(ต่อ)
พวกมันไม่ได้อยู่จนจบงานเหมือนปีที่ผ่านมา ไอ้พร้าวจำเป็นต้องแบกไอ้ปืนที่เมาไม่ได้สติกลับบ้าน มันเหลือบมองโทรศัพท์มือถือที่มีสายเรียกเข้าจากธันวาแล้วกลับไปมองถนนเบื้องหน้าอย่างลังเลว่าควรกดรับดีหรือไม่
ไอ้ปืนที่นั่งข้างคนขับสะลึมสะลือล้วงโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วพูดอ้อแอ้
“คราย ครายโทรมา ฮาโหล กุด มอนิง ทิชเชอร์”
“ไอ้ห่านี่” ไอ้พร้าวมองเพื่อนรักอย่างขบขัน
“ฮาโหล ทำไมไม่พูด อ้าว ไม่ใช่เครื่องกูเหรอะ” ไอ้ปืนเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋ากางเกงตามเดิม จากนั้นหยิบเครื่องของไอ้พร้าวที่วางอยู่ขึ้นมารับ
“ฮาโหล กุดไนท์ๆ ครายโทรมา อารายนะ ไม่ได้ยิน” มันตะโกนใส่โทรศัพท์มือถือดังลั่น
“ฮ่าๆ พี่ธันวางสายก่อนเดี๋ยวโทรกลับ ขับรถอยู่” ไอ้พร้าวตะโกนแข่ง
“เออๆ โอเค ว่าง ว่างตลอด มีอารายก็พูดมา” ไอ้ปืนยังคงไม่หยุด จนกระทั่งธันวากดตัดสาย
“พอเลยมึง วางโทรศัพท์กูลงเลย”
“พ่อมึงโทรมา” ไอ้ปืนหันมาบอกก่อนจะวางโทรศัพท์ลงอย่างเบามือ
“เออ พ่อกูเองแหละ นอนไปเลยนะมึง เมาแล้วแม่งน่ารำคาญ” ไอ้พร้าวบ่นอย่างไม่จริงจังนัก
“กูจะนอนแล้วนะ กูจะนอนจริงๆ ถึงบ้านแล้วมึงก็ไม่ต้องปลุก เดี๋ยวกูนอนไม่ครบแปดชั่วโมง”
“ได้ กูจะไม่ปลุกมึง กูจะเอามึงไปลอยทะเลให้ฉลามกิน” ไอ้พร้าวทั้งขำทั้งรำคาญ
“มึงมันใจร้าย กูขอให้พี่ธันทิ้งมึง”
“มึงพูดบ้าอะไร” ไอ้พร้าวไม่ทันได้เอ่ยปากด่า ไอ้ปืนก็หลับไปเสียแล้ว
จากตัวจังหวัดมาถึงหมู่บ้านใช้เวลาประมาณสี่สิบนาที ไอ้พร้าวแบกเพื่อนรักไปส่งถึงห้องนอน จากนั้นขับรถกลับบ้าน น้าเลบ่นนิดหน่อยที่รถมีกลิ่นเหล้า มันแสร้งทำหูทวนลมแล้วเดินหนีเข้าบ้าน
“ถึงบ้านแล้วหรือ กลับดึกมากเลย ขับรถตอนกลางคืนมันอันตรายนะครับ ใบขับขี่ก็ไม่มี แล้วได้ดื่มหรือเปล่า” ธันวาบ่นทันทีเมื่อกดรับสาย ไอ้พร้าวกลอกตาอย่างเบื่อหน่าย มันเดินเข้าไปในห้องนอน ล็อกประตูให้เรียบร้อย
“ปีก่อนกลับดึกกว่านี้อีก ไม่ต้องห่วง ขับรถสบายมาก แล้วก็ไม่ได้ดื่มด้วย ไอ้ปืนดื่มคนเดียว” ไอ้พร้าวถอดเสื้อผ้าออกจนหมด
“ดีแล้วครับที่ไม่ดื่ม พี่ก็กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุ แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะครับ”
“หือ อะไร” ไอ้พร้าวเดินเข้าไปในห้องน้ำ มันทั้งเหนียวตัวทั้งมีกลิ่นเหล้าจากไอ้ปืนติดตัวมาด้วยจึงอยากจะอาบน้ำใหม่อีกรอบ
