◑ MAKE FRIEND ◐
★ เพื่อน ● รัก★
4
“พูดอะไรนะน้ำ”
ฟ้าแทบลืมหายใจ แว๊บหนึ่งฟ้ารู้สึกเหมือนตนเองกำลังโดนหวงแบบที่ตัวเองหวังแต่พอคิดไปคิดมา...มันไม่น่าใช่ น้ำไม่เคยเห็นเค้าคบกับใครเลยสักคน ตลอดเวลาฟ้าก็จะมีน้ำเป็นที่หนึ่งเสมอ งั้นไอ้อาการหวงนี้มันอาจจะเป็นเหมือนการหวงของเล่นของเด็ก หวงเพื่อนที่สนิทจนกลัวว่าพอมีคนอื่นให้ใส่ใจแล้วตัวเองจะกลายเป็นหมาหัวเน่า
“ไข้ขึ้นเหรอ เลอะเทอะใหญ่ละ”
“เราพูดจริงนะฟ้า”
“แล้วถ้าคิดกลับกันละ ถ้าเราบอกให้น้ำห้ามคบใครบ้างน้ำจะทำยังไง?”
“เราก็ไม่ได้คบใครอยู่แล้ว”
น้ำตอบหน้าตาย มือหนาเริ่มยกขึ้นมาจับช้อนในชามข้าวต้มแล้วคนวนไปวนมา
“เราคงถามผิดงั้นเอาใหม่ ถ้าเราบอกให้น้ำอย่าคบใคร…น้ำจะรู้สึกยังไง?”
มือที่คนข้าวต้มหยุดชะงักก่อนที่จะมีรอยยิ้มร้ายฝุดขึ้นมาบนใบหน้า
“ก็ดีนี่”
“ดี?”
“ก็ฟ้าหวงเรา ทำไมจะไม่ดีละ”
ฟ้าถึงกับกรอกตา นี่น้ำคงคิดอะไรตื้นๆตามประสาอีกละสิ
“เลิกเล่นแล้วกินเข้าไปได้แล้ว เดี๋ยวก็เย็นชืดหมด”
น้ำพยักหน้ารับแล้วค่อยๆตักกินโดยมีฟ้านั่งมองอยู่ริมเตียง ถึงแม้น้ำจะป่วยแต่ความดูดีของอีกฝ่ายกลับไม่ลดลงเลย ฟ้าลอบมองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า เส้นผมสีอ่อนนั้นดูไม่เป็นทรงจนน่าขำ ผิวสีแทนสว่างดูซีดเซียวลงเหมือนใบหน้า
“มองขนาดนั้นมากินด้วยกันเลยไหม?”
น้ำพูดติดขำจนคนมองสะดุ้งเล็กน้อย
“บ้าดิ ก็รู้อยู่ว่าเราแพ้เห็ด”
“พูดเล่นหรอกน่า เรารู้ว่าเราหล่อไม่ต้องจ้องขนาดนั้น”
ฟ้าเบ้ปากแล้วหันไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาเล่นฆ่าเวลา ฟ้าไล่ดูโซเชียลต่างๆไปอย่างไม่มีจุดหมาย จนกระทั่งเข้าไลน์แล้วไปสะดุดตาเข้ากับไทม์ไลน์ของคนช่างตื้อเข้า
ต้นกล้า ชื่อเหมาะกับตัวจัง กล้าสมชื่อมาก
‘ไม่เคยเชื่อในพรหมลิขิตหรือสิ่งบังเอิญทั้งหลายแหล่ แต่พอหันขึ้นไปเจอท้องฟ้าแล้ว เราก็ได้รู้ว่ามันมีอยู่จริง’ ยอดแชร์ยอดไลท์กระจายมาก นี่ขนาดในไทม์ไลน์นะเนี้ย ถ้าในฟีดเฟสจะบูมขนาดไหน ว่าแล้วก็ลองเข้าไปสอดส่องดูในทันที
‘เป็นมื้อธรรมดาที่ไม่ธรรมดา’ พร้อมแนบด้วยภาพถ้วยข้าวต้มทรงเครื่องสองชามในมุมแอบถ่าย ฟ้ายกยิ้ม คาดว่าต้นน่าจะถ่ายตอนที่เค้ากำลังง่วนอยู่กับการตักเครื่องปรุงเพราะตอนนี้ก็เห็นเจ้าตัวหยิบจับโทรศัพท์แบบแปลกๆอยู่ด้วย
“ยิ้มอะไรนะ?”
น้ำเอ่ยแทรกขึ้นทำให้ฟ้าหันไปหา
“ห่ะ?”
“เราถามว่ายิ้มอะไร? มีอะไรน่าสนใจเหรอ?”
“เปล่าๆ แค่แคปชั่นน่าขำทั่วไปนะ”
“เราดูหน่อย”
ฟ้ากดปิดไลน์แล้วรีบเปิดเฟสก่อนจะยื่นไปให้คนป่วยที่อยากดู ฟ้าเห็นว่าข้าวต้มในถ้วยพร่องลงไปมากแล้วเลยชี้ถามประมาณว่าอิ่มเหรอ น้ำก็พยักหน้ารับทั้งที่ยังสาละวนกับโทรศัพท์ของฟ้าอยู่ ฟ้าเอาถ้วยไปเก็บที่โต๊ะด้านหน้าใกล้ประตูแล้วถือแค่ถ้วยใส่ยากับแก้วน้ำดื่มเข้ามายื่นให้น้ำ น้ำเหลือบตามองแล้วก็ต้องเบ้ปากหันหนี
“อย่ามาหนีนะน้ำ กินยาแล้วนอนให้หายรึจะไปโรงพยาบาลนอนค้างสักคืนสองคืน เลือกเอา”
“โว๊ะ ฟ้านี่”
ถึงจะเอ็ดแต่ก็ยอมหันหลับมายกยาใส่ปากแล้วกรอกน้ำตามจนหมดแก้ว ฟ้ายิ้มกริ่มเดินเอาแก้วไปเก็บแล้วกลับมาหาคนอยู่บนเตียง ฟ้าเอาหลังมืออังหน้าผากวัดไข้จนรู้ว่าลดลงกว่าตอนก่อนเช็ดตัวพอสมควรแล้ว คงไม่ต้องพาไปโรงพยาบาลอย่างที่ขู่ ฟ้าเหลียวมองคนป่วยที่เปลี่ยนจากโซเชียลเป็นเกมส์แล้วก็ส่ายหัว
“น้ำ เลิกเล่นแล้วนอนซะ”
“ขออีกสิบนาที”
“สัญญา?”
“สัญญาครับ”
ฟ้ายอมให้เจ้าของห้องเล่นโทรศัพท์เค้าต่อไปจนคาดการว่าน่าจะพอแล้วเลยหันไปแย่งเองกลับคืนมา น้ำหน้าหงิกหน้างอแต่ก็พูดอะไรไม่ได้ในเมื่อตัวเองสัญญาไปแล้ว ฟ้าดึงผ้าห่มขึ้นคลุมให้น้ำเมื่อเจ้าตัวล้มตัวลงนอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“น้ำ”
ฟ้าเอ่ยเรียกเพราะมือหนาของคนป่วยที่กำลังนอนหลับตาพริ้มได้เอื้อมมาจับมือเค้าไว้
“อยู่นี่แหละ”
ฟ้าไม่ตอบอะไรแต่ยอมนั่งลงตรงขอบเตียงจนน้ำขยับเข้ามาใกล้อีกมือก็ยังจับมือฟ้าไว้ไม่ยอมปล่อย ฟ้ารอจนคิดว่าคนป่วยน่าจะหลับลึกไปแล้วค่อยดึงมือออกจากการจับกุม ขืนให้สกินชิปไปมากกว่านี้มีหวังกำแพงที่อุสาสร้างได้พังทลายลงมาแน่ๆ กำแพงใหญ่ที่หนาแน่นพอเพื่อกักเก็บความรู้สึกเบื้องลึกของเค้า เก็บไว้ไม่ให้คนๆนี้ได้รู้ ห้ามให้น้ำรู้เป็นอันขาด ไม่งั้นแม้แต่สถานะเพื่อนก็คงจะพังทลายไปกับหัวใจที่ช้ำเลือดช้ำหนองนี้
ก๊อกๆ
ฟ้าลืมตาขึ้นเพราะเสรยงเคาะประตูเมื่อครู่ ภายในห้องมืดสนิทจนเค้าได้รู้ตัวว่าตัวเองเผลอนั่งหลับไปนานขนาดไหน พอมองไปเห็นคนป่วยยังนอนหลับสนิทเลยเอื้อมมือไปวัดอุณหภูมิที่หน้าผากดูอีกที
โอเค หายเป็นปกติแล้ว
“อุ้ย ยังหลับอยู่เหรอเนี้ย”
เสียงอุทานของป้าอรดังขึ้นฟ้าจึงหันไปมองก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงไปเปิดโคมไฟพอให้มีแสงสลัวแล้วยกมือไหว้ผู้ใหญ่เจ้าของบ้าน
“สวัสดีครับป้าอร”
“ไหว้พระเถอะจ้ะน้องฟ้า ว่าแต่ตาน้ำอาการเป็นยังไงบ้างจ้ะ?”
