ตอนที่ 22 (ครึ่งหลัง)
หลังจากหลานๆกลับไปเดือนกว่าจงรักก็ตัดสินใจซื้อรถตู้คันเล็กเพื่อเอามาใช้งานที่ร้าน ก่อนซื้อเจ้าตัวได้เรียนหัดขับรถเพิ่มเติมกับเมฆาเพื่อใช้ในการสอบใบขับขี่ แต่ไปสอบรอบแรกกลับตกท่าถอยรถเทียบฟุตบาททำให้ต้องไปสอบแก้ตัวอีกรอบ กว่าจะผ่านมาได้เล่นเอาหืดขึ้นคอเลยทีเดียว ทว่าเมื่อผ่านแล้วก็ถือว่าคุ้มค่าเพราะนอกจากจะสามารถขับรถไปไหนมาไหนเองได้แล้ว คุณครูเมฆยังสัญญาว่าจะยอมนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้จงรักขับรถพาไปทะเลด้วยหากสอบผ่าน งานนี้จึงถือเป็นการได้เที่ยวต่างจังหวัดกันสองคนครั้งแรกถ้าไม่นับตอนไปเชียงใหม่
เมื่อถึงวันหยุดจงรักกับเมฆาพากันออกจากบ้านแต่เช้า เพราะต่างก็งานยุ่งทั้งคู่วันหยุดเพียงวันเดียวทำให้ที่ที่เลือกไปไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก จงรักไม่ได้นึกขัดเคืองใจที่ได้เที่ยวแค่ใกล้ๆหนำซ้ำยังตื่นเต้นเสียจนนอนไม่หลับ กว่าจะปลุกตัวเองให้ลุกขึ้นจากที่นอนได้ในตอนเช้าทำให้เกือบไปสายกว่ากำหนดการที่ตั้งเอาไว้
แม้จะซื้อรถใหม่ แต่รถที่ซื้อนั้นเหมาะกับการใช้งานที่ร้านมากกว่า วันนี้รถที่ขับไปจึงเป็นรถของเมฆาเหมือนเดิม เปลี่ยนไปแค่คนขับที่กลายเป็นเจ้าของกิจการร้านดอกไม้หนุ่ม ระหว่างทางทั้งสองคนแวะซื้อแซนวิชกับกาแฟไว้กินรองท้องในยามเช้า โดยตกลงกันว่าจะไปฝากท้องมื้อหนักตอนถึงที่หมายเลยทีเดียว
เพราะไม่เคยขับไปไหนไกลๆจงรักจึงกังวลนิดหน่อยที่ต้องขับรถออกต่างจังหวัดครั้งแรก แต่ถนนสายบางนา-ตราดยามเช้านั้นรถโล่งขับง่ายกว่าที่จงรักหวั่นเอาไว้มาก ขับไปคุยไปโดยมีเมฆาเป็นคนดูทางให้สักพักหนุ่มตัวเล็กก็หายเกร็ง
ใช้เวลาราวสองชั่วโมงจงรักจึงพาเมฆามาถึงหน้าโรงเรียนชุมชนพลทหารเรือจังหวัดชนบุรีซึ่งเป็นทางเข้าหาดทรายแก้ว ก่อนเข้าหาดจะพบด่านตรวจของทหารสองด่าน ขับผ่านมาเรื่อยๆกระทั่งถึงสโมสรทหารเรือพวกเขาจึงตัดสินใจแวะทานอาหารเช้ากันที่นี่เพราะตอนนี้ก็แปดโมงกว่าแล้ว
ร้านอาหารทะเลสโมสรตั้งอยู่ไม่ไกลจากหาดนัก จึงสามารถมองเห็นทะเลในขณะทางอาหารได้ด้วย ลมทะเลยามเช้าพัดเอากลิ่นไอเย็นๆมาหาชวนให้รู้สึกสดชื่นหลังจากต้องตื่นแต่ไก่โห่
“กินอะไรดีครับ” มือเรียวพลิกเปิดเมนู ดวงตาคู่โตไล่มองรายชื่ออาหารจนครบก่อนเงยหน้าขึ้นมาถามเมฆาที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“ไม่รู้จะกินอะไรดี พี่ยังอิ่มกาแฟกับแซนวิชอยู่นิดๆ”
“ข้าวต้มทะเลไหมครับ ไม่หนักท้องมาก เดี๋ยวกลางวันเราค่อยหาอะไรหนักๆกินที่ร้านแถวหาด” จงรักเสนอ
“ก็ได้” เมฆาพยักหน้ารับจากนั้นก็ปล่อยให้น้องจัดการสั่งอาหารให้
สั่งไปไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟเป็นเพราะลูกค้าในร้านช่วงเช้ายังคงบางตา เมฆากับจงรักลงมือจัดการกับข้าวต้มทะเลของตัวเองเงียบๆ กระทั่งเรียบร้อยก็เรียกเช็คบิลแล้วขับรถต่อเข้าไปในส่วนของหาด ก่อนไปถึงเจอด่านเรียกเก็บค่าเข้าอีกหนึ่งด่าน สำหรับค่าบริการนั้นนักท่องเที่ยวคนไทย 30 บาท นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 60 บาท ระหว่างทางช่วงนี้ถนนค่อนข้างเล็กและแคบ เมฆาจึงบอกว่าขากลับเขาจะเป็นคนขับให้เอง
เมื่อมาถึงแล้วหาที่จอดรถใต้ต้นไม้ได้เรียบร้อย ทั้งสองคนก็พากันลงจากรถ จงรักเดินลงไปเหยียบทรายอุ่นๆสีขาวสะอาดบนหาด สายตาทอดมองท้องฟ้าสีครามสดใสตัดกับผิวน้ำระยิบระยับที่ถูกแสงแดดสะท้อนอยู่ไม่ไกล นั่นทำให้หนุ่มตัวเล็กรู้สึกตื่นเต็มตาจริงๆเสียที
“อยากเล่นน้ำไหม” เมฆาถามคนข้างที่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองทะเลอยู่เป็นนาน
“ก็อยากเล่นนะครับ” จงรักว่า
“งั้นเล่นสิ ยังเช้าอยู่แดดไม่ร้อน พี่เห็นเราเตรียมเสื้อผ้ามาด้วยนี่” เขาจำได้ว่าจงรักเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าเป้ใบใหญ่ตั้งแต่เมื่อสองสามวันก่อน
“แต่ว่า…”
“มีอะไรหรือเปล่า” เห็นน้องทำหน้าลำบากใจ คนหน้าดุจึงอดไม่ได้ที่จะถามไถ่
“คือจะให้ผมเล่นคนเดียวมันก็ยังไงๆอยู่นะครับ พี่เมฆว่าอย่างนั้นไหม” เมฆารู้ได้ทันทีว่าคนรักตัวเล็กของเขาต้องการอะไร แต่ที่เจ้าตัวไม่พูดตั้งแต่แรกคงเพราะอยากหยั่งเชิงว่าเขาจะเล่นด้วยไหม
“ก็ไม่รู้สิ พี่ไม่เคยเล่นคนเดียว” เมื่อได้ยินเมฆาพูดเช่นนั้น จงรักก็รู้ได้ทันทีว่าตัวเองมีโอกาสจึงบอกความต้องการของตัวเองออกมาโดยไม่อ้อมค้อมอีก
“ถ้างั้นพี่เมฆเล่นด้วยกันกับผมได้ไหมครับ”
“อืม…เอายังไงดี” เมฆาแสร้งทำท่าลังเลนิดหน่อย คนที่รอคอยจึงช้อนตาแล้วอ้อนเสียงหวานอย่างที่ไม่ค่อยได้ทำบ่อยนัก
“อุตส่าห์มาทะเลด้วยกันครั้งแรก เล่นน้ำกับผมเถอะนะครับ นะครับพี่เมฆ” มือเล็กสองข้างเกี่ยวเกาะแขนของเมฆาแล้วเขย่าเบาๆอย่างเรียกร้อง
“พี่ไม่ได้เอาเสื้อผ้ามา”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเตรียมมาให้แล้ว” จงรักรีบบอก
“เตรียมมาให้พี่ด้วยเหรอ” คนหน้าดุถาม ไม่ได้แปลกใจเพียงแค่อยากฟังคำตอบเท่านั้น
“ต้องเตรียมมาให้อยู่แล้วสิครับ” จงรักว่า
“แล้วรู้ได้ยังไงว่าพี่จะเล่นด้วย หืม?”
