ตอนที่30
ครอส talk
“เด่นตลอดเลยนะมึง”นั่นคือคำแรกที่ไอ้ป๋าเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นผมเดินเข้าไปในคลาสตอนเช้า
ผมยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจเพราะรู้ว่ามันพูดถึงเรื่องไหน ข่าวลือที่ผมมั่นหน้ายืนแหกปากกลางโรงอาหารวิศวะแพร่สะพัดไปทั่วมหาลัยอย่างรวดเร็ว”ถ้ากูไม่ทำแบบนั้นไอ้เจอร์ก็ต้องอยู่คนเดียวต่อไปเรื่อยๆ”
“แล้วกับเพลินไปถึงไหนแล้ว”
“ก็ไม่ถึงไหน รักกันเรื่อยๆ”
“หมั่นไส้ว่ะ”
“หาแฟนสักคนสิ”
“อยากได้แบบแฟนมึงอ่ะ ติดต่อให้หน่อย”
“เช้านี้มึงกินข้าวยัง แดกตีนกูไหม?”
“ขี้หวงสัสๆ ว่าแต่เย็นนี้ว่างปะ พวกภูชวนไปปั่นจักรยานเล่นที่สวนรถไฟ”ผมส่ายหน้าทันทีที่ไอ้ป๋าผู้หน้าตาไม่บอกยี่ห้อเลยว่าเป็นคนรักสุขภาพกล่าวชวน มันขมวดคิ้วอย่างเอะใจ”มีเดท?”
“แน่น๊อน~”
“ไอ้ห่าทีอย่างงี้ล่ะยิ้มหน้าระรื่นเชียวนะมึง เมื่ออาทิตย์ก่อนยังโดดเรียนเป็นว่าเล่นทำตัวจะดราม่าจะเป็นจะตายเดือดร้อนกูต้องช่วยตามงาน”
“ฮ่าๆๆๆๆ”ผมหัวเราะอย่างไม่สำนึกในพระคุณเพื่อนแต่อย่างใด ของอย่างนี้ทีใครทีมันครับ ตอนเปิดเรียนใหม่ๆมันก็เคยโดนเรียนไปเฝ้าสาวนิเทศแทบทุกวันก็ได้ผมนี่แหละช่วยเช็คชื่อช่วยตามงานให้
สถานที่เดทของผมกับเพลินเป็นสถานที่โคตรเบสิคเลยครับ
ห้างสรรพสินค้า แถมยังเป็นห้างเดิมที่พวกพี่ดาวเดือนเคยพามาเลี้ยงซะด้วย
เพลินให้เหตุผลว่าเขาไม่ชอบไปเดินที่ร้อนๆ แต่เอาเข้าจริงๆผมว่าเพลินแค่อยากได้ปากกาใหม่เฉยๆเพราะพอเดินทางมาถึงเขาก็ตรงดิ่งไปยังร้านเครื่องเขียนเจ้าเก่าทันที
“เพลิน~”ผมยืนเกาะชั้นวางของเอ่ยเรียกคนที่ตั้งอกตั้งใจเลือกสมุดโน้ตเล่มเล็กๆอยู่
“หือ?”โอเค อย่างน้อยก็มีสัญญาณตอบรับ ถึงจะไม่เงยหน้าขึ้นมาสบตาก็ตาม
“ปากกาที่ซื้อให้วันนั้นอยู่ไหนเหรอ?”ผมหมายถึงปากกาลายไม้กางเกงที่ผมซื้อให้เป็นของแทนใจเมื่อครั้งกระโน้นนนนน เมื่อเรายังไม่รักกัน
“อยู่ในลิ้นชัก”
อื้อหือ ขนาดในกล่องดินสอยังไม่ได้เข้าไปอยู่ ปากกาแทนใจของผมมันไร้ค่าขนาดนั้นเลยเหรอ เดาว่าผมคงแสดงออก
ว่า’เสียใจ’ชัดไปหน่อยเพลินจึงวางมือจากของที่เลือกอยู่ ฝ่ามือนุ่มๆของร่างโปร่งยีหัวผมอย่างเอ็นดู
“ถ้าเอามาใช้หมึกมันจะหมดลายมันจะลอก เก็บไว้อย่างดีเลย ไม่น้อยใจเน๊อะ”
“ไม่ใช่ว่าตอนนั้นรับไปแบบไม่เต็มใจเลยโยนเข้าลิ้นชักไปส่งๆ พอนานเข้าเลยลืมซะสนิทหรอกนะ”
“แฮ่ๆ...”ยิ้มแหยแบบนี้สรุปว่าใช่สินะ มันน่าน้อยใจนัก ผมยกมือดึงแก้มของคนตรงหน้าอย่างมันเขี้ยว คนถูกแกล้งสะดุ้งน้อยๆ
เหลือบตามองลูกค้าคนอื่นในร้านอย่างนึกระแวง
“โทษที เพลินมือไปหน่อย เลือกของต่อเถอะ”เมื่อเห็นการแสดงออกอย่างนั้นผมจึงลดมือลงอย่างช่วยไม่ได้ เพลินคงไม่อยากให้ผมแสดงความรักในที่สาธารณะ
“เห้ย ไม่ใช่นะ ไม่ได้ไม่ชอบที่ทำแบบนั้น เมื่อกี้แค่...เขิน...”
น่ารักสัส
หน้าเพลินแดงนิดๆ เขายืนเลือกของอีกไม่นานก็เดินไปจ่ายเงิน ทีแรกผมก็ตั้งใจจะออกเงินให้แต่โดนดุกลับมาว่าเป็นแฟนไม่ได้เป็นขอทานเอาไว้มีของที่อยากให้จริงๆค่อยซื้อให้ก็พอ
“เออ เรื่องคอนเสิร์ตที่บอกเมื่อคืนอ่ะ คงไปดูไม่ได้นะเพราะเพื่อนใช้ให้ยืนเฝ้าหน้างาน”ระหว่างเดินเตร่ดูของไปเรื่อยๆเพลินก็หันมาบอก คอนเสิร์ตที่ว่าคือคอนเสิร์ตหาเงินเข้าคณะของ หมอ ทันตะ และเภสัชจัดร่วมกันครับ สถานที่จัดก็ยิมในมหาลัยนั่นแหละ เมื่อคืนเพลินแชทมาชวนผมก็ตอบตกลงไปแล้ว
“ต้องยืนเฝ้าคนเดียวรึป่าว ให้ไปอยู่เป็นเพื่อนไหม?”
งานนี้เขาจะจัดกันคืนหลังสอบปลายภาคจบพอดี เรียกว่าเป็นงานปล่อยผีดีๆนี่เองเพื่อนในคณะผมเองก็ชวนให้ไปด้วยอยู่
“น่าจะโดนใช้ให้ยืนขายตั๋วรอบเก็บตกหน้างานนะ พวกแม่แก้วคงอยู่ด้วยไม่เป็นไรหรอก”
“เหรอ...”ผมรับคำแบบไม่เต็มใจนัก อารมณ์ของคนติดแฟนมันก็อยากอยู่ด้วยกันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง จะให้ผมโดดเย้วๆอยู่ในคอนเสิร์ตในขณะที่เพลินยืนตากยุงงกๆเงิ่นๆอยู่นอกยิมได้ยังไง
เอาไว้พอถึงเวลาค่อยยืนเนียนช่วยขายละกัน
“อย่าลืมที่บอกไว้นะ อย่าไปซื้อตัวจากคนอื่นเด็ดขาดเข้าใจไหม แวนมาขายก็ห้ามซื้อ! บอกเพื่อนด้วยว่าต้องซื้อจากเพลินเท่านั้น เข้าใจ๊?”คนดีของผมเดินไปย้ำคำไป
“คร้าบๆ~ เดี๋ยวเหมาคนเดียว 50ใบเลยครับ”
“เว่อร์!”
ไอ้งานคอนเสิร์ตดังกล่าวเขาบังคับให้เด็กในคณะต้องขายให้ได้อย่างต่ำคนละห้าใบครับ
ส่วนดาวเดือนต้องขายให้ได้คนละห้าสิบใบ
เพลินกลัวขายไม่ออกเลยรีบมายัดผมไว้ก่อน
ใช่สิ...ผมมันสำคัญเฉพาะเวลามีเรื่องเดือดร้อนหนิ -3-
ผมแอบบ่นอุบอิบในใจส่วนสายตาก็ลอบมองท้ายทอยของคนน่ารักที่เดินนำอยู่ไม่วางตา ต้นคอขาวๆมีเส้นผมสีเข้มปรกลงมาละไปมาตามจังหวะย่างก้าว
อยากงับจัง
เมื่อกี้บอกเองว่าไม่ห้ามเรื่องแสดงความรักในที่สาธารณะใช่ป่ะ
กึก!
ขณะที่สมองเสื่อมๆของผมกำลังคิดเรื่องลวนลามแฟนตัวเองเพลินก็หยุดเดินผมที่เดินไม่ดูทางเกือบชนร่างบางเข้า ทีแรกนึกว่าเผลอทำหน้าหื่นจนโดนจับได้ทว่าสายตาของเพลินไม่ได้ตวัดมองหน้าผมอย่างเคืองๆ
สิ่งที่เพลินจดจ้องอยู่ก็คือ...ร้านเครื่องประดับ?
ร้านดังกล่าวเป็นบูทเล็กๆขายพวกเครื่องประดับแนวๆ ต่างหูสีดำ แหวนรูปหัวกะโหลก สร้ายคอพังค์ มีบริการเจาะลิ้น ระเบิดหูอะไรประมาณนั้น ผมขมวดคิ้วมองคนที่ไม่ว่าจะมองยังไงก็ไม่เหมาะกับร้านนี้สักนิด
“จะเจาะหูเหรอ?”ผมเอ่ยทักสิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดอย่างไม่มั่นใจ
“เปล่า อยากได้แหวน เข้าไปดูได้ไหม”ผมพยักหน้าและเดินตามแฟนแบบว่าง่ายตามประสาผู้ชายช้างเท้าหลัง(?)ที่ดี
“ถามได้จ้า”พี่สาวพยักงานมาดสก๊อยส์เกิร์ลกล่าวต้อนรับ ตัวเธอนั่งอยู่อีกฝากของตู้กระจก เพลินของผมก็ก้มๆเงยๆมองหาแหวนวงที่ถูกใจอยู่สักพักนิ้วเรียวก็ชี้ไปยังแหวนเงินวงเกลี้ยงไร้ซึ่งลวดลายใดๆวงหนึ่ง
“ขอดูอันนี้ครับ”
“นี่จ่ะ เงินแท้ 92เปอร์เซ็นต์”เจ๊พนักงานขายหยิบออกมาวางให้ยลโฉมใกล้ๆ
เพลินพิจารณาแหวนอย่างตั้งอกตั้งใจ ส่วนผมก็พิจารณาใบหน้าตั้งอกตั้งใจ’เกินไป’ของเพลินอย่างตั้งใจเช่นกัน
คนอย่างเพลินเนี่ยนะใส่แหวนเงิน?
ที่สำคัญทำไมต้องตั้งใจขนาดนั้น
“มีแบบแหวนคู่ไหมครับ”
“!?”ผมเลิกคิ้วอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ร่างบางข้างกายผมกำลังรับบรรดาแหวนคู่สีเงินไม่มีลวดลายจากเจ๊พนักงานขายไม่สนใจอาการตกใจของผมสักนิด
เพลินซื้อแหวนคู่!! แสดงว่าซื้อคู่กับผมน่ะสิ!!
โอ๊ยยยย ไม่คิดว่าจะมีมุมน่ารักกุ๊กกิ๊กแบบนี้ด้วย ที่ไม่ยอมหันมามองหน้าผมตั้งแต่เข้าร้านมาเพราะอายใช่ไหม ยิ่งคิดยิ่งอยากลากมาขบๆงับๆต้นคอเป็นรางวัล
“สลักอักษรอะไรด้วยไหมคะ”
“เอาครับๆ วงเล็กเขียนตัว C วงใหญ่เขียนตัว P นะครับ”
พวกเราเดินเล่นรอสักพักของที่สั่งก็ได้ ผมพาเพลินมานั่งในลานน้ำพุเพื่อแกะแหวนดูด้วยความตื่นเต้น อารมณ์ป็อปปี้เลิฟพรุ่งพร่านสุดๆ ผมก็บ้าตื่นเต้นหนักกว่าเพลินอีกยิ้มไม่หุบตั้งแต่เดินออกจากร้านมา ทำตัวเหมือนเพิ่งมีแฟนคนแรก หึหึ ก็คนนี้พิเศษกว่าคนไหนๆนี่นะ
“อะนี่”เพลินยื่นแหวนทาสลักตัว ‘P’ ให้ผมก่อนจะสวมแหวนลาย ‘C’ ของตัวเองเข้าที่นิ้วกลางข้างขวา
แหม...ถ้านิ้วนางข้างซ้ายมันมากไปก็ขอนิ้วนางข้างขวาก็ยังดี
“ทำไมถึงให้กูวงนี้ล่ะ กูชื่อครอสนะ อักษรย่อก็ต้องตัว C สิ”รู้เหตุผลอยู่แล้วแต่อยากได้ยินจากปาก ผมกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างได้ใจเมื่อคนข้างกายไม่ยอมตอบเอาแต่เบี่ยงหน้าแดงๆหลบสายตาผม
เอาวะ คนซื้อไม่ยอมบอกกูบอกเองก็ได้
“เวลาไม่ได้เจอหน้าก็ให้มองแหวนที่มีชื่อย่อของอีกฝ่ายอยู่ให้หายคิดถึงใช่ม้า~ เป็นของแทนใจ?”
“ถ้ารู้อยู่แล้วจะถามทำไมเล่า! ไอ้บ้า...”เพลินบ่นงุบงิบใหญ่เลย ฮ่าๆๆ
“ไม่ถามจะเห็นหน้าเขินๆของเพลินเหรอ”
“พอเลย! เลิกหยอดสักที”คนหน้าแดงหันมาตีไหล่ผมเบาๆ สะบัดหน้าแบบงอนๆอายๆไปอีกทาง”เพราะของแทนใจที่บางคนเคยซื้อให้เป็นแค่ดินสอกิ๊กก๊อกไงเลยต้องลำบากซื้อใหม่!”
“อ้อ...นี่คือของไถ่โทษที่เอาปากกูของกูไปทิ้งขว้างให้ฝุ่นจับสินะ”
“ก็มัน...ก็จริงแหละ...”นั่นไงกูว่าละ อยู่ดีๆเพลินคงไม่มาหวานใส่แบบไม่มีเหตุผลหรอก คิดแล้วก็น้อยใจนะ มีแฟนเย็นชา”...แต่...ก็คิดไว้ว่าจะซื้อแต่แรกแล้ว แต่ไม่ใช่วันนี้...”
น่ารัก...วันนี้ในหัวผมมีคำนี้ผุดขึ้นมากี่รอบแล้วเนี่ย
ผมระบายยิ้มหวาน ยิ้มแบบนี้แล้วเพลินชอบเขินผมตลอดผมเลยยิ้มแบบนี้ให้เขาตลอด และตั้งใจว่าจะยิ้มแบบนี้ให้แค่เขาเท่านั้น
“ใส่นิ้วนางแทนไหม”อาศัยจังหวะอายขอเปลี่ยนนิ้วแบบเนียนๆ
“ไม่!!”แต่ไม่สำเร็จ
เออ นิ้วกลางก็นิ้วกลาง ผมสวมแหวนวงนั้นเข้านิ้วกลางข้างขวาตามอีกคนแต่กลับโดนห้ามซะงั้น
“เดี๋ยวก่อน...คือ ใส่ข้างซ้ายสิ...”
ทำไมวะ
ผมยอมทำตามแบบงงๆ
แต่พอได้รับคำเฉลยก็ต้องยิ้มแก้มแทบปริ
“...เวลาจูงมือ...มันจะได้อยู่ข้างกันไง...”
เหี้ยยยยยยยยยยย
แฟนกูน่ารักสัสๆ
...................................................
ตอนต่อไปของแวนเคสนะเออออ >3<