ตอนที่ 42
“ ถ้ากูขอ มึงจะทำให้กูได้มั้ย ไม่สนใจพวกมันแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่กับกูได้มั้ย ”
ได้แต่จดจ้องแววตานั้นอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับสิ่งที่ได้ยิน อาฟไม่ได้ร้องไห้ มันไม่ได้ตีหน้าเศร้า และไม่แม้จะใช้สายตาอ้อนวอนกัน แต่ทว่าผมกลับรู้สึกเจ็บปวดราวกับใครฟาดไม้ลงบนแผ่นหลังของตัวเองจนเจ็บจุก พยักหน้ารับลงกับคำถามนั้นอย่างว่าง่ายก่อนนิ่งไปนาน เป็นความรู้สึกที่แทบหายใจไม่ออก
ผมหวนคิดถึงคำพูดที่อาฟเคยพูดไว้ตอนที่เราคบกันใหม่ๆ วันนั้นผมมีเรื่องกับยีนส์ ผมที่ตอนนั้นยังคงเจ็บปวดกับเรื่องที่มันทำ จนเอามาพูดเพ้อเจ้อถึงอดีตที่เสียใจจนทำให้อาฟต้องเจ็บปวด
‘ มึงยังเจ็บอยู่กับอดีตเมด กูเข้าใจ แต่กูก็เจ็บอยู่กับปัจจุบันเหมือนกัน ปัจจุบันที่กูรู้สึกว่า มึงไม่ได้มีกูอยู่ในหัวใจเลย แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่จะมี ’
ทั้งๆที่เป็นคำพูดที่เคยพูดมานาน แต่ทว่าวันนี้อาฟกลับยังรู้สึกแบบนั้นอยู่ รู้สึกว่าผมยังแคร์คนพวกนั้น แคร์เรื่องราวในอดีตพวกนั้น และไม่ได้รักมันคนในปัจจุบันเลยสักนิด ทั้งๆที่ในความคิดผม มันไม่เกี่ยวกันเลย ในตอนนี้ ไม่มีอะไรที่มันเกี่ยวกันทั้งนั้นอีกแล้ว
ผมไม่ได้เสียใจ มันเป็นแค่ความแค้นที่รู้สึกอยากจะเอาคืนบ้าง ตามความรู้สึกของคนคนนึงที่ไม่อยากจะให้ใครรังแกอยู่ฝ่ายเดียว แต่เหมือนอีกคนจะไม่ได้คิดแบบนั้น
“ อาฟ ฟังกันก่อนได้มั้ย กูว่ามึงกำลังเข้าใจกูผิด ” อีกฝ่ายไม่ได้ตอบอะไร ผมจึงพูดต่อในสิ่งที่คิด “ กูยอมรับว่ากูลงภาพเพราะอยากจะตอบกลับไอ้ยีนส์มัน เพราะตั้งแต่ที่เลิกคบกัน ยีนส์ไม่เคยมายุ่งวุ่นวายอะไรในไอจีกูเลย ไม่เคยดูสตอรี่ที่กูอัพทุกวัน ไม่เคยกดไลค์ภาพสักภาพ จนกูคิดว่ามันบล๊อคกูไปแล้วด้วยซ้ำ แต่อยู่ๆ มันก็เข้ามาดูไอจีสตอรี่กู แล้วไม่นานก็เข้ามาไลค์ภาพกูที่ก็อัพไปตั้งนานแล้ว มันเป็นภาพที่กูเขียนข้อความถึงมัน แล้วพอกูเข้าไปดูในไอจีมัน ถึงรู้ว่าที่มันมากดไลค์ภาพกูแบบนั้น ก็เพราะแค่อยากจะให้กูเข้าไปดูไอจีมันที่อัพภาพตัวเองกับไอ้บิน ”
อาฟยังคงเงียบมันแค่ถอนหายใจออกมาหลังจากที่ผมอธิบาย สายตาคมนั้นไม่ได้มองกันอีกแล้ว มันเบือนหนีไปมองถนนตรงหน้าที่ตอนนี้มีนิสิตในมหาลัยเดินผ่านไปมา ผมรู้ว่าอาฟคงคิดต่างจากผม ไม่ว่ายังไงมันก็คงเห็นว่าการกระทำนี้คือการที่ผมยังแคร์อีกฝ่ายอยู่มาก เลยยังเสียใจและต้องการเอาคืนแบบนั้น
“ มึงจะคิดว่ากูเป็นเด็กไม่รู้จักโตที่ทำเรื่องแบบนั้นก็ได้ แต่อย่าคิดว่ากูยังรักแล้วก็ยังแคร์พวกมันอยู่ได้มั้ย เพราะมันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย กูไม่ได้รัก แล้วกูก็ไม่ได้แคร์ ไม่ได้แคร์ว่ามันจะมีความสุข หรือจะรักกันขนาดไหน ต่อให้มันลงภาพเป็นร้อยล้านภาพต่อวันกูก็จะไม่สนใจเลย แต่ทำไมมันต้องมาเชิญชวนกูไปดู ทำไมต้องมาคอยหาเรื่องกู แล้วมึงจะให้กูคนที่ก็มีมือมีตีนเหมือนกัน ทนอยู่นิ่งๆไม่ทำอะไรเลยงั้นเหรอ กูต้องทนให้มันทำอะไรกูก็ได้ เหย้าแหย่กูแค่ไหนก็ได้ มึงคิดเหรอว่าถ้ากูทำแบบนั้นคนแบบยีนส์มันจะหยุด ” ผมยกยิ้มก่อนจะส่ายหน้า “ มันไม่มีวันหยุดหรอก กูรู้จักคนอย่างมันดี ถ้าไม่ตายกันไปข้าง ยีนส์ไม่มีวันหยุดหรอก ”
“ แล้วมึงคิดว่ายีนส์มันรู้สึกยังไงกับการเห็นมึงอัพภาพกูเพื่อตอบกลับพร้อมด้วยสเตตัสที่เหมือนกันกับมัน มึงคิดว่ามันจะรู้สึกเจ็บใจเหรอ ? มึงคิดว่ามันจะรู้สึกว่า ‘ เมดมันมีแฟนที่ดีกว่ากูวะ กูคงต้องถอยแล้ว ’ เหรอ ? มึงคิดว่ามันคิดแบบนั้นเหรอ ” อาฟหันมาถามผมก่อนจะหัวเราะในคอ “ สิ้นคิด.. ตอนนี้เพื่อนมึงคงจะนั่งมีความสุข เพราะทำให้มึงเจ็บปวดได้ มันคงนั่งคิดว่า มึงยังแคร์ ยังเสียใจ ก็เลยอัพภาพกูเพื่อประชด คนที่มันเหี้ย เค้าไม่คิดอะไรอย่างที่มึงคิดหรอกเมด คนเหี้ยก็คือคนเหี้ย มันคิดเข้าข้างตัวเองทั้งนั้น มันทำเพราะอยากให้มึงเจ็บปวด แล้วการที่มึงดิ้นตามมัน นั่นก็คือ มึงกำลังเจ็บปวด แล้วตอนนี้มันก็คิด ว่ามันประสบความสำเร็จแล้ว ก็แค่นั้น ”
“ แต่กูไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้น กูไม่ได้แคร์มันเลย กูอยากบอกให้มันรู้ว่า กูไม่สน กูมีคนใหม่แล้ว เรารักกันแล้วตอนนี้กูก็มีความสุขดี สุขกว่ามันที่ไม่รู้ว่าจริงๆ มีความสุขอยู่รึเปล่า กูอยากจะให้มันเอาตัวเองให้รอดเถอะ ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับกูอีก การอัพภาพของกูมันเป็นแค่ความรู้สึกแบบนั้น กูแค่อยากจะบอกมันแบบนั้น ” ผมพิงหลังกับเบาะรถก่อนจะถอนหายใจออกมา “ ทำไมมันถึงอยู่คนละโลกกันไม่ได้วะ ทำไมมันต้องหาเรื่องกู ทำไมกูต้องเป็นฝ่ายที่ต้องทนคนเดียวด้วย อะไรๆก็กูคนเดียวเลย มันทำกูเจ็บ กูต้องทน ทำเหี้ยแค่ไหน กูก็ต้องทน กูต้องเข้มแข็งขนาดไหนวะ ทั้งๆที่กูก็เป็นคนคนนึงที่เจ็บเป็น กูเองก็แค้นเป็น ทำไมวะ ทำไมมันต้องเป็นกูด้วย กูแม่งผิดอะไรนักมันถึงไม่ปล่อยกูไปแบบนี้ ”
“ เพราะมันเกลียดมึงไง ” อาฟพูดเสียงเรียบหลังจากที่ผมระบายความรู้สึกในใจออกมา “ มันเกลียดตั้งแต่ที่มึงคบกับไอ้บิน แล้วมันต้องเป็นเมียน้อยอยู่ลับหลังมาหลายปีทั้งๆที่ก็คงอยากจะได้ชูคอบ้าง แต่ก็ทำไม่ได้เพราะไม่ใช่ตัวจริง แล้วพอมึงจับได้มันก็โดนว่าอีก ว่าแย่งผัวเพื่อน แม้แต่ตอนนี้มึงจะมีคนใหม่แล้ว มันได้ชูคอควงไอ้บินออกนอกหน้าบ้าง แต่มันก็ยังถูกตีหน้าว่าแย่งของเพื่อนมาอยู่ดี มันที่โดนสาปแช่ง ว่าสักวันต้องเลิกกับไอ้บินแน่ๆ สักวันต้องถูกแย่งไปแน่ๆ ลึกๆมันก็กลัว มันไม่ได้มีความสุขหรอกยีนส์น่ะ มันทุกข์กว่ามึงเป็นร้อยเท่า และความสุขเดียวของมันที่มีคือการที่มึงยังแคร์มันกับไอ้บินอยู่ แคร์ทุกๆการกระทำของพวกมัน มันเลยพยายามแหย่มึง พยายามหาเรื่องมึง เพราะนี่เป็นสิ่งเดียวที่มันรู้สึกชนะมึง ชนะด้วยการได้ครอบครองควายโง่ๆอย่างไอ้บิน” อาฟหลุดยกยิ้มออกมาตอนที่พูดจบ ก่อนจะส่ายหน้าไปมาแล้วหันมามองผม “ แล้วตอนนี้มึงก็แพ้มันเมด มึงยังคงเป็นเบี้ยล่างให้มัน ทำไมถึงยอมลดตัวไปเป็นเห็บหมาวะ ทั้งๆที่กูยกให้มึงเป็นถึงราชินี ”
“ อาฟ ” ผมได้แต่อ้าปากค้างตอนที่อีกคนเอ่ยด่าออกมาแบบนั้น “ มึงด่ากูแรงไปเปล่าวะ”
“ เรื่องจริงจะแรงอะไร ก็มึงทำตัวเป็นแบบนั้นเอง ยีนส์มันก็เหมือนหมา ส่วนมึงก็เหมือนเห็บหมา ที่ตามติดหมาไปตลอด ไม่ว่าหมามันจะทำอะไร จะบุกน้ำลุยโคลนเห็บหมามันก็ต้องทำด้วย ต่างอะไรกับมึงที่ยังรู้สึกดิ้นตามไอ้ยีนส์ไม่ว่ามันจะทำอะไรวะ ”
ภายในรถกลับมาเงียบอีกครั้ง ผมเถียงไม่ออกแม้ว่าตัวเองจะโดนเปรียบเทียบว่าเป็นเห็บหมาก็ตาม คงเพราะว่าผมคิดว่ามันก็คงจริง ไม่มีอะไรที่อาฟพูดออกกมาแล้วผิดสักอย่าง มันพูดเรื่องจริง ผมยังคงดิ้นตามยีนส์ ผมคิดว่าตัวเองสะใจ ผมคิดว่าตัวเองได้เอาคืน แต่แท้จริงแล้วมันไม่ใช่ ผมแค่ตกลงไปหลุมที่มันขุดอย่างสมบูรณ์แบบ แล้วตอนนี้ก็เหมือนอย่างที่อาฟบอก ยีนส์คงกำลังสมน้ำหน้าผม และคงกำลังคิดเข้าข้างตัวเองว่า ‘ ไม่ว่าเมื่อไหร่ ผมก็ยังคงเจ็บปวดเสมอที่มันแย่งบินไป ’ แม้มันจะไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย
“ ลองคิดดูดีๆ ว่าที่มึงบอกว่า มึงทำแบบนี้มึงสะใจ มึงได้เอาคืน ได้ทำให้มันรู้ว่ามึงไม่ได้งอมืองอเท้าให้มันรังแกอยู่ฝ่ายเดียว จริงๆแล้ว มึงได้อะไรกลับมาบ้าง ลองถามตัวเองว่าที่ทำลงไป มันได้อะไรกลับมา แต่ถ้าคิดไม่ออก สมองยังทึบ ก็ลองหันมามองหน้ากู ” ผมหันไปมองหน้าคนพูดทันที แล้วตอนนั้นอาฟก็พูดแค่สั้นๆ “ สิ่งที่มึงได้ คือมึงทำกูเจ็บปวดเมด มากๆด้วย ”
“ ขอโทษ ” มีเพียงคำนี้ที่พูดออกมา ตอนที่ได้แต่จ้องมองใบหน้านั้นที่เริ่มฉายความเจ็บปวดออกมาทางแววตา สายตาคมเบือนหน้าหนีผม ในตอนนั้นผมก็ทำได้แค่ก้มหน้าลงไม่กล้าแม้จะมองหน้ามันอีก ทุกอย่างในรถเงียบลงอีกครั้ง ผมเหลือบมองมือหนาที่ตั้งอยู่ตรงพวงมาลัยรถ อาฟกำมันไว้แน่น เพราะตอนนี้กำลังพยายามอย่างที่สุดที่จะไม่แสดงสีหน้าเจ็บปวดอะไรออกมาทั้งนั้น
บางทีในมุมนึง ผมเป็นเด็กดื้อ ที่ถูกอีกคนเอาใจและตามใจอย่างที่สุด จนคิดว่าตัวเองจะทำอะไรก็ได้ เป็นเด็กที่ขาดความคิดรอบคอบ เหมือนเด็กที่คิดเอาแค่ความสะใจของตัวเอง โดยไม่ได้หันมองรอบข้าง ไม่ได้สนว่าใครจะเสียใจ สิ่งเดียวที่ผมสนใจเหมือนมีเพียงแค่ใครสักคนที่ซัพพอร์ตความต้องการของผมเพียงเท่านั้น โดยลืมเลือนไปเลยว่า จริงๆแล้ว เราควรมองคนที่เรารักมาเป็นอันดับหนึ่ง ควรมองว่าเค้ารู้สึกยังไง ควรมองว่าเค้าจะเจ็บปวดมั้ย ถ้าเราเผลอทำอะไรสักอย่างออกไป
“ ขอโทษที่เอาแต่ความคิดของตัวเอง ” ผมพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบนั้น ขอบตาของผมร้อนผ่าว น้ำตาเอ่อออกมาคลอเต็มไปหมด แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ยังไม่กล้าจะมองหน้าอาฟ “ ขอโทษที่ไม่ได้คิดถึงมึงเลย ไม่ได้คิดว่ามึงจะรู้สึกยังไงกับการกระทำของกู ขอโทษที่คิดแค่อยากจะเอาชนะ อาฟ กู..”
“ เมื่อคืนตอนที่มึงบอกว่า มาถ่ายรูปกัน กูเผลอยิ้มออกมาเพราะรู้สึกว่าตัวเองกำลังมีความสุขมาก หัวใจกูเต้นแรงสุดๆตอนที่มึงเอียงหัวมาซบกันที่ไหล่แล้วถ่ายรูป ภาพที่มึงบอกว่าสวย ตอนที่เราจับมือกันแล้วมึงตั้งกล้องไว้ข้างหลัง กูอยากเห็นชัดๆ แต่ไม่กล้าจะขอมึงดู เพราะกลัวมึงจะรู้ว่ากูมีความสุขมากขนาดไหนกับการที่มึงแค่ถ่ายรูปของเรา ”
อาฟยิ้มออกมาหลังจากที่พูดประโยคนั้น มันไม่ใช่รอยยิ้มที่มีความสุขอะไร แต่เหมือนเป็นรอยยิ้มที่อีกคนกำลังรู้สึกสมเพชตัวเองเสียเหลือเกินเมื่อคิดถึงความรู้สึกของตัวเองในตอนนั้น
“ กูกลับมาถึงคอนโด กูรีบเปิดไอจีของตัวเองแล้วเข้าไปที่หน้าหลักของมึง กูกดลากลงเพื่อรีเฟรสหน้านั้นเกือบทุกวินาทีเพื่อรอว่าเมื่อไหร่มึงจะอัพภาพ แล้วสุดท้ายมึงก็อัพ มึงอัพภาพแรกของเราด้วยสเตตัสสั้นๆแบบคำว่า ‘ mine ’ ตอนที่เห็นมัน กูหยุดยิ้มไม่ได้เลย กูออกไปหน้าห้อง กูไปแอบยิ้มคนเดียวอยู่ในครัว เพราะตอนนั้นมึงกำลังอาบน้ำ กูกลัวมึงออกมาเห็นแล้วแซวกู ช่วงเวลานั้นกูคิดนะรู้มั้ย ความสุขแม่งไม่ต้องยาวเลย มันสั้นมากๆ แค่คำว่า mine ก็ทำให้คนอย่างกูมีความสุขมากๆแล้ว ”
“ อาฟ..” ผมบีบมือมันที่กำลังจับอยู่แน่น มันไม่ใช่แค่ความรู้สึกผิดอีกแล้ว มันไม่ได้รักษาได้ด้วยคำว่าขอโทษอีก ผมไม่รู้จะพูดอะไรทั้งนั้น ทำได้อย่างเดียวคือร้องไห้ออกมาเพียงเท่านั้น พร้อมกับคำพูดที่กร่อนด่าตัวเองในสิ่งที่ทำลงไป ผมถามตัวเองเป็นสิบๆครั้ง ผมอยากจะตบตัวเองด้วยซ้ำถ้าทำได้
“ ภาพแรกของเราที่มึงอัพ ภาพที่มันจะไม่หายไปเหมือนสตอรี่ที่มึงอัพทุกวัน ภาพที่จะเป็นความทรงจำของเรา ภาพที่บอกกับเราว่า วันนั้นเป็นวันที่เรามีความสุขมาก แต่หลังจากนั้นไม่นาน ยีนส์ก็ส่งข้อความเข้ามาหากู มันแคปภาพไอจีของมัน มาให้กูดู แล้วก็บอกกับกูแค่ว่า ‘ เมียมึงขาดความรักเหรออาฟ ถึงว่างมาอัพรูปประชดกู ’ ”
“ ห๊ะ ? ” ผมเผลอสบถออกมาตอนที่ฟังประโยคสุดท้ายนั้นจบ ขมวดคิ้วมองอีกคนด้วยความรู้สึกนิ่งค้าง “ กูคิดว่ามึงมีไอจียีนส์มึงถึงรู้ แต่นี่มันถึงขั้นสร้างเรื่องสร้างราวให้เราทะเลาะกันเลยไม่ใช่เหรอ ”
“ ก็ใช่ แต่มันจะเกิดมั้ยเมด ถ้ามึงไม่ไปดิ้นตามมัน แต่เพราะมึงดิ้นตามมันไม่ใช่เหรอ มันถึงทำอะไรแบบนั้นได้ ” พยักหน้ารับตามคำพูดของอีกคน อาฟหันมามองผม “ ความสุขกูหายไปนะรู้มั้ย แล้วมึงก็เป็นคนทำให้มันหายไป ”
“ อาฟ ”
“ ตอนที่กูรู้ มันเหมือนกูโดนไม้หน้าสามฟาดใส่หน้า มีคำพูดนึงที่เหมือนใครบางคนตะโกนเข้ามาใส่กูว่ากูมันโง่ คิดว่าเมดจะบอกรักกูจริงๆเหรอ เมดไม่ได้รักกูขนาดนั้นมั้ย ”
“ ทำไมมึงคิดแบบนี้วะ มึงอย่าไปดิ้นตามไอ้ยีนส์มันสิ ไหนบอกกูอย่าไปดิ้น มึงเองก็ดิ้นตามมันเหมือนกัน กูจะไม่รักมึงได้ยังไง กูรักมึงนะอาฟ อย่าคิดอะไรแบบนั้นสิวะ ” หันไปเถียงใส่อีกคนเสียงดัง ผมจับแขนมันไว้แน่นในตอนที่พูดคำพูดพวกนั้น จ้องสายตาที่หันมามองกันก่อนจะซบลงไปหัวไหล่ “ กูจะไม่รักมึงได้ยังไง กูรักมึงมากเลยนะ ถึงกูจะงี่เง่าที่เขียนสเตตัสเหมือนยีนส์เพราะจะประชดมัน แต่ไม่ได้หมายความว่า กูจะเขียนไปโดยไม่ได้รู้สึกอะไร กูรักมึงจริงๆ ไม่ได้เขียนเพราะแค่จะประชด กูเขียนเพราะกูรู้สึกว่ากูเองก็มีมึงเป็นของกูเหมือนกัน อึก จะโกรธกูก็ได้ แต่ขอร้องอย่าคิดว่ากูไม่รักมึงเลย อึก กูรักมึงนะ รักจริงๆนะอาฟ ฮือๆ ”
ผมรู้สึกเจ็บ มันเจ็บยิ่งกว่าอะไรคำพูดอะไรทั้งหมดตั้งแต่ได้ฟังอีกคนพูดมา เจ็บอยู่ในใจจนได้แต่ร้องไห้ออกมาอยู่แบบนั้น ผมบีบแขนของอาฟที่จับไว้แน่น คำพูดที่มีแต่คำว่ารักเบาๆ หลุดออกมาจากปากซ้ำแล้วซ้ำเล่า เข้าใจถึงความรู้สึกของคนที่เสียใจเวลาได้ยินคนที่เรารักบอกว่า เราไม่ได้รัก ทั้งๆที่เรารักเองก็รักเค้ามาก ผมรู้แล้วว่ามันเป็นยังไง
“ เมด ”
“ ขอโทษ ขอโทษจริงๆ กูคิดน้อย กูขอโทษอาฟ แต่กูไม่ได้ไม่รักมึงนะ กูรักมึง กูรักมึงจริงๆ เชื่อกูเถอะ ต่อไปนี้กูจะไม่ทำอีก จะไม่ทำอะไรสิ้นคิดแบบนั้นอีก กูจะไม่ยุ่งวุ่นวายกับยีนส์ จะไม่ตอบกลับอะไรมันอีก ต่อให้มันทำอะไรกู กูก็จะอดทนไม่สนใจ อาฟ.. ”
“ พอแล้วไม่ต้องพูด แล้วก็ไม่ต้องร้องไห้ด้วย ” อีกคนบอกแบบนั้นก่อนจะเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้ผมที่ยังสะอึกสะอื้นอยู่แบบนั้น “ เมื่อคืนกูไม่ได้ตอบอะไรไอ้ยีนส์ เพราะกูจะไม่เดินตามเกมส์ที่มันวางไว้ กูเลือกที่จะคุยกับมึงด้วยเหตุผลเมด กูพูดกับมึงตรงๆ กูไม่ได้โกรธ ”
“ ตอนที่มึงโกรธกูครั้งแรกมึงก็พูดแบบนี้ มึงบอกว่ามึงไม่ได้โกรธแต่มึงไม่คุยกับกูเลย ” อาฟถอนหายใจออกมาตอนที่ผมบอกแบบนั้น “ กูย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว กูขอโทษที่ทำได้แค่ลบรูปนั้น แต่กูทำให้มึงกลับมารู้สึกกับกูเหมือนเดิมไม่ได้อีก กูขอโทษอาฟ ผิดไปแล้วจริงๆ ”
“ คนเราแม่งก็เป็นแบบนี้ทุกคนกันทุกคนสินะ ” อาฟพูดขึ้นมาตอนที่ถอนหายใจออกมาแล้วมองออกไปด้านหน้ารถ “ เราทำผิด แล้วเราก็ขอโทษ กูอธิบายมึงเป็นร้อยเป็นพันว่าทำทำไมตอนที่เราทะเลาะกันแล้วสุดท้ายกูก็จบมันด้วยคำว่า กูขอโทษ ตอนนั้นกูคิดอย่างเดียวคืออยากให้มึงหายโกรธ แต่ตอนนี้พอกูมาเป็นคนที่ต้องฟังคำว่าขอโทษบ้าง กูคิดถึงคำพูดมึงตอนที่มึง ถาม ว่าทำไมถึงพูดแต่คำว่าขอโทษ แล้วกูก็ได้คำตอบว่า แม่งก็พูดได้แต่คำนี้จริงๆ ”
“ อาฟ ”
“ ไม่ต้องพูดขอโทษแล้ว พูดในสิ่งที่กูขอดีกว่า ที่กูขอว่า เพื่อกู อย่าไปยุ่งกับไอ้เหี้ยพวกนั้น มึงทำให้กูได้มั้ย ”
“ ได้ ” ผมบอกมันเสียงหนักแน่น “ กูจะไม่ยุ่งกับพวกมันอีก ”
“ อื้ม ”
“ อย่าโกรธกันเลยนะมึง ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะไม่ทำอะไรแบบนั้น แต่เพราะทำไม่ได้ กูทำอะไรไม่ได้เลย ยกเว้นยอมรับว่ากูผิด กูขอโทษ แล้วกูจะไม่ทำแบบนั้นอีก ” ผมเช็ดน้ำตาตัวเองที่เริ่มไหลออกมาอีกครั้ง อาฟที่หันมามองหน้ากัน
“ กูไม่โกรธมึงหรอกเมด เพราะกูจะไม่ดิ้นตามเกมส์ของไอ้ยีนส์มัน แต่กูแค่เสียใจ ที่เผลอไปดีใจกับรูปของเราที่มีมึงลง ”
“ ขอโทษ ”
“ เลิกพูดได้แล้ว ใกล้เวลาเข้าเรียนแล้วมึงเองก็ควรลงไปเรียน ” เชิดหน้าไปทางตึกคณะของผม ถอนหายใจออกมาตอนที่อีกคนพูดแบบนั้นผมก็เอาแต่นั่งนิ่ง ไม่อยากจะไปเรียนเลย ตอนนี้สมองผมไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ในใจมันอัดแน่นไปด้วยความไม่สบายใจ ผมรู้ว่าอาฟยังเสียใจ ยังโกรธ แต่ผมเองก็ทำอะไรไม่ได้ยกเว้นยอมรับว่าตัวเองผิด
“ แต่ว่า..”
“ กูไมได้ขับรถมาเพื่อพามึงกลับไป มันเปลืองน้ำมัน ”
“ โดดสักคาบไม่เป็นไรหรอกมั้ง กูไม่สบายใจอะมึง เราเป็นแบบนี้จะให้กูไปเรียนได้ไง ”
“ มึงทำอะไรไม่ได้เมด ยกเว้นปล่อยให้เวลามันรักษาความรู้สึกของกู มันเกิดขึ้นแล้ว มึงก็ทำเท่าที่ทำได้นั่นคือการขอโทษ จะให้กูรู้สึกดีขึ้นมาฉับพลันโดยไม่รู้สึกอะไรมันไม่ได้หรอก เพราะกูยังเจ็บ แต่เดี๋ยวมันก็หาย ”
“ กูสามารถทำให้มันหายเร็วๆได้มั้ย มีวิธีไหนบ้างวะ ไม่อยากจะให้มึงเจ็บเลย ไม่อยากให้มึงเป็นแบบนี้ ”
“ ทีหลังก็คิดให้มากๆ จะได้ไม่ต้องมานั่งร้องไห้แล้วบอกกูว่า ไม่อยากให้กูเป็นแบบนี้ทั้งๆที่มึงก็ทำมันไปแล้ว ”
“ ขอโทษ ”
“ ลงไปเรียนไป ” อาฟเอ่ยปากไล่อีกครั้ง “ กูก็จะไปเรียนเหมือนกัน ” มองตามคนที่ไม่ว่ายังไงก็ยังคงยืนยันคำพูดนั้น ผมได้แต่ถอนหายใจออกมาเพราะถอดใจจะดึงดันทุกอย่างให้ไปต่อก่อนจะพยักหน้ารับกับอีกคน
“ กูไปก็ได้ ”
“ ให้ไปเรียน แล้วเดี๋ยวจะมารับกลับ ไม่ได้ให้ไปไหนไกลเข้าใจมั้ย ”
“ อื้อ รู้แล้ว กูไม่ไปไหนหรอก ไม่อยากไปไหนแล้ว ” มือหนาเอื้อมมือมาลูบหัวอีกคนขยี้เบาๆ แต่มันไมได้ทำให้จิตใจของผมรู้สึกดีขึ้นมาเลยสักนิด ในใจของผมอยากจะคืนดีกับอีกคนเร็วๆ ทั้งที่ก็รู้ดีว่า สิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม คือเวลา และการทำตัวเองให้ดีขึ้น เหมือนอาฟที่ทำให้ผมหายโกรธเพราะมันก็ลดความปากหมาใจร้อนนั่นลงไปเยอะ
“ เดี๋ยว ” อาฟจับแขนผมตอนที่กำลังจะเปิดประตูรถลงไป “ ทำหน้าให้มันดีๆ อย่าให้ไอ้ยีนส์รู้ว่าแผนที่มันอยากจะให้เราทะเลาะกันมันสำเร็จ ”
“ กูไม่มีแรงจะเชิดหน้าหรอกอาฟ ” ผมหันไปบอกอีกคน “ ช่างมันเถอะ กูไม่อยากจะสนใจอะไรอีกแล้ว ต่อให้มันสมน้ำหน้ากู ต่อให้มันหัวเราะสะใจกู กูก็ไม่แคร์แล้ว ”
“ นี่ประชด ? ”
“ เปล่าเลยยยย ” ผมลากเสียงด้วยความรู้สึกเหนื่อยอ่อน จิตใจมันไม่ไหวแล้วตอนนี้ถ้าทำได้ผมแค่อยากจะกลับไปที่คอนโดชวนอาฟนอนลงบนเตียงแล้วกอดอีกคนไว้แบบนั้น กอดจนกว่าอีกคนจะหายโกรธแล้วกลับมารู้สึกกับผมเหมือนเดิม แต่เพราะทำไม่ได้ ก็เลยอยากจะติดทุกอย่างที่ทำให้รู้สึกหนักใจออกไปให้หมด มันพอแล้ว ผมไม่อยากจะแบกอะไรอีก ใครอยากจะคิดอะไรก็ให้เค้าคิดไป เราห้ามอะไรไมได้อยู่แล้ว โดยเฉพาะคนแบบยีนส์ “ มึงดูตากูก่อน บวมขนาดนี้ใครจะไม่รู้บ้างว่าร้องไห้มา แล้วกูคิดว่าถ้ากูลงไปทำหน้าเชิดๆ เหมือนไม่มีอะไรคนแบบยีนส์ก็ยิ่งได้ใจ แล้วก็สมเพชมากกว่าเดิม แล้วอีกอย่าง มึงบอกเองว่าให้เลิกใส่ใจมัน เพราะงั้นเราก็ควรมองข้ามมันไป ไม่ต้องสนว่ามันรู้สึกยังไงจริงมั้ย ”
“ อื้ม ” อาฟตอบเสียงเบา ผมเองที่มองหน้ามันอยู่แบบนั้นสักพักก่อนจะดึงตัวเองยืดขึ้นหอมแก้มอีกคนที่ก็แค่ปรายตามามองกัน
“ ไปนะ แล้วเจอกัน ”
ปิดประตูรถเรียบร้อยผมยืนนิ่งมองอีกคนจนกระทั้งรถคันนั้นขับออกไปจากหน้าตึกคณะ ผมหันตัวกลับมาเดินเข้าตึกเรียน กดลิฟต์เตรียมขึ้นไปชั้นบน แล้วในระหว่างรอก็เผลอถอนหายใจออกมากับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ผมนวดขมับตัวเองด้วยความปวดหัวเพราะเมื่อครู่ก็ร้องไห้มาอย่างหนัก
“ อ้าว เมด ” เสียงของจิงที่เอ่ยทักผม มันยิ้มให้กันผมก็นิ่งไปสักพัก่อนยิ้มตอบกลับไป “ เป็นอะไรวะ หน้าตามึงดูไม่ดีเลย ”
“ ทะเลาะกับอาฟ ” ไม่รู้ทำไมผมถึงบอกออกไปตรงๆแบบนั้น แต่มันไม่อยากจะปิดอะไรแล้ว ผมเหนื่อยจะสร้างเรื่องราวปิดบังความจริงที่เกิดขึ้น เพราะยิ่งทำก็ยิ่งรู้สึกตัวเองน่าสมเพช
“ มึงไหวนะ ”
“ เพราะเพื่อนซี๊มึงนั่นแหละ กัดกูไม่ปล่อยเลย ”
“ มันทำอะไร ” ผมยกยิ้มขึ้นมาตอนที่อีกคนถามกลับมา ผมกำลังขบขันตัวเองที่อยู่ๆกลับกำลังจะอ้าปากเล่าเรื่องทั้งหมดให้คนของไอ้ยีนส์ฟัง ทั้งๆที่ก็รู้ว่าพอเอ่ยเล่าไปมันก็ต้องเอาไปเล่าต่ออีกคนแน่ๆ
“ กูต้องเล่าด้วยเหรอวะ มึงไม่ได้วางแผนนี้กับไอ้ยีนส์หรอกเหรอ ”
“ แผนอะไรกูไม่รู้เรื่อง ” จิงตีหน้างง ผมไม่รู้มันพูดจริงหรือเล่น จิงเป็นคนคบไม่ได้ตั้งแต่วันนั้นสำหรับผม แต่ถ้าให้พูดจริงๆ ก็คงต้องบอกว่าผมไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น ตั้งแต่เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในชีวิต
“ เดี๋ยวยีนส์ก็เล่ามึงด้วยความสะใจเองนั่นแหละ มึงรอฟังเถอะ ฟังจากกูมันไม่สนุก ไอ้ยีนส์เล่าน่าจะสนุกกว่า ”
“ เมด ” อีกคนพูดเสียงเบา “ เป็นห่วงมึงจริงๆ มีอะไรก็พูดกับกูได้ กูไม่บอกยีนส์หรอก ”
“ จิง กูแม่งจะเชื่อมึงได้ยังไงวะ ” ผมหันไปถามอีกคนยิ้มๆ “ มึงคิดก่อนสิวะ จะพูดอะไรน่ะ กูไม่เชื่อมึงหรอก มึงทำกับกูขนาดนี้กูจะไปเชื่อมึงได้ยังไง ”
“ ก็จริงของมึง ” อีกคนถอนหายใจออกมาก่อนจะก้มหน้าลง แล้ววินาทีนั้นผมก็เห็นรอยแดงที่คอของอีกฝ่าย และด้วยความปากไว ผมก็หลุดถามออกไป
“ มึง มีแฟนแล้วเหรอ ”
“ บ้า ไม่มี มึงคิดอะไรอย่างงั้น ใครมันจะมาสนใจกู ” ส่ายหน้าปฎิเสธให้กันผมก็ชี้ที่คอของผมเพื่อตอบคำถามที่อีกฝ่ายถามว่าทำไมคิดอะไรแบบนั้น ผมรู้สึกจิงหน้าซีดขึ้นฉับพลัน มันกลืนน้ำลายก่อนจะตั้งปกคอเสื้อนักศึกษาที่ใส่มาเพื่อปิดมันไว้ก่อนจะยิ้มให้ผม “ ยุงกัดน่ะ ”
“ อื้ม ” ตอบแบบนั้นก่อนจะเดินเข้าไปในลิฟต์ตัวที่มาถึงพอดี