“ไม่รู้หรอกครับ แต่คิดว่าถ้าพี่เมฆไม่ยอมจะลองอ้อนดู”
“แล้วนี่อ้อนหรือยัง”
“กำลังอ้อนอยู่ครับ” จงรักบอกพลางส่งยิ้มหวาน หน่วยตาคมๆของเจ้าตัวยามนี้ช่างทำหน้าที่เรียกคะแนนขอความเห็นใจได้ดีเหลือเกิน
แล้วแบบนี้พี่จะทำใจร้ายปฏิเสธเราได้ลงคอเชียวหรือ ได้แต่คิดในใจแบบนั้นก่อนจะพยักหน้าตกลง หนุ่มตัวเล็กอายุ 24 จึงกระโดดดีใจจนตัวลอย ก่อนวิ่งไปเปิดกระโปรงหลังรถแล้วเอากระเป๋าเสื้อผ้าออกมา จากนั้นก็เดินกลับมาจูงมือเมฆาแล้วพาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องน้ำในร้านค้าแถวๆหาด
เมฆาสวมเสื้อยืดหลวมๆสีน้ำตาลอ่อนกับกางเกงขาสั้นที่ทำให้เคลื่อนไหวสะดวกสีกรมท่า ส่วนจงรักเป็นเสื้อยืดคอวีสีครีมกับกางเกงขาสั้นสีกรมท่าเหมือนกัน เมื่อนำข้าวของทุกอย่างเก็บไว้ในรถเรียบร้อยจงรักก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินจูงมือเมฆาลงไปในทะเล คนอยากเล่นท้าดวลแข่งว่ายน้ำกับคนรักอยู่หลายรอบ ก่อนจะหมดแรงแล้วขึ้นมาพักเหนื่อยอยู่บนหาด พอเห็นจงรักไม่ไหวแล้ววิ่งไปนอนเกยตื่นให้คลื่นซัด เมฆาจึงเดินลุยน้ำตามกลับมา
“ว่าไง เหนื่อยแล้วเหรอเรา” คนตัวสูงทรุดนั่งข้างๆกัน
“เหนื่อยสิครับ ว่ายไปว่ายมาตั้งหลายรอบ” แต่ก็นั่นแหละ แข่งกันกี่รอบๆจงรักก็ไม่อาจเอาชนะเมฆาได้สักที “ขอพักแปบนึงนะครับ เดี๋ยวเล่นต่อ”
“อืม” เมฆารับคำง่ายๆ เขาเองก็ถือโอกาสนี้พักบ้างเหมือนกัน อาจเป็นเพราะไม่ได้ออกกำลังกายนาน ทำให้เหนื่อยง่ายกว่าที่เคยนิดหน่อย
สายลมและเสียงคลื่นผสานบรรจบกันในห้วงเวลาที่ดูคล้ายจะหยุดนิ่ง จงรักนอนหนุนแขนตัวเองแล้วลืมตามองท้องฟ้า ปล่อยให้หัวใจสัมผัสกับช่วงเวลาของความสุข พอนึกถึงความสุข ดวงตาคมโตก็อดไม่ได้ที่จะต้องเลื่อนจากท้องฟ้าไปหาแผ่นหลังกว้างที่นั่งไม่ห่างเท่าไร
เขามาไกลขนาดนี้ได้อย่างไรกันนะ
แม้จะนึกสงสัยในโชคชะตา แต่ในที่สุดก็ได้ครอบครองความรักดีๆจากคนที่ฝันหา คงต้องขอบคุณตัวเองที่รักและอดทนรอแม้นไม่มีหวังตลอดหลายปี
อยากกอด รู้สึกแบบนั้น แต่ด้วยความที่ไม่ได้อยู่กันในที่รโหฐานจึงทำตามใจตัวเองไม่ได้ แม้วันนี้คนไม่มากเท่าไหร่หาดทั้งหาดนั้นดูคล้ายกับเป็นหาดส่วนตัวสวยๆของโรงแรมที่ไหนสักแห่ง ถึงกระนั้นที่นี่ก็ยังนับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยว หากทำอะไรรุ่มร่ามตามแต่ใจตัวเองคงไม่ดี
ขณะที่จงรักสะบัดหัวไล่ความคิดไร้สาระของตัวเอง เสียงทุ้มเจ้าของแผ่นหลังกว้างที่นั่งมองทะเลอยู่ก็ดังขึ้น เมื่อจงรักหันหน้ากลับมามองก็สบเข้ากับตัวตาคมดุที่ฉายแววสงสัยระคนอ่อนโยน
“เป็นอะไร”
“เปล่าครับ”
“แล้ว?” จงรักมองตามตาคมดุไปก็เห็นว่าตัวเองเอื้อมมือไปรั้งจับชายเสื้อของเมฆาเอาไว้ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ เขาไม่รู้ตัวเลยสักนิด “ว่ายังไง มีอะไรหรือเปล่า”
“เอ่อ…เปล่าครับ”
“ยังจะบอกว่าเปล่าอีก” ตอนแรกเมฆาไม่ได้คิดอะไร นึกว่าน้องแค่สะกิดเรียกเฉยๆ แต่พอหันมาเห็นเจ้าตัวสายหัวดุ๊กดิ๊กความสงสัยจึงก่อตัวขึ้น หากแต่เขาเดาว่าเจ้าตัวคงคิดอะไรที่บอกเขาไม่ได้อยู่กระมัง
“คือ…” จงรักทำตาหลุกหลิกเสไปทางโน้นทีทางนี้ที ก่อนจะสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างแล้วหันกลับมาตอบเมฆา “ผมอยากเล่นเจ็ทสกีครับ”
“อยากเล่นเจ็ทสกี?”
“ครับ” ร่างบางตอบรับแล้วผุดลุกขึ้นยืนทันที มือสองข้างปัดทรายเปียกออกจากกางเกง แล้วส่งมาตรงหน้าเมฆา “ไปเล่นกันนะครับ”
“ตามใจ”
คนตัวสูงส่งมือให้น้องฉุดลุก แต่เมื่อยืนขึ้นได้แล้วเมฆากลับกุมกระชับมือน้องไว้แบบนั้นไม่ปล่อย ก่อนจะจูงไปตรงจุดเช่าเจ็ทสกีโดยไม่สนว่าจะมีคนมองหรือไม่ แต่ทันทีที่มาถึงจุดเช่าเจ็ทสกีความจริงบางอย่างก็ปรากฏขึ้น
“เล่นไม่เป็น?!”
“ครับ เล่นไม่เป็น” จงรักสารภาพด้วยสีหน้าเจื่อนๆ
“เล่นไม่เป็นแล้วจะเล่นได้ยังล่ะ”
“เอ่อ…สอนได้ไหมครับ ดูแล้วไม่น่าจะยากเท่าไหร่นะ” จงรักว่า
“ไม่ยากครับ แบบนั่งง่ายกว่าแบบยืน ถ้าขับมอเตอร์ไซด์เป็นก็น่าจะเล่นได้นะครับ” เจ้าหน้าที่เป็นคนบอกกับจงรัก
“งั้นผมลองเล่นนะครับพี่เมฆ” จงรักหันไปขอ คนหน้าดุช่างใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนบอก
“เดี๋ยวผมจะลองสอนเขาก่อน น้องตัวไม่ใหญ่มาก ให้นั่งด้วยกันคงได้ใช่ไหมครับ” เมฆาพูดกับเจ้าหน้าที่ เขารู้ว่ามันไม่ยากเท่าไหร่ ทว่าจงรักไม่เคยขับมาก่อนเลย เขาจึงอดห่วงไม่ได้
“ได้ครับ” เจ้าหน้าที่พยักหน้ารับ
“ถ้างั้นก็มานั่งกับพี่ก่อน เอาไว้พอขับได้ค่อยลองขับคนเดียว” เมื่อได้คำยืนยันแล้วเมฆาจึงหันมาพูดกับจงรัก
“ก็ได้ครับ” จงรักยอมรับง่ายๆ แล้วทั้งคู่ก็ไปขึ้นเจ็ทสกีที่เจ้าหน้าที่จัดให้
สอนขับเพียงแค่แปบเดียวจงรักก็สามารถขับด้วยตัวเองได้ เพราะมันไม่ได้ยากเท่าไหร่ อีกทั้งจงรักเป็นคนหัวไวและเล่นกีฬาเป็นประจำอยู่แล้ว เมื่อน้องขับเองได้เมฆาจึงเช่าเจ็ทสกีอีกคันเพื่อขับเล่นด้วยกัน
หลายครั้งที่เห็นว่าจงรักอ่อนโยน อ่อนหวาน ดูน่าปกป้องและน่าทะนุถนอม แต่ความจริงแล้วจงรักก็เหมือนกับผู้ชายคนหนึ่งที่เข้มแข็งและดูแลตัวเองได้ สามารถทำอะไรได้ทุกอย่างเหมือนกันกับเขา ทั้งกินเหล้า ทำสวน ซ่อมหลอดไฟ เล่นบอล เล่นเกมและอีกหลายๆอย่าง อยู่กับจงรักเขาไม่เคยห่วงว่าต้องเทคแคร์ตลอดเวลา แต่ที่ทำให้ทุกวันนี้เพราะอยากทำให้จริงๆ อยากดูแลและปกป้องด้วยใจจริง เหมือนกับที่จงรักทำให้เขาโดยไม่หวังอะไร เขาเองก็รู้ดีและสัมผัสได้ถึงความรักของน้อง
บางทีนี่อาจเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เขาหลงรักจงรักเพิ่มขึ้นทุกวันก็เป็นได้ หลังจากเลิกเล่นเจ็ทสกีแล้วเมฆากับจงรักพากับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า กว่าจะเสร็จเวลาก็เลยไปถึงเที่ยงกว่า ทั้งสองคนตกลงฝากท้องกับร้านอาหารริมทะเลที่อยู่ไม่ไกลจากรถเท่าไหร่ มื้อนี้เป็นข้าวเหนียวส้มตำไก่ย่าง แต่มาทะเลทั้งทีจะไม่กินอาหารทะเลก็กระไรอยู่ จงรักจึงสั่งต้มยำทะเลกับกุ้งเผามาเพิ่มอีกสองอย่าง นั่งเก้าอี้ผ้าใบกินอาหารกลางวันไปเรื่อยๆไม่รีบร้อน พออาหารหมดหนุ่มๆทั้งสองคนก็เอนหลังบนเก้าอี้ผ้าใบนั้นแล้วจิบน้ำมะพร้าวเย็นๆไปด้วย
นอนมองทะเลไปพลางคุยกันไปพลาง พอลมพัดเย็นๆหน่อยก็เคลิ้มหลับ ไม่รู้ว่าหลับไปนานแค่ไหน แต่จงรักตื่นขึ้นมาสะลืมสะลือมองท้องฟ้าเปลี่ยนสีอมส้ม แดดอ่อนแรงลงเหมือนจวนจะเย็นย่ำ ผินหน้ากลับมาหาเมฆาก็พบว่าดวงตาคมดุนั้นได้จ้องมองมาที่เขาอยู่ก่อนแล้ว
“ตื่นนานแล้วเหรอครับ” จงรักถาม
“หลับไปแค่ยี่สิบนาทีก็ตื่น เสียงเด็กๆเล่นน้ำกันเจี๊ยวจ๊าว ไม่รู้คนแถวนี้ทำไมถึงหลับลึกนัก” เมื่อได้ยินเมฆาว่าหยอก จงรักจึงบอกเก้อๆ
“ก็ลมมันพัดเย็นสบายดีนี่ครับ อีกอย่างเมื่อเช้าตื่นตั้งแต่ไก่โห่”
“หึๆ พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่” คนหน้าดุหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะชวนน้องกลับ “เรากลับกันเลยไหม เดี๋ยวจะแวะซื้อของฝากฝากบ้านคุณไอกับไอ้วินด้วยไม่ใช่เหรอ”
“ดีเหมือนกันครับ ถึงบ้านจะได้ไม่ดึกมาก” จงรักเห็นด้วย
“ขากลับพี่ขับเองนะ เราเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พลัดกันบ้าง”
“แล้วพี่เมฆไม่เหนื่อยเหรอครับ เราเล่นด้วยกันนี่ เปลี่ยนกันขับคนละครึ่งทางก็ได้นะครับ” จงรักว่าอย่างเป็นห่วง
“พี่ขับรถบ่อย แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก” เพราะทำงานต่างจังหวัดบ่อยๆ เรื่องขับรถแค่นี้เมฆาจึงไม่รู้สึกว่าหนักหนาอะไร แต่น้องเล่นกีฬามาทั้งวัน ไอ้ครั้นจะให้ขับรถอีกก็สงสาร ยิ่งเห็นเป็นมือใหม่หัดขับด้วยยิ่งแล้วใหญ่
“อย่างนั้นก็ได้ครับ” จงรักยอมตกลงตามนั้น เนื่องจากเขาเองก็รู้สึกปวดหนึบๆที่ขาสองข้างอยู่เหมือนกัน พอตกลงกันได้ทั้งคู่จึงเดินไปขึ้นรถแล้วขับกลับกรุงเทพ
ก่อนออกจากชลบุรีจงรักให้เมฆาแวะซื้อของฝากจากตลาดหนองมน เพื่อนำไปฝากครอบครัวของไอและเฮียวินด้วย ตั้งใจว่าวันรุ่งขึ้นจะเอาไปให้ไอที่ I PROMSE TOWER เนื่องจากมีงานจัดดอกไม้ให้คู่แต่งงานไฮโซลูกชายเจ้าของธุรกิจโรงแรมใหญ่แต่เช้า ส่วนเมฆานั้นอาสารับหน้าที่เอาของฝากไปให้กับวินเอง ทุกอย่างจึงลงตัวพอดี
“ผิวไหม้หมดเลยนะเราน่ะ” เมฆาว่าขณะเลี้ยวรถเข้าหมู่บ้าน เขาสังเกตเห็นตั้งแต่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าตั้งแต่ตอนกลางวันแล้ว จงรักเป็นคนผิวขาว พอโดนแดดจัดๆจึงทำให้ผิวไหม้ได้ง่าย
“นิดหน่อยครับ เดี๋ยวกลับไปเอาครีมทารอให้มันลอกสองสามวันก็หาย” จงรักลูบแขนตัวเองแล้วว่า
“คราวหลังหาที่อื่นไปดีไหมนะ ทะเลมันแดดแรง”
“ทะเลก็สนุกดีนะครับ พี่เมฆไม่ชอบเหรอ”
“พี่ชอบน้ำตกมากกว่า แบบที่ห้วยทรายเหลืองบ้านรักน่ะ เย็นดีนะ ถ้าไม่ไปหน้าหนาวคงลงเล่นน้ำได้” นึกถึงตอนไปเที่ยวน้ำตกแล้วเมฆารู้สึกว่าเขาชอบแบบนั้นมากกว่า ต้นไม้เยอะร่มรื่นและเย็นสบาย
“ช่วงสงกรานต์เดี๋ยวผมพาไปอีก แต่คราวนี้หน้าร้อนน้ำคงน้อยหน่อย คนก็คงเยอะด้วยเด็กปิดเทอม” นึกถึงน้ำตกในช่วงหน้าร้อนนั้นถือว่าเป็นสถานที่ยอดนิยมเลยก็ว่าได้
“มันเป็นธรรมดาอยู่แล้วล่ะนะ”
“ตกลงว่าวันหยุดสงกรานต์กลับบ้านผมนะครับ พี่ไม่ได้มีแพลนไปไหนใช่ไหม”
“ไปบ้านเรานั่นแหละ พี่สัญญากับพ่อแล้วว่าจะพารักกลับ ปีใหม่ก็ไม่ได้ไป” เมฆาได้โทรไปคุยกับพ่อจรัญอยู่เนืองๆ ครั้งล่าสุดได้ตกปากรับคำว่าจะไปเที่ยวปีใหม่เมืองที่เชียงใหม่พร้อมลูกชายคนเล็กของบ้านไว้แล้วด้วย
“แอบคุยกันอีกแล้วนะครับ ไม่เห็นเล่าให้ฟังบ้างเลย” ถึงจะพูดเหมือนน้อยใจหากแต่จงรักไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น กลับกันเขากลับดีใจที่พี่เมฆเข้ากันได้ดีกับพ่อและทุกคนในครอบครัว
“กลัวพี่จะกลายเป็นลูกรักแทนเราหรือไง” เมฆาเลิกคิ้วถาม
“เปล่าครับ ก็แกล้งแซวไปอย่างนั้นแหละ ความจริงน่ะดีใจที่พี่เมฆเข้ากันดีกับพ่อแล้วก็พี่จิ”
“ท่านเป็นพ่อรัก พี่ก็ปฏิบัติกับท่านเหมือนพ่อของพี่นั่นแหละ” เมฆาว่าพลางยกมือข้างหนึ่งขยี้หัวคนตาคมที่ยิ้มหวานไม่ยอมหุบด้วยความหมั่นเขี้ยว ทว่ามือหนาก็ชะงักแล้วชักกลับไป เพราะดวงตาคมดุเห็นรถหรูคันหนึ่งจอดขวางทางเข้าบ้านตัวเองเอาไว้
“ใครมาจอดรถขวางทางเข้าบ้านเรา”
“นั่นสิครับ” จงรักถอนสายตาไปมองก็เห็นแบบเดียวกัน
เมื่อเมฆาเคลื่อนรถมาจอดต่อท้าย รถคันนั้นก็ไม่มีท่าทีจะขยับเขยื้อนทั้งที่ยังไม่ได้ดับเครื่อง นั่นแสดงว่าต้องมีคนอยู่บนรถ ร่างสูงจึงบีบแตรใส่สองที ทว่าผลก็ยังเป็นเหมือนเดิมคือเจ้าของรถไม่ขยับทางให้
“มีคนอยู่บนรถนี่ ทำไมไม่ขยับให้นะ” คนหน้าดุว่าเสียงเรียบ
“เดี๋ยวผมลงไปดูให้ครับ” จงรักขันอาสาก่อนจะเปิดประตูรถลงไป
เมฆานั่งรออยู่บนรถเพียงครู่เดียว เห็นจงรักเดินไปเคาะกระจกตรงที่นั่งคนขับ แล้วก็คุยอะไรกับคนขับครู่หนึ่ง จากนั้นน้องก็รีบวิ่งกลับมาหาเขาด้วยสีหน้าฝืดเฝื่อน น้องไม่ยอมขึ้นรถ แต่กลับมาเคาะกระจกฝั่งที่เมฆานั่งแทน คนหน้าดุจึงจำใจต้องเลื่อนกระจกรถลงมาหา
“ใครน่ะรัก”
“
หนึ่งนทีน่ะครับ”
“หนึ่งเหรอ? มาทำไม” เสียงที่พูดเรียบเฉยจนฟังดูเหมือนเมฆากำลังอารมณ์ไม่ดี
“ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่เขาเมามาก พูดไม่รู้เรื่องเลย พี่เมฆลงมาดูหน่อยสิครับ”
“เมาแล้วยังขับรถอีก ปล่อยให้นอนอยู่อย่างนั้นแหละ ทำไมต้องดู” ยิ่งได้ยินที่จงรักพูดเมฆายิ่งรู้สึกไม่ชอบใจ
“ผมจะช่วยก็ไม่ยอม
เพราะหนึ่งเขาเรียกหาแต่พี่ เขาแทบไม่ได้สติแล้ว จะปล่อยให้นอนแบบนั้นได้ยังไงครับ” แม้จะรู้สึกไม่ชอบใจและไม่สบายใจแต่จงรักก็ต้องยอมให้เมฆาลงมาดูอดีตคนรัก เพราะเขาคงปล่อยให้หนึ่งนทีอยู่ในสภาพที่เห็นเมื่อกี้ไม่ได้ “ลงมาดูหน่อยเถอะนะครับพี่เมฆ จะได้เอารถเข้าบ้านด้วย”
“ก็ได้ๆ” จงรักถอยให้เมฆาออกมาจากรถ ก่อนจะเดินตามคนหน้าดุไปยังรถของคนที่เขาไม่อยากเผชิญหน้ามากที่สุด
<><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><>
มาครบ 100 แล้วนะคะ
อยู่เวิ่นนานไม่ได้พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า ขอตัวไปนอนก่อนค่ะ
ละอองฝน
[16/03/2558 ,23:32]