คุณเมียภาคบังคับ ตอนที่ 24
Tru...Tru...Tru...
"ว่าไงครับพี่" ณัฐภาสที่กำลังนั่งทบทวนดูความถูกต้องของเอกสารที่จะใช้ต้องใช้ในการประชุมในวันพรุ่งนี้
ซึ่งเป็นแรกของการเริ่มต้นทำงานในสัปดาห์ใหม่หรือวันจันทร์นั่นเอง(จะยาวไปเเพื่อ?) กรอกเสียงรับสายไป
อย่างเป็นกันเองเพราะคนที่โทรมาเป็นคือรุ่นพี่คนสนิทที่เป็นตำรวจที่คุ้นเคยกันดีนั่นเอง
// กูรู้แล้วนะโว้ยว่าไอ้สนน้องนอกไส้มึงมันหายไปไหนบ่อยๆ //
"จริงหรอพี่!!" ณัฐภาสถามกลับไปด้วยความรวดเร็วอย่างไม่อยากจะเชื่อหู เพราะหลายปีที่ผ่านมาลูกน้อง
คนที่รุ่นพี่ของเขาให้ไปสะกดรอยตามดูสนก็มักจะแจ้งข่าวมาให้ฟังเสมอๆ ว่าสนเหมือนจะรู้ตัวก่อนที่จะถึงที่
หมายและขับรถวนไปวนมาหลอกตำรวจคนนั้นเสียทุกที(ก็เขาเคยบอกแล้วไงว่ามันเป็นคนฉลาด) พอถามไป
ตรงๆ ว่ามันมักจะหายไปไหนมาบ่อยๆ มันก็จะพูดบอก ตอบออกมาตรงๆ ว่า 'ผมขอไม่บอกได้ไหม' แล้วจะให้
เขาคนนี้ทำอะไรได้อีก นอกจากว่าต้องให้คนแอบสะกดรอยตามเหมือนกับไม่ไว้ใจมันอย่างนี้ ทั้งๆ ที่ความจริง
แล้วเขาคนนี้ที่อยู่ในฐานะเจ้านายและพี่ชายนอกไส้ที่ทั้งรักและเป็นห่วงมันเกินกว่าที่จะปล่อยปละละเลยทำ
เป็นเหมือนกับไม่รู้ไม่ชี้ไปกับมันได้
// เกาะร้าง XXX ที่ไอ้สนมันมักจะหายไปก่อนที่จะถึงเกาะนั้นเป็นประจำก็เพราะว่ามันมีทางลับที่ต้องเดิน
เท้าลุยป่าเข้าไปตั้งลึกไงลูกน้องกูถึงได้โดนมันหลอกอยู่ตั้งหลายปี และที่หามันเจอเนี่ยก็เพราะเหมือนกับว่า
มันกำลังรีบร้อนที่จะไปทำอะไรที่เกาะสักอย่างนึงนี่แหละ มันถึงไม่ระวังตัวและลืมหลอกลูกน้องกูอย่างทุกที
ว่าแต่มึงเถอะ รู้ที่อยู่มันแล้วคราวนี้มึงจะทำยังไงต่อไป...จะลุยหรือจะรอ //
"รอไม่ได้หรอกพี่เพราะสายของผมที่อยู่ทางนั้นส่งข่าวมาแล้วเหมือนกันว่าถ้าเขาเจอมันแล้ว..เขาจะไม่
ปล่อยมันให้รอดแน่ๆ เพราะนั่นมันลูกรักของเขา...ผมขอเคลียร์ตัวเองก่อนพี่แล้วจะโทรบอกอีกที" ณัฐภาส
บอกเสียงเครียด ก่อนที่จะวางสายหลังจากที่ปลายสายตอบรับเรียบร้อยแล้ว
"มีอะไรให้พัสหรือเปล่าครับพี่ภาส" พัสกรถามและวางมือบนไหล่สามีเบาๆ เมื่อบังเอิญเดินผ่านห้อง
ทำงานของณัฐภาสที่ประตูเปิดแง้มไว้ (ซึ่งอาจจะเกิดจากที่หนึ่งในแฝดสามที่กำลังนั่งดูการ์ตูนอยู่ตอนนี้ลืม
ปิดเมื่อตอนที่เข้ามาหาคุณพ่อของเขา) และเห็นว่าสามีกำลังนั่งกุมขมับทำหน้าเครียดด้วยสีหน้าและท่าทาง
ไม่ดีอยู่ เขาจึงแวะเดินเข้ามาสอบถามอากการของสามีดูสักหน่อยด้วยความเป็นห่วง
"เรื่องไอ้สนน่ะ พี่ยุธ(ชื่อรุ่นพี่ที่เป็นตำรวจอ่ะ) เขาโทรมาบอกว่าเจอที่ซ่อนไอ้สนแล้ว ส่วนสายทางโน้นของ
เรามันก็ส่งข่าวมาว่าทางนั้นเขาจะไม่ปล่อยมันไว้แน่ๆ ถ้าได้เจอตัวมัน พี่เลยกำลังคิดว่าพี่ควรจะทำยังไงต่อ
ไปดี เพราะคิดว่าในเมื่อตอนนี้เราเจอมันแล้ว ทางนั้นเขาก็จะต้องเจอมันเหมือนกันกับเราอย่างแน่นอน"
ณัฐภาสบอกกับภรรยาออกไปตรงๆ เพราะไม่อยากจะปิดบังอะไรอีก หลังจากที่โดนเมียงอนไปหลายวันที่ปิด
เรื่องหลานแม่บ้านที่เป็นนกต่อคอยส่งข่าวให้ไอ้ภูผารับหลังเราเมื่อก่อนนี้ ถึงได้คิดที่จะเปลี่ยนแม่บ้านชุดใหม่
ถึงแม้ว่าช่วงนี้ไอ้ภูผามันจะหายเงียบไปแล้วก็เถอะ แต่ว่าตอนนี้เขามีลูกน้อยอีกสามคนจึงคิดที่จะตัดไฟตั้งแต่
ต้นลมกันไว้ดีกว่า ก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้นมาอีกจริงๆ จะได้ไม่ต้องมาเสียใจที่หลังเหมือนเรื่องคราวนั้นกันอีก
"พี่ภาสก็รีบไปคุยกับสนวันนี้เลยสิ หรือว่ามีเรื่องอะไรที่ทำให้พี่ภาสไม่สบายใจอยู่" พัสกรทิ้งตัวนั่งลงบน
เก้าอี้ว่างตรงหน้าโต๊ะทำงานของณัฐภาส จึงทำให้ตอนนี้ทั้งสองสามภรรยากำลังนั่งหันหน้าชนกันอยู่
"เพราะตอนนี้มันเย็นมากแล้ว และที่ไอ้สนมันเป็นเกาะร้างที่มีทางเข้าซับซ้อนต้องใช้เวลาเดินทางไปกลับ
อยู่หลายชั่วโมง อีกทั้งช่วงนี้อากาศบ้านเราก็ยิ่งแปรปรวนอยู่พัสก็รู้ดีพี่เลยไม่รู้ว่าจะใช้เวลาไปกับเรื่องนี้
ทั้งหมดกี่ชั่วโมงหรือนานเท่าไหร่ และที่สำคัญพรุ่งนี้พี่มีประชุมการเจรจาซื้อขายกับลูกค้าใหม่รายใหญ่ด้วย
พี่เลยกลัวกลับมาประชุมไม่ทัน แต่พี่ก็ปล่อยให้ไอ้สนมันตกอยู่ในอันตรายอย่างนั้นไม่ได้" ยิ่งคิดณัฐภาสก็ยิ่ง
เคลียดเพราะเป็นคนในครอบครัวที่สำคัญ แต่กำไรที่จะได้จากการเจรจาพรุ่งนี้(ถ้าสำเร็จ)มันก็สำคัญเพราะ
เดือนนี้และเดือนที่ผ่านมาทั้งเดินพนักงานฝ่ายต่างๆ ก็หัวหมุนและฝากความหวังไว้กับการเจรจาครั้งนี้กัน
ทุกคน
"ให้พัสเข้าประชุมแทนพี่ภาสได้รึเปล่าครับ อย่าลืมสิว่าพัสก็จบบริหารมานะถึงแม้ว่ายังจะไม่เคยได้ใช้
วิชาความรู้มาทำมาหากินก็เถอะ แต่พัสก็คิดว่าถ้าพัสได้อ่านและทำความเข้าใจกับเอกสารที่ใช้ในการประชุม
พรุ่งนี้สักหน่อย...ก็ไม่น่าจะมีปัญหาเพราะพอไปส่งลูกๆ ที่โรงเรียนเสร็จแล้วพัสก็ไม่มีธุระสำคัญอะไรอีกแล้ว"
พัสกรบอกออกมาในที่สุด หลังจากที่เขาทั้งคู่นั่งเงียบใส่กันอยู่พักใหญ่ ที่จริงพัสกรก็ไม่อยากจะเข้าไปยุ่งกับ
งานที่บริษัทของสามีสักเท่าไหร่หรอกและเขาก็ไม่ได้ว่างอย่างที่บอกกับสามีอีกด้วยเพราะยังมีงานบ้านที่เป็น
งานที่ไม่มีวันเสร็จหรือสิ้นสุดรอเขาอยู่อีกกองเบ้อเริ่ม แต่มันก็ไม่ได้สำคัญไปกว่าชีวิตของสนและความหวัง