“หายแล้วครับ กว่าจะให้กินข้าวกินยาได้ก็ลำบากเอาการอยู่”
“ปกติของเค้าละ ยังไม่ชินอีกเหรอค่ะ”
ฟ้าได้แต่ยิ้มแหย่
“อ๊ะ ตอนนี้กี่โมงแล้วครับ?”
“ทุ่มครึ่งแล้วจ้ะ นี่ป้าก็ว่าจะมาชวนลงไปกินข้าว”
“อ่า ผมขอตัวกลับเลยดีกว่าครับ”
“อ้าว มีธุระเหรอจ้ะ ป้าขอโทษนะที่ประชุมนานไปหน่อยนะ”
“ไม่เป็นไรครับ จริงๆก็ไม่ใช่ธุระสำคัญอะไร เอาเป็นว่าผมลาเลยแล้วกันนะครับ”
หญิงเจ้าของบ้านพูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นท่าทีรีบร้อนกึ่งลนลานของอีกฝ่าย เธอได้แต่ยิ้มรับแล้วรับไหว้โดยที่ไม่ได้ลงไปส่งตามที่เจ้าตัวขอ อรพินหันกลับไปยังเตียงที่ลูกชายเพียงคนเดียวของเธอนอนอยู่
“อ้าว ตื่นแล้วเหรอน้ำ”
เธอทักขึ้นเมื่อเห็นเจ้าตัวโตลืมตาเหม่อมองออกไปยังระเบียงกระจก น้ำไม่ตอบผู้เป็นแม่แต่ยันตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะก้าวลงจากเตียงแล้วเดินผ่านมารดาไปยังห้องน้ำ
“ทะเลาะอะไรกันรึเปล่าเนี้ย”
อรพินพึมพำตามหลังลูกชายที่เข้าห้องน้ำไปแล้ว เธอส่ายหัวหน่อยๆให้ความเอาแต่ใจของลูกชาย การที่เด็กทั้งสองคนนี้ทะเลาะกันส่วนใหญ่ก็มาจากความเอาแต่ใจของลูกชายเธอทั้งนั้น น้องฟ้าออกจะเป็นเด็กดีคอยเอาใจอดทนอยู่กับเด็กไม่รู้จักโตอย่างตาน้ำมาตลอด
“จริงๆเล๊ย ลูกคนนี้”
ฟ้ากลับมาถึงคอนโดนในเวลาไม่นาน พอเปิดประตูเข้ามาได้เจ้าตัวก็ทิ้งร่างลงนอนแผ่หลากับโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน เหนื่อยกายนะไม่เท่าไหร่ แต่เหนื่อยใจนี่สิ...ที่สาหัส
ฟ้านอนอยู่อย่างนั้นร่วมครึ่งชั่วโมงจนรู้สึกได้ถึงการสั่นของโทรศัพท์ เค้าหยิบมันออกมาดูชื่อพอรู้ว่าเป็นใครจึงสไลด์รับสายเนืองๆ
“ว่าไงต้น?”
/ไม่ได้ว่าไงครับ แค่คิดถึงฟ้า/
ฟ้าพ้นลมหายใจก่อนจะยกยิ้มอ่อน ยอมใจมันจริงๆให้ตายสิ
“ถ้าไม่มีอะไรงั้นเราวางแล้วนะ”
/เห้ย! อย่าพึ่งวางนะ!!/
รีแอคชั่นที่ดูโอเวอร์นั้นทำให้ฟ้าหลุดหัวเราะจนคนที่ปลายสายได้ยินและยิ้มกว้างตามไปด้วย ตอนนี้ต้นกำลังกินข้าวต้มที่ซื้อมาจากร้านที่ฟ้าเคยพาไปกิน แต่แปลกที่มันไม่อร่อยเหมือนวันนั้นเลยสักนิด
/แกล้งเราเหรอ?/
“เปล่า เราจะวางจริงๆ”
/ใจร้ายวะ/
“พึ่งรู้?”
/หึหึ จะร้ายแค่ไหนเราก็รักเหมือนเดิมอยู่ดี/
ฟ้านิ่งไปนิดหายใจติดขัดไปหน่อยที่ได้ยินคำว่ารักแทนที่ปกติต้นจะพูดว่าชอบซะมากกว่า
“พูดง่ายจังนะ”
/ก็มันจริงแล้วจะให้พูดยากไปทำไมละ เราก็ตรงๆแบบนี้แหละ ฟ้าชอบไหม?/
ฟังดูเหมือนจะถามความชอบทั่วไปแต่เชื่อเถอะ ไอ้คนถามมันต้องไม่คิดแค่นั้นแน่
“ไม่”
/หึหึ ว๊าแย่จัง/
ฟ้าหลุดหัวเราะอีกรอบเมื่อได้ยินคำแบ๊วๆที่ไม่เข้ากับเสียงห้าวของคนพูดเลยสักนิด ต้นแตกต่างจากน้ำอย่างสิ้นเชิง ถึงแม้น้ำจะขี้เล่นหน่อยแต่น้ำจะออกแนวเก๊กๆทำตัวแมนแต่กลับเลือนลอย ส่วนต้นจะขี้เล่นแบบกวนๆกะล่อนลื่นไหลแต่กลับแอบแฝงไปด้วยความแน่วแน่และเที่ยงตรง
“ต้น”
ฟ้าเอ่ยเรียกน้ำเสียงจริงจังจนคนปลายสายถึงกับวางช้อนในมือแล้วยืดตัวขึ้นเตรียมฟังประโยคต่อมาอย่างตั้งอกตั้งใจ
“ออกไปดื่มกันหน่อยไหม?”
รอยยิ้มฝุดขึ้นมาบนใบหน้าหล่อของคนฟังในทันที
“ไอ้น้ำ”
น้ำทำทีไม่สนใจคนที่เอ่ยเรียก ตอนนี้เค้าอยู่ในบาร์แถวมหาลัย ก็รู้อยู่แก่ใจว่าไม่สบายพึ่งหายไม่ควรที่จะมาเที่ยวในสภาวะแบบนี้แต่มันอดไม่ได้จริงๆ พออยู่คนเดียวแล้วมันคิดมาก ในหัวมีแต่เรื่องของฟ้าคนเค้าก็ไม่อยากจะให้มันถล่ำลึกไปกว่านี้ ทำไมต้องคิด แต่เพื่อนสนิททำไมต้องไปคิดมากขนาดนั้นทั้งที่แต่ก่อนฟ้าควงใครเค้าก็ไม่เห็นจะคิดอะไรมากอย่างนี้เลยสักคน
หรือเพราะเค้ามีลางสังหรณ์ว่าคนนี้มันต้องไม่เหมือนอย่างที่ผ่านมา
จะว่าไปมันก็ไม่เหมือนที่ผ่านมาจริงๆ ฟ้าไม่เคยเล่นกับคนที่มหาลัยใครๆต่างก็รู้ดีจึงไม่ค่อยมีใครพยายามที่จะเข้าหาเท่าไหร่ทั้งที่เจ้าตัวก็เป็นที่หมายปองมากจนเค้ายังทึ่ง ฟ้าไม่เคยใจดีกับคนที่พยายามรุกล่ำความเป็นส่วนตัวของเค้า
“ไอ้เชี่ยน้ำ สนใจพวกกูด้วยครับ”
“อะไรของมึง?”
น้ำหันไปถามเสียงขุ่น เคนเลยส่ายหัวแล้วลุกขึ้นมานั่งข้างๆตลไหลไปอีกทีสองที
“กูจะบอกว่ามึงเพลาลงหน่อยก็ได้ พึ่งหายไข้มาไม่ใช่รึไง กระดกอย่างกับจะอาบ เปลืองเหล้าเว้ย”
“เปลืองก็ช่าง เงินกู”
“ครับพี่ครับ ผมรู้ครัวว่าพี่รวย แต่กูขอพูดหน่อยเหอะวะ มึงมีอะไรให้เครียดถึงขนาดนั้นเลยรึไง?”
น้ำยังคงเงียบแล้วยกแก้วเหล้าในมือขึ้นดื่มต่อจนหมดแก้วแล้วก็ชงใหม่ ที่น้ำเลือกที่จะชงเองเพราะพนักงานชักช้าไหนจะชงจางขัดใจไปหมด
“พูดเพื่อนมึงจะเห้ย มีอะไรก็ปรึกษากันได้”
น้ำนิ่งคิดก่อนจะวางแก้วแล้วเอ่ยปากในที่สุด
“มึงก็รู้ว่ากูไม่เคยคบใครจริงจังใช่ไหม?”
เคนพยักหน้ารับ
“แล้วสมมุติว่ากูกำลังคุยๆกับคนที่คิดว่าจะคบด้วยอยู่แบบลับๆแล้วมึงมาเจอเข้างี้ มึงจะรู้สึกยังไงวะ?”