“ก็นางนพมาศไงครับ” น้ำเสียงติดจะประชดเล็กน้อยของตัวเองทำให้ธันวาขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“สวยพอๆ กับปีก่อน ไอ้ปืนแทบจะปีนเวทีขึ้นไปหา ฮ่าๆ อืม...แต่ถ้าให้พูดตามตรง จ๋าสวยกว่านะ วันนี้ได้เจอยังนึกเสียดายที่เลิกกัน” ไอ้พร้าวบอกไปตามที่คิด
“งั้นหรือครับ” ธันวารู้สึกไม่พอใจกับสิ่งที่ได้ยินสักเท่าไหร่ เพราะรู้ว่าคนที่ไอ้พร้าวเอ่ยถึงนั้นเป็นใคร เธอคือเด็กสาวที่มันตกหลุมรักในตอนนั้น
“แค่นี้ก่อนนะพี่ ผมอาบน้ำก่อน พรุ่งนี้จะโทรหาใหม่”
“อย่าเพิ่งวางครับ พี่มีเรื่องจะคุยด้วยเยอะเลย กลัวว่าพรุ่งนี้จะลืม” ธันวาหาข้ออ้างไปอย่างนั้น ทั้งที่จริงเขาแค่อยากมีเวลาร่วมกับมันให้มากกว่านี้
“แต่ผมจะอาบน้ำ”
“พี่รอได้”
ไอ้พร้าวมองโทรศัพท์มือถือด้วยความแปลกใจ วันนี้พี่ธันของมันแปลกไปจากทุกที มันปัดความสงสัยนั้นทิ้งไป จากนั้นหาที่วางโทรศัพท์มือถือในห้องน้ำแล้วรีบอาบน้ำชำระร่างกาย
เสียงหยดน้ำกระทบพื้นกระเบื้องทำให้ธันวานึกถึงวันที่ได้อาบน้ำพร้อมกับมัน เพียงแค่นึกภาพ ส่วนนั้นของเขาก็เริ่มตื่นตัว
นี่เขากลายเป็นพวกโรคจิตไปแล้วหรือ เพียงแค่จินตนาการก็เป็นได้ถึงขนาดนี้
“อาบเสร็จแล้ว แต่งตัวแป๊บนะ”
“พี่ง่วงแล้ว แค่นี้นะครับ” คนปลายสายบอกก่อนจะตัดสายไป ไอ้พร้าวยกมือขึ้นเกาหัวแกรกๆ ด้วยความงุนงง
สัปดาห์ต่อมา ธันวาบอกไอ้พร้าวว่าจะมาหาตอนต้นเดือนธันวาคม มันดีใจจนเนื้อเต้น ร้องเพลงอย่างอารมณ์ดีระหว่างตำน้ำพริก เลและพัทธ์เหลือบมองอย่างสงสัย ทั้งสองสบตากันก่อนเลจะตัดสินใจถาม
“มีเรื่องอะไรเหรอวะ ดูเอ็งอารมณ์ดีผิดปกติ”
“พี่ธันจะมาหาหนูจ้ะ” ไอ้พร้าวยิ้มแป้นจนน่าหมั่นไส้
“มันก็มาเที่ยวของมันอยู่แล้ว ใครบอกว่ามันมาหาเอ็ง” เลแกล้งแหย่หลานเล่น
ไอ้พร้าวหน้าบึ้งทันที “พี่ธันบอกเอง ถ้าน้าไม่เชื่อก็โทรถามเลย” มันเชิดหน้า
“เออๆ เอาที่เอ็งสบายใจ ถ้ามันเอาเมียมาด้วย เอ็งก็อย่าไปวุ่นวายกับมันล่ะ” เลแสร้งบอกด้วยน้ำเสียจริงจัง ไอ้พร้าวชะงักไปครู่ก่อนจะตำน้ำพริกเสียงดังลั่นครัว
“เอ็งดูมันสิ หึหึ โอะโอ๊ย ปล่อยๆ เจ็บนะเว้ย” เลกระซิบพัทธ์ด้วยความขบขันจึงถูกหยิกที่เอวเสียเต็มแรง
“กล้าดียังไงมาแกล้งลูกผม” พัทธ์ส่งสายตาตำหนิแล้วเดินเข้าไปปลอบไอ้พร้าวที่อารมณ์เสียเพราะผู้เป็นน้า
“พี่ธันๆ” ไอ้พร้าวกระโดด โบกไม้โบกมือให้คนที่เพิ่งเดินออกมา วันนี้มันยอมโดดเรียนหนึ่งวันเพื่อมารับธันวาที่สนามบิน
“มาได้ยังไงครับ ไม่ไปโรงเรียนหรือ” ธันวามองไปรอบๆ แต่ไม่พบใครนอกจากคนตรงหน้า
“ขับรถมา” ไอ้พร้าวตอบพร้อมชูกุญแจรถให้อีกฝ่ายดู
“โดดเรียนมาใช่ไหมครับ ไม่ดีเลย” ธันวาบ่นอย่างไม่จริงจังนัก เขาไม่สามารถปกปิดความดีใจในแววตาได้
“วันเดียวเอง พรุ่งนี้ก็วันเสาร์แล้ว เอามา เดี๋ยวช่วยถือ” ไอ้พร้าวแย่งกระเป๋าลากจากมือธันวา “พี่หิวไหม จะแวะกินก่อนหรือไปกินที่บ้าน” มันลากกระเป๋าพลางถามไปด้วย
ธันวายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู “เที่ยงแล้วหรือ ไปกินที่ร้านดีกว่าครับ” ตอบด้วยรอยยิ้ม
ระหว่างทาง ไอ้พร้าวพูดคุยไม่หยุดจนธันวาต้องเตือนให้มันมีสมาธิในการขับรถ มีหลายครั้งที่เขาแอบมองมันอย่างสำรวจ ไม่แน่ใจนักว่ามันจะรู้ตัวหรือเปล่า
เนื่องจากสนามบินอยู่อีกจังหวัดจึงใช้เวลาพอสมควรกว่าจะมาถึง ‘ร้านน้องพร้าว’ ไอ้พร้าวกำลังจะเปิดประตูรถทว่าถูกธันวาแขนรั้งไว้ มันมองคนตรงหน้าอย่างสงสัย...ใบหน้านั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้จนต้องกลั้นหายใจ เพียงไม่กี่วินาทีปลายจมูกของธันวาก็กดที่แก้มของมัน
ธันวาสูดกลิ่นกายของไอ้พร้าวเข้าเต็มปอด ตามด้วยริมฝีปากกดจูบที่แก้มของมันหลายครั้งจนเกิดเสียงน่าอาย ไอ้พร้าวนั่งนิ่งปล่อยให้อีกฝ่ายทำอย่างนั้นจนพอใจ
“คิดถึงนะครับ” ธันวาเกลี่ยปลายจมูกที่แก้มไอ้พร้าวไปมา
“.....................”
“พี่จูบได้ไหม” เขาผละออกห่างเพื่อมองใบหน้าของมันชัดๆ
ไอ้พร้าวหน้าแดงก่ำไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ทว่าเม้มริมฝีปากแน่น ดวงตาคลอไปด้วยหยดน้ำตา เจ้าตัวกะพริบตาปริบๆ จนขนตาเปียกชุ่ม
...ช่างดูบอบบางและน่าแกล้งหยอกเย้าเหลือเกินในสายตาของธันวา
“ไปกันเถอะครับ พี่เลเดินมาทางนั้นแล้ว” ธันวาขยับตัวออกห่างแล้วลงจากรถ
ไอ้พร้าวซบหน้าลงกับพวงมาลัยรถ ยกมือขึ้นทาบหัวใจที่เต้นแรง เกือบตายแล้ว...มันเกือบจะตายไปแล้ว
“เป็นไง สบายดีไหม” เลยกมือขึ้นตบไหล่ธันวา
“สบายดีครับพี่ มีอะไรให้กินบ้าง ผมหิวมาก” ธันวาลูบท้องตัวเอง
“มาๆ เตรียมไว้ให้เยอะเลย ไอ้พร้าวล่ะ ไปไหน”
“อยู่ในรถครับ เดี๋ยวก็ลงมา” ธันวายิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกาย
“ดูมีความสุขนะเอ็ง กำลังจะมีข่าวดีเหรอะ ทำไมไม่พามาเที่ยวด้วยล่ะ”
“ฮ่าๆ ยังหรอกครับ” ธันวายกมือขึ้นลูบท้ายทอยอย่างเก้อเขิน
“แล้วนี่พักไหนล่ะ”
“พักรีสอร์ตพี่ติ๋มเหมือนเดิมแหละครับ”
“อ้าว ทำไมไม่มานอนกับไอ้พร้าวล่ะ จะไปเช่ารีสอร์ตให้เสียเงินทำไม ไอ้พร้าว! เอ็งจะไปไหน” เลเอ่ยชวนธันวา ก่อนจะตะโกนเรียกหลานที่เดินก้มหน้าไปอีกทาง ไอ้พร้าวชะงักเท้าแล้วหมุนตัวเดินกลับมาทางเลและธันวา
“ได้หรือครับ เจ้าของห้องเขาจะไม่ว่าหรือ ถ้าผมมานอนด้วย” ธันวาพูดพลางชำเลืองมองไอ้พร้าว มันเงยหน้ามองอย่างงุนงง
เลโบกมือปฏิเสธอย่างไม่ใส่ใจนัก “ไม่ต้องห่วง มันน่ะนับวันรอเอ็งมาทุกวัน เตียงมันก็ออกจะกว้างขวาง นอนสองคนได้สบายอยู่แล้ว”
“มะ ไม่ได้! หนูไม่ให้นอนด้วย” ไอ้พร้าวแหกปากโวยวายดังลั่นเมื่อเข้าใจในสิ่งที่ทั้งสองคนกำลังพูดถึง
“เอ๊ะ ไอ้นี่” เลชักจะไม่เข้าใจไอ้หลานรัก ทั้งที่ตอนนั้นดีใจมากแท้ๆ ที่จะธันวามาหา แต่พอวันนี้กลับโวยวายไม่ยอมให้อีกฝ่ายมาพักด้วย
“ช่างเถอะครับ ผมแค่พูดเล่นไปอย่างนั้น ไหนครับกับข้าวที่เตรียมไว้ให้ผม” ธันวารีบห้ามทัพก่อนสงครามน้ำลายระหว่างน้าหลานจะเกิดขึ้น ไอ้พร้าวมองธันวาอย่างไม่พอใจก่อนเดินกระทืบเท้าเข้าไปในร้าน
“เอ็งดูมันสิไอ้ธัน โตจนมีเมียได้แล้วยังทำตัวเป็นเด็ก ข้าล่ะปวดกบาลกับมันจริงๆ” เลยกมือขึ้นนวดขมับ ธันวาพยายามกลั้นขำกับท่าทางนั้น
ตลอดหนึ่งวันที่ผ่านมา ไอ้พร้าวเอาแต่หลบหน้าธันวา ไม่ยอมพูดคุยหรือเข้าใกล้เขาอีกเลย ธันวารู้ดีว่าควรให้เวลากับอีกฝ่าย เขาพลาดเองที่ไม่ยอมห้ามใจจนเผลอสัมผัสมันแบบนั้น แต่อย่างน้อยก็มั่นใจว่ามันไม่ได้รู้สึกรังเกียจ
“ทำอะไรอยู่ครับ” ธันวาเอ่ยทักคนที่นั่งบนพื้นทราย
“เปล่า ไม่ได้ทำอะไร” ไอ้พร้าวเหลือบมองอีกฝ่าย ในมือของธันวามีสมุดวาดเขียนและกระเป๋าดินสอ
“ที่นี่ยังเหมือนเดิมเลยนะครับ” ธันวามองไปรอบๆ พร้อมรอยยิ้ม เขายังจำตอนที่ไอ้พร้าวหล่นลงมาจากต้นไม้ได้ดี
“อืม นักท่องเที่ยวไม่ค่อยรู้จักตรงนี้หรอก มันเป็นฐานทัพลับของหนูกับไอ้ปืน” ไอ้พร้าวยิ้มภาคภูมิใจ เผลอแทนตัวเองด้วยคำที่ธันวาไม่ได้ยินมานาน
“ต้องรวมพี่ด้วยสิ พี่ก็รู้จักที่นี่” ธันวานั่งลงข้างมัน
“ก็ได้” ไอ้พร้าวนิ่งคิดอยู่ครู่ก่อนจะตอบออกมา
“วันนี้อากาศดีมาก” ธันวาสูดอากาศเข้าเต็มปอด หลับตาฟังเสียงคลื่น
“พี่จะวาดรูปเหรอ” ไอ้พร้าวมองอีกฝ่ายเปิดสมุดวาดเขียน
“ครับ เป็นแบบให้พี่ได้ไหม พี่เบื่อวาดรูปวิวแล้ว”
“มะ ไม่ ไม่เอาด้วยหรอก” ไอ้พร้าวโบกมือส่ายหน้าปฏิเสธทันทีด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“ไม่ได้หรือครับ เฮ้อ แย่จัง” ชายหนุ่มวางสมุดวาดเขียนลง ท่าทางราวกับเบื่อหน่ายเต็มทนของธันวาทำให้ไอ้พร้าวลังเล
“ก็ได้ แต่อย่านานล่ะ มันเมื่อย” มันบอกอ้อมแอ้ม ไม่กล้าสบตา
“ขอบคุณครับ” ธันวายิ้มกว้าง หยิบอุปกรณ์วาดภาพขึ้นมา
ดวงตาคมจับจ้องใบหน้าของเด็กหนุ่มไม่วางตา ไอ้พร้าวรู้สึกร้อนไปทั้งหน้า ลามไปจนถึงใบหูทั้งสองข้าง ดวงตาคลอไปด้วยหยดน้ำตาอย่างห้ามไม่อยู่ สุดท้ายก็ไม่อาจต้านทานดวงตาคู่นั้นของธันวาได้ มันชันเข่าขึ้น ฟุบหน้าลงซ่อนใบหน้าที่น่าอายของตัวเอง
ธันวาอมยิ้ม วางสมุดวาดเขียนในมือลง ขยับเข้าไปโอบกอดไอ้พร้าวไว้ทั้งตัว มันสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจก่อนจะนั่งนิ่งยอมให้กอด
เขาซุกไซ้จมูกและริมฝีปากไปที่แก้มอีกฝ่าย มันเอียงใบหน้าหลบพร้อมกับส่งเสียงประท้วง ธันวาหัวเราะเบาๆ ไล้จมูกไปที่ซอกคอของมันแทนแล้วเลื่อนริมฝีปากขึ้นมากัดใบหูที่แดงก่ำข้างนั้นเบาๆ
“ยะ อย่า” ไอ้พร้าวส่งเสียงห้าม ตัวสั่นเทิ้ม
“เงยหน้าขึ้นมองพี่สิครับ พี่อยากเห็นหน้าพร้าว ได้ไหมเด็กดี” ธันวากระซิบชิดใบหูอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม
“ไม่” ไอ้พร้าวปฏิเสธเสียงแข็ง ธันวาขยับตัวออกห่างทันที
“ใจร้ายจังเลยนะครับ ทั้งที่วันนี้เป็นวันเกิดของพี่แท้ๆ” เขาแสร้งพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ ไอ้พร้าวเงยหน้ามอง ใช้หลังมือปาดหยดน้ำตาออกจากใบหน้าอย่างลวกๆ
“จริงเหรอ” มันหรี่ตามองอย่างจับผิด
“เห็นพี่เป็นคนยังไงครับ พี่จะกล้าโกหกพร้าวหรือ” ธันวาว่าอย่างจริงจัง
“ใครจะไปรู้ล่ะ”
“นั่นสินะ พร้าวคงไม่ใส่ใจพี่ขนาดนั้น” เขาตีหน้าเศร้า
“แล้วพี่รู้เหรอว่าผมเกิดวันไหน” ไอ้พร้าวถามอย่างไม่พอใจ
“ยี่สิบเก้า กุมภาพันธ์” ธันวาตอบอย่างไม่ลังเล...โชคดีที่เขาเคยแอบดูบัตรประชาชนของมัน
“ขอโทษ” ไอ้พร้าวนิ่งไปครู่ก่อนจะพูดออกมา
“พี่แค่ล้อเล่นครับ” ธันวายิ้ม ลูบหัวมันเบาๆ
จากนั้นต่างคนต่างเงียบ ต่างคนต่างลอบมองอีกฝ่าย มีคำพูดมากมายที่อยากจะเอ่ยบอก
“พี่โกหก” ธันวาพูดขึ้น
“หือ เรื่องอะไร” ไอ้พร้าวมองใบหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ
“พี่ไม่ได้คบใคร ไม่ได้พาใครมาที่ห้องอีก ข้าวของพร้าวก็ยังอยู่ที่เดิม” ตอนนั้นเขาพูดไปโดยไม่ทันคิด บางทีไอ้พร้าวอาจจะลืมไปแล้ว แต่เขาอยากสารภาพ
“เหมือนกัน” ไอ้พร้าวหลุบตามองพื้นทราย
“หือ อะไรหรือครับ”
“ไม่ได้คบใครเหมือนกัน ขอโทษที่พูดโกหก” มันหันมาสบตาธันวา
“วันเกิดมีของขวัญจะให้พี่หรือเปล่า” ธันวายิ้ม ในใจกำลังโลดเต้นอย่างดีใจ ไอ้พร้าวไม่ได้มีใคร เขายังมีโอกาส และจะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปเด็ดขาด...จะไม่ยอมปล่อยมันไปอีกแล้ว
ไอ้พร้าวเบิกตากว้าง “ของขวัญอะไร เพิ่งรู้ตอนนี้เอง ใครจะไปเตรียมทัน”
“แค่เตรียมใจก็พอครับ” ธันวาขยับนั่งตรงข้ามมัน แผ่นหลังยืดตรง ดวงตาคมจับจ้องเพียงใบหน้าของเด็กหนุ่มตรงหน้า
“พูดอะไรแปลกๆ” ไอ้พร้าวพูดอ้อมแอ้ม รู้สึกประหม่าไม่คุ้นชินกับคำหวานเลี่ยนที่ธันวาพูดออกมา
“ถึงจะไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ แต่...เป็นแฟนกับพี่นะ”
ไอ้พร้าวเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างห้องเรียน มันจำเรื่องในวันนั้นไม่ค่อยได้ คล้ายกับความฝันที่เลือนราง มันไม่ได้ให้คำตอบแก่ธันวา อีกฝ่ายก็ไม่ได้เร่งรัดอะไร
หลังจากวันนั้นธันวาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันจึงคิดว่าอีกฝ่ายแค่พูดล้อเล่นเท่านั้น จนกระทั่งวันที่ไปส่งธันวาที่สนามบิน ชายหนุ่มโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ กระซิบบางอย่างที่ข้างหูของมัน
‘พี่ยังรอคำตอบอยู่นะ’ พูดจบก็เดินจากไป ทิ้งให้มันมึนงงสับสนอยู่ครู่ใหญ่...ธันวาจริงจังอย่างนั้นหรือ
ทำไมยังลังเลอยู่อีก ทั้งที่ต้องการแท้ๆ แต่พออีกฝ่ายเอ่ยปากขอ มันกลับหวงแหนความสัมพันธ์ที่มีให้กันมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ถึงจะรู้สึกกับธันวาแบบนั้น แต่หากเปลี่ยนสถานะไปแล้ว ทุกอย่างจะไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก แม้ว่าวันใดวันหนึ่งจะเลิกกันไป
“นายพร้าว! เธอนั่งเหม่ออะไร กระดานอยู่ทางนี้” เสียงอาจารย์ตะโกนมาจากหน้าชั้นเรียนทำให้มันสะดุ้งตกใจ
“ครับๆ ขอโทษครับ” ไอ้พร้าวยืดตัวตรง พยายามตั้งใจกับเนื้อหาบนกระดาน แต่สุดท้ายก็เผลอเหม่อลอยตามเดิม
วันนี้เป็นวันสิ้นปี ไอ้พร้าวกลับบ้านตั้งแต่วันที่ยี่สิบเก้า มันใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในครัว ค่อยช่วยงานในร้าน ไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นที่ไหน
มือที่ถือตะหลิวชะงักเมื่อนึกถึงใครอีกคนที่อยู่ห่างไกล ปีนี้ธันวาบอกว่ามาไม่ได้ แม้จะผิดหวัง แต่ก็เข้าใจ จะให้อีกฝ่ายมาหาบ่อยๆ ก็ใช่เรื่อง ธันวาเองก็ต้องใช้เวลากับครอบครัวเช่นกัน
“อ้าว ไอ้ธัน” เสียงเลเอ่ยทักผู้มาใหม่ทำให้ไอ้พร้าวหันขวับไปมอง
“สวัสดีครับพี่เล” ธันวายกมือไหว้พร้อมยิ้มกว้าง
“เออ ไอ้นี่ จะมาก็ไม่บอกไม่กล่าว แล้วมายังไงล่ะ” เลยกกะละมังไปวางอีกฝั่งเพื่อให้ธันวานั่งข้างๆ
ไอ้พร้าวเม้มริมฝีปากแน่น มันหันกลับมาสนใจข้าวผัดในกระทะต่อ ทำอย่างไรดี...มันควรทำอย่างไร ดีใจจนแทบจะโห่ร้องออกมา
“เหมารถมาครับพี่ คิดว่าวันนี้ต้องยุ่งกัน เลยไม่อยากรบกวน” ธันวาชำเลืองมองแผ่นหลังของเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“รบกวนอะไรกัน คราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีกล่ะ”
“ครับพี่ แล้วมีอะไรให้ผมช่วยไหม”
“ไม่มีหรอก เอ็งไปพักผ่อนเถอะ”
“ไม่เป็นไรครับ อยู่ว่างๆ ก็น่าเบื่อ ผมขอช่วยพร้าวในครัวนะครับ” พูดจบก็ลุกขึ้นเดินไปหาไอ้พร้าวทันที เลส่ายหน้าอย่างจนใจ
“แล้วแต่เอ็งเถอะ เหมือนผักจะไม่พอ ข้าออกไปตลาดก่อนนะ ฝากร้านด้วยละไอ้พร้าว”
“ทำไมไม่บอกก่อน” ไอ้พร้าวถามขึ้นเมื่อเลเดินออกไปแล้ว
“อยากมาเซอร์ไพรส์ ดีใจไหม” ธันวาอมยิ้ม
“ก็เฉยๆ อยากมาก็มา ไม่อยากมาก็ไม่ต้องมา” ไอ้พร้าวเคาะตะหลิวกับกระทะเสียงดังลั่น
“แล้วอยากให้พี่มาหรือเปล่า” ธันวาใช้ผ้าขนหนูที่พาดคอมันเช็ดเหงื่อบนหน้าผากให้
“มาก็ดี” ไอ้พร้าวตอบอ้อมแอ้ม ใบหน้าขึ้นสีเล็กน้อย
“ขอบคุณครับ”
“หยิบจานมาให้หน่อย” ไอ้พร้าวชี้ไปที่โต๊ะ ธันวาเดินไปหยิบให้ทันที
“วันนี้ไปเคานต์ดาวน์ที่ฐานทัพกันไหม” ธันวาเอ่ยถาม ดวงตาคมฉายแววล้อเลียน
“ไม่รู้จะไปได้ไหม ถ้าลูกค้าไม่เยอะก็น่าจะไปได้”
เมื่อถึงเวลาห้าทุ่มครึ่ง ธันวาเอ่ยปากขอเลให้ไอ้พร้าวไปเคานต์ดาวน์เป็นเพื่อน เลไม่ได้ว่าอะไร เพราะตั้งใจจะให้หลานไปพักตั้งแต่สามทุ่มแล้ว แต่ลูกค้าที่เข้าออกร้านไม่หยุดทำให้ต้องอยู่ช่วยจนถึงตอนนี้
“เงียบจังเลยนะครับ แถวนี้ไม่ค่อยมีคนเลย” ธันวาพูดทำลายความเงียบ
“อืม”
“ทำไมมืดอย่างนี้น่า พี่มองไม่ค่อยเห็นเลย”
“อืม”
“จับมือได้ไหม มืดแบบนี้พี่กลัวเดินสะดุดล้ม” ไม่พูดเปล่า ธันวาคว้ามือไอ้พร้าวมาจับทันที
“อืม” มันยังคงตอบเช่นเดิม
“ใกล้ถึงหรือยังครับ” ธันวาชำเลืองมองคนข้างกาย อีกฝ่ายถอนหายใจก่อนจะหันมามองเขา
“อีกร้อยเมตรก็ถึงแล้ว” ไอ้พร้าวพูดอย่างหงุดหงิด ทว่าใบหูทั้งสองข้างกลับแดงก่ำ
เมื่อมาถึงที่หมาย ไอ้พร้าวปูผ้าที่ถือติดมือมาด้วย จากนั้นทั้งสองก็นั่งเงียบเพื่อรอเวลา ธันวาหันมาจ้องใบหน้าด้านข้างของไอ้พร้าว จ้องอยู่นานจึงตัดสินใจถาม
“ให้คำตอบพี่ได้หรือยัง” น้ำเสียงจริงจังนั่นทำให้หัวใจของไอ้พร้าวเต้นแรง
“อืม” มันตอบออกไปสั้นๆ
หวีด บูม เสียงดอกไม้ไฟดังรอบตัวไม่ได้ทำให้คนทั้งสองสนใจมองความสวยงามบนท้องฟ้าเลยแม้แต่น้อย ริมฝีปากที่แนบชิดกันกดคลึงหนักเบาอย่างหยอกล้อ ต่างคนต่างไล้เลียดูดดึงริมฝีปากของอีกฝ่ายจนเปียกชุ่ม ไอ้พร้าวเปิดปากให้ธันวาสอดลิ้นเข้ามา ไล่รุกกันอยู่ครู่ก่อนมันจะดูดปลายลิ้นของเขาจนเกิดเสียงน่าอาย
ธันวาครางในลำคออย่างพอใจ ฝ่ามือลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังของเด็กหนุ่มก่อนสอดเข้าไปสัมผัสผิวแน่นตึงใต้เสื้อยืด
“ดะ เดี๋ยว อย่า” ไอ้พร้าวผละริมฝีปากออกห่าง จับมือข้างนั้นของธันวาที่กำลังหยอกล้อยอดอกของมัน
“หือ ทำไมล่ะครับ” ธันวากดจูบย้ำริมฝีปากของไอ้พร้าวอีกสองทีแล้วงับริมฝีปากล่าง ดูดดึงจนพอใจจึงปล่อยให้มันได้เอ่ยปากพูด
“พี่จะทำเหรอ” ไอ้พร้าวมีสีหน้าเป็นกังวล
“ไม่ได้หรือ” เขาจูบแก้มมันหนึ่งที
“เขาทำกันยังไง เอาไอ้นั่นยัดเข้าก้นน่ะเหรอ” ไอ้พร้าวตัดสินใจถามออกไป แววตาของมันดูใสซื่อเสียจนธันวารู้สึกละอายใจ
“ใช่ครับ”
“มันจะเข้าได้เหรอ” ไอ้พร้าวยังคงจินตนาการไม่ออก มันรู้เพียงเรื่องเซกซ์ระหว่างชายหญิง พอจะเห็นคลิปชายชายผ่านตาอยู่บ้างแต่ไม่เคยเปิดดูสักครั้ง
“เฮ้อ พี่ไม่ทำแล้วครับ ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า” ธันวายอมแพ้ เขาไม่อยากรู้สึกผิดบาปไปมากกว่านี้ แววตาของมันยามเอ่ยปากถามเรื่องนี้ทำให้เขาหวนนึกถึงไอ้เด็กพร้าวตัวจ้อยขึ้นมา ธันวาทิ้งตัวลงนอนบนผ้าอย่างกลุ้มใจ
“พี่ไหวหรือเปล่า ให้ผมใช้มือช่วยไหม” ไอ้พร้าวเสนอความคิด มันมองส่วนนั้นของอีกฝ่ายที่นูนขึ้นใต้กางเกง
“ไม่เป็นไรครับ มานี่สิ” ธันวายิ้ม ใช้มือตบพื้นที่ว่างข้างตัว เมื่อไอ้พร้าวนอนลงก็รั้งตัวมันเข้ามากอดไว้แนบกาย
พวกเขามองดวงดาวบนท้องฟ้าที่ส่องแสงระยิบระยับอย่างสวยงาม อากาศยามค่ำคืนเย็นลงเล็กน้อยทำให้คนทั้งสองต่างเบียดกายเข้าหาไออุ่นจากกันและกัน ธันวากระชับอ้อมแขน ยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้คนในอ้อมกอด ไอ้พร้าวยิ้มรับก่อนจูบริมฝีปากเขาแผ่วเบา
“เด็กดีของพี่”
TBC.
____________________________
ตอนหน้าก็จบแล้ว ขอบคุณที่ติดตามนะคะ