเราะอยู่อย่างนั้น นี่คือหนองน้ำขังที่นึ่งในหลายๆที่ของทุ่งหญ้านี้ เขาพยายามจะเตือนเมฆาแล้ว แต่ก็นะ ฟังซะที่ไหน
เมฆาได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างหัวเสีย เรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย แล้วดูตัวเขาสิ เปื้อนไปหมด อยากจะบ้าตายมันตรงนี้
มองไปที่เพียงดินก็เจอคนตัวโตชูรองเท้าของเขาแล้วทำหน้าล้อๆอีก เมฆาเลยสมนาคุณโดยโยนก้อนโคลนเขวี้ยงใส่หน้าไปหนึ่งที
คิคิ มาแย้ววววววววววววววววววววววว ฮ่าๆ น้องเมฆหึงแล้วเหรอๆ คิดอะไรกับอิดินป่ะเนี่ย