5
“หวงก็เดินไปหาสิ”
น้องชงสะกิดยิกๆ ผมเลยหันไปเหล่ “มึงตกไม้เอกไปนะ..”
“เอ้ากูก็นึกว่าใส่ไปแล้ว..” มันหัวเราะร่วน
“หวงห่าอะไรล่ะ” ผมทำปากขมุบขมิบแล้วหันมาตักข้าวเข้าปาก
“ก็เห็นนั่งมองอยู่นั่น เดี๋ยวหันๆ”
“คือกูหันไปสองรอบ..” ผมวางช้อนกำส้อม ถ้าไอ้น้องชงพูดไม่ถูกหู กูจะแทงสองทีแปดรูเอาให้ตายคาส้อมเลย.. มะม่วงน้อยเป็นเด็กก้าวร้าว..แฮ่
“ก็คือหัน?..” ไอ้น้องชงมีขยี้
“หรือมีปัญหา?”
ผมกระชับส้อมในมือ เดี๋ยะ จ้วงไส้แตก ..เป็นคนดุร้ายยย
“เปล่า..”
เออดี..
ผมแสยะยิ้มคลายอาการเกร็งมือลงแล้วเสียบส้อมจิ้มไข่ให้น้ำไหลท่วมข้าว อย่าอยู่เลย ย๊ากกกก!!
โชคดีที่ไอ้น้องชงหันไปคุยกับป๋องแล้ว มันก็เลยรอดชีวิตไปหวุดหวิด ..ส่วนที่ผมหันไปมองไอ้กอล์ฟน่ะเพราะผมติดใจท่าทางของมันครับ พูดตรงๆก็คือห่วงมันนั่นแหละ อย่างที่บอกว่ากอล์ฟไม่ใช่คนที่จะแสดงอารมณ์แบบนั้นให้เห็นบ่อยๆ พอมันทำก็เลยอยากจะรู้ขึ้นมาทันทีว่าพี่แพรวทำอะไรให้มันลำบากใจ หรือมีเรื่องอะไรที่ทำให้เพื่อนของผมมันลำบากใจ
สองคนนั้นเขายืนคุยกันตรงริมโรงอาหาร แสงแดดอ่อนๆที่ส่องย้อนเข้ามาในตัวอาคารเป็นแสงนวลตาทำให้เห็นคนสองคนที่ดูเหมาะกัน ทั้งส่วนสูง รูปร่าง หน้าตา และความลงตัวอะไรทั้งหลายแหล่
แน่ล่ะครับ ผู้ชายหล่อๆ กับผู้หญิงสวยๆ เวลายืนด้วยกันก็ต้องดูดีไม่มีที่ติหรอก.. จะไปเหมือนมนุษย์เดินดินกินข้าวผัดแบบผมเรอะ.. อ๊ะ แต่ผมก็หล่อในแบบของผมนะ ไม่ได้นอยด์อะไร นี่ยังคิดเลยว่าแฟนของผมจะหน้าตายังไง หวานๆ หรือเปรี้ยวปิ๊ด คือ น้องมะม่วงไม่เคยมีสเป๊กเลยครับ ได้หมดถ้าสดชื่น
เพราะเท่าที่ผ่านเวทีป๊อปปี้เลิฟมาเนี่ย น้องมะม่วงปิ๊งเอาแบบแรกพบสบตาทั้งนั้นเลย
ไอ้กอล์ฟเหมือนจะเสร็จธุระของมันแล้ว มันยกมือไหว้พี่แพรว แต่อีกฝ่ายโบกมือเหมือนจะห้ามกอล์ฟไม่ต้องไหว้..อู้หู..ยิ้มหยาดเยิ้มมากจ้า สว่างไสวเลยทีเดียว
ผมดึงสายตากลับมาแล้วก้มกินข้าวไป รอให้กอล์ฟมันเดินกลับมานั่งข้างๆ ..ข้าวที่มันซื้อมาเย็นชืดหมดแล้ว แต่มันก็ดูจะไม่สนใจ ตักกินไปเงียบๆ
และก็กลายเป็นผมเองที่อดจะถามมันแบบห่วงใยไม่ได้
“กอล์ฟ..”