เคนคิดตามไม่นานก็ตอบกลับ
“แรกๆคงโกรธแหละ ก็แม่งเพื่อนกันแต่ไม่มีบอก จะปิดบังกันเพื่อ? แต่หลังจากนั้นก็คงดีใจด้วย เพื่อนจะมีเป็นคนเป็นตนสักทีนี่หว่า”
“เหรอ”
“นี่มึงไปแอบคบกับใครเค้าเข้าละเนี้ย”
“เปล่า”
เคนพยักหน้าเข้าใจแล้วยกแก้วขึ้นดื่มปล่อยให้ไอ้เพื่อนตัวดีมันนั่งจ้องมองอะไรสักอย่างต่อไป แต่จู่ๆเค้าก็คิดอะไรขึ้นได้
“หรือว่า...”
“ฟ้า”
เคนยังไม่ทันได้พูดจบน้ำก็ตาเบิกกว้างพร้อมด้วยเอ่ยชื่อเพื่อนสนิทของเค้าออกมา เคนหันไปมองตามสายตาของน้ำแล้วก็เห็นร่างสูงโปร่งที่มีผมยาวสลวยเดินเข้ามาภายในร้านพร้อมด้วยใครสักคนที่เค้าไม่รู้จัก ฟ้ามาด้วยชุดเสื้อยืดคอวีที่คว้านลึกโชว์ผิวที่ขาวเนียน คอระหงมีสร้อยแฟชั่นสีดำสามเส้นไขว้ไล่ระดับลงมาถึงหน้าอด ท่อนล่างเป็นกางเกงยีนส์สีซีดมีรอยขาดตามแฟชั่นนิยมและรองเท้าผ้าใสสีขาวตามโทนของชุด นับว่าเป็นชุดที่เรียกสายตาของผู้คนในร้านได้มากถึงมากที่สุด
เคนยังคงจ้องมองไปที่ฟ้าจนกระทั่งทั้งสองคนเดินเลี่ยงไปนั่งอยู่อีกฝั่ง เค้ามั่นใจว่าฟ้าไม่เห็นพวกเค้าแน่ๆ ไม่งั้นคงเดินเข้ามาทักแล้ว
“ไอ้น้ำ อย่าบอกนะว่าที่มึงถามกูเมื่อกี้นี้...เป็นฟ้านะ?”
น้ำไม่ตอบแต่กระดกเครื่องดื่มในแก้วจนหมดภายในรวดเดียวทั้งที่สายตายังคงจับจ้องไปที่ฟ้าแทบไม่กระพริบ เคนถึงหับส่ายหัว
“มึงจะไปอะไรกับมันมากว๊า เดี๋ยวมันพร้อมก็มาบอกเองแหละน่า”
“กูไม่ชอบ”
“ห่ะ”
“กูไม่อยากให้มันมี”
“แล้วมึงมีสิทธิ์อะไรไปห้ามมัน”
น้ำถึงกับสะอึก
“กูเป็นเพื่อนรักมัน เพื่อนสนิทที่โตมาด้วยกันเลยนะ”
“แล้วไง ก็แค่เพื่อน ไม่ใช่เจ้าชีวิต”
“มึงช่วยขยายความคำว่าเจ้าชีวิตหน่อยสิวะ?”
“กูก็ไม่ค่อยรู้ละเอียดนะ อาจจะประมาณว่าคนที่มันอยากจะอยู่ด้วยไปตลอดชีวิตละมั่ง”
“กูก็อยากอยู่กับมันอย่างนี้ไปตลอดชีวิตนะ”
“ไม่ใช่เว้ย ต้องไม่ใช่ในฐานะเพื่อนดิ”
“มึงจะบอกว่าต้องอยู่ในฐานะแฟนเหรอ?”
“ต้องลึกซึ้งกว่านั้น”
“อะไร?”
“คนรัก”
“ฟ้า”
ฟ้าหันมาหาคนเรียกที่นั่งคุมเชิงอยู่ข้างๆ ดวงตาสีดำเริ่มหยาดเยิ้มเมื่อได้แอลกอฮอล์เข้าร่างกายไปมากพอสมควรแล้ว น้ำลอบกลืนน้ำลายไปเอือกหนึ่งเมื่อสบตาเข้ากับฟ้า ผมยาวคลอเคลียอยู่ที่ช่วงไหล่ตัดกับสีผิวที่ขาวจัด
“ว่า?”
“เมาแล้วเหรอ?”
ฟ้าหัวเราะเสียงแผ่ว ใบหน้าหวานฉีกยิ้มกว้างมากกว่าทุกทีจนต้นอดทึ่จะใจเต้นแรงไม่ได้ ขอบคุณผู้ที่คิดค้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดครับ
“เราคอแข็งจะตาย แค่นี้จิบๆ”
“แล้วคีย์ละ?”
