ตอนที่ 10 January Town
หลังจากเภสัชกรเฟี๊ยตได้ใช้เวลากว่า 5 ชั่วโมงอยู่กับการศึกษาวัตถุดิบสมุนไพรต่างๆที่นำมาใช้ทำยากับลุงย้ง เจ้าของร้านขายยาครอบจักรวาล หรืออีกนัยหนึ่ง อาจารย์สอนปรุงยาของเขานั่นเอง ชายหนุ่มก็ตัดสินใจพักเรื่องการเรียนสมุนไพรสำหรับวันนี้ไว้เพียงเท่านี้ และออกมาเดินเล่นสำรวจในเมืองเล็กๆ นี้ให้รอบ หวังเพื่อจะหาความรู้ใหม่ๆ และลู่ทางที่จะใช้ในการพิชิตเกม
หลังจากออกจากร้านขายยาได้ไม่นาน เขาก็พบว่าในเมืองนี้มีร้านอะไรหลายๆ อย่างที่น่าสนใจ ไล่ไปตั้งแต่ ร้านขายอาหารจีน ร้านขายลูกกวาด ร้านซักรีด ร้านขายเสื้อผ้า ร้านขายอุปกรณ์ทำครัว ร้านขายของสด ร้านขายการ์ด ร้านให้คำปรึกษาการเล่นเกม (แบบเสียเงิน) และร้านต่างๆ ที่เขายังมองไม่เห็นชื่อร้าน เรียงรายกันไปอย่างไม่เป็นระเบียบตามสองข้างถนน
ร้านแรกที่ชายหนุ่มตัดสินใจเข้าไปสำรวจ คือ ร้านขายการ์ดที่อยู่ถัดออกไปจากร้านขายยาไม่มากนัก เมื่อเปิดประตูเข้ามาในร้านก็พบกับบรรยากาศคล้ายกับร้านสะดวกซื้อเล็กๆ ภายในร้านประกอบด้วยเคานเตอร์ และชั้นวางโชว์สินค้าขนาดค่อนข้างใหญ่วางตามแนวยาวของร้านอีกหนึ่งชั้น ผนังและเพดานตกแต่งด้วยสีเขียวพาสเทลอ่อนๆ เรียบง่าย บนชั้นวางโชว์สินค้าเต็มไปด้วยซองใส่การ์ดเรียงวางแถวกันไปอย่างเป็นระเบียบ ลวดลายหน้าซองการ์ดแตกต่างกันไป ส่วนใหญ่จะเป็นรูปสัตว์ หรือสิ่งของที่เขาไม่รู้จัก เมื่อเขาละสายตาจากบรรดาซองการ์ดที่เรียงรายกันอยู่ เขาก็กวาดสายตามาพบกับหญิงสาวคนหนึ่ง ที่คาดคะเนจากสายตาแล้วอายุน่าจะไม่ต่างจากเขามาก กำลังส่งยิ้มให้มาจากทางหลังเคานเตอร์ เหมือนกำลังจะเสนอความช่วยเหลือ แต่ยังไม่อยากจะรบกวนลูกค้าใหม่ในเวลานี้
“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ” หญิงสาวเอ่ยถามหลังจากที่เห็นว่าเขามองสำหรับร้านได้สักพัก
“อ่อ ผมเป็นผู้เล่นใหม่น่ะครับ ไม่ค่อยรู้เรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับการ์ดเลย พอจะให้คำแนะนำได้มั้ยครับ” เขาเอ่ยถามอย่างสุภาพ
“ด้วยความยินดีค่ะ คุณจะฟังในส่วนที่คุณได้ฟังไปแล้วจากพนักงานต้อนรับโรงแรมที่เริ่มต้นเกมด้วยหรือเปล่าคะ หรือจะข้ามตรงส่วนนั้นไปเลย” หญิงสาวถาม
“ข้ามไปเลยก็ได้ครับ”
“อย่างที่ทราบไปแล้ว ไพ่ในเกมนี้จะมีหลักๆ อยู่ทั้งหมด 3 ประเภทค่ะ โดยมีวิธีที่จะได้มาอยู่ 3 วิธีหลักๆ คือ เอาชนะคู่ต่อสู้หรือพิชิตเหตุการณ์ต่างๆได้ การซื้อมาด้วยเงิน และการแลกเปลี่ยนกับผู้เล่นคนอื่นค่ะ”
“แบบแรกนั้นจะพบได้ทั่วไปตามเหตุการณ์ในเกมค่ะ เมื่อเราต่อสู้กับสัตว์ประหลาดต่างๆ แล้ว เมื่อเราเอาชนะได้ เราก็จะสามารถสั่งผนึกสัตว์เหล่านั้นเป็นไพ่ได้ค่ะ หรือมันอาจจะกลายสภาพกลับมาเป็นไพ่เองก็ได้ค่ะ แล้วแต่การ์ดแต่ละชนิด ในขณะที่การพิชิตภารกิจหรือเหตุการณ์ เราจะได้การ์ดมาเมื่อทำสำเร็จ โดยการ์ดอาจจะปรากฏขึ้นมาเอง หรือผู้มอบหมายภารกิจเป็นคนมอบให้เราก็ได้ค่ะ”
“แบบที่ 2 คือ การซื้อการ์ดด้วยเงินค่ะ โดยจะสามารถซื้อจากร้านขายการ์ดที่มีตั้งอยู่ในทุกเมืองค่ะ โดยโอกาสการจะพบการ์ดต่างๆในแต่ละเมืองก็จะแตกต่างกันออกไป โดยการ์ดจะถูกขายเป็นซอง 1 ซองจะประกอบด้วยการ์ด 3 ใบ โดยราคาก็จะแตกต่างกันไปค่ะ มีตั้งแต่ 300 เหรียญ ไล่ไปจนถึง 10,000 เหรียญค่ะ โดยยิ่งซองการ์ดราคาแพงมาก ก็จะยิ่งมีโอกาสได้การ์ดที่มีระดับสูงหรือหายากแปรผันไปตามราคาค่ะ โดยการ์ดส่วนใหญ่ที่อยู่ในซองจะเป็นการ์ดตัวตนกับการ์ดเวทมนตร์ค่ะ การ์ดสูงสุดจะหาได้ยากมากจากเปิดซอง แต่ก็มีโอกาสสูงมากขึ้นเมื่อราคาแพงขึ้น แต่อย่างไรก็ยังถือว่ามีโอกาสน้อยอยู่ดี นอกจากนี้ร้านขายของทั่วๆ ไปก็ถือเป็นร้านขายการ์ดอีกแบบหนึ่งนะคะ เพราะเราสามารถเลือกซื้อไอเทมต่างๆ แล้วเปลี่ยนกลับเป็นไพ่ได้ค่ะ”
“แบบสุดท้าย คือ การแลกเปลี่ยนค่ะ ผู้เล่นสามารถแลกเปลี่ยนการ์ดกันได้โดยใช้คำสั่งในหนังสือ และเมื่อทั้งสองฝ่ายตกลงยินยอม การ์ดจะถูกสับเปลี่ยนเจ้าของโดยอัตโนมัติค่ะ ผู้เล่นจะไม่สามารถขโมยการ์ดกันได้ค่ะ ยกเว้นใช้ความสามารถของการ์ดเวทมนตร์ ซึ่งถือว่าเป็นการแย่งชิงการ์ดอย่างถูกกติกาค่ะ”
“ความจริง สามารถพบการได้รับการ์ดในเกมอีกหนึ่งวิธีค่ะ คือการได้มาจากการเดิมพัน หลายครั้งที่ผู้เข้าร่วมเกมให้การ์ดแข่งขันกันเอง โดยจะมีเดิมพันกันเป็นการ์ดค่ะ ผู้แพ้จะต้องมอบการ์ดให้ผู้ชนะตามตกลง ความจริงวิธีการนี้ไม่ใช่วิธีที่เป็นทางการที่ทางเกมกำหนดขึ้นค่ะ แต่ถ้าผู้เล่นตกลงใจจะแข่งขัน สามารถทำได้ค่ะ”
“ไพ่พรสวรรค์ นับเป็นไพ่แบบพิเศษค่ะ สามารถได้มาจากเหตุการณ์ต่างๆเท่านั้น ไม่สามารถซื้อหรือแลกเปลี่ยนได้ค่ะ”
“นอกจากนี้ ไพ่ที่ผู้เล่นสะสมมาได้ สามารถขายกับทางร้านได้ด้วยค่ะ โดยราคารับซื้อจะเป็นราคามาตรฐานเท่ากันทุกเมืองค่ะ ขายได้ทุกประเภทนะคะ ยกเว้นไพ่พรสวรรค์ ขายไม่ได้ค่ะ อ่อ เพิ่มเติมนะคะ ร้านขายการ์ดจะมีช่วงโปรโมชั่นบางช่วงที่จะมีการ์ดมาขายแบบไม่ต้องสุ่มค่ะ คือบอกชื่อการ์ดและราคากับลูกค้าเลย ซึ่งการ์ดก็จะเปลี่ยนไปตามช่วงโปรโมชั่นค่ะ ส่วนราคาก็จะเป็นไปตามระดับและความหายากของการ์ดนั้นๆ ค่ะ มีอะไรสงสัยเพิ่มเติมอีกมั้ยคะ” หญิงสาวเอ่ยถามเมื่ออธิบายจบ
“แล้วตอนนี้ที่ร้านมีโปรโมชั่นการ์ดใบไหนอยู่มั้ยครับ ระดับเท่าไหร่ ราคาเท่าไหร่ครับ” เขาเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“มีค่ะ โปรโมชั่นตอนนี้เป็น การ์ด The Strategy of Bill Gates (กลยุทธ์ของบิลเกตต์) ค่ะ ไพ่ใบนี้เป็นไพ่ลำดับที่ 90 ของไพ่สูงสุดค่ะ ราคาอยู่ที่ 25,000 เหรียญค่ะ” หญิงสาวเอ่ยพลางชี้ไปที่ตู้เซฟขนาดใหญ่ที่ด้านหน้าทำมาจากกระจกพิเศษอย่างหนา ทำให้มองทะลุเข้าไปเห็นไพ่ใบนึงที่เป็นรูปบุคคลระดับตำนานคนหนึ่งที่มีชีวิตอยู่ในช่วงหลายสิบปีก่อนกำลังถือลูกรูบิคอยู่ในมือ
“อ่อครับ แล้วพอจะเช๊คราคาไพ่ได้มั้ยครับ ว่าถ้าผมขายจะได้ราคาใบละเท่าไหร่ครับ”
“ได้ค่ะ ด้วยความยินดีค่ะ” หญิงสาวพยักหน้าตอบรับ เมื่อเห็นดังนั้นเฟี๊ยตจึงลองสุ่มชื่อไพ่ของเขาที่เขาจำชื่อได้ เพื่อลองเช๊คราคาขายดู
“The Lazy Donkey 15 เหรียญค่ะ”
“Henna 40 เหรียญค่ะ”
“The Africa Warthog 85 เหรียญค่ะ”
“Qinghao 420 เหรียญค่ะ”
‘ราคาน่าสนแฮะ ก็ขายได้ราคาดีอยู่นี่นา สงสัยต้องวางแผนการใช้การ์ดดีดีแล้ว อันไหนไม่จำเป็นจะได้ขายๆไปซะบ้าง เผื่อจะได้ซื้อไพ่ใหม่ๆ มาสะสม’
“ผมสงสัยนิดนึงครับ สมมติว่าผมมีไพ่สูงสุด สมมติว่าเป็นไพ่หมายเลข 10 ถ้าผมขายให้กับทางร้าน อย่างนี้ก็แปลว่าในเกมจะเหลือไพ่หมายเลข 10 แค่ 9 ใบหรือเปล่าครับ เพราะการ์ดอยู่ที่ร้านอีกใบนึง”
“ไม่ใช่ค่ะ ทันทีที่คุณขายการ์ดให้กับทางร้าน การ์ดจะถูกรีเซ็ตใหม่ให้กับระบบค่ะ การ์ดจะกลับเข้าไปอยู่ในเกมเหมือนเดิมค่ะ โดยคุณสามารถกลับไปตามหาการ์ดได้อีกครั้ง แต่โดยปรกติแล้ว เมื่อคนๆเดิมกลับไปหาการ์ดเดิม เงื่อนไขการได้การ์ดมักจะเปลี่ยนไปค่ะ เพื่อป้องกันการขายแล้วกลับไปผนึกซ้ำ” หญิงสาวเจ้าของร้านยิ้มน้อยๆ เหมือนเป็นการแสดงออกว่ารู้ทันความคิดแกมโกงของเขา
“ขอบคุณครับ”
หลังจากที่ซักถามข้อสงสัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เฟี๊ยตก็เดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้ไปตามถนนเรื่อยเปื่อย เป้าหมายหลักก็คือหาข้อมูลการเล่นเกมเป็นหลัก และพยายามจะหาแนวทางการหาเงินใหม่ๆ ทุกๆ ครั้งที่เขาเข้าออกร้านค้าต่างๆ ก็จะได้รับคำชักชวนให้ลองฝึกทักษะใหม่ๆ เพื่อพัฒนาศักยภาพพื้นฐานทางร่างกายและจิตใจ รวมไปถึงเพิ่มช่องทางการหาเงินใหม่ๆ ให้กับตัวเอง ในตอนแรกเขาก็มีความสนใจที่อยากจะลองไปฝึกทำงานเป็นพ่อครัวร้านลูกกวาด แต่พอนึกไปนึกมาก็ตัดสินใจปฏิเสธ เพราะเห็นว่างานร้านขายยาที่ทำอยู่ก็น่าจะหาเงินได้มาพอสมควร เขาจะตัดสินใจไม่หางานอื่นเพิ่มอีก เพราะตั้งใจว่าจะตั้งใจเก็บความรู้ให้มากที่สุด และรีบออกเดินทางไปจากเมืองนี้เพื่อเริ่มรวบรวมไพ่สูงสุดสักที
แต่ระหว่างที่เขาเดินสำรวจร้านรวงต่างๆ มากมายในเมืองไปเรื่อยๆ นั้น ใจเขาก็ยังคงคิดถึงบทสนทนาสุดท้ายที่ได้ถามกับเจ้าของร้านขายการ์ดก่อนจะออกมาจากร้าน เพราะตอนที่เขากำลังจะออกจากร้าน เขาก็เกิดความคิดหนึ่งแว๊บขึ้นมาในสมอง ก่อนจะหันไปถามหญิงสาวคนนั้น และคำตอบที่ได้ยังคงวนเวียนอยู่ในใจเขาอยู่จนถึงตอนนี้
“ไม่ทราบว่ามีไพ่ชื่อว่า Saffron มั้ยครับ ถ้ามีราคาเท่าไหร่ครับ”
“ไพ่ชื่อว่า Saffron ไม่มีค่ะ มีแต่ไพ่ชื่อว่า The Fluorescent Saffron หรือหญ้าฝรั่นเรืองแสง เป็นไพ่สูงสุดลำดับที่ 94 ค่ะ ราคารับซื้อของทางร้านตอนนี้อยู่ที่ราคาใบละ 10,000 เหรียญค่ะ”
‘ใบละตั้ง 10,000 เหรียญ มันต้องมีวิธีแยกสักวิธีแหละน่า ถ้าเราหาวิธีนั้นเจอนะ รวยเละ!’
จากผู้แต่ง : วันเสาร์อาทิตย์จะไปต่างจังหวัดครับ เลยแอบมาต่อให้ก่อน เจอกันอีกทีพรุ่งนี้ค่ำๆเลยครับ เดี๋ยวเที่ยวเผื่อฮะ 55
อ่านแล้วอย่าลืมเม้นน้า ขอบคุณครับบบ