“หือ?..” มันเงยหน้าขึ้นมาปากก็ยังเคี้ยวตุ้ยๆ
“มึงโอเคใช่ไหม?”
มันเคี้ยวหมดปากแล้วฉีกยิ้มให้ผม “อืม..เราโอเค”
กอล์ฟฟี่ มึงจะโอเคแค่ไหนกูไม่รู้ แต่มึงไม่ต้องมาจับแข้งจับขากูได้มั้ย กูหวั่นไหวนะ เดี๋ยวปั๊ดปล้ำแม่งตรงนี้เลย
“เออ มีอะไรก็คุยกันได้” ผมยื่นมือลงไปบีบมือมัน เจตนาจะจับแล้วยกมือมันออกจากขาตัวเอง แต่ที่ไหนได้ โดนมันพลิกมือคว้าจับหมับสอดนิ้วประสานมือซะงั้น..
กรี๊ด..ในใจเบาๆ ไม่เอาสิกอล์ฟฟี่.. เล่นแบบนี้ไม่ดีกับใจเลย ใจบ๊างบาง..
“ขอบใจนะ เราอยากเล่าให้ฟัง..แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง..” กอล์ฟบอกพลางทำหน้าหม่นลง เล่นเอาผมไปไม่เป็นเลยครับ ตอนแรกว่าจะดึงมือออกก็เลยไม่กล้าดึงแล้ว
ไอ้ห่าเอ๊ย นี่ถ้าใครมาเห็นผู้ชายสองคนนั่งจับมือกันกลางโรงอาหาร..มีหวังได้เป็นข่าวลืออีกแหงๆ ตอนจูบกันหน้าคณะนั่นก็ฮือฮาไปที ตอนนี้ยังมีคนชี้ๆพวกผมอยู่เลย แต่โชคดีว่าผมหน้าตาไม่ได้เหมาะกันกับไอ้กอล์ฟ (ไม่ใช่หน้าตาไม่หล่อนะ ผมก็หล่อในแบบของผมแหละ แค่ไม่เหมาะกันกับคนหล่อเทพแบบมัน) เขาก็เลยไม่จิ้นกันไปไกล
ผมกระชับมือบีบเบาๆ ส่งกำลังใจให้มัน “ไว้มึงสบายใจ สะดวกใจแล้วค่อยเล่าก็ได้”
“กับม่วงเราสะดวกทุกอย่างนะ.. แต่ก็ไม่อยากให้ม่วงต้องมาห่วง”
“มันมีเรื่องอะไรให้ต้องห่วงหรือไงวะ”
กอล์ฟมันเบือนหน้าหลบ.. “ก็นิดนึง..”
“งั้นมึงก็บอกมาสิ..มีอะไรช่วยได้กูก็จะช่วย..”
“แต่ว่า..”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า..” ผมย้ำไปอีกครั้ง
กอล์ฟมันถอนหายใจเฮือก.. “ขอเราเรียบเรียงหน่อยได้ไหม..เดี๋ยวเย็นนี้จะเล่าให้ฟังนะ”
ผมพยักหน้ารับ “ได้ งั้นกินข้าวเถอะ เดี๋ยวจะได้ไปห้องสมุดกัน”
ผมคลายมือออกจากมันแล้วมองมันกินข้าวอย่างหงอยๆ ครั้นพอหันไปทางไอ้สี่คนนั่น ผมก็เห็นความเมินไปคนละทิศละทางของพวกมัน..
ไอ้พวกนี้...มึงเป็นอะไรของมึงคร้าบ
******
กอล์ฟมันสะกิดยิกๆให้ผมตามไปมุมหนึ่งที่ไร้ผู้คนของห้องหนังสือ.. ตรงนั้นเป็นมุมหนังสือเก่าครับ โหมดประวัติศาสตร์ ซึ่งหลายคนบอกว่าถ้าไม่จำเป็นจริงๆจะไม่มีใครเข้ามาใช้บริการบริเวณนี้..
ก็นะ..ประวัติศาสตร์อ่ะคุณ แถมเป็นของเก่าอีกต่างหากเป็นใครก็ต้องรู้สึกเสียวสันหลังวาบๆทั้งนั้นแหละ... ผมเองก็เมียงๆมองๆเหมือนกัน
กอล์ฟมันลากเก้าอี้ออกมานั่งลง ส่วนผมจะนั่งฝั่งตรงข้ามมันก็ใช่ที่..อากาศมันเย็น หันหน้าทางเดียวกับมันเห็นอะไรจะได้เห็นด้วยกัน.. ไม่ปล่อยให้เหว่ว้าอยู่คนเดียว ..ไม่ได้กลัวอะไรนะครับ.. ไม่ได้กลัวเลยจริงๆ
“คือพี่แพรวน่ะ..” กอล์ฟมันเริ่มประโยคด้วยเสียงเบาๆหม่นๆ
..มึงก็จะเข้ากับบรรยากาศไป๊
ผมมองเหลียวซ้ายแลขวาแล้วขยับเก้าอี้เข้าไปใกล้มันอีกนิด.. จะได้ฟังเสียงมันชัดเจนขึ้น
“เขามาบอกว่าช่วงต้นเดือนหน้าจะต้องมีไปเก็บตัวพวกดาวเดือน และมีทำกิจกรรม ถ่ายรูปอะไรก็ไม่รู้.. เราไม่ค่อยมั่นใจ” กอล์ฟมันทำไหล่ลู่..
“ทำไมไม่มั่นใจล่ะ” ผมถามไปอย่างงงๆ มึงหล่อขึ้นมาขนาดนี้มึงไม่มั่นใจอะไรบอกกูเสร้
“ก็เราเป็นคนธรรมดา..หน้าตาก็ไม่ได้ดีมาก”
โอ้โห.. ธรรมมดามากเลย เชื้อแขกปากีจากมารดาพี่กอล์ฟน่ะมันเด่นเด้งออกมามากนะครับขอบอก ตาคมขนตายาว แถมได้ผิวขาวเป็นไข่ปอกจากคุณพ่อ.. ถ้าบอกว่าแบบนี้เป็นคนธรรมดา หน้าตาไม่ดีมาก.. อย่างผม.. ไม่ใช่ๆ ผมหล่อ.. ต้องอย่างไอ้น้องชงคงเป็นขี้เป็ดไปเลย
“แต่กูว่ามึงก็หน้าตาโอเคแล้วนะ ถ้าเทียบกับเดือนสาขาอื่นน่ะ”
“เราไม่ได้มีความสามารถอะไรเลย..” กอล์ฟมันทำเสียงหงอยๆ “คนอื่นเขาเตรียมการแสดงบนเวทีกันแล้วนะ อย่างพวกคาราเต้ ร้องเพลง เล่นกีต้าร์ นี่เรายังคิดไม่ออกเลยว่าเราจะเอาอะไรไปแสดง พี่แพรวก็มาถามอีกรอบแล้วเนี่ย แต่เราก็ยังบอกเขาไม่ได้”
“อืม.. ตอนอยู่ที่โน่นกิจกรรมเวลาว่างๆของกอล์ฟทำอะไรล่ะ”
“ก็ถ้าไม่อ่านหนังสือ ว่ายน้ำเล่นกับน้องๆ ก็คงเข้ายิม..”
“งั้นเข้ายิมไปทำอะไรบ้าง”
“ออกกำลังกายกับเครื่อง วิ่ง เต้นแอโรบิค ซาวน่าไปตามเรื่อง”
จบประโยคนั้นผมก็ยิ้มล่ะครับ.. “งั้นเต้นแอโรบิค..สาวๆกรี๊ดแน่”
กอล์ฟทำตาตื่นๆ “ไม่ไหวหรอก เราเขิน.. อีกอย่าง ของเราน่ะเป็นการเต้นแบบบอดี้คอมแบท มันก็ไม่ได้แฟชั่นจ๋าเหมือนเต้นเพลงเกาหลี หรือเต้นซุมบ้า คนอาจจะไม่สนใจก็ได้”
“ดีเสียอีก บอดี้คอมแบทล่ะมันสุดๆ”
เพราะมันเป็นการออกกำลังกายที่นำศิลปะการป้องกันตัวของชนชาติต่างๆ มาผสมผสานหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นมวยไทย คาราเต้ ไทชิ กังฟู ไทเก๊ก และเทควันโด และถ้าคนที่เต้นเจ๋งๆนะ โคตรจะโชว์กล้ามเนื้อ ซึ่งเท่าที่ดู ผมว่าไอ้กอล์ฟเนี่ย ถ้าถอดเสื้อคงหุ่นดีน่าดู สาวๆไม่กรี๊ดให้ตบเลยครับ
“แต่มันก็แค่เต้นธรรมดา ต่างจากคนอื่นตรงไหน”
เออ..จริงแหะ..
ผมทำตาปริบๆ “แล้วถ้าไม่ทำอันนี้ กอล์ฟจะทำอะไรอ่ะ”
คราวนี้คนทำตาปริบๆคือมัน “ก็…”
ผมเห็นมันลากก็มายาวเลยได้แต่ยิ้มอ่อนๆ “งั้นกอล์ฟลองคุยกับพวกพี่ๆเขาดูไหม ลองเอาไปเสนอดูก่อน เผื่อพี่เขามีไอเดียดีๆ”
“ก็ต้องโชว์ให้เขาดูด้วย”
“สักสองสามนาทีเหรอ?”
“ใช่..” กอล์ฟมันพยักหน้าหงึกๆ
“ก็ไม่เห็นเป็นไร ลองดู.. เพราะไม่งั้นก็นึกกันไม่ออกแล้วล่ะ.. หรือจะร้องเพลง?”
“เสียงหลงทางแบบเราไม่ไหวมั้งม่วง”
เออ...จริง.. เพลงชาติมันยังร้องผิดคีย์เลยครับ
“งั้นเอาอันนี้แหละ ลองดูก็ได้..แต่ม่วงช่วยดูให้เราได้ไหม เราอยากซ้อมให้ม่วงดูก่อนคนแรก แล้วค่อยไปบอกพี่เขาว่าจะเอาอันนี้ประกวดแน่ๆ.. ถ้าม่วงว่ามันดีเราก็จะเอาอันนี้เลย”
อื้อหือ.. รู้สึกเป็นคนสำคัญขึ้นมาเลยครับ..
ผมพยักหน้ารับ “เอาสิ.. ให้ไปดูที่ไหนเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน..”
“อยากให้ไปดูเย็นนี้เลย แต่เราคงยังเตรียมตัวไม่ทัน..” กอล์ฟทำหน้ากังวล แต่ขนาดกังวลแบบนี้มันยังดูดีเลยครับ..ดูดีจนบางทีผมก็เคลิ้มๆ นี่ถ้ามึงเป็นผู้หญิง..กูจีบมึงแล้วนะเนี่ย
“ม่วง..ม่วง”
ไอ้กอล์ฟยื่นมือมาจับที่แขนผมเขย่าเบาๆ ทำให้ผมรู้ตัว.. อ้าวกูเคลิ้มจริงๆนี่หว่า.. แหะ
“เออๆ เขย่าซะแรงเลย” ผมดุมันแก้เขิน
“งั้นมาได้เปล่า?”
“ห้ะ! มาอะไร..” ผมทำหน้างงเข้าใส่
“ก็เราถามว่าเสาร์นี้ม่วงสะดวกไหม เรียนจบคาบบ่ายแล้วค้างบ้านเราสักคืนได้หรือเปล่า.. เราจะเต้นให้ดูน่ะ”
ผมพยักหน้าแบบเผลอๆ เข้าสู่หมวดเคลิ้มอีกครั้ง ก็ไอ้กอล์ฟน่ะมันเอาสองมือจับแขนผมแบบขอร้อง.. และแม่ครับ.. ผมว่าท่าทางมันโคตรจะน่ารักเลยครับแม่
“ขอบใจมากนะม่วง” ไอ้กอล์ฟมันเอ่ยเรียกสติผมกลับมา..
ทำให้ผมนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ แย่ๆๆ อั๊วะซี้แหงแก๋แน่คราวนี้
การค้างที่อื่นสำหรับผมคือหายนะ ถามว่าทำไม.. ก็คือผมมีสามด่านต้องผ่านให้ได้ ด่านแรกป๊ากับแม่ไก่ ด่านสองแมน ด่านสามนัท ถ้าสามด่านนี่มีด่านไหนเซย์โน ก็ไม่ต้องไปด่านถัดไปเลยครับ
ซึ่งพอบอกเรื่องที่กังวลไป..ไอ้กอล์ฟก็พูดว่า
“ม่วงไม่ต้องห่วงนะ.. เรื่องของม่วงเรายินดีรับผิดชอบเอง”
ผมได้ยินแบบนั้นก็สบายใจ พยักหน้ารับหงึกๆ ..มึงเป็นเพื่อนที่ดีกับกูมากๆเลยกอล์ฟ
******
บนโต๊ะอาหารเย็นของครอบครัว.. อันประกอบไปด้วย ป๊าวี แม่ไก่ มะม่วงน้อย และไอ้ก๊อบแก๊บ..
เดี๋ยว.. ไอ้กอล์ฟมันมาเป็นคนในครอบครัวผมตั้งแต่เมื่อไหร่..?
อย่ามัวเดากันเลยครับ..ผมว่าไปดูคำตอบจากท่าทางคุณแม่เลยดีกว่า
“กอล์ฟลองชิมอันนี้ดูสิจ๊ะ” นี่เลย แม่ไก่อวบๆของม่วงเป็นคนตักกับข้าวใส่จานให้ไอ้ก๊อบแก๊บ ส่วนม่วงน้อย..ช่างอาภัพนัก..แม่ไก่ให้ตักกินเองครับ..
ใครลูกแม่คงดูกันออกใช่ไหม..
“ขอบคุณครับคุณแม่”
หูย ฟังแล้วได้แต่บึนปากอยู่ในใจ.. ใครแม่เมิงครับก๊อบแก๊บ นั่นแม่กูนะ.. ถึงแม้แม่จ๋าจะไม่สนใจกู แต่กูยังมีป๊าวีเป็นกองหนุนเว้ย
ผมมองรอยยิ้มหวานๆของแม่ไก่แล้วส่งสายตาไปยังป๊าวี ..ป๊าจะไม่ดูแลเมียป๊าหน่อยเหรอฮะ..
แม้จะส่งกระแสจิตไปแต่ป๊าวีก็ยังไม่รับสาย.. คงนั่งนิ่งอยู่ในสมาธิของป๊าต่อไป โธ่ ป๊าครับ นี่ไม่ใช่เวลาถือศีล ข่มใจสงบนิ่งนะป๊า เมียป๊าจะมีลูกใหม่อีกคนแล้ว เดี๋ยวม่วงก็ได้ส่วนแบ่งมรดกน้อยลงกันพอดีสิครับป๊า
“เอ้า ม่วง เราน่ะกินข้าวเร็วๆเข้าสิ อย่ามัวแต่นั่งอมข้าว ทำตัวเป็นเด็กไปได้”
“แม่อ่ะ..” ผมโอดครวญแล้วก็เคี้ยวข้าวหยับๆ บางทีเผลอๆผมก็มักจะลืมตัวเคี้ยวช้าไปบ้างเท่านั้นเอง ไม่ได้อมข้าวซะหน่อย โตแล้วนะครับ ใครจะมาทำตัวเป็นเด็กๆอยู่ได้
“แล้วนี่การเรียนพวกเราเป็นไงกันบ้างล่ะ..” ป๊าวีออกจากสมาธิมาจนได้
“สบายมากครับ..” ผมแย่งตอบ คนหล่อเรียนดีแบบผมน่ะ ได้เวลาต้องเอาหน้าเข้าไว้ เกรดไม่ถึงเป้าจะได้แถไปลงข้างคูได้ง่ายๆหน่อย
ป๊าวีพยักหน้าแล้วถามต่อ “ต้องปรับตัวเยอะเลยสินะ..”
“ม่วงไม่ต้องปรับอะไรมากนะป๊า ที่สาธิตก็สอนคล้ายๆกันแบบนี้ให้คิดให้ทำเอง แถมมอก็เดินห่างจากสาธิตไปไม่ไกล บรรยากาศคุ้นเคย..”
“งั้นก็ให้เพื่อนตอบมั่ง เจ้าเด็กขี้โม้” แม่ไก่ตีเปี๊ยะมาที่แขน
อูย..อยู่ใกล้มือแม่นี่มันไม่ดีเลยครับ โธ่ ผมแค่กะล้อป๊ากับแม่ไก่เล่นนิดเดียวเอง ทำไมต้องทำร้ายม่วงน้อยด้วย ผมลูบแขนแล้วทำหน้าอ้อยใส่แม่จ๋า
กอล์ฟมันหัวเราะเบาๆ แถมใช้หางตาเหล่มองมา เหมือนจะเห็นใจกูใช่ไหมกอล์ฟฟี่ “ผมก็ต้องปรับตัวเยอะหน่อยครับ ทั้งเรื่องเรียนเรื่องเพื่อน ไหนจะต้องดูแลตัวเองด้วย”
“อืมๆ..” ป๊าตอบรับในคอ จากนั้นพวกเราก็ทานข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อย ต้มยำไก่ ไข่ดาวกรอบ ผัดผักรวมมิตร กุ้งชุบเกล็ดขนมปังทอด ปลานึ่งมะนาว และยำถั่วพลู.. กอล์ฟนี่เติมข้าวสองจาน ส่วนผมนี่ทานสองจานเป็นปกติ.. อาหารที่บ้านคือนิพพานครับ
หลังจากอิ่มหนำสำราญกันดีแล้ว พี่ในร้านก็ยกผลไม้จานใหญ่มาให้ถึงที่โต๊ะ จิ้มทานกันไป ป๊าวีก็คุยกับกอล์ฟไปด้วย..
“เห็นม่วงเล่าว่าเรานอนคอนโดใกล้มหาวิทยาลัยคนเดียวใช่ไหม”
“ใช่ครับ..” ไอ้หล่อมันยิ้มรับ “วันนี้ผมเลยจะมาขออนุญาตป๊าวีกับแม่ไก่ชวนม่วงไปเที่ยวคอนโดผมบ้าง”
โอ้โห เพิ่งกินข้าวอิ่มมึงก็เข้าประเด็นเลย โคตรรีบอ่ะกอล์ฟ ผมก็นึกว่าจะอ้อมค้อมกว่านี้.. ก่อนมาบ้าน ผมเล่าให้มันฟังแล้วว่าผมนับครั้งไปนอนบ้านเพื่อนได้.. ถามว่าทำไม ก็เพราะมีนัทกับพี่แมนไงครับ สองคนนั้นขยันขับรถเที่ยวรอบกรุง ผมออกจากบ้านไปดึกแค่ไหนก็ไปรับไปส่งผมได้ตลอด ทำให้ตอนที่อยู่ในห้องสมุดและสติกลับเข้าร่างแล้ว ผมต้องบอกกอล์ฟว่าไม่แน่ใจว่าที่บ้านจะให้ค้างไหม.. แล้วไอ้กอล์ฟก็เสนอตัวมาขออนุญาตเองเลย
“เผอิญที่มอมีกิจกรรม ผมกับม่วงต้องช่วยกันทำกิจกรรมเข้าจังหวะครับ…”
ห๊ะ..กิจกรรมเข้าจังหวะอะไรของมึงวะไอ้กอล์ฟ มึงจำภาษาไทยสับสนล่ะมั้งเนี่ย
“ว่าไงนะ..” ป๊าร้องถาม
“จะชวนม่วงไปนอนที่บ้านครับ..”
“ไปนอนทำไม?”
“มีกิจกรรมเข้าจังหวะต้องทำกับม่วงครับ”
ไอ้กอล์ฟ.. เอาส้อมจิ้มพุงกูเถอะมาพูดแบบนี้น่ะ
ผมหันไปมองหน้าแม่ไก่ เห็นแม่ยกมือขึ้นทาบอก
อย่าบอกนะว่าพ่อแม่ผมเขาเข้าใจผิด..ขุ่นพระ กูอยากตายย
“ไม่ใช่นะป๊า คือเป็นการประกวดเดือนมออ่ะ กอล์ฟมันจะแสดงความสามารถเป็นการเต้นเข้าจังหวะเพลง..” ผมรีบอธิบาย..
กอล์ฟมันยิ้มหวาน.. “ใช่ครับๆ เต้นตามเพลง.. ก็เลยอยากให้ม่วงไปช่วยดูท่าทางให้หน่อยครับ.. อาจจะต้องอดหลับอดนอนกันบ้าง แต่ผมจะดูแลอย่างดีครับ.. รับรองว่าจะเลี้ยงดูอย่างดี ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม..ไม่เอามาคืนและไม่ทำให้เสียใจด้วย..”
หื้มมม? ผมหันไปมองหน้ามัน
“อ้ะ..ผมหมายถึง จะไม่ทำให้ที่บ้านไม่สบายใจครับ”
อ่า...ไปเรียนนอกมานาน..ก๊อบแก๊บคงลืมภาษาไทยไปบ้าง
“ขอม่วงให้ผมนะครับ..”
กรี๊ดดดดด!! อิก๊อบ! ภาษามึงป่วงขนาดนี้เลยเรอะ
ผมนั่งหน้าซีดกลัวแม่ไก่เป็นลมจริงๆ ตอนอยู่ที่คณะ ภาษาไทยมึงไม่เพลียขนาดนี้นี่นา ทำไมมาบ้านกูภาษามึงเพี้ยนขนาดนี้ ตอบพี่ม่วงเสร้!!
“แม่จ๋า..” ผมรีบจับแขนแม่ไก่แล้วส่ายหน้า แม่อย่าไปฟังมันมาก อินี่ภาษามันป่วยจ้ะแม่
แม่ไก่พอเห็นผมส่ายหน้ายิ่งหน้าซีด “นี่ม่วง..?”
ไม่รู้แม่จ๋าจะพูดอะไร แต่ผมพยักหน้าไปก่อนล่ะ เพื่อเป็นการย้ำว่า...นี่ม่วงไง..ม่วงเอง ม่วงอยู่นี่แล้วแม่จ๋า
“โอย...จะเป็นลม” เสียงแม่เพลียๆ ทำเอาผมงงไปอีก..อะไรอ่ะ?
ป๊าวีหรี่ตามองมาทางผมแล้วถาม “นี่คบกันมานานแค่ไหนแล้ว”
“ก็…” ผมอึ้ง..ป๊าถามทำไม ก็รู้อยู่ว่ากอล์ฟกับผมเป็นเพื่อนกันตั้งแต่อนุบาล..
“นานแล้วครับ..” กอล์ฟมันช่วยตอบให้ ผมก็เลยพยักหน้าย้ำ..ใช่ๆ นานมากเป็นสิบปี คบกันแบบเพื่อนที่ดีมาตลอด อยู่ในสายตาผู้หลักผู้ใหญ่ เฟสไทม์บางทีป๊าก็อยู่ด้วยนี่นา
ป๊าวีเบนสายตาไปมองประตู..
“เอาเถอะ..ก็ดูแลกันดีๆแล้วกัน” ป๊าพูดเสียงอ่อน “จะไปนอนค้างด้วยกันป๊าก็ไม่ว่าอะไร แต่อย่านอนดึกกันนักล่ะ”
ผมหันหน้าไปมองไอ้กอล์ฟด้วยความยินดี ถึงแม้ในใจจะดูงงๆสงสัยๆ แต่ในเมื่อป๊าอนุญาตก็ถือว่าผ่านด่านมาแล้วหนึ่งด่าน
อ่า..นั่นสิ..มันยังมีด่านสองด่านสามอีกนี่นะ
“ส่วนแมนกับนัท เดี๋ยวป๊าบอกให้เอง”
โอ๊ะ.. คราวนี้สบายม่วงแห้ะ ไม่ต้องไปขอเอง
ผมหันไปแยกเขี้ยวให้ไอ้กอล์ฟ เห็นทางมันยิ้มหวานกลับมาละรู้สึกตาพร่าเหลือเกินครับ
มึงไม่ต้องหล่อขนาดนี้ต่อหน้ากูได้ไหมวะกอล์ฟฟี่
****