“มาไม่ได้”
ต้นพยักหน้ารับแล้วยกแก้วของตนขึ้นดื่ม เค้ามองดูบรรยากาศโดยรอบโดยที่ฟ้าเองก็สนใจแต่นักดนตรีบนเวที ต้นอดที่จะเสมองใบหน้าด้านข้างของคนหน้าหวานไม่ได้ เค้าดีใจแทบแย่เมื่อได้ยินคำเชิญชวนนั้น จากที่คิดจะกินข้าวดูหนังธรรมดาในวันหยุดจู่ๆก็ได้ข้ามขั้นมานั่งดริ้งค์เหล้าด้วยกันสองคนซะงั้น เค้าสาบานได้ว่าตอนแรกไม่ได้คิดถึงเรื่องสิบแปดบวกอะไรนั้นเลยแต่พอคิดได้ว่ามาร้านเหล้าก็ต้องกินและเมื่อกินแล้วก็ต้องเมา แล้วถ้าเมา...เค้าจะอดใจในเรื่องอย่างว่าได้ไหมนะ ทั้งที่พยายามไม่คิดแต่เมื่อมาเจอการแต่งตัวของฟ้าในค่ำคืนนี้แล้ว เค้าก็แทบกลั่นใจตาย หวั่นไหวมากถึงมากที่สุดอะบอกเลย ต้นสะดุ้งเมื่อฟ้าหันมาสบตาเค้าเข้าพอดี
“จ้องมากๆเราก็เขินเป็นนะ”
ฟ้าพูดแค่นั้นแล้วก็หันไปมองยังเวทีต่อ ดูท่าฟ้าคงจะเป็นคนชอบฟังเพลงมาก เห็นพึมพำตามเพลงได้แทบทุกเพลงเลยด้วย ต้นกดยิ้มแล้วเสมองไปยังอีกด้าน จนกระทั่งรู้สึกได้ถึงสายตาของใครบางคนเข้า จริงๆก็รู้สึกมาได้สักพักแล้วแต่เค้าพยายามไม่สนใจจนคิดว่ามันนานมากเกินไปแล้วเค้าเลยหันไปมองหาเจ้าของแววตานั้น ไม่นานเค้าก็เจอ เป็นคนที่นั่งอยู่คนละฟากกับเค้าแล้วยังอยู่ในมุมของเงามืดสลัวอีกต่างหาก เรียกได้ว่าเป็นโต๊ะหลบมุมเลยก็ว่าได้ ต้นเคยเห็นหน้าคนนั้นในโซเชียล ในเพจดังอย่างคิ้วบอยของมหาลัยก็ด้วย และที่สำคัญ...คนๆนั้นรู้จักกับฟ้า
“ฟ้า”
เค้าเอ่ยเรียกเพื่อจะบอกถึงคนๆนั้นแต่ฟ้ายังไม่ทันจะหันมาหาก็มีคนเดินเข้ามาหาคนหน้าหวานซะก่อน เรียกได้ว่าเข้ามาจีบซึ่งๆหน้าทั้งที่ก็เห็นอยู่ว่าเค้าก็นั่งอยู่ข้างๆ ต้นชักจะหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อย
“สวัสดีครับคนสวย”
คนมาใหม่ทักทายพร้อมรอยยิ้ม ฟ้ายิ้มตอบพร้อมคำทักทายตามปกติ
“สวัสดีครับ”
“คุณดูดีมากจนผมอดที่จะเดินเข้ามาทำความรู้จักด้วยไม่ได้เลยจริงๆ”
“ขอบคุณ”
ต้นนึกฉุนจนต้องหันหน้าหนีพลางยกแก้วขึ้นดับความร้อนรุ่มภายในใจจนสายตาไปสบเข้ากับคนๆนั้นอีก เค้าจ้องสบตาจนได้รู้ถึงรอยยิ้มที่เหมือนจะส่งยิ้มเยาะมาให้ นั้นยิ่งทำให้ต้นไม่สบอารมณ์เพิ่มขึ้นไปอีก ทว่าไฟที่กำลังโหมกระหน่ำในใจก็พลันดับวูบลงเพราะคนข้างๆได้เอ่ยบางประโยคขึ้นมา
“ขอบคุณสำหรับคำชวนครับ แต่ผมมีคนมาด้วยและไม่คิดที่จะไปที่อื่นกับใคร”
“ไหนคุณบอกว่ายังฟรีไงครับ?”
“ฟรีจริง แต่กำลังพิจารณาอยู่หนึ่ง”
ต้นเผลอฉีกยิ้มอย่างไม่รู้ตัว ฟ้าที่เหล่มามองเลยเห็นเข้าพอดี เค้าเองก็ยิ้ม ต้นและฟ้าสบตากันอยู่อย่างนั้นจนผู้มาใหม่จำต้องล่าถอย
“ขอบคุณนะ”
ต้นเอ่ยพูดขึ้นในที่สุด
“เรื่อง?”
“ที่เก็บเราไว้พิจารณา”
ฟ้าหัวเราะเสียงแผ่ว
“หลงตัวเองวะต้น”
“อย่าตัดความหวังกันงี้ดิฟ้า”
“หึหึ”
“ฟ้า”
“ว่า?”
“เราชอบฟ้าจริงๆนะ ชอบมากจนกลายเป็นรักแล้วเนี้ย”
ใบหน้าหวานที่แยกยิ้มค่อยๆหุบลงจนกลายเป็นหน้านิ่ง ต้นคงจะสลดใจถ้าไม่สังเกตุเห็นความแดงระเรื่อที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นจนลามไปถึงคอ
ฟ้าเขิน
“ฟ้าครับ”
“อะไรอีก?”
“เขินแล้วน่ารักวะ”
“หุบปากไปเลยนะต้น”
“โว้ มาบทโหดซะด้วย”
“เราโหดได้มากกว่านี้อีกนะ เพียงแค่ตอนนี้ยังไม่เผยให้เห็นเฉยๆหรอก”
“ไม่เป็นไร เรายังมีเวลาเห็นทุกสิ่งที่เป็นฟ้าไปอีกนาน”
“...........”
“เป็นแฟนกันนะ ไม่ใช่สิ เป็นแฟนต้นนะครับ?”
“..........”
“ฟ้า”
“หุบปากแล้วยกแก้วดื่มไปเงียบๆเลยนะ”
ต้นยิ้มรับคำคนเขินจนหน้าแดงเถือก ฟ้าได้แต่สถบในใจ ให้ตายสิ ตั้งแตจ่เกิดมาไม่เคยเห็นใครตรงเผ่งได้เท่ามันเลย
ฟ้ากับต้นพากันดื่มไปคุยสัพเพเหระไปเรื่อยจนเข้าสู่วันใหม่ไปหลายสิบนาทีฟ้าเลยชวนกลับ ต้นเองก็พยักหน้ารับไม่ขัดใจคนกำลังกรึ่ม ฟ้าบอกว่าตัวเองคอแข็งแต่ที่เค้าเห็นนี่คือเริ่มจะเซแล้วด้วยซ้ำ ผิดกับต้นที่ดื่มเท่าไหร่ก็ไม่เห็นจะเมาสักที ดีแล้วที่ต้นเป็นคนอาสาไปรับฟ้าเอง
“ฟ้า มาเราช่วย”
ต้นอาสาเมื่อเห็นฟ้าเดินไปชนใครสักคนจนตัวเองเซไปหลายก้าว ฟ้าหันมามองที่ต้นก่อนจะยื่นมือมาหา นี่เป็นครั้งแรกที่ฟ้ายอมให้เค้าสัมผัส ต้นเข้าไปโอบรอบเอวบางแล้วพาออกไปยังหน้าร้านได้สำเร็จ พอไปถึงรถเค้าจึงปล่อยมือแล้วหันมาค้นหากุญแจรถของตัวเองแทน ฟ้ายืนพิงข้างรถอยู่ต่อหน้าได้แต่จ้องมองไปยังต้นด้วยสายตาที่คาดเดาไม่ถูก
“ต้น”
“ครับ?”
ต้นเงยหน้าขึ้นมามองสบตาฟ้า ดวงตานั้นสั่นไหวเล็กน้อยจนต้นเริ่มใจไม่ดี
“มีอะไรรึเปล่าฟ้า?”
“ต้นรักเราจริงดิ?”
“จริงสิ ไม่รักจะหน้าด้านตามตื้นขนาดนี้เหรอครับ”
“ทั้งๆที่รู้ว่าเราไม่สนใจนี่นะ”
“ฟ้าสนใจเราไปแล้วเหอะ”
ฟ้ายิ้มจางแต่ดวงตายังคงหม่นหมอง
“งั้นเปลี่ยนเป็นทั้งที่รู้ว่าเรามีคนในใจแล้วนี่นะ”
ต้นนิ่งงัน จู่ๆก็เกิดเดดแอร์ขึ้นมาชั่วขณะ
“เรารักเค้าเหมือนกับที่ต้นรักเรา แต่...”
“..........”
“ต้นยังดีกว่าเราตรงที่ต้นยังมีโอกาสคบกับเราได้ แต่เราไม่มีโอกาสที่จะคบกับเค้าเลย”
“ขอถามได้ไหมว่าทำไม?”
ฟ้านิ่งเงียบ ดวงตากลมลื้อน้ำจนปริ่มขอบ ต้นเม้มปากแน่นฝืนตัวเองไม่ให้ถามมั้งที่ใจอยากประโคมคำถามไปเป็นสิบ เค้าเอื้อมมือไปจับมือฟ้าเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ายังคงนิ่งไม่ได้ผลักไสจึงถือวิสาสะดึงเข้ามาในอ้อมแขน ต้นโอบกอดฟ้าในเชิงปลอบ
“ไม่เป็นไร เรารอได้ ถ้าฟ้าอยากจะตัดใจจากคนนั้นแล้วหันมาหาเรา เรายินดีรอฟ้าเสมอ”
“ทั้งที่ไม่รู้ว่าเราจะตัดใจได้รึเปล่านะเหรอ?”
“ถ้าฟ้าคิดจะทำ มันต้องได้สิ”
“เหรอ”
ลองมาหลายปีแล้ว แต่สุดท้ายก็ยิ่งถล่ำลึก
“ฟ้า”
ต้นผละคนหน้าหวานออกจากอกก่อนจะเอ่ยเรียกซ้ำ
“หืม?”
“เรามาพยายามไปด้วยกันไหม?”
“.........”
“ฟ้าพยายามตัดใจ เราก็พยายามชนะใจฟ้าไง”
ฟ้าก้มหลบตาเพื่อคิดทบทวน
“จะลองดู”
ต้นยิ้มกว้าง
“งั้นเป็นแฟนกันนะ”
“มากไปละ อย่ามาเนียน”
“โถ่ฟ้าอะ กำลังได้ที่เลย”
“ที่เท่ออะไร ปลดล็อครถได้ละ ยุงเยอะ”
“ครับๆ”
อีกฟากของร้านสองหนุ่มได้ยืนมองคนทั้งคู่อยู่อย่างเงียบๆ แม้พวกเค้าจะไม่ได้ยินคำพูดใดๆแต่สิ่งที่เห็นเต็มสองตานั้นคือหลักฐานประกอบข้อสันนิฐานได้เป็นอย่างดี
“แสดงว่าฟ้ามีแฟนอย่างที่มึงพูดจริงๆสินะไอ้น้ำ”
เคยเอ่ยเสียงเรียบแต่น้ำกลับกำมือแน่นขึ้นไปอีก น้ำกับเคนเดินตามคนทั้ง๕ออกมาตั้งแต่แรก เค้าไม่อยากแสดงตัวให้ฟ้าเห็นเพื่อที่จะแอบมองเพื่อความแน่ใจ
ทั้งที่บอกไปแล้วว่าอย่าคบใคร แต่ก็ไม่คิดจะฟังกันเลยสินะ
“น้ำ”
“กลับเหอะ”
“มึงเป็นอะไร หน้าตาแม่งโคตรน่ากลัว”
“ไม่มีอะไรหรอกน่า”
“ขอให้มันจริง”
น้ำกดยิ้มเจ้าเล่ห์
ในเมื่อพูดดีๆแล้วไม่คิดจะฟัง งั้นต้องเป็นเจ้าชีวิตสินะ
เจ้าชีวิตทั้งที่ไม่ใช่คนรัก
TBC....
ชี้แจงนิสนะค่ะ
เรื่องนี้น้ำอยากครอบครองฟ้าไว้กับตัวเองจริงแต่ไม่ให้สถานะคนรักค่ะ ทำไมนะเหรอ เพราะทิฐิไง น้ำเชื่อมาโดยตลอดว่าผู้ชายด้วยกันคบกันในแง่นั้นไม่ได้มันไปไม่รอดสู่อยู่แบบเพื่อนจะดีกว่า แต่ก็หึงหวงเหมือนกัน ออกแนวหมาหวงก้างแหละนะ ส่วนฟ้านะรู้ใจตัวเองดีและรู้จักคนอย่างน้ำดีด้วยจึงไม่สามารถบอกความรู้สึกตัวเองกับน้ำได้ กลายเป็นแอบรักแบบไม่มีทางสมหวังเลย
บทสรุปจะเป็นอย่างไร คนทั้งคู่จะหันมารักกันได้ไหม หรือจะเป็นรักสามเศร้าสี่เศร้า
อันนี้ยังไม่บอก ต้องติดตามกันต่อไปเนอะ
ปล.ขอบคุณสำหรับกำลังใจและคอมเม้นต์ค่ะ