39
บางแสนยามบ่ายวันนี้ คราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว เนื่องจากเป็นวันเสาร์ กอปรกับอากาศยามบ่ายคล้อยที่เริ่มร้อนระอุทำให้ผู้คนต่างพากันมาเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์ เช่นเดียวกับมิวและครอบครัว ที่มาพักผ่อนตากอากาศ คุณศรัญญูซื้อบ้านหลังนี้ไว้ ตั้งแต่สมัยรุ่นหนุ่มหลังจากกลับมาจากเมืองนอกโดยหวังว่าจะใช้พักผ่อนตากอากาศ ในยามวัยเกษียณ
บ้านหลังสีขาวติดกับทะเลยามนี้ ช่างสดใสนัก ถึงแม้มิวจะมองไม่เห็นแต่สัมผัสได้ถึงความสดชื่นของทะเล ลมพัดโกรกตลอดเวลา มิวนั่งซึมซับกับบรรยากาศนานไว้ให้นานที่สุด
“ มิว ไม่ร้อนหรือ เดี่ยวพี่พาเข้าไปในบ้านนะ ”
“ เก็บของเสร็จแล้วหรือครับ เสียดายมิวไม่ได้ช่วยทุกคนเลย ”
“ เพิ่งเสร็จจะ ปะ ๆ ข้างนอกร้อนนะ เดี่ยวพี่ ชงน้ำหวานให้กิน ”
“ ไม่เป็นไรฮะ..อากาศกำลังสบาย มิว ขออยู่นี้สัพพักนะครับ ”
“ แต่..พี่ว่า. ”
“ เอ่อ พี่มาคะ คุณป้าเรียกค่ะ เดี่ยว เบนจัดการเองค่ะ ” เบนที่ติดสร้อยห้อยตามมากับทริปครั้งนี้รีบเสนอตัว ดูแลมิวอย่างรวดเร็ว
“ อืม จ๊ะ งั้นพี่ฝากดูแลมิวด้วยนะ ”
“ ค่ะ เดี่ยวเบนจะดูแลอย่างนี้เลยยย ”
“ จ๊า..เดี่ยวพี่ให้แม่บ้านเอาของว่างมาให้นะ ”
“ ค่ะ.. ”
“ มิว... ”
“ ว่าไงเบน ”มิวเอ่ยขึ้นเบา ๆ เมินหน้าไปทาทะเล แวบแรก เขาเห็นแสงสีเข้าในเปลือกตาพร้อมกับ เสียงคลื่นซักฝั่ง “ เห็น ....เราเห็น ”
“ เห็น ? เห็นอะไรหรือมิว ”
“ ทะเล เราเห็นทะเล ”
“ อะไรนะ..จริงเหรออออ ”
“ ใช่ ”มิวยิ้มแก้มปริทั้งน้ำตา พยายามโฟกัสภาพตรงหน้าพร้อมกับกระพริบตา
“ จริงเหรอ มิว ฉัน ดีใจจังเลยยยยยย ในที่สุดแกก็มองเห็น ” เบนดีใจไม่แพ้มิว
“ หาย หายไปแล้ว ”มิวเศร้าใจอีกครั้งเมื่อรู้ว่า สายตากลับมามืดบอดเหมือนเดิม
“ โถ่มิว ..เอาเหอะนะอย่างน้อยก็เป็นนิมิตหมายอันดีแล้วนะ ”
“ ฮะ..ฮึก ”มิวสะอื้นตัวโยน
“ มิว อย่าไปเครียด ยังไงแกก็ต้องหาย อยากไปสวนดอกไม้ไหม ฉันถามแม่บ้านบอกว่าเขาปลูกไว้ตรงข้างบ้านน่ะอยากไปไหม ”
“ ถึงไปก็มองไม่เห็น เหมือนเดิม ”
“ มองไม่เห็นแค่สัมผัสด้วยใจฉันว่า มันคงรู้สึกดีไม่น้อยนะ ”เบนพูดพลางเขนรถวิวแชร์มุ่งตรงสู้สวนดอกไม้ ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพ่อถึงให้เขานั่งรถเข็นทั้งๆที่ขาของเขาก็ไม่ได้เป็นอะไร เพียงแค่ตาบอดเท่านั้น แต่ก็ไม่อยากทำให้พ่อลำบากใจนักจึงเลยตามเลย
เวลาผ่านไปไม่นาน รถเข็นก็หยุดที่บริเวณหนึ่ง ซึ้งมิวอนุมานว่าน่าจะเป็นสวนดอกไม้ตามที่เบนบอก
“ ถึงแล้วเหรอ...อากาศดีจังเลยนะเบน เรารู้สึกสดชื่นจังไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ ”
“ ………. ”
“ เบน ...ฟังฉันอยู่หรือเปล่า”
“ ................ ”มิวรู้สึกใจหายชอบกลเมื่อพูดออกไปแต่กับไม่ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของเพื่อนสาว
“ เบน เบน ไปไหนอะ เบน อย่าแกล้งเรานะ เราไม่ขำนะ ”มือเล็กพยายามลุกจากรถเข็น ควานหาบาสิ่งบางอย่างสะเปะสะปะ
โอ้ยยย อุกกกกกกกก มิวลุกขึ้นเดินออกมาสะดุดกิ่งไม้ล้มลง ปะทะ กับร่าง ร่างนึงอย่างแรง
“ อุ้ยยยย.... ” สัมผัสริมฝีปากบางเบา ทำเอาคนตรงหน้าหายเหนื่อยสนิท นานเท่าใดแล้วนะที่เขาไม่ได้ กอดร่างเล็ก และจุมพิตร่าง ร่างนี้นานเท่าใดแล้วนะ
“ อื้มมมม....ชื่นใจจัง ” เสียงคุ้นเคยเข้าสู่โศตประสารทของมิวอีกครั้ง ถึงมองไม่เห็นแต่ก็จำได้แม่นว่าสุ่มเสียงนี้เป็นของใคร
“ คุณ?? ”
“ มิว...ฉันคิดถึงนายจังเลย ”
“ มาทำไม ”มิวพูดลุกขึ้นพร้อมกับปัดตัวสะเปะสะปะ
“ ก็คิดถึงอะ....มาเดี่ยวฉันช่วย ”
“ ปล่อยนะ...ถ้าไม่อยากโดนคนของพ่อผมซ้อมก็รีบกลับไปซะ ”
“ มิว... ”แววตาตัดพ้อนั้นมองมาที่มิว อยากให้เห็นเหลือเกินว่าสภาพหินตอนนี้ มันหมดสิ้นซึ่งสง่าราศีมากแค่ไหน
“ ผม..คิดว่าถ้าผมเลิกยุ่งกับครอบครัวคุณ ชีวิตผมอาจจะดีกว่านี้ก็เป็นได้ ”
“ ฉันไม่ได้ มาให้ขอให้นายยกโทษให้ฉัน เพราะฉันรู้ว่านายคงโกรธและเกลียดฉันมากแค่ไหน แต่ขอ ขอสักอย่างหนึ่งว่าอย่า
โกรธอย่าเกลียดฉันไปมากกว่านี้เลย รู้ไหม..ฉันเจ็บปวดมากแค่ไหนที่เห็นนายเป็นอย่างนี้ ”
“ ฮะ ฮึก...ก กลับ ไปเหอะ มันสายเกินไปแล้ว ”มิวสะอึกพูดช้าชัดๆ ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือออกไป
“ ครับ ..ถ้ามิวอยากให้พี่ไป พี่ก็จะไปจากมิว ขอแค่วันนี้วันเดียว ขอแค่ได้อยู่กับมิวของพี่สักวัน แล้วพ้นจากวันนี้ พี่จะไปจาชีวิตมิว” หิน นั่งคลุกเข่าจับมือมิวมาสัมผัสอย่างนุ่มนวล
“ ...................... ”เหมือนมีอะไรไม่รู้มาจุกที่คอ ทำให้มิวไม่สามารถพูดประโยคต่อไปได้
“ อยากได้ดอกไม้ไหม เดี่ยวไปเอาให้ ”
“ ม ไม่ต้อง ”
“ ทำไม ”
“ ขอแค่ชื่นชมมันอยู่ตรงนี้ก็พอแล้ว อย่าไปเด็ดมันเลย เสียดายกว่าจะออกดอก ”
“ หึ นายนี่ ยังมองโลกในแง่ดีอีกตามเคย นะ ” หิน ลูบผมมิวเบา ๆ
“ อยากไปหาดไหม เดี่ยวพาไปเล่นน้ำ ”
“ อืม ”
เพียงแค่สัมผสกับน้ำทะเลครั้งแรกมิวก็ร้องจ๊าก เพราะน้ำทะเลมันช่างเย็นชื่นใจนัก
“ อืมม เย็น ดีจัง ” มิวเก้ๆกังๆ กระโดดโลดเต้น เล่นน้ำทั้ง ๆที่ยังมองไม่เห็นแต่รู้สึกว่ามันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ตนเพิ่งสัมผัสเป็นครั้งแรก
“ ฮ่า ๆ ” หินรู้สึกขันทั้งที่จับมือสองข้างของมิว ที่แสดงอาการคนตื่นทะเล
“ หัวเราะทำไม อะ.. ”
“ ก็ตลก น้องมิวนี่ครับ ”
“ แหวะ มาน้องมงน้องมิวอะไร จะอ๊วกกก ”
“ ฮ่า ๆ ไม่ดีเหรอครับ ”
“ บ้า อยากไปว่ายน้ำจัง ”
“ เอาไว้ให้มองเห็นเดี่ยวพาไป ”หลังจากประโยคนี้พูดออกจากปากหินเสร็จ สีหน้ามิวดูสลดลง ทันที เช่นเดียวกันกับหินรู้สึกใจแป๋วลงทันทีเขาอยากจะตบปากตัวเองสักร้อยครั้ง “ มิว พี่ขอโทษ ”
“ ไม่เป็นไรหรอกครับ....ถ้าชะตาชีวิตผมจะต้องตาบอด ตลอดชีวิต มันก็ต้องเป็นไปตามนั้น ”
“ มิว อย่าพูดอย่างงั้นสิ้ ยังไงคนเราก็ต้องมีความหวังนะ ”
“ ความหวัง อันหริบรี่ ”
“ มิว อย่าพูดอย่างงั้นสิ้ เอ่อ....พี่ว่าเรากลับขึ้นบ้านได้แล้วนะ อากาศเริ่มเย็นมากแล้ว ”
“ แล้วเรา.... ”
“ อืม ไม่เป็นไร วันนี้เราเจอกันวันสุดท้าย แต่อนาคตข้างหน้าไม่แน่ ”
“ เฮอะ...กวน ผมจะขึ้นบ้าน แล้ว”
“ครับ เดี่ยวพี่ไปส่งนะ ”
“ จะบ้าหรอ ไม่กลัวพ่อผมเอาปืนไล่ยิงหรือไง ”
“ กลัวดิ้...แต่อยากได้ลูกชายเขาก็ต้องยอมนี่ครับ ”
“ อยาก กินลูกตะกั่วแทนข้าวเย็นเหรอ ”
“ เอานา อย่างน้อยก็แค่ตาย แต่ตายในอ้อมกอดมิวพี่ก็ยอม ”
“ แหวะจะอ๊วกกกกกกกก ” มิวหน้าแดงเผลอยิ้มขึ้นมาทันที
“รู้ไหม ว่าตอนนี้หน้ามิวแดงมาก แล้วดูน่ารักมากมายเลยครับ ฮึๆ ”
“ เปล่าไม่ได้เขินสักหน่อย ”
“ เอ้า ไม่ได้ว่ามิวเขิน นี่ เอ๊ะ หรือว่าเขิน จริงๆ ฮึๆ”
ดวงตะวันกำลังลาลับขอบฟ้า ถ้าใครเดินผ่านบริเวณหาดบางแสนยามนี้จะเห็น ชายหนุ่มรูปงามกำลังเดินจูงมือกับหนุ่มร่างเล็กท่าทางสดใสน่ารัก ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ความหวังครั้งใหม่ของทั้งสอง หินสัญญากับตัวเองว่าจะกุมมือน้อยนี่ไปตลอดชีวิตและพร้อมที่จะเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ ที่กำลังถาโถมเข้ามา โดยมี คนข้างกายคอยเป็นกำลังใจให้อย่างเสมอ..
...จบบริบูรณ์....
ขอบคุณเพื่อนที่ติดตามนิยายเรื่องนี้มาร่วม สี่เดือน ขอบคุณมากๆๆครับ เป็นนิยายเรื่องแรกของผมที่สาหัสสากันมากแต่ละตอนที่เพื่อน ๆ ได้อ่านนั้นกว่าจะคิดออกมาแต่ละตัวอักษรมันก็ยาก สุด ๆ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36381.0ภาคต่อของเรื่องนี้ครับ ใครยังไม่รู้ตามอ่านได้น๊า แค้นเสน่หา ภาค๒ ก็อวสานจบแล้วเช่นกัน รอรวมเล่มอยู่ครับ