ตอนที่ 31
การต่อสู้ของพี่น้อง
Special Talk :
“อ่า ลุกค์นี้ไม่ผ่านแฮะ”
“หือ?”
ส่งเสียงร้องไปอย่างงงๆเมื่อจู่ๆคนที่ตอนแรกกอดผมแน่นแถมยังตัวสั่นเหมือนลูกหมาผละอ้อมกอดออกไป พอหันกลับไปดูก็พบว่าสีหน้าของมันเป็นปกติมากๆ ไม่มีท่าทางเหมือนคนร้องไห้เลยสักนิด! อ้าวเฮ้ย แล้วที่มันเปียกๆตรงหลังกูนี่อะไรฟะ
“แก…ไม่ได้ร้องไห้เหรอ”
“หา? เปล่าสักหน่อย แค่อยากลองดูว่าถ้าฉันพูดแบบเมื่อกี้แล้วจะดูเป็นยังไงน่ะ แต่มันดูแย่ชะมัด ไม่แมนเลยว่าไหม”
“ดะ…เดี๋ยวนะ หมายความว่าไงวะ เอาให้เข้าใจหน่อยดิ!”
โป๊ก!
“โอ๊ย! เจ็บนะเฟ้ย!”
ผมยกมือลูบหน้าผากที่โดนมะเหงกป้อยๆ ไอ้บ้านี่กลับมาใช้ความรุนแรงเป็นกิจวัตรแบบเมื่อก่อนแล้วหรือไง
“นายคิดว่าฉันจะคิดแบบที่พูดไปเมื่อกี้จริงๆหรือไง สำหรับฉันน่ะ ถึงพี่จะไม่ใช่สายเลือดเดียวกันก็ตาม แต่หัวใจของฉันยอมรับไปแล้วว่าเขาคือพี่ชาย มันจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”
แอบยิ้มเล็กน้อยให้กับความคิดนี้ น่าแปลกที่ผมกลับสบายใจอย่างบอกไม่ถูกพอรู้ว่าไอ้เวรนี่มันไม่ได้คิดระแวงสงสัยไอ้จักรวาลจริงๆ
“แล้วถ้าอาของแกพูดความจริงล่ะ”
“ไม่มีทาง”
“…”
“ฉันอยู่กับพี่ทั้งมาชีวิต ถึงพี่จะมีความลับเยอะแยะราวกับทั้งตัวถูกสร้างมาจากเขาวงกต แต่ว่าฉัน…รู้จักเขาดีพอ ก็พี่น้องกันนี่เนอะ ฮ้า! อากาศตรงนี้ดีจริงๆ ฉันเคยตกลงไปจากความสูงระดับนี้ด้วยเหรอเนี่ย น่าตกใจชะมัด”
ไอ้อวกาศชะโงกหน้าไปมองข้างล่าง น่าสงสารคุณอาของมันเหมือนกันนะ ถ้ารู้ว่าไอ้ที่พยายามเสี้ยมให้พี่น้องแตกคอกันเองมันไม่เป็นผล จะทำหน้ายังไงนะ ตาแก่นั่นรู้จักผู้ชายที่ชื่ออวกาศน้อยไปซะแล้ว คนอย่างหมอนี่ ถึงภายนอกจะดูเป็นคุณไม่เอาไหนดีแต่กะล่อนไปวันๆก็เถอะ ถ้าเอาจริงขึ้นมาก็น่ากลัวไม่แพ้พี่ชายอย่างไอ้จักรวาลหรอก
“พูดถึงเรื่องอุบัติเหตุนั่น ฉันเองก็ไม่ได้เชื่อที่อาแกบอกหรอกนะ แต่…อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเหตุการณ์ในวันนั้น ไอ้จักรวาลถึงไม่ได้อยู่บนรถด้วย หรือวันนั้นมีแค่แกกับพ่อที่จะไปไหนด้วยกันสองคน?”
“โทษทีนะ ถึงจะรู้ความจริงเรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อน ก็ใช่ว่าความทรงจำที่หายไปมันจะกลับมาด้วย ฉันยังจำอะไรไม่ได้ทั้งนั้นนั่นแหละ”
“เวร งั้นจะเอาไง ถ้าเรื่องนี้ไม่กระจ่าง ยังไงก็คงสบายใจร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้อยู่ดี”
“ไม่ต้องห่วง ฉันมีแผน”
“แผนอะไรวะ”
“เดี๋ยวก็รู้ ไปกันเถอะ”
“ไปไหน?”
“นายนี่มันเด็กขี้สงสัยจริงๆ ถามมันหมดเสียทุกอย่าง”
“เอ้า! ก็กูคือคนที่ถูกลากไปนู่นไปนี่นะเว้ย กูก็ต้องถามสิวะ”
ขนาดถามมึงยังไม่ค่อยจะตอบเลยเถอะ
“ว่าแต่ ถ้ามึงไม่ได้ร้องไห้ แล้วทำไมเสื้อข้างหลังกูถึงเปียกอ่ะ”
“อ๋อ เรื่องนั้น…”
“…”
“น้ำลายน่ะ ฉันอยากให้มันดูเหมือนจริงเลยพยายามบีบน้ำตาแต่ว่ามันก็ไม่ยอมไหล เลยใช้น้ำลายซะเลย ง่ายดี”
มันตอบพร้อมส่งยิ้มแป้นเหมือนไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิด ต่างจากผมที่พอรู้ว่าให้น้ำที่มันเปียกหลังอยู่ตอนนี้คือน้ำลายของมันก็รีบถอดเสื้อแล้วเขวี้ยงใส่หน้ามันทันที
“ไอ้เหี้ย! สกปรกเว้ย!”
“อะไรเนี่ย น้ำลายฉันสะอาดน่า”
“บรื๋อออ ขนลุก!”
ผมลูบแขนตัวเองไปมา เดาความคิดไอ้บ้านี่ไม่ออกเลยจริงๆ เกิดบนโลกมนุษย์แน่เหรอวะ นิสัยประหลาดขนาดนี้น่าจะเกิดมาจากดาวอื่นมากกว่า!
“ทำไรอ่ะ”
ถามอย่างกังวล ไอ้อวกาศถอดเสื้อของตัวเองออกมาก่อนจะยื่นมันให้กับผม
“ใส่ซะ”
“ไม่!”
“ไม่อยากให้ใครเห็นไม่ใช่หรือไง นั่นน่ะ…”
คำพูดของมันทำให้ผมนึกขึ้นมาได้เรื่องแผลเป็นข้างหลังของตัวเอง เลยรับเสื้อมันมาแล้วใส่ทันที ละ…หลวมนิดหน่อยแฮะ มันตัวใหญ่กว่าผมอีกเหรอเนี่ย!
“รู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ”
“คิดว่าพวกเรารู้จักกันมากี่ปีฮะ เรื่องของนายฉันรู้หมดนั่นแหละ”
“ขี้เสือกน่ะสิไม่ว่า”
“ปากดีแบบนี้มันน่าโดนเตะให้เลือดกบปากสักทีเนอะว่าไหม”
“เตะปากตัวเองไปสิ”
ถลึงตาใส่มันก่อนจะเดินไปขึ้นรถ กลายเป็นว่าเรื่องของผมไม่ได้มีแค่ไอ้จักรวาลที่รู้ แต่ยังมีแล้วก็ไอ้อวกาศด้วยสินะ พูดถึงแผลเป็น…
คนที่ทำให้เกิดแผลเป็นนี้บนตัวผม ยังหาไม่เจอเลยนี่…
“ไม่ต้องกังวลหรอก คุณป้าต้องปลอดภัย”
ไอ้อวกาศที่เดินตามขึ้นมานั่งประจำที่คนขับเอ่ยขึ้น มันเอนตัวพิงซบกับพวงมาลัยรถพลางหันมาจ้องหน้าผม
“ฉันไม่ได้กังวล”
“หน้านายมันฟ้องนะ”
“…”
“ถ้าตัดไม่ขาดก็ไม่ต้องฝืนหรอก เกลียดไม่ลงก็กลับไปรักท่านเหมือนเดิมซะ ไม่เห็นต้องทิฐิเลย”
“ฉันไม่ได้ทิฐิ แล้วฉันก็เกลียดผู้หญิงคนนั้น ที่เป็นห่วงก็เพราะเป็นแม่ของมารีอาเท่านั้นแหละ”
“โกหกไม่เก่งเหมือนเดิมเลยนะนาย”
“อย่ามาจุ้น”
“โทษทีนะ แต่คำพูดเหน็บแนมเจ็บๆของนายทำอะไรฉันไม่ได้หรอก เพราะฉันชินกับปากหมาๆของนายแล้ว หรือจะเรียกว่ามีภูมิต้านทานก็ได้”
“นี่…”
“หื้ม?”
“จะจ้องหน้ากูอีกนานไหม”
สุดท้ายผมก็หมดความอดทนถามออกไปในที่สุด เล่นเอาแต่จ้องหน้าไม่ยอมสตารทรถสักทีแบบนี้เมื่อไหร่จะกลับบ้านล่ะเฟ้ย!
“ถึงปากจะหมาขึ้นแต่ไอ้หน้าตาน่ารักๆของนายนี่ยังเหมือนตอนเด็กๆเปี๊ยบ”
“ไม่มีผู้ชายคนไหนดีใจกับคำว่าน่ารักหรอกโว้ย!”
“อะไรกัน ทีเมื่อก่อนล่ะมาอ้อนให้อุ้มถามว่าผมน่ารักไหมๆแทบทุกวัน”
“นะ…นั่นมันตอนเด็กๆไม่ใช่หรือไงฟะ!”
เมื่อไหร่จะเลิกเอาเรื่องเก่าๆมาพูดสักที ขุดมาแต่ละเรื่องมีแต่เรื่องน่าอายทั้งนั้น!
“คร้าบๆ ตอนเด็กก็ตอนเด็ก แต่ฉันก็ไม่ได้รังเกียจหรอกนะถ้านายในตอนนี้จะอ้อนฉันเหมือนเมื่อก่อน”
ไม่พูดเปล่า มันยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ จนผมต้องเป็นฝ่ายเขยิบหน้าหนี แต่ก็หนีไม่ได้เยอะหรอก อยู่บนรถแคบๆแบบนี้
“มึงนี่ถ้าจะเครียดมากนะ ให้กูพาไปรับยาที่ช่องสอง…”
“ลองจูบกันไหม”
“หา?!!!!”
ร้องเสียงหลงพลางหันขวับไปมองมันอย่างตกใจ จู่ๆพูดเหี้ยอะไรออกมาวะนั่น! รู้สึกเหมือนนั่งแดกข้าวอยู่ดีๆแล้วมีระเบิดจากไหนไม่รู้ถูกทิ้งลงมากลางวงเลย!
“ล้อเล่นน่ะ คาดเข็มขัดได้แล้ว ฉันจะออกรถ”
“อะ…อือ”
อะไรของมันวะ ทิ้งระเบิดไว้แล้วมาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมลอบมองไอ้อวกาศที่หยิบเอาเสื้อเชิ้ตหลังรถมาใส่ไปก่อน สีหน้าทุกอย่างยังดูปกติ แสดงว่าเมื่อกี้มันคงจะพูดเล่นจริงๆ แต่ว่านะ…เรื่องจูบนี่มันใช่เรื่องที่ควรเอามาพูดเล่นหรือไง!
พูดถึงจูบ เราเองก็จูบกับไอ้ไทม์ไปแล้วนี่หว่า
อ่า…พอคิดถึงจูบนั่นแล้ว…
‘อยากจูบอีกจังแฮะ’
เงียบ…
วังเวง…
โค ตะ ระ เงียบบบบ!
ผมนั่งหลังตรง เขาชิดกันแล้ววางมือไว้บนหน้าขาของตัวเองอีกทีโดยไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไรออกมาเลย ขณะที่คุณจักรวาลเองก็นั่งกอดอกมองอะไรไปเรื่อยเปื่อย พวกเรานั่งข้างๆกันก็จริงแต่ไม่มีใครพูดอะไรเลย แม้แต่จะสบกล้ายังไม่กล้าเลยด้วยซ้ำ
ทำไงได้ล่ะ พอคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นบนรถเมื่อกี้แล้วมันอายนี่หว่า!
อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหนแล้วเนี่ย! แค่คิดว่าเมื่อกี้ตรงนั้นของผมถูกมือของเขาสัมผัสแบบเต็มๆ หน้ามันก็ขึ้นสีและร้อนฉ่าจนควบคุมไม่ได้แล้ว
“เอ่อ…”
“เอ่อ…”
เวร! พอจะพูดดันมาพูดพร้อมกันอีก!
ผมกับคุณจักรวาลมองหน้ากันอย่างตกใจด้วยคิดไม่ถึงว่าจะมาส่งเสียงพร้อมกันแบบนี้ ไอ้อาการประหม่าเหมือนคนกำลังมีความรักแบบนี้มันช่างเป็นอาการที่รับมือยากเสียจริง!
ควบคุมก็ไม่ได้ ปล่อยเลยตามเลยก็ไม่ได้ มีแต่ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจอัดแน่นอยู่เต็มไปหมดเลย
“คะ…คุณจักรวาลจะพูดอะไรเหรอครับ”
“นายพูดก่อนเลย”
“ลืมไปแล้วครับ”
“ฉันก็ลืมไปแล้วเหมือนกัน”
และความเงียบก็เข้าครอบงำอีกครั้ง ได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มนาฬิกาที่กำลังเดิน ขืนอยู่แบบนี้ต่อไปต้องอึดอัดตายแน่ๆ จะมีใครเข้ามาช่วยทำลายความเงียบได้บ้างมั้ยฟะ! ไม่งั้นผมจะระเบิดตัวเองตายในอีกสามวินาทีแล้วนะ!
“ยะฮู้! อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเลยเหรอเนี่ย”
“คุณอวกาศ! ไอ้เฟี้ยว!”
โฮ! ผมแทบจะบินเข้าไปกอดพวกเขาสองคนด้วยความดีใจที่โผล่มาในเวลาแบบนี้พอดี สองคนที่โดนผมตะโกนเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงร่าเริงสุดกู่ขนาดนั้นต่างก็ชะงักอยู่ตรงทางเข้าห้องรับแขก ก่อนที่ไอ้เฟี้ยวจะหรี่ตามองอย่างจับผิด
“มึงดูดี๊ด๊ามากเลยนะที่พวกกูกลับมา มีอะไรหรือเปล่า”
“เปล๊า! ไม่มี้ไม่มี”
ปฏิเสธเสียงสูง ซ้ำท่าทางยังลุกลี้ลุกลนเหมือนคนกำลังปิดบังอีก ให้ตายเถอะ แบบนี้มันเท่ากับบอกเขาชัดๆเลยไม่ใช่หรือไงว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น!
“น่าสงสัยโคตรๆ มึงปิดบังอะไรกูอยู่ใช่ไหม”
“จะ…จะ…จะ…จะไปมีได้ยังไงกันล่ะ มึงมากคิดไปแล้ว”
“คิดมาก!”
ไอ้เฟี้ยวกับคุณอวกาศแก้คำให้พร้อมกัน ทางที่ดีผมควรจะหยุดพูดแล้วอยู่เฉยๆต่อไปดีกว่า ไม่งั้นโดนเค้นเอาความจริงจนหมดเปลือกแน่ๆ
“ไปไหนมา”
คนข้างๆช่วยดึงความสนใจไปแทนได้ทันท่วงที ผมลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เกือบไปแล้วไหมล่ะ สายตารีดเอาความจริงของไอ้เฟี้ยวแม่งโคตรน่ากลัว!
“พี่…มานี่หน่อยสิ”
คุณอวกาศกวักมือเรียกพี่ชายตัวเอง ร่างสูงย่นคิ้วเล็กน้อยราวกับกำลังสงสัยว่าอีกฝ่ายจะเรียกให้เข้าลุกไปหาทำไม แต่สุดท้ายก็ยอมลุกเดินเข้าไปหาโดยไม่ถามอะไรอยู่ดี ผมหันไปมองไอ้เฟี้ยวพลางส่งคำถามผ่านทางสายตาว่า ‘มีเรื่องอะไรหรือเปล่า’
ไม่รู้สิ มันสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกๆชอบกล…
พลั่ก!!!
“เฮ้ยยย!”
ทั้งผมและไอ้เฟี้ยวต่างก็ร้องตะโกนขึ้นมาพร้อมกันอย่างตกใจ ทันทีที่คุณจักรวาลเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าคุณอวกาศ เขาก็ปล่อยหมัดเน้นๆลงบนหน้าพี่ชายจนอีกฝ่ายเซถลาไป!
“คุณอวกาศทำไม…!”
พลั่ก!
ไม่มีการพูดจาใดๆอีก คุณอวกาศกระโดดถีบเข้าเต็มๆท้องของคุณจักรวาลจนเขาหงายหลังล้มตึงลงไป ก่อนที่คนหัวขาวจะพุ่งตามเข้าไปนั่งคร่อมแล้วซัดใบหน้าของคนหัวดำแบบไม่ยั้ง!
“ไอ้เฟี้ยว มันเรื่องอะไรกันวะ”
“กูก็ไม่รู้ ยืนงงอยู่กับมึงเนี่ย!”
“พวกเขาทะเลาะกันเหรอ”
“ต่อยกันขนาดนี้มันคงแสดงความรักต่อกันมั้งไอ้ฟาย!”
“เอ้า…!”
โดนด่าอีกกู แล้วจะทำยังไงดีวะเนี่ย ยังจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูกเลยด้วย ไม่สิ ต้องบอกว่าผมกำลังตกใจถึงขีดสุดเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่สองคนนี้ทะเลาะกันถึงขั้นลงไม้ลงมือ
พลั่ก!
โอ๊ะ! คุณจักรวาลต่อยคุณอวกาศกลับล่ะ ผมเบิกตากว้าง ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าเขาจะสวนกลับไปด้วย!
“หึ!”
คนน้องแสยะยิ้ม ดูท่าทางสนุกสนานเหลือเกินที่พี่ชายสวนกลับไปแบบนี้ จากที่เคยเป็นฝ่ายพุ่งเข้าใส่อย่างเดียว ตอนนี้กลายเป็นว่าพวกเขาสู้กันนัวเนียแบบไม่มีใครยอมใคร โดยมีผมและไอ้เฟี้ยวยืนเป็นสักขีพยานอยู่ไม่ไกล
พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!
ผลัวะ! พลั่ก! ผลัวะ!
หมัดแล้วหมัดเล่าที่ทั้งคู่ต่างประเคนใส่กันไม่ยั้ง จะดูไร้สาระไปไหมถ้าผมจะบอกว่าภาพที่พวกเขาสู้กันมันช่างดูดีราวกับภาพวาดเหลือเกิน!
คนหนึ่งก็สวมชุดสีดำปกคลุมไปทั่วร่างกาย ส่วนอีกคนก็ถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยสีขาว…
“ไอ้ไทม์ เราสั่งพิซซ่ามากินกันดีไหม กูหิวมากเลยตอนนี้”
“มันไม่น่าจะใช่เวลามากินมั้งมึง เขาจะฆ่ากันตายแล้วนะนั่นน่ะ”
“ไม่ต้องห่วงพวกมันหรอก นี่เป็นวิธีปรับความเข้าใจตามประสาพี่น้อง”
“หา?”
“เชื่อกูเหอะน่า เดี๋ยวพอแม่งหมดแรงมันก็เลิกอาละวาดกันเองล่ะ”
แล้วไอ้เฟี้ยวก็เดินไปนั่งเอกเขนกบนโซฟาอย่างสบายใจเฉิบ ปล่อยให้สองพี่น้องต่อสู้กันต่อไปแบบไม่มีใครยอมใคร ใบหน้าของพวกเขาฟกช้ำและแตกเลือดจนผมอดเป็นห่วงไม่ได้ ถ้าจะปรับความเข้าใจกันจริงๆก็ใช้ภาษามนุษย์คุยกันไม่ได้หรือไงฟะ! เล่นกันแบบนี้ถ้าบาดเจ็บรุนแรงขึ้นมามันคุ้มเสียที่ไหน!
…………………………..
…………………
…………..
ตุ้บ! ตุ้บ!
เวลาผ่านไปนานเสียจนพิซซ่าที่ไอ้เฟี้ยวโทรสั่งมาส่งเรียบร้อย และมันก็กำลังนั่งแดกอย่างเอร็ดอร่อย สองร่างสูงที่สภาพสะบักสะบอมจนแทบยืนไม่อยู่ต่างก็ร่วงไปนอนหงายเก๋งอยู่บนพื้นพร้อมกัน ผมอยากจะเข้าไปช่วยพยุงพวกเขาแต่ไอ้เฟี้ยวก็สั่งไม่ให้เข้าไปยุ่งเด็ดขาดถ้าอยากให้สองคนนั้นเปิดใจคุยกันได้ เลยทำได้แค่นั่งจ๋องอยู่บนโซฟามองพวกเขาเท่านั้น
“แฮ่ก! แฮ่ก! นานแล้วนะ ที่ไม่ได้สู้กับพี่แบบนี้”
“ใช่ นายแข็งแกร่งขึ้นมาก”
“เอาล่ะ ทีนี้ก็ได้เวลาคุยกันสักที”
หมับ!
ผมสะดุ้งตัวเกร็งเมื่อคุณอวกาศที่นอนแผ่หลาอยู่ข้างๆคุณจักรวาลยันตัวลุกนั่งแล้วใช้สองมือดึงคอเสื้ออีกฝ่ายราวกับจะมีเรื่องกันอีกครั้ง!
“บอกมา สิบแปดปีก่อน ทำไม…พี่ถึงไม่ได้อยู่บนรถกับผมและพ่อ”
“เริ่มแล้วสินะ”
ไอ้เฟี้ยวยัดพิซซ่าคำสุดท้ายเข้าปากก่อนจะเหยียดยิ้มและหมุนตัวหันไปให้ความสนใจกับพวกเขาสองคน
สิบแปดปีก่อนอะไรกัน…
หมายถึงเรื่องที่คุณจักรวาลเคยพูดไว้ตอนที่บอกเรื่องของกวินทร์น่ะเหรอ?
“วันนั้น…พี่อยู่ที่ไหนกันแน่”
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพแล้วจ้า ความจริงทั้งหมดของเมื่อสิบแปดปีก่อนกำลังจะถูกเปิดเผยแล้ว! สุดท้ายแผนการเสี้ยมให้พี่น้องแตกคอกันเองก็ไม่ได้ผล นี่สินะคือการเชื่อใจกันของพี่น้อง แม้ว่าจักรวาลจะไม่เคยบอกอะไรกับเขาก็ตามที แต่อวกาศก็พร้อมที่จะเชื่อใจพี่ชายของเขาโดยไม่มีข้อแม้ ถึงสุดท้ายแล้วจะต้องมีเลือดตกยางออกกันนิดหน่อยเพื่อปรับความเข้าใจกันตามประสาลูกผู้ชายก็เถอะ 55555+
มารอดูกันว่าความจริงที่ซ่อนอยู่ของเหตุการณ์เมื่อสิบแปดปีก่อนคืออะไรกันแน่ ในวันนั้น…จักรวาลอยู่ที่ไหน???
มีเรื่องใหม่มาแนะนำด้วยนะคะ ใครสนใจตามไปอ่านได้นะ "SEX(Y)ีักโคตรแซ่บ!" (
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61699.0)