ของพนักงานทั้งบริษัทหรอกเพราะเขาพอจะรู้มาอยู่หรอกว่าลูกค้ารายใหม่นี้ทุนสูง เงินหนา และไม่ค่อยยอม
ที่จะจับมือลงทุนกับใครง่ายๆ หรอก แต่สามีของเขาก็อุตส่าห์หลอกล่อมาจนได้ พวกพนักงานกับผู้ถือหุ้น
(ที่มีอยู่น้อยนิด) ในบริษัทถึงตั้งความหวังในครั้งนี้ไว้สูง และณัฐภาสสามีของเขาก็จะเป็นที่ยอมรับจริงๆสักที
ไม่ใช่แค่ยอมรับแต่ปากอย่างทุกวันนี้ ที่ต่อหน้าก็ทำเป็นดีพอรับหลังก็เอาไปนินทาสาดเสียเทเสียจนแทบจะ
ไม่เหลือความเป็นคนอยู่เลย ไม่รู้ว่าจะอะไรนักหนา และไอ้สามีของเขาก็ทนจริงๆ ทนมากจนเกินไป ที่ทำเป็น
ยิ้มแย้มหัวเราะได้อย่างมีความสุขทั้งๆ ที่ในใจนั้นแบกความทุกข์เอาไว้ตั้งมากมาย...งานนี้พัสกรขอทุ่มสุดตัว
สุดแรงสู้เพื่อคุณสามีสุดที่รักสักตั้งก็แล้วกัน!!
"จริงหรอ? พัสจะเข้าประชุมแทนพี่จริงๆ ใช่มั้ย" ณัฐภาสถามอย่างมีความหวัง
"จริงสิครับ..หรือพี่ภาสไม่ไว้ใจพัส?" พัสกรเลิกคิ้วถาม
"เปล่าครับ...ก็พี่เห็นว่าพัสไม่ชอบเรื่องพวกนี้เลยกลัวว่าพัสจะลำบากใจ"
"พัสไม่ได้ลำบากใจอะไรตรงไหนเลยครับพี่ภาสถึงจะไม่ชอบมากแค่ไหนก็ตามเถอะ ในเมื่อพี่ภาสเป็นสามี
ของพัส เป็นคู่ชีวิตที่จะต้องช่วยกันแชร์ในทุกๆ เรื่องในชีวิตของพัสไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ต่อให้ตกอับจนต้องไป
นอนกลางดินกินกลางทรายพัสก็ต้องทำ อยู่มากันจนป่านนี้ มีลูกก็สามคนเข้าไปแล้ว ถึงพัสจะอยากถอนตัว
ตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วครับ" พัสกรพูดติดตลก ตอบกลับสามีด้วยประโยคแสบๆ คันๆ เพราะไม่อยากให้ณัฐภาส
เก็บเรื่องไร้สาระอะไรไปคิดให้รกสมองเจ้าตัวเพิ่มอีกแล้ว
"ขอบคุณนะครับคนดีของพี่...ถ้าอย่างนั้นคืนนี้พัสก็อ่านและทำความเข้าใจกับเอกสารในแฟ้มนี้ทั้งหมด
เลยนะ แล้วพรุ่งนี้ก็ไม่ต้องไปคิดอะไรมาก เอาแค่คุยกันรู้เรื่องและเข้าใจตรงกันก็พอเพราะก่อนหน้านี้พี่ได้คุย
กับเขานอกรอบมาแล้วรอบนึงก็ตกลงกันตามที่อยู่ในเอกสารนั่นแหละ เพียงแต่พรุ่งนี้แค่ต้องลงลายมือชื่อเซ็น
สัญญาเป็นหลักฐานก็เท่านั้นเอง ในส่วนนั้นพัสก็เซ็นชื่อพัสไปเลยนั่นแหละเดี๋ยวเลขาพี่เขาก็จัดการเอาเอง
และเดี๋ยวพี่จะโทรไปคุยกับเลขาให้ก่อนที่จะออกไปก็แล้วกัน" ณัฐภาสรวบสองมือของพัสกรเข้ามาบีบเบาๆ
เพื่อเป็นการขอบคุณ ก่อนที่จะค่อยๆ อธิบายเกี่ยวกับเรื่องของการประชุมในวันพรุ่งนี้ที่จะให้พัสกรเข้าประชุม
แทนในแบบกระชับ เร่งรัด และด่วนที่สุด เพราะนี่ก็เย็นแล้วและเขาไม่มีเวลาเหลือมากแล้ว
.
.
.
ปริ๊นน...ปริ๊นนน
"พี่ไปก่อนนะครับ อยู่กับลูกก็อย่าลืมล็อคประตูหน้าต่างให้ครบทุกบานด้วยล่ะ ส่วนประชุมพรุ่งนี้ก็ไม่ต้อง
ไปเครียดกับมันมาก ถ้าเขามีปัญหาหรือใครค้านอะไรก็ช่างแมร่งมันไม่ต้องไปสนใจ ถึงไม่ได้เจ้านี้บริษัทก็ไม่
เจ๊งหรอก พี่ยังมีเงินเหลือไว้เลี้ยงลูกเลี้ยงเมียอีกเยอะ...ไปก่อนนะครับดูแลตัวเองกับลูกๆ ดี ๆ ด้วย" ณัฐภาส
รีบพูดบอกแกมสั่งกับพัสกรอย่างรัวเร็วจนพัสกรแทบจะฟังไม่ทัน เรื่องอื่นน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่ไอ้เรื่องที่ให้
ดูแลตัวเองกับดูแลลูกดีๆ เนี่ย มันมีความหมายแฝงเข้ามาในคำสั่งด้วยพวกคุณรู้หรือเปล่า เพราะหลังจากที่
บ้านว่างหลังข้างๆ มีเพื่อนบ้านย้ายเข้ามาอยู่ใหม่และเจ้าแสบโตกับเจ้าแสบเล็ก ภาค ภาม ที่เห็นผมคุยกับ
คุณกิจวันนั้นแค่ครั้งเดียว แต่กลับใส่ร้ายเขา เอาไปฟ้องคุณพ่อภาสของตัวเองว่า 'เขามาจีบคุณแม่ทุกวันเลย'
แหม!! ลูกใครหนอ? มันช่างน่าตีจริงๆ....พวกคุณคิดเหมือนกันกับผมหรือเปล่า?
.
.
.
.
.
อีกด้านนึง (กระท่อมเล็กกลางเกาะร้าง)
"ลุกขึ้นมากินยาก่อน เดี๋ยวจะตายแล้วมาเป็นภาระกูอีก" สนช้อนศีรษะของภูผาที่นอนซมอยู่บนแคร่ไม้ไผ่
เพราะพิษไข้ป่ามาแล้วหลายวัน โดยไม่ลืมที่จะใช้คำพูดร้ายกาจช่างแตกต่างจากแววตาที่ฉายความเป็นห่วง
จากเจ้าตัวมากเสียเหลือเกิน
"เรื่องของฉัน!! จะเป็นจะตายยังไงมันก็เรื่องของฉัน...แค่กๆ" ภูผาพูดบอกออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง พร้อม
กับปัดเม็ดยาที่อยู่ในมือของสนออกจากตรงหน้าตัวเอง จนตกลงไปเกลื่อนกระจายอยู่เต็มพื้น
"เออ!! อวดเก่งดีนัก!! ก็ปล่อยแมร่งให้ตายห่าไปเลย!! แล้วอย่างมาสำออยให้กูเห็นอีกนะมึง!!!" สนปล่อย
มือจากตัวของภูผาให้ตกลงไปกระแทกกับแคร่ไม้ไผ่อย่างไม่สนใจใยดี ด้วยความหัวเสียกับความดื้อรั้นของ
อีกคน
"โอ๊ย!! แค่กๆ แค่กๆ" ภูผาร้องโอดโอยขึ้นมาอย่างอดไม่ได้เมื่อรู้สึกเจ็บและปวดไปทั่วทั้งตัวจากการ
กระแทกแคร่ไม้ไผ่ที่เหมือนจะไปซ้ำรอยช้ำรอยแผลเดิมของตัวเองที่โดนอีกคนรังแกมาก่อนหน้านี้
"โธ่โว้ย!!! จะตายอยู่แล้วยังจะเสียอวดเก่งอีกนะมึง!!...เอ้า!! แดกๆ เข้าไป ก่อนที่กูจะโมโหไปมากกว่านี้
แล้วจะเผลอหลุดกระทืบซ้ำมึงเข้าไปอีก" สนพูดบอกพร้อมกับจับยากรอกปากของภูผาโดยที่เจ้าตัวยังคงตั้งตัว
ไม่ทัน ด้วยความรุนแรง ก่อนที่จะเดินปึงปังออกไปข้างนอกปล่อยให้ภูผาได้นอนซมอยู่บนเตียงคนเดียวเหมือน
เดิมก่อนหน้าที่เขาจะเข้ามา
.
.
.
"โว้ยยยยยยย..." สนที่ออกมาตระโกนโวยวาย ต่อยลมเตะดินระบายความหงุดหงิดความสับสนที่อัดแน่น
อยู่ในอกของตัวเองอย่างหัวเสีย.....เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังเป็นบ้าอะไรอยู่เพราะความเกลียดชังภูผาที่
เคยมีก่อนหน้านี้มันเหมือนจะลดเลือนและจางหายออกไปทุกวันๆ จนแทบจะไม่มีเหลืออยู่อีกเลย และกลับกัน
ความเป็นห่วงเป็นใยที่ไม่ควรจะมีให้คนที่ขึ้นชื่อว่าศัตรูของตัวเองกลับมีเพิ่มมากขึ้นทุกทีๆ จนเขากลัวว่ามัน
จะกลายเป็นสิ่งที่ไม่ควรที่จะเกิดขึ้นมาระหว่างเขาทั้งสองคนมากที่สุดนั่นก็คือ.....'ความรัก'
"แกลักพาตัวลูกชายฉันมาอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วยสินะ" เสียงเข้มเอ่ยขัดขึ้นระหว่างที่สนยังคงชกดินชกฟ้าระบาย
อารมณ์ในความสับสนของตัวเอง จนสนต้องสะดุ้งสุดตัวเพราะความตกใจที่เกาะร้างแห่งนี้ยังมีคนอื่น
นอกจากเขาและภูผาที่นอนอยู่ในบ้านอีกหรือ ทั้งๆ ที่สถานที่แห่งนี้มันควรที่จะเป็นความตลอดไป
"คุณ!!...นายหัวรพีพ่อของไอ้เลวภูผานั่นเองสินะ...มาหาผมถึงนี่มีอะไรหรอครับ? หรือว่าจะมาขอบคุณที่
ผมรับอาสาเอาลูกชายสารเลวของคุณมาสั่งสอนให้?" จากความตกใจหน้าตาตื่นก็แปลเปลี่ยนไปเป็นสีหน้า
ของคนยียวนกวนอารมณ์เบื้องต่ำทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นนายหัวรพีพ่อบังเกิดเกล้าของไอ้คนที่เขาจับตัวมา
.
.
.
.
.
ทางด้านของณัฐภาสที่กำลังอยู่ในระหว่างการเดินทาง
"ตั้งแต่ตรงนี้ไปเราต้องเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณสิบกิโลนะ" ยุธรุ่นพี่ที่รับราชการตำรวจของณัฐภาสบอก
ในขณะที่รถที่ณัฐภาส ยุธ และเจ้าหน้าที่ตำรวจลูกน้องของยุธอีกสามนายอาศัยมาจอดหยุดอยู่กลางดงป่าที่
เป็นทางเข้าไปบนเกาะร้างที่สนอยู่
"โอเคครับ...ผมว่าเราเร่งหน่อยก็ดีนะพี่ ผมรู้สึกแปลกๆ อย่างไงก็ไม่รู้ว่ะ" ณัฐภาสพูดบอกความรู้สึกของ
ตัวเองให้รุ่นพี่ได้รับรู้ออกมาตรงๆ เพื่อที่จะให้ชาวคณะของเขานั้นได้เร่งฝีเท้าในการเดินให้เร็วขึ้นอีกซักนิด
เพราะเหมือนกับว่าความรู้สึกแปลกๆ ที่มันอัดแน่นอยู่ในใจของเขานั้นมันจะระเบิดออกมาอย่างไงอย่างงั้น
.
.
.
.
.
"อย่ามัวแต่พร่าม!! แล้วบอกมาซักทีว่าตอนนี้ลูกชายของฉันอยู่ที่ไหน!!" นายหัวรพีระเบิดอารมณ์ออกมา
ในที่สุด หลังจากที่โดนสนพูดกวนประสาทอยู่พักใหญ่และไม่ยอมอ้าปากพูดบอกออกมาสักทีว่าภูผาลูกชาย
ของเขานั้นอยู่ที่ไหน เพราะจากลานกว้างติดหน้าผาตรงนี้เขามองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นทับ
ซ้อนกันไปมาจนบดบังสายตาไปหมดและหน้าผาสูงที่อยู่ข้างหน้าของตัวเอง
"แล้วถ้าผมไม่บอกล๊ะ?" สนยังคงตั้งใจที่จะยียวนกวนประสาทนายหัวรพีต่อไป
"ฉันก็จะฆ่าแกทิ้งเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยไง!!" นายหัวรพีพูดพร้อมกับหยิบปืนที่เหน็บอยู่ข้างเอวขึ้นมาจ่อ
ปากกระบอกไปตรงบริเวณกลางหน้าผากของสน
"เอาสิครับ ยิงผมเลยเพราะถ้าผมตายไปคุณก็ไม่มีทางได้เจอลูกชายสุดที่รักของคุณพอดี" แทนที่สนจะ
มีถ้าทีหวาดกลัวปืนในมือของนายหัวรพี แต่ก็เปล่าเลย เพราะสนยังคงที่จะโต้ตอบกับนายหัวรพีด้วยสีหน้า
ยียวนกวนอารมณ์อยู่ดี
ปัง!!!
"โอ๊ย!!!" สนร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อโดนนายหัวรพีลั่นไกลยิงปืนใส่แขนซ้ายตัวเอง จนแทบจะ
ทรุดไปกับพื้นเพราะทรงตัวไม่อยู่ เนื่องจากแรงดันของกระสุนปืนที่ถูกยิงออกมาระยะใกล้ๆ จนแทบจะชิดติด
กับตัวเองเลย ผลกระทบที่เกิดจากบาดแผลมันเลยมีมากกว่าที่ควร
"ทีนี้ก็หยุดเล่นลิ้นกับฉันแล้วบอกออกมาสักทีว่าแกเอาลูกชายฉันไปเก็บไว้ที่ไหน!!!" นายหัวรพีถามทั้งๆ ที่
ยังไม่ยอมลดปืนลง ยังคงที่จะจ่อปากกระบอกปืนเข้าหาตัวของสนอยู่เหมือนเดิม
"ผมไม่บอกคุณหรอก! ต่อให้ต้องตายผมก็จะไม่บอกคุณ เพราะตอนนี้สิทธิในตัวของภูผามันเป็นของผม
ไม่ใช่ของคุณอีกต่อไปแล้ว" สนยังคงดึงดันต่อไป
"แกพูดบ้าอะไรของแกห้ะ!!" นายหัวรพีตวาดถามอย่างหัวเสีย เพราะพอจะเข้าใจความหมายในสิ่งที่สน
ต้องการจะบอกออกมาอย่างกลายๆ อยู่หรอก แต่เขาไม่อยากที่จะยอมรับมัน
"ก็พูดความจริงไงครับ ตอนนี้ไอ้ภูมันเป็นเมียผม มันก็ต้องเป็นของผม...ไม่ว่ามันจะเป็นจะตายมันก็เป็น
ของผมอยู่ดี สิทธิความเป็นพ่อของคุณในตัวมัน หมดไปตั้งแต่ตอนที่มันนอนครางอยู่ใต้ร่างของผมตั้งแต่วัน
แรกที่ผมเอาตัวมันมาแล้ว!!" สนยังคงพูดออกมาอย่างท้าทายไม่กลัวตาย ทั้งๆ ที่บาดแผลจากการโดนยิงมี
เลือดไหลออกมามากขึ้นทุกที
"แก!!..ไอ้เลว!!! คนอยากแกมันสมควรตาย!!!" นายหัวรพีขบกรามแน่นด้วยความโมโห เส้นเลือดข้างขมับ
ปูดโปนออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนโกรธที่ขึ้นสูงจนถึงขีดสุด นิ้วชี้แกร่งเข้าประจำที่เตรียมตัวที่จะลั่นไกลปิด
ชีวิตของเด็กหนุ่มรุ่นลูกที่อยู่ตรงหน้า...ไอ้ผู้ชายเฮงซวยที่มันกล้าทำร้ายลูกชายสุดที่รักของเขา คนที่มันกล้า
หยามหน้าทำเรื่องบัดสีทำลายหัวใจคนเป็นพ่ออย่างเขา!!!
"พ่อ!! อย่า!!!.....ปัง!!!" เสียงของลูกชายสุดที่รักคนสำคัญของเขา ดังแทรกขึ้นมาพร้อมกับเสียงลั่นไกลปืน
ครั้งที่สองของเขา ก่อนที่ร่างของภูผาลูกชายของเขาจะทรุดลงจมกองเลือดในอ้อมกอดของเด็กหนุ่มคนนั้น
"อะ..ไอ้ภู!! ภูผา!! ไอ้ภู!! อย่าหลับนะมึง!! อย่าหลับ!! มองหน้ากู!! ไอ้ภูกูสั่งให้มึงมองหน้ากู!!!" สน
พยายามที่จะตะโกนร้องเรียกสติของคนในอ้อมกอดของตัวเองอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง ก่อนที่จะฉีกเสื้อของ
ตัวเองออกมากดปิดปากแผลจากการโดนยิ่งเข้าที่กลางหน้าอกแบบเต็มๆ
"กะ..กู..จะ..ไม่..ฟัง..อึก! แค่กๆ คำ..สั่ง..ของมึง..อีกแล้ว...แค่กๆ" ภูผาบอกออกมาอย่างกระท่อนกระแท่น
เพราะกระอักเลือดออกมาด้วย
"ไม่ฟังก็ไม่ฟัง!! แต่อย่าตายนะมึง!! มึงห้ามตายนะไอ้ภู!! มึงต้องอยู่แก้แค้กูก่อนนะโว้ย!!" สนพูดบอกด้วย
เสียงสั่นๆ น้ำตาลูกผู้ชายรินไหลออกมาให้คนนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นศัตรูของตัวเองได้เห็นอย่างไม่รู้สึกอาย เรื่องราว
ต่างๆ ในวันวานที่ผ่านมา ย้อนกลับเข้ามาให้เห็นอย่างไม่ขาดสาย ไม่รู้ว่าเหมือนกันว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ความ
แค้น ความเกลียดชัง ค่อยๆผันแปรเปลี่ยนไปเป็นความห่วงหา ความผูกพัน และจนกลายไปเป็นความรักใน
ที่สุด หลายปีที่ผ่านมาสนคงจะไม่กล้าพูดออกมาได้อย่างเต็มปากว่าเขาไม่ได้มีความรู้สึกอะไรไปกับภูผาเลย
ในเมื่อความรู้สึกลึกๆ ที่อยู่ข้างในมันเรียกร้องและฟ้องออกมาเป็นการกระทำให้ภูผาได้เห็นหมดแล้ว และภูผา
เองก็คงจะรู้สึกไม่ต่างกันกับเขา เพราะช่วงหลังมานี้ถึงแม้ว่าภูผาจะยังคงดื้อ ยังคงเถียงและยังคงที่จะพยศ
เขาอยู่ แต่ภูผาก็ไม่เคยคิดที่จะหนีออกจากเขาไปเลย ทั้งๆ ที่เขาเลิกมัดเลิกล่ามภูผาเหมือนสัตว์เลี้ยงมาตั้งแต่
ผ่านพ้นในช่วงปีแรกไปแล้ว แต่เจ้าตัวก็ยังคงเลือกที่จะอยู่กับเขาที่นี่ต่อ
"หึๆ ขอ..ติดไว้...อึก!...ชาติหน้า..ก็แล้วกัน...แค่กๆ...พ่อครับ!..ผม..ขอ..โทษ..นะ!!" ภูผาบอกกับสนด้วย
รอยยิ้มซีดเซียว ก่อนที่จะใช้แรงเฮือกสุดท้ายของตัวเองพูดบอกคำขอโทษนายหัวรพีพ่อบังเกิดของตัวเองที่
ยืนหน้าซีดตกตระลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ตกตระลึงที่เป็นเขาเอง...ที่ลงมือฆ่าลูกชายตัวเอง
ขอโทษ...ภูผาอยากจะขอโทษนายหัวรพีผู้เป็นพ่อในทุกๆ เรื่อง ขอโทษที่เขาดื้อรั้นไม่ฟังคำเตือนของพ่อ
ขอโทษที่เขาเป็นลูกที่แย่ที่คอยแต่จะสร้างปัญหาให้พ่อเสมอมา ขอโทษที่เขาไม่สามารถอยู่ทดแทนบุญคุณ
ของพ่อได้อีกต่อไป...และขอโทษที่เขาไม่สามารถได้พูดบอกในสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจเสมอมาว่า..'ผมรักพ่อครับ'
"ม่ายยยยยยยยยย!!!! ตื่นซิโว้ย!! ตื่นขึ้นมา!! ไอ้ภู!! ไอ้เหี้ย!! กูบอกว่าห้ามมึงตายไง!!! ไอ้เลวเอ้ย!!!"
"แก..แกฆ่าลูกฉัน!! ฉันจะฆ่าแก!! ตามไปชดใช้ให้ลูกฉันในนรกซะเถอะ!!!" ในขณะที่สนยังคงร่ำไห้กอด
ศพของภูผาที่อยู่ในอ้อมกอดของตัวเองจนไม่สนใจนายหัวรพีที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ก่อนที่จะนั่งนิ่งหลับตาพริ้ม
สองแขนกระชับกอดร่างของภูผาให้แน่นกว่าเดิม เมื่อได้ยินคำพูดของนายหัวรพี
"ไอ้สนนนนนนน / ปัง!!!" เสียงร้องตระโกนของณัฐภาสคงจะช้าเกินไป เพราะพอสิ้นสุดเสียงเรียกของเขา
แล้วร่างของสนที่นั่งอยู่ที่พื้นก็ฟุบตกลงไปทับกับร่างของภูผาที่เจ้าตัวกอดไวอยู่ก่อนหน้านี้ทันที เพราะครั้งนี้
นายหัวรพีไม่ได้ลั่นไกลปืนพลาดอีกแล้ว เมื่อกระสุนนัดสุดท้ายนี้เจาะเข้ากลางหน้าผากผ่าทะลุสมองของสน
ร่วงหล่นออกมาจากกระโหลกศีรษะด้านหลังของสนพอดี
"นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ กรุณาทิ้งปืนลงและยกมือขึ้นเหนือหัวด้วยครับนายหัวรพี" ยศพูดบอกนายหัวรพี
ก่อนที่จะสั่งให้ลูกน้องของตัวเองเข้าไปจับกุมตัวนายหัวรพี เมื่อนายหัวรพีทำตามในสิ่งที่เขาสั่งหมดแล้ว
"อะ..ไอ้สน...ไอ้สน! ไอ้เด็กเวรมึงฟื้นขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ!! ไอ้น้องเลว!! มึงยังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณกูเลยนะ..
มึงจะมาตายอย่างนี้ไม่ได้นะเว้ย.. ตื่นขึ้นมา!! ตื่นขึ้นมาลองขับรถที่มึงอยากได้มันก่อน... มึงมันเป็นไอ้เด็กเลว
มึงไม่ยอมอยู่รับของขวัญวันเกิดจากพี่ชายอย่างกูเลย...กูเกลียดมึง...ไอ้เด็กอกตัญญู..." ณัฐภาสทั้งด่าทอ ทั้ง
ทุบตีร่างไร้ลมหายใจของสนด้วยน้ำตา ก่อนที่จะฟุบหน้าลงกอดร่างไร้ลมหายใจของน้องชายนอกไส้อย่างสุด
จะทนด้วยความเศร้าเสียใจอย่างถึงที่สุด...เด็กชายกำพร้าร่างน้อยตัวแกร็นหัวฝูๆ ตามสไตล์เด็กใต้ทั่วไป
ที่ชอบเดินตามติดเขายิ่งกว่าเงาของตัวเขาเอง เด็กน้อยสุดเกรียนที่ชอบเคาะประตูยืนร้องไห้อยู่หน้าห้องนอน
ของเขาทุกๆ ครั้งที่มีฝนตกฟ้าผ่าลงมาในตอนกลางดึกเพื่อที่จะขอมานอนคลุมโปงหลบเสียงฟ้าร้องด้วยกันกับ
เขา เด็กน้อยที่คอยเป็นเพื่อนเล่นในยามที่เขาต้องอยู่คนเดียว เด็กที่เขารู้สึกถูกชะตาตั้งแต่ครั้งแรกที่พ่อพาเดิน
เข้ามาในบ้านและบอกว่ามันจะมาเป็นน้องชายของเขา เด็กคนที่ทำให้เขาเปิดใจและรู้จักที่จะแบ่งปันความรัก
ความอบอุ่นให้ใครอีกคนนึง เด็กคนที่ทำให้เขารู้จักคำว่าครอบครัวจริงๆ มันเป็นยังไง.....
......สักวันเราจะได้เจอกันอีก.....รักเสมอ.....น้องชายคนดีของพี่.......
#
...
เหอๆ ไม่มีอะไรจะพูด นอกจาก...แกมันใจร้ายที่สุดไอ้มี่บ้า!!!
แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ!!