๓๘ เที่ยวบ้านชานเมือง“ตั้ม พรุ่งนี้สอบวันสุดท้ายพวกไอ้นึก จะไปเที่ยวบ้านเอ็งกันเหรอวะ” ปอ ถามผมขณะที่ผมนั่งอ่านการ์ตูนอยู่
“อื้อ” ผมตอบสั้นๆ เพราะกำลังสนุกอยู่กับหนังสือการ์ตูนในมือ
“กูไปด้วยนะ” ปอ พูดพลางเอามือมาปิดหนังสือที่ผมอ่านอยู่ แล้วแย่งไปถือไว้
“ก็ไปสิ แล้วทำไมต้องมาปิดการ์ตูนเราด้วยอะ” ผมพูดงอนๆ
“จะสอบอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว มึงยังเอาแต่อ่านการ์ตูน ทำไมไม่อ่านหนังสือเรียนวะ” ปอ พูดฉุนๆ “มึงทำอย่างนี้พวกกูฝ่อหมดดิ สบายฉิบ หนังสือก็ไม่อ่าน ดันสอบได้คะแนนดีอีกนะมึง”
“ก็เราอ่านหมดแล้วอะ ตอนนี้ไม่อยากอ่าน อ่านไปก็ไม่เห็นจะได้อะไรเลย อ่านแค่ ๑๐ นาทีก่อนสอบเนี่ย” ผมพุดพลางเอามือไปแย่งหนังสือการ์ตูนคืน
“งั้นมึงช่วยกูหน่อย เล่าโรบินสันตอนท้ายๆให้กูฟังหน่อย กูอ่านไม่ทัน”
“อ้าว ปอ ทำไมเพิ่งบอกอะ จะทันรึเปล่า เอาหนังสือมาเร็วๆ” ผมตกใจ รีบหยิบหนังสือออกมาเปิดอ่าน แล้วอธิบายในจุดที่ ปอ ถาม ไม่ได้สนใจว่า เริ่มมีคนเข้ามาล้อมฟังเพิ่มขึ้น ผมก็แปลให้ ปอ ฟังไปเรื่อยๆ จนได้ยินเสียงออดสัญญาณบอกเวลาให้เข้าห้องสอบดังขึ้น ถึงได้พากันเก็บของเข้าไปนั่งประจำที่ในห้องสอบ
.........................................................................
“โอย บ้านเอ็งนี่จังหวัดอะไรวะ” เชียร บ่น หลังจากนั่งรถมานาน แล้วยังต้องเดินอีกเกือบ๒๐๐ เมตร กว่าจะถึงบ้านผม
“คิ๊ก คิ๊ก เดี๋ยวนะ อย่าเพิ่งเข้าไป เราเข้าไปผูกหมาก่อนนะ” ตั้ม พูดจบ ก็เปิดประตูรั้วเข้าไปแล้วปิดไว้เหมือนเดิม
“บ้านแม่งบ้านนอกจริงๆหว่ะ ไม่น่าเชื่อจะอยู่ในกรุงเทพฯอยู่นะเนี่ย” โอ พูดพลางมองไปรอบๆ ทุ่งนากว้างๆ มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นเป็นระยะ
“ร่มรื่นดีนะ เราว่า อากาศดีด้วย” วัฒน์ พูดขึ้น
“เข้ามาได้แล้ว” ตั้ม เปิดประตูรั้วออกมาชะโงกหน้าเรียก เพื่อนๆก็เลยทยอยกันเดินเข้าไป มีเสียงหมาเห่ามาจากทางหลังบ้าน
“โห อยู่กันกี่คนเนี่ย บ้าน ๓ หลังเชียว” นึกพูดขึ้น เมื่อเข้ามาเห็นสภาพภายในรั้วเต็มตา
ประตูรั้วบ้านอยู่ค่อนมาทางด้านซ้าย เมื่อเข้ามาก็มองเห็นเรือนเล็กๆอยู่ถัดไปจากสนามหญ้า ทางขวามือ เป็นอาคารชั้นเดียว เชื่อมต่อกับเรือนใหญ่ด้านใน ที่เป็นอาคาร ๒ ชั้น แล้ว ถัดไปเหมือนมีเรือนไม้เล็กๆอยู่อีกหลังหนึ่ง มีศาลาเล็กๆใต้ต้นมะม่วงต้นใหญ่อยู่ริมสนามหญ้าใกล้ๆอาคารชั้นเดียว มองเข้าด้านหลังศาลา เห็นเป็นแนวต้นไม้พุ่มสลับต้นชมพู่เตี้ยๆเป็นระยะๆ
“แม่เราอยู่เรือนเล็กอะ แล้วเรือนใหญ่ เราอยู่กับพ่อ แล้วก็พี่ๆไง เรือนไม้นั่น เรือนครัว” ตั้มพูดพลางเดินนำเพื่อนๆ เข้าไปยังห้องรับแขกภายในเรือนใหญ่
“นั่งกันก่อน เดี๋ยวเราหาน้ำ หาขนมให้กิน ใครว่าง ช่วยเปิดหน้าต่างให้หมดเลยนะ ลมจะได้เข้า” ตั้ม บอกเพื่อนๆ
“เราไปช่วยนะ ป่ะ หมู ไปช่วย ศิลปี กัน” วัฒน์ พูด
แล้วทั้ง ๓ คนก็เดินออกไปจากห้องรับแขกไปทางเรือนครัว สักพักก็กลับมาพร้อม น้ำเปล่าและน้ำอัดลมยี่ห้อต่างๆหลายขวด กระติกน้ำแข็ง ถาดใส่แก้วน้ำ แล้วก็จานขนมหวานแบบไทยๆใบใหญ่ มีขนมจำพวก ขนมชั้น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทองอยุ่บนจาน และโหลแก้วใบใหญ่ ใส่ขนมจำพวกคุ๊กกี้ต่างๆอีก ๒ โหล ด้วยความเหนื่อยเพราะนั่งรถมานาน ต่างคนจึงจัดการกินน้ำ กินขนมกันซะเต็มคราบ
“ตั้ม เราอยากเห็นห้องนอน ตั้ม อะ” นึก พูดขึ้นแล้วจับมือ ตั้ม ให้ลุกขึ้นจากที่นั่งอยู่
“ไปดูดิ ชั้นบนแน่ะ เดี๋ยวเราพาไปดู” ตั้ม ตอบ
“กูไปด้วย” ปอ พูดขึ้น ....เรื่องอะไรกูจะให้อยู่กันสองต่อสองวะ กูไม่ยอมหรอก แล้วดูดิ มันกลัว ไอ้นึกได้ไม่กี่วันกลับมาคุยกันเหมือนเดิมอีกแล้ว
“เฮ๊ย มึงอยู่ห้องนี้คนเดียวเลยเหรอวะ” ปอ ถามพลางมองดูห้องนอนขนาด ๔ เมตรคูณ ๔ เมตร มีเตียงนอนขนาดควีนไซด์วางชิดผนังด้านหนึ่ง ปลายเตียงมีตู้เสื้อผ้าใบย่อม ทางหัวเตียงมีโต๊ะเขียนหนังสือตัวใหญ่ กับชั้นหนังสือ บนชั้นเต็มไปด้วยหนังสือนิทาน และหนังสือภาพมากมาย ทั้งภาษาไทยภาษาอังกฤษ รวมทั้งหนังสือการ์ตูนสารพัดเรื่อง บนหัวเตียงมีเครื่องเล่นวิทยุ-เทปวางอยู่ พร้อมกับชั้นวางเทป กะด้วยสายตามีประมาณเกือบ ๑๐๐ ตลับได้ เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ ปอ ก็เห็นมีแต่เพลงบรรเลง ทั้ง ไทย สากล และไทยเดิม
“เพลงอะไรของมึงวะเนี่ย กูไม่เคยเห็นเลยหว่ะ” ปอ หันไปถาม ตั้ม
“ไหน ดูดิ๊” นึก เข้าไปดูบ้าง ... เพลงอะไรวะ เพลงฝรั่งทั้งนั้นเลยนี่หว่า แล้วนี่อะไรวะ บาค โมสาท บีโธเฟ่น ไฮเดน เดอบุสซี่ ราเวล มันฟังอะไรแบบนี้ด้วยเหรอวะนี่ แล้วดูอีกด้านดิ ตับพระลอ ตับนางลอย เดี่ยวขิม ซอสามสาย วงปี่พาทย์ วงมโหรี เข้ากันน่าดูเลยหว่ะ -*-...นึก คิด
“เพลงพวกนี้เพราะอะ เราเปิดฟังจนหลับทุกคืนแหละ ตั้งแต่เด็กๆแล้วอะ บางอันเราก็ไม่ค่อยรู้จักหรอก ญาติเราที่เป็นพยาบาลให้มา” ตั้ม ตอบยิ้มๆ
“นี่อะไรวะ ตั้ม ท่าทางจะของโบราณ” ปอ ชี้ไปที่กล่องสีดำใบย่อม ที่วางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ ตัวกล่องเหมือนโทรทัศน์สมัยโบราณที่ย่อส่วนลงมา มีรูปคนนั่งเล่นกีตาร์อยู่ตรงส่วนที่เป็นเหมือนหน้าจอ ปอ ลองเอามือดึงลิ้นชักด้านหน้าออกมาเล็กน้อย รูปคนนั้นก็ขยับไปมาแล้วก็มีเสียงเพลงดังออกมา เหมือนกับรูปคนนั้นกำลังบรรเลงเพลงอยู่ นึกขยับตัวมาดูด้วยความสนใจอีกคน
“กล่องเพลงนี่หว่า น่ารักจังหว่ะ” ปอ หันไปพูดกับตั้มยิ้มๆ แต่เขากลับเห็น ตั้ม มีสีหน้าเศร้าสร้อยอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน “เฮ้ย เป็นอะไรวะ ตั้ม” ปอถามด้วยน้ำเสียงตกใจ
“เอ้อ...ไม่มีอะไรอะ ปอ” สีหน้า ตั้ม เปลี่ยนเป็นยิ้มน้อยๆ “ลงไปข้างล่างดีกว่า หาอะไรเล่นกัน”
พอลงมาข้างล่าง ก็พากันออกไปนั่งกันที่สนามหญ้าหน้าบ้าน พากันเล่นกับหมาบ้าง อ่านหนังสือบ้าง บางคนหาสายเอ็นมาผูกไม้แล้วเขาขอตกปลาผูกสายเอ็นอีกด้าน (โอ กับ นึก ขี่จักยานไปซื้อจากร้านค้าแถวนั้น) พากันไปตกปลาที่สะพานข้ามคลองใกล้ๆบ้าน แต่ไม่ได้ปลาสักตัวหรอก ตกกันเป็นซะที่ไหนล่ะ -*-
เพลินกันไปถึงสี่โมงครึ่ง ตั้ม ก็เตือนเพื่อนๆว่าให้เตรียมตัวกลับได้แล้ว เพราะเดี๋ยวพ่อจะกลับบ้านมาตอน ๕ โมงเย็น พ่อ ตั้ม สั่งไว้ว่าให้เพื่อนๆนั่งรถประจำตำแหน่งของพ่อ ซึ่งจะไปส่งแถวๆตลาดคลองเตย จะได้ไปต่อรถกลับบ้านกันง่ายๆ
“ไอ้ลูกหมาเอ๊ย อยู่ไหนลูก” เสียง พ่อเรียกมาจากหน้าบ้าน ตั้ม วิ่งไปที่ตู้เย็นใบเล็กในห้องรับแขก หยิบผ้าเย็นออกมาแล้ววิ่งไปหาพ่อ
“พ่อค๊าบบบบ ผ้าเย็นค๊าบบ” ตั้ม ส่งผ้าเย็นให้พ่อที่กำลังเอามือขยี้หัวผมอยู่อย่างเอ็นดู
“สวัสดีครับ คุณพ่อ” เพื่อนๆพร้อมใจกันทักทาย
“สวัสดีลูก เอ้า กลับรถพ่อกันนะ รีบไปกันได้แล้ว เดี๋ยวเย็นมากไปทางบ้านจะเป็นห่วง ตั้ม ไปส่งเพื่อนๆที่รถนะลูก” พ่อพูดจบก็เดินไปยังห้องของพ่อที่อยู่ด้านหลังของห้องรับแขก
ตั้ม ก็พาเพื่อนๆไปที่รถ ทักทายกับคนขับรถที่เขาคุ้นเคยนิดหน่อย เมื่อเพื่อนๆขึ้นรถหมดแล้ว ตั้ม ก็โบกมือบ๊ายบายเป็นการส่งเพื่อนๆ จนรถแล่นออกไปลับตา