[จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI ประกาศ (26/05/61)#หน้า14
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI ประกาศ (26/05/61)#หน้า14  (อ่าน 70174 ครั้ง)

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ Laliat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
รอตอนต่อๆค่ะ กำลังเข้มข้นเลย :pig4:

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
ลึกลับซับซ้อนจัง :เฮ้อ:

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0


ตอนที่ 28

เรื่องราวในอดีต (2)

 

สามสิบห้าปีก่อน

ชายวัยกลางคนสองคนเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องห้องหนึ่งพร้อมกัน  ในมืออุ้มเด็กน้อยน่ารักน่าชัง  คนหนึ่งอายุได้เพียงสี่เดือน  อีกคนอายุได้เพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น  เขาทั้งสองต่างก็ส่งยิ้มให้กันพร้อมกับชะเง้อมองเด็กในอ้อมแขนของอีกฝ่าย

“หลานชายผมใช่ไหมพี่   หน้าตาน่ารักจังเลย”

‘ไกรศร’ บุตรชายคนที่สองของตระกูล ‘อสังหา’ เอ่ยชมหลานชายของตัวเอง  ถึงแม้หลังจากวันที่หลานชายคนนี้คลอดได้ไม่นาน  เขาจะได้ไปเยี่ยมหลานและพี่สะใภ้ที่บ้านก็ตาม  แต่นั่นมันก็ตอนที่เด็กน้อยเพิ่งลืมตาดูโลกได้แค่หนึ่งอาทิตย์เท่านั้น  เวลาผ่านไปจนเด็กคนนี้อายุสี่เดือน  หน้าตาก็เริ่มน่ารักน่าชังมากขึ้น

“ลูกของแกก็ใช่ย่อยซะเมื่อไหร่  หน้าเหมือนแกตอนเด็กๆเปี๊ยบ”

“ฮ่าๆๆ  ก็เจ้านี่มันเชื้อผมนี่นา”

‘ไกรเทพ’ บุตรชายคนที่หนึ่งของตระกูลยิ้มหยอกล้อกับลูกของน้องชายบ้าง  แต่เด็กน้อยเพิ่งอายุได้เพียงหนึ่งเดือนจึงยังไม่ค่อยจอบสนองกลับมากนักต่างจากลูกของเขาที่นอนลืมตาอยู่ในอ้อมแขนนิ่ง  แต่ก็มียิ้มตอบกลับบ้างตามประสาเด็กน้อย

“เข้าไปหาคุณพ่อกันเถอะครับ”

แล้วสองหนุ่มก็พากันเปิดประตูเข้าไปหาชายสูงวัยคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนรถเข็นในสภาพไม่ค่อยจะมีเรี่ยวแรง  มีพยาบาลคอยประกบอยู่ตลอดเวลา

“คุณพ่อครับ  พวกเรามาแล้ว”

ไกรเทพตรงเข้าไปหาผู้เป็นพ่อ  ทั้งสองนั่งพับเพียบลงกับพื้นตรงหน้าบิดาเพื่อให้ชายสูงวัยที่อยากเห็นหน้าหลานใจจะขาดได้เห็นหลานทั้งสองอย่างชัดเจน

“หลานปู่…”

เสียงแห้งแหบพร่าเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ  น้ำตาปริ่มดีใจที่ได้เห็นเด็กน้อยทั้งสองคนเสียที  เพราะร่างกายอ่อนแอทำให้ไม่สามารถออกไปไหนได้  จึงต้องรอให้ลูกๆหาเวลาว่างมาหาเอง  การได้เห็นหน้าหลานชายทั้งสองคนในวันนี้จึงทำให้เขามีความสุขมาก

“คนไหนชื่ออะไรกันบ้างล่ะ”

“ลูกชายของผมชื่อจักรวาลครับพ่อ”

ไกรเทพตอบเป็นคนแรก  บิดายิ้มรับและรู้สึกว่ามันเป็นชื่อที่ดีทีเดียว

“ส่วนลูกผมชื่อกวินทร์ครับ  เป็นชื่อของพี่ชายภรรยาที่เสียไป  ภรรยาผมรักพี่ชายมาก  เธอเลยอยากตั้งชื่อลูกให้เหมือนชื่อของพี่ชายน่ะครับ”

“อื้อ  ก็ดีนะ  พี่ชายของเมียแกก็เป็นคนดี  ใจดีแล้วก็มีเมตตา  เมื่อก่อนพ่อเคยเจอเขาตามงานอยู่เหมือนกัน  พนักงานรักเขากันทั้งนั้น”

“ครับ  ผมก็หวังจะให้กวินทร์โตมาเป็นเด็กแบบนั้นเหมือนกัน  แม่เขาก็ใจดี  รักโลก  รักสัตว์  รักทุกอย่างบนโลกใบนี้เลย  ถ้าเด็กคนนี้ได้เชื้อแม่มา  ผมคงมีความสุขมาก”

“เชื่อเมียแกคนเดียวได้ยังไง  ต้องได้เชื่อแกด้วยสิ  แกมันเป็นคนรักพี่รักพ่อ  รู้จักตอบแทนบุญคุณคนที่เขาดีกับแก  นั่นน่ะ  ข้อดีของแกเลยนะ  ต้องให้เจ้ากวินทร์มันสืบทอดนิสัยนี้ของแกไปด้วย”

ไกรเทพเอ่ยชมน้องชาย  เขารักและเอ็นดูน้องชายคนนี้มาก  พอๆกับน้องชายของเขาที่รักและเคารพพี่ชายของตัวเองมากกว่าใคร  สายสัมพันธ์ของพี่น้องจึงแน่นแฟ้นและไม่มีทางตัดขาดกันได้  มันคือสิ่งที่พวกเขาคิดมาตลอด

“ว่าแต่  แกไม่โกรธพ่อใช่ไหมไกรศร  ที่ยกทรัพย์สมบัติเกือบทั้งหมดให้เป็นของพี่แกรวมถึงตำแหน่งประธานบริหารน่ะ”

“ไม่เอาน่าคุณพ่อ  ทำไมถามแบบนี้ล่ะครับ  ถึงพี่จะเป็นประธาน  แต่รองประธานก็คือผมอยู่ดี  อีกอย่าง…พี่ก็ไม่ได้มาแย่งไปสักหน่อย  แต่เพราะพระเจ้าท่านทรงเลือกแล้วว่าพี่ชายผมควรจะได้  ถึงได้ดลบันดาลให้พี่ชายมีลูกได้ก่อนผมยังไงล่ะครับ”

ไกรศรยิ้มไปพูดไป  ไม่ได้มีความแค้นหรือความไม่พอใจใดๆที่ตำแหน่งผู้สืบทอดกลายเป็นของพี่ชาย  เพราะก่อนหน้านี้คุณพ่อของพวกเขาได้ประกาศเอาไว้แล้วว่าคนที่มีทายาทก่อนจะได้รับมรดกและตำแหน่งประธานบริหารไป  สองพ่อลูกยิ้มให้กันโดยไม่ทันได้สังเกตเลยว่าไกรเทพเริ่มหน้าซีดเผือด  เหมือนเขากำลังปิดบังอะไรเอาไว้!

 

พลั่ก!

“โอ๊ย!”

‘กวินทร์’  เด็กน้อยวัยหกขวบเรียนอยู่ชั้นอนุบาลสามร้องลั่นเมื่อถูกเพื่อนที่ตัวใหญ่กว่าแกล้งผลักจนล้ม  ที่หัวเข่าถลอกมีเลือดไหลซิบออกมา

“ฮ่าๆๆ สมน้ำหน้า  ไอ้ตุ๊ด  แบร่ๆๆ  ไอ้ตุ๊ด!”

“ฮึก… ผม…ผมไม่ใช่ตุ๊ดนะ  ฮึก…”

กวินทร์สะอึกสะอื้น  เขาตัวเล็กกว่าเด็กรุ่นเดียวกันและยังบอบบางอ้อนแอ้นจึงมักถูกล้อเลียนว่าเป็นตุ๊ดอยู่เสมอ  เป็นเพราะเขาชอบอยู่กับแม่มาก  จึงมักติดนิสัยอ่อนโยนและนิสัยทั่วไปของผู้หญิงมาพอสมควร

“ไม่ใช่ตุ๊ดแล้วทำไมใช้ผ้าเช็ดหน้าสีชมพูล่ะ!”

“ก็…ก็…คุณแม่บอกผมว่าสีชมพู  ฮึก…เป็นสีของความอ่อนโยน  ฮึก  นี่ครับ”

“ลูกแหง่ติดแม่นี่หว่า  ว้ายๆ ลูกแหง่ติดแม่  ไอ้ตุ๊ดติด…!”

พลั่ก!!!

ร่างของเด็กตัวโตที่กำลังล้อเลียนกวินทร์ปลิวไปไกลด้วยลูกกระโดดถีบคาขู่ของเด็กน้อย ‘จักรวาล’ ที่ไม่รู้มาตั้งแต่เมื่อไหร่

“จะ…จักรวาล”

“ไอ้จักรวาลมา  เผ่นเว้ย!”

บรรดาเด็กน้อยขาโจ๋ทั้งหลายรีบวิ่งหนีทันทีเมื่อจักรวาลมาถึง  เป็นอันรู้กันว่าใครก็ตามที่มาแกล้งให้กวินทร์  ญาติผู้น้องของเขาต้องร้องไห้จะต้องโดนตามเอาคืนเป็นสิบเท่า

“ขอโทษที่ฉันมาช้านะวินนี่  เจ็บไหม”

“อื้อ  ไม่เป็นไรครับ  ขอบคุณนะครับที่มาช่วยผมอีกแล้ว”

“โอ๋ๆ  ไม่ร้องนะ  วินนี่แสนมาดแมน”

เด็กน้อยผมสีดำขลับเหมือนนัยน์ตาวางมือลงบนเส้นผมสีน้ำตาลนุ่มของกวินทร์  น้ำตาที่เคยไหลก่อนหน้านี้หยุดไหลในทันที

“ผมแมนเหรอครับ”

“แมนสิ  เพราะนายไม่เคยวิ่งหนีพวกที่มาแกล้งนายเลยไงล่ะ  ถึงจะสู้ไม่ได้แต่ก็ไม่เคยหนี  วินนี่น่ะแมนสุดๆไปเลย” 

“จักรวาลก็เก่งสุดๆไปเลยเหมือนกันครับ”

“อื้ม  ฉันต้องเก่งเพื่อจะได้ปกป้องนายจากพวกเด็กเกเรไง  คุณพ่อกับคุณอาบอกว่าพวกเราเป็นพี่น้องกัน  เราเกิดไล่ๆกัน  แล้วตอนนี้เราก็เรียนชั้นเดียวกัน  เพราะงั้นพวกเราเลยกลายเป็นเพื่อนกันไปด้วย”

“สรุป…พวกเราเป็นอะไรกันครับ  ผมชักจะงงแล้ว”

“เดี๋ยวก่อนนะ  ขอฉันนึกก่อน”

จักรวาลทำแก้มป่อง  ย้อนคิดถึงคำพูดของผู้ใหญ่ที่เขาพยายามท่องจำมาเพราะอยากจะให้ตัวเองดูเป็นผู้ใหญ่ในสายตาของเด็กน้อยตรงหน้า

“เอาเป็นว่า…พวกเราเป็นเพื่อนรักกันดีไหม”

“เพื่อนรัก…เหรอครับ  ดีครับ  ผมชอบ  ได้เป็นเพื่อนกับจักรวาล  ผมมีความสุขที่สุดในโลกเลย”

เด็กน้อยทั้งสองต่างก็ยิ้มให้กัน  มิตรภาพเล็กๆของเด็กที่ยังไม่รู้เดียงสาค่อยๆก่อตัวขึ้น  ไม่มีใครคาดคิดหรอกว่า…พวกเขากำลังจะพบกับจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่  และต้องเผชิญชะตากรรมที่แสนเจ็บปวดตลอดไป

 

พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!

“ฉันบอกแล้วไงว่าวินนี่ไม่ใช่ตุ๊ด!  อย่าให้ฉันได้ยินพวกแกนินทาเพื่อนฉันแบบนี้อีกนะ!”

จักรวาลวัยสิบเอ็ดปีเรียนอยู่ ป.5 ตวาดลั่น  รอบกายเขาคือเพื่อนร่วมชั้นเรียนหลายสิบคนที่นอนคลุกฝุ่นเพราะถูกเขาลากมาซ้อมด้วยเหตุผลที่ว่าเขาบังเอิญไปได้ยินคนพวกนี้นินทาและพูดถึงกวินทร์ในทางไม่ดี

“จักรวาล!  ทำอะไรน่ะครับ”

“วะ…วินนี่”

ผู้ก่อเหตุลนลาน  แต่ก็ไม่รู้จะปกปิดความผิดยังไงดีเพราะซากของคนที่โดนกระทืบยังนอนโรงโอดครวญเต็มพื้น

“อีกแล้วเหรอครับ”

“ก็…”

“มากับผม”

กวินทร์ตรงเข้าไปคว้าแขนของเพื่อนรักเจ้าอารมณ์แล้วพาเดินออกมาจากที่เกิดเหตุ  ตรงดิ่งไปใต้อาคารที่ไม่มีคนก่อนจะนั่งลงบนโต๊ะหินอ่อน

“ผมบอกคุณแล้วไงว่าอย่าไปมีเรื่องกับใครอีก  เวลาที่คุณต่อยคนพวกนั้น  มือของคุณก็เจ็บด้วยนะ  ผมไม่อยากเห็นคุณต้องเจ็บตัวอีกแล้วนะ”

“แต่พวกนั้น…ว่านาย”

คนถูกดุตอบอ้อมแอ้มพลางจ้องหน้าอีกฝ่ายที่กำลังแกะพลาสเตอร์ปิดรอยถลอกจากการต่อยตรงหลังมือให้เขา

“แล้วยังไงล่ะครับ  ผมไม่ได้สนใจสักหน่อย มือนี้น่ะ…ไม่เหมาะจะทำร้ายใครหรอกนะ  มันเหมาะจะเอาไว้ปกป้องสิ่งสำคัญมากกว่า”

“ปกป้อง…สิ่งสำคัญ?”

