✿ c h a p t e r 7
หลังจากกลับเข้าไปนั่งดื่มกับคนอื่นๆได้อีกราวครึ่งชั่วโมงเพราะถ้ากลับทันทีอาจจะเสียมารยาทเกินไปจาริญก็เป็นคนเอ่ยปากขอตัวกลับก่อน โดยอ้างเหตุผลว่าปวดหัว แต่จริงๆแล้วเขาไม่มีอารมณ์จะสนุกต่อเพราะกำลังทะเลาะกับอันดามากกว่า
คนที่ดื่มเข้าไปเยอะกว่าอย่างอันดานั่งประจำที่เบาะข้างคนขับ พอคาดเข็มขัดนิรภัยได้ก็หันหน้าเข้าหาประตูนั่งเงียบไปตลอดทาง มีเพียงแค่เสียงสะอื้นเบาๆดังมาให้ได้ยินเป็นระยะ จาริญปาดน้ำตาออกจากใบหน้าก่อนจะเริ่มออกรถ ตลอดทางกลับมาถึงคอนโดไม่มีใครพูดอะไร
จนกระทั่งเข้ามาในห้องแล้วก็ยังมีเพียงความเงียบเช่นเดิม จาริญยึดครองพื้นที่ห้องนั่งเล่น ใช้เวลาอยู่กับลูน่าตามลำพัง ส่วนอันดาเลือกที่จะเดินหายเข้าไปในห้องนอน เสียงปิดประตูดังโครมใหญ่บ่งบอกให้รู้ว่าร่างเพรียวบางไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่ดีเท่าไหร่นัก
จาริญซบหน้าลงกับเข่าสะอื้นไห้จนตัวโยน ความเงียบถูกกลืนกินด้วยเสียงร้องไห้อย่างน่าหดหู่ หวังจะได้รับอ้อมกอดของจากอีกฝ่ายเพื่อกอดปลอบ พูดอะไรสักอย่างก็ได้ที่จะทำให้เขารู้สึกดีขึ้น ไม่ใช่ปล่อยให้เข้าใจไปเองว่าอันดาไม่ได้รักกันเลยเหมือนอย่างที่เขาคิดจริงๆ
แต่อันดากลับเลือกที่จะเดินหนี ทิ้งเขาไว้กับความโศกเศร้าที่ตกตะกอนอยู่ในใจโดยไม่คิดจะพูดอะไรเลยสักคำ
จาริญน่ะอยู่ในสถานะไหนก็ได้ทั้งนั้น ต่อให้ความสัมพันธ์ของเราไม่มีชื่อเรียกไปตลอด แต่หากมีอันดาอยู่ข้างๆเขาก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว แต่ขอเถอะนะอย่าทำเหมือนกับว่าไม่รับรู้ความรู้สึกของเขาแบบนี้เลย
แค่เพียงคำปลอบใจสั้นๆหรืออ้อมกอดอุ่นๆเท่านั้นก็เพียงพอที่จะทำให้หายเศร้าได้แล้ว แต่อันดาไม่ทำ
ความคิดนั้นยิ่งทำให้น้ำตาของจาริญพรั่งพรูหนักกว่าเดิม เขาคงไม่สำคัญพอที่จะให้อันดาแคร์ความรู้สึกเลยด้วยซ้ำ
ฝ่ายคนที่อยู่ในห้องนอนกอดเข่าอยู่กับพื้นเอนหลังพิงเตียงปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้ม อันดากัดปากตนเองสะอื้นไห้จนริมฝีปากบางเฉียบห้อเลือด น้อยใจกับคำพูดที่จาริญกล่าวใส่หน้าจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ วาจานั้นราวกับมีดแหลมคมที่กรีดหัวใจเขาเป็นริ้ว
เขาผิดตรงไหนที่หวงจาริญ ในเมื่อรักมากก็หวงมากเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือไง ทั้งเมาเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์บวกกับอารมณ์หึงหวงเลยเผลอทำตัวไม่น่ารักไปแบบนั้น ก็แค่กลัวว่าจาริญจะไปชอบคนอื่นเท่านั้นเอง
แล้วพูดออกมาได้ยังไงว่ารู้สึกอยู่ฝ่ายเดียว อันดารักจาริญมากขนาดนี้แท้ๆ ทำให้เห็นอยู่ทุกวันยังไม่เชื่อกันอีก จูนน่ะใจร้ายมากๆ พูดอะไรออกมาไม่นึกถึงจิตใจของเขาบ้างเลย คนฟังเจ็บไปหมดแล้ว
มือเรียวสวยปาดน้ำตาออกจากใบหน้า ปวดหัวตุบๆเพราะร้องไห้อย่างหนัก แล้วจูนล่ะกำลังร้องไห้อยู่เหมือนกันหรือเปล่า เพราะตอนที่อยู่ในรถเขาได้ยินเสียงสะอื้นจากอีกฝ่ายด้วย
อันดายังเป็นห่วงเลยว่าจูนอาจจะกำลังร้องไห้อยู่เหมือนกัน แต่ฝ่ายนั้นล่ะเป็นห่วงเขาบ้างไหม เป็นคนพูดแรงๆใส่แท้ๆแต่กลับไม่ขอโทษสักคำเลย ไม่รู้หรือไงว่าคำพูดนั้นทำให้เขาเสียใจมากแค่ไหน
แค่ขอโทษคำเดียว หรือแค่กอดแค่หอม แล้วอันดาจะเป็นเด็กดี แต่ได้โปรดช่วยทำเหมือนกับว่าเขาเป็นคนสำคัญสักหน่อยก็ยังดี
อันดาไม่รู้ว่านั่งร้องไห้อยู่ที่เดิมนานแค่ไหนแล้ว แต่ตาของเขาปวดไปหมดลามไปถึงขมับทั้งสองข้างที่ปวดไม่แพ้กัน ไม่นานดีเสียงเปิดประตูก็เรียกใบหน้าสวยให้เงยขึ้นมอง จาริญเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำและบวมช้ำ
ร่างเพรียวบางลุกขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหอบผ้าห่มและหมอนขึ้นมาจากเตียง เสียงแหบพร่าของอันดาเอ่ยถาม
“ทำอะไร”
“คืนนี้เราจะนอนที่โซฟา”
น้ำตาที่เริ่มเหือดแห้งไปแล้วคลอเบ้าดวงตาเรียวสวยอีกครั้งเมื่อเห็นท่าทางเย็นชาของอีกฝ่าย แต่อันดาก็ยังคงเป็นอันดาที่ถือทิฐิอยู่เหมือนเดิม เขาไม่เคยยอมอ่อนข้อให้กับใครก่อนถ้าตนเองไม่ใช่คนผิดจริงๆ
“ทำไม เกลียดเราถึงขนาดไม่อยากนอนร่วมห้องด้วยแล้วเหรอ” อันดาทำเป็นหัวเราะทั้งที่น้ำตาหยดแล้วหยดเหล่าไหลรินลงตามข้างแก้ม จาริญมองด้วยสายตาบ่งบอกถึงความไม่พอใจ
“พูดดีๆนะอัน อย่าทำตัวไร้เหตุผล” อุตส่าใจเย็นลงจากก่อนหน้านี้แล้วแท้ๆ คิดว่าคืนนี้ต่างคนต่างแยกกันอยู่ ได้ใช้เวลากับตนเองพรุ่งนี้อะไรๆอาจจะดีขึ้น แต่อันดากลับพูดจาไม่น่าฟังหาเรื่องกันอยู่ได้
“เออ เรามันไร้เหตุผล ก็เป็นคนแบบนี้จะให้ทำยังไง ฮึก!” อันดาสะอื้น ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจูนต้องพูดไม่ดีใส่เขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วย
“เอาไว้อันใจเย็นลงเราค่อยคุยกันนะ อันเป็นแบบนี้เรารับมือไม่ไหวหรอก” จาริญว่าก่อนจะเดินผ่านหน้าอีกฝ่ายไป แต่อันดากระชากแขนเล็กไว้อย่างแรงจนหมอนกับผ้าห่มในมือของจาริญหล่นลงบนพื้น แถมผิวขาวๆบริเวณท้องแขนยังขึ้นรอยแดงจากการบีบ
“เราเจ็บนะอันดา!”
“เราน่ารำคาญใช่ไหมล่ะ เรางี่เง่า ไม่มีเหตุผล ไม่ใช่คนใจเย็นเหมือนแฟนเก่าจูน!”
“ทำไมต้องพูดถึงคนอื่น” จาริญสะบัดแขนออกจากแรงบีบนั้นอย่างโมโห เป็นเรื่องของเราสองคนแต่อันดากลับลากคนอื่นเข้ามาเกี่ยวด้วย แฟนเก่าของเขาที่อันดาพูดถึงน่ะเลิกกันไปหนึ่งปีได้แล้ว จนถึงตอนนี้ไม่เคยติดต่อกันแล้วด้วยซ้ำ เขาหมดรักฝ่ายนั้นไปตั้งนานแล้วถึงได้สนิทใจเล่าให้อันดาฟังว่าตอนคบกันเป็นมายังไงบ้าง
ใครจะคิดว่าอันดาจะหยิบยกเอาบุคคลที่สามขึ้นมาพูดตอนที่เรากำลังทะเลาะกันแบบนี้
“แตะต้องไม่ได้เลยสินะ เราลืมไปว่าจูนรักเค้ามาก คบกันมาตั้งแต่มอปลายจนถึงเข้ามหาลัยเลยนี่”
“หยุดพูดบ้าๆสักทีเถอะอันดา!”
จาริญโกรธจัดเดินเข้ามาผลักไหล่อีกฝ่ายจนเซไปด้านหลังเล็กน้อย อันดามองคนตรงหน้าด้วยสายตาเจ็บปวดระคนน้อยใจ ฝ่ายร่างบางเองเพิ่งได้สติว่าทำอะไรลงไป ดวงตากลมโตสั่นไหวอย่างรู้สึกผิด จะแตะมือลงบนไหล่ที่สั่นเทิ้มแต่อันดาถอยหนี
“อัน เราขอ…”
“เราจะไปนอนห้องเพื่อน”
คำขอโทษของจาริญยังพูดไม่ทันจบเสียด้วยซ้ำ อันดาก็เดินผ่านหน้าเขาไปแล้ว เสียงปิดประตูจากข้างนอกทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายคงจะไปนอนที่อื่นจริงๆอย่างที่พูด
ร่างบางทรุดตัวนั่งลงบนเตียง พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาอีกแต่ก็ทำได้ยากเหลือเกิน เรื่องบานปลายใหญ่โตไปกันใหญ่แล้ว ทั้งเขาและอันดาต่างไม่รู้วิธีรับมือต่อสถานการณ์แบบนี้ด้วยกันทั้งคู่ ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่
อย่างน้อยรอให้ใจเย็นลงกันทั้งคู่แล้วค่อยพูดคุยกันอีกทีคงจะดีกว่านี้
*****
มือบางเคาะประตูห้องเพื่อนสนิทหลายๆครั้งติดกันโดยไม่สนใจว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบห้าทุ่มเข้าไปแล้ว เจ้าของห้องมาเปิดประตูด้วยสภาพสะลึมสะลือเพราะถูกปลุกให้ตื่น อันดาคิดว่าเขาคงจะโดนเพื่อนด่าเข้าให้แล้วที่มารบกวนกลางดึก แต่พอเห็นสภาพเขาณภัทรเลยดูตกใจมากกว่า
“เฮ้ย เป็นอะไรวะอันดา เข้ามาก่อนๆ” ณภัทรเปิดประตูให้เพื่อนเข้ามาในห้อง พอมานั่งที่โซฟาได้ก็มองสำรวจใบหน้าสวยเปื้อนน้ำตา ดวงตาเรียวแดงก่ำบวมปูดไปหมด
“ฮึก” อันดาสะอื้น ปล่อยน้ำตาให้ไหลอยู่แบบนั้นโดยไม่สนใจจะเช็ดมันออก เดือดร้อนเพื่อนตัวสูงต้องส่งทิชชู่ให้ ปล่อยให้ร้องไห้จนพอใจกระทั่งเสียงสะอื้นเบาลงถึงได้เอ่ยถาม
“ทำไมร้องไห้หนักขนาดนี้ ใครทำอะไรมึง ?”
“เราทะเลาะกับเค้า…ฮึ่ก”
“เค้าไหนวะ ผัวมึงเหรอ” ณภัทรเดาสุ่มไปเรื่อย ไม่ค่อยรู้เรื่องส่วนตัวของอันดามากนักหรอก แต่ร้องห่มร้องไห้ขนาดนี้คงจะมีเรื่องเดียวคือทะเลาะกับแฟน ไม่อย่างนั้นคงไม่ถ่อมาหาเขาถึงห้องกลางดึกแบบนี้
“ตอนนี้เป็นเพื่อนกัน” อันดาตอบพร้อมทั้งคว้าหมอนอิงมากอด อีกฝ่ายทำหน้างงเล็กน้อยแต่ก็พยายามทำความเข้าใจ
“ผู้หญิงผู้ชาย ?”
“เราไม่เคยยุ่งกับผู้หญิง”
ณภัทรหัวเราะเบาๆ แต่พอเห็นว่าเพื่อนกำลังเศร้าเลยปรับสีหน้าให้จริงจัง ถึงจะง่วงแต่ก็ยังเป็นผู้ฟังที่ดี เพราะรู้ว่าอันดาคงอยากหาเพื่อนคุยถึงได้มาหา
“ภัทรว่าเราเป็นคนยังไง ?”
“เป็นคนยังไงคืออะไรวะ งง”
อันดาเงียบไปครู่หนึ่งเพราะกำลังคิดหาคำอธิบายที่เข้าใจง่ายๆ เพื่อนหลายคนบอกว่าเขาเป็นคนเขาแต่ใจและไม่ค่อยฟังใคร เอาแต่ความคิดของตนเองเป็นที่ตั้ง คิดแล้วได้แต่ทำหน้าปุเลี่ยน ทำไมเหมือนเป็นคนนิสัยไม่ดีแบบนี้
“ก็แบบ เรางี่เง่าไหม เป็นคนไม่มีเหตุผลหรือเปล่า”
“อืม…” ณภัทรลูบคางตนเองอย่างครุ่นคิด มองคนที่กำลังจ้องหน้ารอคอยคำตอบ ก่อนจะตอบออกไปตรงๆ
“คงใช่มั้ง พิมพ์ดาวบอกว่ามึงนิสัยเหมือนผู้หญิง เวลาทะเลาะกันแล้วงี่เง่า โวยวายอย่างเดียวไม่ยอมฟังอะไรเลย พิมพ์มันก็ไม่ต่างจากมึงอ่ะ ตอนทะเลาะกันคราวก่อนถ้าไม่ได้พวกกูช่วยเคลียร์ให้มึงสองคนก็คงจะยังงอนกันอยู่” ณภัทรพูดไปถึงเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มที่เคยมีเรื่องผิดใจเล็กๆน้อยๆกับอันดา
แต่เพราะนิสัยเอาแต่ใจไม่ยอมคนด้วยกันทั้งคู่พอทะเลาะกันเลยทำให้บานปลายเพราะต่างคนต่างไม่ยอมง้อก่อน ไม่มีแม้แต่คำขอโทษออกมาจากปาก สุดท้ายเลยต้องเดือดร้อนเขากับเพื่อนอีกคนช่วยตะล่อมให้ดีกัน กว่าจะจบเรื่องก็ทำเอาเหนื่อย
อันดาฟังและคิดตาม เห็นด้วยกับที่อีกฝ่ายพูด คนนิสัยเหมือนกันพอทะเลาะกันเลยไม่มีใครยอมให้ใครมันเลยกลายเป็นเรื่องใหญ่อย่างที่เห็น และตอนนี้เขากับจาริญกำลังตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน เราสองคนนิสัยเหมือนกันจนเกินไป ถึงแม้ว่าจูนเหมือนจะเป็นคนพูดง่ายมากกว่า แต่พอถึงเวลาทะเลาะกันแล้วอันดาถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายหัวแข็งไม่ต่างจากเขาเลย
“แล้วเราต้องทำยังไง ?”
“บางทีการพูดขอโทษก่อนก็ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นคนผิดเสมอไปหรอก แต่มันแสดงให้เห็นว่าเราแคร์คนๆนั้นมากต่างหาก”
คนฟังเกยคางลงกับเข่า คำพูดของณภัทรทำให้อันดาถอนหายใจ นึกโกรธตนเองที่บางครั้งมองข้ามเรื่องเล็กๆน้อยๆ ลืมไปเสียสนิทว่าเขากับจาริญกำลังเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ปรับตัวเข้าหากันทีละน้อย อาจจะมีหลายอย่างที่มันยาก อย่างเช่นที่เป็นอยู่ตอนนี้
ถ้าหากคุยกันด้วยเหตุผลไม่ใช้อารมณ์มันก็จะสามารถจบลงได้ด้วยดี แต่นั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยทำเลย อันดาไร้เหตุผลจริงอย่างที่จาริญว่า เขาผิดเต็มๆที่ไม่ยอมฟังอะไรเลย
“เข้าใจแล้ว”
“เออ เข้าใจแล้วก็ดี เคลียร์กันให้เรียบร้อยจะได้ไม่ต้องมานั่งร้องไห้แบบนี้อีก”
ณภัทรจับหัวเพื่อนโยกไปมาเบาๆ อันดาเลยพอยิ้มออกมาได้บ้างเพราะสบายใจขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ใช่ทั้งหมด ยังไม่รู้ว่าคืนนี้จะนอนหลับลงหรือเปล่าเพราะเคยมีจาริญนอนอยู่ด้วยกันทุกคืน
ทะเลาะกันแบบนี้ไม่ดีเลยจริงๆ
*****
จาริญกลับมาถึงห้องหลังจากเพิ่งเลิกเรียน เมื่อช่วงกลางวันเขาส่งไลน์หาอันดาเพื่อถามว่าอยู่ไหนแต่อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะเปิดอ่านด้วยซ้ำ โทรไปตั้งหลายครั้งก็ไม่ยอมรับสายเลยด้วย จะไปหาที่คณะก็ไม่กล้าพอเพราะคิดว่าอันดาคงจะยังโกรธอยู่ถึงได้ไม่ยอมตอบทั้งไลน์และไม่ยอมรับโทรศัพท์
ร่างบางถอนหายใจอย่างหนักใจ เมื่อคืนเขานอนไม่หลับทั้งคืน กว่าจะข่มตาให้หลับได้ก็เกือบเช้าแต่ก็นอนหลับสนิทได้แค่สองชั่วโมงเท่านั้น พอไม่มีอันดาแล้วเตียงในห้องกว้างเกินไปจนรู้สึกเหงา ไร้อันดาเคียงข้างเพียงแค่คืนเดียวจาริญก็เหมือนจะขาดใจแล้ว
ถ้าเป็นเมื่อก่อนจาริญมักจะเป็นฝ่ายถูกง้ออยู่เสมอไม่ว่าเรื่องนั้นเขาจะถูกหรือผิดก็ตาม ไม่เคยมีสักครั้งที่จะทะเลาะกันจนข้ามคืน พอโดนปฏิบัติแบบนั้นจนชินเลยกลายเป็นความเคยตัว คาดหวังว่าอันดาจะเป็นเช่นนั้นไม่ต่างกันแต่เขาคิดผิด
จาริญเอาแต่ใจยังไงอันดาก็เอาแต่ใจไม่แพ้กัน ยิ่งเขาร้อนอันดายิ่งร้อนกว่า หากไม่ปรับตัวเข้าหากันก็คงจะไม่ต่างจากแม่เหล็กขั้วเดียวกันที่คอยแต่จะผลักกันให้ออกห่างอยู่เรื่อย
หลังจากได้ใช้เวลาอยู่กับตนเองและทบทวนหลายๆอย่าง จาริญรู้แล้วว่าควรจะทำยังไง เรื่องเมื่อวานนี้อันดาผิด แต่เขาเองก็ผิดเหมือนกัน และอาจจะผิดมากกว่าด้วยซ้ำเพราะเผลอตัวผลักอีกฝ่ายไปด้วย
ถ้าอันดาอยู่ต่อหน้าตอนนี้จาริญจะไม่ลังเลที่จะขอโทษ จะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้อันดากลับมายิ้มให้เขาเหมือนเดิม ไม่ใช่มองหน้ากันด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตาเหมือนเมื่อคืนนี้
“อ๊ะ…” จาริญสะดุ้งเมื่อถูกโอบกอดจากด้านหลัง กลิ่นกายที่คุ้นเคยทำให้ร่างบางชะงักนิ่ง หน้าท้องอีกฝ่ายแนบชิดกับแผ่นหลังบาง อันดาเกยคางบนไหล่เล็กแคบเหมือนอย่างทุกครั้งที่กอดคนในอ้อมแขนเอาไว้แบบนี้
“จูน” น้ำเสียงของอันดาเมื่อเรียกชื่อเขายังคงน่าฟังเช่นเคย จาริญวางมือลงบนมือเรียวที่ประสานอยู่บริเวณเอวของเขา ขอบตาร้อนผ่าวและยังแสบจมูกไปหมดในตอนที่ริมฝีปากของอันดาจูบเบาๆที่ใบหูก่อนจะกระซิบบอกเสียงสั่น
“เราขอโทษ…ขอโทษนะจูน” อ้อมกอดนั้นกระชับแน่นกว่าเดิม เสียงสะอื้นเบาๆจากอันดาทำให้รู้ว่าบ่อน้ำตาแตกอีกแล้ว จาริญปลดแขนเรียวออกจากตัวและหันกลับมามองหน้าอีกฝ่าย ข้อนิ้วขาวเช็ดน้ำตาบนผิวแก้มเนียนออกให้อย่างเบามือ
“ขอโทษอันเหมือนกันนะ” จาริญยิ้มบาง พอเห็นอันดาร้องไห้เขาก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ สุดท้ายเลยกลายเป็นว่ายืนร้องไห้ใส่กันอีกแล้ว
“เมื่อคืนเรางี่เง่า”
“เราก็งี่เง่า”
อันดาขำออกมาทั้งน้ำตาเมื่ออีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยคำพูดเดียวกัน จาริญดึงมือคนที่ยังตาแดงเพราะร้องไห้ให้นั่งลงที่โซฟาด้วยกัน มือบางลูบผมอันดาอย่างอ่อนโยน
“ต่อไปนี้ถ้ามีอะไรต้องคุยกันดีๆนะ อย่าใช้แต่อารมณ์”
“อื้อ เราผิดไปแล้ว เรางี่เง่ามากเลยใช่ไหม แต่จูนอย่าเพิ่งเบื่อเราเลยนะ”
ท้ายประโยคอันดาเสียงสั่นเหมือนจะร้องไห้ออกมาอีกระลอก จาริญประคองใบหน้าสวยด้วยสองมือ กดจูบที่หน้าผาก ดวงตาเรียวบวมช้ำ จมูกโด่งสวย และจบลงที่ริมฝีปากบาง
“เราไม่เคยเบื่ออันเลย อย่าพูดแบบนี้สิ ทำไมงอแงจังคะ”
“ไม่ทะเลาะกันแล้วได้ไหม เราไม่ชอบเลย”
จาริญพยักหน้าและสวมกอดคนตรงหน้าไว้ อันดาในตอนนี้อ่อนไหวและปราะบางจนอยากจะกอดไว้แน่นๆไม่ปล่อย มือบางลูบแผ่นหลังที่สะท้อนขึ้นลงเพราะแรงสะอื้นเบาๆ
“เราไม่ชอบให้เราสองคนทะเลาะกัน ไม่ชอบเห็นจูนร้องไห้”
“อย่าร้อง เราก็ไม่ชอบเห็นน้ำตาของอันเหมือนกัน”
อันดาผละออกมาเช็ดน้ำตาลวกๆเหมือนเด็กน้อย ทั้งใบหน้าสวย และปลายจมูกแดงก่ำไปหมด จริงอยู่ที่จาริญไม่ชอบเห็นอันดาร้องไห้ แต่ดูใบหน้าที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มาหมาดๆนั่นสิ ทั้งน่าเอ็นดูและน่ารังแกไปพร้อมๆกัน
“อยากจูบ”
“อะ…อื้อ”
อันดายังไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยซ้ำริมฝีปากนุ่มก็ประทับจูบลงมาเสียแล้ว ทุกครั้งที่จาริญเป็นฝ่ายเริ่มก่อนจูบของเรามักจะอ่อนนุ่มและหอมหวานเหมือนสายไหมชวนให้ปั่นป่วนในท้องน้อย แต่ครั้งนี้ต่างออกไปเพราะกลีบปากอิ่มบดจูบอย่างเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ
จาริญกดไหล่ของอันดาให้ตรึงกับพนักโซฟา หยอกล้อกับแผ่นลิ้นอุ่นนุ่มภายในโพรงปากหวานฉ่ำจนได้ยินเสียงครางแผ่ว เสียงหวานถามขึ้นทั้งที่ยังคลอเคลียจูบกับริมฝีปากที่เคลือบใสไปด้วยน้ำลายของอีกฝ่าย
“วันนี้อันมีกุหลาบให้เราไหม ?”
“มี แต่อยู่ในห้องนอน มาเอาสิ”
อันดาตอบและผลักร่างบางให้ออกห่าง ลุกขึ้นจากโซฟาก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องนอน จาริญจิ๊ปากเล็กน้อยเพราะอารมณ์ค้างเติ่ง รสชาติหวานๆจากจูบของอันดายังติดที่ปลายลิ้นอยู่เลย
แต่สุดท้ายก็ยอมเดินตามเข้ามาอยู่ดี ร่างเพรียวบางในชุดนักศึกษานอนพิงหัวเตียงโดยในมือเรียวถือดอกกุหลาบสีแดงไว้ อันดาปรายตามองคนที่ยืนอยู่หน้าประตู พร้อมทั้งส่งรอยยิ้มที่จาริญมองว่ายั่วยวนอย่างตั้งใจ
“มานี่สิคะ ที่รัก” อันดาแกว่งกุหลาบดอกสวยในมือเรียกอีกฝ่ายให้เข้าไปหา จาริญหน้าร้อนยังไงบอกไม่ถูกเพราะตอนนี้คนสวยบนเตียงดูเหมือนราชินีจอมร้ายกาจไม่มีผิด
จาริญยิ้มน้อยๆก่อนจะพาตนเองมาที่เตียงโดยขยับคร่อมคนช่างยั่วไว้ภายใต้อาณัติ กลิ่นกายของอันดาบวกกับกลิ่นหอมอ่อนๆจากดอกกุหลาบกำลังทำให้จาริญมึนเมา ดวงตากลมโตมองสบตากับนัยน์ตาเรียวที่กำลังฉายแววท้าทาย
“เราจะให้ดอกกุหลาบดอกที่สี่สิบเอ็ดกับจูน…” อันดายิ้มหวาน เกลี่ยดอกไม้งามไปตามแก้มขาวนวลของคนบนร่างเบาๆ
“ถ้าจูนตอบได้ว่าความหมายของดอกกุหลาบดอกที่สี่สิบคืออะไร”
“ร้ายนักนะอันดา”
จาริญว่าอย่างไม่จริงจังนัก อีกฝ่ายเพียงแค่หัวเราะคิก พลางจับมือของเขาให้ลูบบริเวณหน้าอกของเจ้าตัวผ่านเสื้อนักศึกษา และยังช้อนสายตาขึ้นมองทำเอาจาริญพ่ายแพ้อย่างราบคาบอีกต่างหาก
“จูนตอบเค้าสิคะ เดี๋ยวให้รางวัล”
เสียงน่าฟังเน้นคำว่า
รางวัล อย่างชัดเจน จาริญยอมตามใจเพราะอยากรู้จนแทบจะทนไม่ไหวแล้วว่ารางวัลของอันดาที่ว่าคืออะไร ริมฝีปากอิ่มกระซิบบอกชิดใบหูขาว
“คำตอบคือ ความรักที่ฉันมีให้เธอเป็นเรื่องจริงค่ะอันดา”“ตอบถูกใจแบบนี้จะเอาอะไร…เรายอมให้ทุกอย่างเลย”
นิ้วเรียวกรีดไปตามแผ่นอกของจาริญ แกล้งปลดกระดุมออกหนึ่งเม็ดจนเห็นอกขาวเนียน ก่อนจะยกตัวขึ้นเล็กน้อยเพื่อจูบลงบนผิวเนื้อบางที่หน้าอกด้านซ้ายตรงกับตำแหน่งของหัวใจ
tbc.
น้องจูนจะเอาอะไรเป็นรางวัลดีคะลูก
#กุหลาบแดงกับแมวขาว