Internal Love
ตอนที่ 23
Everybody wants true love,
It’s out there if you look hard enough.
เพลิงกัลป์ขยับตัวแล้วลืมตาขึ้น ความรู้สึกแรกที่เขามาสัมผัสโสตประสาทคือเสียงกรนเบาๆข้างหู ชายหนุ่มหันไปมอง เห็นรูมเมทของตนกำลังนอนหลับสนิทอยู่ข้างๆ
รอยยิ้มจุดขึ้นที่มุมปาก คุณหมอหนุ่มเหลือบดูนาฬิกาเห็นเลยเวลาตื่นปกติของพวกเขามาเกือบสิบนาทีก็รีบก้มลงไปหอมแก้มขาวใสที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมฟอดใหญ่ กลิ่นเนื้อเจ้าของติดปลายจมูกมาทำให้ตาสว่างพร้อมทำงานรับวันใหม่เลยทีเดียว
เจ้าของแก้มลืมตาขึ้นบ้างพลางขยี้ตาอย่างงัวเงีย เพลิงกัลป์ไม่รอให้อีกคนตื่นเต็มตา เขารีบดันตัวลุกขึ้นยืนแล้วก้าวยาวๆออกจากห้องนอนของตนเอง ทิ้งให้เมืองแมนที่เริ่มมีสติรับรู้เบิกตากว้าง ได้แต่หันขวับมองตามแผ่นหลังของอีกฝ่ายตาเขียว
....พวกชอบฉวยโอกาส...เขาเข่นเขี้ยวในใจ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเขากลัวผีมากหรอกนะ ไม่งั้นเขาไม่มีทางยอมนอนร่วมเตียงกับอีกฝ่ายอีกแน่ๆ
“สัญญาว่าจะนอนนิ่งๆ ไม่ทำอะไรคุณเมืองแมนทั้งนั้น” เสียงห้าวแกมหัวเราะยังติดอยู่ริมหูเมื่อคืนตอนที่เขาจำต้องยอมให้เจ้าของห้องขึ้นมานอนด้วยกัน “...เว้นแต่ว่า คุณเมืองแมนจะเรียกร้องเอง” จบประโยคเขาก็ศอกใส่ท้องของคนที่นอนซ้อนอยู่ข้างหลังไปแรงๆทีหนึ่ง
นอนอย่างระแวงไปเกือบค่อนคืนจนเผลอหลับไปเอง เพิ่งมาสะดุ้งตื่นเพราะโดนขโมยหอมแก้มเอาดื้อๆนี่ล่ะ ไม่รู้ว่าเมื่อคืนตอนที่เขาหลับสนิทจะถูกฝ่ายนั้นทำอะไรไปบ้าง....แค่คิด เมืองแมนก็หน้าร้อนวาบ ชะโงกดูคอเสื้อตัวเองก็ไม่เห็นร่องรอยอะไรเพิ่มเติม เดาว่าอีกฝ่ายคงหลับเป็นตายพอกันกระมัง
ทีอย่างนี้ล่ะผีไม่ยักมาหลอก ไม่เข้าใจว่าทำไมผีหมอหลินถึงเลือกเวลาหลอกได้ดีนัก
“ไปอาบน้ำเร็ว มัวแต่นั่งเมาขี้ตาอยู่นั่นแหละ” เสียงคนที่ตั้งตัวเป็นพ่อเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ดังขึ้นหน้าประตู เจ้าตัวนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเดินเข้ามา อวดเรือนร่างอุดมด้วยกล้ามเนื้อสมส่วนแบบคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ เมืองแมนเบ้ปากหันไปมองทางอื่น
“รู้แล้วน่า” เขาลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง
เพลิงกัลป์มองตาม กลั้นหัวเราะอยู่ในใจเมื่อเห็นใบหน้าแดงซ่านลงมาถึงลำคอของคนที่เดินก้มหน้างุดออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วนั้น ...ช่วยไม่ได้ที่เขาเกิดมาหล่อเหลาจนแม้แต่ตัวเองยังงงว่าเทวดาองค์ไหนช่างรังสรรค์เขาขึ้นมา จะว่าหลงตัวเองก็ยอมรับ ก็คนมันมีดีให้หลงนี่เนอะ
เสียอย่างเดียว...ที่เขาดันค้นพบว่าบนโลกนี้มีอะไรที่น่าหลงใหลมากกว่าตัวเขาเอง
“จะส่องกระจกอีกนานมั้ย ใครบอกให้เร็วๆนะ” เสียงลากๆกวนประสาทตรงข้ามกับใบหน้าอ่อนใสเหมือนเด็กๆนั้นดังขึ้นหน้าห้อง เจ้าตัวอยู่ในชุดกาวน์สั้นพร้อมทำงานเรียบร้อยแล้ว
“ครับผม ก็รอคุณเมืองแมนอาบน้ำนี่ไงครับ”
“อาบเสร็จตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว ช้าเองแล้วก็ทำมาเร่งเรา” เสียงนั้นเริ่มงุ้งงิ้งในลำคอ เพลิงกัลป์ยิ้มกว้าง หยิบกุญแจรถเป็นอย่างสุดท้ายก่อนออกจากห้องพัก เอื้อมมือไปโอบไหล่ของอีกคนมาชิดตัวพาเดินออกจากห้องด้วยกัน
“ขอโทษ...หิวแล้วล่ะสิ ดูทำหน้าเข้า”
“เออ...หิว อยากกินข้าวต้มกุ้งด้วย” เมืองแมนตอบเต็มปากเต็มคำ แถมยังไม่ดึงตัวออกจากการเกาะกุมที่ไหล่ของเขาอีกด้วย
“เจ้าไหนดี เอาสองชามเลยดีมั้ย เอากุ้งตัวใหญ่ๆโตๆ” เพลิงกัลป์ทำเสียงเหมือนหลอกเด็ก เล่นเอาคนฟังย่นหน้า กำลังจะอ้าปากด่ากลับก็สวนกับร่างโปร่งระหงของหญิงสาวคนนึงเข้า ต่างฝ่ายต่างหยุดชะงักด้วยกันทั้งคู่
เมืองแมนดันแขนอีกฝ่ายที่พาดไหล่ตัวเองออกทันควัน
“ตุ๊กตา....ไม่เจอกันนาน สบายดีนะครับ”
“เพลิง...แมน กำลังจะไปราวน์เหรอคะ” เธอย้อนถามกลับมาด้วยสีหน้าเรียบตึง “ได้ข่าวมาว่าแมนจะไม่ผ่านประเมินวอร์ดศัลยกรรมเพราะเวลาไม่พอนี่คะ”
“อืม อาจารย์คมศักดิ์บอกแล้วล่ะ” เมืองแมนอ้อมแอ้ม
“น่าเสียดายจังนะ เพลิงอุตส่าห์อยู่เวรให้ฟรีๆตั้งหลายครั้ง”
“ไม่เป็นไรหรอก ผมเต็มใจ” เพลิงกัลป์พูด
“ลืมไปว่าเพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนนี่นะ ขนาดปิดบังความผิดก็ยังต้องช่วยกัน” หางเสียงของเธอเยาะอย่างชัดเจน “คนเรานิสัยไม่เปลี่ยน ถามจริงเถอะเพลิง คุณไม่ละอายบ้างเหรอคะ ไม่กลัวพ่อแม่ผู้หญิงเขามาดักยิงเอาหรือไง”
“อะไรนะ?” คนฟังงง
ตุ๊กตายักไหล่ด้วยท่าทางที่ไม่เหมาะกับใบหน้าสวยหวานของเธอเลย
“ช่างมันเถอะค่ะ คุณจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นก็เรื่องของคุณ ไว้ท้องป่องเรื่องแดงขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ค่อยหาทางแก้เอานะคะ หวังว่าจะแก้ได้สำเร็จนะ....บอกเลยว่าครอบครัวบ้านนั้นน่ะ ไม่ธรรมดาหรอกนะ” เธอยิ้มมุมปากแล้วเดินผ่านพวกเขาขึ้นบันไดไปชั้นบน
เมืองแมนเอามือลูบท้องตัวเองอย่างเผลอตัว กาวน์สั้นหลวมๆของเขายังสามารถปิดบังหน้าท้องของตัวเองได้อยู่ แต่ถ้าอีกสักเดือนนึง เขาก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าจะมีใครสังเกตเข้าหรือไม่
“ตุ๊กตาพูดหมายถึงใครน่ะ” เพลิงกัลป์ถามขึ้นหลังจากเข้ามานั่งในรถแล้ว
“ไปทำผู้หญิงที่ไหนท้องอีกหรือเปล่าล่ะ” เมืองแมนพูดลอยๆ คนฟังเหล่มองแล้วยิ้มกว้าง
“แค่นี้ก็หึงเนอะคนเรา”
“หึงพ่อง” เมืองแมนถลึงตาใส่
“จุ๊ๆ” เพลิงกัลป์จุ๊ปาก เอื้อมมือมาปิดปากเมืองแมนเอาไว้ “พูดไม่เพราะเลย เดี๋ยวลูกได้ยินเข้าจะไม่ดีนะ” เขาพูดด้วยท่าทางจริงจัง “ต่อไปนี้เราต้องพูดเพราะๆต่อกันรู้มั้ย คุณเมืองแมน”
“ขนลุก” คนเป็นแม่ปัดมืออีกฝ่ายออก ยกมือขึ้นลูบแขนตัวเอง
“จริงๆนะ นี่อ่านวิจัยมาเลย เด็กในครรภ์ช่วงอายุนี้เค้าจะได้ยินเสียงที่เราพูดคุยด้วยนะแมน”
“แล้วมึง...เอ้ย นาย เอ่อ...เพลิง เรียกว่าอะไรดีวะ” เมืองแมนนึกหาคำที่ถนัดปากที่สุดไม่ออก
“เรียกชื่อไม่ถนัด เรียกที่รักก็ได้ครับ” เพลิงกัลป์พูดแล้วก็หัวเราะลั่น “มุขเก่าหน่อยแต่ยังได้ผลแฮะ”
“ได้ผลพ่อ...เอ๊ย ได้ผลตรงไหนไม่ทราบ” เมืองแมนแยกเขี้ยว “งั้นเรียกชื่อแล้วกัน จบปัญหานี้ไป”
“ทำไมแม่หนูเขาฮาร์ดคอจังล่ะลูก” เพลิงกัลป์เปลี่ยนไปพูดกับหน้าท้องของเขาแทนด้วยเสียงอ่อนเสียงหวานจนน่าหมั่นไส้ “ดูสิ เรียกที่รักมันยากตรงไหน เนอะๆ เช้านี้อยากกินอะไรคนเก่ง แม่เขาอยากกินข้าวต้มกุ้ง เห็นด้วยมั้ยครับ เห็นด้วยเตะหนึ่งที”
“ขับรถไปเถอะน่า มัวแต่เล่นอยู่ได้” เมืองแมนผลักศีรษะของอีกฝ่ายออกไป “ไปทำงานสายเดี๋ยวอาจารย์โกรธ อดกลับบ้านพรุ่งนี้กันพอดี”
“โธ่ นึกว่าอะไร ที่แท้ก็กลัวอดกลับบ้าน” คนขับพูดเย้าๆ “ได้กลับสิครับ กระผมรับรองว่าส่งตรงถึงบ้านพรุ่งนี้เลย ว่าแต่...บ่ายนี้มีนัดกับอ.คริสอีกไม่ใช่เหรอ อาจารย์ยังไม่หายดีเลยแล้วจะตรวจกับใครล่ะ”
“คงไปเอายาเฉยๆมั้ง ก็ไม่มีอะไรนี่”
“ไม่สิ...เอาสมุดฝากครรภ์มาหรือเปล่า ขอดูหน่อยซิ” เพลิงกัลป์จอดรถที่ประจำแล้วหันมาทวงสมุดประจำตัวของเหล่าว่าที่คุณแม่ทุกคน เมืองแมนก้มลงค้นในกระเป๋าเป้ตัวเองกุกกักสักพักก็ส่งสมุดปกแข็งสีชมพูอ่อนมาให้ คนเป็นพ่อรับไปเปิดออกดู “นี่ไง...วันนี้นัดอัลตราซาวน์ด้วย เกือบห้าเดือนแล้วก็ต้องดูเพศเด็กได้ด้วยสิถูกมั้ย”
เมืองแมนก็เพิ่งนึกขึ้นได้เหมือนกัน เขาเริ่มตื่นเต้นขึ้นมาบ้าง ทั้งๆที่บอกตัวเองว่าไม่เห็นจะต้องสนใจตรงไหนแท้ๆ ทว่าพอสบตาคนข้างๆก็พบว่า อีกฝ่ายก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน
“นัดบ่ายโมง รอกู..เอ้ย รอเค้าก่อนนะ เดี๋ยวไปด้วย”
“อาจารย์ไม่อยู่ เลื่อนไปก่อนก็ได้มั้ง” เมืองแมนพูดอย่างไม่แน่ใจ
“ไม่อยากรู้เหรอว่าลูกผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“มันสำคัญด้วยเหรอ” เมืองแมนถาม “อยากได้ผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“ผู้ชาย” เพลิงกัลป์ตอบแบบไม่ต้องคิด “แต่ถ้าได้ผู้หญิงก็ไม่เป็นไร ที่รักล่ะครับ”
คนฟังตาเขียว
“เพศไหนก็ได้ทั้งนั้น เลิกเรียกที่รักด้วย มันคลื่นไส้”
“แค่นี้ก็คลื่นไส้ ยังไม่หายแพ้ท้องอีกเหรอ”
“เพลิงกัลป์?”
“โอเค ก็ได้ครับคุณเมืองแมน เอ้า ลงมาได้แล้วนั่งคอแข็งไม่เมื่อยบ้างเหรอ”
เมืองแมนก้าวตามหลังร่างสูงใหญ่เข้าไปในอาคาร อดนึกไม่ได้ว่านี่เขาจะต้องมาต่อปากต่อคำกับอีกฝ่ายเช้ากลางวันเย็นก่อนนอนเลยหรือยังไง
ตอนบ่ายวันนั้นทั้งคู่มาพร้อมกันที่หน้าห้องอัลตราซาวน์ เมืองแมนวางหน้าเฉยตอนที่เดินเข้าไปติดต่อคุณพยาบาลหน้าห้อง
“คุณหมอเมืองแมน คุณหมอเพลิงกัลป์ วันนี้มาช่วยอาจารย์ศรีวรางค์อัลตราซาวน์เหรอคะ อาจารย์ยังไม่มาเลยค่ะ” พี่พยาบาลพูดยิ้มๆ “คนไข้มารอเยอะเลย คุณหมอจะซาวน์ไปพลางๆก่อนมั้ยคะ พี่จะได้เรียกคนไข้ให้”
“เอ่อ...เดี๋ยวผมขอยืมใช้เครื่องก่อนครู่นึงนะครับ พอดีเพื่อนผมมันสงสัยว่าตัวเองอ้วนขึ้นหรือท้องกันแน่” เพลิงกัลป์พูดกลัวหัวเราะ
คุณพยาบาลมองเสื้อที่เริ่มคับของเมืองแมนแล้วหัวเราะตาม
“แหม คุณหมอเพลิงนี่ล่ะก็ แกล้งเพื่อน คุณหมอแมนแกจะท้องได้ยังไงล่ะคะ แต่ถ้าคุณหมอจะซาวน์เล่นก่อนก็เชิญเลยค่ะ ระหว่างรออาจารย์” เธออนุญาตให้พวกเขาเข้าไปใช้เครื่องในห้องได้
คุณหมอหนุ่มรีบผลุบเข้าไปภายในห้องเล็กๆมืดๆที่มีไว้สำหรับอัลตราซาวน์โดยเฉพาะ เมืองแมนขึ้นไปนอนบนเตียงเปิดเสื้อโชว์พุงโดยไม่เกี่ยงงอน รอให้เพลิงกัลป์เปิดเครื่องแล้ววางหัวตรวจที่หน้าท้องของตัวเอง เจลเย็นๆทำให้เขาเกร็งตัวหนีโดยอัตโนมัติ
“นอนเฉยๆสิ มันไม่เห็นรู้มั้ย” คนทำดุทันที จับหัวตรวจลากไปบนหน้าท้องพลางจ้องที่หน้าจออย่างตื่นเต้น “นี่ไง เจอแล้วเจ้าตัวเล็กของพ่อ” เพลิงกัลป์อุทานแล้วก็เงียบไป
เมืองแมนชะเง้อมองหน้าจอบ้าง ทำเป็นไม่เห็นว่าอีกฝ่ายแอบยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดน้ำตา ภาพเด็กทารกตัวจ้อยนอนกลิ้งไปมาในถุงน้ำคร่ำทำให้เขาไม่อาจละสายตาจากหน้าจอไปได้ หัวใจเล็กจิ๋วกำลังเต้นเป็นจังหวะรัวเร็ว
“เห็นเพศมั้ย” เมืองแมนกระซิบ
“นอนไขว่ห้างอยู่น่ะ มองไม่เห็น ดูซิขนาดอยู่ในท้องนะเนี่ยยังเท่ขนาดนี้ ถ้าออกมาจะขนาดไหน” เพลิงกัลป์พูดด้วยความปลาบปลื้ม “จมูกโด่งแต่เล็กเชียว ดูสิแมนหน้าเหมือนใครเนี่ย หล่อเหมือนกูแน่ๆ”
“เดี๋ยวๆ เวอร์ไปล่ะจะมองหน้าออกได้ยังไง รีบๆวัดขนาดเร็วเข้า เดี๋ยวอาจารย์มาก่อนพอดี” เมืองแมนเร่ง ความจริงเขาก็อยากจะอยู่พินิจพิจารณาหน้าตาของคนในท้องให้มากกว่านี้อีกหน่อย แต่ก็กลัวว่าจะมีใครเปิดประตูพรวดเข้ามาเสียก่อน
สิ่งที่เขากลัวเกิดขึ้นในอีกสิบนาทีต่อมา ตอนที่เมืองแมนกำลังดึงเสื้อลงพอดีและเพลิงกัลป์ก็เอื้อมมือไปดึงภาพถ่ายที่ปริ้นท์ออกมาจากเครื่องมาเก็บใส่กระเป๋าเสื้อเอาไว้ได้ทัน
“อ้าว...เล่นอะไรอยู่เหรอ” หวานเปิดประตูเข้ามาในห้อง มองเมืองแมนที่ลุกขึ้นจากเตียงอย่างสงสัย “กำลังซาวน์แมนอยู่เหรอ”
“อ้อ..ใช่ๆ แมนมันสงสัยว่าทำไมมันอ้วนเอาอ้วนเอา กลัวเป็นเนื้องอกน่ะ” เพลิงกัลป์รีบกลบเกลื่อน
“แล้วเป็นไงบ้าง มีอะไรมั้ย” แพทย์สาวเดินเข้ามาใกล้
“ไม่มีอะไรหรอก มีแต่ไขมันน่ะ พุงล้วนๆ” เมืองแมนพูดแล้วยิ้มแห้งๆ รีบเดินไปที่ประตู “เราไปก่อนนะหวาน ไว้เจอกัน หวานมาช่วยอาจารย์อัลตราซาวน์เหรอ”
“ใช่ ก็เราอยู่สูติไง” เธอตอบยิ้มๆ “ไปเถอะๆ เดี๋ยวเราเก็บเครื่องให้เอง”
“งั้นฝากด้วยนะ ขอบคุณมาก” เพลิงกัลป์พูด ก่อนจะเดินตามหลังรูมเมทออกไปจากห้องบ้าง
ไม่รู้เลยว่าหญิงสาวเปิดโปรแกรมบันทึกย้อนหลังออกดูอย่างสงสัย โชคดีที่เครื่องนี้เป็นเครื่องรุ่นใหม่ที่สามารถเก็บบันทึกภาพอัลตราซาวน์ล่าสุดที่เพิ่งทำเอาไว้ได้ หวานจ้องดูภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
วันเวลาที่ปรากฏอยู่ที่มุมภาพวีดีโอปฏิเสธไม่ได้เลยว่าไม่ใช่ภาพของชายหนุ่มผู้นั้น นอกเสียจากว่าเมื่อครู่นี้ภายในห้องไม่ได้มีแค่เมืองแมนและเพลิงกัลป์
เป็นไปได้อย่างไร....
.....................................................................................
“มึงว่าหวานจะทันเห็นภาพอัลตราซาวน์มั้ย” เมืองแมนถามขึ้นอย่างกังวล
“ไม่น่านะ กูดึงออกมาก่อน แถมกดออกจากโปรแกรมไปแล้วด้วย” เพลิงกัลป์ตอบกลับมา เขามัวแต่ครุ่นคิดกังวลจนลืมเรื่องที่คุยกันว่าจะพูดเพราะเสียสนิท
“ถ้าหวานรู้จะเกิดอะไรขึ้น”
“มันไม่รู้หรอกน่า ต่อให้มันเห็นภาพ เราก็แย้งได้ว่าเป็นภาพคนอื่นที่ซาวน์ก่อนหน้าเรา” ชายหนุ่มยกมือลูบปลายคาง เหลือบมองคนตรงหน้าที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดก็หัวเราะออกมาเบาๆ เอื้อมมือไปจิ้มที่หน้าผากเนียนนั้น “คิ้วผูกโบว์เชียวนะ เดี๋ยวหน้าย่นหมดหรอก เลิกคิดมากได้แล้ว กลับไปทำงานเถอะ เดี๋ยวเย็นนี้ต้องแวะไปซื้อของด้วย”
“ของอะไรอีก” เมืองแมนงง
“ก็ของฝากของคุณแม่มึงไง” คนพูดยกนิ้วขึ้นเกาจมูก “ไปหาผู้ใหญ่ก็ต้องมีของติดไม้ติดมือไปบ้าง แม่กูสอนไว้”
“โอ้โห” เมืองแมนลากเสียงล้อเลียน “ขนาดนั้นเชียว แค่ไปเป็นเพื่อนกูรับปริญญาก็มากเกินพอแล้ว”
“ไม่ได้สิ นี่มันครั้งแรกที่จะได้เจอคุณแม่ของมึงเลยนะ เกิดแม่มึงไม่ชอบกูขึ้นมาทำไง”
“ไม่เห็นต้องกังวลเลย แม่กูคงไม่ชอบมึงอยู่แล้วล่ะ” เมืองแมนพูดหน้าตาเฉย “แม่ชอบคนเรียบร้อย ลุคเพลย์บอยแบบมึงไม่ผ่านตั้งแต่หน้าประตูแล้ว”
“ขนาดนั้นเลยเหรอวะ” เพลิงกัลป์อุทานหน้าเสีย “ทำไงดีล่ะ”
“ทำใจ” เมืองแมนเอื้อมมือมาตบไหล่เขาดังปุๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในวอร์ดของตัวเองอย่างสบายอารมณ์ บอกไม่ถูกว่าทำไมตัวเองถึงอารมณ์ดีขึ้นมากะทันหัน
ส่วนที่ถูกปลอบใจได้แต่มองตามอย่างหมั่นเขี้ยว ชายหนุ่มหมดเวลาค่อนบ่ายไปกับการค้นหาว่าจะเปลี่ยนลุคตัวเองยังไงให้ดูดี ‘ถูกใจ’ มารดาของอีกฝ่าย
ตกเย็นเขาพาเมืองแมนไปกินข้าวก่อนที่จะแวะซื้อของในตลาดอีกสองสามอย่าง กลับมานั่งจัดกระเป๋าเดินทางอย่างขะมักเขม้น ได้ยินเสียงฮัมเพลงเบาๆดังมาจากห้องนอนติดกันก็อดอมยิ้มไม่ได้
ฝ่ายนั้นคงดีใจที่ได้กลับบ้านเสียที ถึงจะแค่กลับไปรับปริญญาเพียงไม่กี่วันก็เถอะ