เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน เมื่อย//เรื่องที่เราเกลียดกัน
ล้างถ้วยและจานคว่ำไว้เรียบร้อย จัดการเคลียร์โต๊ะกินข้าวแล้วและเดินกลับมาในห้องทำงาน ฟ้าไปนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวเอง และหยิบเอกสารที่ออกมาพิจารณาดูบ้างและนัทก็เดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง นั่งลงบนเก้าอี้ และเอียงคอไปมา
ปวดหลังและปวดไหล่มาพักใหญ่แล้ว คงเป็นเพราะนั่งนาน และก็เกร็งอยู่ตลอด เลยมีอาการปวดแบบนี้ และถ้าขืนปล่อยไว้นาน ๆ กว่านี้คงจะไม่ค่อยดี ยกมือขึ้นบีบที่ไหล่ของตัวเองเบา ๆ และกด ๆ ไปที่ต้นคอ
“เมื่อยเหรอครับ”
หยุดชะงักมือ และเงยหน้าขึ้นมองคนที่ถาม และนัทก็เห็นว่าคุณรัชชานนท์มองตรงมาอย่างสนใจ ก็เมื่อย ธรรมดาไม่ใช่เหรอ
นั่งหลังขดหลังแข็งทั้งวัน จะไม่ให้รู้สึกอะไรเลยก็คงไม่ได้
“นิดหน่อยครับ”
ไม่นิดหรอก จริงๆ แล้วก็ปวดเยอะอยู่เหมือนกัน แต่ก็ต้องรักษาฟอร์มที่ไม่มีจะเหลือเอาไว้
“เดี๋ยวผมจัดการให้”
ยังไง จัดการที่ว่า คือ.... คุณรัชชานนท์ เลขาหน้านิ่ง ลุกขึ้นและก้าวเดินมาหา เดินมายืนซ้อนอยู่ข้างหลังนัท และ.....
เฮือก........
ถึงกับสะดุ้ง และนัทก็เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อมองคนที่กำลังแตะมือเบา ๆ ที่ไหล่ และเริ่มกดปลายนิ้วลงไป
พี่ฟ้า อย่าทำแบบนี้สิวะ นัทจะตาย นัทจะขาดใจตายอยู่แล้วนะ พี่ฟ้าทำแบบนี้ได้ยังไง
“หายเจ็บหน้าผากแล้วเหรอครับ มันยังดูบวม ๆ อยู่นะผมว่า”
ห๊ะ
ยกมือขึ้นจับที่หน้าผากของตัวเอง และก็รู้สึกว่ายังเจ็บอยู่จริง ๆ
“เดี๋ยวผมนวดยาที่หน้าผากให้ก่อนแล้วกัน”
ง่า อ่ะ ยังไงก็ได้ ยอมหมดแหละ ทุกอย่างเลย นวดยา นวดไหล่ นวดอะไรนัทก็เอาหมดนั่นแหละพี่ฟ้า
แต่ว่า....แบบนี้มันกำลังจะทนไม่ไหวนะ ตาเยิ้มหรือเปล่าวะนัท มึงไม่ได้ตาเยิ้มใช่มั้ย คงจะไม่หรอกมั้ง ไม่มีทางหรอก
อยากเช็คสภาพดวงตาของตัวเอง แต่คนที่วางมือและเดินไปหยิบหยอดยามาทาลงที่ปลายนิ้ว และเชยคางนัทขึ้นอย่างรวดเร็วนั่นก็ทำให้หมดเวลาจะมาพิจารณา
“ง่วงเหรอครับ ตาเยิ้มเลย”
ชัดครับ ไม่ต้องเช็คหรอก แบบนี้ชัดเลย นัทเปล่าง่วงนอนครับ นัทแค่เคลิ้ม เวลาที่พี่ฟ้าทำอะไรหลาย ๆ อย่างให้
แม้จะทำไปตาม “หน้าที่” ก็เถอะ ไม่กล้าสบตาไม่กล้ามอง มีคนทายาให้ที่หน้าผาก แต่สายตาของนัทกลับมองไปที่แผงอกกว้างภายใต้เสื้อเชิตสีขาว
พี่ฟ้า พี่ฟ้า พี่ฟ้า.... พี่ฟ้ามีไฝเล็ก ๆ ที่คอด้วย แล้วพี่ฟ้าก็น่าจะโกนหนวดไปเมื่อวาน เพราะถ้าเพ่งมองดี ๆ จะเห็นว่าเริ่มมีไรหนวดเล็ก ๆ ขึ้นมาที่ปลายคาง
พี่ฟ้า พี่ฟ้า พี่ฟ้า
“เสร็จแล้วครับ ยานวดนี่น่าจะพอนวดไหล่กับต้นคอได้”
ครับ นวดได้เหรอ ก็คง ได้หรอกมั้ง
“ช่วยเปิดผมที่ต้นคอด้วยครับคุณนัท”
เหรอ ๆ ได้ ๆ นัทจะทำเดี๋ยวนี้แหละ
ก้มหัวลงเล็กน้อย และใช้มือเปิดที่ต้นคอของตัวเอง และคนที่บอกให้เปิดต้นคอก็ถึงกับชะงักก่อนจะเมินหน้าหนีไปทางอื่นเพื่อตั้งสติ
ขาวไปหรือเปล่า แบบนั้นมันเรียกว่าอะไร ไรผมที่คลอเคลียอยู่ที่ต้นคอ ผิวขาว ๆ ที่ปรากฏให้ได้เห็น มันชักจะมากเกินไปแล้ว
ฟ้าแตะปลายนิ้วลงไปที่ต้นคอของคนที่เปิดให้ทายา แต่ใบหน้าเมินมองไปทางอื่น โดยที่นัทไม่เคยรู้
นวดคลึงเพื่อคลายความเมื่อยล้าให้กับคนที่นั่งหลังขดหลังแข็งทำงานมาทั้งวัน
“อือออ”
อะไรอีก เสียงครางแผ่ว ๆ นั่นมันอะไร แบบนี้มันชักจะ.....
“ลงมาหน่อยครับคุณรัชชานนท์”
อะไร ลงมาตรงไหน ลงมา...
“อาส์ สบายจังเลยครับ”
ไม่ต้องทำเสียงแบบนั้นก็ได้ ไม่เห็นต้องทำแบบนั้น ไม่เห็นต้อง....
“เสร็จแล้วครับ”
รีบผละมือออกอย่างรวดเร็ว และวางหลอดยาเอาไว้บนโต๊ะและนัทที่เกิดอาการงง ก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ใบหน้าของคุณเลขารัชชานนท์หน้านิ่ง ที่ดูดีตลอดเวลาแม้ในเวลาเที่ยงคืน
มองแล้วก็เกิดความสงสัย ทำไมถึงได้ทำหน้าเฉยได้ตลอดเวลาวะ
ตอนที่อยู่ในครัวนั่นก็เหมือนกัน ตอนแรกนึกว่าคุณรัชชานนท์ยิ้ม แต่สงสัยจะคิดไปเอง เพราะเมื่อตั้งใจจะมองจริง ๆ กลับไม่พบรอยยิ้มที่ใบหน้าของคุณรัชชานนท์เลย
และในเวลานี้ก็เช่นกัน แม้หน้าจะนิ่งเฉย แต่ทำไมถึงได้สัมผัสถึงอารมณ์ขุ่นมัวแปลก ๆ ที่ไม่สามารถอธิบายได้ ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยนั้น เหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่าง แล้วมันคืออะไร
ไม่เข้าใจจริง ๆ แต่ก็ไม่ใช่ไม่เข้าใจหมดทุกเรื่องหรอก เบื้องลึกเบื้องหลังของเรามันเยอะ ตั้งแต่สมัยไหนมาแล้ว
อย่านึกว่าคุณรัชชานนท์จะยินดีกับเรื่องที่ทำให้แบบนี้ แต่เพราะเป็นหน้าที่และถูกสั่งให้มาทำในตำแหน่งเลขา และคณรัชชานนท์ก็ไม่ชอบความไม่สมบูรณ์แบบ อะไรก็ตามที่ไม่สมบูรณ์แบบบ คุณรัชชานนท์ไม่ชอบ
เหมือนในเวลานี้ แม้จะไม่อยากทำ แม้จะไม่ชอบ แต่เพราะต้องดูแลทุกเรื่องในตำแหน่งเลขา ก็เลยฝืนใจทำให้นั่นเอง
นัทพยักหน้าอย่างช้า ๆ และใช้มือกดเบา ๆ ไปที่ไหล่ของตัวเอง
ที่หน้าผากก็ทายาให้ แถมต้นคอยังทาให้อีก แล้วยังจะเอาอะไร แค่ไหล่นวดเองก็ได้ อย่าให้มันมากเกินไปนักนะนัท แค่นี้มันก็ถือว่ามากเกินไปแล้ว
“เอ่อ...ขอโทษที ผมลืมไปว่าคุณนัทปวดที่ไหล่ด้วย”
ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวที่เหลือนัทจัดการเอง
“อย่ารบกวนเลยครับคุณรัชชานนท์”
หมายความว่ายังไง อย่ารบกวน แปลว่า ผมทำงานไม่เรียบร้อยหรือไง บอกแล้วไง ว่าไม่ชอบความไม่สมบูรณ์แบบ อย่ามาดูถูกกันแบบนี้ ไม่ชอบหรอกนะ ไอ้เด็กนัท ฟ้าจัดการบีบเจลจากหลอดยา และเดินกลับไปซ้อนอยู่ด้านหลังของนัทที่ยังเกิดอาการงุนงงสงสัย
ทำไมถึงได้เย็นชาขนาดนั้นวะ กูไปทำอะไรให้พี่ฟ้าไม่พอใจอีกเนี่ย เดี๋ยวก็นิ่ง เดี๋ยวก็เงียบ ปกติหน้าตานิ่งสนิท ไร้อารมณ์ก็เดาความรู้สึกไม่ออกอยู่แล้ว นี่ยังจะบรรยากาศชวนเครียดอีก แล้วแบบนี้กูควรทำยังไงวะ
แล้วไอ้นัทควรทำยังไงล่ะครับ คุณรัชชานนท์
“ตรงนี้หรือเปล่าครับ”
ง่า
ตรงนี้ตรงโน้นตรงไหนไม่รู้แหละ
แต่ฝ่ามืออุ่น ๆ ที่สอดแทรกเข้ามาและวางไว้บนผิวเนื้อที่ไหล่ มันคืออะไร
เหี้ยกูเขิน นัทเขินโว้ยยย มาแตะเนื้อต้องตัวกันขนาดนี้ อย่างเขินนะเนี่ย นัทขบริมฝีปากตัวเองเอาไว้ กลัวว่าจะเผลอยิ้มออกมา
แม้ฝ่ายที่ยืนอยู่ข้างหลังจะมองไม่เห็น แต่ก็ไม่กล้ายิ้ม
ไม่กล้าเลยจริง ๆ ทั้งที่ตอนนี้รู้สึกใจเต้นระทึก และอยากจะให้ใครบางคนทำอะไรเลยเถิดมากกว่านี้ด้วยซ้ำ
แต่สงสัยจะอยากได้มากเกินไป แบบนี้ชักจะไม่ค่อยดี ไม่ดีเลยจริง ๆ
“อ๊ะ อือออ”
เพราะมันเย็นสบาย เพราะฝ่ามือของใครบางคนที่บีบเคล้นลงมาช่วยคลายอาการเมื่อยล้า เพราะอะไรไม่รู้ แต่รู้สึกว่า.....โคตรสบาย เอียงหัวไปมา และยกมือขึ้นลูบที่ต้นคอของตัวเอง ทั้งที่มีใครบางคนกำลังนวดบ่าและไหล่ให้
“คุณรัชชานนท์ครับ”
ว่ายังไงล่ะ ไอ้เด็กเป็ดเหลืองนัท ยังไม่ทันได้ตอบ ยังไม่ทันได้พูด แล้วนัทที่นั่งหันหลังให้ตลอดก็หันมาหา เงยหน้าขึ้นมอง และกระพริบตาปริบ ๆ สองสามครั้ง
ดวงตากลมโต ใบหน้าขาว ๆ ท่าทางที่เหมือนกำลังสับสนและไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรมันทำให้ฟ้าถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เหมือนกำลังคิดจะพูด แต่ไม่กล้าพูด หรุบสายตาลงอีกครั้ง ก่อนจะช้อนขึ้นมอง
มองและจ้องไปที่ใบหน้าของคนที่พยายามทำหน้านิ่งเฉย แต่ตอนนี้รู้สึกเหมือนความสามารถในการควบคุมใบหน้าจะลดต่ำลงเรื่อยๆ
“คุณรัชชานนท์ครับ คือว่า....”
คือว่าอะไร คืออะไร อยากจะพูดอะไรก็พูดมา อย่ามาทำหน้าแบบนี้ อย่ามากระพริบตาแบบนี้ อย่ามาขบริมฝีปากใส่แบบนี้ และอย่า...
“ช่วยนวดลงไปที่แถว ๆ สะโพกหน่อยได้มั้ยครับ คือตอนสายที่ตกเก้าอี้ผมยังเจ็บอยู่เลย แต่ทายาเองคงทาไม่ถนัด ยังไงถ้าคุณรัชชานนท์ไม่ว่าอะไร ผมก็.....”
ก็...
“สะโพกใช่มั้ยครับ”
อืมม ใช่ พี่ฟ้าจะด่านัทมั้ยวะ ไหน ๆ ก็ทาแล้ว อีกสักหน่อยจะเป็นไรไป พี่ฟ้าไม่ได้คิดอะไรกับนัทหรอก ก็ทำไปตามหน้าที่เหมือนเคย
เกลียดจะตาย ก็รู้อยู่ แต่มันเจ็บมากจริง ๆ
ทาเองก็มองไม่เห็น ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ทาให้หน่อยเถอะพี่ฟ้า
“ยืนขึ้นสิครับ ผมจะทายาให้”
อ่ะ ได้ ได้ ทายาให้
ลุกขึ้นยืน และหันหลังให้กับคนที่กำลังยืนหน้าเครียด
แบบนี้ต้องการอะไรวะ หมายความว่ายังไง
ไอ้เด็กนัท ไอ้เด็กเป็ดเหลืองนัท ไอ้เด็กบ้า
คิดจะทำอะไรกันแน่วะ คิดจะ….
“ช่วยเปิดเสื้อขึ้นด้วยครับ แล้วก็ดึงกางเกงลงหน่อย ผมไม่รู้ว่าคุณนัทปวดตรงไหน ถ้าไม่ชี้ให้ดู”
นัทเปิดเสื้อขึ้นเหนือเอว และดึงสูงขึ้นไปอีก ก่อนจะใช้ฟันกัดที่ปมเสื้อและร่นกางเกงที่สวมลง
ใครบางคนเกิดอาการสะดุ้งเล็กน้อย ตั้งแต่ชายเสื้อเริ่มพ้นจากเอว
และเมื่อไล่สายตามองไปตามแนวกระดูกสันหลัง และเอวที่คอดลงรับกับสะโพก ฟ้าก็ถึงกับต้องเมินหน้าหนี
สองหนึ่งสอง สองสองสี่ สองสามหก สองสี่แปด
สองห้าสิบ สองหกสิบสอง สองเจ็ดสิบสี่.. สองแปดสิบหก
สิบหก สิบหก สิบหก อะไรต่อนะ สอง กะ กะ กะ เก้า เก้า
สิบ สิบ แปด สองอ่า....
กลายเป็นผู้คว่ำหวอดในวงการคณิตศาสตร์ขึ้นมาแบบทันที ทันใด นึกอะไรไม่ออกฟ้าก็เลยท่องสูตรคูณในใจเพื่อแก้ไขอาการไม่เป็นตัวของตัวเอง
นัท นัท คุณนัท ไอ้นัท ไอ้เด็กนัท ไอ้เด็กเป็ดเหลืองนัท
นัท นัท นัท น้อง....เป็ด...เหลือง ตา แป๋ว นัท
อ่า
“คุณรัชชานนท์ ผมว่าผมเจ็บแถว ๆนี้”
แค่นั้นยังไม่พอ
นอกจากบอกว่าเจ็บตรงไหนแล้ว ไอ้เด็กเป็ดเหลืองยังมีการเหลียวมามอง และร่นกางเกงลงให้ดูเป็นขวัญตา
นัทใช้ฝ่ามือจับไปที่ปมเสื้อและไม่ใช่แค่กางเกงที่สวมอยู่ แต่หมายรวมถึงกางเกงชั้นในสีขาวที่ถูกดึงลงเล็กน้อยด้วย
มันจะขาวไปไหน ผิวเนียน ๆ ที่ปรากฏต่อสายตา สะโพกมนที่โผล่ออกมานอกร่มผ้าที่ได้เห็น แม้ไม่มากมายแต่ถ้าดึงกางเกงต่ำลงไปอีกหน่อยก็คงได้เห็นไปถึงไหนต่อไป อันตรายเกินไปแล้ว ไอ้เด็กเป็ดตัวนี้
“เจ็บตรงแถว ๆ นี้ครับ มันเป็นรอยหรือเปล่าคุณรัชชานนท์”
รอยเหรอ
ก็....พิจารณาโดยใช้สายตาแล้ว ก็....
ขาวแล้วก็เนียนดี ไม่มีรอยฟกช้ำดำเขียวอะไร กำลังจะตอบ แต่ไอ้เด็กเป็ดนัทมันยังมีการใช้ปลายนิ้วกดไปที่สะโพกของตัวเองอีก มันจะทำอะไรของมันกันวะ
“น่าจะตรงนี้ครับ มันเจ็บ ๆ พิกล”
เหรอครับ คุณนัธพันธ์
คุณเลขารัชชานนท์หน้านิ่ง ไม่ได้ทำอะไรมาก ก็แค่ใช้เจลสำหรับนวดคลายกล้ามเนื้อทาลงที่ปลายนิ้ว และใช้มือจับเอวของคนที่เปิดเสื้อและดึงขึ้นสูง ไล้ปลายนิ้วไปที่สะโพกมนเนียนขาวแผ่วเบาและถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคอ
“โอ้ยยย เจ็บ เจ็บจริงคุณรัชชานนท์”
อะไรล่ะ ทำไมจะต้องนิ่วหน้าแบบนั้นด้วย ทางนี้ต่างหากที่ควรจะ....
ฟ้าพยายามหายใจเข้าลึก ๆ และพยายามตั้งสติ สงบจิตสงบใจไล่สายตามองไปที่ผิวเนื้อตรงสะโพกที่นัทเปิดให้เห็นเพื่อทายาให้ แล้วก็ไล้ปลายนิ้ววนไปที่บางส่วนของร่างกายของคนที่บอกว่าเจ็บ จนนิ่วหน้า
“อือ”
นัทร้องออกมาเสียงแผ่วเบาเมื่อปลายนิ้วของใครบางคนกดลงบริเวณผิวเนื้อที่มีอาการเจ็บ
“เรียบร้อยแล้วครับ”
อ้าวเหรอ ขอบคุณครับคุณรัชชานนท์ ขอบคุณมาก รวดเร็วดีเหมือนกันเนอะ ทาแป๊บ ๆ ก็เสร็จแล้ว ดีที่คุณรัชชานนท์ช่วย เพราะถ้าทำเองนัทคงทำไม่ได้
แล้วทำไมคุณรัชชานนท์ต้องทำเหมือนโกรธกันด้วยล่ะ รีบ ๆ ทายาแล้วก็ดึงเสื้อของนัทลง และจัดการดึงกางเกงขึ้นให้เสร็จเรียบร้อยด้วยอีก
เป็นอะไรหว่า
เหมือน ๆ โกรธ คล้าย ๆ จะโกรธ แต่นัทยังไม่ได้ทำอะไรให้เลยนะ ก็แค่ให้ช่วยทายาให้แค่นั้น
ทำเหมือนโกรธกัน แต่ก็เหมือนจะเฉย ๆ สีหน้าแววตายังคงนิ่งสงบเหมือนเดิม แต่ทำไมถึงสัมผัสได้ถึงอารมณ์ไม่พอใจบางอย่างล่ะ
มันหมายความว่ายังไง
ความเย็นจากเจลนวด ทำให้นัทรู้สึกผ่อนคลายสบายขึ้นมาบ้าง
ส่วนคุณเลขาหน้านิ่ง ไปนั่งอยู่ที่เก้าอี้ของตัวเองเรียบร้อยและหน้าดำคร่ำเคร่งกับการทำงานมากกว่านัทซะอีก
ทำไมเป็นแบบนั้น
อยากจะถามแต่ก็ต้องเก็กหน้า ไม่กล้าถามมาก ก้มหน้าก้มตากลับลงไปสนใจกับกองเอกสาร
ก่อนจะฟาดมือดังเพี้ยะลงไปที่แขนของตัวเองเสียงดังลั่น จนคนที่กำลังทำงานอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นมามอง
“เอ่อ ยุงมันเยอะครับ โทษที”
ยุงมันเยอะ แล้วทำไมต้องฟาดมือเสียงดังซะขนาดนั้น เดี๋ยวก็เป็นรอยแดงขึ้นมาอีกหรอก ผิวยิ่งขาว ๆ อยู่ มีร่องรอยอะไรก็คงเห็นชัด
“เวลานอน ไม่มียุงเหรอครับ”
อ๋อ เวลานอนเหรอ มันก็มีบ้างแหละ แต่นัทหลับก็เลยไม่รู้ว่าถูกยุงกัดหรือเปล่า
“มีมั้งครับ”
ตอบออกไปแล้ว และคนที่ได้ฟังคำตอบก็ไม่พอใจกับคำตอบที่ได้รับเลยสักนิด
“ตกลงมีหรือไม่มีครับคุณนัท”
แล้วทำไมต้องเน้นเสียงด้วยวะ นัทไม่ได้ไปทำอะไรผิดที่ไหนซะหน่อย อย่าโหดนักเลย แค่นี้ก็กลัวจะแย่แล้ว
“ก็คงมีมั้งครับ”
ตอบออกไปอีกครั้ง และฟ้าที่ได้ฟังคำตอบก็ยังไม่พอใจกับสิ่งที่ได้ยิน
“ตกลงมีหรือไม่มีครับคุณนัท”
เฮ่อออออ ก็ได้ นัทตอบแล้ว
“มีครับ”
พอใจหรือยังพี่ฟ้า มีก็มี
“แล้วถูกยุงกัดหรือเปล่าครับ”
มันก็ต้องมีบ้างแหละ
“ก็มีรอยที่แขนกับที่แก้มสองตุ่ม แต่ไม่เป็นไรสองสามวันก็หาย”
ไม่ใช่ประเด็น หายหรือไม่หาย มันคือประเด็นหรือไง แล้วจะนอนให้ยุงกัดไปอีกนานแค่ไหน
“พรุ่งนี้ผมจะไปซื้อมุ้งครอบมาให้ ที่จริงจะให้ใช้เครื่องไล่ยุงไฟฟ้า แต่ผมว่ามันน่าจะมีสารเคมี ใช้มุ้งครอบคงดีกว่ากัน”
ห๊ะ แล้วทำไมนัทต้องใช้ด้วย มุ้งครอบเนี่ยนะ ไม่ใช่แล้วมั้ง นัทไม่เห็นจำเป็นต้องใช้เลย นอนแป๊บ ๆ เดี๋ยวก็ตื่นแล้ว
จะโดนยุงกัดเท่าไหร่กันเชียว
“ผมไม่รบกวนคุณรัชชานนท์ดีกว่า”
รีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว และก็ได้รับความเงียบมาเป็นการตอบกลับ
“ตามใจครับ”
อือ ตามใจ ดีแล้วแหละ ตามใจก็ตามใจ นัทเป็นคนนอน พี่ฟ้าก็ต้องตามใจนัทอยู่แล้ว นิ่งเงียบกันไปพักใหญ่ และต่างฝ่ายต่างก็จมอยู่ในความคิดของตัวเอง
หลายครั้งที่ฟ้าแอบเหลือบสายตามองไปที่เด็กเป็ดเหลืองที่มีแป้งขาว ๆ ลายพร้อยเป็นแมวที่กำลังกัดดินสอเล่น
ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร
ในเวลาไม่นาน สิ่งที่เคยคิดว่าใช่มาตลอด กำลังถูกสั่นคลอนลงไปอย่างช้า ๆ
แม้ว่าจะดูน่ารักน่าใคร่ขนาดไหน แต่ไอ้เด็กนัทมันก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่วันยังค่ำ
พูดจาเหมือนคนโตแล้ว เรียกคุณรัชชานนท์ทุกคำ ทั้งที่ทางนี้อายุมากกว่า และมีศักดิ์เป็นน้องเขยด้วย แม้เราจะไม่ใช่ญาติกันโดยตรงแต่มันก็น่าจะมีความใกล้ชิด สนิทสนมกันบ้าง แต่นี่ไม่ใช่เลย ไม่มีอะไรในแง่ความสัมพันธ์แบบสนิทสนมเลยสักนิด
ไม่ลืมหรอกว่ามาอยู่ตรงนี้ในสถานะอะไร และบางสิ่งบางอย่างมันก็ตอกย้ำให้เราไกลกันออกไปเรื่อยๆ
แต่ไหนแต่ไรแล้วก็เรียกแบบนี้มาตลอด ไม่เคยเรียกอย่างอื่น และลงท้ายคำพูดอย่างสุภาพด้วยความว่าครับทุกคำ
แล้วทำไมในเวลานี้ถึงมีความคิดแปลก ๆ อยากให้ ทางนั้นลองเรียกอย่างอื่นดูบ้าง
.....พี่ฟ้า.....
นึกถึงชื่อของตัวเอง และพาลให้นึกไปถึงใครบางคนที่ห่างไกลออกไป และไม่มีทางจะหวนคืนกลับมาอีกแล้ว
ชาไปไกล จนพี่ไม่มีวันเอื้อมถึง เราไกลกันออกไปจนไม่มีทางที่จะมาบรรจบกันได้อีก
มันเจ็บปวดทรมานที่รู้ว่าเราจะไม่มีทางได้กลับมาเป็นแบบเดิมอีกแล้ว
สิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่คือความรู้สึกในใจลึก ๆ และความทรงจำเก่า ๆ ที่เคยสวยงามและหยุดนิ่งลงเพียงเท่านั้น
ฟ้าก้มหน้าลง และรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองที่เคยคิดว่าเข้มแข็งดีแล้ว กลับอ่อนแอลงอีกครั้ง เมื่อนึกถึงใครคนนั้น
“ชาขอให้พี่โชคดี ได้เจอคนที่สามารถอยู่กับพี่ฟ้าได้จริง ๆ คนที่ทำให้พี่ฟ้าเปิดใจรักเขา และเขาก็รักพี่ฟ้ามากไม่น้อยไปกว่าชา”
ไม่มีหรอก คน ๆ นั้นน่ะ นอกจากชาแล้วพี่ไม่คิดจะรักใครอีกแล้ว แค่ชาคนเดียวก็เกินพอ และพี่จะอยู่กับมันให้ได้ พี่จะอยู่กับหน้าที่ที่ตัวเองต้องรับผิดชอบให้ได้
บางสิ่งบางอย่างตกตะกอนอยู่ในใจ และไม่มีวันลบเลือน ช่วงเวลาที่สวยงามที่ได้ใช้ด้วยกัน มันหมดไปตั้งนานแล้ว
และฟ้าไม่คิดว่าดอกไม้ในหัวใจจะถูกปลูกขึ้นมาได้อีก ไม่ว่ากับใครก็ตาม หากมันจะเกิดความรู้สึกอะไรก็คงเป็นเพราะร่างกายและสัญชาติญาณเรียกร้อง
แต่หัวใจไม่เคยเปิดรับใคร ไม่มีวัน และไม่มีทางจะเป็นเช่นนั้น
“คุณรัชชานนท์ครับ”
“คุณรัชชานนท์”
นัทเรียกชื่อคนที่นั่งเหม่อแล้วก็ถึงกับขมวดคิ้วมุ่น พี่ฟ้าเป็นอะไร ทำไมอยู่ดี ๆ ก็เหม่อแบบนั้น
หน้ายังคงราบเรียบนิ่งเฉย แต่เหมือนมีบางอย่างที่กำลังคิดอยู่
บางอย่างที่อยู่ในใจ
บางอย่างที่นัทคิดว่า........ถ้าไม่ใช่เรื่องที่บ้านเรื่องครอบครัวก็คงเป็นเรื่องความรัก ความรักและความรู้สึกส่วนตัว
พี่ฟ้าแต่งงานกับยัยหนิงแล้วก็จริง แต่ก็เป็นอันรู้กันว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่เป็นไปในทิศทางไหน
แล้วความรู้สึกในใจลึก ๆ ของพี่ฟ้าล่ะเป็นยังไง ไม่ใช่เรื่องที่นัทจะรับรู้ด้วยหรอก ถ้าไม่บังเอิญว่าวันนั้น นัทไปอยู่ในที่ ที่ไม่ควรอยู่อีกครั้ง
ร้านอาหารเล็ก ๆ ที่นัทมักไปนั่งกินเป็นประจำ
ใครบางคนที่นั่งอยู่ด้านหลัง กำลังพูดคุยกัน คล้าย ๆ จะทะเลาะกัน แต่ก็ไม่ได้รุนแรงขนาดนั้น ฝ่ายหนึ่งง้อ ฝ่ายหนึ่งต้องการจะไป
ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลของตัวเอง คนหนึ่งกำลังทำหน้าที่ลูกที่ดี ส่วนอีกคนไม่ต้องการเป็นชนวนก่อเหตุของเรื่องไม่ดีในอนาคต
น่าเศร้า น่าเห็นใจ และสุดท้าย
“ชาขอให้พี่โชคดี ได้เจอคนที่สามารถอยู่กับพี่ฟ้าได้จริง ๆ คนที่ทำให้พี่ฟ้าเปิดใจรักเขา และเขาก็รักพี่ฟ้ามากไม่น้อยไปกว่าชา”
พี่ฟ้า ชื่อของใครบางคนที่อยู่ในความคิด ทำให้นัทถึงกับสะดุ้ง และตั้งใจฟังสิ่งที่ไม่ควรจะได้ยินให้ชัดขึ้น
“พี่ขอโทษชา พี่ฟ้าขอโทษ ที่ผ่านมาพี่ขอโทษ”
คล้ายได้ยินเสียงสะอื้นในน้ำเสียงของใครคนนั้น
“ไม่มีใครผิดหรอกพี่ฟ้า เราต่างต้องไปทำหน้าที่ของตัวเอง ชารู้ว่าพี่ฟ้าจะไปต่อได้ ชาก็จะไปต่อให้ได้เหมือนกัน ชา...จะไปต่อให้ได้...อึ้ก ....พี่ฟ้าก็...ต้องไปให้ได้...นะ สัญญากับชานะพี่ฟ้า”
มันเจ็บปวด เจ็บปวดที่สุดที่ต้องได้ยินแบบนั้น
นัทถึงกับก้มหน้า และกลั้นน้ำตาของตัวเองเอาไว้
ที่เจ็บไม่ใช่ตัวเอง แต่เป็นใครบางคนที่คงเจ็บปวดมากกว่า เจ็บมาก.....จนอาจจะแทบไม่อยากหายใจ
ใช้หลังมือปาดน้ำตาทิ้ง และยิ่งเป็นการตอกย้ำให้รู้ว่าไม่มีพื้นที่ว่างตรงไหนเป็นของตัวเอง ไม่มีเลยสักนิด
ไม่มีและไม่เคยมี
“พี่รักชานะ”
“ลืมมันไปซะพี่ฟ้า ชาก็จะลืม เพื่อเริ่มต้นใหม่ ชาจะเริ่มต้นใหม่ พี่ฟ้าก็ต้องทำให้ได้”
แต่พี่ทำไม่ได้ พี่ไม่อยากทำ และพี่จะไม่เริ่มต้นใหม่กับใครอีก ไม่มีทาง ไม่มีทางที่จะรักใครได้เท่าชาอีกแล้ว
“ชาต้องกลับแล้วนะ ดึกมากแล้ว เดี๋ยวแฟนชาจะเป็นห่วง คงไม่ดีใช่มั้ยพี่ฟ้า ถ้าชาออกมาดึกดื่นแบบนี้ ป่านนี้เขาคงนั่งรอชาแล้วล่ะ”
มันเป็นช่วงเวลาที่นุชาสับสนกับชีวิตมากที่สุด และใช้วิธีการโกหกออกไป แฟนที่ว่า ไม่มีอยู่จริง และอาจจะไม่มีทางเป็นไปได้ด้วยซ้ำ คุณซ้งที่ไม่เคยมองมาเลย ไม่เคยเลย และคิดว่าคงไม่มองไปตลอดชีวิต ไม่มีทางจะมาเป็นแฟนชาได้หรอก
แต่มันก็ช่วยเร่งให้พี่ฟ้า ตัดใจได้เร็วขึ้น
“ครับ แฟนชาคงเป็นห่วงแล้ว กลับเถอะ”
ร้านอาหารที่ไม่ค่อยมีผู้คน มุมที่แทบไม่มีใครเดินผ่าน มุมส่วนตัว และนัทก็เห็นว่าคนทั้งคู่ลุกขึ้นและกำลังจะเดินออกจากบริเวณนั้น
พี่ฟ้า
พี่ฟ้าจริง ๆ ด้วย
ใบหน้าที่ดูหมองเศร้า และใครอีกคนที่จำได้ดีว่า คือพี่นุชา
เหมือนกำลังจะก้าวขาออกเดินแต่พี่นุชาก็ถูกรั้งแขนเอาไว้พร้อมกับที่พี่ฟ้าดึงพี่นุชาเข้ามากอด
กอดเอาไว้แน่น และเหมือนกับพี่ฟ้ากำลังร้องไห้ การร้องไห้ที่ไร้หยดน้ำตา มีเพียงเสียงสะอื้น และนัทก็เห็นชัด
เห็นชัดเจน และคนสองคนที่กอดกันก็รีบผละออกห่างจากกันทันทีเมื่อพบว่าอีกครั้งที่มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญร่วมอยู่ในนั้นด้วย
นัทไม่ได้แนะนำตัว เหมือนครั้งที่แล้ว แต่ลุกขึ้นยืน และเดินจากไปเงียบ ๆ
ทำเหมือนไม่รู้ ทำเหมือนไม่เห็น
ทั้งที่ภายในใจกำลังร้องไห้ ร้องแต่ไม่กล้าให้ใครได้เห็น เดินจากไปเงียบ ๆ และไม่ได้สนใจว่าคนสองคนจะอยู่ต่อหรือกลับไปตอนไหน
กลับบ้านไปและนัทก็ร้องไห้ไม่ยอมหยุด เมื่อรู้เรื่องที่น่าเศร้าของคนสองคน ไม่ได้สงสารตัวเองและไม่เคยคิดจะไปแทนที่ใคร
เพราะรู้ว่าแม้แต่ความฝันก็ไม่มีทางเป็นไปได้
ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ สงสารแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“คุณรัชชานนท์”
“คุณรัชชานนท์ครับ”
อีกครั้งที่เอ่ยเรียก และคุณรัชชานนท์ที่ว่าก็หันกลับมามองกันอย่างช้า ๆ
มอง
และเหมือนไร้ความรู้สึก
ไม่เคยมีความรู้สึกอะไรเลยในแววตาคู่นั้น นอกจากความเงียบงัน และนิ่งสงบ
“ครับคุณนัท”
ขานรับและนัทก็นิ่งมองใบหน้าที่เรียบเฉยของใครบางคน
“กลับบ้านเถอะครับ ดึกแล้ว อีกสักพักผมก็จะเข้านอนแล้วเหมือนกัน”
กลับเหรอ กลับบ้านเหรอ
ที่ไหนล่ะ บ้านที่ว่า บ้านตัวเองหรือบ้านของใคร
มีที่ให้กลับไปได้จริง ๆ เหรอ ท้องฟ้ากว้างใหญ่ แต่มีที่ให้อยู่ได้จริง ๆ เหรอ
ลุกขึ้นยืน และฟ้าก็ลงมือเก็บเอกสารรวบรวมเอาไว้ ใส่ตระกร้าบนโต๊ะ
หันไปมองนาฬิกา เป็นเวลาเกือบตีหนึ่งแล้ว
กลับบ้านสินะ
กลับบ้าน
“คุณรัชชานนท์”
ครับ
เงยหน้าขึ้นและนัทก็ทำเหมือนลังเลที่จะพูดอะไรบางอย่าง คิดอยู่นาน คิดและขบริมฝีปากของตัวเองแน่น
อยากรู้ อยากจะถามออกไป แต่ไม่รู้ว่าจะตอกย้ำตัวเองไปทำไม
จะตอกย้ำตัวเองไปถึงไหน
แต่มันก็ดีกว่า การคิดเข้าข้างตัวเองเล็กๆ ให้มันชัดเจนไปเลย จะได้ไม่มีอะไรต้องคิดอีกต่อไป
“ครับมีอะไรก็พูดกับผมตรง ๆ อย่าอ้อมค้อม ถ้าผมทำหน้าที่ได้ไม่ดีจะได้ปรับได้ถูก ผมเป็นเลขา ผมมาทำหน้าที่เลขา ผมพร้อมจะทำให้งานของผมสมบูรณ์”
นัทรู้
นัทเข้าใจ
แต่ที่นัทอยากจะรู้ก็คือ....
“คุณรัชชานนท์......”
ครับ
นิ่งสบตากันสักพัก และนัทก็เป็นฝ่ายกลั้นใจถามออกไป
“คุณเกลียดผมมากมั้ย”
มากมั้ย
เกลียดมากมั้ย
เรื่องนั้น เรื่องนั้นมัน
เรื่องนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่ต้องพูดออกมาหรอกนะ ในอนาคตมันอาจจะมีผลกระทบต่องาน เรื่องบางเรื่องหลีกเลี่ยงและไม่พูดมันออกไปซะดีกว่า ให้มันเป็นปริศนาและเก็บเงียบไปอย่างนี้ตลอดก็ดีแล้ว
“คุณรัชชานนท์.....คุณเกลียดผมมากแค่ไหน”
ถามย้ำอีกครั้ง เพราะนัทอยากจะรู้คำตอบจริง ๆ ตอบนัทออกมาเถอะพี่ฟ้า แค่บอกว่าเกลียด และนัทจะไม่บ้าเข้าข้างตัวเองเล็ก ๆ แบบนี้อีก
แค่ตอบออกมา
“ผม...ไม่จำเป็นต้องตอบคำถามของคุณ”
เป็นคำตอบที่ทำให้นัทก้มหน้าลง หลังจากฟังคำพูดนั้น ก้มหน้าลง และรู้สึกว่าเจ็บแปลบเข้าไปในหัวใจ
นั่นสิ
ไม่จำเป็นต้องตอบ
ก็รู้ ๆ กันอยู่ ว่าอะไรเป็นอะไร
ก็รู้ ๆ กันดี
“เข้าใจแล้ว....คุณคงเกลียดผมมากจนไม่มีคำบรรยายสินะ”
เกลียดมาก จนไม่มีคำบรรยาย ใช่ เกลียดมาก เคยเกลียดมาก
เคย....
“พี่...ฟ้า....”
น้ำเสียงที่เบาแผ่วโหย ชื่อที่ครั้งหนี่งเคยมีใครบางคนเรียก
ฟ้าถึงกับยืนนิ่งงัน และมองตรงไปที่ใครบางคนที่เรียกชื่อนั้น และคน ๆ นั้นกำลังทอดสายตามองมาอย่างหมองเศร้า
มองมา มองตรงมา
และพูดบางอย่างที่ทำให้ฟ้ารู้สึกเหมือนว่ากำลังจะหายใจไม่ออก
“....แต่ไหนแต่ไรแล้ว...คุณคงเกลียดผมมาก...ถึงวันนี้ก็ยังเกลียดอยู่...และคงจะเกลียดไปตลอด...ผมเข้าใจนะว่าเพราะอะไร...ผม....เข้า...ใจ เหตุผลของคุณมีมากพอที่จะเกลียดผมตลอดไปได้ ผมรู้ว่าจะต้องอยู่กับมันไปตลอด.....คุณรัชชานนท์ไม่ต้องคิดอะไรนะ....มันจะไม่มีผลกับงานหรอก ........เพราะนัทรู้ดีเสมอว่าพี่ฟ้าคิดกับนัทยังไง.......”
TBC.
Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน
และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง