My First Boyfriend Part 3:By Katesnk
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My First Boyfriend Part 3:By Katesnk  (อ่าน 172923 ครั้ง)

ltahset

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่52 19/3/09
«ตอบ #480 เมื่อ20-03-2009 11:23:36 »

:sad4:

เมื่อไหร่จะแฮปปี้สักที


คิดเหมือน แนนเลยอ่คร้าบ   :sad4:

ตามนั้น

 :sad4:

^^

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่52 19/3/09
«ตอบ #481 เมื่อ20-03-2009 21:49:50 »

นั่นดิ นั่นดิ เมื่อไหร่จะสมหวังกันซะที คลาดกันไป คลาดกันมา เฮ้อ
ม่ายรู้จาสงสารใครดี

b_hihi

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่52 19/3/09
«ตอบ #482 เมื่อ21-03-2009 15:34:05 »

 :jul1: จาลงแดงละนะ

ออฟไลน์ the_pooh9

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-3
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่52 19/3/09
«ตอบ #483 เมื่อ21-03-2009 23:31:48 »

คืนนี้ๆม่มาหรอคะพี่สาวคนสวย

I Want read the My First Boyfriend.

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่53 22/3/09
«ตอบ #484 เมื่อ22-03-2009 16:33:55 »

วันนี้ก้อไม่มาอัพเหรอ  :o12:

va_yu

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่53 22/3/09
«ตอบ #485 เมื่อ22-03-2009 16:34:38 »

แวะมารอค่ะ  :กอด1:

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่53 22/3/09
«ตอบ #486 เมื่อ22-03-2009 20:21:10 »

แม้จะไม่ได้อธิบายเหตุผลของการปฏิเสธการรับงานครั้งนี้ แต่หัวหน้าของผมก็พอจะเดาได้ว่ามีอะไรบางอย่างรบกวนจิตใจของผม หลายวันมานี้ผมเห็นเขาเดินมาเยี่ยมๆมองๆที่ห้องของผมบ่อยครั้ง

บางทีก็เข้ามาชวนทานกาแฟ ถ้าเห็นผมตั้งท่าจะอยู่ทำงานต่อตอนเย็น เขาก็มาไล่ให้ผมกลับไปพักผ่อน เขาเคยพูดกับผมว่าเขาเข้าใจดีถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับผม

เขาผ่านโลกมาเยอะและรู้ว่าการพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นทุกข์ แต่อยากให้ผมมีสติมากกว่านี้ การทำงานแบบบ้าคลั่งเพื่อให้ลืมความทุกข์ทรมานไม่ใช่ทางออกในการแก้ปัญหา ถ้าหากมันล้าแล้วก็อนุญาตให้ผมหยุดได้บ้าง ซึ่งผมก็ไม่เคยใช้สิทธินั้น

จนกระทั่งวันที่เขาขอให้ผมไปบรรยาย ผมจึงได้ร้องขอ ซึ่งเขาก็ไม่ถามไถ่ อนุญาตให้ผมหยุดงานได้ อาทิตย์หนึ่ง แต่มีข้อแม้ว่าต้องเคลียร์งานทุกอย่างให้ลงตัว จะเหลือทิ้งไว้ให้ลูกน้องทำ จะต้องเป็นงานที่อยู่ในอำนาจการตัดสินใจของพวกน้องๆในฝ่ายได้ โดยไม่ต้องผ่านผม และจะต้องจัดการสอนคนให้ขึ้นบรรยายแทนผมได้โดยไม่มีข้อผิดพลาด หากผมไม่สามารถทำทุกอย่างได้ ผมจะต้องเป็นฝ่ายไปบรรยายเอง

นั่นเป็นโจทย์ที่ผมจะต้องแก้ให้ได้ ผมจึงต้องหอบงานกลับมาทำที่บ้านในวันหยุด ร่างแผนงานที่จะสอนลูกน้องของผม หากเขาทำได้ ผมจะได้หยุด แล้วไปหาเดียร์ทันทีที่กลับมาถึงเมืองไทย

นี่ก็ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้ว ตั้งแต่เขาไปอเมริกา ยังไม่มีข่าวคราวส่งมาทั้งจากทางน้อยและคุณแคท แต่ผมก็ยังไม่ละความพยายาม ตอนนี้ทำงานของตัวเองก่อน เดียร์ทำในส่วนของเขา และผมทำในส่วนของผม พอผมหาเวลาว่างได้เมื่อไหร่ ผมจะไปตามหาหัวใจของผมทันที

อาทิตย์ต่อมา ผมจัดคอร์สอบรมความรู้ให้กับพนักงานของผม โดยเลือกคนที่พอจะมีวี่แววที่จะบรรยายได้ มาติวเข้มเป็นพิเศษ เรื่องความรู้ทางด้านหลักการ และวิธีการตอบคำถาม

เพราะผมรู้ว่าผู้บริหารแต่ละคนจะเขี้ยวลากดิน หากผู้ให้ความรู้ทำท่าลังเลไม่มั่นใจในการบรรยาย มีหวังถูกต้อนจนมุมตายคาเวที ผมให้พนักงานของผมทดลองขึ้นบรรยายด้วย เพื่อทดสอบความพร้อมของเขา ฝึกซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนพวกเขาหายประหม่า และบรรยายได้อย่างรู้เรื่อง

ระหว่างนั้น ผมก็จะติดตามข่าวคราวของเดียร์จากคุณแคทและน้อยเป็นระยะ รวมถึงโทรไปตามเบอร์ที่สมฤทัยให้ด้วย แม้ว่าจะยังไม่ได้ข่าวสารของเดียร์ที่ช่วยให้ใจชื้นขึ้นมา แต่ผมก็ยังเดินหน้าทำงานของตัวเอง และรอคอยอย่างมีความหวังต่อไป

ผมส่งอีเมล์หาเดียร์วันละฉบับช่วงหลังๆ ผมจะเล่าภาระกิจประจำของผมให้เขาฟัง ว่าทำอะไรบ้าง เหมือนเป็นรายงานให้เขารู้กลายๆ และลงท้ายด้วยการอ้อนวอนให้เดียร์รีบกลับมาเร็วๆทุกครั้ง แต่ยังไม่มีการตอบกลับจากเด็กหนุ่ม เขาคงยุ่งมากจนไม่มีเวลาเช็คอีเมล์ของตัวเอง

และแล้ววันที่หัวหน้ากำหนดเส้นตายไว้ก็มาถึง ผมส่งมอบงานให้เขาได้ตามที่ต้องการ หัวหน้ายอมให้ผมลาพักร้อนได้ตั้งแต่วันจันทร์เป็นต้นไป เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์หลังจากที่ได้ฟังการบรรยายของลูกน้องที่ผมคัดเลือกมา 3 คน

ทั้งหมดไม่ทำให้ผมผิดหวัง แม้จะยังมีประหม่าอยู่บ้างที่ต้องบรรยายต่อหน้าเจ้านายที่เหนือผมขึ้นไปอีก แต่พวกเขาก็พยายามทำมันจนสำเร็จ ผมรู้ว่าหัวหน้าไม่ได้พอใจร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เขายอมรับในศักยภาพของลูกน้องของผม และคาดหวังว่าคนเหล่านี้จะเป็นกำลังสำคัญของบริษัทสืบไป

“พวกเธอแบ่งเบาภาระคุณเรียวได้เร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะเป็นผลดีกับพวกเธอเท่านั้น ที่จะเติบโตก้าวหน้าในอาชีพ ส่วนคุณเรียวก็คงจะขยับต่อไปอีก บางทีเขาอาจจะอยากเป็นเจ้าของธุรกิจเองก็ได้”

เจ้านายผมพูดยิ้มๆเป็นเชิงหยอกล้อ ผมยิ้มตอบ และกล่าวขอบคุณเขาที่ให้โอกาสผม
“ขอเค้กทีรามิทซุ กับกาแฟร้อนที่หนึ่งครับ”

สั่งออเดอร์กับพนักงานเสริฟ ไป ทานกาแฟจะได้ตาสว่างคืนนี้ผมกะเฝ้าเด็กหนุ่มทั้งคืน เมื่อกลางวันหลับมามากพอแล้ว ตอนนี้ยังไม่ง่วง แต่เพื่อความไม่ประมาท ผมเลยทานกาแฟเพื่อให้ไม่หลับไปก่อน แถมซ้ำ ผมยังหิ้วโน้ตบุคส์มาทำงานด้วย จะได้มีอะไรทำแก้เหงา ระหว่างรอพาเขากลับบ้านด้วยกัน

วันนี้เดียร์ไม่ได้ทำงานที่หน้าเคาน์เตอร์ เขาทำงานอยู่ในครัว คอยดูแลเกี่ยวกับเรื่องทำอาหาร การทำเครื่องดื่ม และขนม เขาขลุกอยู่ในนั้นทั้งคืน นานๆจะโผล่ออกมาที่เคาน์เตอร์เพื่อรับออเดอร์ช่วยเพื่อนที่กำลังยุ่งอยู่ ผมเฝ้ามองเด็กหนุ่มอย่างเพลิดเพลิน ใจก็รอเวลาที่เดียร์จะเลิกงาน ซึ่งจาก 4 ทุ่มถึง 6 โมงเช้ามันก็นานโขอยู่ เพราะตั้ง 8 ชั่วโมงไม่เคยรอใครนานขนาดนี้มาก่อนเลย

ว่าจะฝืนสังขารไม่หลับ แต่ผมก็คอพับคออ่อนจนได้ สงสัยมันคงจะนาน แล้วงานที่หอบมามันมีน้อย แป๊บเดียวผมก็ทำจนเสร็จ เมื่อไม่มีอะไรทำผมก็ไปหาหนังสือมาอ่าน นั่งสักพักก็เผลอหลับไป แต่คราวนี้ตื่นเร็วหน่อย ประมาณตีสองผมตื่นขึ้นมา ก็พบว่ามีเสื้อยีนส์คลุมตัวผม เพื่อให้ความอบอุ่น อุปาทานหรือเปล่าไม่รู้แต่ผมได้กลิ่นที่คุ้นจมูกจากเสื้อตัวนั้น กลิ่นหอมจากโคโลญจน์ ที่เดียร์ใช้เป็นประจำ ถ้างั้นเสื้อตัวนี้ก็คงเป็นของเขาแน่ๆ

พนักงานเสิร์ฟเดินขึ้นมาเคลียร์โต๊ะที่ลูกค้าเพิ่งลุกไป ผมถามถึงเดียร์ทันที ก็ได้รับคำตอบว่ากลับไปแล้ว วันนี้ เดียร์มาทำงานตั้งแต่ 6 โมงเย็น เพราะว่าพรุ่งนี้ เขาต้องไปทำธุระแต่เช้า เลยขอเข้างานก่อน ผมรู้สึกผิดหวังที่ไม่ได้เจอเดียร์อีกแล้ว พยายามคิดในแง่ดีว่าเขาคงมีธุระจริงๆ คงไม่ได้ตั้งใจหนีผมไป การคิดในแง่นี้มันช่วยทำให้ผมสบายใจขึ้น ไม่อยากจะคิดว่าตัวเองถูกเดียร์ทิ้งเสียแล้ว

ล่วงเข้าวันพฤหัสแล้ว ผมยังไม่ได้คุย หรือเจอหน้าเดียร์ตรงๆเลย แต่ผมก็ไม่ละความพยายามหรอก เป็นไงเป็นกัน คืนนี้ผมจะต้องคุยกับเขาให้ได้ อีกไม่กี่วันแล้วที่ผมต้องกลับไปทำงาน ผมคงไม่มีเวลามานั่งเฝ้าเดียร์กลางค่ำกลางคืนแบบนี้ทุกวันแน่

วันนี้ผมไปดึกหน่อย หลังจากอยู่บ้านหลับเอาแรง และทำงานทำการอย่างอื่นๆเรียบร้อยแล้ว ผมขนหนังสือนิยายที่ตั้งใจจะอ่านไปด้วย เป็นนิยายสืบสวนสอบสวน หวังว่าความตื่นเต้นของมันจะทำให้ผมวางไม่ลง และไม่หลับไปก่อนที่เดียร์จะกลับบ้าน

ยิ่งดึก คนก็ยิ่งบางตา แต่พอช่วงที่บาร์เลิก ร้านกาแฟก็กลับมาคึกคักเหมือนเดิม คนที่ออกมาจากที่เที่ยวเริ่มทะยอยกันเข้ามานั่ง บางคนพาเพื่อนมาแวะพักทานน้ำทานอาหารก่อนกลับบ้าน บางคนก็พาคนที่รู้จักกันในที่เที่ยวมานั่งคุยเพื่อสานความสัมพันธ์ต่อ บางรายเมามายล้วงควักกอดจูบกันตามมุมมืดของร้านอย่างไม่กลัวคนจะมอง มีบ้างที่ทำท่าจะเข้ามาทัก หรือพูดคุยกับผม แต่ผมไม่ได้ให้ความสนใจในตัวใคร เพราะเป้าหมายผมไม่ได้มาหาแฟนใหม่ แต่ผมกำลังมาเอาคนรักเก่าของผมกลับคืน

ตีห้าครึ่งแล้ว ร้านที่เต็มไปด้วยผู้คนเมื่อสักครู่เริ่มบางตาลง อีกครึ่งชั่วโมง เดียร์ก็จะเลิกงานแล้ว ผมรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ เก็บข้าวของเตรียมพร้อม

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

หกโมงแล้ว แสงสีทองของดวงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาในร้าน พนักงานชุดใหม่เข้ามาเปลี่ยนกะแล้ว ชุดเก่ากำลังทะยอยกันกลับบ้าน ผมรีบเดินออกมาดักรอที่หน้าร้าน พอเดียร์เดินออกมาผมก็เดินเข้าไปหา และเรียกชื่อของเขา เดียร์หันมาเห็นผม เขามองทำหน้าหน้าเฉยๆ ผมเลยยิ้มค้าง ขยับอ้าปากจะชวนเขากลับบ้าน แต่ประตูก็เปิดออก พร้อมด้วย เด็กหนุ่มสามสี่คนวัยไล่เลี่ยกับเขาเดินออกมา ทั้งหมดทักทายเดียร์ที่ยืนอยู่หน้าประตู ท่าทางสนิทสนมกันดี ดูจากบุคลิกแล้วน่าจะเป็นเพื่อนๆที่เต้นอยู่ด้วยกัน เพราะหน้าตาคุ้นๆเหมือนว่าผมจะเคยเห็นพวกเขาที่งานปีใหม่ของบริษัทพวกนั้นคุยกันสักพัก ก็ชักชวนกันไปทานโจ๊กเป็นอาหารเช้าก่อนกลับบ้าน เดียร์มองผมอยู่นานพอสมควร ต่างคนต่างจ้อง ผมยืนนิ่งพูดอะไรไม่ออก ปล่อยให้เดียร์เดินจากไป วันนี้เป็นอีกวันที่ผมกลับบ้านอย่างเหงาๆ

ถึงบ้านแล้วก็เอาแต่นั่งซึม น้อยใจในตัวเดียร์ที่ไม่ยอมแม้แต่จะทักทายผม เขาไม่ต้องการจะคบกับผมอีกแล้วหรืออย่างไร ทำไมถึงได้ทำเฉยชากับผมนัก ผมกลัดกลุ้มรู้สึกไม่สบายใจ จนต้องโทรไปปรึกษากับเจ้าสันต์ มันกำลังเริงร่าอยู่กับแฟนของมัน ก็เลยไม่มีอยากจะให้ความช่วยเหลือผมเท่าไหร่ แต่ไล่ให้ผมกลับไปพยายามใหม่ อย่าท้อถอยง่ายๆ ผมไม่ได้โกรธเพื่อน บางทีผมอาจจะพึ่งพวกเขามากเกินไป เรื่องที่ผมก่อขึ้นใครก็ช่วยแก้ไม่ได้ ผมต้องจัดการแก้ปัญหาเอาเอง

เอาล่ะ ในเมื่อระฆังยังไม่หมดยก ผมก็จะไม่ยอมแพ้ ผมเติมความหึกเหิมลงไปในใจใหม่ และพร้อมที่จะลุย นึกในใจว่า ผมจะพยายามให้ถึงที่สุด อย่างน้อยๆ ถ้าหากจะต้องเลิกกันจริงๆ ผมก็ได้พยายามจะยื้อมันไว้แล้ว จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียดายในภายหลังว่าปล่อยให้เดียร์หลุดมือไปโดยไม่ทำอะไรเลย

คืนวันศุกร์ผมทำงานทุกอย่าง และเซ็นต์เอกสารที่จุ๋มหอบมาให้ เสร็จเรียบร้อย ก็ออกไปหาเดียร์ที่ร้านกาแฟตามเคย คราวนี้เดียร์มาอยู่หน้าเคาน์เตอร์คอยเก็บเงิน และรับออเดอร์ช่วยเพื่อนสลับกับการวิ่งเข้าครัวเพื่อปรุงอาหาร ตลอดเวลาเหล่านั้นผมแทบไม่มีโอกาสจะได้คุยกับเดียร์เลย ได้แต่นั่งดู คนอื่นๆเข้ามายืนพูดคุย หยอกล้อเล่นกับเขา ท่าทางเดียร์จะเป็นขวัญใจของนักเที่ยวกลางคืน และคนชอบทานกาแฟร้านนี้ เพราะไม่ว่าใครที่ผ่านไปผ่านมา ก็อดจะแวะทักไม่ได้ ซึ่งเดียร์ก็จะแสดงอัธยาศัยไมตรีที่ดี พูดคุยยิ้มแย้มด้วยตลอด

ความหวังของผมเริ่มจะริบหรี่ลง เดียร์ยังคงเฉยเมยไม่พูดไม่จากับผม ไม่รู้ว่าเขาจะแกล้งให้ผมทรมานใจไปถึงไหน ผมเฝ้าเพียรมาหาเดียร์ทุกวันด้วยหวังจะบอกเล่าความรู้สึกต่างๆในใจให้เดียร์ได้รับรู้ แต่เขาไม่เปิดโอกาสเลยสักครั้ง เลิกงานแล้ว เขาก็จะกลับบ้านไม่ร่ำลาผม หรือชวนกลับเลยแม้แต่น้อย คืนวันเสาร์ก็เช่นกัน เขาแอบออกทางหลังร้านปล่อยให้ผมรอเก้ออยู่ที่หน้าประตู ผมต้องกลับบ้านไปนอนร้องไห้เพียงลำพัง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา เขางอนผม หรือต้องการไปจากชีวิตผม ตามที่ศักดิ์ชายขอร้องกันแน่ จริงสิ ผมลืมไปสนิทใจ ศักดิ์ชายมาเล่าเรื่องทุกอย่างให้เดียร์ฟัง และพูดขอร้องให้เดียร์เลิกกับผม จนกระทั่งเดียร์ยอมตัดใจเลิกราจริงๆ เขารับปากว่าจะช่วยผมจัดการเรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้เดียร์กลับมาหาผมดังเดิม เพือชดเชยสิ่งที่เขาทำไว้
วันรุ่งขึ้น ซึ่งเป็นวันอาทิตย์ วันสุดท้ายที่ผมจะมีเวลาสำหรับเคลียร์ปัญหาหัวใจของตัวเอง ผมโทรหาศักดิ์ชาย ขอให้ออกมาพบผมในคืนวันนี้ ที่ร้านกาแฟที่เดียร์ทำงานอยู่ เพื่อนเก่าทำท่าอิดออดไม่ยอมมา ผมก็เลยยกเจ้าสันต์ขึ้นมาขู่ ซึ่งก็ได้ผล ศักดิ์ชายยอมไปกับผมเพื่อคุยกับเดียร์โดยดี ผมตั้งใจไว้ว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายแล้วที่จะคุยกับเดียร์ หากเขาไม่ใจอ่อน แสดงว่าเดียร์คงไม่ต้องการจะยุ่งเกี่ยวกับผมแล้ว ผมก็คงจะต้องปล่อยเขาไป

ผมเข้าไปที่ร้านก่อนเวลางานของเดียร์เกือบครึ่งชั่วโมง เพราะนัดศักดิ์ชายไว้ พอเห็นเดียร์เดินมา ตั้งท่าจะเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดทำงานในร้าน ผมก็รวบรวมความกล้า ชวนเดียร์มานั่งทานข้าว และพูดคุยกัน เดียร์ยอมมานั่งคุยกับผมโดยดี แต่ก็บอกว่าเขามีเวลาไม่มากนัก ขอให้ผมพูดให้ตรงประเด็นไม่ต้องอ้อมค้อม
หนังสือสารภาพของศักดิ์ชายถูกยื่นมาวางตรงหน้าเขา เพื่อนเก่าของผม กล่าวขอโทษเดียร์ที่พูดจายุแยงให้เราสองคนแตกกัน เขาสารภาพกับเดียร์ว่าเขาลงมือทำทุกอย่างเอง เพียงเพื่อต้องการจะแยกเดียร์ออกจากผม ซึ่งผมไม่ได้รู้เรื่องแม้แต่น้อย พอพูดจบมันก็ขอตัวกลับบ้าน มันคงเกรงว่าเดียร์จะไม่พอใจ แล้วลงไม้ลงมือกับมัน จึงปล่อยให้ผมเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มตามลำพัง

สีหน้าของเดียร์เรียบเฉย เล่นเอาผมใจฝ่อ แต่ผมก็พยายามทำใจดีสู้เสือ พูดออกไปในสิ่งที่ผมสู้ทนเก็บกดเอาไว้ ผมขอโทษเดียร์ในสิ่งที่เกิดขึ้น ให้สัญญากับเดียร์ว่าจะไม่หักหลังเดียร์อีกแล้ว มีอะไรก็จะพูดกันอย่างตรงไปตรงมา แถมซ้ำสัญญาเป็นแฟนที่ทำกันไว้ก็จะยังคงมีผลไปเรื่อยๆจนกว่าจะครบกำหนด สำหรับเวลาที่เสียไป จะชดเชยให้ เดียร์สามารถกลับมาอยู่ที่บ้านผมได้ตามเดิม ผมคิดถึงเขามาก บ้านที่ขาดเขามันดูไร้ชีวิตชีวา ถ้าได้กลับมาอยู่ด้วยกัน ก็จะทำให้เราสองคนมีความสุข

เดียร์รับฟังข้อเสนอ อย่างตรึกตรอง จากนั้นเขาก็ทำร้ายหัวใจของผมด้วยการปฏิเสธข้อเสนอนั้น และบอกกับผมว่า ข้อเสนอที่ทำไว้เดิมเป็นอันยกเลิก เขาไม่ต่อสัญญากับผมแล้ว ผมจะต้องชดใช้ในสิ่งที่ได้ย่ำยีความรู้สึกของเดียร์ ด้วยการจมอยู่กับความเจ็บปวดพอกัน


anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่53 22/3/09
«ตอบ #487 เมื่อ22-03-2009 20:22:00 »

ผมคอตก รู้สึกสิ้นหวัง มีความรู้สึกว่า ได้สูญเสียเดียร์ไปอย่างแน่นอนแล้ว พร้อมๆกับที่ได้สูญเสียหัวใจของตัวเองไปในเวลาเดียวกัน ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ ยอมรับชะตากรรมของตัวเอง ถ้าผมทำให้เดียร์ต้องเจ็บปวด ผมก็ยินดีรับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไป เมื่อเขาไม่รักผมแล้ว ผมก็ควรจะเดินออกไปจากชีวิตของเขา

บอกลาเดียร์แล้ว ผมก็เดินออกจากร้านนั้นอย่างเงื่องหงอยตรงไปยังลานจอดรถ เพื่อจะขับรถกลับบ้าน ตอนที่ผมเดินเกือบจะถึงรถของตนเอง ผมเห็นนายบอยกับพรรคพวกที่เคยมีเรื่องกับผมและเดียร์ที่เกาะเสม็ด ยืนเกาะกลุ่มกันที่รถของพวกเขา เหมือนกำลังซุ่มรอคอยใครบางคนอยู่

ใจหายวาบนึกไปถึงน้อยทันที สงสัยน้อยกับพวกคงสกัดกั้นนายบอยกับพวกไม่สำเร็จ เขาจึงเข้ามากรุงเทพ และตามรอยเดียร์มาถึงที่นี่ สงสัยต้องการมาแก้แค้นบุคคลอันเป็นที่รักของผม จะทำอย่างไรดี จะปล่อยเดียร์ทิ้งไว้แบบนี้ให้เผชิญหน้ากับนายบอยเพียงลำพัง หรือจะเข้าไปบอกข่าวให้เขาทราบ เพื่อจะได้เตรียมตัวทัน ผมอาจจะอยู่เป็นเพื่อนคอยช่วยเหลือเดียร์ ไม่ให้ใครมาทำร้ายเขา ถึงแม้ว่าเราจะเลิกรากันไป แต่ครั้งหนึ่งเขาก็เคยรักและทำดีเพื่อผม เราอาจจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ ผมรีบหมุนตัวกลับจะเดินเข้าไปในร้านใหม่ ใจเป็นห่วงเดียร์อยากให้เขาหนีไปเสีย จะได้ไม่ต้องมีเรื่องกันอีก

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


พวกนั้นคงจะเห็นผมแล้ว เพราะได้ยินเสียงฝีเท้าตามมา และเสียงเอะอะไล่หลัง ผมรีบวิ่งเพราะกลัวว่าจะไปไม่ถึงร้าน แล้วก็กลัวว่าจะนายถูกบอยกับพวกจับไปข่มขืน เพราะคนพวกนั้นกล่าวคำอาฆาตไว้ หลังจากที่ถูกเดียร์ ต่อยจนหน้าเกือบเสียโฉม ขณะที่ผมกำลังจะวิ่งลับต้นไม้ที่ปลูกไว้ข้างๆร้าน ผมก็ปะทะเข้ากับใครบางคนที่ยืนขวางอยู่ พอผมเงยหน้าขึ้นมอง ยาสลบก็ถูกโปะเข้าที่จมูก ผมค่อยๆทรุดลงไป ตาหรี่ปรือ เห็นนายบอยวิ่งเข้ามาหาผม ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จากนั้นผมก็หมดสติไปด้วยฤทธิ์ยา

เมื่อผมลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องที่ตกแต่งแปลกๆไม่คุ้นตา ผนังห้องทั้งสี่ด้าน รวมทั้งประตูไม้ทาด้วยสีเหลืองที่ร้อนแรง ตรงผนังห้องด้านหนึ่ง มีภาพเขียนขนาดใหญ่เกือบเต็มฝาห้องของผู้ชายสองนายที่เปลือยกายนัวเนียกันอยู่ในสวนสวรรค์ท่ามกลางเหล่านางฟ้าและทวยเทพที่มาอำนวยอวยชัย ด้วยฝีแปรงที่สวยงามกับการวาดภาพที่ออกสไตล์โมเดิร์นอาร์ต ทำให้ภาพนั้นไม่ดูอุจาดตา แต่กลับสวยงามจนน่าพิศวง

ผมไม่มีเวลาชื่นชมความงามของรูปภาพที่ตาเห็นนั้นนัก ด้วยผมได้ตระหนักว่า ผมไม่ได้อยู่ในสภาพที่เป็นปกติเหมือนที่เคยอยู่ในห้องของตนเอง ผมกำลังนอนอยู่ในห้องของใครบางคน บนเตียงที่มีฝูกหนานุ่มคลุมด้วยหนังเสือดาว โดยมือและเท้าทั้งสองข้างของผมถูกมัดติดกับหัวเตียงแต่ละมุม สภาพของผมตอนนี้ เหมือนตัวอักษรเอ็กซ์ในภาษาอังกฤษ

ความเย็นของเครื่องปรับอากาศที่สัมผัสผิวกาย ทำให้ผมรู้ว่า ขณะนี้ ทั้งร่างของผมเปลือยเปล่า ไม่มีอาภรณ์ชิ้นใดปกปิด ความหวาดระแวงต่อสถานการณ์อันล่อแหลมของตนเอง ทำให้ผมพยายามจะนึกให้ได้ว่ามีอะไรไม่ดีไม่งามเกิดขึ้นกับผมบ้างหรือไม่

สิ่งสุดท้ายที่อยู่ในความทรงจำของผมก็คือ นายบอยพี่ชายของเดียร์กำลังมองจ้องตรงมายังผม เขาชี้ไม้ชี้มือให้เพื่อนๆในกลุ่มดู และตะโกนเรียกผมให้ไปหา แต่ผมรีบเดินหนีอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะไปถึงร้านให้ได้ ผมได้ยินเสียงฝีเท้าเดินตามจากคนหลายๆคน แต่ผมไม่กล้าหันกลับไปมองด้วยกลัวว่าจะเป็นการเสียเวลาและผมอาจจะโดนขัดขวางไม่ให้ไปถึงร้านที่เดียร์ทำงานอยู่ แต่ผมยังไม่ทันก้าวเข้าไว้ ผมก็ถูกใครบางคนขวางเอาไว้และยาสลบก็ถูกโปะลงมาที่จมูกของผม จากนั้นสติสัมปชัญญะก็ดับวูบไป

ผมใจหายวาบ เมื่อคิดว่าคนที่จับผมมาอาจจะเป็นพวกนายบอยก็ได้ ตั้งแต่วันที่เขาถูกเดียร์ซัดเสียหมอบในข้อหาที่พยายามจะข่มขืนผมที่เกาะเสม็ด เขาก็กล่าวคำอาฆาตทั้งผมและเดียร์เอาไว้ เมื่อวานนี้เขากับพวกคงเจอผมเข้าพอดีเลยจับผมมาตามที่ลั่นวาจา ผมรู้สึกเป็นห่วงเดียร์ขึ้นมาทันที เพราะบอยกับพวกกำลังจะเดินไปยังร้านที่เดียร์ทำงานอยู่ เจ้าประคู้ณ ผมนึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธ์ที่ผมรู้จักรวมถึงที่เคารพนับถือ พยายามอ้อนวอนขออย่าให้คนพวกนั้นเจอเดียร์และทำอะไรกับเขาเลย ชีวิตของเดียร์เจอแต่เรื่องเลวร้ายมามาก ผมไม่อยากให้เขาเขาเจอกับปัญหา หรือสิ่งที่ทุกข์ใจไปมากกว่านี้อีกแล้ว

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

ความที่ผมห่วงเดียร์เลยไม่ทันได้นึกถึงตัวเอง พอนึกได้ผมก็รีบตรวจดูร่างกายตนเองว่ามีอะไรบุบสลายหรือเจ็บปวดตรงไหนบ้างไหม โชคดีที่ผมเพียงแต่ถูกจับเปลือยกายมัดโยงกับเตียงเท่านั้น ผิวเนื้อตัวแทบไม่มีรอยขีดข่วน ก้นของผมยังอยู่ในสภาพปกติไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไร อาจจะเป็นไปได้ว่าพวกนั้นยังไม่ได้ลงมือทำอะไรกับผม แต่ผมก็ไว้ใจไม่ได้ เพราะพวกนั้นอาจจะทำกับผมตอนไหนก็ไม่รู้ ยิ่งนายบอยขู่อาฆาตผมเสียขนาดนั้น เมื่อเขามีโอกาสแล้ว เขาต้องหาทางจัดการกับผมอย่างแน่นนอน

ผมกวาดตาไปทั่วห้อง เพื่อจะดูว่ามีใครอยู่ในห้องของผมหรือเปล่า แต่ผมก็ไม่พบใคร มีแต่ผมกับห้องที่รกไปด้วยเฟอร์นิเจอร์สีสันร้อนแรง สายตาของผมพลันไปสะดุดอยู่ที่โต๊ะไม้ที่พื้นผิวหน้าเป็นกระจก มีสิ่งของบางอย่างอยู่บนนั้น เมื่อผมมองจ้องจึงได้เห็นว่ามันคืออะไร อวัยวะเพศชายขนาดต่างๆหลากสีสันวางตั้งอยู่บนนั้น มีแส้หนัง เทียนไข กุญแจมือ หน้ากาก รวมถึงเครื่องมือหลายอย่างที่ใช้ทรมานวางปะปนอยู่ด้วย
ข้างๆกันมีเบาะที่บุด้วยหนังชาร์มัวสีแดงเลือดนก สองใบวางอยู่ ตัวหนึ่งมีรอยบุ๋มลงไปตามน้ำหนักตัวคนที่กดทับ ใครบางคนคงนั่งมองผมอยู่ตรงนั้น ส่วนอีกใบมีเสื้อผ้าที่ผมใส่มาเมื่อคืนวางพาดไว้อย่างเรียบร้อย รวมถึงกางเกงในของผมที่ทาบทับอยู่บนกางเกงขายาว เนคไทและเสื้อสูทถูกพับวางไว้บนโต๊ะกระจกนั่น ส่วนรองเท้าที่ผมใส่มา วางอยู่ใต้โต๊ะอย่างเรียบร้อย

ผมเหงื่อตกซิก ทั้งที่แอร์เย็นฉ่ำ รับรู้ได้ถึงความวิตถารของคนที่อาศัยห้องนี้ ภาพหน้าของนายบอยพี่ชายนิสัยทรามของเดียร์ลอยแว่บเข้ามา ดวงตาหื่นกระหายกับรอยยิ้มแสยะของคนที่พยายามทำร้ายผม นึกถึงทีไรก็ทำให้เกิดความหวาดวิตก นี่ผมกำลังตกอยู่ในเงื้อมมือของเขาหรือนี่ แล้วเขากับเพื่อนก็จะมาข่มขืนผมตามที่ขู่เอาไว้ ยิ่งคิดผมก็ยิ่งหวั่นกลัว ผมไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่นอน ผมเคยรอดจากการถูกเขาและเพื่อนข่มขืนเพราะเดียร์มาช่วย แต่คราวนี้ผมไม่มีใครเลย เดียร์ของผมไม่อยู่ที่นี่ เขาคงอยู่ที่บ้านเช่าของเขา คงกำลังโกรธผมอยู่ แต่ถึงเดียร์จะไม่ได้อยู่ด้วย ผมก็จะพยายามพาตัวเองให้รอดไปให้ได้ ร่างกายของผมมีไว้ให้เดียร์คนเดียวเท่านั้น ถึงแม้ว่าตอนนี้ เดียร์จะไม่เข้าใจผมและเลิกรักผมแล้วก็ตาม แต่นอกจากเขาแล้ว ผมจะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องตัวผม แม้จะต้องตายก็ยอม

ผมอาจจะคิดเหมือนผู้หญิงไปหน่อย แต่สำหรับคนที่ไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันมาก่อนอย่างผม เมื่อเกิดบังเอิญมีความสัมพันธ์แบบนั้นขึ้นมา แค่คนเดียวก็พอแล้ว จะยอมให้ผู้ชายมากมายมายุ่งเกี่ยวกับตัวผมได้ยังไง ผมยังมีความรู้สึกว่าตนเองเป็นผู้ชายอยู่ แต่ที่ผมยอมให้เดียร์ก็เพราะว่า ผมรักเขา คราวนี้ผมแน่ใจตัวเองแล้วว่าผมรักเดียร์ และผมจะเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น แม้ไม่มีเขา ผมก็จะไม่ยอมเกี่ยวข้องกับผู้ชายหน้าไหนอีก

ขณะที่ผมกำลังว้าวุ่นใจกับสถานการณ์ที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่ และพยายามที่จะหาทางหนีออกไปให้ได้ ประตูห้องก็เปิดออก ผมหยุดขยับข้อมือที่ถูกพันธนาการไว้ และหันขวับไปที่ทางต้นเสียงทันที ตาของผมเบิกกว้างเมื่อเห็นคนที่ก้าวเข้ามาในห้อง
ร่างสูงๆกับใบหน้าที่แสนคุ้นเคยในมือถือถาดใส่อาหารมาด้วย เขาปรายตามาทางผมนิดหนึ่ง แต่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเคราเขียวครึ้มยังคงบึ้งตึง ปราศจากรอยยิ้ม ผมมองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างกล้าๆกลัวๆ พยายามจะยิ้มให้เขา แต่เขาไม่ยิ้มตอบ แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังโล่งใจด้วยที่คนที่จับผมไม่ใช่นายบอยอย่างที่นึกหวั่น คนแปลกหน้าในห้องที่ตกแต่งด้วยของแปลกประหลาดวิตถารคือคนใกล้ตัวที่แสนคุ้นเคยของผม เดียร์ คนที่ผมเฝ้าคิดถึงตลอดเวลา เป็นเขาเหมือนเดิมที่กักขังผมเอาไว้

ผมกำลังจะอ้าปากคุยประโยคแรกกับเดียร์ แต่เด็กหนุ่มไม่แม้แต่จะมองมา เขาวางถาดลงบนโต๊ะกระจกนั่น แล้วก็เดินออกไปจากห้อง ไม่ยอมแก้มัดมือเท้าให้ ผมรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจเหลือเกิน คอตกเมื่อตระหนักได้ว่า เดียร์ยังไม่ให้อภัยผม แม้จะรู้สึกดีใจแค่ไหนที่ได้เห็นเขาหลังจากที่เมื่อคืนผมได้ปลงตกแล้วว่าผมไม่มีวันได้เดียร์กลับคืนมา แต่ผมก็ไม่เข้าใจในเจตนาของเขานักว่าคราวนี้เขาจับตัวผมมาทำไมอีก

สิ่งที่เดียร์แบกเข้ามาด้วย ตอนกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง สร้างความสงสัยให้ผมหนักเข้าไปใหญ่ เขาเดินมาที่ปลายเตียงและวางสิ่งที่ถือมาตรงนั้น มันเป็นกล้องถ่ายวิดีโอขนาดพกพา พร้อมขาตั้งกล้อง เดียร์กางขามันออกแล้วติดตั้งกล้องถ่ายไว้บนนั้นโดยหันเลนส์มาทางผม เขาจัดมุมและดูเรื่องแสง โดยโฟกัสมาที่ผมทั้งหมด เก็บภาพผมที่นอนเปลือยอยู่บนเตียงนั้น ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

น้ำตาไหลย้อนเข้าไปในอก เดียร์คงโกรธและหาทางแก้แค้นผมให้เจ็บสาสมกับที่ได้ทำกับเขาเอาไว้ ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง เดียร์ไม่ควรจะทำกับผมแบบนี้ แต่ความเสียใจที่ผมทำกับเขามันมากกว่าความกังวลใจต่อสิ่งที่เด็กหนุ่มกำลังทำกับผมตอนนี้ ผมได้สร้างความเจ็บปวดให้เกิดขึ้นกับเดียร์ ทำให้เขากลายเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น ไม่ไว้ใจคนอื่น ถ้าหากเดียร์เปลี่ยนไปกลายเป็นคนไร้หัวใจเพราะผม ก็สมควรแล้วที่ผมจะต้องได้รับโทษทัณฑ์นั้น

ความเจ็บปวดทำให้ผมหลับตาลง ไม่อยากรับรู้ในสิ่งที่เดียร์กำลังทำกับผม ช่างเถอะอยากเก็บภาพเปลือยของผม จะเอาไว้แบล็คเมล์อะไรก็ทำไป ผมทำใจยอมรับได้แล้ว ในเมื่อผมทำให้เดียร์ต้องเสียใจ ผมก็ต้องยอมรับสิ่งที่มันเกิดขึ้น ถึงจะคิดแบบนั้น ผมก็ยังคงเชื่อมั่นว่าเดียร์คงจะแค่สั่งสอนผม เขาจะไม่ทำให้ผมได้รับความเสียหายอย่างแน่นอน เขาเคยรักผมมาก่อน เขาคงไม่ทำร้ายผมให้ย่อยยับลงไปด้วยอารมณ์แค้นเคืองของเขา ภาพเปลือยของผม คงต้องแลกกับข้อตกลงอะไรบางอย่าง มันอาจจะเป็นข้อต่อรองในการทำสัญญาเป็นแฟนกันใหม่ ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม ผมก็ยินดีทำมัน

“ทานข้าวเถอะ”

เดียร์ร้องบอกผมเสียงห้วนๆ ผมลืมตาขึ้นมอง ก็พบว่าเดียร์ยืนชะโงกมองผมอยู่ก่อนแล้ว ตาของเขาไม่แม้แต่จะเหลือบแลไปที่ร่างเปลือยของผม ซึ่งเขาเคยบอกว่ารักร่างนี้นักหนา อยากจับต้องอยากเป็นเจ้าของตลอดไป ผมรู้สึกเจ็บปวดกับความหมางเมินของเขาเหลือเกิน

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

“ป้อนฉันได้ไหม ฉันถูกมัดมืออยู่ ทานเองไม่ได้”

ผมพยายามสบตาเขา แต่เดียร์กลับเบือนหน้าหนี เขาทรุดตัวลงนั่งที่ข้างเตียง แล้วเอื้อมมาแก้มัดที่มือทั้งสองข้างของผม เดียร์ไม่ได้ลุกขึ้นไปยังอีกฝั่งเมื่อเขาแก้มัดมือให้อีกข้าง แต่นั่งที่เดิมแล้วโน้มตัวลงไปหามือข้างนั้น ลำตัวของเขาพาดผ่านใบหน้าของผม กลิ่นที่แสนคุ้นก็โชยออกมาจากร่างของเขา มันเป็นกลิ่นที่ผสมปนเปไประหว่างกลิ่นเหงื่อ กลิ่นเนื้อหนุ่ม และกลิ่นสบู่หอม มันเป็นกลิ่นที่แสนจะเร้าใจจนผมอดไม่ได้ที่จะสูดกลิ่นกายของเดียร์เข้าเต็มปอด ให้สาสมกับความคิดถึง เริ่มรู้สึกว่าได้ไกล้ชิดเขาอีกครั้ง เดียร์ชะงัก เขาคงรู้ว่าผมทำอะไร แต่ถึงอย่างนั้นเดียร์ก็คงทำท่าเย็นชาใส่ผม เหมือนว่าเขาไม่ได้รู้สึกรู้สากับสิ่งที่เกิดขึ้น

“แก้มัดแล้ว ก็คงทานเองได้ล่ะ”

เดียร์บอกผมด้วยน้ำเสียงแห้งแล้ง เขาทำท่าจะลุกจากเตียง แต่ผมเอื้อมมือมาฉุดเขาไว้ให้นั่งลงตามเดิม ผมขยับตัวลุกขึ้นนั่งข้างๆเขา

“นายจับฉันมัดนานไปหน่อย มันเจ็บข้อมือน่ะ และแผลที่มือฉันก็เพิ่งจะหาย อาจจะทานข้าวเองไม่ไหว ถ้านายไม่ช่วยฉัน ก็คงจะอดกินข้าวมื้อนี้แน่”

รู้ดีว่ามันเว่อร์ที่พูดไปอย่างนั้น เขินตัวเองด้วย ที่พูดในสิ่งที่ทำให้ตัวเองกระดากออกไป ผมมักจะอ้อนกับผู้หญิงเวลาที่อยากให้พวกเธอทำอะไรให้ แต่กับผู้ชายคนที่ผมรัก และเขากำลังเข้าใจผิดผมด้วยแบบนี้ การพูดจาออดอ้อนอย่างที่ผมทำอยู่ มันช่างเป็นเรื่องน่าอับอายและไม่ถูกจังหวะเสียจริง แต่ผมก็มีโอกาสแค่นี้เท่านั้น หากเดียร์ไม่เล่นด้วย และเดินออกจากห้องไป มันก็ยากที่ผมจะเข้าถึงตัวเขาได้อีก เพราะเขาโกรธผมเสียแล้ว

“เรื่องมากจริง”

เดียร์บ่นแต่ก็หยิบชามข้าวมาถือไว้ แล้วตักป้อนให้ผม เขาทำแบบเสียไม่ได้ แต่ผมก็พอใจแล้ว ที่เดียร์ยอมทำให้ มันทำให้ผมมีความหวังลึกๆว่าเราน่าจะปรับความเข้าใจกันได้

“อร่อยมากเลย เดียร์ทำเองเหรอ”

ผมชวนเขาคุย พยายามมองหน้าเขา แต่เดียร์หันหน้าหนีตลอด เขาคงเกลียดผมจนไม่อยากมองหน้า ผมนึกน้อยใจนัก

“คิดถึงกับข้าวที่นายทำให้ฉันกินจังเลย ฝีมือนายไม่เปลี่ยนเลยนะ”

“อย่าพูดมากเลย รีบทานเถอะ ผมจะได้เอาชามไ

ออฟไลน์ the_pooh9

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-3
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่53 22/3/09
«ตอบ #488 เมื่อ22-03-2009 23:35:30 »

เสียบพี่สาวคนสวย

ใกล้ จะดีกันยังอ่ะคะ  :monkeysad:

nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่53 22/3/09
«ตอบ #489 เมื่อ23-03-2009 01:15:36 »

เดียร์ทำไมทำอย่างน้านนน

เมื่อไหร่จะคืนดีกันซะที

สงสารจะแย่อยู่แล้ว :sad4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่53 22/3/09
« ตอบ #489 เมื่อ: 23-03-2009 01:15:36 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






jaideejung007

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่53 22/3/09
«ตอบ #490 เมื่อ23-03-2009 10:37:03 »

สุดยอดนักเขียนเลยครับเรื่องนี้

ผมแอบ จิก เรื่องนี้ไว้ ตั้งแต่ Part 1 จนถึง Part 3 ถึงบทที่ 50

ขนาดไฟล์ เรื่องนี้ 5.85 MB

โอ้โห่ แต่งเรื่องนี้ได้ยังงัย ตั้ง 5 เมกกว่า สุดยอดเลยครับ

ขอชื่นชมมากมาย (ทนพิมพ์ได้ไงเนี๊ย)

ปล ขอบคุณสำหรับเรื่อง ดีดีนะครับ หนุก เศร้า เหงา วังเวง

หลากหลายอารมณ์มากครับ

บะบายท้ายเล่ม

ออฟไลน์ sasa

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1008
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่53 22/3/09
«ตอบ #491 เมื่อ23-03-2009 13:41:12 »

งานเข้า...

va_yu

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่53 22/3/09
«ตอบ #492 เมื่อ23-03-2009 13:51:16 »

เจ้านายผมพูดยิ้มๆเป็นเชิงหยอกล้อ ผมยิ้มตอบ และกล่าวขอบคุณเขาที่ให้โอกาสผม
“ขอเค้กทีรามิทซุ กับกาแฟร้อนที่หนึ่งครับ”

สั่งออเดอร์กับพนักงานเสริฟ ไป ทานกาแฟจะได้ตาสว่างคืนนี้ผมกะเฝ้าเด็กหนุ่มทั้งคืน



วารู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันโดดไปนิดนึง..เหมือนข้ามตอนใดตอนนึงไปอ่ะ
ถ้าวาคิดผิดไปเอง ก็ขอโทษด้วยนะคะ...อย่าโกรธกันนะ  :L2:


เรียวเจองานหนักแล้วงานนี้ เดียร์โกรธยาวเลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-03-2009 13:53:58 โดย va_yu »

katesnk

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่53 22/3/09
«ตอบ #493 เมื่อ23-03-2009 17:49:34 »

สุดยอดนักเขียนเลยครับเรื่องนี้

ผมแอบ จิก เรื่องนี้ไว้ ตั้งแต่ Part 1 จนถึง Part 3 ถึงบทที่ 50

ขนาดไฟล์ เรื่องนี้ 5.85 MB

โอ้โห่ แต่งเรื่องนี้ได้ยังงัย ตั้ง 5 เมกกว่า สุดยอดเลยครับ



..........................

กรี๊ดดดดดดดดด ทวงค่าลิขสิทธิ์ค่ะ

ฮ่าฮ่าฮ่า........

ต้นฉบับจริง 934 หน้าเอสี่ค่ะ
แต่ยังมีอีก สองตอนพิเศษ ที่ไม่ได้เอาลงในเวปไหนๆค่ะ เก็บไว้เป็นสเปเชี่ยล ให้กับผู้อ่านตอนรวมเล่มหนังสือค่ะ หุหุหุหุ

ออฟไลน์ anawas

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่53 22/3/09
«ตอบ #494 เมื่อ23-03-2009 18:24:51 »

ต้นฉบับจริง 934 หน้าเอสี่ค่ะ
แต่ยังมีอีก สองตอนพิเศษ ที่ไม่ได้เอาลงในเวปไหนๆค่ะ เก็บไว้เป็นสเปเชี่ยล ให้กับผู้อ่านตอนรวมเล่มหนังสือค่ะ หุหุหุหุ
^
^
^
สุดยอดอะพี่   o13  อีกนานใช่เปล่ากว่าจะจบ 
อ่า...ดูเหมือนเดียร์ที่อ่อนโยนจะเปลี่ยนเป็นซาดิสม์ซะแล้ว   o22
รอฉาก...   :m10:

katesnk

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่53 22/3/09
«ตอบ #495 เมื่อ23-03-2009 18:44:35 »

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=9114.0

เอาเรื่องใหม่มาฝากคนแถวนี้ค่ะ Sweet Sleeping Beauty ค่ะ ลงไป 1 ตอนล่ะ ไปเยี่ยมกันบ้างนะคะ



................................


สุดยอดอะพี่     อีกนานใช่เปล่ากว่าจะจบ 
อ่า...ดูเหมือนเดียร์ที่อ่อนโยนจะเปลี่ยนเป็นซาดิสม์ซะแล้ว   
รอฉาก...   

สามภาค แต่งจบแล้วค่ะ ตอนนี้กำลังแก้ไข ตรวจพรู๊ฟ และเขียนเพิ่มเติมค่ะ พอดีว่าเรืองนี้เขียนจบมาหลายปีแล้ว ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ที่เริ่มต้นเขียนนิยาย ภาษาบางทีมันก็แปลกๆอ่ะค่ะ เลยเอามาเรียบเรียงใหม่จ้า

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่53 22/3/09
«ตอบ #496 เมื่อ23-03-2009 18:56:00 »

โห พี่ สุดยอดเลย o13  เขียนได้งัยน่ะ แต่ชอบเรื่องที่พี่เขียนเกือบทุกเรื่องเลย

jaideejung007

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่53 22/3/09
«ตอบ #497 เมื่อ25-03-2009 11:08:45 »

อ่า ตายล่ะ อย่ามาจับผมนะครับ อิอิ

ผมกลัวแล้ว ผมเพียงแค่เก็บเรื่องของพี่ไว้เฉยๆ ไม่ได้เอาไปโพทส์ที่ไหนเลย

เก็บไว้ในความทรงจำ ที่ครั้งหนึ่ง เคยได้อ่านเรื่องยาวๆ ขนาดนี้ อิอิ

เิอาเป็นว่าจะมาติดตามเรื่อยๆ นะคับ

ปล. อย่านะ อย่ามาจับเค้านะ เค้ากลัวแล้ว โฮะๆๆๆ

jaideejung007

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่53 22/3/09
«ตอบ #498 เมื่อ25-03-2009 11:13:09 »

พี่ katesnk พี่มีอาชีพอารายหรอครับ

ทำไมแต่งนิยายได้เก่งจริงๆ เลยครับ(ชมนะคับ)

แบบว่า รู้ลึก รู้จิง มากๆ เลย

ผมอ่านแล้ว ยังกะอยู่ในสถานการณ์นั้นด้วย อิอิ

ปล. ขอบคุณมากมาย ไม่มีเธอ(P' katesnk) คงไม่ได้อ่านเรื่องนี้

บายคับ

ออฟไลน์ Alexie333

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1448
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-6
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่53 22/3/09
«ตอบ #499 เมื่อ25-03-2009 13:54:39 »

:man1: :man1: :man1: :man1: :man1: :man1: :man1: :man1: :man1: :man1:


ชอบมากๆเลยน่ะครับ นิยายเรื่องนี้ แบบว่าอ่านมาตั้งแต่


ตอนที่ไปลงอีกเว็ปนึวแล้ว ติดใจค็อตๆๆๆๆ



คิดถึงเดียร์ กับพี่เรียวจัง  แคทด้วย สันต์ด้วย


ลงเล่มเมื่อไหร่บอกด้วยน่ะครับ จะซื้อเก็บเอาไว้อ่าน


ชอบม๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่53 22/3/09
« ตอบ #499 เมื่อ: 25-03-2009 13:54:39 »





zheeiiz*

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่53 22/3/09
«ตอบ #500 เมื่อ25-03-2009 14:03:04 »


รอรวมเล่มนะคะ ชอบ ๆ

สามารถมากเลย ก๊อบหมดด้วย
เคยคิดจะก๊อบนะ แต่มันมากเกินไป 5555 5

จะไปตามอ่านเรื่องอื่นด้วย ชอบบบ ~

 o13

รีบมาต่อเรื่องนี้ด้วยน๊า ^^,,

*



ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่53 22/3/09
«ตอบ #501 เมื่อ25-03-2009 14:43:02 »

รอ รวมเล่ม เหมือน กันน่ะ ครับบ



มา ต่อ ไวไวไว  ครับบ



คอย อ่านทุก วัน เรยยยย :z13: :z13:




noonid19

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่53 22/3/09
«ตอบ #502 เมื่อ25-03-2009 16:06:29 »

เห็นชื่อเรื่องแล้วรีบเข้ามาเลยค่ะพี่ไต๋

เคยอ่านแล้วเรื่องนี้เมื่อปีที่แล้ว
ไม่ได้หลับ ไม่ได้นอน ไม่ได้กินเลยทีเดียว
ติดมั่กมากกกก ลุกจากคอมไม่ได้เลยค่ะ

แต่อยากอ่านอีกรอบนึงจากภาค 1 ใหม่
เด๋วขอไปฟิตร่างกายให้พร้อมก่อนนะคะ
เตรียมเสบียงให้เรียบร้อย

กร๊ากกกกก
เพราะถ้าได้เริ่มอ่านเรื่องนี้อีกเมื่อไหร่
ต้องรวดเดียวเลยค่ะ
สนุกมากมายยยยย

เป็นเรื่องแรกของพี่เคทที่เริ่มอ่าน
เป็นเรื่องนึงในดวงใจเลย
พี่เคทสุดยอดมั่กมากกกก

ขอบคุณนะคะพี่ไต๋ ที่เอามาลง

 :pig4:


ltahset

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่53 22/3/09
«ตอบ #503 เมื่อ26-03-2009 11:42:43 »

 :z2:

ลุ้นมากมาย

^^

ขอบคุณค่ะ

va_yu

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่53 22/3/09
«ตอบ #504 เมื่อ26-03-2009 12:22:02 »

คนโพสหนีไปเที่ยวไหนค่ะ กลับกระทู้ด่วนค่ะ
คนอ่านรออยู่ค่ะ  :sad11:

หนอนแก้ว

  • บุคคลทั่วไป
ไปทำใจที่ไหนครับ :o12: :o12: :o12: :o12:

กลับมาต่อเถอะครับ   :fcuk:

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 54

เด็กหนุ่มพูดอย่างเฉยชา ผมมองหน้าเขาด้วยความรู้สึกปวดร้าว กล้ำกลืนฝืนใจกินอาหารที่เขาป้อนให้ แต่รู้สึกว่าแต่ละคำที่กลืนลงคอ มันดูช่างยากเย็นเสียจริง

“เดียร์ นายถ่ายวิดีโอฉันไว้ทำไม จะแบล็คเมล์ฉันเหรอ คราวนี้นายจะให้ฉันทำอะไรล่ะ ถ้ามันจะทำให้นายหายโกรธ ฉันก็ยินดีทำทุกอย่างนะ ฉันขอโทษจริงๆในสิ่งที่ฉันทำไม่ดีไว้กับนาย ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าคนเราต้องไว้เนื้อเชื่อใจกัน มันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเป็นแฟน แต่ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะให้มันเกิดขึ้น ฉันทำทุกอย่างก็เพื่อนายนะเดียร์ แล้วเรื่องการบอกเลิกนั่น ก็ไม่ได้อยู่ในความคิดของฉันเลย ศักดิ์ชายจัดการไปเพราะอยากให้ฉันมีความสุขเท่านั้น เขาแค่เป็นห่วงฉัน”

“จริงหรือ”

เดียร์ถามผมอย่างเย็นชา หน้าของเขาเรียบเฉย มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่มองผมอย่างค้นคว้า

“งั้นก็ดี กินข้าวเสร็จแล้ว ผมจะไปทำธุระสักสองชั่วโมง พอผมกลับเข้ามาอีกครั้ง ผมจะให้คุณชดใช้ทันที”

ผมมองหน้าเขาอย่างงงๆขยับปากจะถามว่าเดียร์จะไปไหน จะทิ้งผมไว้อย่างนี้เพียงลำพังหรือเปล่า แล้วนี่เป็นห้องของเดียร์เองหรือห้องของคนอื่น นอกจากเดียร์แล้ว ยังมีใครอีกไหม แต่เดียร์ก็ไม่ยอมมองผม ทำให้ผมได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจอีกครา เด็กหนุ่มตั้งหน้าตั้งตาป้อนข้าวให้ผม เขาไม่ยอมมองร่างเปลือยที่อยู่ใกล้ตัวเลย ผมอุตส่าห์ลุ้นให้เดียร์มองผม อยากให้เขาจับต้องร่างกาย อยากให้เขากอด อยากให้เขาจูบ บางทีถ้าผมกับเขามีเซ็กส์ด้วยกันอีกครั้ง เขาอาจจะใจอ่อนยอมคืนดีกับผมก็ได้

แต่เดียร์ทำเหมือนไม่สนใจร่างกายและความรู้สึกของผม แผนการจะยวนยั่วเอาเนื้อตัวเข้าแลกเพื่อให้เขาเปลี่ยนใจจึงล้มเหลว เด็กหนุ่มมุ่งมั่นในภารกิจของตน ป้อนข้าวน้ำผมจนกระทั่งหมดถ้วย เมื่อเสร็จธุระของเขาแล้ว เขาก็ยกถาดใส่กับข้าวเดินออกไปจากห้อง ปิดประตูแล้วล็อคกลอนจากข้างนอกกันไม่ให้ผมออกไป

วินาทีที่เดียร์ออกจากห้อง ก็ถือว่าผมเป็นอิสระชั่วคราว เพราะเขาไม่ได้มัดมือผมกลับตามเดิม ผมมองข้อเท้าทั้งสองที่ถูกพันธนาการด้วยเนคไทสีสันฉูดฉาดราคาถูกๆอยู่ครู่หนึ่ง ในใจคิดว่าจะแก้มันออกดีหรือไม่ ความรู้สึกบอกกับผมว่า ผมไม่อยากจะเป็นอิสระอีกต่อไป สิ่งที่เดียร์ใช้ร้อยรัดผมไว้ มันไม่ได้พันธนาการเพียงแค่กาย แต่มันผูกมัดใจผมไว้ด้วย ผมไม่อยากหนีอีกแล้ว ผมไม่สามารถทำตัวเป็นคนขี้ขลาด โกหกตัวเองว่าไม่รักเขา แล้วก็หลบลี้ไปใช้ชีวิตเยี่ยงผู้ชายที่แต่งงานมีเมียมีลูก แล้วสร้างปัญหาให้กับคนเหล่านั้น ตอนนี้ผมไม่สามารถกลับไปเป็นเรียวคนเก่าได้ดังเดิม ดังนั้น จนกว่าจะรู้ว่าเดียร์รู้สึกกับผมอย่างที่เคยหรือไม่ ผมจะไม่ยอมถอยหนีเป็นอันขาด

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


เดียร์กลับเข้ามาอีกครั้ง พร้อมด้วยผ้าขนหนูผืนใหญ่สีขาวสะอาดตา เขาเดินมาแก้มัดผมที่เท้า แล้วก็ประคองผมไปห้องน้ำเพราะผมแกล้งทำเป็นเดินไม่ไหว แล้วอ้อนขอให้เขาช่วยเหลือ ผมพยายามเอาร่างเปลือยของตัวเองแนบชิดกับเนื้อตัวของเขาให้มากที่สุด เพื่อเปิดทางให้เขาล่วงเกินผม รู้สึกอับอายที่ทำแบบนั้น แต่ผมไม่รู้ว่าจะใช้วิธีการแบบไหนจึงจะเรียกร้องความสนใจจากเขา ผมไม่อยากเสียเดียร์ไปอีก จึงพยายามที่จะลองใจว่าเขาจะยังรู้สึกอะไรกับผมไหม

ปฏิกิริยาเฉยชาของเดียร์ ทำเอาผมน้ำตาตกใน เขาประคองผมเข้าห้องน้ำ แล้วทำท่าให้ผมก้าวลงไปในอ่างอาบน้ำทรงกลมสีชมพูอมส้ม เดียร์เปิดน้ำลงในไปผสมกันทั้งน้ำอุ่นและน้ำเย็น จากนั้นก็บอกให้ผมอาบน้ำซะ ผมอยากจะรั้งเดียร์ลงมาอาบน้ำในอ่างด้วยกันสองต่อสอง แต่เมื่อเห็นหน้าเคร่งเครียดของเดียร์ ก็เลยได้แต่เก็บความปรารถนาที่เร้นลับไว้ในใจ รู้สึกแย่มากที่เกิดความต้องการเขาในเวลาที่เขาไม่อยากจะแตะต้องผมด้วยซ้ำ

เด็กหนุ่มบอกให้ผมอาบน้ำตามสบาย เขาเอาผ้าขนหนูมาเปลี่ยนให้ ผืนนี้เป็นของเขา เพิ่งใช้ได้แค่ครั้งเดียว เขาจะไม่มัดผม แต่เขาจะล็อคห้องไว้ข้างนอก ถึงยังไงผมก็ไม่สามารถหนีเขาได้ ผมได้แต่ตอบในใจว่า ผมหนีมาพอแล้ว ผมจะเผชิญกับความจริง ผมรักเขา ผมอยากบอกให้เดียร์รู้ต่อจากนี้ไป ผมจะไม่หนีเขาอย่างแน่นอน ขอเพียงเขาจะไม่หนีผมเช่นเดียวกัน

ผมเดินออกมาจากห้องน้ำ หลังจากชำระร่างกาย และทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยโดยนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว ตั้งใจจะมาเอาเสื้อผ้าผมที่ถูกถอดไว้เอามาใส่ แต่มันได้อันตรธานหายไปจากห้องแล้ว เดียร์คงเอาออกไปด้วย เพื่อกันไม่ให้ผมหนีไปไหน ผมยิ้มให้กับตัวเอง ช่างเถอะ เดียร์มีสิทธิ์จะไม่ไว้ใจผม เพราะที่ผ่านมา ผมหนีเขามาตลอด ตอนนี้เดียร์คงไม่รู้ว่าผมรักเขา เพราะเขาไม่ยอมปล่อยโอกาสให้ผมอธิบายเลย ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่ ผมจะบอกเขาว่าผมจะไม่หนีหัวใจตนเองอีกแล้ว

ตู้เสื้อผ้ารูปทรงประหลาดสีส้มแปร๊ดแว่บเข้ามาทางปรายหางตา รูปทรงของมันโค้งเหมือนเกลียวคลื่น ทว่ามีขนาดใหญ่วางอยู่ตรงมุมห้องใกล้ๆกับเก้าอี้ที่ปรับเอนนอนได้ซึ่งมีสายหนังรัดอยู่เต็ม มองดูเหมือนเก้าอี้ ที่มีไว้ทรมานนักโทษที่ผมเห็นอยู่ในหนังบางเรื่อง ผมมองแล้วสยอง ไม่กล้ามองมันซ้ำสองอีก นึกในใจว่า เดียร์ ใช้ของแบบนี้ด้วยเหรอ หวังว่าเขาคงไม่ลองกับผมนะ แต่ถ้าจะลองขึ้นมาจริงๆ ผมก็ไม่รู้ว่าจะรับได้หรือเปล่า กับเซ็กส์วิตถารแบบนี้ ขออย่าให้เดียร์ลงโทษผมด้วยการทรมานผมด้วยวิธีการเช่นนี้เลย

ผมเดินเข้าไปหาตู้เสื้อผ้า เปิดประตูออกแล้วมองเข้าไปในนั้น ดูว่ามีเสื้ออะไรที่ผมพอจะใส่ได้บ้าง เสื้อผ้าในตู้บอกรสนิยมวิตถารของเจ้าของห้อง มีทั้งเสื้อซีทรู เสื้อหนังรัดรูป เสื้อผ้าขาดวิ่น และเสื้อสีสันฉูดฉาดบาดตา ผมมองชุดหนังที่มีสายร้อยไขว้ไปมา พลันรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงแส้ขยับควั่บควั่บแว่วมาตามอากาศ ผมต้องสั่นศีรษะพยายามลบภาพเดียร์ในชุดเสื้อหนังในมือถือแส้ สวมหน้ากากออกไปจากหัว คิดในแง่ดีว่าเจ้าหนูจอมลีลาของผม คงไม่แต่งตัวพิสดารแบบนี้

หลังจากเพียรพยายามเลือกหาเสื้อผ้าเพื่อมาสวมใส่ จนแทบจะถอดใจเมื่อเห็นเสื้อผ้าแต่ละชุด มีเพียงตัวเดียวที่พอจะใช้ได้ คือเสื้อฮาวายตัวโคร่ง ลายดอกไม้ เจ้าของเสื้อ น่าจะเป็นคนที่ตัวโตพอสมควร ไม่ใช่ไซส์ของเดียร์แน่นอน เพราะตัวใหญ่แบบคนล่ำบึ๊ก และตัวยาวมาก มันคลุมสะโพกของผมพอดี ผมได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจว่า ใครกันหนอคือเจ้าของเสื้อตัวนี้ เดียร์อาศัยอยู่กับใครกัน ช่วงเวลาที่ผมไม่ได้เจอเขา เด็กหนุ่มมีคนใหม่แล้วหรือไร ที่เขาไม่แตะต้องร่างเปลือยของผมที่เขาชอบมาตลอด อาจจะ เป็นเพราะเขาเจอผู้ชายที่เขารักมากกว่าผมแล้วก็ได้

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


ความคิดนี้ ทำให้ผมไม่อยากแตะเสื้อผ้าตัวนั้น ผมไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับข้าวของของคนที่แย่งเดียร์ไปจากผม ไม่อยากเอาเสื้อของเขามาทาบทับตัวเอง ความรู้สึกรุ่มร้อนในใจมันบอกให้ผมรู้ว่า ผมกำลังเกิดความหึงหวงในตัวของเดียร์ ผมอิจฉาใครคนนั้นที่ได้มีโอกาสอยู่กับที่รักของผมในขณะที่เรากำลังมีปัญหากัน ถ้าสิ่งที่ผมคิดไว้เป็นเรื่องจริง ผมก็คงไม่มีวันได้เดียร์ของผมกลับคืนมาอีกแล้ว

ความริษยาที่อยู่ในใจ ทำให้ผมแขวนเสื้อกลับไว้ในตู้เหมือนเดิม แล้วเดินไปที่เตียง ล้มตัวลงนอนรอเดียร์ด้วยผ้าขนหนูพันกายผืนเดียว หลังจากนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่นาน เดียร์ก็ยังไม่มาสักที เหลือบดูเวลาที่นาฬิการูปทรงประหลาดตรงผนังห้อง ก็เห็นว่าเวลาได้ล่วงเลยกว่าสองชั่วโมงที่เขาสัญญากับผมไปแล้ว สงสัยเขาคงไม่มาหาผมแน่ๆ คงแกล้งกักขังผมไว้อย่างนี้ ยิ่งคิดผมก็ยิ่งน้อยใจ เลยหลับตาลง ไม่อยากตั้งตารอคอย ไม่อยากมองเห็นอะไรอีกแล้ว สักพักหนึ่งผมก็ผล็อยหลับลง

ตอนที่ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ผมก็เห็นเดียร์มานั่งมองผมอยู่ก่อนแล้วตรงเบาะนั่งบุหนัง เขาถือแส้ไว้ในมือ และฟาดกับต้นขาตัวเองเบาๆ ผมส่งยิ้มให้เดียร์แล้วรีบผลุดลุกขึ้นนั่ง เดียร์ไม่ยิ้มตอบ กลับนั่งทำหน้าเฉยเมย

“มานานแล้วเหรอ”

ผมถามเดียร์ พยายามยิ้มให้เขาอีก เด็กหนุ่มพยักหน้า ตายังคงจับจ้องผม ทำท่านิ่งๆ ไม่พูดอะไร ผมสบตาเขา หวังจะพบความคุ้นเคยเดิมๆในใบหน้านั้น แต่สิ่งที่มองเห็นคือความว่างเปล่าเฉยชา ไม่มีรอยยิ้ม เขาทำราวกับว่าเราสองคนไม่เคยรู้จักกัน

“ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้า มานอนในสภาพแบบนี้ ถูกแอร์เย็นๆ เดี๋ยวก็ปอดบวมตายหรอก”

เขาพูดเสียงห้วน แต่ถึงกระนั้น ผมก็ยังสามารถรับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่เขามีต่อผม มันทำให้ใจมาเป็นกอง เริ่มเห็นความหวังลางๆที่เราจะได้กลับมาคืนดีกัน

“ในตู้นั้นน่ะ ไม่มีเสื้อผ้าตัวไหนที่จะใส่ได้เลย เสื้อผ้าชุดที่ฉันใส่มา ก็ไม่รู้ว่ามันหายไปไหน นายหยิบของฉันไปหรือเปล่า”

“ผมเอาไปซัก คุณจะได้มีใส่กลับบ้าน ตอนที่เราตกลงกันเรียบร้อยแล้ว”

“ตกลงเรื่องอะไร”

ผมเกิดโง่ขึ้นมากระทันหัน ทั้งๆที่จริงๆแล้วผมอยากให้เราทำความเข้าใจกันใหม่ ผมยินดีปฏิบัติตามสัญญาที่เราเคยตกลงกันไว้ แต่ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขากำลังจะพูดอยู่ มันจะเกี่ยวข้องกับเรื่องเดิมหรือเปล่า

“ผมว่าคุณฉลาดพอที่จะรู้ว่าผมพูดถึงอะไร เมื่อกี้คุณก็เห็นว่าผมถ่ายรูปตอนคุณเปลือยเอาไว้ แล้วคุณก็เดาถูกด้วยว่าผมจะแบล็คเมล์คุณ คุณยังบอกอีกว่า ยินดีที่จะทำทุกอย่างที่ต้องการเพื่อชดใช้ความผิด สิ่งที่คุณเข้าใจทั้งหมดนั่นคือสิ่งที่ผมกำลังจะพูดกับคุณตอนนี้”
เด็กหนุ่มพูดอย่างเป็นทางการกับผม ใบหน้าเขาเฉยเมย จนผมรู้สึกขัดใจ แล้วไหนจะวิธีการเรียกของเขาอีก ก่อนนี้เขาเรียกชื่อผมมาตลอด คราวนี้เปลี่ยนมาเรียกแทนชื่อผมว่า “คุณ” มันทำให้เราสองคนดูห่างเหินกันเหลือเกิน เดียร์หยิบกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาให้ผม 1 ชุด และอีก 1 ชุดสำหรับตัวเอง ผมมองหน้าเขาอย่างงงงัน

“อะไรหรือเดียร์......”

“สัญญาไงครับ แต่เป็นสัญญาฉบับใหม่ระหว่างเรา คุณจะอ่านเองหรือจะให้ผมอ่าน สัญญาฉบับนี้ จะทดแทนที่สัญญาฉบับเดิมที่คุณทำลายมันลงไปด้วยการผิดสัญญาของคุณเอง หากคุณตั้งใจจริงที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ผมหายโกรธ ก็เชิญเซ็นต์เพื่อให้สัญญามันสมบูรณ์ จะได้จบเรื่องกันไปเสียที”

ผมรับมาอ่าน แล้วไล่สายตาไปตามตัวอักษรที่เขาพิมพ์ไว้ หัวใจเริ่มพองโตเมื่อเห็นสิ่งที่เขานำมาให้ มันคือสัญญาการเป็นแฟนกัน แสดงว่าเขายังอยากจะเป็นคนรักกับผมต่อ เขาแค่โกรธผม แต่เขายังคงรักผมอยู่ แล้วนี่ เขาก็มาทวงสัญญากลับคืน ที่เขาหายไปสองชั่วโมงกว่า เพราะไปพิมพ์สัญญาฉบับนี้มาหรือเปล่านะ มีสิ่งที่ผมสงสัยคือทำไมต้องทำฉบับใหม่ขึ้นมาด้วยนะ ในเมื่อฉบับเก่าก็ยังคงใช้ได้อยู่ และผมก็ยังไม่ได้ฉีกทิ้งด้วย ยังคงเก็บไว้อย่างดี

“สัญญาเป็นแฟนกันฉบับที่สอง._?????”

“ใช่ เพราะว่าข้อตกลงที่เรามีต่อกันมันยังไม่สิ้นสุด คราวนี้คุณต้องชดใช้ให้กับผม ที่ต้องทำเป็นสัญญากัน ก็เพราะว่าผมไม่อาจเชื่อใจคุณได้อีกแล้ว คราวก่อนคุณยังทำผิดเฉยเลย แอบไปมีคนอื่นๆ ทำให้ผมเข้าใจผิด หากเราตกลงกันแค่เพียงวาจา แล้วคุณไม่ทำตามนั้น ผมก็แย่สิ คราวนี้ผมยังอยากจะให้มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรเหมือนเดิม พราะว่าหากคุณทำผิด คุณก็จะสร้างความน่าเชื่อถือกับใครไม่ได้อีกแล้ว ผมจะได้ไม่ต้องเกรงใจคุณ สามารถที่จะเอารูปของคุณไปเผยแพร่ และคุณก็จะทำอะไรผมไม่ได้ เพราะมีสัญญากันชัดเจน”

เดียร์ยังคงความเป็นคนเจ้าเล่ห์เหมือนที่เคยเป็น แต่คราวนี้มันแฝงมาด้วยความหวาดระแวง ผมไม่ได้โกรธที่เขาพูดกับผมแบบนั้น เพราะรู้ดีว่าผมได้ทำผิดกับเขามากจริงๆ

“แต่แหม สัญญาฉบับเก่ามันก็ยังคงใช้ได้นี่นา ทำไมต้องมีการทำสัญญาฉบับใหม่ด้วยล่ะ ฉันยินดีต่อเวลาชดเชยในช่วงที่ขาดหายไปด้วย”

ผมถามเขาด้วยความไม่เข้าใจอยู่ดี ถ้าเขาจะต่อเวลา ผมก็จะให้ แล้วเขายังอยากได้อะไรจากผมอีก เดียร์มองหน้าผม สีหน้าของเขาลดความบึ้งตึงลงไปแล้ว ผมเห็นประกายอ่อนโยนอยู่ในดวงตาคู่สวยของเขา คำพูดที่ใช้แทนชื่อผมเปลี่ยนจากคุณ เป็น “เรียว” แล้ว

“ก็ผมไม่ได้อยากเป็นแฟนเรียวไปแค่ 6 เดือนนี่นา ของเก่าอ่ะเราทำสัญญาเป็นแฟนกันแค่ช่วงหนึ่ง แล้วพอครบกำหนดสัญญา เราก็ต้องลาจากกัน โดยไม่มายุ่งเกี่ยวกันอีก แต่ยังไม่ทันไรเลยเรียวก็มาทำร้ายผม ทรยศผมเสียก่อน แม้จะบอกว่าทำไปเพราะรักผมก็ตาม แล้วเพื่อนคุณก็เอาสัญญาของเราฉบับก่อนมาขอให้ผมเลิกกับคุณอีก นั่นก็สร้างความเข้าใจผิด ทำให้ผมคิดมาก ถ้าคุณไม่ให้เขาดู เขาจะเอามาได้ไง ดังนั้นสัญญาฉบับเดิมจึงถือว่าโมฆะ เพราะฉะนั้น เราจะตกลงกันโดยใช้สัญญาฉบับเก่ามายืดเวลาออกไปไม่ได้ เรียวจะว่าไงครับ”

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

“งั้นเป็นสัก 10 ปีได้ไหม”

ผมยื่นข้อเสนอให้เขา ไม่แน่ใจว่าจะเพียงพอหรือไม่กับความต้องการของเดียร์ แล้วก็ไม่แน่ใจว่าความสัมพันธ์ของผมกับเขาจะยืนยาวไปถึงนั้นได้หรือเปล่า ผมรักเขา อยากอยู่กับเขาก็จริง แต่เดียร์ล่ะ เขาจะต้องการอยู่กับผมไปตลอดแบบเดิมไหม เขาอายุน้อยกว่าผม อาจจะไปเจอใครสักคนที่ดีกว่า และอายุน้อยกว่าก็ได้ ถึงตอนนั้นผมจะทำอย่างไร ผมยอมได้ทุกอย่างถ้าแลกกับการได้อยู่กับหมอนี่ แต่เขาล่ะ ความรักที่เขามีให้ผม มันยังเต็มร้อยเหมือนเดิมหรือไม่ ผมยังสงสัย

ดวงตาของเดียร์ที่มองจ้องผมกลับมา เปล่งประกายวาววับ อยู่ๆเขาก็หงายหน้าหัวเราะ ราวกับได้ฟังเรื่องที่น่าขำเสียเต็มประดา

“10 ปีเหรอ น้อยไปหรือเปล่า พวกเกย์บางคนที่มีรักแท้ ไม่ได้คบกันอย่างฉาบฉวย เดี๋ยวรักเดี๋ยวเลิก เขาครองคู่กันมากกว่า 10 ปี บางคนอยู่ด้วยกันตลอดทั้งชีวิต แบบคู่ผัวเดียวเมียเดียวด้วย เรียวให้เวลามาแค่นี้ เท่ากับไม่เชื่อถือในตัวผมหรือไง ดูถูกกันอีกแล้วนะ”

เดียร์พูดจบก็ทำหน้าง้ำ ผมลอบยิ้มเมื่อเห็นท่าทางงอแงนั่น รู้สึกว่าบรรยากาศเก่าๆกลับคืนมาแล้ว พ่อหนุ่มของผมกำลังพยายามที่จะให้ได้สิทธิ์ในการครอบครองตัวผมยาวนานกว่านั้น ผมแอบยิ้มอย่างปลื้มอกปลื้มใจที่ตัวเองยังคงเป็นที่ต้องการของเขาอยู่

“ฉันก็ให้เวลา ตามที่คิดว่านายจะสามารถใช้ชีวิตอยู่กับฉันได้ ขอโทษทีนะ ถ้าการพูดของฉันจะเป็นการดูถูกความรู้สึกของนาย ว่าแต่ นายต้องการให้สัญญาของเราดำเนินไปถึงเมื่อไหร่ล่ะ”

นี่ผมเปิดทางให้แล้วนะ ถ้าเขาไม่เห็นสะพานที่ผมทอดให้ ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว

“ตลอดชีวิต ผมเขียนไว้ในสัญญาแล้ว เรียวควรจะอ่านดูให้ดีเสียก่อน พอไม่อ่านแล้วก็เลยไม่รู้ว่าผมเขียนว่ายังไง คงกำลังคิดอยู่ละสิ ว่าผมเขียนสัญญาโดยใส่เวลาลงไปเล่นๆ ผมเขียนไปแบบนั้น เพราะคิดดีแล้วว่าผมทำได้ เพราะฉะนั้นอย่ามาดูถูกกัน ผมอุตส่าห์ลงทุนตั้งมากมาย ทำถึงขนาดนี้เสี่ยงคุกเสี่ยงตะราง ก็หวังว่า จะได้เป็นแฟนคุณนานๆ แต่เรียวกลับจะมาขอให้ผมเป็นแฟนคุณแค่10 ปี สู้ผมเอาวิดิโอที่ถ่ายไว้ ไปทำวิดิโอคลิป โพสต์ลงในเนต แล้วยอมให้เรียวเรียกตำรวจมาเอาผมเข้าคุกให้รู้แล้วรู้รอดไปดีกว่า ไหนๆก็ไม่ได้เป็นแฟนคุณแล้ว คนอื่นก็อย่าเป็นเลย”

เด็กหนุ่มพูดเสียงเข้ม ทำหน้าตาเหี้ยมๆใส่ผม แต่ผมกลับเริ่มรู้สึกผ่อนคลายไม่เกร็งเหมือนทีแรก นั่นเป็นเพราะเดียร์พูดประโยคเดิมๆแบบที่เคยพูดตอนที่จับผมมาครั้งก่อน ถึงแม้จะพูดด้วยเสียงพาลๆ แต่ผมก็รู้ว่าเด็กหนุ่มไม่มีทางทำร้ายผมแน่ ในส่วนลึกผมคิดว่าเดียร์ยังคงรักผมอยู่บ้าง เพียงแต่ตอนนี้เขาอยากแก้แค้นผมที่ทำให้เขาเสียใจ ส่วนตัวผมนั้นไม่ต้องมีใครมาถามผมก็ตอบตัวเองได้ว่าผมรักเดียร์จนหมดหัวใจแล้ว การทำสัญญาใหม่เป็นแฟนกันไปตลอดชีวิต ก็คงจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาอะไรมั้ง ผมเชื่อมั่นว่าระหว่างที่เดียร์ยังรักผมอยู่ เขาก็คงทำให้ผมมีความสุขได้ เรื่องอื่นๆค่อยมาคิดกันอีกที

“ก็ได้ เดียร์...ฉันยอมเป็นแฟนกับนายตลอดชีวิตเลย แต่หากว่า ถ้านายเบื่อฉันเมื่อไหร่ แล้วอยากจะไปมีคนอื่น นายก็สามารถหันหลังให้ฉันได้ แล้วฉันก็จะไม่ติดใจเอาความนายด้วย”

“แหม ใจร้ายจัง ยังไม่ทันเริ่มสัญญาใหม่ ก็จะบอกให้ทิ้งกันเลยเหรอ ใจคอจะสิ้นเยื่อขาดใยกันไปเลยหรือไง”

เขาทำเสียงโกรธๆใส่ผม

“เปล่า ฉันเพียงแต่ให้โอกาสนายเท่านั้น ไม่อยากผูกมัดนายด้วยสัญญาของการเป็นแฟนกัน เผื่อตอนหลังนายอาจจะอยากเลิกสัญญาเพราะไปเจอคนอื่นที่ดีกว่าฉันไง”

ผมพยายามอธิบาย

“ดูถูกกันอีกแล้ว อย่ามาเดาเลย เอาไว้ให้ผมตัดสินใจเองเถอะว่าผมจะชอบคุณตลอดไปดีหรือเปล่า เรียวแค่ปฏิบัติตามสัญญาอย่ามาบิดพลิ้วก็พอ”

เด็กหนุ่มยังคงทำหน้าบึ้งตึงใส่ผม ดูเหมือนเขาพยายามสร้างอารมณ์โกรธอยู่ เหมือนกลัวว่าตัวเองจะอ่อนแอให้ผมเห็น แต่ผมก็รู้ว่าเขาใจอ่อนให้ผมมากแล้ว คงเป็นเพราะผมยอมทำตามสัญญาของเขา และอาจจะเป็นเพราะว่าเขายังคงรักผมอยู่ เขายังไม่เปลี่ยนใจไปหาคนอื่น

“ยังมีเงื่อนไขอื่นๆอีกที่เรียวกับผมต้องมาตกลงกันใหม่อีกครั้ง”

“อะไรอีกหรือเดียร์”

ผมถามเขา ไม่ได้รู้สึกขัดใจอะไร รู้ดีว่านี่เป็นรอบเอาคืนของเดียร์ ซึ่งผมก็ปล่อยให้เขาเสนอมาอย่างที่เขาต้องการ

“เพื่อความสงบสุขในระหว่างที่เราเป็นแฟนกัน ผมกับเรียวจำเป็นที่จะต้องมีข้อตกลงบางอย่าง หากทำไม่ได้ ก็ถือว่า สัญญาการเป็นแฟนเราเป็นอันโมฆะ แล้วผมจะไม่ยกโทษให้กับเรียวอีกเลย จะไม่มาหา จะไม่มาให้เห็นหน้าตลอดชีวิต”


anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่54 26/3/09
«ตอบ #507 เมื่อ26-03-2009 14:16:59 »

ถึงจะรู้ว่าเดียร์ขู่ผม แต่ผมก็ไม่ยักจะนึกโกรธเขา ก็ดูคำขู่ของเขาสิ ขู่ว่าจะไม่มาหา ไม่มาเห็นหน้าตลอดชีวิต นอกจากทำร้ายผมแล้ว ก็ทำแล้วตัวเขาเหมือนกันแหละน่า ผมดูออกนะ ว่าเขาเองก็ยังรักผมอยู่ไม่เสื่อมคลาย ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ผมคงจะดีใจที่ได้ยินคำพูดแบบนี้จากปากเดียร์ จำได้ว่าผมเคยเสนอเงื่อนไขต่อรองมากมาย เพียงเพื่อให้เดียร์ท้อใจเลิกเป็นแฟนกับผม แต่ ณ ตอนนี้ ผมไม่อยากให้เขาจากไปไหน แล้วผมก็รู้ว่า เดียร์เองก็ไม่อยากจากผมไปไหนเหมือนกัน คำขู่ตลกๆนั่น ยกขึ้นมาอ้าง เพื่อให้ผมทำตามเขาเท่านั้นเอง

“ว่ามาเลยครับ”

ผมบอกเขาไปอย่างอารมณ์ดี ตอนนี้ หัวใจของผมมันพร่ำบอกแต่ว่า ผมรักเดียร์ อยากอยู่กับเขา สัญญาที่ว่านั้น มันคงไม่เกินกว่าความสามารถที่ผมจะปฏิบัติได้

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

“ข้อแรก เราจะเป็นแฟนกันไปตลอดทั้งชีวิต ในช่วงระหว่างที่เราสองคนเป็นแฟนกัน ห้ามเรียวคบกับคนอื่น นอกเหนือจากผม ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย นะครับ”

ผมมองเขาด้วยความหมั่นไส้ เพียงแต่คราวนี้มันเกิดจากความรู้สึกที่ว่า เจ้าเด็กบ้านี่ มองไม่ออกหรือไง ที่ผมอ่อนข้อให้เขา ยอมให้ขู่เอาขู่เอาแบบนี้ ก็เพราะความรักที่มีให้กับเด็กหนุ่มจนเปี่ยมล้นหัวใจ ใครจะไปมีคนอื่นได้อย่างรวดเร็วกันล่ะ ก็ผมน่ะเพิ่งเริ่มรู้ตัวว่าหลงรักเกย์เข้าเต็มเปา ยอมที่จะมีความสัมพันธ์ในลักษณะผิดปกติกับเขาเพียงแค่คนเดียว แล้วผมก็หวังว่าเจ้าหมอนี่คงไม่มีวันปล่อยผมไปชอบกับใครง่ายๆในระหว่างนี้แน่ ผมพยักหน้าตกลงด้วยความรู้สึกขบขันที่เขาแสดงอาการขู่ใส่ผม เพื่อให้เรื่องราวมันจบลงโดยไว เด็กหนุ่มยิ้มอย่างพอใจที่ผมยอมรับปาก

“ข้อสอง”

เขาพูดต่อ

“ผมสามารถที่จะล่วงเกิน แตะเนื้อต้องตัว หรือปล้ำเรียวก็ได้ เพราะเราเป็นแฟนกันแล้ว เรียวต้องยอมผมโดยไม่มีข้อขัดขืน…..”

“อ๊า ๆๆๆๆๆๆ ไม่อาว ข้อนี้ มันเกินไปหน่อย เดี๋ยวนายเกิดอยากปล้ำฉันตลอดเวลา ไม่เลือกสถานที่ฉันจะทำยังไงล่ะ ฉันยอมตกลงด้วยไม่ได้หรอก”

ผมแกล้งแย้งเขาเสียงหลง ไม่รอให้เดียร์พูดจนจบ

“เป็นแฟนกัน ก็ต้องกอดต้องจูบ ต้องมีอะไรกันบ้างสิ ไม่งั้นจะไปเป็นแฟนกันทำไม อยู่ใกล้เรียวบ่อยๆ ผมจะไปทนอดใจได้ที่ไหน นี่กะจะให้ผมขาดใจตายเลยเหรอ มีช่องให้ผมได้แตะเนื้อแตะตัวคุณบ้างสิ ไม่ปล้ำก็ได้ แต่ขอใช้มือใช้ปากได้ไหม”

เดียร์ทำท่าทางเหมือนเด็กเกเร งอแงเหมือนเดิม โดยลืมนึกไปว่ากำลังปั้นหน้าเก๊กขู่ผมอยู่ ผมแอบหัวเราะในใจ ขำในความเอาแต่ใจตนเองของเจ้าเด็กบ้านี่ เมื่อกี้ทำเป็นโกรธ ทำหน้าดุใส่ผม ทำเหมือนไม่ใส่ใจใยดี เล่นเอาผมคิดมาก วุ่นวายใจว่าเขายังรักผมเหมือนเดิมหรือเปล่า แต่เมื่อเห็นอากัปกริยางอแง แบบนี้ ผมก็รู้แล้วว่าเดียร์ยังรักผมเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน

แล้วดูสิ เจ้าเด็กนี่จะสร้างความลำบากใจให้ผมไปถึงไหนกันนะ สิ่งที่ผมแย้ง มันก็ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงอะไร มันเป็นสิ่งที่สมควรทำด้วยซ้ำ ผมไม่ได้บอกเสียหน่อยว่าจะไม่ให้เขาแตะเนื้อต้องตัว ไม่ให้เรามีอะไรกัน สิ่งที่ผมพูดนั้น มันหมายความว่า ผมไม่อยากให้เขาทำบ่อยๆจนเบื่อผมต่างหาก ใครจะยอมให้เด็กนั่น มาแตะเนื้อต้องตัวผมได้ตลอดเวลา รู้พิษสงกันดีอยู่ ว่าเขาสามารถทำให้ผมเกิดอารมณ์ได้ขนาดไหน ผมกลัวว่าถ้าผมปล่อยให้เขากอดจูบลูบคลำลวนลามผมได้ตามอำเภอใจ นานวันเข้า เขาอาจจะเห็นว่าผมเป็นของตาย ไม่น่าตื่นเต้นสำหรับเขาอีกต่อไป แล้วเขาก็ไม่อยากจะแตะต้องผมอีก เขาอาจจะอยากไปมีคนอื่นๆ ซึ่งผมจะไม่มีวันยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นแน่ ผมรักเขาอยากให้เดียร์อยู่กับผมนานๆ แม้ปากจะบอกว่า ถ้าเขามีใครอื่น ก็สามารถไปได้ แต่ในความจริงแล้ว ผมไม่ได้ต้องการอย่างนั้นเลยแม้แต่น้อย


“พูดกันอย่างผู้ใหญ่สิครับเรียว นี่คือข้อตกลงหนึ่งของการจะเป็นแฟนกัน เราจะอยู่กันอย่างมีความสุขได้ไง หากเรียวไม่ยอมให้ผมแตะต้องเรียวบ้างเลย ก็รู้กันอยู่ว่าผมบังคับฝืนใจไม่ไห้แตะต้องคุณไม่ได้ ถ้าหากผมมีอารมณ์ขึ้นมา แต่เรียวเกิดไม่ยอม จะให้ผมไปลงกับผู้ชายคนอื่นๆหรือยังไง เรียวอยากให้ผมทำแบบนี้หรือ ผมเป็นแฟนกับเรียว ผมก็อยากจะทำกับเรียวคนเดียว ผมไม่อยากทำกับคนอื่น แต่ถ้าหากเรียวยังขืนหวงตัว ผมจะเพิ่มลงไปในข้อสัญญาว่า “เราสามารถจะไปยุ่งกับคนอื่นก็ได้ ถ้าแฟนของเราไม่ยอมให้มีอะไรด้วย” เรียวอยากให้ผมเพิ่มข้อความนี้ไปด้วยไหมล่ะครับ”

เด็กหนุ่มทำหน้าไม่พอใจ เหมือนเด็กที่ไม่ได้ของเล่นที่ตนเองต้องการ แต่แล้วเขาก็ยิ้มร่า ดวงตาเป็นประกาย คงนึกอะไรเด็ดๆที่จะโต้ตอบผมได้กระมัง

“งั้นใส่ข้อความเพิ่มเติมลงไปตรงนี้เลยนะครับ แล้วข้อนี้ก็จะไม่ขัดแย้งกับข้อแรกด้วย ผมน่ะอยากมีอะไรกับเรียว แต่ถ้าเรียวไม่ต้องการ ก็จะต้องมีเงื่อนไขให้ผมเปิดทางไปมีอะไรกับคนอื่นได้ด้วย โดยที่เรียวห้ามหึงหวง หรือต่อว่าอะไรทั้งนั้น แล้วก็ไม่ถือเป็นการผิดสัญญา แต่ข้อนี้ ให้เฉพาะผมทำได้คนเดียว เรียวห้ามทำ สำหรับคุณต้องยึดตามข้อที่หนึ่งเท่านั้น ว่าไงครับเอาตามนี้ไหม ผมจะเขียนลงไปในสัญญานะ”

“อ๊ะ ฟังดูเหมือนไม่ค่อยยุติธรรมสักเท่าไหร่เลย”

ผมแสร้งทำเป็นอุทธรณ์ แต่ในใจกลับหัวเราะความเกเรของเด็กหนุ่ม พอถูกขัดใจเข้าหน่อยก็พยายามจะอ้างเหตุผลประกอบแบบข้างๆคูๆ แล้วก็มาขู่ฟ่อดๆ แต่ถึงกระนั้นผมก็รู้แล้วว่า ที่เขาเรียกร้องเพราะอยากจะแตะต้องผม แค่นี้ผมก็สุขใจแล้ว

“ถ้าอย่างนั้นเรียวก็ต้องยินยอมให้ผมมีอะไรกับเรียวได้นะครับ อันที่จริงอ่ะ เรียวก็ไม่ควรจะหวงตัวกับผมนะ ผมน่ะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับเรียวตั้งหลายครั้งแล้ว ดังนั้น เราจึงไม่ใช่คนอื่นคนไกลกัน การที่ผมมีอะไรกับเรียวบ่อยๆ เราจะได้ยิ่งผูกพันธ์แน่นแฟ้นขึ้น จะมีผลดีต่อชีวิตคู่ของเราด้วย”

เด็กหนุ่มทำน้ำเสียงจริงจัง ผมมองท่าทางขึงขังนั้นแล้วนึกขำจนต้องหัวเราะดังๆออกมา เดียร์ทำหน้าเหรอหรา ที่อยู่ๆผมก็หัวเราะ เขามองผมตาขวาง แล้วก็ทำเป็นเก๊กหน้าเข้มขึ้นมาอีก

“ตกลงตามนี้ใช่ไหมครับเรียว ผมจริงจังนะ อย่ามาเห็นว่าเป็นเรื่องตลก”

เขาถามย้ำทำหน้าดุใส่ผม ดวงตาจ้องเขม็งจนผมต้องหยุดหัวเราะแล้วพยักหน้า นึกในใจว่า เดียร์จะให้ข้อตกลงเป็นอย่างนั้นก็ได้ อันที่จริงไม่ต้องทำเป็นสัญญา ร่างกายของผมก็พร้อมจะเป็นของเขาอยู่แล้ว มันเปิดรับเดียร์เข้ามา ตั้งแต่ก่อนหน้าวันที่ผมจะแน่แก่ใจตัวเองว่าเดียร์มีความสำคัญกับผมมากมายเพียงไร ดีเสียอีกยิ่งเดียร์อยู่ใกล้ชิดผมมากเท่าไหร่ เขาก็จะไม่มีวันทิ้งผมไปได้ ผมยิ้มกว้างให้เขา นึกหมายมั่นปั้นมือว่าผมจะต้องทำให้เดียร์กลับมารักผมอย่างเดิม ต่อจากนี้ไปผมจะไม่มีวันปล่อยให้เดียร์หลุดมือผมไปไหนได้อีกแล้ว ถึงแม้ผมจะถูกเขาลวนลามทุกวัน แต่ผมก็ตัดสินใจว่า ผมจะใช้ประสบการณ์ที่เคยมีอยู่ทำให้เขาไม่ยอมเปลี่ยนใจจากผม

“งั้นก็ตกลงตามนี้นะ ห้ามเบี้ยวด้วย”

เขาพูดย้ำ ผมพยักหน้าอีกครั้งเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเขา

“แต่นายห้ามก่ออาชญากรรม ห้ามทำร้ายร่างกายฉัน ห้ามจับฉันไปมัด ห้ามกังขังหน่วงเหนี่ยว หรือทำอะไรให้อับอายขายหน้า อย่างเช่น แอบถ่ายรูปฉันแบบนี้อีกนะ”

เด็กหนุ่มยิ้ม เมื่อผมยื่นข้อตกลงเดิมที่เคยให้เขาทำตามตั้งแต่ครั้งแรก เดียร์พยักหน้าเป็นการยินยอม จากนั้นก็ทำเป็นบึ้งตึงเหมือนเดิม

“เรียวจะยังคงมีอิสระในการไปไหนมาไหนได้ดังเดิม แต่ต้องบอกให้ผมรู้นะครับว่าจะไปไหน หรือทำอะไร ผมจะได้ไม่ต้องห่วง หรือไม่ต้องคอยตามหวง ไม่ต้องคิดมาก หรือคาดเดาเอาเองคนเดียว แล้วหากมีอะไรต้องบอก ห้ามปิดบังด้วย จะได้แก้ไขได้ทัน”

ที่จริงยังคงหวงผมอยู่เหมือนเดิมใช่ไหมล่ะ ผมแอบนึกในใจ แต่ทำเป็นเก๊ก ท่ามาก เวลาทำมาดเข้ม ก็ดูน่ารักไปอีกแบบ ผมคงต้องเล่นตามน้ำไปเรื่อยๆแหละ ทำเป็นรู้ไม่เท่าทันเขา ทั้งๆที่ใจจริงอยากจะพูดกับเดียร์ว่า โถพ่อหนุ่มน้อย ถ้าไม่มัวแต่ทำเป็นเคร่งเครียด แล้วก็มองหน้าผมสักนิด ก็จะรู้ว่าผมน่ะ ยอมตั้งแต่ข้อแรกแล้ว

“ผมจะไม่โทรตาม หรือคอยเช็คว่าเรียวจะไปไหน ทำอะไรกับใครนะครับ เพราะมันจะเป็นการไม่ให้เกียรติกัน ผมเชื่อใจในตัวของเรียวว่า จะไม่ทำเรื่องไม่ดีไม่งาม แต่ผมอาจจะโทรมาหาเรียวบ้าง เวลาที่ผมคิดถึงนะครับ”

“อ๊า ทำไมเยอะจัง ขอจดรายละเอียดก่อนได้ไหม”

ผมแสร้งทำเป็นร้องโวยวายเมื่อเขาพูดมาถึงตรงนี้ เลียนแบบคำพูดของเขาตอนที่พูดกับผมยามที่ผมยื่นข้อเสนอเยอะแยะให้ยอมรับ น่าแปลกที่ผมจำเหตุการณ์ตอนนั้นได้ ทั้งๆที่ตัวเองเป็นฝ่ายเสียเปรียบแท้ๆ เดียร์เองก็ยิ้มเขินๆ คงจะจำได้เหมือนกัน

“ไม่ต้องหรอกครับ ผมพิมพ์ไว้ในสัญญานั้นแล้ว อ่านดูก็ได้”

ผมเหลือบดูข้อความในสัญญาที่เขียนไว้ยาวเหยียดนั้นอย่างผ่านๆ ขี้เกียจอ่าน เพราะมันมีรายละเอียดเยอะมาก ถึงอย่างไรสัญญานี้ก็ไม่มีความหมายกับผมเท่าไหร่ ผมพร้อมที่จะมีสัญญาใจกับเดียร์มากกว่า

“นายไม่ต้องโทรหาฉันเพราะความคิดถึงหรอก ไปหาฉันที่บ้านทุกวันแล้วกัน บางทีโทรมา ฉันอาจจะยุ่งอยู่ เ พราะมัวแต่ทำโน่นทำนี่ก็ได้นะ”

“อ๊ะ จริงหรือครับ ให้ผมไปหาทุกวันได้ด้วยเหรอ”

คิ้วที่ขมวดมุ่นกับหน้าที่เคร่งเครียดเมื่อครู่คลายออก เปลี่ยนเป็นร่าเริงแจ่มใสทันที

“ถ้านายทำตัวดีๆ ฉันอาจจะให้นายย้ายมาอยู่ด้วยที่บ้านก็ได้ ตลอดเวลาที่เราเป็นแฟนกัน”

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

ผมยื่นข้อเสนอให้เขาแบบหยั่งเชิง อยากรู้ว่าเขาจะทำท่ายังไง นี่ผมแบไต๋ออกไปจนเกือบหมดแล้วนะเนี่ย ถ้ายังไม่รู้ว่าผมมีใจให้แค่ไหน ก็บื้อเต็มทนแล้ว เดียร์ทำตาโตใส่ผม เหมือนแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยิน จากนั้นก็ฉีกยิ้มแทบจะถึงใบหู ดวงตาเป็นประกายแวววาว

“จริงหรือเปล่า ให้ผมอยู่ได้ด้วยเหรอ อย่าโกหกกันนะ ให้ผมอยู่ด้วยกันที่บ้านนั้นตลอดระยะเวลาที่เป็นแฟนกันใช่ไหม พูดแล้วห้ามกลับคำด้วย เอางี้ ผมเขียนไว้ในสัญญาด้วยดีกว่า เผื่อว่าเรียวจะเปลี่ยนใจ”

เด็กหนุ่มทำท่ากระตือรือร้น เขาเขียนข้อความต่อท้ายลงไปในกระดาษ เขียนเสร็จก็เงยหน้ามายิ้มแป้นให้กับผม พอเห็นผมยิ้มให้ เขาก็ชะงักไปนิดหนึ่ง แล้วก็ปั้นหน้าโหดๆใส่

“แล้วเรียวต้องไปออกไปเที่ยวกับผมบ้าง อย่างน้อยก็เดือนละ 2 ครั้ง ถ้าตกลงว่าจะไปแล้วก็ต้องปฏิบัติตามสัญญา อย่ารับปากแล้วทำไม่ได้”

“คร้าบบบบบ”

ผมลากเสียงยานคางล้อเลียนเขา

“ผมสัญญาว่าจะไม่พาใครเข้ามาบ้าน ยกเว้นว่าเรียวจะอนุญาต หรือเชิญมา เรียวก็ต้องทำแบบนั้นเหมือนกันนะ ห้ามไม่ให้โครเข้าบ้านเรียวทั้งนั้นนอกจากผมนะ ผมรู้ว่าผมคงห้ามเรียวไม่ได้ เพราะเป็นบ้านของคุณ คุณอาจจะมีญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงมาหา แต่ที่ผมขอนี้ ผมขอเพื่อความเป็นส่วนตัวของเราสองคน ผมอยากจะอยู่กับคุณตามลำพัง ไม่อยากให้มีใครอื่นมาอยู่ด้วย ผมรู้ว่าผมขอมากเกินไป แต่ผมก็อยากจะให้มันเป็นสถานที่อันแสนสุขของเราจริงๆน่ะครับ”

เขาส่งสายตาขอร้องแกมบังคับด้วยคำพูดเดิม ประโยคเดิมที่เขาเคยขอผมไว้ตั้งแต่แรก ในคราวก่อน ผมได้ให้คนอื่นเข้ามาบ้าน เพราะถือว่าตัวเองเป็นเจ้าของสถานที่ แต่ผมก็เผลอเรอให้พวกเขาจับผิดจนเกิดเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา คราวนี้ถึงเดียร์ไม่ห้าม ผมก็คิดว่าต้องระมัดระวังอย่างเต็มที่

“ก็ได้ ฉันจะไม่พาใครมาที่บ้านทั้งนั้น แต่ถ้าจะพามาจะบอกนายก่อน จะได้เตรียมตัวได้ถูก อย่างนี้พอใจไหม”

“ครับ”

เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกหงัก ตาจับจ้องมองที่กระดาษ แล้วอ่านข้อความสัญญาข้อต่อไป

“ผมสามารถที่จะแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเรียว แตะเนื้อต้องตัวกันได้ในที่สาธารณะ จูงมือ คล้องแขน โอบไหล่ กอด หรือจูบ ต่อหน้าคนอื่นๆได้

“..”

“อย่าทำเป็นเงียบสิ.......ใจคอจะไม่ให้ผมอวดคุณกับคนอื่นๆเลยหรือไง ก่อนหน้านั้นก็หวงตัว แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว คุณเป็นของผมแล้ว เวลาไปไหนด้วยกัน ก็ต้องมีจูงมือจูงไม้กันได้บ้าง ห้ามมาหวงตัวอีกต่อไป เข้าใจไหมครับ "
“ก็ไม่ได้ว่าอะไร กำลังคิดอยู่ว่า ถ้าแตะเนื้อต้องตัวในที่สาธารณะมากเกินไป มันจะไม่ดี คนมันจะว่าเอาได้....”

ผมพยายามอธิบายเหตุผล ไม่ได้นึกโกรธอะไรเขา ยิ่งรู้สึกดีขึ้นไปอีกที่เดียร์อยากใกล้ชิดผมถึงขนาดนั้น ดูเหมือนว่าตอนนี้เจ้าหัวใจของผม จะขาดความระมัดระวังตัวขึ้นไปเรื่อยๆ เลิกเก็กแล้ว เป็นโอกาสดีที่ผมจะทำให้เขาหายโกรธผม

“ก็ได้ ผมจะเขียนไปว่า ผมจะจับต้องตัวคุณในที่สาธารณะตามความเหมาะสม เพื่อให้คุณไม่ต้องอับอายใคร แต่ในที่ลับตาคนแล้ว ผมสามารถทำได้ทุกอย่างเลย”

ดูสิ ข้อตกลงที่เขียนขึ้นมาโดยคนที่เอาแต่ใจตัวเอง ใครได้เปรียบกันละนี่ ถ้าไม่ใช่เขา

“หมดแล้วหรือยังนะ ข้อปฏิบัติที่จะต้องทำระหว่างการเป็นแฟนกัน”

ผมถามเดียร์ยิ้มๆ พยายามใจเย็นกับเด็กหนุ่ม ไม่อยากใจร้อน ทั้งที่อยากจะคว้าตัวเขามากอดใจแทบขาดให้สมกับความคิดถึง อยากจะร่วมรักกับเขาอีกครั้งด้วยความรู้สึกว่าเราสองคนรักกันจริงๆ เดียร์เองก็ไม่สังเกตอะไรบ้างเลย พูดนั่นพูดนี่อยู่ได้ สัญญานี่ก็ไม่เห็นจำเป็นสักหน่อย ทำไมต้องเขียนอะไรให้วุ่นวายมากก็ไม่รู้

“มีอีก”

“ทำไมมันมากจัง ฉันยังไม่ขอร้องนายเยอะขนาดนี้นี่ นี่นายเพิ่มเติมขึ้นมาเองอีกเหรอ”

เห็นเขายังทำหน้าบึ้ง ผมก็เลยแหย่เขา แต่เดียร์กลับทำหน้าง้ำไปอีก

“ช่าย เพิ่มเข้าไปอีก เพราะว่านี่เป็นสัญญาฉบับใหม่ ผมร่างมันขึ้นมา เพื่อแก้ปัญหาในเรื่องที่มันไม่ถูกต้องและจะทำให้รักของเราไม่มีความสุข”

“งั้นอะไรล่ะ นายลองบอกมาสิ ไอ้ส่วนที่นายเพิ่มเข้าไปแล้ว จะทำให้เราไม่มีปัญหากัน”

“ข้อที่ผมเพิ่มเข้ามาข้อแรกเลยก็คือ ต่อจากนี้ ห้ามเรียวเรียกผมว่า “นาย” ให้เรียกชื่อผม หรือไม่ ก็ให้เรียกว่า “ที่รัก” เท่านั้น มันจะได้ไม่ดูเหินห่างกันเกินไป

ผมหัวเราะก๊ากออกมา เมื่อได้ยินคำว่า “ที่รัก”จากปากเขา มันฟังดูแปลกๆจั๊กจี้ยังไงพิกล

“ทำไมล่ะ......... เรียวมีปัญหาในการเรียกผมแบบนี้เหรอ”

เดียร์มองผมอย่างพาลๆ ผมยกมือขึ้นสองข้างทำท่ายอมแพ้

“เปล่าจ้า เปล่าใครจะกล้ามีเรื่องราวกับนาย เอ๊ย “เดียร์” เอ่อ “ที่รัก”ของผมได้ล่ะครับ”

ตอบออกไปแบบยั่วเย้า ยิ้มทะเล้นให้เขา อยากเห็นเขาอารมณ์ดีบ้าง เดียร์เกือบจะยิ้มให้ผมแล้ว หากไม่สบตากับผมเสียก่อน เห็นหน้ายิ้มละไมของผม เขาเลยยิ่งบึ้งตึงหนักกว่าเดิม
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่54 26/3/09
«ตอบ #508 เมื่อ26-03-2009 14:19:15 »

“เปล่าจ้า เปล่าใครจะกล้ามีเรื่องราวกับนาย เอ๊ย “เดียร์” เอ่อ “ที่รัก”ของผมได้ล่ะครับ”

อ่านตรงนี้แล้วใจละลายเลยดิ อิอิ :jul3:

jaideejung007

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่54 26/3/09
«ตอบ #509 เมื่อ26-03-2009 20:34:48 »

ผมอ่านจบแล้วครับเรื่องนี้

เพิ่งอ่านเสร็จเมื่อวาน

ใจหาย

อยากให้ติดตามนะครับ

ไม่บอกล่ะกันว่ามันจบกันอย่างไร

อิอิ

รอก่านแล้วกัน

บะบายคับผม

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด