บทที่สิบแปด
ไม่ใช่ไม่รัก
ก่อดำผุดดำว่ายจนเจอพี่ปลื้ม เขาแบกตัวพี่ปลื้มขึ้นมายังชายฝั่ง พี่ปลื้มดิ้นจนหลุดจากบ่าของก่อ พี่ปลื้มฟุบหน้าชันเข่าขึ้น ก้มหน้าร้องไห้ตัวโยน ผมสงสารพี่ปลื้มจับใจ ทั้งโล่งใจที่เขาไม่ได้เป็นอะไร มีแต่ก่อเท่านั้นที่ดูหัวเสีย เขาไล่เตะดินเตะทรายไปมาอย่างระงับอารมณ์ของตัวเอง
“เกิดอะไรขึ้นวะ” กูลมาถึง ปรี่ตรงไปถามก่อ
“เป็นบ้าอะไรไม่รู้”
“ยูก็หัดใจเย็นบ้างสิวะ”
“จะให้ไอเย็นได้ไงวะ อยู่ๆก็หายไปไหนไม่รู้ ไม่บอกสักคำ”
“แต่คุณก็ไม่ควรกระชากแขนเขาแบบนั้น มันเสียมารยาท” ผมอดไม่ได้ที่จะพูด
“เพราะคนของยูเลยกูล ทำให้ไอเป็นแบบนี้”
“อ๋อ ตัวต้นเหตุเหรอเรา” กูลพูดส่งตาเล็กตาน้อยมาทางผม แต่ผมไม่สนใจเขาหรอก กำลังโมโหอยู่
“คุณจะเป็นแบบนี้กับทุกคนที่อยู่กับพี่ปลื้มไม่ได้”
“แล้วจะให้ทำยังไง ในเมื่อไอเองก็ไม่คิดจะมีคนอื่น”
“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าพี่ปลื้มจะไปมีคนอื่น อย่า....”
“Because, I love him”
“Don’t be selfish!!”
โมโหมาก จึงตะโกนใส่หน้า คนเห็นแก่ตัว อดไว้ไม่อยู่จริงๆ ใช้ความรักเป็นข้ออ้างในการทำสิ่งแย่ๆกับคนที่ตัวเองรัก คนที่กระทำการรุนแรง ทุบตี ด้วยอารมณ์หึงหวง ด่าว่าหยาบคายเสียๆหายๆ ไม่สนสถานที่ ไม่สนสถานการณ์ ไม่สนอะไรทั้งสิ้น เขาเรียกพฤติกรรมเหล่านี้ว่าความรักได้อย่างไรกัน จากที่พี่ปลื้มเล่าให้ผมฟัง ไม่มีตรงไหนเลยที่เขาจะว่าร้ายให้ก่อ ทั้งๆที่เขาจะพูดมันอย่างไรก็ได้ โกหก แต่งเติมอย่างไรก็ได้ เพื่อให้ก่อเสียหาย แต่พี่ปลื้มไม่ทำ ผมว่าพี่ปลื้มน่าจะเจออะไรมาอีกหลายอย่าง แต่เขาก็เลือกที่จะเล่าแต่แง่มุมดีดี มุมที่เขาผิดพลาดเองทั้งหมด พี่ปลื้มยังคงรักเด็กบ้านั่นอยู่ แต่เด็กบ้านั่นเอาแต่หึงหวงหน้ามืดตามัว อยากกระโดดถีบเรียกสติสักที น่าหมั่นไส้นัก
“เจ็บคอรึป่าว” กูลก้มลงมากระซิบ ผมกำลงโมโหอยู่ ไม่ใช่เรื่องตลกเสียหน่อย โว้ย!!
“Ouch!!” ผมเลยเตะแข้งไปทีหนึ่ง ลงไปนั่งโอดโอยเรียกร้องความสนใจ แต่ไม่น่าสนใจเลยสักนิด
“พี่ปลื้ม เข้าบ้านกันนะครับ เปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวไม่สบาย” ผมจูงมือพี่ปลื้มให้ลุกขึ้นกลับเข้าไปในบ้าน ก่อ กูล เดินตามหลังมาไกลๆ
“ความจริงพี่ไม่ได้คิดจะฆ่าตัวตายหรอก พี่แค่อยากดำลงไปใต้น้ำให้สมองมันโล่ง”
“ผมตกใจแทบแย่ แต่ก่อห่วงพี่มากเลยนะครับ”
“เขากลัวพี่หนีต่างหาก จำได้ไหม พี่เคยทิ้งเขา เขาเลยกลัวว่าพี่จะทิ้งเขาอีก พี่ก็อยากเข้าใจเขานะ แต่แบบนี้มันเป็นวิธีที่ผิด เขาไม่ฟังใครเลย แต่ให้เขาเข้าใจแบบนี้ก็ดีแล้วละ เพราะขืนอธิบายไปมันก็เท่านั้น ไม่ได้ทำให้เขาเปลี่ยนแปลง เปล่าประโยชน์”
“คืนนี้มีปาร์ตี้นะ พี่ขึ้นไปอาบน้ำแล้วพักเอาแรงก่อนนะครับ ทุ่มหนึ่งเจอกันที่สระว่ายน้ำหลังบ้านนะครับ”
เมื่อถึงบ้านผมจึงไปช่วยพี่จันทรากับแม่บ้านของที่นี่เตรียมอาหาร เขาไปซื้อกันมาไว้แล้ว อาหารทะเลสดมากๆ กุ้งนี่ยังเป็นอยู่เลย นี่แหละหนามนุษย์ช่างใจร้ายนัก ชอบกินเนื้อเถือหนังของสิ่งมีชีวิตอื่น โหดเหี้ยมสุดๆ ออกตัวขนาดนี้ถามว่า ผมจะไม่กินกุ้งใช่ไหม ตอบเลยว่า ไม่!! ไม่ให้เหลือสักตัว กลัวกุ้งเสียความตั้งใจที่จะสละชีวิตตัวเองแล้วแท้ๆ ผมจะแผ่เมตตาให้แล้วกันนะเจ้ากุ้ง
ไม่นานการเตรียมอุปกรณ์ถ้วย จาน ชาม ข้าว ปลา อาหาร จนเพียงพอสำหรัคืนนี้ ผมจองหน้าที่ปิ้งย่าง มันต้องสนุกแน่ๆ ได้เวลาหนึ่งทุ่มตามนัดหมาย ผมจุดเตาก่อไฟอย่างชำนาญ วิชาลูกเสือผมนี่ถนัดสุดๆ หัวหน้าหมู่กระทิงก่อไฟทุกปี เตี่ยก็ใจดีมากๆ ซื้อเบียร์มาเป็นลังๆ ผมแอบเอาเบียร์มาซ่อนไว้สองกระป๋อง เดี๋ยวหมดเสียก่อน
“พี่ช่วยไหมครับ” พี่ปลื้มเข้ามายืน หน้าตาสดใสขึ้นกว่าตอนบ่าย
“ดูเฉยๆได้ครับ ห้ามแย่ง” ผมพูดพร้อมเอาที่คีบอีกอันโยนไว้ในถังหมัก
“ทำไมเป็นคนขี้หวง”
“เอาจานมาใส่ดีกว่าครับ แล้วเอาไปให้ตรงโน่น ตรงสายตาคนขี้หวงกว่าจ้องมองมา” โอ้ย! จะละสายตาไม่ได้เลยหรือไงเด็กบ้านั่น น่าจะฟังความรู้เรื่องตั้งแต่ผมด่าไว้ตอนบ่าย จ้องเขม็งมาทางผมอยู่ได้ ผมคิดว่า กูล อาการหนักแล้วนะ เจ้าก่อนี้ต้องยกให้เลย ชนะขาดลอย
“อื้อ ไปก็ได้วะ คนข้างหลังจุน คนนั้นก็ขี้หวงใช่ย่อย” เป็นกูลที่มายืนซ้อนหลัง ผมสะดุ้งตกใจ เพราะดันเอาปากมาเฉียดแก้ม ผมต้องหันดูซ้ายดูขวา ว่ามีใครอยู่แถวนี้บ้างไหม ไอ้เด็กยักษ์ เอาอีกแล้วนะ เกิดเรื่องแดงขึ้นมาจะทำยังไง
“ออกไปเลยนะ ห้ามมายุ่มย่ามแถวนี้”
“Whoa! Whoa!” ผมเอาที่คีบบาร์บีคิวไล่ตีกูล ให้ออกไปไกลๆ เด็กคนนี้รุ่มร่ามเสียจริง
“ไปนั่งกับเพื่อนคุณโน่น เดี๋ยวทำอะไรไม่ดีกับพี่ปลื้มอีก ปรามๆเพื่อนคุณหน่อยนะ”
“Aha, my wife” ถ้าเอาที่คีบบาร์บีคิวปาได้ จะปาให้หลังหัก กะล่อนนัก แล้วทำไมต้องมาเขินอะไรแบบนี้ด้วย วู้!! เบื่อตัวเอง ได้แต่เดินฟึดฟัดกลับหน้าเตาย่าง
เสียงเพลงคลอเบาๆเคล้ากับบรรยากาศริมทะเล เตี่ย แม่ กูล ก่อ พี่ปลื้ม นั่งคุยกันอย่างออกรส ใบหน้าล้วนแต่งแต้มด้วยความสุข ผมยืนมองไกลๆยังรู้สึกสุขตามเลย พนักงานของที่นี่เลิกงานกลับบ้านไปหมดแล้ว เหลือแต่พี่จันทราคอยเติมน้ำเติมขนม ทั้งๆที่คุณแม่บอกไม่ต้องทำ ให้ไปพักผ่อน แต่พี่จันทราก็ยังจะทำ
“น้องจุน”
“ครับพี่จัน”
“ตั้งแต่วันนั้น ดูมีความสุขขึ้นเยอะเลยนะคะ พี่คิดถูกแล้วละที่ปล่อยให้เป็นแบบนี้ แต่อย่าลืมว่าทุกสิ่งไม่ได้อยู่กับเรามั่นคงถาวร มีเกิด มีแก่ มีเจ็บ มีตาย มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ มีสุข มีทุกข์ เป็นของธรรมดาคู่กัน”
“สาธุ” ผมพนมไหม้เหนือหัว อยู่ๆก็สอนธรรมะผมเฉย
“เดี๋ยวเถอะ น่าตีนัก พี่จริงจังค่ะ”
“โท่ ก็แค่อยากให้พี่ยิ้ม ผมเศร้าได้แต่พี่อย่าเศร้าตามผมเลยนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมยอมรับในสิ่งที่ผมเลือกแล้ว ตัดสินใจแล้ว เห็นแบบนี้ ผมนะโคตรจะเข้มแข็งเลย”
“พี่เชื่อค่ะ เชื่อในความเป็นเด็กดีของน้องจุน”
“ขอบคุณครับ ทั้งที่ตอนนั้นผมขัดใจพี่จันไป ผมอยากขอโทษ”
“ไม่พูดเรื่องนี้ดีกว่าค่ะ อากาศดีแบบนี้ รู้สึกโชคดีจังที่ได้มาด้วย”
“ผมเรียนจบทำงานได้ ผมจะพาพี่ไปเที่ยวทุกที่ที่พี่จันอยากไปเลยครับ แต่ต้องให้ผมมีเงินด้วยนะ แฮ่ๆ”
“พูดแล้วนะคะ”
“สัญญาครับ” พี่จันเดินจากไปพร้อมอาหารทะเลที่ย่างจนสุกแล้ว ใส่จาน นำไปเสิร์ฟแทนที่ ของเก่าที่พร่องไปมากแล้ว
คนหนึ่งคนจะมีสักกี่บุคลิก จะมีไหมคนที่มีแต่ด้านดีดี หรือ ด้านร้ายร้ายถูกด้านดีดีเก็บไว้อย่างมิดชิด ด้านดีจะดีที่สุดแค่ไหน ด้านร้ายจะร้ายอย่างไร ผมคิดว่าน่าจะขึ้นอยู่กับปัจจัยทางด้านอารมณ์ สถานการณ์ หรือความจำเป็นในการแสดงออก เพื่อปกป้องตัวเอง เพื่อปกป้องคนอื่น เพื่อปกปิดตัวตน มันยากมากเลยที่จะมองคนหนึ่งคนให้ออกว่าเขาจะคิดอย่างไร แสดงแบบนั้นแบบนี้ไปเพื่ออะไร เป้าหมายแท้จริงของเขาต้องการอะไร ทุกสิ่งรับรู้ได้ด้วยจิตใจจริงหรือ ช่างซับซ้อนยิ่งนัก เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที ยากลำบากเหลือแสน
“ว่าไงจุน”
“ครับ”
เตี่ยเดินเข้ามายื่นเบียร์เย็นๆให้ผมหนึ่งกระป๋อง ผมรับไว้อย่างแปลกใจ อยู่ๆเตี่ยก็เข้ามาคุยกับผม น้อยครั้งนักที่เตี่ยตั้งใจมาคุยกับผม ครั้งที่จำได้ดีคือมาปลอบผม ที่นอนร้องไห้ ในห้องนอนตอนที่คุณแม่กับกูลไปต่างประเทศ เตี่ยเข้ามานอนกับผม ลูบหัวกล่อมจนนอนหลับไป อีกครั้งก็คงจะเป็นตอนผมสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เป็นมหาวิทยาลัยที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง แล้วยังเป็นคณะที่สามารถช่วยเหลือบริษัทได้ด้วย ตอนนั้น เตี่ยเข้ามาในที่ที่ผมชอบขลุกตัวอยู่ นั่นคือห้องของผม เตี่ยบอกเตี่ยดีใจด้วยนะ จุนเก่งมาก เตี่ยไม่ผิดหวังเลย แล้วน้ำตาก็ไหลไม่หยุด เตี่ยต้องเข้ามาปลอบอยู่นาน ยื่นนาฬิกาข้อมือ ค่อนข้างมีราคามาให้ เป็นของขวัญที่ผมรักมาก ติดตัวเกือบตลอดเวลา ยังมีเครื่องคิดเลขอีกเครื่องที่เตี่ยให้มา ไม่ได้เอาถุงห่อหุ้มออกเพราะกลัวมันจะเก่าใช้จากถุงใสๆจนเหลืองยับยู่ยี่ เชื่อไหมสิ่งที่มันมาจากใจมันมีค่ามาก จนไม่สามารถวัดค่าได้
“เตี่ยเห็นจุนย่างอยู่นานแล้ว ไม่ไปนั่งพักกับพวก ก่อ กูล หรือ”
“ไม่ครับ ตรงนี้เหมาะกับผมสุดๆเลยครับ”
“เราก็เป็นเสียอย่างนี้ตลอด”
“เตี่ยเมารึยังนี่”
“ฮ่าๆ เบียร์แค่นี้ทำอะไรเตี่ยไม่ได้หรอก เตี่ยนะคอแข็งกว่าทองแดงอีก” ผมรับรู้ความเป็นกันเองของเตี่ย คนที่น่าเกรงขาม ติดน่ากลัว แอลกอฮอล์ทำให้กลายร่างเป็นลุงแก่ใจดีไปแล้ว
“แบบนี้เมาแล้วแน่ๆ”
“จุน คิดไปเองต่างหาก”
“ผมเห็นนะ เบียร์กระป๋องหมดไปหลายถาดแล้ว น้ำเปล่านี่ยังเหลือตรึม”
“เตี่ยเสียดาย ซื้อมาแล้วก็ต้องกินให้หมด”
“งกนี่เอง”
“ฮ่าๆ”
รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ของคนนี้ ทำให้ผมมีความสุขมากๆเลยครับวันนี้ มันอิ่มเอมใจบอกไม่ถุก ดีที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ และขอให้มันดีแบบนี้ขึ้นเรื่อยๆนะครับ แต่ถ้าเตี่ยรู้ความจริงเรื่องผมกับกูล ผมอาจจะไม่เห็นรอยยิ้ม อาจจะไม่ได้ยินเสียงหัวเราะแบบนี้แล้วก็ได้ นี่ใช่ไหม ธรรมะที่พี่จันทราได้บอกไว้ เหมือนรู้สถานการณ์ล่วงหน้า น่ากลัวเกินไปแล้วคนนี้ ผมยิ้มหัวเราะตาม ตอนนี้ช่างดีเหลือเกิน
“จุน จำไว้นะว่าอนาคตคือสิ่งไม่แน่นอนยังไง จุน ก็คือลูกของเตี่ย ไม่ว่าข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ขอให้จำคำของเตี่ยไว้ว่า
เตี่ย รัก จุน นะ ลูก สิ่งที่มนุษย์เราควรมีให้กันคือคำว่า "อภัย" ต่อให้เรื่องมันผิดพลาดจนเกินไป จงปล่อยวาง และให้อภัยแก่เขา แล้วเราจะไม่มีอะไรติดค้างกันอีก ทุกคนบนโลกนี้ก็จะอยู่อย่างมีความสุข รวมทั้งจุนด้วย จุนจะเป็นคนที่มีความสุขอย่างแท้จริง”
เตี่ยเอามือลูบหัวเบาๆแล้วเดินจากไป รับรู้ได้ถึงความรักของพ่อ ความรักของเตี่ยแผ่ซ่านถึงหัวใจ มันอบอุ่น เด็กคนหนึ่งที่โดดเดี่ยวเรียกร้องหาความรักแต่ไม่แสดงออกสักครั้ง วันนี้รู้แล้วว่า เตี่ยไม่ได้เฉยเมยต่อเราเลย น้ำตาปริ่มจนต้องเช็ดออก ใจที่ฟูฟ่องมันเป็นแบบนี้นี่เอง ความรักของพ่อเป็นแบบนี้นี่เอง
สี่ทุ่มกว่าพวกผู้ใหญ่ก็กลับเข้าไปนอน ผมรีบจัดแจงเก็บรวมๆอุปกรณ์ถ้วยชามไว้ที่เดียวกัน พรุ่งนี้แม่บ้านจะได้ไม่ลำบากเท่าไหร่นักในการเก็บกวาด ใจเขาใจเรา ช่วยๆกัน เสร็จแล้วพี่ปลื้มกับก่อก็ไปนอน ส่วนเจ้าเด็กยักษ์ลากผมไปเดินหาด ห้าทุ่มแล้วนะ เริ่มง่วงแล้วด้วย ลมชายทะเลดีชะมัด ดีเสียจนน่านอน แต่กูลก็ยังลากไม่ยอมหยุด
“เดี๋ยวๆ จะไปไหน”
“ตรงนั้นมีโขดหิน เราไปนั่งกันตรงนั้นไหม”
“มันมืดเห็นไหม”
“เห็นสิ มีไฟฉาย”
“โว้ย!! คือมันดึกแล้ว อีกอย่างหัวผมเหม็นควันอยากอาบน้ำแล้ว”
“ไหนๆ หอมออก” กูลก้มลงมาจูบแก้ม
“อี๋น้ำลาย เป็นพิษสุนัขบ้าไหมนี่”
“ต้องพิสูจน์”
“อื้ม......” นึกอยู่แล้วว่าต้องออกมาในรูปแบบนี้ เด็กหื่น แต่มืดๆแบบนี้ก็ดีเหมือนไม่มีใครเห็นหน้าใคร ความกล้าของผมมีมากขึ้นหน่อย ผมจูบคืนบ้างทำให้จังหวะกูลชะงัก เขาดูตกใจไม่น้อย จนนั่งทรุดลงไปกับพื้นทราย ผมได้ใจขึ้นคร่อมไปจูบกลีบปากนั้นอีกครั้ง เด็กยักษ์ดูจะชอบใจ จูบกันไปมาอย่างหนักหน่วง ดูดดื่ม บางครั้งข้อดีของความมืดคือให้ความกล้า
“Hey!! You, what’s happen?”
“โว้ะ!! ที่อื่นมีตั้งเยอะตั้งแยะไม่ไปวะ” เจ้าก่อส่องไฟฉายเข้ามาที่เรา โคตรอายเลย ได้แต่เอาหน้าซุกอกเด็กยักษ์ ทำอะไรไม่ถูก ซ้ำยังนั่งกวมขาเขาไว้อีกไม่ไปไหน มันลุกขึ้นไม่ได้แล้ว อายโคตรๆ พี่ปลื้มมาด้วยไหมนะ ถ้ามาด้วยละก็ คงอายเพิ่มไปอีกสองเท่า
“ไปตรงไหนดีนะ..... ตรงนี้มีคนจูบกันอยู่....” แล้วจะพูดดังทำไมวะไอ้เด็กผี กลัวคนไม่แหกันมารึไง
“จุนพี่ไปก่อนนะ” นั่นๆ พี่ปลื้มก็มาด้วย ทำไมซื้อหวยไม่ถูก โอ้ย ตายแน่จุน ระเบิดตัวเองตายตรงนี้ได้ไหม น่าขายหน้าที่สุด คนอยู่บนดันเป็นผม ใครเห็นแบบนี้ไม่น่าตีความอย่างอื่นได้เลย
“ลุกไปสิ” ผมทุบอกเจ้าเด็กให้ลุกออก ทุบแรงๆเผื่อความอายจะบรรเทาได้บ้าง
“จุ้น ทับผมอยู่ไปไหนไม่ได้”
“ทำไมไม่บอกเล่า”
เป็นผมเองที่รีบลุกรีบวิ่งเข้าบ้านเลยดีกว่า รีบอาบน้ำนอนก่อนได้เปรียบ แต่จะให้หลับลงได้อย่างไร เต้นเต้นเร็วและแรงชะมัด สมองก็คิดว่าพรุ่งนี้จะคุยกับคนอื่นยังไง
วันนี้เรามีแผนจะแวะเที่ยวเรื่อยๆ ถึงบ้านค่ำๆ อาหารเช้าจึงเป็นแบบธรรมดาพอได้รองท้องไปก่อน ขนมปัง ไข่ดาว ไส้กรอก กาแฟ แม่บ้านที่นี่ก็มากันแต่เช้า ทำความสะอาดปัดกวาดกันรวดเร็ว หรือคงเห็นว่าเจ้าของบ้านมาเอง อันนี้ช่างเขาเถอะ อาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมต้องลงไปเรียกเตี่ยกับคุณแม่ที่เดินเล่นอยู่ที่ชายหาดขึ้นมาทานอาหาร ก่อนจะกลับกรุงเทพฯด้วยกัน
“เตี่ย แม่ ขึ้นมาทานอาหารได้แล้วครับ” ผมเดินลงไปเห็นหลังไกลๆ จึงตะโกนเรียกไว้ก่อน ผมรีบวิ่งไปเพื่อจะเรียกอีกครั้ง แต่ในขณะเดียวกันนั้น
“ปัง”
กระสุนปริศนายิงเข้าตรงกลางระหว่างอก เตี่ยล้มลงไปต่อหน้าต่อตา เพียงก้าวเดียวจริงๆ ผมจะถึงเตี่ยอยู่แล้ว เป็นผมได้ไหม เป็นผมที่รับกระสุนนัดนั้นไว้ได้ไหม ทำไมยิงไม่โดนผม แลกกันได้ไหม ผมเข้าไปพยุงเตี่ยเลือดเปรอะเต็มมือไปหมด พูดอะไรไม่ออก ไม่เอาแล้วความสุขแบบนั้น ไม่เอาแล้วคนใจดีหัวเราะร่าแบบเมื่อคืน เอาคนขรึมๆนิ่งๆ แบบเมื่อก่อนก็ได้ เมื่อคืนคือคำบอกลาใช่ไหม คำว่า อภัย คืออะไรกัน คือแบบนี้เหรอครับเตี่ย เสียงกระอักตามมาด้วยเลือด กับลมหายใจที่โรยริน สายตาเตี่ยมองที่ผม สายตาอบอุ่นเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน เฮือกสุดท้ายในอ้อมกอดผม
“คุณณณณณณณณณณณณณณณณณณณณ”
เสียงกรีดร้องของคุณแม่ ดังลั่นไปทั่วหาด เคล้าไปกับเสียงปืนยิงโต้กันไปมาหลายนัด
Guide Line Thanks.