ตอนพิเศษ : 2วันนี้เป็นวันที่เรียนแล้วย่ำแย่ที่สุดเลยก็ว่าได้ ออกมาตั้งแต่ แปดโมงครึ่งตอนนี้ สี่โมงเย็นเรียนแบบไม่ได้พักกลางวันกินข้าวกันเลยทีเดียว ทำไมอาจารย์ต่างชาติช่างทำร้ายจิตใจผู้ชายน่ารักตัวน้อยๆอย่างผมได้ T T
ด้วยความที่เลิกเรียนแล้วหิวมากเพราะเนื่องจากเมื่อกลางวันยังไม่ได้กินอะไรเลยเพราะวันนี้มีเมคอัพคราสแทนของวันพรุ่งนี้เลยเรียนยาวงดพักกลางวันทำให้ผมซึ่งหิวมากสุดรีบวิ่งลงจากตึกเรียนชั้นแปดโดยไม่ใช้ลิฟและไม่คิดชีวิตไดๆเพื่อที่จะไปซื้อข้าวหลังคณะกิน ในขณะที่ผมกำลังกึ่งวิ่งกึ่งเดินก็ต้องหยุดลงตรงทางโค้งก่อนจะเลี้ยวลงไปที่ลานร้านอาหารของคณะ เสียงที่ผมคุ้นเคยกำลังคุยอะไรกับใครสักคนหนึ่งอยู่กำลังเดินสวนมาจากอีกทางที่มีกำแพงบังผมและเขาอยู่ ก่อนที่เขาจะชวนให้คนที่เขามาด้วยนั่งลง
“ธันพี่ว่า ธันควรเลิกนะ”
ผมที่ยืนพิงกำแพงอยู่ตกใจเล็กน้อยกับสิ่งที่ได้ยินจากบทสนทนานั้นแม้จะมีคนในคณะเดินประปรายบ้างไม่ได้เยอะอะไร แต่ก็ถือว่าน้อยกว่าปกติเยอะเลยทีเดียวอาจจะเป็นเพราะนี่เป็นเวลาสีโมงเย็นแล้วนั่นจึงทำให้ผมได้ยินเสียงได้ง่ายอย่างไม่ต้องสงสัย ผมเขยิบตัวออกมาอีกสักนิดเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต
“พี่เม ผมว่าเราคุยเรื่องนี้กันเข้าใจแล้ว”
“แต่พ่อกับแม่ไม่เข้าใจไงธัน”
เอ๊ะเดี่ยวนะ …. พี่เมงั้นเหรอ ? เหมือนถ้าจำไม่ผิด ธันเคยบอกว่ามีพี่สาวคนนึงเรียนอยู่เมืองนอกชื่อเมษาแล้วพี่เมษาคือผู้หญิงที่นั่งคุยกับธันอยู่เนี่ยเหรอ ? ว่าแต่เขาคุยเรื่องอะไรกันนะ ?
“ผมบอกพ่อกับแม่ไปแล้วว่าผมยังยืนยันคำเดิม ผมรักมาร์คและผมจะไม่ไปดูตัว”
“แต่แกเป็นผู้ชายธัน แกจะมาคบผู้ชายด้วยกันไม่ได้ พี่รู้พี่เข้าใจว่าเราสองคนรักกัน แต่ความรักของพวกแกมีผลต่อภาพลักษณ์ ถ้าเทียบกับหน้าพ่อและแม่ของเราที่ต้องยังคงไปไหนมาไหนในวงการธุรกิจ”
“แล้วพี่จะเอาภาพลักษณ์ของพ่อแม่มาตัดสินใจหัวใจผมได้ยังไง ในเมื่อผมรัก ผมยินดีและมีความสุขที่จะอยู่กับคนคนนี้” ไอ้ธันเริ่มขึ้นเสียงกับพี่สาวตัวเองแล้ว
“ยังไงก็ตามแต่พี่มาตามแกให้กลับบ้านสิ้น เดือนนี้เจอกันที่บ้าน ถ้าแกยังไม่กลับอีก พี่คงช่วยอะไรไม่ได้ถ้าพ่อจะลงมาหาแกด้วยตัวเอง ”
ยังไม่ทันที่สองคนนั้นจะลุกไปไหนผมที่ได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่ก็จงใจที่จะเดินสวนออกไป ผมไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาสองคน แต่ผมรู้ว่าทันทีที่ผมเดินออกไป เขาทั้งสองคนตกใจแค่ไหนที่เห็นผมเดินออกมาทันทีที่บทสนทนาของพี่น้องได้จบลง
“มาร์คๆๆ เดี่ยวก่อนจะไปไหน กินข้าวเหรอ ไปๆเดี๋ยวธันพาไปกินนะ”
ไอ้ธันมักจะแทนตัวเองว่าธันในเวลาที่มักจะใช้อ้อนผมหรือทำอะไรผิด ซึ่งนั่นทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าธัน รู้สึกได้ว่าผมอาจจะได้ยินเรื่องราวที่เขาพูดกับพี่สาวของเขาเกี่ยวกับการดูตัวและเรื่องความรัก”ของเรา”
โดยปกติผมเองเป็นคนเซ็นซิทีฟกับหลายเรื่องมากแต่กับเรื่องนี้ผม … ไม่รู้สิมันพูดอะไรไม่ถูก ตลอดเวลาที่ผ่านมาลืมนึกถึงทุกอย่าง ผมนึกถึงแต่ความสุขของตัวเองโดยไม่ได้คิดถึงความเป็นจริงเลยสักนิดว่าจริงๆแล้ว การคบกันของเราจะสร้างปัญหาหรือสร้างความลำบากให้ใครหรือเปล่า ผมดูเห็นแก่ตัวใช่หรือเปล่า ?
“สวัสดีจ๊ะน้องมาร์ค” อีกเสียงที่ผมไม่คุ้นเคย ส่งเสียงมาจากข้างหลังผมซึ่งนั่นทำให้ผมต้องหันกลับไปตามเสียงเพื่อเป็นมารยาท
“สวัสดีฮะ เรารู้จักกันหรือเปล่าเอ่ย ?” และทันทีที่ผมหันไปผมก็เห็นผู้หญิงร่างเพรียวสูงเยี่ยงนางแบบหน้าตาดีเลยทีเดียวยือยู่ข้างหลัง และปริศนาที่ผ่านมาก็คลี่คลายว่าผู้หญิงคนที่ผมเห็นอยู่กับธันบ่อยๆเป็นใคร ผมปั้นหน้ายิ้มให้ดีที่สุดแม้ในใจจะสับสนและกำลังงงๆกับเหตุการณ์เกี่ยวกับบทสนทนาที่ทำให้ผมเองถึงขนาดหน้ามืดได้ก็ตาม
“มาร์คนี่พี่สาวกูเอง พี่เม” ธันที่รีบเอาของในมือผมไปถือไว้ก่อนจะแนะนำให้รู้จักกับพี่สาวของมัน
“หน้าตาน่ารักกว่าที่ธันโม้ไว้อีกนะเนี่ย พี่ชื่อเมษา เป็นพี่สาวของธันเองจ๊ะ” พี่เขาส่งยิ้มหวานๆมาให้ราวกับว่าไม่ได้รังเกียจหรืออะไรผม แต่ในความเป็นจริงทุกอย่างมันส่งออกมาจากบทสนทนาเมื่อกี้หรือเปล่า ?
“ไม่หรอกฮะพี่เม ว่าแต่พี่เมมาทำอะไรที่มหาลัยเหรอฮะ ? ” ผมก็ทำเป็นใจที่สู้เสื้อไปงั้นแล่ะ ถามไปตามมารยาท
“อ่อ พอดีพี่มีธุระกับธันนิดหน่อยเลยแวะมาแต่เดี่ยวจะกลับแล้วล่ะ เราสองคนก็ไปใช้เวลากันสองคนเถอะจ้ะ >o^ พี่ไม่กวนและ อย่าลืมที่คุยกันไว้นะธัน”
พี่เมพูดเสร็จก็เดินจากไปเฉยๆ เขาคงรู้เรื่องของเราสองคนจากธันสักพักแล้วล่ะ ส่วนเรื่องอื่นๆที่ได้ยินเมื่อกี้มันแบบทิ้งความหนักใจที่ใหญ่เท่ากับภูเขาสักสิบลูกไว้ที่อกของผม ผมไม่รู้จริงๆว่าทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นเพราะอะไรแล้วมันต้องการอะไรจากผม ตอนนี้ไม่อยากจะคิดอะไรมาก ปล่อยอารมณ์ไปตามสายลมไปก่อนละกัน ก่อนผมจะคิดอะไรไปมากกว่านี้ก็มีเสียงหนึ่งเรียกผมออกจากภวังค์
“มาร์คกินข้าวกันเถอะ หิวแล้ว ” ไอ้ธันเรียกผมกินข้าว ผมมองหน้ามันก่อนที่จะยิ้มบางๆให้แล้วก็กำลังจะเดินไปกับมัน แต่เจ้าตัวดันเอามือหนาๆนั่นมากุมมือผมไว้ ผมมองหน้ามันสลับกับมือที่จับอยู่ด้วยความสงสัย โดยปกติแล้วหลายๆคนเขาก็รู้แล่ะว่าผมกับธันเป็นอะไรกันแต่เราก็ไม่ได้แสดงออกกันมากขนาดนั้น แต่วันนี้รู้สึกแปลกๆ ที่แปลกนี่ไม่ใช่ว่ามันไม่ดีนะครับ แต่มันรู้สึก อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก .. มันกระชับมือผมแน่นขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะออกแรงเบาๆดึงผมไป
“มึงได้ยินใช่หรือเปล่าเมื่อกี้ …” ผมเลือกที่จะเงียบและทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แทนสิ่งที่ไอ้ธันถามมา
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น มึงจำไว้นะมาร์ค กูจะมีแค่มึง มึงเท่านั้นคือลมหายใจของกู ” มันพูดแบบนั้น ทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาหน่อยกับเรื่องที่รู้สึกเป็นกังวลอยู่ มันไม่ได้หันหน้ามาหาผม แต่เดินหันหน้ามุ่งหน้าไปยังร้านขายข้าว ตลกดี แฟนใครวะ :3
หลังจากกินข้าวรับประทานโน่นนั่นนี่หลังคณะกันเสร็จแล้วเราสองคนต่างพาตัวเอง กลับมายังห้องอันรกครึ่งไม่รกครึ่ง นั่นก็เป็นเพราะครึ่งห้องที่ไม่รกเป็นของผมและครึ่งห้องที่รกเป็นของไอ้ผู้ชายหน้าหล่อที่พอผมเปิดประตูเข้ามาก็ยืนยื้มแหยๆ อยู่เพราะรู้ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้คืออะไร
“ไอ้ธันวา !!!!!!!!!!! นายธันวา สิงหวดี !!!!!!! ไอ้แฟนเฮงซวย มึงทำห้องรกแบบนี้ได้ยังไง !!!!!!!!!” นี่แล่ะที่จะเกิดขึ้น โดนวีนไปเลยไหมล่ะ !!!! อย่างงี้ต้องเอาให้ตายไปข้าง คือผมเป็นคนเกลียดสิ่งที่สกปรกและรกห้องมากๆมันทำให้ผมรู้สึกคั่นเนื้อคั่นตัวนอนไม่ได้รู้สึกเหมือนเป็นโรคอะไรสักอย่างเมื่อเจอความสกปรก และไม่ต้องพูดอะไรอีกต่อไป ผมก้าวเข้าไปประชิดตัวก่อนจะดึงหูไอ้ตัวสกมกเข้ามาในห้อง
“โอ้ย !!! มึงใจเย็นๆ กูขอโทษ ปล่อยหูกูก่อนนะ นะ นะ เจ็บอะมึง” ผมรากมันมาถึงตรงที่มันทำรกและสกปรกไว้
“แหกตาดู แหกดูซะ ว่าทั้งเสื้อผ้า กางเกงใน รองเท้า ทำไมมากองอยู่หน้าโต๊ะกับข้าวแล้วก็หน้าโต๊ะทำงาน และก็นี่ตรงนี้มัน @$##%%@$%$#$!!$#%#%#$ ”
ผมบ่นไปประมาณสามสิบนาทีได้ก่อนตัวเองเนี่ยล่ะจะหมดแรงผมจึงขอตัวเข้าไปอาบน้ำโดยมีไอ้ลิงหน้าหล่อนี่ตามเข้ามาอาบด้วย คือเอาจริงๆแม่งไม่เคยสลดเหี้ยไรเลยพอโดนด่าเสร็จก็ยิ้มล่าถอดเสื้อโชว์กล้าม(-////-) เดินเข้าห้องน้ำมา แต่ทุกคนอย่าคิดลึกไปนะไม่ได้มีอะไรเลยจริงๆแค่อาบน้ำเท่านั้นเองเพราะฉะนั้น ปล่อยผ่านความคิดทีมันไม่ดีไปนะจ๊ะทุกคน
วันนี้ระหว่างทางกลับหอไอ้ธันแวะตลาดนัดใกล้ๆหอแปบนึงซื้อของมาตุนเข้าตู้เย็นเพราะมันบอกว่ามันจะอ่านหนังสือและรับรองว่าต้องหิวแน่ และก็เป็นหน้าที่ผมเช่นเคยที่ต้องมาทำกับข้าวให้มันกิน มันเข้าไปนั่งเครียงานพักใหญ่ๆก่อนจะตะโกนออกมาว่าอยากกิน ข้าวผัดกุ้ง คงใช้พลังงานในการอ่านหนังสือมากถึงขั้นร้องซะดังว่าให้ทำกับข้าวให้กิน ผมจัดการเข้าครัวหั่นผักหั่นทุกอย่างเสร็จ ก่อนจะลงมือทำกับข้าว หลังจากทำเสร็จผมก็เรียกไอ้ธันมานั่งกินที่โต๊ะ
มันเดินมาที่โต๊ะ นั่งกินข้าวไปสักพักนึงผมก็เก็บกวาดซากอารยธรรมโบราณที่คุณชายท่านทิ้งไว้แล้วก็มาหย่อนตัวข้างๆไอ้ธันที่หย่อนตัวลงไปนั่งโซฟาเปิดทีวีดูละครก่อนหน้าผมซะเรียบร้อยแล้ว
แต่ดูเหมือนมีรางสังหรณ์บ่างอย่างอยู่ดีดีเรื่องที่ผมไม่คาดคิดน่าจะกำลังเกิดขึ้นในไม่ช้า
“มึงกูมีไรจะบอก” มันพูดพร้อมกับวาดมือมาเกี่ยวไหล่ผมให้เข้าไปในอ้อมกอดวงแขนใหญ่ๆของมัน
“ว่าไง ข้าวผัดกูไม่อร่อยเหรอ เออดีงั้นเลิกกันเลยไปหาแฟนใหม่” ผมหันไปบีบจมูกมันพร้อมกับพูดติดตลก แต่จริงๆ ก็แอบรู้สึกหวั่นๆกับเรื่องที่มันจะพูดออกมา
“เฮ้ยย !! ไม่ใช่ไม่เลิกเลิกไม่ได้ ไม่เอา อย่า ไม่เลิก หยุดเลยแม่ง มึงอะ คนละเรื่องและเหี้ยเหอะ ตั้งใจฟังหน่อยดิ นี่จริงจังนะ” มันตะโกนออกมาดังมาก คือมึงจะตะโกนทำไมกูพูดเล่น = = แล้วก็เริ่มหน้ายู่และสงสัยคงต้องตั้งใจและจริงจังจะฟังละ
“อะว่ามาไหนมีเรื่องอะไร”
“กูต้องไปดูตัว......”เมื่อผมได้ยินดังนั้นก็ถึงกับตกใจและไม่รู้จะพูดอะไรอะไรต่อ ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบเงียบซะจนได้ยินเสียงอากาศที่วิ่งไหลถ่ายเทอยู่ภายในห้องด้วยเครื่องปรับอากาศและมีเพียงแค่เสียงจากทีวีที่ดังออกมาจากตัวของมันเอง อันที่จริงแล้วเรื่องนี้ผมก็คิดมาแต่เย็นแล้วล่ะครับที่พี่เมษาบอกให้ธันเลิกกับผม และคุณพ่อคุณแม่ของธันให้ธันไปดูตัว นี่คือสิ่งที่ถูกต้องหรือเปล่า ธันควรจะได้เจอคนที่ดีกว่าผมใช่หรือไม่ ความรักของคนอย่างผมจะมีค่าและทำให้ธันมีความสุขได้จริงๆเหรอ
“มาร์ค เป็นไรเปล่า อย่าเงียบดิมึงกูใจไม่ดี” เพราะเสียงของมันทำให้ผมออกจากภวังค์เมื่อกี้ได้
“อะไรมึง เป็นอะไรใจไม่ดี ส่งพี่เบิร์ดดิ ซ้อมด้ายยยยยยยยยย ” ผมก็ทำใจดีสู้เสือไป ไม่อยากให้มันคิดมากและตัวผมเองก็ไม่อยากคิดมากเหมือนกัน
“มึงจะไม่เป็นไรใช่เปล่า ถ้ากูจะไปดูตัวตามคำสั่งพ่อ”
“เฮ้ย มึงคิดไรมากกูไม่เป็นไรหรอก ”
“มึง ที่กูบอกมึงเพราะกูรักมึงมาก …. มากซะจนคิดว่าชีวิตนี้กูคงขาดมึงไม่ได้แล้ว แม้จะเป็นแค่เวลาไม่กี่เดือนที่เราคบกันจริงจัง แต่มึงรู้จักกับกูมาสามปีแล้วความรักที่มีมันมากจนมันล้นออกมากูไม่รู้เลยจริงๆว่าถ้ากูขาดรอยยิ้มของมึงไปชีวิตกูจะเหี้ยขนาดไหน” มันพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง นัยน์ตาของผู้ชายคนนี้กำลังสั่นไหว … นี่ผมมีค่าต่อธันมากขนาดนั้นเลยเหรอ ?? แต่คือมึง โรแมนติกกว่านี้ได้ปะวะ คือกูฟังแล้วโครตฮาร์ดคอร์
“แล้วต้องไปดูตัวเมื่อไหร่ ?”
“สอบเสร็จสิ้นเดือนนี้ก็จะไป .... มาร์คมึงจะไม่เป็นไรใช่เปล่า คือ ... มึงกูรักมึงคนเดียวจริงๆนะ แต่กูก็ขัดพ่อไม่ได้แต่กูสัญญากูจะปฏิเสธทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้และกูจะเอามึงไปหาพ่อกับแม่ให้ได้” มันบอกอีกครั้ง ธันพยายามที่จะย้ำ ย้ำให้ผมเชื่อว่ามันรักผมมากแค่ไหน ทั้งสีหน้าแววตา ผมเชื่อว่ามันไม่โกหกผมหรอก มันไม่มีทางที่จะโกหกผม
“กูรู้แล้ว กูเชื่อใจมึงเสมอแล่ะ ”
ความไว้ใจและเชื่อใจสิถึงจะทำให้ความรักของเราไปรอด ผมยินดีที่จะเชื่อและมั่นคงกับธันเหมือนที่ธันเองก็จะมั่นคงและเชื่อใจผม อุปสรรคครั้งนี้น่าจะผ่านไปได้ด้วยดี ด้วยความรักที่เรามีให้กัน … มั้ง
“ขอบคุณนะเว้ยที่เชื่อใจ กูสัญญานะมึง ว่ากูเนี่ยล่ะจะทำให้มันผ่านพ้นไปได้ด้วยดี” มันพูดพร้อมกับส่งยิ้มที่เปลี่ยมไปด้วยความมั่นใจมาให้ผมพร้อมกระชับกอดจากวงแขนนั้นให้แน่นขึ้น เพื่อเป็นสัญญาณให้ผมรู้ว่า มันเนี่ยล่ะจะปกป้องผมเอง และผมเองก็เชื่อแบบนั้นเช่นกัน
บรรยากาศการสอบปลายภาคเริ่มขึ้นมาสักพักแล้วจนตอนนี้ดำเนินมาถึงวันสุดท้าย ซึ่งสภาพหน้าทั้งผมแล้วก็ไอ้ธันช่างเหมือนศพซะจริงๆเลยให้ตายสิ ก่อนสอบที่อ่านหนังสือกันนั่นว่าเหมือนตายแล้วพอตอนสอบนี่เหมือนตายไปแล้ว แล้วโดนทรมานอยู่ในนรกชั่วกัปชั่วกันต์กันเลยทีเดียว T T ใบหน้าอันแสนงามของตัวเองต้องกลายเป็นเยี่ยงศพขนาดนี้ต้องรีบไปฟื้นฟูโดยด่วน !
ผมกับไอ้ธันนัดกันว่าวันนี้สอบเสร็จแล้วเราจะไปเดินเล่นที่ชายหาดด้วยกันเพื่อเป็นการแก้เครียด หาดเหรอก็เอาแบบไม่ใกล้ไม่ไกลเท่าไหร่หาดใกล้มหาลัยเนี่ยล่ะ ! ผมที่สอบเสร็จเป็นคนแรกก็รีบกลับหอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเอาของเก็บให้เรียบร้อยก่อนจะขับมอเตอร์ไซน์ออกไปซื้อไรมากินลองท้องนิดหน่อยแล้วก็ไปนั่งอ่านหนังสือในสวยสาธารณะมหาลัย ผมใช้เวลาสักพัก จู่ๆโทรศัพท์เครื่องสวยของผมก็ส่งเสียงเรียกเข้า และหน้าจอก็เป็นเบอร์ของคนที่ผมคาดไว้ไม่ผิด
‘ธันวา’“ฮัลโหลว่าไง แฟนใครโทรมา”
“อยู่ไหนอ่า คิดถึง มาหาหน่อย”“อยู่สวนมหาลัย ยังไม่ตอบเลยแฟนใครโทรมา” ก็แกล้งแหย่มันไปงั้นแล่ะ นานๆทีอยากมีเวลาสวีทหวานน้ำตาลมดกับเขาบ้าง
“กูไม่มีแฟนนะ มึงไม่รู้เหรอ” ไอ้ธันวา !!!!!!!!!!!!! นี่แกกล้าพูดกับฉันแบบนี้เหรอ โอ้ยยยคนฟังจะน้ำตาตกดีไหม แต่ก่อนผมจะพูดอะไรไปมากกว่านั้นอยู่ดีดีมันก็แทรกมาด้วยประโยคที่ว่า
“กูไม่มีแฟน กูมีแต่คนที่กูรักหมดใจ” อีเหี้ยยยยยยยยยยยย พอก่อนไหม !! คนฟังก็จะทำอะไรได้ก็นั่งเขินน่ะสิ ปลายสายหลังจากปล่อยหมัดฮุกวงในมาขนาดนี้ก็ขำเสียงเล็กเสียงน้อย คงจะรู้แล่ะว่าผมเองก็เขินทำอะไรไม่ถูก
“พะ ... พอเลิกเล่นได้แล้วสอบเสร็จแล้วใช่ไหมไปอาบน้ำที่หอเลยเร็วเข้า แค่นี้นะ”
ผมสั่งมันก่อนปลายสายจะขานรับแค่คำว่า ครับผม แล้วตัดสายไป เห้อมีแฟนเคยหน้าม่อมาก่อนพอมาเจอลูกหยอดลูกอ้อนนี่บางทีก็แทบพังเหมือนกันนะ ที่พังน่ะหมายถึงหัวใจนะครับ หัวใจจะวายตายรับความหวานไม่ทัน เข้าใจแล้วว่าทำไมผู้หญิงหลายคนถึงหลงคารมณ์ไอ้หน้าหล่อนี่
ผมเองก็ยังนั่งยิ้มไม่หุบก่อนจะพับหนังสือเก็บกระเป๋าแล้วรีบขับมอเตอร์ไซน์คู่ใจไปที่หาดล่วงหน้าเนื่องจากผมเองก็แต่งตัวเสร็จแล้ว เอาแค่หนังสือกับกระเป๋าออกมาแค่นั้น
บรรยากาศชายหาดบางแสนช่วงห้าโมงเย็นนี่ในฤดูนี้นี่มันช่างสวยงามซะจริงๆ แม้น้ำจะไม่ได้ใสมากเหมือนหาดอื่นๆแต่บรรยากาศและความร่มรื่นก็ไม่แพ้กันเลยทีเดียว พระอาทิตย์สีแดงฉานที่กำลังค่อยๆเปลี่ยนกลายเป็นสีส้มอ่อนๆ ส่องทั่วฟ้าในเวลาห้าโมงเย็นตัดกับเส้นขอบฟ้ารวมไปถึงแสงที่สะท้อนกับน้ำไปมาวิบวับ มันให้ความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจยังไงก็บอกไม่ถูก >< ผมกับธันนัดกันไว้ริมหาดบางแสนซึ่งต้องขับรถจากวงเวียนปลาโลมาแสนน่ารักออกมาอีกสักระยะนึง ผมกับธันจะชอบมาเดินเล่นกันเวลาที่เราอยากจะผ่อนคลายหรือใช้เวลาร่วมกัน ธันเคยบอกว่า “ทะเลก็เหมือนกับมึง เวลาสงบก็นิ่งซะเดาไม่ถูก เวลาคลื่นแรงนี่ก็ซัดเอาซะกระเด็น (ตกลงมึงชมกูปะวะไอ้แฟนหน้าลิง = = ) แต่ยังไงก็ตาม มึงก็ยังเหมือนทะเลที่สวยงามไม่ว่ายังไงก็ยังคงจะต้องอยู่ อยู่เป็นสีสันและความสวยงามให้กับชีวิตกู” ขณะที่ผมกำลังปล่อยอารมณ์ไปกับลมเย็นๆ และทะเลแสนสงบยามเย็นอยู่นั้นอยู่ดีดีก็มีใครก็ไม่รู้โพลมากอดจากด้านหลัง ดัง
‘หมับ ! ’“เฮ้ย !! ใครอะ” ผมร้องลั่นเลย ตกใจอยู่ดีดีก็มีคนมาคว้าจากทางด้านหลังเนี่ย
“แฟนคนสวยแถวนี้แล่ะ คิคิ” หัวเราะ หัวเราะ ไอ้ธันวา !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“คนสวยหอกไรล่ะ เล่นแบบนี้ตกใจถ้าเกิดหัวใจวายตายขึ้นมาจะทำไงวะ” ผมด่ามันแต่ก็ยอมให้มันกอดยกไปยกมาอยู่อย่างงั้นแล่ะ(ก็ทำไงได้แม่งตัวใหญ่ ผู้ชายเหี้ยไรหุ่นดีเชียว =,.= เห็นบ่อยแล้วนะแต่ไม่ชินอะ เขินแปบ) แม่งเล่นเหี้ยไรแบบนี้พอดีกัน เกิดพกมีดไว้ป้องกันตัวไม่ชักออกมาแล้วแทงว่าที่สามีในอนาคตตายห่าไปละเหรอ (นี่มั่นใจจะเอามันสร้างอนาคตจริงๆใช่มะ คิดใหม่แปบ)
“เตรียมอะไรเซอร์ไพร้ไว้ตรงโน้นนนนนน หลับตาก่อนแล้วเดี่ยวพาเดินไป” ผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ก็หลับตาแบบไม่แอบมอง(จริงๆนะ) ตามไอ้คนที่จูงมือเดินไปตามหาดที่มีเม็ดทรายนี้ เดินไปได้สักพักมันก็บอกให้ผมลืมตาซึ่งสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือ …. โต๊ะดินเนอร์ ที่จัดไว้อย่างเรียบง่ายแต่ดูหรูหรา พร้อมกับอาหารทะเลขนาดย่อมๆที่พอจะกินได้สักสองสามคนรวมไปถึงซุ้มที่ห่อด้วยผ้าสีขาวทำเหมือนซุ้มในห้องนอนของเจ้าหญิงในเทพนิยาย
“ชอบเปล่า นี่ไปจ้างร้านตรงโน้นนนนนนนนน มาจัดโต๊ะดินเนอร์ให้เลยนะ” พูดแบบภูมิใจพร้อมกับชี้ไปไกลโพ้น กูนึกว่ามึงจัดเองแสดดด
“เห้อ มีแฟนหรือมีห่าไรวะเนี่ย ทำห่าไรให้กูประทับใจไม่ได้สักอย่าง” ผมแกล้งทำหน้ายู่แต่จริงๆก็แค่ชอบแหย่ คิคิ
“มึงไม่ชอบเหรอ” ไอ้ธันพูดเสียงอ่อยเลยครับ เออได้ผลว่ะ แต่เลิกแกล้งและคือหิวข้าว ผมเลยเดินทำหน้าดุเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะ …..
‘จุ๊บ’
“ขอบคุณนะธัน” พูดแค่นั้นก่อนที่ผมจะรีบวิ่งไปที่โต๊ะ เจ้าตัวก็เอ๋อๆก่อนจะยิ้มซะแก้มปริแล้ววิ่งตามมาที่โต๊ะก่อนที่พวกเราจะเริ่มทานอาหารเย็นแสนโรแมนติก ? ที่คุณแฟนสุดหล่อจัดให้ผม ><
เรากินกันไปพักใหญ่คุยเรื่องข้อสอบคุยเรื่องคะแนนคุยนั่นคุยนี่มันช่างมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกผมรับรู้ได้ถึงความสุขที่มาจากคนตรงหน้า ความรักทีได้รับมันมากขึ้นทุกวัน ทุกวัน ช่วงเวลาที่เราคบกันมาธันไม่เคยทำให้ผมต้องเสียใจเลยจริงๆธันเป็นแฟนที่ดีเป็นผู้ชายที่ดีและให้เกียรติผมเสมอ เราหัวเราะกันใหญ่โตก่อนที่บรรยากาศมันจะต้องดูพังลงสักหน่อยเมื่อธันพุดเรื่องนี้ขึ้นมา
“มึงพรุ่งนี้กูต้องกลับไปบ้านเพื่อดูตัวแล้วนะ” ธันพูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ผมเองก็ยังไม่ได้ทันตั้งตัวก็ชะงักไปนิดนึงเหมือนกัน
“อื้มไปดิมึง เดี๋ยวกูรออยู่ที่นี่ล่ะกูรู้มึงเครียได้” ผมก็ตอบไปแต่ไม่ได้สบตาคนตรงหน้า ผมเองก็ไม่อยากแสดงความหวั่นไหวกับเรื่องนี้เท่าไหร่ สิ่งที่อยากทำคือ อยากจะเชื่อใจธัน เชื่อมั่นในตัวธันให้มากๆ
“แต่ว่ามึง”
“อะไรล่ะ ทำหน้าจริงจังแบบนั้นมีไร”
“กูจะพามึงไปหาพ่อกับแม่ด้วย”
.
.
.
.
TO BE CONTINUEช่วงคนเขียนคุยคุ้ยคุยกับผู้อ่านกลับมาแล้ว รอกันนานหรือเปล่า ดูเหมือนจะไม่มีใครอ่านนิยายเขาเลยเพราะไม่มีใครเม้นเลย ฮาาาา
ขอโทษด้วยนะจ๊ะถ้านิยายมันไม่สนุก เราเขียนสุดความสามารถแล้วจริงๆเพื่อมาร์คกับธันวา ยังไงก็แสดงความคิดเห็นพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนด้วยนะจ๊ะ >< แอบเศร้าเบาๆไม่มีใครเม้นนิยายเรา ㅜ ㅜ
อัพเดทนิดนึง เห็นเพื่อนๆหลายคนบอกว่าที่คนไม่อ่านคงเพราะเราเขียนหัวข้อไม่ดีเอง คนเลยไม่ีค่อยรู้
ยังไงก็ขอบคุณสำหรับคำแนะนำมากๆนะจ๊ะ จะทำให้ดีกว่านี้ ><