marchmenlo : ความรักของไอ้เติร์กมันออกแนวก้ำกึ่งระหว่างเพื่อนเอามาก ๆ น่ะครับ อีกอย่างผมสโคปที่แทนตลอดเวลาเลยไม่ได้เห็นทางฝั่งโน้นว่าเป็นยังไง
ไฟจะดับครับ ห้องคอมจะปิดเลยรีบมาต่อก่อนเพราะคืนนี้ผมคงไม่ออกไปไหน หรือถ้าออกไปเราคงได้เจอกันอีก *-*
---------------------------------------
ตอนเช้ากูไปเรียน กูเดินผ่านไอ้แทนกับเพื่อนมันใต้อาคารเรียนรวม กูแอบมองมัน มันดูเหมือนจะไม่เห็นกู หรือตั้งใจไม่มองกู กูก็สุดจะรู้ได้ แต่กูสิ แค่เห็นมันก็ต้องหลบเข้าไปในห้องน้ำ วักน้ำล้างหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า เอาให้สร่าง ตาสว่างสักที กูจะไปรักทำไมคนร่าน ๆ แบบมัน มันอยากไปไหนก็ช่างมัน ไม่เกี่ยวกับกูแล้ว..ไม่เกี่ยวกับกู
สอบปลายภาคกำลังจะมาถึงในอีกหนึ่งอาทิตย์ แต่กูอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องเลย หัวกูคิดถึงแต่เรื่องไม่อยากคิด ทั้งเรื่องไอ้แทน เรื่องพ่อ เรื่องไอ้เติร์ก แต่ไอ้ตัวหลังยังคงอ่านหนังสือสอบหน้าระรื่น แม่งเชี่ย! โยนความหนักใจมาให้กูแล้วทำตัวเบาสบายยังกะใส่วิสเปอร์แบบปีกเลยนะมึง
“แบด มึงตั้งใจหน่อยสิ ปีสามแล้วนะมึง”
“เออ ๆ” กูรับคำไอ้เชี่ยเติร์กแบบขอไปที ก่อนปิดหนังสือแล้วบิดขี้เกียจ “เบื่อว่ะ ไปคาราโอเกะดีกว่า”
“มึงยังไม่ได้อ่านสักตัว เสือกบอกว่าเบื่อ กูล่ะเซ็งแทนแม่มึง ส่งมาเรียนนะไม่ได้ส่งมาเกะ”
“กูไปบ่อยซะเมื่อไหร่ล่ะ กูไปกะไอแทนครั้งนั้นครั้งเดียวแล้วก็ไม่ได้ไปอีก มึงก็รู้กูน่ะเรียบร้อยจะตาย อยู่กับเหย้าเฝ้ากับหอ”
“โหย ถ้ามึงเรียบร้อยนะ กูก็คงได้รับรางวัลโนเบลสาขามารยาทงามแล้วล่ะวะ”
“พูดถึงไอ้แทนกูเซ็งแม่ง ไม่เห็นมันจะมีท่าทีทุกข์ร้อนกับกูเลย”
“มึงอยากให้มันง้อเหรอ”
“บ้าสิมึง กูจะอยากให้มันง้อทำไม”
“ให้กูพูดตรง ๆ มั้ย”
“พูดดิเติร์ก”
“มึงน่ะมันเด็กสปอล์ย ถูกคนตามใจจนเสียคน คิดว่าตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของโลก ใคร ๆ ต้องคอยมาพะนอเอาอกเอาใจ ไม่ว่ามึงจะทำผิดหรือถูก คนขอโทษต้องไม่ใช่มึง นี่แค่นิด ๆ หน่อย ๆ พอเป็นออเดิร์ฟนะ อยากฟังต่อมั้ยล่ะ”
กูฟังไอ้เติร์กด่าจนหน้าชา “มึงกล้าพูดกูก็กล้าฟัง”
“แล้วมึงน่ะ นั่งกระดิกตีนรอไอ้แทนเข้ามากราบขอขมาที่ทำให้มึงเข้าใจผิดหรือไง ครั้งก่อนมึงจำไม่ได้หรือไง มึงก็หายไปอย่างเงี้ย แล้วไอ้แทนก็วิ่งวุ่นไปทั้งมอเพื่อหาทางเข้าถึงตัวมึงให้ได้ มันเจออะไรบ้างมึงก็รู้ แล้วจะให้มันทำแบบนั้นอีกครั้งเหรอ คนเราน่ะเจ็บแล้วจำนะมึง ไม่ใช่เจ็บแล้วทนเป็นสัตว์เคี้ยวเอื้องนี่หว่า”
“มึงจะบอกว่ากูผิดใช่ไหม”
“ถูกเผง”
“และกูควรจะไปง้อไอ้แทน”
“โห สุดยอด ท่านได้รับดวงตาเห็นธรรมแล้ว” ไอ้เติร์กปรบมือ
“งั้นมึงดูปากกู ไม่มีทาง กูไม่ผิด มันนั่นแหละผิด วันนั้นกูเห็นอยู่ชัด ๆ ว่ามันนัดเจอกับพ่อกูในที่ลับตา ทั้ง ๆ ที่กูก็นั่งรอมันอยู่ละครเวทีด้วยนะ”
“อ๋อ ที่แท้ก็อย่างนี้ ทำไมมึงไม่เล่าให้กูฟังแต่แรกวะ”
“กูเจ็บใจ มึงเข้าใจมั้ยกูเจ็บใจ กูแพ้พ่ออีกแล้ว”
“งั้นกูถามมึงคำนึง มึงคิดว่าไอ้แทนฉลาดหรือโง่วะ”
“ฉลาดสิวะ ถ้าโง่ ๆ กูไม่เอาเป็นแฟนหรอก”
“งั้นมึงใช้ส้นตีนตรองดูดี ๆ ว่ามันจะไปนัดพบป๋ามึงตรงที่ที่เสี่ยงอันตรายอย่างนั้นทำไม สู้หาวันว่าง ๆ แอบหนีไปเที่ยวในเมืองด้วยกันไม่ปลอดภัยกว่าเหรอวะ”
กูเงียบไป
“ไม่แน่นะ มันอาจจะมีอะไรมากกว่านั้นก็ได้ เปิดใจให้ความเป็นไปได้อื่น ๆ หน่อยสิวะ อย่ามัวแต่หึงจนหน้ามืดตามัว ไม่งั้นมึงอาจจะเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดของมึงไปตลอดกาลก็ได้”
“ยังไงกูก็ระแวงมันอยู่ดีเติร์ก กูระแวงจนแทบบ้า มันเป็นคนมีประวัติมึงก็รู้นี่เติร์ก”
“แล้วมึงจะทำไงวะแบด จะให้มันลุยไฟพิสูจน์รักแท้ที่มีต่อมึงมั้ยล่ะ”
“เชี่ย กูไม่ใช่พระราม”
“มึงดูปากกู กูประชด” ไอ้เติร์กย้อนมุก แสบนักนะมึง
กูนึกวิธีแกล้งได้ ยิ้มกรุ่มกริ่ม ในห้องมีแต่กูกับมัน “มึงนี่ดู ๆ ไปก็น่ารักดีว่ะเติร์ก”
“เฮ้ย มึงอย่าบ้านะ” ไอ้เติร์กถอยกรูดไปที่เตียงมัน
กูตามมันไปโถมทับมันแล้วปล้ำเล่น ๆ อย่างไม่จริงจัง ไอ้เติร์กดิ้นรนร้องโวยวาย
“ไอ้เชี่ยแบด หยุดนะ ไอ้สัด กูไม่เล่น”
“มึงชอบกูไม่ใช่เหรอเติร์ก มึงชอบกูนี่ มาเป็นของกูซะดี ๆ มามะ” มือกูคลำไปทั่วตามร่างที่ร้อนผ่าว จนถึงเป้ามันที่อยู่ในกางเกงเล “โห แข็งเป๊กเลยว่ะ มึงมีอารมณ์กับกูจริง ๆ เหรอวะ”
“ได้โปรดแบด” มันพูดเสียงสั่น น้ำตาไหลจากดวงตาที่สั่นระริกด้วยความเจ็บปวด “อย่าทำแบบนี้”
“..อย่าล้อเล่นกับหัวใจของกู แค่กูแอบรักมึงข้างเดียวกูก็ทรมานมากแล้ว มึงจะทำให้กูทรมานมากไปกว่านี้เหรอ”
กูสะอึก ยอมปล่อยมันให้เป็นอิสระ
“มึงรู้อยู่แก่ใจดีนะแบด ว่ามึงไม่ได้รักกู อย่าทำสิ่งที่มึงจะต้องเสียใจไปจนวันตาย” มันลุกขึ้นจากเตียง แล้วรื้อกระเป๋าเสื้อผ้าใต้เตียงออกมาอย่างรวดเร็ว มันเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า เปิดออกมาแล้วเก็บเสื้อผ้ายัดเข้ากระเป๋า กูหายมึนก็เดินเข้าไปหามัน
“เติร์ก มึงจะทำอะไร!”
“กูจะไปอยู่หอเพื่อนข้างนอก มึงจะได้มีสมาธิอ่านหนังสือสอบ มันดีต่อเราทั้งคู่”
“ไม่เติร์ก มึงอยู่ต่อเถอะ กูผิดเอง ถ้ามีคนที่จะต้องไป ต้องเป็นกูนี่แหละ”
กูนั่งลงข้างหลังมัน แล้วกอดมันไว้แบบที่เพื่อนคนหนึ่งจะกอดอีกคน
“กูขอโทษนะเติร์ก กูจะกลับบ้าน กลับไปทบทวนตัวเองสักหน่อย”
“คิดเรื่องไอ้แทนด้วยล่ะกัน คิดเยอะ ๆ ด้วย”
ไอ้เติร์กเตือน กูค่อย ๆ คลายกอดจากมันแล้วลุกขึ้น เก็บกระเป๋าตังค์ กุญแจ และหนังสือเท่าที่จำเป็น แล้วเดินออกจากห้องไปทันที
กูถึงบ้านตอนหัวค่ำ ในบ้านเงียบเหมือนเดิม เวลานี้เป็นเวลาที่แม่กูมักจะเมา ไม่มีคนใช้คนไหนเข้าหน้าติด ถ้ากูอยู่ก็พอจะห้าม ๆ ได้บ้าง
กูลงจากรถและกำลังจะเดินเข้าบ้าน แต่สังเกตเห็นรองเท้าผู้ชายคู่หนึ่งวางอยู่หน้าบ้านเสียก่อน
กูประหลาดใจ ถอดรองเท้าของตนอย่างเงียบงัน เอาไปวางข้างรองเท้าคู่ที่อยู่ก่อนพบว่าขนาดพอ ๆ กัน กูค่อย ๆ ย่องเข้าไปในบ้านอย่างแผ่วเบา ที่กูเข้าใจว่าจะมีแต่ความเงียบนั้นกูเข้าใจผิด เพราะมีเสียงหัวร่อต่อกระซิกเบา ๆ ดังมาจากห้องอาหาร
“คุณนี่หน้าไม่อาย จะจูบฉับก็เกรงใจขวดไวน์หน่อยสิยะ”
“ไวน์ไม่มองแล้วไวน์ไม่มอง”
“ไวน์ไม่มองน้องก็ไม่ให้”
“ไวน์ไม่มองน้องอายอะไร”
“ก็อายแก่ใจเห็นเบียร์ยังจ้อง”
กูค่อย ๆ เดินไปช้า ๆ อย่างระมัดระวัง กูไม่ได้ยินเสียงแม่สดใสแบบนี้ หัวเราะอย่างนี้มานานแล้ว กูอยากรู้จริง ๆ ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใครกันแน่
“แน่ะพี่ฟาดเบียร์หมดขวดแล้วกานดา ไหนจูบหน่อยขวัญตาอย่ากลัวอย่าอายท่านเหลียวมอง”
กูปรากฏตัวขึ้นที่ประตู และตะลึงเมื่อเห็นพ่อกูนั่งระรื่นอยู่ที่โต๊ะ แม่กูกวักมือเรียกเสียงอ้อแอ้ทั้ง ๆ ที่ยังซดเบียร์อยู่
“มามะลูกแบ่ด สนุ๊กสนุก พ่อเค้าคอแข็งมั่กมั่ก”
พ่อกูที่ตาเริ่มแดง ลุกขึ้นตบโต๊ะ แล้วชี้มา
“ลูกผมใช่มั้ย ๆ น่าน หล่อเหมือนพ่อ ฮ่าๆๆ”
แล้วก็ทรุดแผ่อยู่กับเก้าอี้ แต่ยังหัวเราะอกกระเพื่อม
“แม่ ทำไมปล่อยให้ไอ้หมอนี่เข้ามาในบ้านเราได้” กูร้องเรียกแม่ที่ทำท่าจะเมาหลับ
“หยาบคายจังลูก เพื่อนเก่าจะสังสรรค์กัน เด็ก ๆ ขึ้นห้องไป๊”
“ไม่ครับ จนกว่าผมจะกระชากหน้ากากของไอ้หมอนี่ได้ อาทิตย์ก่อนมันยังไปที่มหาลัยแบดไปนัดพบกับเด็กในมอเลย”
“โถๆๆๆ พิโธ่พิถัง เขาไปเจอแม่ต่างหากล่ะลูก เราไปทะเลาะกันนิดหน่อย น่าอายจังเนาะคุณ”
“แหมคุณนี่สวยไม่สร่าง” พ่อกูพูดคนละเรื่อง
“ว้าย มาชมกันซึ่ง ๆ หน้า ไม่อายลูกแบ่ดหรือไง”
หัวใจของกูเต้นแรงอย่างช่วยไม่ได้ พ่อกูไปพบแม่กู ไม่ได้ไปหาไอ้แทนหรอกเหรอ มันหมายความว่าไง แปลว่ากูเข้าใจผิดจริง ๆ ใช่มั้ย
“เปรียบเธอเพชรงามน้ำหนึ่ง หวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า หยาดเพชร..”
กูเดินกลับขึ้นห้องชั้นบนด้วยความสับสน ทิ้งเสียงแห่งความรื่นเริงไว้เบื้องหลัง
กูตื่นขึ้นมาด้วยเสียงกรี๊ด กูสลัดผ้าห่มออกแล้ววิ่งไปดูที่ห้องแม่ พบว่าพ่อซึ่งเอาผ้าห่มพันตัวกระโดดหนีแม่กูอย่างงัวเงีย
“แกเข้ามาในห้องชั้นได้ไง ออกไปนะออกไป๊”
“ก็คุณชวนผมเข้ามา..เมื่อคืน”
“ชั้นไม่ได้ชวน”
“แม่ชวนเขามาครับ” กูยืนยัน หมอนั่นยิ้มกว้าง แล้วหลิ่วตาให้
“ดูซิว่าเลือดใครแรง ฮ่าๆๆ”
“กะล่อน กะล่อนเหมือนพ่อมันไม่มีผิด” แม่กูพูดจบก็ทิ้งตัวลงหอบหายใจกับเตียง
“แบ่ดพูดความจริง ไม่ได้กะล่อน” กูส่งสายตาเย็นชาไปให้พ่อที่พยายามยิ้มให้กู
“แล้วเมื่อคืนคุณทำอะไรชั้นหรือเปล่า”
“จะบ้าเหรอ ผมเป็นเกย์ ผมจะทำอะไรคุณได้ยังไง เมื่อคืนมันร้อนผมก็เลยถอดเสื้อนอน คุณนี่คิดมากจริง”
“เชอะ พยานปากเอกที่บอกว่าครั้งหนึ่งคุณเคยทำยังยืนหัวโด่อยู่นี่” แม่ชี้มาทางกู “คุณยังจะปากแข็งอีก”
“อันนั้นมันถูกบังคับให้มีนี่”
“คุณว่าชั้นบังคับคุณเหรอ” คุณหญิงแม่ทุบผัวะจนพ่อกูร้องโอ๊ย แล้วตามไปอีกหลายผัวะ “คุณจะบอกว่าชั้นเผด็จการใช่มั้ย”
“โอ๊ย ๆ พอแล้วคุณ ผมเจ็บแล้ว”
“แบ่ด ปิดประตู”
กูปิดประตูตามคำสั่งแม่ ได้ยินเสียงแว่ว ๆ ออกมา
“คอยดูเถอะ วันนี้ทั้งวันคุณไม่ต้องออกจากห้องไปไหนเลย จนกว่าจะยอมเรียกชั้นว่าราชินี โฮะๆๆ”
กูกุมขมับที่เต้นตุบ ๆ ด้วยความปวดกะโหลกต่อความอลเวงที่เกิดขึ้นในช่วงนี้
กูกลับมาเล่าให้ไอ้เติร์กฟัง มันก็ตบหัวกูทันที
“ตบกูทำไมเนี่ย”
“ให้มึงหายโง่ จนป่านนี้แล้วมึงยังไม่ไปสารภาพผิดกับไอ้แทนอีกเหรอ”
“กูไม่อยากไปน่ะ”
“เป็นบ้าอะไรอีก ทิฐิท่วมเซลล์สมองตายหรือไง”
“มันไม่ได้รักกูแล้ว กูจะกลับไปหามันอีกทำไมล่ะ”
“ทำไมมึงถึงคิดว่ามันหมดรักมึง”
“มึงก็ดูดิ มันเจอหน้ากูมันก็ไม่ทัก ถ้าจำเป็นต้องพูดด้วยมันก็ทำเฉย ๆ ชา ๆ แล้วจะให้กูคิดว่าไง”
“ก็คิดว่ามันงอนมึงไงสาด มึงคิดว่ามึงเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทเดียวที่งอนได้หรือไงไอ้ห่าแบด แล้วถ้ามันงอนมึงน่ะ แปลว่ามันยังรักมึงอยู่โว้ย”
“จริงเดะ”
“จริง”
“มึงอย่าหลอกกูเล่นนะ กูไม่อยากหน้าแตก”
“มึงอายเป็นด้วยเหรอ”
“ถึงกูไม่ใช่คางคก แต่กูก็พอมียางนะสัด”
“เอาเป็นว่าเชื่อกู มันยังรักมึงอยู่แน่นอน”
“ไม่เห็นมันจะทุรนทุรายเหมือนกูเลยนิ”
“มันไม่ใช่พวกโรคจิตชอบทำร้ายตัวเองเหมือนมึงนี่หว่า”
“เชี่ยเติร์ก ไป ๆ มา ๆ มึงก็จะด่ากูว่าโรคจิตใช่มั้ยเนี่ย”
“หรือมีคำไหนเหมาะกับมึงมากกว่านี้” มันยักคิ้วกวนกู ถ้ากูไม่มีแฟนนะกูจะจับไอ้ตี๋กวนโอ๊ยนี่ปล้ำทำเมียซะให้เข็ด
กูถอนใจเฮือก แล้วกูจะง้อมันยังไงล่ะเนี่ย
หนึ่งอาทิตย์ถัดมากูถึงตามตัวอีเจสซี่เจอ กูไม่ได้ชักช้าถ่วงเวลานะ แต่ข้อสอบแม่งโคตรเครียด เลยต้องเอาความรักหลีกทางไปก่อน
“ว้ายตายแล้ว พี่แบดจะง้อพี่แทนเหรอคะ”
“เออ” กูตอบอีเจสซี่ไป
“ไม่เห็นจะยากเลยนี่คะ หาซื้อดอกไม้สักช่อไปให้แล้วคุกเข่าบอกว่า ผมขอโทษครับที่ทำแบบนั้นกับคุณ ยกโทษให้ผมด้วยนะครับ”
“กูน่ะอยากจะสั่งทำดอกไม้จากทองคำไปถวายให้มันเลยนะ แต่แม่งเดี๋ยวหาว่ากูประชดอีก”
อีเจสซี่หัวเราะคิก
“แล้วทำไมไม่ทำล่ะคะของกล้วย ๆ”
กูถลึงตาใส่มัน “มึงพูดก็ง่ายน่ะสิ แต่ที่สำคัญคือกูไม่กล้า”
“กลัวอะไรล่ะคะ”
“ไม่รู้โว้ย”
“งั้นเจสซี่จะตอบให้ พี่แบดกลัวผิดหวัง กลัวว่าจะเดาใจพี่แทนไม่ถูก ที่สำคัญคือกลัวเสียหน้า”
“แม่งพูดมาซะยังกะเป็นพยาธิในท้องกู”
“ก็เจสซี่นี่คะ หึหึ”
“แล้วสรุปว่าทำไงดี”
“อ้าว นั่นมันเรื่องของพี่แบดนี่คะ เจสซี่เกี่ยวตรงไหน แต่เจสซี่จะบอกอะไรดี ๆ ให้นะคะ วันอังคารที่จะถึงนี้เป็นวันสอบวันสุดท้ายของพี่แทนแล้ว” หล่อนแกล้งเว้นระยะเร้าความสนใจ “แล้วเจสซี่ก็แอบได้ยินมาว่าพี่แทนมีแผนจะกลับบ้านวันนั้นเลย”
วันอังคารก็พรุ่งนี้แล้วนี่หว่า.. ในหัวกูมีแต่เสียงอึงอลเหมือนถูกจับยัดเข้าไปในนาฬิกาบิ๊กเบนแล้วฟังมันเคาะบอกเวลา ตอนนี้กูรู้สึกเหมือนเป็นซินเดอเรลล่าที่ได้ยินนางฟ้ากำหนดเวลาเที่ยงคืน
“สู้ ๆนะคะ เจสซี่เอาใจช่วยอยู่” หล่อนพูดจบก็เดินตัวปลิวกลับเข้ากลุ่มนางฟ้าที่โบยบินจากไป