“อ่ะ  เสร็จแล้ว  สงสัยหลังจากนี้ผมคงต้องพกพลาสเตอร์มาทุกวันแล้วล่ะ  ไปครับ  กลับบ้านกัน”

กวินทร์ส่งยิ้มเหมือนทุกที  เขามักจะเป็นแบบนี้เสมอ  เอาแต่ยิ้มไม่ว่าจะโดนใครนินทาว่าร้ายขนาดไหนก็ตาม

“ถ้างั้น!”

“ครับ?”

“ถ้าสองมือของฉัน  เหมาะที่จะเอาไว้ปกป้องสิ่งสำคัญมากกว่า  งั้นฉัน…ก็จะเอาไว้ปกป้องนาย”

“จักรวาล…”

“ก็เราเป็นเพื่อนรักไม่ใช่หรือไง”

ว่าพลางผลักไหล่อีกฝ่ายแก้เก้อ  รู้สึกเขินๆที่ต้องมาพูดคำว่าเพื่อนรักตรงๆแบบนี้

“สองมือของคุณ  จะเอาไว้ปกป้องผม  งั้น…สองมือนี้ของผม  ก็จะเอาไว้รักษาคุณเหมือนกัน  ถ้าหากคุณต้องทำร้ายคนอื่นเพื่อปกป้องผมจนบาดเจ็บกลับมาล่ะก็…ผมจะคอยรักษาให้เอง  แต่ความจริง…ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะห้ามมากกว่า   ผมไม่อยากให้คุณต้องมาทำร้ายใครเพื่อผมหรอก  แต่ก็…ขอบคุณมากนะครับ”

กวินทร์ทำท่าตะเบ๊ะแบบตำรวจใส่จักรวาล  อีกฝ่ายรีบทำกลับก่อนที่ทั้งสองจะวิ่งแข่งกันไปที่รถซึ่งคนขับรถที่บ้านมาจอดรอรับด้วยเสียงหัวเราะ

 

“ฮึก  แม่…แม่ครับ”

กวินทร์ในวัยสิบสี่ปีเรียนอยู่ชั้นม.สอง ร้องไห้อย่างหนัก  เขาสวมชุดสีดำอยู่ในงานศพแม่ของตัวเองที่กินยาฆ่าตัวตายเมื่อคืนก่อน

“วินนี่…”

จักรวาลที่มาร่วมงามพร้อมกับครอบครัวเดินมานั่งลงข้างๆเขา  ค่อยๆยกแขนขึ้นโอบบ่าเพื่อนรักเอาไว้ด้วยความสงสารสุดหัวใจ

กวินทร์รักและสนิทกับแม่ของตัวเองมากแคไหนทุกคนในตระกูลต่างรู้กันทั้งนั้น  การจากไปของเธอในครั้งนี้จึงสะเทือนใจเขาเป็นอย่างมาก

“ทำไมแม่ต้องทิ้งผมไปด้วย  แล้วจากนี้ผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ  ฮือ…”

“วินนี่…”

“ผมคิดถึงแม่  แม่กลับมาหาผมเถอะนะ  ตื่นขึ้นมาเถอะครับ  ฮืออออ”

เผาะ!

เป็นครั้งแรกในชีวิตของเด็กหนุ่มที่ชื่อจักรวาล…เขาร้องไห้!  ยิ่งเห็นว่าตอนนี้กวินทร์กำลังเสียใจแทบตายขนาดไหน  เขาก็ยิ่งเจ็บปวดและเสียใจพอๆกัน  อย่าว่าแต่สองมือเลย  ตอนนี้ต่อให้เขามีสิบมือ  เขาก็ทำอะไรเพื่อคนๆนี้ไม่ได้เลย

“เสียใจด้วยนะไกรศร  พี่เสียใจด้วยจริงๆ”

“ครับพี่  สงสารก็แต่กวินทร์  เด็กคนนี้รักแม่มาก  ตั้งแต่เมียผมตายไปก็ไม่ยอมกินยอมนอน  เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว  ผมกลัวลูกจะเป็นอะไรไปอีกคนครับ”

ไกรศรยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นและหยาดน้ำตาของตัวเอง

“แกยังมีพี่นะ  พี่จะไม่มีวันทิ้งแก  จำที่คุณพ่อบอกก่อนท่านจะจากไปได้ไหม  หน้าที่ของพี่คือการดูแลแกให้ดีที่สุด  ไม่ใช่แค่การบริหารบริษัทเท่านั้นที่คุณพ่อฝากฝังไว้  แต่ยังมีแก  มีเจ้ากวินทร์  ที่คุณพ่อรักและเป็นห่วง  พี่จะไม่ทิ้งพวกแกเด็ดขาด  ไอ้น้องรัก”

ไกรเทพดึงตัวน้องชายเข้ามากอดแนบแน่น  เขาเสียใจกับน้องชายจนไม่รู้จะพูดปลอบใจยังไงดี  แม้แต่เหตุผลว่าทำไมเมียของน้องชายถึงฆ่าตัวตายเขาก็ยังไม่กล้าถาม  เรื่องละเอียดอ่อนขนาดนั้น  ถ้ารื้อฟื้นกันตอนนี้ก็มีแต่จะทำให้ทุกๆฝ่ายเจ็บปวด

 

“แน่จริงก็ตามจับให้ทันสิวินนี่  ฮ่าๆๆๆ”

“เดี๋ยวสิครับจักรวาล  คุณขี้โกงนี่!”

“เอ้า เร็วๆๆ  เต่าจะกัดขาแล้วนั่น  วิ่งเร็งเข้า  ฮ่าๆๆๆ”

ปึก!

จักรวาลในวัยสิบหกปีเรียนอยู่ชั้น ม.4 ชนเข้ากับใครบางคน  ไม่สิ  เรียกว่าชนคงไม่ถูก  ตอนนี้เขากำลังโดนนักเรียนช่างที่ไหนสักที่ล้อมเอาไว้มากกว่า

“พวกแกเป็นใคร”

“คนนี้ใช่ไหม”

“ใช่ๆ  ไอ้เวรนี่แหละพี่ที่มันมายุ่งกับเมียผม!”

“หา?”

ชายหนุ่มร้องเสียงหลงทันที  กวินทร์ที่เพิ่งวิ่งมาถึงกะพริบตาปริบๆอย่างตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น  จักรวาลที่หันไปเห็นเพื่อนรักพอดีรีบพุ่งเข้าไปฉกตัวเขามายืนหลบด้านหลังทันที

“เฮ้ย!  มึงน่ะ  ได้ข่าวว่ามายุ่งกับเมียน้องชายกูเหรอ  หน้าตาก็ดีนี่หว่า  ไม่มีปัญญาหาเมียเองแล้วหรือไงวะ!”

“เมียน้องแก?  ใคร?”

“ก็น้องพรีมหัวหน้าเชียร์รีดเดอร์โรงเรียนเราไง!”

คู่กรณีที่แท้ที่เอาแต่หลบอยู่หลังพี่ชายตัวโตชะโงกหัวออกมาพูดก่อนจะหลบเข้าไปอีกครั้ง  เพราะเขารู้กิตติศัพท์กาต่อสู้ของจักรวาลดีว่าเก่งแค่ไหนเลยไม่กล้าบุกเดี่ยวมาจัดการด้วยตัวเอง  ต้องให้พี่ชายที่เรียนโรงเรียนช่างและมีพวกอยู่เยอะเข้ามาจัดการให้แทน

“หรือว่าจะหมายถึงคนที่เอาช็อกโกแลตมาให้คุณเมื่อวานครับ?”

“อ๋ออออ”

“เห็นไหมพี่  มันยอมรับแล้ว!”

“เฮ้ย!  ฉันแค่ร้องอ๋อเฉยๆ  ยอมรับตรงไหนวะ”

พอโดนตะคอกใส่  เจ้าคู่กรณีจอมขี้ขลาดก็สะดุ้งโหยงกระโดดเข้าหลบหลังพี่ชายอีกรอบ  ถ้าเป็นผู้หญิงคนนั้นจักรวาลจำได้เพราะว่าเธอมาตามตื๊อเขาอยู่หลายรอบ  เมื่อวานพอโดนดักเอาช็อกโกแลตให้ เขาก็ปฏิเสธไปอย่างจริงจังแบบไร้เยื่อใยและไร้มารยาทสุดๆไปว่า

 

‘ขอโทษนะ  รสนิยมของฉันไม่ใช่ผู้หญิง’

 

“แต่เมียน้องกูบอกว่าโดนมึงตามตื๊อไม่หยุด  อย่างนี้จะว่ายังไง”

“ไม่ได้ตื๊อ  ไม่เคยตื๊อ”

“มึงจะบอกว่าเมียน้องกูโกหกงั้นสิ”

“ถ้าบนหัวพวกแกไม่มีเขางอก  ก็น่าจะมองความจริงออกได้ไม่ยากหรอก”

“ว่าไงนะ!!!”

“จักรวาล  อย่ามีเรื่องเลยนะครับ  บอกพวกเขาไปเถอะว่าความจริงแล้วน้องพรีมต่างหากทีเป็นคนตามตื๊อคุณมาตลอด  ไม่ใช่…”

“หุบปากไปไอ้ตุ๊ด  มึงอย่าเสือก!”

“ว่าไงนะ!!!”

พลั่ก!!!

หมัดไปไวกว่าความคิด  พอเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มลามปามมาด่าถึงกวินทร์  จักรวาลก็สติขาดผึง  ตบะแตกพุ่งเข้าใส่ต่อสู้กันนัวเนียกับพวกเด็กช่างที่ยกกันมาเกือบสิบคน  ชาวบ้านละแวกนั้นต่างพากันถอยหนีและโทรแจ้งตำรวจ

“จักรวาลครับ  พอเถอะ!  มันอันตราย  จักรวาล!”

เสียงของกวินทร์ไปไม่ถึงจักรวาลอีกแล้ว  แต่ทว่า  ขณะที่จักรวาลกำลังซัดกันตัวต่อตัวอยู่กับพี่ชายของคู่กรณีนั้น  หนึ่งในพรรคพวกของเขาก็ย่องมาทางด้านหลัง  ในมือมีมีดปอกผลไม้เล่มใหญ่ถืออยู่  กวินทร์เบิกตากว้างพลางร้องลั่น

“จักรวาล  ระวังครับ!!!”

ฉึก!!!

ไม่ใช่แค่ร้องเตือน  หากแต่เขายังพุ่งเข้าไปรับมีดเล่มนั้นแทนจักรวาลอีกด้วย!  เกิดเสียงร้องโวยวายขึ้นทันทีเมื่อสถานการณ์เริ่มรุ่นแรงขึ้น  พวกเด็กช่างที่เห็นว่ากวินทร์ร่างชุ่มโชกไปด้วยเลือดต่างก็พากันวิ่งหนีชุลมุน

“วินนี่!!!”

ตุ้บ!

จักรวาลหันกลับมารับร่างของเพื่อนได้ทัน  มีดเล่มใหญ่ปักเข้าเต็มๆท้องของกวินทร์   เลือดสีแดงสดที่ไหลนองอยู่เต็มที่ทำให้จักรวาลหน้าซีดตัวสั่นอย่างหวาดกลัว  กลัวว่าเพื่อนรักที่ดีที่สุดในชีวิตคนนี้จะเป็นอะไรไป

“วินนี่…วินนี่  ฉันขอโทษ…”

“นะ…ในที่สุด   ผม…กะ…ก็…ปก…ป้อง  คะ…คุณ…ได้”

กวินทร์ยิ้มอ่อน  น้ำตาไหลพรากเพราะเจ็บปวดกับบาดแผลที่ได้รับเหลือเกิน  แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ดีใจที่จักรวาลปลอดภัย  ที่ผ่านมามีแต่จักรวาลที่เป็นฝ่ายเจ็บตัวเพื่อคอยปกป้องเขามาตลอด  ไม่ว่าจะตอนที่วิ่งเข้ามารับเขาที่กำลังจะตกจากต้นไม้จนตัวเองเป็นฝ่ายแขนหักต้องใส่เฝือกเป็นอาทิตย์ๆแทน  หรือแม้แต่พุ่งเข้ามาเอาตัวบังเขาที่วิ่งออกไปจับลูกแมวกลางถนนจนรถที่ขับมาพอดีเกือบชน  แต่โชคดีที่เบรกได้ทันจึงไม่มีใครเป็นอะไร

ภาพความช่วยเหลือและการถูกปกป้องจากจักรวาลมาตลอดฉายย้อนมาในหัวของเขาเต็มไปหมด   คนๆนี้ไม่ใช่แค่เพื่อนรัก  แต่ยังเป็นเพื่อนแท้  และเพื่อนตายของเขาอีกด้วย

“อย่าพูดแบบนี้สิ  ฉันไม่ได้ต้องการให้มันเป็นแบบนี้  ฉัน…”

“ผม…ไม่เป็นไรหรอกครับ”

“จะไม่เป็นไรได้ยังไง  เลือดออกขนาดนี้!”

“จะ..จริงๆนะ  ก็เพราะน่ะ…เป็น…วะ…วินนี่สุดมาดแมน  มะ…ไม่ใช่…เหรอ…ครับ…”

“วินนี่…”

“…”

“วินนี่!”

“…”

“วินนี่!!!”

จักรวาลร้องตะโกนออกมาเสียงดังลั่นเมื่อร่างในอ้อมแขนแน่นิ่งไปแล้ว  เหตุการณ์ในวันนี้  กลายเป็นฝันร้ายที่จะฝังใจเขาไปตลอดชีวิต

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  อาการป่วยหายดีแล้วน้า  ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วค่ะ  ตอนนี้เฉลยเรื่องราวความสัมพันธ์ของจักรวาลและกวินทร์แล้วเนอะ  เพราะอะไรทำไมต่างฝ่ายถึงฆ่ากันไม่ได้  กวินทร์ที่ได้รับการช่วยเหลือและปกป้องจากจักรวาลมาตลอด  และจักรวาลที่ได้กวินทร์เสี่ยงชีวิตเข้ามาช่วยเขาเอาไว้จนตัวเองเกือบตายนั้น  ทั้งหมดกลายเป็นสิ่งผูกมัดพวกเขาเอาไว้  เพราะได้กวินทร์ช่วยเอาไว้  จักรวาลถึงไม่สามารถลบความรู้สึกที่ว่า  “การที่เขายังมีชีวิตอยู่มาจนถึงทุกวันนี้นั้น  ต้องแลกมาด้วยการเสี่ยงชีวิตของกวินทร์แทน”  แล้วทำไมกันนะ  ทั้งที่พวกเขาสองคนก็เป็นเพื่อนที่รักกันดี  แถมพ่อของพวกเขาก็เป็นพี่น้องที่รักกันมากอีกต่างหาก  แล้วอะไรคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้พี่น้องฆ่ากันเองเพื่อแย่งชิงสมบัติกันล่ะ?

ต้องติดตามกันไปเรื่อยๆน้า  กำลังเข้มข้นเลยเชียววว

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2017 11:28:59 โดย WwW »

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0
ตอนที่ 29
คนที่ควรไว้ใจ…คือใคร?

Special  Part
ไอ้ไทม์คือน้องชายของไอ้อวกาศ  งี้ก็ต้องเป็นน้องชายของไอ้จักรวาลด้วยน่ะสิ!  เฮ้ย ไม่ๆๆๆ  เมื่อกี้หมอเขาก็บอกอยู่ว่าหนึ่งในสองของสิ่งของที่เอาไปตรวจดีเอ็นเอนั้น  มีเพียงคนเดียวที่มีสายเลือดเดียวกับไอ้อวกาศก็คือไอ้ไทม์
“เฮ้ย!  แบบนี้ก็แปลว่าไอ้จักรวาลไม่ใช่… อุ๊บ!”
ผมยกมือขึ้นอุดปากตัวเอง  ฉิบหายแล้วไง  ดันลืมตัวพูดออกมาเสียงดังซะงั้น  ต้องรีบหนีก่อนทีไอ้คนด้านในมันจะจับได้ว่าผมแอบตามมา
หมับ!
“จะรีบไปไหนเหรอเด็กนิสัยไม่ดี”
มะ…ไม่ทัน
ค่อยๆหันไปมองพร้อมส่งยิ้มแห้งให้อีกฝ่าย  ไอ้อวกาศส่งยิ้มหวานอาบยาพิษกลับมา  ทำเอาขนหัวลุก  อยากหายตัวได้โว้ยยย!
“คุณอวกาศ  นั่น…”
“น้องชายผมเองครับ  ไม่เป็นไรหรอก  พวกเด็กวัยอยากรู้อยากเห็นก็แบบนี้แหละ  เดี๋ยวผมจัดการเองครับ  ขอบคุณมากที่ช่วยเป็นธุระให้ในหลายๆเรื่อง  อ้อ…แล้วเรื่องนี้ก็…”
“เข้าใจแล้วครับ  ความลับสินะ”
“ครับผม   งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ  แล้ววันหลังจะมาเยี่ยม”
“แล้วเจอกันครับ”
บอกลากันเสร็จผมก็ถูกมันลากถูลู่ถูกังไปทางลานจอดรถ  ตอนนี้ทำได้แค่ปล่อยตัวให้มันลากไปก่อน  ขอคิดหาวิธีเอาตัวรอดแป๊บหนึ่ง  ใครจะไปคิดว่าความลับที่มันแอบปิดเอาไว้จะเป็นเรื่องยุ่งยากแบบนี้ล่ะฟะ  ถ้ารู้แต่แรกกูจะไม่เสนอมาเสือกเด็ดขาดเลย  ไม่อยากไปวุ่นวายด้วยสักหน่อย!
“ขึ้นรถสิ”
“ทำไมฉันต้องไปกับแกด้วย”
ถามเสียงกวนพลางลอยหน้าลอยตาอย่างไม่สลด  จะให้มันสังเกตเห็นไม่ได้ว่ากำลังกังวลถึงขีดสุด  ได้มารู้เรื่องแบบนี้ของครอบครัวคนอื่นเข้าใครมันจะไปกังวลบ้างล่ะเว้ย
“บอกให้ขึ้นไปก็ขึ้นไปเถอะน่า”
“ไม่ขึ้นเว้ย!”
“เฟี้ยว”
“ทำไม”
“ขึ้นรถ”
“ก็บอกว่า…!”
หมับ! ตึง!
“อ๊ากกกกก เจ็บๆๆ ทำเหี้ยไรวะไอ้อวกาศ  โอ๊ย!”
ผมร้องลั่นเมื่อข้อมือทั้งสองข้างถูกมันจับไขว้ไปด้านหลังและตรึงเอาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว  ก่อนที่มืออีกข้างของมันจะกดเข้าที่ลำคอด้านหลังพร้อมกับดันตัวผมไปกระแทกกับรถอย่างแรง
สัตว์…จุก!
“อย่าให้ต้องใช้กำลังน่า  นายสู้ฉันไม่ได้ตั้งแต่เด็กๆแล้วจำไม่ได้หรือไง”
“มึงแม่งยังซาดิสท์ไม่เลิกเลยนะ!”
“ฉันเป็นแบบนี้เฉพาะกับนายเท่านั้นแหละ  เพราะนายมันพยศเกินจนต้องใช้กำลังมาปราบไงล่ะ”
มันกระซิบตอบที่ข้างหู  โธ่เว้ย!  ขยับไม่ได้เลยสักนิด  ตัวแม่งก็พอๆกันแถมยังดูบอบบางกว่าเสียด้วยซ้ำ  เอาแรงไปซุกไว้ส่วนไหนของร่างกายกันแน่วะ!
“ทีนี้จะขึ้นรถดีๆได้หรือยัง  คุณนักสืบจิ๊กโก๋”
“จิ๊กโก๋พ่อมึงสิ!”
ตึง!
“โอ๊ย!”
“อย่าเล่นถึงพ่อ”
กลายเป็นไอ้อวกาศโหมดดาร์กโดยสมบูรณ์แล้วสินะ  ปกติจะสวมมาดคุณชายอยู่ตลอดเวลา  คนเดียวบนโลกที่ได้เห็นโหมดดาร์กของมันก็มีแค่ผมนี่แหละ
ครั้งแรกก็เมื่อตอนอยู่ ป.5
ดันบังเอิญไปเห็นตอนแม่งดูคลิปปลุกใจเสือป่าแล้วช่วยตัวเองไปด้วยเข้า  จากนั้นก็ถูกมันใช้โหมดดาร์กข่มขู่ให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับมาโดยตลอด  รู้สึกวันนั้นมันจะถูกพวกรุ่นพี่ผู้หญิงที่โรงเรียนเข้ามายั่วยวนพยายามที่จะมีอะไรกับมัน  แต่ไอ้อวกาศก็เอาตัวรอดมาจนได้ ทว่าที่โดนปลุกอารมณ์ไว้มันยังค้างอยู่  เลยต้องดูคลิปพวกนั้นแล้วช่วยตัวเองไปด้วย  ตอนนั้นผมยังเด็กเลยไม่ค่อยเข้าใจว่าหลังจากถูกปลุกอารมณ์แล้วถ้าไม่ได้ต่อจนจบมันจะทรมานยังไง  พอโตมาตอนนี้ถึงได้เข้าใจ  เข้าใจดีโคตรๆเลยด้วย
“เออๆ  รู้แล้ว  ขอโทษๆ  ไม่ได้ตั้งใจ  มันพลั้งปาก”
“ตกลงจะขึ้นรถได้แล้วใช่ไหม”
“กูมีทางเลือกหรือไงล่ะ  ถามเหมือนมีทางเลือกให้”
มองค้อนใส่มันหนึ่งทีด้วยหางตา  ไอ้อวกาศยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจที่เป็นฝ่ายชนะอีกตามเคยก่อนจะยอมปล่อยให้ผมเป็นอิสระ
จังหวะนี้แหละ!
ตึง!!!
เอี๊ยด!!!
สองเท้าเบรกจนหน้าเกือบทิ่ม  พอมันปล่อยให้ผมเป็นอิสระปุ๊บก็กะใส่เกียร์หมาโกยแน่บเต็มที่  แต่อีกฝ่ายคงรู้ทัน  ไอ้อวกาศยกขาข้างหนึ่งแล้วใช้เท้ายันไว้กับรถของตัวเองเพื่อปิดทางหนีของผมเอาไว้  ปัญหาของการเป็นเพื่อนสมัยเด็กกันก็คือมันรู้สันดานของผมดีกว่าใครนี่แหละ!
ปัง!
สุดท้ายจึงต้องขึ้นมานั่งบนรถของมันแต่โดยดี  เจ้าของรถเดินตามขึ้นมาก่อนจะสตาร์ทรถขับพุ่งออกไปทันที

ตลอดทางไอ้อวกาศเงียบไม่พูดอะไรเลย  ทั้งที่ปกติจะพูดจนลิงหลับแท้ๆ  ความผิดปกติทางปากของมันทำให้ผมอดห่วงไม่ได้เลยต้องลอบมองมันบ่อยๆ  จะเป็นอะไรไหมวะเนี่ย  หมายถึงกูเนี่ยจะเป็นไรไหม  นั่งรถมากับคนที่จิตใจไม่คงที่แบบนี้  คงไม่ขับพากูแหกโค้งลงไปนอนวัดพื้นที่ไหนหรอกนะ!
“ฉันหล่อล่ะสิ  จ้องเอาๆอยู่ได้”
“หา?”
“จะว่าไป  นายเองเคยบอกเหมือนกันนี่นะ  ว่าโตขึ้นอยากจะเป็นแบบฉัน  มีคนอย่างฉันเป็นไอดอลเนี่ย  มันจะดีเหรอ”
“พูดอะไรวะ  ไมเห็นเข้าใจ”
เอาเรื่องที่พูดไปเพราะความเป็นเด็กแบบนั้นมาคุยตอนนี้ทำไมฟะ  พูดไปกูก็จำไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ  ว่าแต่มันกำลังจะพาผมไปไหนเนี่ย  ยิ่งดูยิ่งห่างไกลจากตัวเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ
“จะไปไหน”
“ที่เกิดเหตุน่ะ”
“ที่เกิดเหตุ?”
“อุบัติเหตุเมื่อสิบแปดปีก่อน  ที่มาของ…รอยแผลเป็นบนหัวฉันไง”
ดวงตาเบิกกว้างขึ้นจนจะเท่าไข่ห่าน  ถึงจะยังยิ้มอยู่  แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่ารอยยิ้มของไอ้อวกาศมันเศร้าจนอยากจะร้องไห้ตาม
หมายความว่า…รอยแผลเป็นที่ผมเห็นตอนนั้น…มีสาเหตุมาจากอุบัติเหตุจริงๆเหรอเนี่ย 

ขับรถต่อมาอีกสองชั่วโมงกว่าๆก็มาถึงทางโค้งแห่งหนึ่ง  พวกเราออกจากตัวเมืองมาไกลมากๆ  ขึ้นเขามาได้พักใหญ่ๆแล้ว  ไอ้อวกาศจอดรถตรงข้างทางติดกับริมถนน  ตรงหน้าพวกเราคือทางโค้งที่มีป้ายเขียนว่า ‘ทางโค้งอันตราย  เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งโปรดระวัง’ คนข้างตัวมองไปข้างด้วยแววตาเลื่อนลอย  ระ…หรือว่าที่ตรงนี้ก็คือ…
ผมเปิดประตูลงจากรถเป็นคนแรก  ตรงไปจนถึงทางโค้งที่ข้างหน้าเป็นหน้าผาสูงชัน  ด้านล่างเป็นแม่น้ำไหลเชี่ยวพอสมควร  มองจากตรงนี้ลงไปยังเสียวสันหลังฉิบหาย  ถ้าตกลงไปจากความสูงระดับนี้มีแต่ตายกับตายแน่ๆ  ไม่สิ  คนในรถยังรอดมาได้เลยนี่หว่า  ปาฏิหาริย์มากๆ!
หมับ!
“เฮ้ย!  ทำไรวะ!”
ร้องเสียงหลงด้วยตกใจที่จู่ๆก็ถูกไอ้อวกาศจู่โจม  สองแขนโอบรอบคอกอดผมไว้จากด้านหลัง
“ขอบใจนะ  ที่นายยอมมาด้วย  เพราะถ้าฉันมาที่นี่คนเดียว  คงกลัวจนก้าวขาลงจากรถไม่ได้แน่ๆ”
จากที่ตั้งใจจะผลักมันออก  พอได้ยินน้ำเสียงสั่นเครือแบบนั้นเลยผลักออกไม่ลง  ผมยืนนิ่ง  ทิ้งมือลงข้างลำตัวให้อีกคนกอดเป็นที่พึ่งพิงชั่วคราว
“ดูเหมือนว่าฉันจะประสบอุบัติเหตุกับคุณพ่อที่นี่เมื่อตอนแปดขวบ  ผลจากอุบัติเหตุคราวนั้นทำให้สมองของฉันได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนักจนต้องผ่าตัด  ฉันกลายเป็นเจ้าชายนิทราไปสามเดือนเต็ม  พอฟื้นขึ้นมาก็จำอะไรไม่ได้เลย  แต่เพราะยังเด็กอยู่  ถึงจะจำอะไรไม่ได้  แค่ถูกใส่ความจำใหม่ไปซะก็สิ้นเรื่อง  คุณพ่อกับพี่จักรวาลคงเริ่มต้นนับหนึ่งให้ความทรงจำของฉันใหม่ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา  เพราะแบบนี้เอง  ฉันถึงมีความทรงจำแค่ตอนที่ได้เจอมาเรียกับนายแล้วจนถึงปัจจุบันนี้  แต่ว่านั่นก็ไม่ได้ทำให้ฉันเอะใจหรือสงสัยอะไร  คิดง่ายๆว่าที่จำอะไรไม่ได้เพราะตอนนั้นคงเด็กเกินก็เท่านั้น”
“…”
“ความทรงจำใหม่เกี่ยวกับคุณแม่คือท่านป่วยตายไปตั้งแต่ตอนฉันยังเล็กๆ  นอกนั้นทุกอย่างเหมือนเดิมหมด  มีแค่เรื่องของคุณแม่คนเดียวที่ถูกเปลี่ยน  ไม่สิ  ยังมีเรื่องของเด็กคนนั้นด้วย”
“ไอ้ไทม์เหรอ?”
พอเป็นเรื่องเกี่ยวกับไอ้ไทม์ทีไรผมอดไม่ได้ที่จะสนใจทุกที
“ตอนที่นายผลักหัวฉันไปชนประตูวันนั้นน่ะ  จู่ๆก็มีภาพฉันกำลังนอนกอดท้องของคุณแม่อยู่แวบเข้ามา  ฉันคิดว่าตัวเองคงจินตนาการภาพเอาเอง  แต่พอนายทักเรื่องแผลเป็นขึ้นมา  ฉันถึงได้เริ่มสงสัย  บวกกับวันที่มาเรียมาหาฉันก่อนจะเกิดเรื่อง  วันนั้นเธอพูดอะไรแปลกๆเอาไว้ด้วย”
อย่างที่ผมคิดจริงๆ  ไอ้อวกาศไม่ได้บอกทุกอย่างที่มาเรียพูดกับมันให้ทุกคนฟังทั้งหมด  แต่จะว่าไป  พี่สาวผมเป็นครูสอนภาษาหรือตำรวจสายลับกันแน่  รู้ลึกรู้ลึกจริงไปหมดทุกเรื่องเลย!
“เธอบอกให้ฉันดูแลเด็กคนนั้นให้ดี  เด็กคนนั้นสำคัญกับฉันมาก  ตอนแรกฉันก็ไม่เข้าใจ  แต่พอกลับมาเห็นหน้าของไทม์  ฉันก็นึกย้อนไปถึงความรู้สึกในครั้งแรกที่ได้เจอกับเด็กคนนั้น  ตอนนั้นฉันไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกรักและเอ็นดูเด็กคนนี้มากนัก  มันถูกชะตาเหมือนเคยเจอกันมาก่อน  พอเอาความรู้สึกส่วนตัวมารวมกับเรื่องที่มาเรียพูดไว้  ภาพที่แวบเข้ามาในหัว  กับเรื่องแผลเป็น  ฉันเลยตั้งใจที่จะสืบเรื่องนี้อย่างจริงจัง  วันที่ฉันกลับไปเอาลิตส์สถานที่จากในห้องของพี่ ฉันก็เอาของที่สามารถใช้ตรวจดีเอ็นเอได้ของพี่กับไทม์ไปให้หมอช่วยตรวจด้วย  ความจริงก็ไม่ได้อยากจะตรวจดีเอ็นเอของพี่หรอกนะ  แต่ว่า…บางครั้งเขาทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเป็นเจ้านายมากกว่าน้องชาย  พอรู้ตัวอีกที  ฉันก็ส่งตรวจดีเอ็นเอของเราทั้งสามคนไปแล้ว”
ผมยังคงเงียบฟังมันเล่าเรื่องทุกอย่าง  ถึงจะไม่เข้าใจว่ามันจะยืนกอดผมแบบนี้ไปจนกว่าจะพูดจบหรือเปล่าก็เถอะ
แค่ไม่มีใครขับรถผ่านมาเห็นตอนนี้ก็พอ  เดี๋ยวจะเข้าใจผิดคิดว่ามีคู่รักวิปริตมายืนพลอดรักกันริมหน้าผา!
“โรงพยาบาลที่พวกเราไปกันมาเมื่อกี้  เป็นโรงพยาบาลที่ทำสัญญาไว้กับตระกูลของฉัน  ถ้ามีใครในตระกูลป่วยหรือต้องการการรักษาก็จะไปที่โรงพยาบาลนี้ที่เดียว  ฉันเลยให้หมอคนเมื่อกี้ที่เป็นเพื่อนกันช่วยสืบดูว่าเมื่อสิบปีก่อนฉันได้เข้ามาทำการรักษาที่นี่บ้างหรือเปล่า  แต่เพราะข้อมูลทุกอย่างมันเป็นความลับที่ไม่สามารถเปิดเผยได้  กว่าจะกล่อมให้หมอนั่นใจอ่อนยอมช่วยได้ก็เกือบตายเหมือนกัน  สุดท้ายพอมันช่วยค้นข้อมูลให้ก็เลยเจอเข้าเต็มๆ”
“…”
“สิบแปดปีก่อนฉันเข้ารับการรักษาและอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเวลาเกือบสี่เดือนจากอุบัติเหตุทางรถยนต์  ฉันลองค้นหาข่าวของเหตุการณ์อุบัติเหตุคราวนั้นจากในหนังสือพิมพ์และสื่อต่างๆเท่าที่พอจะหาได้  จนเจอว่าในวันนั้นมีหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของที่นี่ทำข่าวไว้  เพราะพวกสื่อใหญ่ๆถูกสั่งไม่ให้ทำข่าวนี้เด็ดขาด  คิดว่าบางทีอาจจะเป็นคุณพ่อนั่นแหละที่ใช้อำนาจเงินเข้าควบคุมไว้  พอลองอ่านเนื้อหาข่าวจากหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นพวกนั้น  ปรากฏว่าวันที่เกิดอุบัติเหตุ  ในรถคันนั้นมีเพียงฉันกับพ่อ”
“สิบแปดปีก่อนเหรอ  ทำไมฉันคุ้นๆกับไอ้คำว่าสิบแปดปีก่อนนี่จัง”
“พี่เคยพูดไว้ไม่ใช่เหรอ  ว่าสิบแปดปีก่อน  คุณอากับพี่กวินทร์เคยคิดฆ่าล้างตระกูลฉันเพื่อแย่งชิงสมบัติ”
“เออว่ะ  จริงด้วย”
ตามฆ่ากันมายาวนานขนาดนี้เลยเหรอวะตระกูลนี้  ไอ้สมบัติพวกนั้นมันมีค่ามากถึงขั้นตอบฆ่ากันไม่จบไม่สิ้นเลยเหรอ  กูล่ะงงใจ!
“…”
ความเจ็บที่ไหล่ทำให้ผมเริ่มรู้สึกตัวว่ากำลังถูกคนด้านหลังกอดรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ  ทว่าวงแขนของมันสั่นเทา  ไม่ใช่แค่แขนสิ  ทั้งตัวมันเลยต่างหาก
“ปะ…เป็นอะไรวะ”
“ฉัน…”
“หรือว่า…มีเรื่องอะไรอีก”
“ฉันไม่รู้   ฉันไม่รู้ว่า…ควรจะ…ไว้ใจใครดี”
“แกหมายความว่ายังไง”
“เฟี้ยว…ถ้าเป็นนาย  นายจะทำยังไง”
โอ๊ย!  เจ็บเว้ย  คนหรืองูเหลือมวะเนี่ยที่กอดผมอยู่  แต่ในเวลาแบบนี้จะตะคอกบอกให้มันปล่อยก็คงใจร้ายเกินไป  ผมไม่เคยเห็นไอ้อวกาศเป็นแบบนี้มาก่อนเลย
“ความจริงแล้ว  ช่วงงานศพของมาเรีย  คุณอาโทรเรียกให้ฉันเข้าไปพบ”
“อะไรนะ!  คุณอาที่แกว่านี่คือ…พ่อของไอ้คนที่ชื่อกวินทร์ใช่ไหม!”
“อืม  คุณอาบอกว่าถึงเวลาที่ฉันต้องรู้ความจริงสักที  ท่านบอกว่า…พี่จักรวาลไม่ใช่พี่ชายของฉัน  ไม่ใช่ลูกแท้ๆของพ่อกับแม่  แต่ท่านก็ไม่รู้ว่าพี่จักรวาลเป็นใครมาจากไหนกันแน่  แล้วทำไมคุณพ่อถึงรับมาเลี้ยงและบอกใครต่อใครว่าเป็นลูก  แรกๆทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยดี  สองครอบครับต่างมีความสุขกันจนกระทั่งเรื่องราวเมื่อสิบแปดปีก่อนถือกำเนิดขึ้น”
“…”
“รถคันที่ฉันกับพ่อเกิดอุบัติเหตุนั้น  คุณอาบอกว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุ  แตเป็นการถูกตัดสายเบรกต่างหาก”
“ฆะ…ฆาตกรรมเหรอ”
“ใช่  และคนที่ทำเรื่องทั้งหมดก็คือ…”
ไม่ๆๆๆ  อย่าเอ่ยชื่อนั้นนั้นออกมาเด็ดขาดเลยนะ!
“พี่จักรวาล”
“…”
“คุณอาบอกว่าพี่จักรวาลต้องการทุกสิ่งทุกอย่างของคุณพ่อ  ก็เลยวางแผนฆ่าคุณพ่อและฉันให้ตายไปพร้อมๆกันเพื่อที่ตัวเองจะได้รับทุกอย่างในฐานะลูกชายคนเดียวที่เหลืออยู่”
“แล้วแกก็เชื่อเหรอ!  มันอาจจะกุเรื่องขึ้นมาเพื่อยุให้แกกับไอ้จักรวาลแตกคอกันก็ได้!”
“แน่นอนว่าฉันไม่เชื่อ!  ฉันบอกคุณอาว่ายังไงพี่ก็ต้องเป็นพี่ของฉันแน่ๆ  แต่…สุดท้ายพอผลดีเอ็นเอออกมา  พี่กลับ…ไม่ใช่สายเลือดเดียวกับฉัน  คำพูดของคุณอาที่บอกว่า…คิดดูให้ดีสิ  ทำไมวันนั้นบนรถถึงได้มีแค่ฉันกับพ่อ  มันจะบังเอิญเกินไปหรือเปล่าที่ไม่มีพี่จักรวาลไปด้วย   ฉันไม่รู้จะทำยังไง  คำพูดพวกนี้ลอยอยู่ในหัวซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้จบสักที”
แรงบีบรัดแน่นขึ้นตามอารมณ์สับสนในใจของคนพูด  ก็พอเข้าใจความรู้สึกของมันในตอนนี้อยู่หรอกนะ 
“ฉันอยากจะเชื่อใจพี่  แต่ว่า…ฉันก็สับสน  คุณอากับพี่กวินทร์มีสายเลือดเดียวกับฉัน  ไทม์ก็มีสายเลือดเดียวกับฉัน  คำว่าคนที่มีสายเลือดเดียวกันจะฆ่ากันเองทำไมทำให้ฉันยิ่งกลัว  กลัวว่าตัวเองจะไม่ไว้ใจพี่อีกต่อไป”
ความเปียกชื้นที่ซึมผ่านเนื้อผ้ากระทบกับแผ่นหลังบ่งบอกได้ว่าตอนนี้ไอ้อวกาศกำลังเจ็บปวดมากแค่ไหน  มันคงมั่นใจมากว่ายังไงไอ้จักรวาลกับมันก็จะต้องมีสายเลือดเดียวกันแน่นอน  เชื่อมั่นมาตลอด  ทั้งที่คิดแบบนั้น  แต่พอผลตรวจออกมา  ทุกอย่างมันกลับตรงกันข้ามไปหมด  ไม่แปลกที่จะทำให้สับสนได้ถึงขนาดนี้
แล้วผมล่ะ…ผมคิดยังไงกับเรื่องที่มันเล่ามา  ถ้าไอ้จักรวาลคือคนต้องการสมบัติทั้งหมดจริงๆ  แล้วมันจะบุกเข้าไปช่วยไอ้ไทม์ในโรงยิมเพื่ออะไร  ในเมื่อไอ้ไทม์คือทายาทอีกคน…  ปล่อยให้โดนย่างสดตายไปซะแล้วตามมายิงไอ้ตัวข้างหลังผมทิ้งทีหลังก็จะได้ทุกอย่างไปครอบครอง  มันน่าจะสมเหตุสมผลมากกว่า
แต่ว่า…เรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนมันก็น่าสงสัยจริงๆนั่นแหละ  ทำไมวันนั้น…ไอ้จักรวาลถึงไม่ได้อยู่บนรถด้วยกันนะ?


บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพแล้วจ้า  ไหงเรื่องกลายมาเป็นแบบนี้ไปได้!  อุบัติเหตุครั้งใหญ่เมื่อสิบแปดปีก่อนกลับไม่ได้มีท่านจักรวาลอยู่ด้วย?!  ระหว่างคุณอาที่เป็นสายเลือดเดียวกันกับพี่ชายคนละสายเลือดอย่างจักรวาล  อวกาศจะตัดสินใจเรื่องนี้ยังไงกันนะ  ถ้าหลายสิ่งหลายอย่างพุ่งเป้าไปที่จักรวาลว่าเป็นคนที่ไม่สมควรไว้ใจ  แล้วที่ผ่านมา  อะไรคือเป้าหมายของเขากันล่ะ?  ตัวตนที่แท้จริงของจักรวาลคือใคร  พ่อแม่ที่แท้จริงของเขา  เหตุผลที่ถูกนำเข้ามาอยู่ในตระกูลในฐานะลูกชายคนโตคืออะไร  ติดตามกันต่อไปน้า 

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
หักมุมเยอะไปนะคะ สมองตามไม่ทันละจ้า 555

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พ่อกวินทร์โกหกอวกาศ เพื่อเสี้ยมให้แตกแยกกัน
จักรวาล จะวางแผนฆ่าพ่อ ฆ่าอวกาศทำไม
จักรวาลไม่มีสายเลือดเดียวกับอวกาศ

และจักรวาลก็พร่ำพูดกับอวกาศตลอด
ว่าต่อไปสมบัติทั้งหลายเป็นของอวกาศ
จนอวกาศยังพูดว่าพี่พูดแบบนี้ทำไม พี่กันน้องกันแท้
ถ้าจักรวาลอยากเอาเป็นของตัวเอง จะพูดทำไม
ไม่พูดแล้วฮุบเลยดีกว่าเห็นๆ เพราะเป็นพี่คนโตได้สมบัติอยู่แล้ว

ที่่แท้ตอนเด็กๆ จักรวาลสนิทกับกวินทร์
แลกปกป้องกวินทร์มาตลอด
แม่กวินทร์ คับแค้นใจอะไร ถึงกินยาฆ่าตัวตาย
ตอนคลอดกวินทร์ พ่อกวินทร์ก็รักใคร่แม่กวินทร์นี่นะ
หรือตอนหลังพ่อกวินทร์เปลี่ยนไป มีเมียน้อยหรือเปล่า
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ numay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7
รอตอนต่อไป :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0


ตอนที่ 30

หมาน้อยถูกลงโทษ

 

“ผมเล่าให้คุณฟังได้เท่านี้แหละครับ”

“เดี๋ยวสิครับ!  แล้วตกลงเด็กที่ชื่อวินนี่ตายหรือเปล่า!”

กำลังลุ้นจนตัวเกร็งจะมาตัดจบแบบนี้ได้ยังไงล่ะ!

“เอ่อ   ลืมไปหรือเปล่าครับ  วินนี่คนนั้นก็คือผมนะ  ในเมื่อผมยังนั่งอยู่ตรงหน้าคุณแล้วผมจะตายได้ยังไง”

“โอ๊ะ!  จริงด้วย”

ลืมไปเลยว่าเรื่องที่กำลังฟังมันคือเรื่องระหว่างเขากับคุณจักรวาล  อินจัดเสียจนนึกว่ากำลังนั่งฟังนิยายแนวเพื่อนรักเพื่อนตายอะไรเทือกนั้น

“คุณนี่แปลกคนจริงๆ  เอาเป็นว่าผมบอกในสิ่งที่คุณอยากรู้เรียบร้อยแล้วนะครับ”

“แล้วถ้างั้น  ทำไมจักรวาลกับวินนี่ถึงแตกหักกันในตอนหลังได้ล่ะครับ  ในเมื่อสนิทกันถึงขนาดตายแทนกันได้แล้วแท้ๆ”

ผมยังจี้ถามไม่เลิก  ก็มันอยากรู้นี่นาว่าทำไมเด็กสองคนนั้นถึงต้องกลายมเป็นศัตรูกัน  อ๊ะ… ผมลืมไปอีกแล้วสินะว่าเด็กสองคนนั้นก็คือคุณจักรวาลกับคนที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้

“เรื่องนั้นไว้รอถามจักรวาลเองดีกว่าครับ  ถ้าผมเล่าเองหมดจะกลายเป็นแย่งซีนหมอนั่นเอา”

“ก็ได้ครับ  อย่างน้อยผมก็ได้รู้สาเหตุแล้วว่าทำไมพวกคุณถึงฆ่ากันไม่ได้”

“จักรวาลคงอยากฆ่าผมจนตัวสั่นแล้วล่ะครับ  แต่เพราะเรื่องนั้น  หมอนั่นก็เลยทำไม่ได้สักที  เรื่องยื้อแย่งสมบัติถึงได้คาราคาซังมานานถึงสิบแปดปีแบบนี้”

“แล้วถ้าวันหนึ่งคุณจักรวาลเขาได้ขึ้นมาล่ะครับ  หากเขาพร้อมจะทำลายกำแพงที่เรียกว่าบุญคุณนั่นเพื่อออกมาฆ่าคุณ  คุณจะทำยังไง”

“เป็นคำถามที่ดีจังนะครับ  นั่นสิ  ถ้าถึงเวลานั้น…ผมจะทำยังไงดีนะ  เพราะสำหรับผม…ต่อให้เขากำลังจะเอาปืนลั่นไกใส่อยู่ตรงหน้า  ผมคงทำได้แค่ทิ้งปืนในมือของตัวเองแล้วปล่อยให้เขาทำในสิ่งที่อยากทำ  ในเมื่อมันไม่ใช่ว่าผมฆ่าเขาไม่ได้  แต่เป็นเพราะผมไม่เคยคิดฆ่าเขาเลย  สิ่งที่อยู่ในใจของผมกับจักรวาลมันต่างกัน”

คนๆนี้…คุณจักรวาลคงสำคัญมากๆสำหรับเขาเลยสินะ  รู้อยู่เต็มอกว่าถูกอีกฝ่ายเกลียดจนอยากจะฆ่า  แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะอยากฆ่าอีกฝ่ายกลับเลย  เพราะได้รับการปกป้องดูแลมาตลอด  ถึงจะเจ็บปวดทีต้องกลายมาเป็นศัตรูกันแค่ไหน  แต่ก็ยังตัดขาดมิตรภาพที่มีให้กันมานานไม่ได้สักที

“แต่ถ้าวันนั้นมันมาถึงจริงๆ  ผมก็อยากจะรู้เหมือนกัน  ว่าถ้าไม่มีผมอยู่บนโลกนี้แล้ว  เขาจะรู้สึกยังไง  ถ้าไม่ได้ยินเสียงของผมอีกแล้ว  ไม่ได้เห็นหน้าผมอีกแล้ว  หรือบางทีนึกอยากจะต่อยหน้าผมขึ้นมาแต่ก็ไม่สามารถทำแบบนั้นได้อีกแล้ว  อยากรู้จริงๆว่าหมอนั่นจะรู้สึกยังไง”

“คุณ…”

“เอาล่ะ!  หมดเวลาสำหรับการถามตอบกันแล้ว  ถึงผมจะคิดว่าคุณเป็นเด็กดีก็ตาม  แต่ยังไงซะ  เป้าหมายของผมก็ยังเหมือนเดิม  คือการเอาทุกสิ่งที่ควรจะเป็นของพ่อผมคืน  และ…”

“…”

“จักรวาลต้องปลอดภัย  โดยที่คุณกับอวกาศคือคนที่ผมเลือกว่าต้องตายแทนเขา”

คุณกวินทร์จ้องมาที่ผมด้วยใบหน้าจริงจัง  เป็นคนดีจริงๆอย่างที่อาจารย์มารีอาตัดสินใจเลือกเขานั่นแหละ  แต่…

เล่นมาจ้องเอาชีวิตคนอื่นเขาแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกันล่ะ!  ผมก็รักชีวิตของผมเหมือนนะโว้ย  ยังไม่ได้เป็นหมออย่างที่ฝัง  แถมยังทำสถิติกินแฮมเบอร์ร้อยชิ้นรวดไม่ได้เลย!  ใครจะมายอมตายง่ายๆกันล่ะ

“จริงสิ  ก่อนจะส่งคุณกลับ  ผมขอถามอะไรคุณหน่อย”

“ถ้าตอบได้ผมก็จะตอบนะ  อ้อ!  แต่ถ้าจะถามเรื่อง SD การ์ดล่ะก็…บอกเลยครับว่าไม่รู้”

ยังหารหัสผ่านไม่ได้เลย!

“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก  ผมแค่อยากถามว่า…คุณไม่อยากรู้เรื่องชาติกำเนิดของตัวเองบ้างเลยเหรอ”

“…”

“…”

“…”

“ฮะๆๆ  หมดคำถามแล้วล่ะครับ  แต่ถ้าอยากรู้ขึ้นมาจนทนไม่ไหวล่ะก็…พ่อกับแม่บุญธรรมของคุณ…มีคำตอบนะ” 

“ถึงพวกท่านจะรู้แต่ผมก็ไม่คิดจะดึงพวกท่านเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอกครับ  อีกอย่าง…คุณคงลืมไปว่าผมเป็นนักเรียนทุน  ถึงบางครั้งจะโชว์โง่ไม่ทันคนไปบ้าง  แต่ก็ไม่ใช่ว่าผมจะจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูก  เรื่องบางเรื่อง  ผมก็ไม่ได้พูดออกมาจนหมด  และเลือกที่จะเก็บมันไว้ในสมอง  อย่ามาดูถูกกันดีกว่าครับ  สิบแปดปีที่เกิดมาความจนทำให้ผมเข้มแข็งทั้งร่างกายแล้วก็จิตใจ  ถ้าจะให้เปรียบล่ะก็…เหมือนวัชพืชไงครับ”

“…”

“คุณจะเหยียบย่ำสักเท่าไหร่ก็ได้  จะเข้ามาทางไหนก็เชิญ  ผมจะไม่ล้มให้คุณเห็นง่ายๆหรอก  ตราบใดที่ผมยังมีสามคนนั้นคอยหนุนหลังอยู่”

“นี่ถือเป็นการประกาศสงครามกันเลยหรือเปล่าครับ”

“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ  แต่ผมไม่ได้รู้สึกแบบนี้มาแล้ว ความรู้สึกที่ว่าต้องชนะให้ได้ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตามนั่นน่ะ  ผมสัมผัสมันครั้งสุดท้ายก็ต้องแข่งขันคณิตศาสตร์ระดับประเทศเมื่อสมัย ม.ต้น  ขอบคุณมากนะครับคุณกวินทร์  ที่ทำให้ผมรู้สึก…’เอาจริง’ ขึ้นมา”

สายตานิ่งจนน่ากลัวจ้องไปที่อีกฝ่าย  คุณกวินทร์แค่นยิ้มออกมาราวกับเจอเรื่องสนุกถูกใจ  โหมดเอาจริงเป็นโหมดที่ผมไม่ค่อยได้เอาออกมาใช้เท่าไหร่นัก  เพราะลำพังโหมดปกติของตัวเองผมก็สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อยู่แล้ว  อย่างที่บอก…

ผมเป็นนักเรียนทุนที่เข้าขั้นอัจฉริยะ

“ผมจะรอดูว่าเวลาคุณเอาจริงมันจะเป็นยังไง”

“SD การ์ดนั่น  ผมจะหามันให้เจอภายในสามวัน  และจะหยุดคุณกับพ่อของคุณให้ได้  จะต้องไม่มีใครตายเพราะเรื่องนี้อีกไม่ว่าจะเป็นคุณอวกาศ  หรือผม”

ถ้าเป็นเรื่องที่ต้องใช้สมองล่ะก็…โหมดเอาจริงของผมไม่มีวันทำพลาดแน่ๆ  ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายลุกลามไปมากกว่านี้  จะต้องหยุดสองพ่อลูกคู่นี้ให้ได้!

โครม!!!

บทสนทนาถูกหยุดเพราะประตูห้องทำงานของคุณกวินทร์ถูกอะไรบางอย่างกระแทกจนปลิวอัดกับกำแพงด้านใน  พอหันไปมองตรงทางเข้าก็เจอกับร่างสูงในชุดดำที่โคตรคุ้นเคย!  งานบรรลัยมาเยือนแล้วไงไอ้ไทม์!

“นี่ๆ  ทำแบบนี้อย่าลืมจ่ายค่าซ่อมประตูให้ผมด้วยนะ”

เจ้าของห้องถอนหายใจพลางมองประตูของตัวเองที่นอนตายอย่างสงบตาละห้อย  ผมรีบลุกขึ้นจากโซฟาตรงเข้าไปหาคนที่กำลังย่างสามขุมเข้ามา  ใบหน้าถมึงทึงกวาดตามองไปรอบห้องก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ผมซึ่งเดินมาตรงหน้าเขาพอดี 

“ได้ข่าวว่าหมาน้อยของฉันหนีมาเที่ยวเล่นแถวนี้  ฉันเลยมารับ”

“พอดีผมเห็นหมาน้อยของคุณกลายเป็นหมาหลงทางอยู่ข้างล่างน่ะ  ก็เลยรับมาดูแลชั่วคราวเพราะคิดว่าเดี๋ยวเจ้าของจะต้องมารับแน่ๆ”

“เอ่อ  คือว่าคุณจักรวาลครับ…”

กริ๊ก!

“หือ”

ก้มมองดูทันทีว่าเขาเอาอะไรมาติดตรงปลอกคอ  โซ่ล่ามนั่นเอง…

นี่กะจะล่ามกันตั้งแต่ตรงนี้เลยเรอะ!!!

“กลับ”

“คะ…ครับ”

โหมดเอาจริงก็โหมดเอาจริงเหอะ  สู้โหมดดาร์กของผู้ชายคนนี้ไม่ได้อยู่ดี  แค่สายตาก็ชนะขาดลอยแบบไม่ทิ้งฝุ่นแล้ว

ผมเดินก้มหน้าจ๋อยตามหลังเขาที่จับโซ่แบบพาดข้ามบ่าตัวเองไว้แล้วเดินนำ  พนักงานในบริษัทต่างก็หันมามองก่อนจะปิดปากหัวเราะคิกคักกันยกใหญ่  กูนะกู  ไม่น่าหาเรื่องเลย  อยากรู้นักว่าเขารู้ได้ยังว่าผมอยู่ที่นี่!

“ต่อไปนี้  ถ้าหมาน้อยของฉันมาเที่ยวเล่นที่นี่อีก  ห้ามให้เข้ามาเพ่นพ่านเด็ดขาดไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น”

คุณจักรวาลเดินเข้าไปหาพี่พนักงานตรงเคาน์เตอร์คนเมื่อเช้า  เธอหน้าเหวอพร้อมมองมาทางผมเหมือนต้องการจะถามว่า ‘ฉันควรทำยังไงดีคะ’  ประมาณนั้น

“เข้าใจหรือเปล่า”

“ตะ…แต่เมื่อเช้าท่านรองประธานบอกว่าถ้าเขามาอีกให้ต้อนรับอย่างดีเพราะเป็นแขกของท่านรองประธานนะคะ”

“รองประธานกับฉัน  เธอจะฟังใคร”

“ฟะ…ฟังท่านประธานค่ะ”

“ก็ดี  บอกทุกคนตามนี้ด้วย  ถ้ามีครั้งหน้าที่หมาน้อยของฉันก้าวเข้ามาในบริษัทนี้ได้อีก  ฉันจะไล่ออกให้หมดทุกคน”

“คุณจักรวาล!  ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้ก็ได้นี่ครับ!”

“ถ้านายไม่อยากให้คนพวกนี้ต้องเดือดร้อนตกงานกันเพราะนาย  ก็อย่าคิดจะมาที่นี่อีกเป็นครั้งที่สองเด็ดขาด”

เขาพูดโดยไม่มองหน้าผม  พนักงานทุกคนต่างผงกหัวรับคำเขาอย่างเกรงกลัวก่อนจะกลับไปทำงานประจำที่ของตัวเอง

เผด็จการ!  เอาแต่ใจ!  บ้าอำนาจ!

“ไปได้แล้ว”

“อ๊ะ!”

แทบสะดุดล้มหน้าทิ่ม!  คุณจักรวาลกระตุกโซ่แล้วออกแรงดึกให้ผมเดินตามต่อ  ผมหันไปยกมือขอโทษพวกพี่ๆพนักงานที่ต้องมาซวยไปด้วย  แบบนี้ให้ตายก็คงมาที่นี่อีกไม่ได้แน่ๆ  แต่ผมก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องมาแล้วนี่นา  เรื่องที่อยากรู้ก็ได้รู้ไปหมดแล้วด้วย

“ขึ้นไป”

ก้าวขึ้นรถไปอย่างว่าง่ายสุดๆ  จนกว่าเขาจะกลับเข้าสู่โหมดปกติ  ผมจะไม่แสดงอาการต่อต้านใดๆเด็ดขาด  ดูทรงแล้วถ้าตบะแตกขึ้นมาคงอาละวาดไม่ยั้งแน่ๆ

“โล่งอกไปทีนะครับที่ปลอดภัยคุณไทม์”

“ครับ?”

ผมมองไปทางพี่เข้มที่ทำหน้าที่เป็นคนขับรถให้คุณไทม์วันนี้  เขามองผมผ่านกระจกมองหลังก่อนจะส่งยิ้มให้

“ตอนที่บอสเช็คดูแล้วรู้ว่าคุณไทม์อยู่ที่นี่น่ะ  บอสตกใจแล้วก็เป็นห่วงมากเลยนะครับ  ถึงขนาดทิ้งการประชุมแล้วนั่งเครื่องบินส่วนตัวตรงกลับมาที่นี่ทันทีเลย  ข้าวก็ยังไม่ได้กินตั้งแต่เช้าเลยนะครับ”

สิ้นคำบอกเล่าของพี่เข้ม  ผมหันไปมองคุณจักรวาลที่เอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความรู้สึกผิด  จะบ่ายสามแล้วแต่ก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยเพราะเป็นห่วงผมสินะ

“คุณ…”

“เงียบน่า”

เขาพูดแทรก  พอดูดีๆแล้วที่เสื้อผ้าของเขาค่อนข้างเปียกชุ่มเลยทีเดียว  มันทำให้จินตนาการออกเลยว่าเขาวิ่งเต้นวุ่นวายขนาดไหนเมื่อรู้ว่าผมไปอยู่ในห้องของคุณกวินทร์แบบนั้น

“ขอโทษนะครับ  ที่ทำให้คุณเป็นห่วง”

“…”

“คุณจะลงโทษผมยังไงก็ได้นะครับ  จะตีก็ได้  จะเอาแส้หวด  เอาหวายมาตี  หรือจะจับไปโบยแบบในละครก็ได้   ผมรู้สึกไม่ดีจริงๆที่สร้างความเดือดร้อนให้คุณอีกแล้วทั้งที่คุณเพิ่งจะหายดีจากการช่วยผมคราวก่อน”

ผมก้มหน้าสลด  น้ำตาค่อยๆไหลเพราะความรู้สึกผิดมันอัดแน่นจนแทบระเบิด  เขาต้องเหนื่อยเพื่อคนอย่างผมมามากแค่ไหนแล้ว  รับปากไปตั้งหลายครั้งว่าจะดูแลตัวเอง  จะไม่สร้างเรื่องให้  แต่สุดท้ายผมมันก็ตัวสร้างปัญหาทุกที

“ผม…”

ครืด….

สิ่งที่จะพูดถูกหยุดด้วยเสียงอะไรบางอย่าง  พอหันไปมองก็พบว่ามีอะไรก็ไม่รู้กำลังค่อยๆเลื่อนเข้าหากันตรงด้านหลังเบาะคนขับ  ลักษณะมันคล้ายๆบานประตูของเซเว่น  แต่ในรถเป็นกระจกสีดำทึบแทน  ไม่นานมันก็เลื่อนเข้าหากันจนสุด  กลายเป็นว่าตอนนี้ผมมองไม่เห็นพี่เข้มแล้วเพราะถูกกั้นไว้ด้วยกระจกดำนี่!

“เอ่อ  คุณจักรวาล  นั่น…อุ๊บ!”

พอหันหน้ากลับมาหาคนข้างตัวเพื่อจะถามว่าไอ้สิ่งนั่นมันคืออะไรกันแน่  กลายเป็นว่าผมถูกจู่โจมจูบจากเขาแทน!

“อื้อ…”

ทุบอกเขาเบาๆเพื่อส่งสัญญาณเตือนว่ากำลังจะขาดอากาศหายใจตาย  คุณจักรวาลถอนริมฝีปากออกไปเล็กน้อยแต่ก็ยังใกล้กันมากจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจอยู่   

“นี่คือการลงโทษหมาที่ไม่ชอบหนีเที่ยว”

“ลงโทษเหรอ?”

“อืม  แลบลิ้นออกมาสิ”

หัวใจสั่นไหวจนแทบจะระเบิด  สองมือเกาะบ่าเขาไว้ทั้งที่ร่างกายกำลังสั่นเหมือนถูกแผ่นดินไหว  ไม่รู้ทำไมผมถึงได้มองว่านัยน์ตาเย็นชาของคุณจักรวาลตอนนี้แม่งโคตรเซ็กซี่เลย

“เร็วสิ”

“คะ…ครับ”

ค่อยๆแลบลิ้นออกมาตามที่เขาบอก  ร่างสูงแสยะยิ้มเล็กน้อยอย่างพึงพอใจก่อนที่เขาจะแลบลิ้นของตัวเองออกมาบ้าง

วูบ…!

ทันทีที่ปลายลิ้นของผมกับเขาสัมผัสกัน  ภายในร่างกายก็วูบไหวเหมือนมีอุโมงค์ที่มองไม่เห็นมาดูดเอาเครื่องในผมไปจนหมด  ลิ้นร้อนแทรกผ่านริมฝีปากเข้ามาก่อนจะตวัดคว้านไปทั่วโพรงปาก  ผมออกแรงบีบบ่าแกร่งมากขึ้นแถมยังนั่งตัวแข็งทื่อเพราะไม่รู้ว่าควรจะตอบสนองยังไง

โชคดีนะที่กระจกของรถคันนี้ติดฟิลม์ดำเหมือนกัน  ไม่งั้นคนข้างนอกคงเห็นหมดว่าเรากำลังทำอะไรกัน

“อ๊ะ…”

เผลอปล่อยเสียงอันน่าอายออกเมื่อปลายนิ้วโป้งของคุณจักรวาลสัมผัสเข้ากับยอดอก  แรงบดขยี้ทำให้สมองพร่าเบลอจนประคองสติต่อไปไม่ไหว  ผมแอ่นตัวขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับเงยหน้าขึ้นอย่างลืมตัวเมื่อเขาไล่ริมฝีปากต่ำลงมาที่ซอกคอ

“อื้อ…!”

ลำตัวบิดเกร็ง  ความเย็นจากปลายลิ้นที่กระทบกับยอดอกทำเอาต้องหลับตาปี๋แล้วโอบกอดร่างสูงไว้แน่นขึ้น  แม้ว่าทุกการกระทำจะเป็นการทำผ่านสาบเสื้อ แต่ผมก็แทบคลั่งในสัมผัสที่อ่อนหวานและนุ่มนวลนี้

“คุณจักรวาล…”

รู้สึกได้ว่าปลายยอดมันถูกเขาดูดกลืนและครอบครองไปแล้ว  ผมแอ่นลำตัวเข้าหาเขามากขึ้นราวกับว่าสิ่งที่ได้รับมาตอนนี้มันยังไม่พอ

ตุ้บ…

กว่าจะรู้ตัวอีกที  ร่างกายก็เอนลงนอนกับเบาะรถโดยมีคุณจักรวาลทาบทับอยู่ด้านบนแล้ว  เขายังคงวุ่นวายอยู่กับการครอบครองยอดอกของผมอยู่  ไม่คิดมาก่อนเลยว่าร่างกายของผู้ชายจะมีความรู้สึกเวลาที่ถูกดูดหน้าอกด้วย!  ผมคิดว่าส่วนนี้จะอ่อนไหวง่ายเฉพาะกับร่างกายของผู้หญิงเสียอีก

“อ๊ะ…”

สะดุ้งเล็กน้อยเพราะตอนนี้เสื้อถูกถลกขึ้นมากองอยู่ตรงคอผมหมดแล้ว  ตามเนื้อตัวถูกเขาดูดจนเป็นรอยจ้ำแดงๆเต็มไปหมด  ลิ้นร้อนลากชิมไปทั่วร่างกาย  บอกไม่ถูกเลยว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้มันคืออะไร  รู้แค่ว่าผมอึดอัดช่วงล่างของตัวเองเหลือเกิน!!!

“อื้อ…”

ราวกับคุณจักรวาลอ่านใจผมได้  มือหนาจัดการปลดซิปกางเกงยีนส์ของผมออกแล้วสอดมือผ่านด่านสุดท้ายเข้าไปจับสิ่งที่อยู่ด้านในซึ่งเหมือนจะเริ่มแข็งตัวขึ้นมา

อะไรกัน…

ทำไมผมถึงยังปล่อยให้เขาทำอยู่  สิ่งที่พวกเรากำลังทำอยู่ตอนนี้มันเริ่มเข้าใกล้คำว่า ‘เซ็กส์’ มากขึ้นทุกทีไม่ใช่หรือไง

ทำไม…

“อื้อ!”

ในหัวขาวโพลนเมื่อส่วนนั้นถูกครอบครองด้วยฝ่ามือร้อน  บีบเคล้นสลับหนักเบาจนผมลืมสิ้นทุกสิ่ง  เสียงลมหายใจของอีกฝ่ายดังแรงขึ้นเรื่อยๆ

ต้องการ…ผมต้องการมากกว่านี้…

“ไทม์  ฉัน…”

ก๊อกก๊อกก๊อก

“บอสครับ  ถึงบ้านแล้วครับผม”

ไอ้พี่เข้ม!!!

ทั้งผมและคุณจักรวาลต่างก็มองหน้ากันด้วยแววตาตื่นตระหนกเมื่อกระจกรถถูกเคาะด้วยฝีมือของคนขับ  สักพักอีกฝ่ายก็เริ่มหัวเราะออกมา  ท่าทางของเขาทำให้ผมเริ่มหัวเราะออกมาบ้าง  ผมกับเขาหันมาสบตากันอีกครู่ก่อนที่เขาจะก้มมองน้องชายของผมที่อยู่ในมือเขาอีกรอบ

“เกือบไปแล้วสินะ  ฉันต้องไอดังคุกๆแน่ๆ”

“หะ…หา?  หมายความว่ายังไงครับ”

“อดทนอีกแค่สองปีเท่านั้น  ต้องทนได้สิ”

“คุณจักรวาล  คุณพูดอะไรครับ  ผมไม่เข้าใจ”

เขาละสายตามามองหน้าผมอีกรอบแต่ก็ไม่ยอมตอบ  สุดท้ายก็จับเจ้าน้องชายที่กำลังตื่นตัวเต็มที่ของผมกลับเข้าไปที่เดิม  รูดซิปปิดและดึงตัวผมให้ขึ้นนั่งตามปกติ  ส่วนตัวเองก็จัดการเสื้อผ้าหน้าผมใหม่ให้เรียบร้อยเหมือนในตอนแรก

อ่า…ไอ้ความรู้สึกทีเหมือนเสียดายมันคืออะไรกันฟะ!

ที่แน่ๆตอนนี้คือ…กูเกลียดมึง  ไอ้พี่เข้ม!!!

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

ยู้ฮูวววว  วันนี้อัพสองตอนเลย  ดีใจกันม้ายยยยย  แบบว่าโซ้ยมาม่าและปริศนาความจริงกันมาหลายตอนแล้ว  มาโซ้ยขนมหวานกันบ้างเถอะ 555+  ถ้าท่านจักรวาลจะโมโหและเป็นห่วงจนน้องไทม์โดนลงโทษแบบนี้ล่ะก็…ขอเชิญน้องไทม์ทำให้บ้าเลือดแบบนี้บ่อยๆเลยเจ้าค่ะ  โฮะๆๆๆๆ  อีกนิดเดียวแท้ๆ  ถ้าพี่เข้มผู้ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวไม่มาเคาะกระจกซะก่อนล่ะก็  ท่านจักรวาลผู้ยิ่งใหญ่ของเราคงได้เข้าไปนอนในคุกละ ( ยังอุตส่าห์เล่นมุกไอดังคุกๆด้วยนะ 55555 )  ถึงเนื้อถึงตัวกันขนาดนี้  เมื่อไหร่จะสารภาพความในใจกันตรงๆสักทีก็ไม่รู้  ( ขณะที่คู่นี้เริ่มหวานมากขึ้น  ทางด้านคุณอวกาศและเฟี้ยวยังเป็นโหมด SM อยู่เลย  รุนแรงประหนึ่งว่าถ้าจะขืนใจกันทีอาจต้องมีการจับทุ่มให้หลังหัก 5555 )

ตอนหน้ากลับมาพบกับคู่ SM นะคะ  ว่าท้ายที่สุดแล้ว  การตัดสินใจของอวกาศจะเป็นยังไง  แต่อย่าเพิ่งลงเรือคู่นี้กันมากนักนะคะ  เฟี้ยวยังไม่ได้สารภาพความรู้สึกกับน้องไทม์เลยยยยย  ให้โอกาสพระรองสายห่ามคนนี้ทำคะแนนจึ๋งนึง =..=


ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
พาร์ทนี้หวานจัง :hao5:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ padthaiyen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
เกือบแล้สเกือบโดนกินแล้วหมาน้อย

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0

ตอนที่ 31

การต่อสู้ของพี่น้อง

 

Special  Talk :

“อ่า  ลุกค์นี้ไม่ผ่านแฮะ”

“หือ?”

ส่งเสียงร้องไปอย่างงงๆเมื่อจู่ๆคนที่ตอนแรกกอดผมแน่นแถมยังตัวสั่นเหมือนลูกหมาผละอ้อมกอดออกไป  พอหันกลับไปดูก็พบว่าสีหน้าของมันเป็นปกติมากๆ  ไม่มีท่าทางเหมือนคนร้องไห้เลยสักนิด!  อ้าวเฮ้ย  แล้วที่มันเปียกๆตรงหลังกูนี่อะไรฟะ

“แก…ไม่ได้ร้องไห้เหรอ”

“หา?  เปล่าสักหน่อย  แค่อยากลองดูว่าถ้าฉันพูดแบบเมื่อกี้แล้วจะดูเป็นยังไงน่ะ  แต่มันดูแย่ชะมัด  ไม่แมนเลยว่าไหม”

“ดะ…เดี๋ยวนะ  หมายความว่าไงวะ  เอาให้เข้าใจหน่อยดิ!”

โป๊ก!

“โอ๊ย!  เจ็บนะเฟ้ย!”

ผมยกมือลูบหน้าผากที่โดนมะเหงกป้อยๆ  ไอ้บ้านี่กลับมาใช้ความรุนแรงเป็นกิจวัตรแบบเมื่อก่อนแล้วหรือไง

“นายคิดว่าฉันจะคิดแบบที่พูดไปเมื่อกี้จริงๆหรือไง  สำหรับฉันน่ะ  ถึงพี่จะไม่ใช่สายเลือดเดียวกันก็ตาม  แต่หัวใจของฉันยอมรับไปแล้วว่าเขาคือพี่ชาย  มันจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”

แอบยิ้มเล็กน้อยให้กับความคิดนี้  น่าแปลกที่ผมกลับสบายใจอย่างบอกไม่ถูกพอรู้ว่าไอ้เวรนี่มันไม่ได้คิดระแวงสงสัยไอ้จักรวาลจริงๆ

“แล้วถ้าอาของแกพูดความจริงล่ะ”

“ไม่มีทาง”

“…”

“ฉันอยู่กับพี่ทั้งมาชีวิต  ถึงพี่จะมีความลับเยอะแยะราวกับทั้งตัวถูกสร้างมาจากเขาวงกต  แต่ว่าฉัน…รู้จักเขาดีพอ  ก็พี่น้องกันนี่เนอะ  ฮ้า!  อากาศตรงนี้ดีจริงๆ  ฉันเคยตกลงไปจากความสูงระดับนี้ด้วยเหรอเนี่ย  น่าตกใจชะมัด”

ไอ้อวกาศชะโงกหน้าไปมองข้างล่าง   น่าสงสารคุณอาของมันเหมือนกันนะ  ถ้ารู้ว่าไอ้ที่พยายามเสี้ยมให้พี่น้องแตกคอกันเองมันไม่เป็นผล  จะทำหน้ายังไงนะ  ตาแก่นั่นรู้จักผู้ชายที่ชื่ออวกาศน้อยไปซะแล้ว  คนอย่างหมอนี่  ถึงภายนอกจะดูเป็นคุณไม่เอาไหนดีแต่กะล่อนไปวันๆก็เถอะ  ถ้าเอาจริงขึ้นมาก็น่ากลัวไม่แพ้พี่ชายอย่างไอ้จักรวาลหรอก

“พูดถึงเรื่องอุบัติเหตุนั่น  ฉันเองก็ไม่ได้เชื่อที่อาแกบอกหรอกนะ  แต่…อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเหตุการณ์ในวันนั้น  ไอ้จักรวาลถึงไม่ได้อยู่บนรถด้วย  หรือวันนั้นมีแค่แกกับพ่อที่จะไปไหนด้วยกันสองคน?”

“โทษทีนะ  ถึงจะรู้ความจริงเรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อน  ก็ใช่ว่าความทรงจำที่หายไปมันจะกลับมาด้วย  ฉันยังจำอะไรไม่ได้ทั้งนั้นนั่นแหละ”

“เวร  งั้นจะเอาไง  ถ้าเรื่องนี้ไม่กระจ่าง  ยังไงก็คงสบายใจร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้อยู่ดี”

“ไม่ต้องห่วง  ฉันมีแผน”

“แผนอะไรวะ”

“เดี๋ยวก็รู้  ไปกันเถอะ”

“ไปไหน?”

“นายนี่มันเด็กขี้สงสัยจริงๆ  ถามมันหมดเสียทุกอย่าง”

“เอ้า!  ก็กูคือคนที่ถูกลากไปนู่นไปนี่นะเว้ย  กูก็ต้องถามสิวะ”

ขนาดถามมึงยังไม่ค่อยจะตอบเลยเถอะ

“ว่าแต่  ถ้ามึงไม่ได้ร้องไห้  แล้วทำไมเสื้อข้างหลังกูถึงเปียกอ่ะ”

“อ๋อ  เรื่องนั้น…”

“…”

“น้ำลายน่ะ  ฉันอยากให้มันดูเหมือนจริงเลยพยายามบีบน้ำตาแต่ว่ามันก็ไม่ยอมไหล  เลยใช้น้ำลายซะเลย  ง่ายดี” 

มันตอบพร้อมส่งยิ้มแป้นเหมือนไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิด  ต่างจากผมที่พอรู้ว่าให้น้ำที่มันเปียกหลังอยู่ตอนนี้คือน้ำลายของมันก็รีบถอดเสื้อแล้วเขวี้ยงใส่หน้ามันทันที

“ไอ้เหี้ย! สกปรกเว้ย!”

“อะไรเนี่ย  น้ำลายฉันสะอาดน่า”

“บรื๋อออ  ขนลุก!”

ผมลูบแขนตัวเองไปมา  เดาความคิดไอ้บ้านี่ไม่ออกเลยจริงๆ  เกิดบนโลกมนุษย์แน่เหรอวะ  นิสัยประหลาดขนาดนี้น่าจะเกิดมาจากดาวอื่นมากกว่า!

“ทำไรอ่ะ”

ถามอย่างกังวล  ไอ้อวกาศถอดเสื้อของตัวเองออกมาก่อนจะยื่นมันให้กับผม

“ใส่ซะ”

“ไม่!”

“ไม่อยากให้ใครเห็นไม่ใช่หรือไง  นั่นน่ะ…”

คำพูดของมันทำให้ผมนึกขึ้นมาได้เรื่องแผลเป็นข้างหลังของตัวเอง  เลยรับเสื้อมันมาแล้วใส่ทันที  ละ…หลวมนิดหน่อยแฮะ  มันตัวใหญ่กว่าผมอีกเหรอเนี่ย!

“รู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ”

“คิดว่าพวกเรารู้จักกันมากี่ปีฮะ  เรื่องของนายฉันรู้หมดนั่นแหละ”

“ขี้เสือกน่ะสิไม่ว่า”

“ปากดีแบบนี้มันน่าโดนเตะให้เลือดกบปากสักทีเนอะว่าไหม”

“เตะปากตัวเองไปสิ”

ถลึงตาใส่มันก่อนจะเดินไปขึ้นรถ  กลายเป็นว่าเรื่องของผมไม่ได้มีแค่ไอ้จักรวาลที่รู้  แต่ยังมีแล้วก็ไอ้อวกาศด้วยสินะ พูดถึงแผลเป็น…

คนที่ทำให้เกิดแผลเป็นนี้บนตัวผม  ยังหาไม่เจอเลยนี่…

“ไม่ต้องกังวลหรอก  คุณป้าต้องปลอดภัย”

ไอ้อวกาศที่เดินตามขึ้นมานั่งประจำที่คนขับเอ่ยขึ้น  มันเอนตัวพิงซบกับพวงมาลัยรถพลางหันมาจ้องหน้าผม

“ฉันไม่ได้กังวล”

“หน้านายมันฟ้องนะ”

“…”

“ถ้าตัดไม่ขาดก็ไม่ต้องฝืนหรอก  เกลียดไม่ลงก็กลับไปรักท่านเหมือนเดิมซะ  ไม่เห็นต้องทิฐิเลย”

“ฉันไม่ได้ทิฐิ  แล้วฉันก็เกลียดผู้หญิงคนนั้น  ที่เป็นห่วงก็เพราะเป็นแม่ของมารีอาเท่านั้นแหละ”

“โกหกไม่เก่งเหมือนเดิมเลยนะนาย”

“อย่ามาจุ้น”

“โทษทีนะ  แต่คำพูดเหน็บแนมเจ็บๆของนายทำอะไรฉันไม่ได้หรอก  เพราะฉันชินกับปากหมาๆของนายแล้ว  หรือจะเรียกว่ามีภูมิต้านทานก็ได้”

“นี่…”

“หื้ม?”

“จะจ้องหน้ากูอีกนานไหม”

สุดท้ายผมก็หมดความอดทนถามออกไปในที่สุด   เล่นเอาแต่จ้องหน้าไม่ยอมสตารทรถสักทีแบบนี้เมื่อไหร่จะกลับบ้านล่ะเฟ้ย!

“ถึงปากจะหมาขึ้นแต่ไอ้หน้าตาน่ารักๆของนายนี่ยังเหมือนตอนเด็กๆเปี๊ยบ”

“ไม่มีผู้ชายคนไหนดีใจกับคำว่าน่ารักหรอกโว้ย!”

“อะไรกัน ทีเมื่อก่อนล่ะมาอ้อนให้อุ้มถามว่าผมน่ารักไหมๆแทบทุกวัน”

“นะ…นั่นมันตอนเด็กๆไม่ใช่หรือไงฟะ!”

เมื่อไหร่จะเลิกเอาเรื่องเก่าๆมาพูดสักที  ขุดมาแต่ละเรื่องมีแต่เรื่องน่าอายทั้งนั้น!

“คร้าบๆ  ตอนเด็กก็ตอนเด็ก  แต่ฉันก็ไม่ได้รังเกียจหรอกนะถ้านายในตอนนี้จะอ้อนฉันเหมือนเมื่อก่อน”

ไม่พูดเปล่า  มันยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้  จนผมต้องเป็นฝ่ายเขยิบหน้าหนี  แต่ก็หนีไม่ได้เยอะหรอก  อยู่บนรถแคบๆแบบนี้

“มึงนี่ถ้าจะเครียดมากนะ  ให้กูพาไปรับยาที่ช่องสอง…”

“ลองจูบกันไหม”

“หา?!!!!”

ร้องเสียงหลงพลางหันขวับไปมองมันอย่างตกใจ  จู่ๆพูดเหี้ยอะไรออกมาวะนั่น!  รู้สึกเหมือนนั่งแดกข้าวอยู่ดีๆแล้วมีระเบิดจากไหนไม่รู้ถูกทิ้งลงมากลางวงเลย!

“ล้อเล่นน่ะ  คาดเข็มขัดได้แล้ว  ฉันจะออกรถ”

“อะ…อือ”

อะไรของมันวะ  ทิ้งระเบิดไว้แล้วมาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ผมลอบมองไอ้อวกาศที่หยิบเอาเสื้อเชิ้ตหลังรถมาใส่ไปก่อน  สีหน้าทุกอย่างยังดูปกติ  แสดงว่าเมื่อกี้มันคงจะพูดเล่นจริงๆ  แต่ว่านะ…เรื่องจูบนี่มันใช่เรื่องที่ควรเอามาพูดเล่นหรือไง!

พูดถึงจูบ  เราเองก็จูบกับไอ้ไทม์ไปแล้วนี่หว่า

อ่า…พอคิดถึงจูบนั่นแล้ว…

‘อยากจูบอีกจังแฮะ’

 

เงียบ…

วังเวง…

โค ตะ ระ เงียบบบบ!

ผมนั่งหลังตรง  เขาชิดกันแล้ววางมือไว้บนหน้าขาของตัวเองอีกทีโดยไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไรออกมาเลย  ขณะที่คุณจักรวาลเองก็นั่งกอดอกมองอะไรไปเรื่อยเปื่อย  พวกเรานั่งข้างๆกันก็จริงแต่ไม่มีใครพูดอะไรเลย  แม้แต่จะสบกล้ายังไม่กล้าเลยด้วยซ้ำ

ทำไงได้ล่ะ  พอคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นบนรถเมื่อกี้แล้วมันอายนี่หว่า!

อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหนแล้วเนี่ย!  แค่คิดว่าเมื่อกี้ตรงนั้นของผมถูกมือของเขาสัมผัสแบบเต็มๆ  หน้ามันก็ขึ้นสีและร้อนฉ่าจนควบคุมไม่ได้แล้ว

“เอ่อ…”

“เอ่อ…”

เวร!  พอจะพูดดันมาพูดพร้อมกันอีก!

ผมกับคุณจักรวาลมองหน้ากันอย่างตกใจด้วยคิดไม่ถึงว่าจะมาส่งเสียงพร้อมกันแบบนี้  ไอ้อาการประหม่าเหมือนคนกำลังมีความรักแบบนี้มันช่างเป็นอาการที่รับมือยากเสียจริง!

ควบคุมก็ไม่ได้  ปล่อยเลยตามเลยก็ไม่ได้  มีแต่ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจอัดแน่นอยู่เต็มไปหมดเลย

“คะ…คุณจักรวาลจะพูดอะไรเหรอครับ”

“นายพูดก่อนเลย”

“ลืมไปแล้วครับ”

“ฉันก็ลืมไปแล้วเหมือนกัน”

และความเงียบก็เข้าครอบงำอีกครั้ง  ได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มนาฬิกาที่กำลังเดิน  ขืนอยู่แบบนี้ต่อไปต้องอึดอัดตายแน่ๆ  จะมีใครเข้ามาช่วยทำลายความเงียบได้บ้างมั้ยฟะ!  ไม่งั้นผมจะระเบิดตัวเองตายในอีกสามวินาทีแล้วนะ!

“ยะฮู้!  อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเลยเหรอเนี่ย”

“คุณอวกาศ!  ไอ้เฟี้ยว!”

โฮ!  ผมแทบจะบินเข้าไปกอดพวกเขาสองคนด้วยความดีใจที่โผล่มาในเวลาแบบนี้พอดี  สองคนที่โดนผมตะโกนเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงร่าเริงสุดกู่ขนาดนั้นต่างก็ชะงักอยู่ตรงทางเข้าห้องรับแขก  ก่อนที่ไอ้เฟี้ยวจะหรี่ตามองอย่างจับผิด

“มึงดูดี๊ด๊ามากเลยนะที่พวกกูกลับมา  มีอะไรหรือเปล่า”

“เปล๊า!  ไม่มี้ไม่มี”

ปฏิเสธเสียงสูง    ซ้ำท่าทางยังลุกลี้ลุกลนเหมือนคนกำลังปิดบังอีก  ให้ตายเถอะ  แบบนี้มันเท่ากับบอกเขาชัดๆเลยไม่ใช่หรือไงว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น!

“น่าสงสัยโคตรๆ  มึงปิดบังอะไรกูอยู่ใช่ไหม”

“จะ…จะ…จะ…จะไปมีได้ยังไงกันล่ะ  มึงมากคิดไปแล้ว”

“คิดมาก!”

ไอ้เฟี้ยวกับคุณอวกาศแก้คำให้พร้อมกัน  ทางที่ดีผมควรจะหยุดพูดแล้วอยู่เฉยๆต่อไปดีกว่า  ไม่งั้นโดนเค้นเอาความจริงจนหมดเปลือกแน่ๆ

“ไปไหนมา”

คนข้างๆช่วยดึงความสนใจไปแทนได้ทันท่วงที  ผมลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก  เกือบไปแล้วไหมล่ะ  สายตารีดเอาความจริงของไอ้เฟี้ยวแม่งโคตรน่ากลัว!

“พี่…มานี่หน่อยสิ”

คุณอวกาศกวักมือเรียกพี่ชายตัวเอง  ร่างสูงย่นคิ้วเล็กน้อยราวกับกำลังสงสัยว่าอีกฝ่ายจะเรียกให้เข้าลุกไปหาทำไม  แต่สุดท้ายก็ยอมลุกเดินเข้าไปหาโดยไม่ถามอะไรอยู่ดี  ผมหันไปมองไอ้เฟี้ยวพลางส่งคำถามผ่านทางสายตาว่า ‘มีเรื่องอะไรหรือเปล่า’

ไม่รู้สิ  มันสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกๆชอบกล…

พลั่ก!!!

“เฮ้ยยย!”

ทั้งผมและไอ้เฟี้ยวต่างก็ร้องตะโกนขึ้นมาพร้อมกันอย่างตกใจ  ทันทีที่คุณจักรวาลเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าคุณอวกาศ  เขาก็ปล่อยหมัดเน้นๆลงบนหน้าพี่ชายจนอีกฝ่ายเซถลาไป!

“คุณอวกาศทำไม…!”

พลั่ก!

ไม่มีการพูดจาใดๆอีก  คุณอวกาศกระโดดถีบเข้าเต็มๆท้องของคุณจักรวาลจนเขาหงายหลังล้มตึงลงไป  ก่อนที่คนหัวขาวจะพุ่งตามเข้าไปนั่งคร่อมแล้วซัดใบหน้าของคนหัวดำแบบไม่ยั้ง!

“ไอ้เฟี้ยว  มันเรื่องอะไรกันวะ”

“กูก็ไม่รู้  ยืนงงอยู่กับมึงเนี่ย!”

“พวกเขาทะเลาะกันเหรอ”

“ต่อยกันขนาดนี้มันคงแสดงความรักต่อกันมั้งไอ้ฟาย!”

“เอ้า…!”

โดนด่าอีกกู  แล้วจะทำยังไงดีวะเนี่ย  ยังจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูกเลยด้วย  ไม่สิ  ต้องบอกว่าผมกำลังตกใจถึงขีดสุดเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่สองคนนี้ทะเลาะกันถึงขั้นลงไม้ลงมือ

พลั่ก!

โอ๊ะ!  คุณจักรวาลต่อยคุณอวกาศกลับล่ะ  ผมเบิกตากว้าง  ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าเขาจะสวนกลับไปด้วย!

“หึ!”

คนน้องแสยะยิ้ม  ดูท่าทางสนุกสนานเหลือเกินที่พี่ชายสวนกลับไปแบบนี้  จากที่เคยเป็นฝ่ายพุ่งเข้าใส่อย่างเดียว  ตอนนี้กลายเป็นว่าพวกเขาสู้กันนัวเนียแบบไม่มีใครยอมใคร  โดยมีผมและไอ้เฟี้ยวยืนเป็นสักขีพยานอยู่ไม่ไกล

พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!

ผลัวะ! พลั่ก! ผลัวะ!

หมัดแล้วหมัดเล่าที่ทั้งคู่ต่างประเคนใส่กันไม่ยั้ง  จะดูไร้สาระไปไหมถ้าผมจะบอกว่าภาพที่พวกเขาสู้กันมันช่างดูดีราวกับภาพวาดเหลือเกิน!

คนหนึ่งก็สวมชุดสีดำปกคลุมไปทั่วร่างกาย  ส่วนอีกคนก็ถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยสีขาว…

“ไอ้ไทม์  เราสั่งพิซซ่ามากินกันดีไหม  กูหิวมากเลยตอนนี้”

“มันไม่น่าจะใช่เวลามากินมั้งมึง  เขาจะฆ่ากันตายแล้วนะนั่นน่ะ”

“ไม่ต้องห่วงพวกมันหรอก  นี่เป็นวิธีปรับความเข้าใจตามประสาพี่น้อง”

“หา?”

“เชื่อกูเหอะน่า  เดี๋ยวพอแม่งหมดแรงมันก็เลิกอาละวาดกันเองล่ะ”

แล้วไอ้เฟี้ยวก็เดินไปนั่งเอกเขนกบนโซฟาอย่างสบายใจเฉิบ  ปล่อยให้สองพี่น้องต่อสู้กันต่อไปแบบไม่มีใครยอมใคร  ใบหน้าของพวกเขาฟกช้ำและแตกเลือดจนผมอดเป็นห่วงไม่ได้  ถ้าจะปรับความเข้าใจกันจริงๆก็ใช้ภาษามนุษย์คุยกันไม่ได้หรือไงฟะ!  เล่นกันแบบนี้ถ้าบาดเจ็บรุนแรงขึ้นมามันคุ้มเสียที่ไหน!

…………………………..

…………………

…………..

ตุ้บ! ตุ้บ!

เวลาผ่านไปนานเสียจนพิซซ่าที่ไอ้เฟี้ยวโทรสั่งมาส่งเรียบร้อย  และมันก็กำลังนั่งแดกอย่างเอร็ดอร่อย  สองร่างสูงที่สภาพสะบักสะบอมจนแทบยืนไม่อยู่ต่างก็ร่วงไปนอนหงายเก๋งอยู่บนพื้นพร้อมกัน  ผมอยากจะเข้าไปช่วยพยุงพวกเขาแต่ไอ้เฟี้ยวก็สั่งไม่ให้เข้าไปยุ่งเด็ดขาดถ้าอยากให้สองคนนั้นเปิดใจคุยกันได้  เลยทำได้แค่นั่งจ๋องอยู่บนโซฟามองพวกเขาเท่านั้น

“แฮ่ก!  แฮ่ก!  นานแล้วนะ  ที่ไม่ได้สู้กับพี่แบบนี้”

“ใช่  นายแข็งแกร่งขึ้นมาก”

“เอาล่ะ  ทีนี้ก็ได้เวลาคุยกันสักที”

หมับ!

ผมสะดุ้งตัวเกร็งเมื่อคุณอวกาศที่นอนแผ่หลาอยู่ข้างๆคุณจักรวาลยันตัวลุกนั่งแล้วใช้สองมือดึงคอเสื้ออีกฝ่ายราวกับจะมีเรื่องกันอีกครั้ง!

“บอกมา  สิบแปดปีก่อน  ทำไม…พี่ถึงไม่ได้อยู่บนรถกับผมและพ่อ”

“เริ่มแล้วสินะ”

ไอ้เฟี้ยวยัดพิซซ่าคำสุดท้ายเข้าปากก่อนจะเหยียดยิ้มและหมุนตัวหันไปให้ความสนใจกับพวกเขาสองคน

สิบแปดปีก่อนอะไรกัน…

หมายถึงเรื่องที่คุณจักรวาลเคยพูดไว้ตอนที่บอกเรื่องของกวินทร์น่ะเหรอ?

“วันนั้น…พี่อยู่ที่ไหนกันแน่”

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  ความจริงทั้งหมดของเมื่อสิบแปดปีก่อนกำลังจะถูกเปิดเผยแล้ว!  สุดท้ายแผนการเสี้ยมให้พี่น้องแตกคอกันเองก็ไม่ได้ผล  นี่สินะคือการเชื่อใจกันของพี่น้อง  แม้ว่าจักรวาลจะไม่เคยบอกอะไรกับเขาก็ตามที  แต่อวกาศก็พร้อมที่จะเชื่อใจพี่ชายของเขาโดยไม่มีข้อแม้  ถึงสุดท้ายแล้วจะต้องมีเลือดตกยางออกกันนิดหน่อยเพื่อปรับความเข้าใจกันตามประสาลูกผู้ชายก็เถอะ 55555+

มารอดูกันว่าความจริงที่ซ่อนอยู่ของเหตุการณ์เมื่อสิบแปดปีก่อนคืออะไรกันแน่  ในวันนั้น…จักรวาลอยู่ที่ไหน???

​มีเรื่องใหม่มาแนะนำด้วยนะคะ  ใครสนใจตามไปอ่านได้นะ  "SEX(Y)ีักโคตรแซ่บ!"  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61699.0)

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
เล่าเลย นี่อยากรู้ต็มแก่เหมืนกัน

ออฟไลน์ numay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1

ออฟไลน์ Isunn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 349
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
 :hao3:  ต่อยกันเสร็จ จักรวาลคงไปให้ไทม์ทำแผล แล้วจากนั้น ๆ ๆ ๆ  :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ตอนแรกนึกว่าจะมีดราม่าจักรวาลกับอวกาศ ฮ่วยยยย กลับตาลปัตรซะงั้น พี่น้องเค้าเคลียร์กันเจ็บดีเนอะ เฟี้ยวก็ชิลล์เกิ้น :laugh:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ปูเสื่อรอ  เป็ปซี่พร้อม ข้าวโพดคั่วพร้อม รอคนแต่งโพส   :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด