➹ L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว [ตอนที่ 14] 11/04/2561
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ➹ L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว [ตอนที่ 14] 11/04/2561  (อ่าน 9895 ครั้ง)

ออฟไลน์ wannesress

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว
 
ตอนที่ 10

 
 
 
 
        ย้อนกลับไปเมื่อสองปีที่แล้ว
 
 

        “ชอบว่ายน้ำเหรอเราน่ะ เห็นมาว่ายเกือบทุกวันเลย”
 

         วุฒิถามนักเรียนชายตรงหน้าของเขา เขารู้สึกคุ้นหน้าว่านักเรียนคนนี้เป็นหนึ่งในนักเรียนที่เขาสอนว่ายน้ำในเทอมนี้ เขามักจะเห็นเด็กคนนี้มาว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำของโรงเรียนเกือบทุกวันหลังเลิกเรียน นอกจากความสามารถในการว่ายน้ำที่โดดเด่นในระดับที่ใกล้เคียงกับนักกีฬาว่ายน้ำแล้ว ใบหน้าที่หล่อเหลา รูปร่างสูงใหญ่ และมัดกล้ามแบบคนที่เล่นกีฬาเป็นประจำทำให้เขารู้สึกสนใจเด็กคนนี้อยู่ไม่น้อย

 
        “ชอบครับจารย์”

 
        นักเรียนคนนั้นตอบคำถามของวุฒิพร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้วุฒิรู้สึกดีอย่างประหลาด รอยยิ้มของเด็กคนนี้ทำให้เขานึกถึงสมัยที่เขายังเรียนอยู่ชั้นมัธยม เขาเองก็มีความสุขทุกครั้งที่ได้ว่ายน้ำเหมือนกับเด็กคนนี้ แต่เวลาผ่านไปเขาก็เริ่มจะรู้สึกเคยชินมากกว่าที่จะรู้สึกมีความสุข เขาเองก็อยากจะกลับไปมีความสุขเช่นนั้นเหมือนกัน
 

        “เราชื่ออะไรนะ โทษทีผมยังจำเด็กได้ไม่ครบเลย”
 

        วุฒิเอ่ยถามเด็กคนนั้นไป มันจะอาจจะดูไม่ดีสักเท่าไหร่ที่เขาจะจำนักเรียนที่เขาสอนไม่ได้ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเขาเพิ่งจะเริ่มเข้ามาเป็นครูฝึกสอนที่นี่ได้เพียงสองสัปดาห์เท่านั้น
 

        “ชื่อโอมครับ”

 
        นักเรียนคนนั้นตอบ
 

        “หลังเลิกเรียนอย่าเรียกผมว่าอาจารย์ได้มั้ยอะ มันฟังดูแก่จังเลย”

 
        วุฒิเอ่ยถามนักเรียนตรงหน้า เขารู้ดีว่ามันอาจจะฟังดูแปลก แต่เขารู้สึกยังไม่ชินกับการถูกเรียกว่าอาจารย์ มันอาจจะไม่ดีนักที่จะให้นักเรียนเรียกตนเองว่าพี่ในเวลาเรียน แต่นี่ก็หลังเลิกเรียนแล้วคงจะไม่เป็นอะไรหรอก วุฒิคิดเช่นนั้น
 

        “จะดีเหรอครับ”
 

        โอมถามอย่างไม่แน่ใจ
 

        “ดีสิ”

 
        วุฒิยืนยัน

 
        “โอเคครับ พี่วุฒิ”

 
        โอมเอ่ยชื่อของวุฒิในแบบที่เขาต้องการ วุฒิรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก เขาเองรู้สึกว่าอยากจะสนิทกับคนตรงหน้ามากยิ่งขึ้น และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างวุฒิกับโอม
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        หลังจากวันที่วุฒิกับโอมได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เป็นไปอย่างปกติ ในเวลาเรียนวุฒิก็ทำหน้าที่ของครูสอนว่ายน้ำที่เอาใจใส่นักเรียนทุกคนไม่แตกต่างกัน ในสายตาของเขานั้นโอมเป็นหนึ่งในนักเรียนที่มีความสามารถในการว่ายน้ำในระดับต้นๆ ของชั้นเรียน เขาเคยเอ่ยปากชวนโอมเพื่อมาเป็นนักกีฬาว่ายน้ำของโรงเรียน แต่โอมก็ปฏิเสธเขาเนื่องจากต้องการจะเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย วุฒิเข้าใจตรงนี้ดี เขาออกจะเสียดายความสามารถของโอมอยู่สักหน่อย แต่เขาก็ไม่อาจจะขัดใจโอมได้
 

        “วันนี้เรามาว่ายน้ำแข่งกันมั้ย”

 
        วุฒิเอ่ยปากถามโอมที่กำลังเก็บกระเป๋าใส่ล็อกเกอร์เพื่อเตรียมตัวเปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำ
 

        “ผมจะสู้พี่ได้เหรอ”

 
        โอมเอ่ยปากถามวุฒิ เขาคิดว่าไม่มีทางที่เขาจะสู้คนตรงหน้าของเขาได้
 

        “ลองดูก่อนสิ ไม่ลองจะรู้ได้ยังไง”

 
        วุฒิบอกกับโอม เขาพอจะมองออกว่าการแข่งขันในครั้งนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเจอเด็กที่มีความสามารถในการว่ายน้ำในระดับเดียวกับเขา มันคงจะสนุกดีถ้าเขาจะได้แข่งกับโอม
 

        “แล้วถ้าผมชนะจะได้อะไรเหรอครับ”
 

        โอมเอ่ยถามวุฒิอย่างท้าทาย วุฒิดูจะตกใจไม่น้อยกับคำถามของโอม
 

        “เอาเป็นว่าคนที่ชนะจะมีสิทธิ์สั่งให้ผู้แพ้ทำอะไรก็ได้หนึ่งอย่าง ตกลงมั้ย”
 

        วุฒิตั้งรางวัลสำหรับผู้ชนะ แม้ว่าเขาเองก็ไม่มั่นใจนักว่าเขาจะชนะ แต่ถ้าเขาแพ้ เขาก็พร้อมจะทำตามที่คนตรงหน้าสั่งอยู่แล้ว
 

        “โหพี่”
 

        โอมร้องขึ้นมา เขาคิดว่าเขาไม่มีทางจะชนะนักกีฬามหาวิทยาลัยอย่างวุฒิได้แน่ เขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด
 

        “เอาน่า พี่อาจจะแพ้ก็ได้”

 
        วุฒิโน้มน้าวโอมอีกครั้ง เขาไม่ยอมให้ความสนุกของเขาจบลงง่ายๆ แน่
 

        “เออก็ได้พี่ แต่อย่าสั่งผมทำอะไรน่าอายนะพี่”
 

        ในที่สุดโอมก็ตอบตกลงกับวุฒิ วุฒิยิ้มออกมาอย่างเปิดเผย พลางลอบมองโอมที่ยังคงทำหน้าไม่มั่นใจ
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        ทุกวันพุธหลังเลิกเรียนจะเป็นวันที่วุฒินัดนักเรียนของเขาที่ยังว่ายน้ำไม่เป็นมาเพื่อฝึกว่ายน้ำ สำหรับเขาทักษะการว่ายน้ำเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเรียนทุกคน อาจจะไม่ต้องว่ายเร็วก็แต่ต้องเอาตัวรอดเมื่ออยู่ในน้ำได้ และวันเดียวกันนั้นเองก็เป็นวันที่เขาท้าแข่งว่ายน้ำกับโอม เขาเองก็ลืมนึกไปว่าวันนี้มีนักเรียนหลายคนอยู่ที่สระว่ายน้ำ หากเขาเกิดแพ้ขึ้นมาเขาคงจะอายเด็กแย่ แต่ในเมื่อเขาตัดสินใจแล้วก็ต้องว่าไปตามนั้น วุฒิเลือกนักเรียนคนหนึ่งเป็นผู้ตัดสิน นักเรียนคนนั้นก็คือแพท เพื่อนสนิทของโอมคู่แข่งของเขา และแม้ว่ากรรมการคนนี้จะมีความเกี่ยวข้องกับคู่แข่งของเขาก็ตาม แต่เขาก็ไม่กลัวว่าจะถูกโกงแน่
 

        วุฒิและโอมเตรียมพร้อมที่จุดปล่อยตัว วุฒิอยู่ในกางเกงว่ายน้ำแบบบิกินี่ตัวเก่งของเขาที่เขาจะใช้เฉพาะวันที่มีการแข่งขันเท่านั้น เขาเองเพิ่งจะเคยใส่กางเกงว่ายน้ำตัวนี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่มาเป็นครูสอนว่ายน้ำที่นี่ ภาพของวุฒิในชุดว่ายน้ำตัวจิ๋วทำให้โอมอึ้งไปไม่น้อย แม้ภาพของแผงอกแน่น กล้ามท้องแกร่ง และไรขนใต้สะดือที่ลามลงไปในกางเกงว่ายน้ำของวุฒิจะเป็นภาพที่โอมเห็นจนชินตาเกือบทุกวัน แต่กางเกงว่ายน้ำตัวจิ๋วทำให้ร่างกายของวุฒิดูวาบหวิวมากยิ่งขึ้นในสายตาของโอม ไม่ว่าจะเป็นวีเชฟที่เห็นได้ชัดยิ่งขึ้น รวมไปถึงความรัดแน่นที่ด้านหน้าของกางเกงว่ายน้ำจนแทบจะระเบิดออกมา และเมื่อมองไปด้านหลังของกางเกงว่ายน้ำ ก็พบว่ากางเกงว่ายน้ำไม่อาจจะปิดบังบั้นท้ายขาวอวบของวุฒิไว้ได้ทั้งหมด บางส่วนของแก้มก้นขาวเนียนถูกเผยให้เห็นอย่างชัดเจน โอมเริ่มไม่แน่ใจว่านี่คือแผนของวุฒิที่จะทำลายสมาธิของเขาหรือไม่ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะมีผลไม่น้อย เพราะร่างกายของโอมก็เริ่มจะมีปฏิกิริยากับภาพตรงหน้าเสียแล้ว ท่อนลำของโอมเริ่มโป่งนูนออกมาจนวุฒิสังเกตเห็นแม้ว่าฝ่ายของโอมจะไม่รู้ตัวเลยก็ตาม จากนั้นเสียงนกหวีดก็ดังขึ้น ทั้งสองต่างพุ่งตัวลงสระไปอย่างสวยงามท่ามกลางเสียงเชียร์ของนักเรียนที่มาดูการแข่งขันในวันนั้น ทั้งสองขับเคี่ยวกันอย่างสูสี ผลัดกันนำผลัดกันตามตลอดการแข่งขัน และสุดท้ายผู้ที่แตะขอบสระได้ก่อนอย่างเฉียดฉิวก็คือโอม
 

        “ทำไมพี่ต้องออมมือให้ผมด้วยล่ะ”
 

        โอมถามวุฒิอย่างเอาเรื่องทันทีที่รู้ผลการแข่งขัน เขารู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องที่วุฒิจะต้องแกล้งออมมือให้เขา เขาเองรู้สึกเหมือนโดนดูถูกอยู่กลายๆ เพราะเขามั่นใจว่าเขาไม่มีทางเอาชนะคนตรงหน้าของเขาได้
 

        “เฮ้ย พี่ไม่ได้ออมมือเลยนะ เราน่ะว่ายเร็วเอง”
 

        วุฒิรู้ดีว่าเขาไม่ได้ออมมือให้โอมเลยสักนิด เขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าตนเองจะแพ้ได้ แต่เขาก็พอจะเข้าใจว่าโอมเก่งอย่างที่เขาคิดไว้จริงๆ
 

        “แล้วสรุปเราจะให้พี่ทำอะไรเนี่ย”
 

        ดูเหมือนว่าโอมจะเย็นลงแล้ว วุฒิจึงเอ่ยถามโอมทันทีที่นึกถึงเรื่องที่เขาตกลงไว้กับโอมว่าผู้ชนะจะมีสิทธิ์สั่งผู้แพ้ให้ทำอะไรก็ได้หนึ่งอย่าง

 
        “ผมยังไม่รู้เลยพี่ ขอติดไว้ก่อนละกันนะครับ”

 
        โอมตอบวุฒิไป เพราะเขายังคิดไม่ออก และเขาก็ไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะเป็นเขาที่เอาชนะอาจารย์ของเขาไปได้
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        หลังจากวันที่วุฒิกับโอมแข่งว่ายน้ำกัน วุฒิก็ถามโอมทุกครั้งที่เจอกันว่าจะให้สั่งเขาทำอะไร แต่ฝ่ายโอมเองก็ยังคิดไม่ออกว่าจะให้วุฒิทำอะไร จนกระทั่งวันหนึ่งในภาคเรียนที่สอง
 

        “กูอยากลองมีเซ็กซ์ดูสักครั้งว่ะ”

 
        แพทหันไปพูดกับโอมที่นั่งอยู่ข้างๆ ตอนนี้ทั้งสองอยู่ในห้องเรียนวิชาสุขศึกษา หัวข้อเรื่องเพศศึกษาที่เรียนในวันนี้ดูจะดึงดูดความสนใจของนักเรียนในห้องรวมไปถึงแพทด้วย
 

        “มึงยังเด็กอยู่ว่ะแพท ไว้รอโตเป็นผู้ใหญ่ก่อนนะ”

 
        โอมพูดพร้อมกับมองลงไปที่เป้ากางเกงของแพท เป็นนัยว่าของแพทนั้นเล็กเหมือนของเด็ก แพทที่รู้ทันก็หันไปตบหัวโอมหนึ่งที อย่างไรก็ตามโอมเองก็คิดไม่ต่างจากแพท เขาที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ทางเพศใดๆ มาก่อนนอกจากการช่วยตัวเองก็ย่อมอยากที่จะเรียนรู้และอยากจะลองดูสักครั้ง
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        เย็นวันเดียวกันนั้นเอง โอมก็ไปว่ายน้ำตามปกติ แต่วันนี้ดูเหมือนจะต่างไปจากวันอื่นๆ เขายังคงว่ายน้ำอยู่จนถึงหนึ่งทุ่ม ผิดกับวันอื่นๆ ที่เขาจะกลับบ้านไปตั้งแต่หกโมงเย็น และวุฒิเองก็สังเกตเห็นความผิดปกตินี้
 

        “ยังไม่กลับอีกเหรอโอม”

 
        วุฒิเข้ามาทักลูกศิษย์ของเขา
 

        “วันนี้อยากว่ายเยอะๆ น่ะพี่ แล้วพี่วุฒิจะกลับหรือยังครับ”
 

        โอมตอบ พร้อมกับถามคำถามวุฒิกลับไป
 

        “เดี๋ยวจะกลับแล้วเนี่ย เราออกไปพร้อมพี่มั้ย”
 

        วุฒิชวนโอมกลับด้วยกันเพราะเห็นว่าดึกมากแล้ว
 

        “ได้ครับพี่”
 

        หลังจากนั้นทั้งสองก็พากันเดินไปที่ห้องอาบน้ำเพื่อล้างตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวที่จะกลับบ้าน จนกระทั่งทั้งสองแต่งตัวเสร็จก็เดินออกจากสระว่ายน้ำ พื้นที่โดยรอบเริ่มมืดลง จะมีก็เพียงแต่แสงไฟจากเสาไฟข้างทางเท่านั้น
 

        “พี่วุฒิครับ”
 

        โอมเรียกชื่อวุฒิขณะที่กำลังจะเดินออกจากประตูหน้าโรงเรียน
 

        “มีอะไรเหรอ”

 
        วุฒิหันไปถามคนข้างๆ ที่เดินมาด้วยกัน เขาสังเกตเห็นมาสักพักแล้วว่าอีกฝ่ายมีเรื่องบางอย่างจะบอกกับเขา
 

        “พี่ยังจำเรื่องที่พี่จะต้องทำตามที่ผมสั่งหนึ่งข้อได้มั้ย ผมคิดออกแล้วนะว่าจะให้พี่ทำอะไร”
 

        โอมเอ่ยถึงสัญญาระหว่างเขากับวุฒิ วุฒิเริ่มจะเข้าใจแล้วว่าโอมจะบอกอะไรกับเขา
 

        “จำได้สิ แล้วจะให้พี่ทำอะไรเหรอ”
 

        วุฒิหันไปถามโอม เขาเองก็สงสัยว่าโอมอยากให้ทำอะไร เขาได้แต่หวังว่าเรื่องที่โอมขอจะไม่ยากจนเกินไป
 

        “ผมอยากรู้ว่าการมีเซ็กซ์มันเป็นยังไง พี่ช่วยสอนผมได้มั้ยครับ”
 

        คำตอบของโอมทำให้วุฒิหยุดเดินทันที เขานิ่งไปครู่หนึ่ง นึกไตร่ตรองว่าเขาควรจะตอบรับคำขอนี้หรือไม่
 

        “ถ้าพี่ไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะพี่ เดี๋ยวผมให้ทำอย่างอื่นก็ได้”
 

        โอมบอกวุฒิไปอย่างเกรงใจหลังจากที่เห็นสีหน้าครุ่นคิดของวุฒิ
 

        “ได้สิ วันไหนดีล่ะ”

 
        วุฒิตัดสินใจตอบตกลงในที่สุดหลังจากที่ไตร่ตรองดีแล้ว
 

        “วันศุกร์นี้แล้วกันพี่”

 
        หลังจากที่โอมนัดกับวุฒิเสร็จแล้ว วุฒิก็เดินไปส่งโอมที่ป้ายรถเมล์ก่อนที่จะเดินไปที่ห้องพักของตนเองที่อยู่ไม่ห่างจากโรงเรียน เขานึกถึงคำขอของโอมพลางนึกสงสัยอยู่ในใจว่าโอมรู้สึกอย่างไรกับเขาจึงได้มาขอเขามีอะไรด้วยแบบนี้ และความคิดของเขานี้ก็ทำให้หัวใจของเขาเต้นรัวขึ้นมาเลยทีเดียว
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        และแล้ววันศุกร์ก็มาถึง โอมกับวุฒินัดเจอกันที่หน้าโรงเรียนตอนหกโมงเย็น โอมที่ตื่นเต้นกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในคืนนี้รีบมารอที่หน้าโรงเรียนตั้งแต่ห้าโมงครึ่ง ส่วนวุฒิก็มาถึงหน้าโรงเรียนตั้งแต่ยังไม่ถึงหกโมงดี จากนั้นทั้งสองคนก็เดินไปที่ห้องพักของวุฒิที่อยู่ไม่ไกลโรงเรียน เมื่อเข้ามาในห้องวุฒิก็พาโอมไปนั่งลงที่ปลายเตียง

 
        “เราชอบผู้ชายหรือผู้หญิง พี่จะได้สอนถูก”

 
        คำถามของวุฒิทำให้โอมอึ้งไปเล็กน้อย เขารู้ดีว่าเขานั้นชอบผู้ชาย แต่เขาไม่แน่ใจว่าเขาควรจะบอกความจริงกับวุฒิหรือไม่
 

        “ผู้หญิงสิพี่”

 
        โอมตัดสินใจโกหกวุฒิออกไป
 

        “โอเค เดี๋ยวเรามาเริ่มกันเลยละกัน”
 

        หลังจากที่วุฒิพูดจบ ก็หยิบถุงยางจากลิ้นชักหัวเตียง
 

        “เราใส่ถุงยางเป็นมั้ย”

 
        วุฒิเอ่ยถามโอม
 

        “ใส่ไม่เป็นพี่”

 
        โอมตอบวุฒิไปตามความจริง เพราะประสบการณ์เรื่องเพศของเขานอกจากการช่วยตัวเองแล้วก็นับว่าเป็นศูนย์เลยทีเดียว
 

        “งั้นเดี๋ยวพี่ลองใส่ให้ดูละกัน”

 
        พูดเสร็จวุฒิก็ฉีกซองถุงยาง แล้วค่อยๆ หยิบถุงยางออกจากซอง บีบที่กระเปาะปลายของถุงยาง แล้วค่อยๆ สวมไปที่นิ้วของตัวเอง
 

        “เดี๋ยวก่อนพี่ มันต้องสวมที่นิ้วเหรอ”

 
        โอมถามวุฒิออกไป เขารู้ดีว่ามันไม่ได้ใช้สวมที่นิ้วแน่
 

        “พี่แค่ทำเป็นตัวอย่าง เราก็รู้นี่นาว่ามันต้องสวมที่ไหน”

 
        วุฒิตอบพร้อมกับทำหน้าเขินอายเล็กน้อย ดูท่าทางแล้วเขาคงจะไม่กล้าใส่ของจริงให้โอมดู
 

        “พี่ลองใส่ให้ผมได้มั้ย ของจริงกับนิ้วมันไม่เหมือนน่ะ”

 
        โอมตัดสินใจบอกวุฒิออกไป หลังจากนั้นโอมก็ลุกขึ้นถอดกางเกงของเขาออก วุฒิทำหน้าตกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ขัดอะไร จากนั้นโอมก็ถอดกางเกงในออก ดูเหมือนว่าวุฒิจะสนใจอาวุธของโอมไม่น้อย เขาจ้องมองท่อนลำที่แข็งตัวแล้วของโอมอย่างไม่วางตา เขาจ้องมองที่ส่วนหัวของท่อนลำนั้นที่หนังหุ้มปลายร่นลงมาจนเห็นส่วนหัวของท่อนลำสีชมพูระเรื่อตัดกับท่อนลำสีเดียวกับผิวของโอมที่แม้จะไม่ขาวใสแต่ก็ดูเนียนเรียบดูสุขภาพดี โอมเห็นแววตาของวุฒิที่จ้องมองอาวุธของเขาปานจะกลืนกินก็เลยแกล้งผงกท่อนลำของเขาใส่หน้าของวุฒิ วุฒิดูจะตกใจและเขินอายจนหูของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงไปซะแล้ว
 

        “ซ่อนรูปเหมือนกันนะเราเนี่ย”

 
        วุฒิเอ่ยขึ้นพร้อมกับหัวเราะเบาๆ แต่ตาก็ยังคงจ้องมองท่อนลำของโอมอยู่เหมือนเดิม หลังจากที่ทั้งสองเงียบกันอยู่สักพัก วุฒิก็ขยับตัวขึ้นไปนั่งพิงหัวเตียง

 
        “มานั่งตรงนี้สิ นั่งหันหลังให้พี่นะ”

 
        วุฒิพูดพร้อมกับชี้ไปที่พื้นที่ด้านหน้าของเขา พร้อมกับอ้าขาออก เพื่อให้โอมเข้าไปนั่งได้ โอมค่อยๆ เคลื่อนตัวไปนั่งด้านหน้าของวุฒิตามที่วุฒิบอก จากนั้นวุฒิก็เอื้อมมือมาสัมผัสกับอาวุธของโอม แล้วเริ่มการสอนต่อ
 

        “เวลาเราสวมถุงยางก็จะต้องสวมตอนที่มันแข็งตัวแล้วแบบนี้แหละ ถุงยางจะได้ตึงพอดีไม่เลื่อนหลุดระหว่างทำกิจกรรม”
 

        วุฒิพูดพร้อมกับเอามือลูบท่อนลำของโอมอย่างเอ็นดู
 

        “วิธีสวมก็ให้เราบีบที่ปลายกระเปาะของถุงยาง แล้วค่อยสวมลงไป ที่เราบีบปลายกระเปาะก็เพื่อไล่อากาศออกจากกระเปาะ เพราะสุดท้ายแล้วเวลาที่เราหลั่ง น้ำเชื้อจะถูกเก็บอยู่ที่กระเปาะนี้ ถ้าส่วนนี้มีอากาศอยู่น้ำเชื้อก็อาจจะถูกดันไปด้านข้างทำให้ถุงยางหลุดง่าย”
 

        วุฒิอธิบายต่อ เขายังคงทำหน้าที่ของครูได้ดี แม้จะเป็นวิชาเพศศึกษาก็ตาม
 

        “ส่วนวิธีสวม เราก็วางถุงยางลงที่ส่วนหัว แล้วก็ค่อยๆ รูดส่วนด้านข้างของถุงยางที่ม้วนอยู่ลงจนสุด เท่านี้ก็เสร็จแล้ว”
 

        วุฒิอธิบายพร้อมกับสาธิตให้เห็นภาพ มือของวุฒิสั่นเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้นขณะที่กำลังรูดถุงยางไปตามท่อนลำของโอม
 

        “ผมอยากลองสวมดูบ้างอะครับ เดี๋ยวผมถอดอันนี้ออกนะพี่”
 

        โอมหันไปบอกวุฒิ


        “เฮ้ย ไม่ต้องเดี๋ยวลองสวมให้พี่ก็ได้”
 

        วุฒิรีบบอกก่อนที่โอมจะถอดถุงยางออก แต่เมื่อพูดเสร็จเขากลับรู้สึกเขินขึ้นมาซะอย่างนั้น และดูเหมือนว่าโอมจะสังเกตเห็นอาการของคนตรงหน้าแต่ก็ไม่ได้ทักอะไร จากนั้นวุฒิก็ถอดกางเกงของเขาเอง ท่อนลำของวุฒิชูชันจนแทบจะโผล่ออกจากกางเกงในเลยทีเดียว สุดท้ายวุฒิก็ถอดกางเกงในออก เผยให้เห็นท่อนลำที่ชูชันของเขาที่ตรงส่วนหัวมีน้ำเยิ้มเล็กน้อยด้วย
 

        “หยุดมองได้แล้ว มาสวมสักทีสิ”
 

        วุฒิรีบบอกกับโอมเพราะทนไม่ไหวกับสายตาของโอมทีดูเหมือนจะกลืนกินเขาเข้าไปแล้ว วุฒิเริ่มไม่แน่ใจว่าโอมชอบผู้หญิงอย่างที่เขาบอกจริงๆ หรือไม่ ขณะที่โอมก็รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นท่อนลำของวุฒิ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นของคนอื่นแบบใกล้ชิดและเต็มตาขนาดนี้ จากนั้นวุฒิกับโอมก็ลุกขึ้นสลับที่กัน โอมถอดเสื้อของเขาและวุฒิออกเพื่อให้ร่างกายของพวกเขาได้แนบชิดกันมากขึ้น
 

        “เอนตัวลงมาเลยพี่”

 
        เพื่อให้สะดวกในการทำภารกิจมากขึ้น โอมจึงบอกให้วุฒิเอนตัวลงมา ขณะนี้ผิวกายของทั้งสองก็แนบชิดกัน ความรู้สึกซาบซ่านที่เกิดขึ้นเห็นได้ชัดจากท่อนลำของวุฒิที่ดูเหมือนจะแข็งตัวและขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเสียอีก จากนั้นโอมก็หยิบถุงยางอันใหม่ขึ้นมาแล้วก็ทำตามขั้นตอนที่วุฒิสอน เริ่มจากการฉีกซอง หยิบถุงยางออกมา บีบที่ปลายกระเปาะ ก่อนที่จะเอื้อมไปสวมถุงยางให้กับวุฒิ เขาหันไปมองวุฒิก็เห็นว่าหูของวุฒิแดงมาก

 
        “เขินผมเหรอ หูแดงเลย”

 
        โอมเอ่ยแซวคนที่นั่งอยู่ด้านหน้า

 
        “ไอ้บ้า เร็วๆ สิ เมื่อไหร่จะเสร็จ”
 

        วุฒิตอบโอมอย่างหยาบคายผิดกับเวลาปกติ จนโอมหัวเราะออกมา ดูท่าทางว่าจะเขินเขาจริงๆ
 

        “ครับๆ”
 

        โอมตอบวุฒิและสมถุงยางให้วุฒิต่อจนเสร็จ
 

        “เสร็จแล้วทำอะไรต่อพี่”
 

        โอมถามวุฒิ
 

        “ขั้นต่อไปเราก็เอาของเราเข้าไปในช่องคลอดของผู้หญิง แล้วกระเด้าเข้าออก แล้วก็หลั่ง เสร็จ จบ”
 

        วุฒิพูดอย่างรวดเร็วจนโอมฟังไม่ทัน เขารีบรวบรัดทันที เพราะจะให้สอนทำกับผู้หญิงยังไงในเมื่อที่นี่ไม่มีผู้หญิงสักคน
 

        “เฮ้ยพี่ มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ”
 

        โอมพูดออกมาเสียงดัง
 

        “เออ ง่ายๆ แบบนี้แหละ วันนี้ก็พอแค่นี้นะ”
 

        วุฒิรีบตัดจบการสอนของเขาเพียงเท่านี้ เพราะกลัวตัวเองจะถลำลึกไปมากกว่านี้
 

        “เดี๋ยวก่อนสิพี่ ผมอยากลองอะ”

 
        โอมบอกกับวุฒิ

 
        “จะลองยังไง แถวนี้ไม่มีผู้หญิงสักคน”
 

        วุฒิตอบ

 
        “จะเป็นไรมั้ยถ้าผมจะลองกับพี่น่ะ”

 
        โอมถามวุฒิออกไปโดยไม่อาย เขารู้ดีว่ามันอาจจะดูไม่ดีนักที่เขาจะมีอะไรกับผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์ของเขา แต่เขาไม่สามารถจะหยุดอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของเขาในเวลานี้ได้ พูดเสร็จโอมก็จับวุฒิพลิกตัวนอนหงายลงบนเตียง ส่วนเขาก็ขึ้นไปคร่อมตัวของวุฒิ วุฒิตกใจไม่น้อยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าลูกศิษย์ของเขาจะกล้าทำขนาดนี้
 

        “ผู้ชายกับผู้หญิงมันไม่เหมือนกันนะ”
 

        วุฒิบอกโอมไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ เขาไม่กล้าสู้สายตาของโอมในเวลานี้เลย
 

        “ถ้าพี่โอเค ผมก็โอเค”


        โอมบอกกับวุฒิ และเมื่อเห็นว่าวุฒิไม่ปฏิเสธอะไร โอมจึงโน้มตัวลงไปจูบวุฒิ ด้วยความที่เขายังจูบไม่เป็นจึงได้แต่เอาปากของเขาถูไปมากับปากขงวุฒิ ส่วนฝ่ายของวุฒิที่เชี่ยวชาญกว่าก็เริ่มจะจูบตอบกลับเขามา เขาค่อยๆ เรียนรู้วิธีการจูบของวุฒิที่จะมีการงัดและขบที่ริมฝีปากเป็นจังหวะ เขาทำตามบ้างอย่างรู้งาน ทั้งสองจูบกันอยู่สักพักจนเป็นฝ่ายของโอมที่ผละออกมาก่อน
 

        “นี่คือจูบแรกของโอมใช่มั้ย”

 
        วุฒิถามโอมด้วยความสงสัย เห็นได้ชัดว่าโอมนั้นยังจูบไม่เป็นเลย แต่ก็ถือว่าเรียนรู้ได้เร็ว โอมพยักหน้าตอบ ฝ่ายโอมนั้นไม่ได้สงสัยเลยว่านี่เป็นครั้งแรกของวุฒิหรือไม่ ดูจากความช่ำชองแล้วควรจะถามว่าครั้งที่เท่าไหร่มากกว่า
 

        “แน่ใจนะว่าจะมีอะไรกับพี่จริงๆ”

 
        วุฒิถามโอม เพราะโอมเพิ่งบอกเขาเองว่าชอบผู้หญิงแล้วจะมีอะไรกับผู้ชายได้อย่างไร
 

        “แน่ใจครับ”
 

        โอมตอบวุฒิออกไป มาถึงขั้นนี้แล้วเขาไม่ยอมถอยอย่างแน่นอน จากนั้นวุฒิก็เอื้อมมือไปหยิบเจลหล่อลื่นจากลิ้นชักหัวเตียงเป็นสัญญาณว่าเขาพร้อมแล้วสำหรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้
 

        “เดี๋ยวพี่จะสอนวิธีการเล้าโลมก่อน คู่ของเราจะได้รู้สึกเสียวมากขึ้น มันจะถึงจุดสุดยอดได้ง่ายขึ้น เรานอนลงก่อน เดี๋ยวพี่จะทำให้ดู”

 
        วุฒิบอกโอมก่อนที่จะดันตัวโอมลงนอนหงายบนเตียง วุฒิขึ้นคร่อมบนตัวของโอมก่อนที่จะจูบเบาๆ ที่ลำคอของโอม พร้อมกับใช้ริมฝีปากขบเบาๆ จากนั้นเขาก็เลียที่หัวนมสีน้ำตาลอ่อนทั้งสองข้างของโอม พร้อมกับขบเบาๆ โอมร้องครางออกมาอย่างพอใจ จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ลากลิ้นลงมาเรื่อยๆ สลับกับการจูบเบาๆ จนมาถึงอาวุธประจำกายของโอมที่ตอนนี้แข็งตัวเต็มที่ วุฒิดึงถุงยางออกก่อนที่จะละเลงลิ้นลงที่ส่วนหัวของท่อนลำนั้น เสียงครางของโอมดังเป็นระยะ จากนั้นวุฒิก็ค่อยๆ เลียท่อนลำของโอมจากโคนไปหาปลาย แล้วจึงใช้ปากครอบไปที่ท่อนลำนั้น เขาระวังอย่างดีไม่ให้ฟันของเขาไปโดนท่อนลำ วุฒิรูดปากของเขาขึ้นลงเป็นจังหวะ แต่ยังไม่ทันที่โอมจะหลั่งออกมา วุฒิก็หยุดกิจกรรมของเขาเสียก่อน

 
        “เดี๋ยวถ้าเราแตกก่อนก็ไม่สนุกสิ”
 

        วุฒิพูดพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ให้โอม โอมไม่รอช้าดันวุฒิลงบนเตียงทันที วุฒิดูจะตกใจไม่น้อยแต่ก็พอจะเข้าใจว่าลูกศิษย์ของเขาคนนี้คงจะร้อนวิชา โอมทำตามที่วุฒิสอนทุกอย่างเว้นแต่ว่าเขาไม่ได้หยุดกลางทางเหมือนครูของเขา
 

         “จะออกแล้ว หลบก่อนๆ”
 

         วุฒิบอกโอม ระหว่างที่โอมกำลังสนุกอยู่กับการลิ้มรสท่อนลำของวุฒิ แต่โอมก็ไม่หลบตามที่วุฒิบอก น้ำเชื้อของวุฒิเข้าปากของโอมเต็มๆ รสชาติของมันเป็นรสที่เขาไม่เคยได้ลิ้มลองมาก่อน แม้จะเป็นรสชาติที่แปลกประหลาดแต่เขาก็กลืนมันลงไปจนหมด
 

        “เฮ้ย กลืนไปหมดเลยเหรอ”
 

        วุฒิดูจะตกใจที่เห็นโอมกลืนน้ำเชื้อของเขาลงไปจนหมด ส่วนโอมได้แต่หัวเราะเป็นคำตอบ
 

        “คราวนี้มาถึงของจริงบ้าง”

 
        วุฒิพูดพร้อมกับหยิบเจลหล่อลื่นจากหัวเตียงมายื่นให้โอม
 

        “เราบีบออกมาแล้วทางตรงรูก้นพี่น่ะ แล้วเอานิ้วสอดไปให้มันขยาย”
 

        วุฒิบอกโอม หลังจากนั้นโอมก็บีบเจลลงบนมือก่อนที่จะค่อยๆ ลูบลงที่ช่องทางด้านหลังของวุฒิ โอมค่อยๆ สอดนิ้วเข้าไปช้าๆ ระหว่างนั้นวุฒิก็ร้องครางออกมาเล็กน้อยเพราะความเสียว
 

        “พอหรือยังพี่”

 
        โอมถามวุฒิหลังจากผมสอดไปได้สองนิ้วแล้ว
 

        “สอดไปสามนิ้วเลย ของเราใหญ่เดี๋ยวก้นพี่แหกพอดี”
 

        วุฒิพูดติดตลก ส่วนโอมก็หัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะทำตามที่วุฒิบอก
 

        “ใส่ถุงก่อนนะ”

 
        วุฒิไม่ลืมที่จะบอกโอม เพราะก่อนหน้านี้เขาเพิ่งถอดถุงยางของโอมออกตอนที่ทำออรัล จากนั้นโอมก็สวมถุงยางด้วยมือที่ยังว่างอยู่อย่างรวดเร็ว ส่วนมืออีกข้างหนึ่งเขาค่อยๆ ถอนนิ้วออกจากช่องทางด้านหลังของวุฒิ แล้วใส่ท่อนลำของเขาเข้าไปแทน วุฒิครางออกมาทันทีที่ท่อนลำนั้นถูกดันเข้าไปจนสุด หลังจากนั้นเพลงรักของทั้งคู่ก็ถูกบรรเลงด้วยกามารมณ์ตลอดทั้งคืน
 

        หลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้น วุฒิกับโอมก็ยังคงดำเนินชีวิตไปตามปกติ จะมีบางเป็นครั้งคราวที่วุฒิจะสอนบืเรียนเพิ่มเติมให้กับลูกศิษย์ของเขา โดยความสัมพันธ์ของทั้งคู่และเรื่องเกี่ยวกับการสอนเพศศึกษาภาคปฏิบัติของทั้งคู่ยังคงถูกปิดเป็นความลับจากทั้งสองฝ่าย
 
 
 
 
        แม้แต่แพทเพื่อนสนิทของโอมก็ยังไม่มีโอกาสได้รู้
 
 
 
 




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-04-2018 09:47:45 โดย wannesress »

ออฟไลน์ boobooboo

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
รออ่านต่อนะคับ

ออฟไลน์ wannesress

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว
 
ตอนที่ 11

 
 
 
 
        กลับมาที่ปัจจุบัน
 
 
        ผมยังคงอึ้งอยู่กับคำขอของพี่วุฒิ เพราะนี่เป็นการพบกันครั้งแรกของเราหลังจากที่ผมเรียนจบมอหก
 

        “จะชวนผมไปกินข้าวเหรอครับ”
 

        ผมถามพี่วุฒิออกไปแบบเด็กไร้เดียงสา ผมรู้อยู่แล้วล่ะว่าพี่วุฒิหมายถึงอะไร ผมก็แค่อยากจะรู้ว่าพี่วุฒิจะกล้าพูดตรงๆ ออกมาหรือเปล่า
 

        “ใช่ๆ ไปกินข้าวกันมั้ย”
 

        พี่วุฒิตอบออกมาแบบอ้ำอึ้ง
 

        “แค่กินข้าวเองเหรอครับ”

 
        ผมแกล้งถามอีกครั้ง

 
        “อย่าแกล้งพี่เลยนะโอม โอมก็รู้ว่าพี่หมายถึงอะไร”

 
        ในที่สุดพี่วุฒิก็กล้าพูดสิ่งที่ต้องการออกมา ถึงจะไม่ได้บอกตรงๆ ก็เถอะ
 

        “โอเคครับ ไปกินข้าวกันเถอะ”

 
        ผมพูดพร้อมกับขึ้นจากสระ ผมหันไปมองพี่วุฒิที่ยังทำหน้างงอยู่พร้อมกวักมือเรียกพี่วุฒิให้ตามผมไปที่ห้องอาบน้ำ ผมกับพี่วุฒิต่างแยกย้ายกันไปอาบน้ำและเปลี่ยนชุด
 

        “พี่วุฒิจะพาผมไปกินที่ไหนดี แล้วพี่จะเลี้ยงผมใช่มั้ยครับ”
 

        ผมพูดพร้อมกับยกยิ้มให้พี่วุฒิ ผมดีใจเหลือเกินที่จะได้กินของฟรี
 

        “นี่เราคิดว่าพี่ชวนเราไปกินข้าวจริงดิ”
 

        พี่วุฒิถามออกมา
 

        “ผมรู้น่าว่าพี่คิดอะไร แต่พาผมไปเลี้ยงข้าวก่อนนะ ผมหิวมากเลย”
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        “ตอนนี้พี่ทำงานอะไรอยู่เหรอครับ”

 
        ผมถามพี่วุฒิระหว่างที่เดินไปที่ตลาดหลังมหาวิทยาลัย
 

        “ก็เป็นครูสอนว่ายน้ำนี่แหละ”
 

        พี่วุฒิตอบ

 
        “แล้วนอกจากสอนว่ายน้ำพี่วุฒิสอนอย่างอื่นด้วยหรือเปล่าครับ”

 
        ผมถามพี่วุฒิต่อพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์
 

        “ถ้าโอมหมายถึงสอนเพศศึกษา พี่สอนแค่โอมคนเดียวนะ”

 
        พี่วุฒิตอบโดยไม่มีท่าทีเขินอายอะไร ผมรู้สึกได้ทันทีว่าพี่วุฒิในตอนนี้แตกต่างจากตอนนั้นอยู่ไม่น้อย
 

        “กินร้านนี้แล้วกันนะ คนอาจจะดูไม่เยอะ แต่พี่รับรองว่าอร่อยแน่นอน”
 

        พี่วุฒิบอกผมเมื่อเดินมาถึงร้านที่น่าจะเป็นเป้าหมายของเราในวันนี้ ร้านที่ว่านั้นเป็นร้านอาหารตามสั่ง แม้ว่าหลายโต๊ะในร้านยังไม่ถูกจับจอง แต่พี่วุฒิรับรองขนาดนี้ผมก็คงไม่ขัดอะไร ผมเดินตามพี่วุฒิที่เข้าไปในร้าน พี่วุฒิหันไปสั่งอาหารกับป้าเจ้าของร้านก่อนโดยไม่ถามผมสักคำว่าจะกินอะไร แล้วจึงนำผมเข้าไปนั่งที่โต๊ะด้านในสุดของร้าน
 

        “มากินบ่อยเหรอครับร้านนี้”
 

        ผมถาม
 

        “ใช่ สมัยเรียนพี่มากินอยู่บ่อยๆ แต่ช่วงหลังไม่ค่อยได้มากิน ก็บอกแล้วไงว่าวันนี้พี่อยากจะรำลึกความหลัง”
 

        พี่วุฒิตอบ โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายที่มองตาของผมอย่างลึกซึ้ง รออยู่ไม่นาน ข้าวผัดกะเพราหมูกรอบสองจานก็ถูกนำมาวางตรงหน้าพวกเราทั้งคู่

 
        “เจ้านี้กะเพราหมูกรอบอร่อยลองกินดูสิ”

 
        พี่วุฒิบอกกับผมก่อนที่จะตักข้าวเข้าปากทันที ดูท่าทางแล้วน่าจะหิวมาก ผมเห็นดังนั้นก็ตักเข้าปากเช่นกัน
 

        “อร่อยดีครับพี่”

 
        ผมบอกพี่วุฒิ ก็มันอร่อยจริงๆ น่ะครับ พี่วุฒิเงยหน้าขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม หลังจากนั้นผมกับพี่วุฒิก็รีบกินกันจนหมดจาน คงเพราะว่าวันนี้เราหิวกันมาก
 

        ครืด ครืด
 

        หลังจากกินข้าวเสร็จผมก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นของโทรศัพท์ ผมจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็รู้สึกแปลกใจทันที หน้าจอโทรศัพท์ปรากฏชื่อของฟิวส์ เพื่อนในกลุ่มสมัยมัธยมของผม มันเรียนคนละมหาวิทยาลัยกับผม แต่ว่าก็อยู่ในกรุงเทพเหมือนกัน
 

        “โอม ไอ้แพทมันเป็นอะไรก็ไม่รู้ โทรหากูแล้วก็ร้องไห้ใหญ่เลย กูถามว่าเป็นอะไรมันก็ไม่ยอมตอบ”
 

        ฟิวส์พูดออกมา

 
        “แล้วมึงพอจะรู้มั้ยว่ามันอยู่ไหน”
 

        ผมถามเพื่อนผมออกไป
 

        “ไม่รู้ว่ะ กูถามไปมันก็ไม่ตอบ เอาแต่ร้องไห้”
 

        “เออ ไม่เป็นไร กูพอจะเดาได้”

 
        “โอเค กูฝากด้วยนะ”

 
        “ขอบใจมากเว่ย”
 

        พูดจบผมก็ตัดสายฟิวส์ไป แพทมันเป็นอะไรของมันเนี่ย ผมนึกถึงตอนที่แพทรีบไปหาพี่วุฒิตอนที่รู้ว่าพี่วุฒิมาที่สระว่ายน้ำ ผมก็เกิดสงสัยขึ้นมาว่าเรื่องแพทมันเศร้าจะเกี่ยวกับพี่วุฒิหรือเปล่า แล้วที่แปลกกว่านั้นคือทำไมมันไม่โทรหาผม ทั้งๆ ที่ผมสนิทกับมันที่สุดในกลุ่ม หรือแม้แต่มินที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันก็ตาม แต่กลับโทรไปหาฟิวส์ที่เรียนอยู่ที่อื่นซะอย่างนั้น
 

        “เดี๋ยวผมต้องไปก่อนนะพี่ แพทมันเป็นอะไรก็ไม่รู้ร้องไห้ใหญ่เลย”
 

        สีหน้าของพี่วุฒิเปลี่ยนไปทันทีหลังจากได้ยินสิ่งที่ผมพูด
 

        “พี่ไปด้วยได้มั้ย”

 
        พี่วุฒิถามผม ผมพยักหน้าเป็นคำตอบก่อนที่จะลุกออกจากโต๊ะทันที พี่วุฒิเดินตามมาแล้วหันไปจ่ายเงินกับป้าเจ้าของร้าน ผมกับพี่วุฒิรีบเดินและมุ่งหน้าไปที่หอพักของแพททันที
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        ตอนนี้ผมอยู่ที่หน้าห้องพักของแพทแล้ว ผมเคาะประตูให้มันออกมาเปิด แต่เคาะเท่าไรมันก็ไม่ยอมออกมาเปิดสักที พอผมลองบิดลูกบิดประตูก็ดูเหมือนว่าประตูจะไม่ได้ล็อค ผมจึงเดินเข้าไปในห้องพร้อมกับพี่วุฒิทันที ภาพที่ผมเห็นคือแพทที่กำลังนอนลืมตาอยู่บนเตียงภายใต้ผ้าห่มผืนหนา สายตาของมันจดจ้องไปที่เพดานซึ่งไม่มีอะไรอยู่บนนั้นเลย แววตาของมันดูเหม่อลอย ดวงตาของมันฉ่ำแฉะไปด้วยน้ำตา ผมเดินเข้าไปสะกิดมัน ก่อนที่มันจะหันมองผมอย่างตกใจ
 

        “ออกไป”

 
        แพทพูดออกมาเสียงแข็ง ผมตกใจเล็กน้อย แต่สายตาไม่ได้มองมาที่ผม มันมองไปที่พี่วุฒิราวกับว่าเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญ พี่วุฒิดูเศร้าไปอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาก็ทำตามที่แพทบอก พี่วุฒิหันมองผมก่อนที่จะเดินออกไปจากห้อง
 

        “มึงเป็นอะไรวะ”

 
        ผมนั่งลงบนเตียงของแพทก่อนที่จะถามแพทออกไป แพทค่อยๆ ยันตัวขึ้นมานั่ง
 

        “กูชอบพี่วุฒิ แต่เขาไม่ได้ชอบกู”

 
        พอมันพูดเสร็จก็ร้องไห้ออกมาอีก ผมเพิ่งจะรู้วันนี้นี่แหละว่าเพื่อนผมมันชอบพี่วุฒิ
 

        “แล้วเขาก็บอกกูว่าเขาชอบมึง”

 
        แพทมันพูดประโยคที่ทำให้ผมอึ้งหนักกว่าเดิม พี่วุฒิเนี่ยนะจะชอบผม
 

        “มึงรู้มั้ยว่าเขาก็ไม่ต่างกับกู เขารอวันที่จะได้เจอมึง รอมาสองปีแล้วเขาก็ได้เจอมึง วันเดียวกับที่กูได้เจอเขาเลยว่ะ”
 

        แพทพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
 

        “ยังดีนะ ที่กูยังไม่ได้บอกชอบเขาออกไป”
 

        แพทพูดพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ แต่ก็ปนไปด้วยความเศร้า
 

        “กูไม่ได้โกรธมึงเลยนะโอม มึงแม่งมีเสน่ห์ ใครๆ ก็ชอบมึง และกูก็รู้ไงว่ามึงไม่ได้ชอบพี่วุฒิ”
 

        แพทพูดต่อ
 

        “คือกูก็เป็นคนมีเหตุผล มันไม่ใช่ความผิดของมึงเลย เขามาชอบมึงเองโดยที่มึงก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา แต่กูก็อดรู้สึกแปลกๆ กับมึงไม่ได้จริงๆ ว่ะ”

 
        แพทพูดพร้อมกับมองตาผม
 

        “กูมีเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกมึงว่ะ”
 

        ผมบอกแพท แพทพยักหน้าเบาๆ เป็นการตอบรับ
 

        “กูไม่รู้ว่ามึงรู้หรือยัง กูเคยมีอะไรกับพี่วุฒิแล้วนะ ตั้งแต่ตอนมอหก หลายครั้งแล้วด้วย และครั้งแรกกูก็เป็นคนเริ่มก่อน จะว่าไปกูก็มีส่วนผิด”
 

        ผมบอกความจริงกับแพทออกไป
 

        “เขาเล่าให้กูฟังหมดแล้ว กูไม่โกรธมึงหรอก ตอนนั้นมึงก็ไม่รู้หนิว่ากูชอบเขา แต่ยังไงกูก็ต้องขอบคุณมึงนะที่บอกความจริงกับกู”
 

        แพทพูดพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ
 

        “กูมีเรื่องอยากจะขอมึงว่ะโอม”
 

        แพทบอกผม


        “มึงมีอะไรให้กูช่วยมึงบอกมาได้เลย”
 

        ผมบอกแพท

 
        “มึงอย่าไปมีอะไรกับเขาได้มั้ยวะ กูคงทำใจไม่ได้ว่ะ”
 

        แพทมันคงพอเดาออกที่เห็นผมกับพี่วุฒิมาด้วยกัน
 

        “ได้สิ เรื่องแค่นี้เอง”
 

        ผมตอบแพท
 

        “อีกเรื่องหนึ่ง ช่วงนี้กูอาจจะไม่ค่อยได้คุยกับมึง กูอาจจะยังทำใจไม่ได้ แต่กูยังอยากให้มึงเป็นเพื่อนกูอยู่นะ ถ้ากูทำใจได้เมื่อไหร่กูจะบอกมึงเอง”

 
        แพทพูดพร้อมกับแตะไหล่ผมเบาๆ
 

        “โอเค กูจะรอวันนั้น กูเป็นกำลังใจให้มึงนะ”
 

        ผมพูดก่อนที่จะโอบไหล่มันไว้ ผมรู้สึกตัวแล้วว่าต้องกลับ แพทมันคงจะอยากอยู่คนเดียว
 

        “ถ้ามึงอยากให้กูช่วยอะไร มึงบอกกูนะ หรือจะให้กูช่วยมึงจีบพี่วุฒิมั้ย”
 

        ผมพูดกับมันพร้อมกับหัวเราะเบาๆ มันหันมายิ้มพร้อมกับต่อยผมเบาๆ ที่แขน
 

        “มึงเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ”

 
        แพทพูดพร้อมแลบลิ้นให้ผมแล้วก็หัวเราะออกมา ผมดีใจที่จะเห็นมันสนุกกับการหยอกล้อได้แล้ว
 

        “กูไปก่อนนะ มึงก็ดูแลตัวเองด้วย”

 
        ผมหันไปพูดกับแพท มันยิ้มให้ผมพร้อมกับพยักหน้าเป็นคำตอบ ผมลุกขึ้นมาพร้อมกับกวักมือเรียกมันให้ลุกขึ้นด้วย ก่อนที่ผมจะสวมกอดมัน
 

        “ระหว่างนี้มันอาจจะยากสักหน่อย กูพอจะรู้ว่าอกหักมันเป็นยังไง ถ้ามึงไม่ไหวมึงบอกกูนะ”
 

        ผมพูดเพราะได้ยินเสียงสะอื้นของแพททันทีที่ผมสวมกอดมัน
 

        “มึงอย่าเพิ่งปล่อยกูนะ”
 

        แพทพูดเบาๆ

 
        “อยู่ๆ มึงก็เกิดจะรักกูขึ้นมานะ”

 
        ผมล้อเพื่อนผม ผมรู้สึกได้ถึงแรงทุบเบาๆ ของแพทที่หลังของผม ผมหัวเราะออกมาเบาๆ พร้อมกับลูบหัวมันอย่างอ่อนโยน แพทค่อยๆ ดันตัวผมออก
 

        “อย่าลืมที่กูขอนะ”

 
        แพทพูดส่งท้ายก่อนที่จะโบกมือให้ตอนที่ผมจะออกจากห้อง ผมก็โบกมือให้มันกลับไป
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        พี่วุฒิยังคงยืนรออยู่หน้าห้องของแพท ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะได้ยินเรื่องที่ผมกับแพทคุยกันหรือเปล่า แต่ถึงยังไงคืนนี้ผมคงต้องปฏิเสธพี่เขาไป และคงจะไม่ใช่แค่คืนนี้ด้วย
 

        “เดี๋ยวผมกลับหอก่อนนะพี่”
 

        ผมหันไปบอกพี่วุฒิ

 
        “แล้วที่เราตกลงกันไว้ล่ะ”

 
        พี่วุฒิหันมาถามผม ระหว่างนั้นผมก็รีบเดินไปที่ลิฟท์ พี่วุฒิก็เดินตามมาเช่นกัน
 

        “ผมคงจะไปด้วยไม่ได้แล้วล่ะ”

 
        ผมบอกพี่วุฒิไปตามตรง

 
        “แพทเล่าให้เราฟังหมดแล้วใช่มั้ย”
 

        พี่วุฒิถามผมที่ตอนนี้กำลังกดลิฟท์ลงไปที่ชั้นหนึ่ง
 

        “ใช่ครับ”
 

        ผมตอบไป พอดีกับจังหวะที่ลิฟท์มาพอดี ผมเดินเข้าไปในลิฟท์พร้อมกับพี่วุฒิที่ตามเข้ามา ผมกดชั้นหนึ่งทันที แต่พี่วุฒิกลับกดเลขซะทุกชั้นเลย

 
        “พี่ทำของพี่อะไรเนี่ย”
 

        ผมหันไปถามพี่วุฒิ

 
        “พี่อยากจะคุยกับเรานานๆ”

 
        พี่วุฒิตอบด้วยสีหน้าจริงจัง

 
        “ผมไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นกับพี่”
 

        ผมบอกพี่วุฒิไปตามที่คิด

 
        “พี่รู้”
 

        พี่วุฒิบอกผม

 
        “แล้วพี่ยังจะต้องการอะไรอีกล่ะ”
 

        ผมถามพี่วุฒิไปด้วยความโกรธ

 
        “พี่ยังลืมโอมไม่ได้ พี่ยังคิดถึงทุกสัมผัสของโอม พี่รู้ว่าโอมคงลืมมันไปแล้ว แต่พี่ไม่เคยลืมเลยนะ”
 

        พี่วุฒิพูดพร้อมกับสีหน้าเศร้าสร้อย

 
        “พี่พยายามลืม พยายามไปเจอคนใหม่ แต่ก็ไม่มีใครทำให้พี่รู้สึกได้เท่ากับโอม ทั้งความรู้สึกที่พี่ชอบโอม และก็เรื่องเซ็กซ์ด้วย”
 

        พี่วุฒิพูดออกมาอย่างไม่อาย
 

        “แล้วโอมจะให้พี่ลืมเหรอ จะให้พี่ไปแค่เพราะว่าเพื่อนเราชอบพี่เหรอ”
 

        พี่วุฒิพูดต่อ
 

        “นั่นมันก็แค่ส่วนหนึ่ง แต่ที่สำคัญกว่านั้นผมไม่ได้อยากจะมีอะไรกับพี่อยู่แล้ว”
 

        ผมบอกพี่วุฒิออกไป ตอนนี้เราลงมาถึงชั้นหนึ่งแล้ว หลังจากที่ลิฟท์จอดทุกชั้นด้วยฝีมือของพี่วุฒิ ผมรีบเดินออกมาจากหอพักของแพททันที

 
        “ผมขอโทษที่ทำให้พี่เข้าใจผิด เดี๋ยวผมจ่ายค่าอาหารให้ เราจะได้ไม่มีอะไรติดค้างกัน”
 

        ผมพูดก่อนที่จะหยิบเงินมาจ่ายค่าอาหารให้พี่วุฒิ แต่พี่วุฒิไม่ยอมรับเงินของผม
 

        “พี่ไม่เชื่อหรอกนะว่าเราไม่คิดจะมีอะไรกับพี่อยู่แล้ว พี่ดูออก ถ้าเราไม่รู้เรื่องที่แพทชอบพี่ซะก่อนก็คงจะยอมใช่มั้ยล่ะ”
 

        พี่วุฒิพูด

 
        “ถ้าพี่จะไม่เชื่อ ผมก็คงจะห้ามไม่ได้”
 

        ผมพูดเสร็จก็รีบเดินไปที่หอพักของผมทันที และพี่วุฒิก็ยังคงเดินตามมา
 

        “ผมอยากให้พี่ตัดใจ ถ้าในเรื่องความรักผมมีคนที่ผมชอบอยู่แล้ว ส่วนเรื่องเซ็กซ์ก็มีคนอีกมากมายที่พร้อมจะทำได้อย่างที่ผมต้องการ”

 
        ผมหันไปบอกพี่วุฒิ
 

        “พี่ไม่มีโอกาสเลยเหรอ”
 

        พี่วุฒิถามผม ผมพยักหน้าเบาๆ เป็นคำตอบ
 

        “แพทเป็นยังไงบ้าง”

 
        พี่วุฒิถามผม

 
        “เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเองพี่ ผมบอกมันไปแล้วว่าให้มันตัดใจ พี่เองก็ต้องทำให้ได้เหมือนกัน”
 

        ผมบอกพี่วุฒิ
 

        “มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ”
 

        พี่วุฒิบอกผม
 

 
 
        “มันไม่ยากหรอกพี่ถ้าเรารู้ว่าคนที่เราชอบเขาไม่มีทางชอบเราน่ะ เชื่อผมสิ”
 
 
 
 


 
 
        ... จากผู้เขียน ...

        มาต่อแล้วนะครับ ชอบไม่ชอบยังไงก็คอมเมนต์กันได้เลยนะครับ และตอนนี้ก็ rewrite ครบทุกตอนแล้วนะครับ ต่อไปนี้ก็จะมีเรื่องของตัวละครอื่นๆ มากขึ้น ถ้ายังไงก็ฝากติดตามกันด้วยนะครับ

         :mew1:



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-04-2018 09:50:32 โดย wannesress »

ออฟไลน์ boobooboo

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
ปมเยอะเลยอ่ะ

ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
หมดม.ยังโอมมม เกลียดความเมะของนางงง  :hao6:

ออฟไลน์ Grey Twilight

  • Moderator
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-17
คิดว่าเป็นแพทรึเปล่าครับ? เท่าที่ดูมาตัวละครที่น่าจะเห็นแววตามความนัย ก็น่าจะเป็นแพทล่ะมั้งครับ

ออฟไลน์ wannesress

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว
 
ตอนที่ 12

 
 
 
        [ริว]
 
 
        ชีวิตของผมในเวลานี้ดูจะวุ่นวายอยู่สักหน่อย หลังจากวันที่น้องแนนทิ้งผมไป ผมก็หมดเวลาไปกับการร้องไห้ฟูมฟายอยู่หลายวัน ใช่ว่าผมจะไม่เคยอกหัก แต่ครั้งนี้มันทำผมเสียเซลฟ์อย่างรุนแรง เพราะผมเพิ่งจะคบกับน้องเขาได้ไม่ถึงเดือนแต่ผมก็ถูกทิ้งซะอย่างนั้น แต่ที่ผมแปลกใจกว่านั้นคือความรู้สึกต่อน้องแนนที่หายไปอย่างรวดเร็วในวันที่ผมเรียกโอมให้มาหาที่ห้อง และวันนั้นเองที่ทำให้ผมได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ในชีวิต ผมเหลือบมองนาฬิกา G-Shock สีแดงที่อยู่บนข้อมือของผมในเวลานี้ ผมไม่ได้อยากจะดูเวลาจากมันหรอก แต่ผมกำลังนึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ผมได้นาฬิกาเรือนนี้มา
 
 

        ย้อนกลับไปเมื่อวานนี้
 
 
        วันนี้บรรยากาศรอบตัวผมออกจะดูประหลาดไป ผมเดินเข้ามาในโรงอาหารที่คณะในช่วงพักกลางวัน ผมรู้สึกถึงสายตาแปลกๆ ของคนรอบตัวที่มองมาหาผม แม้ว่าเมื่อวันศุกร์ที่แล้วข่าวที่ผมพาผู้ชายมานอนที่ห้องจะเริ่มแพร่กระจายออกไป แต่มันก็ยังอยู่แค่ในวงจำกัด พอมาถึงวันนี้ดูเหมือนว่าข่าวจะไปไกลมาก สายตาเกือบทุกคู่จ้องมองมาที่ผม ผมรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ผมต้องแกล้งทำเป็นไม่สนใจสายตาที่มองมาหาผม ก่อนที่จะรีบกินข้าวให้เสร็จแล้วออกไปจากที่นี่สักที
 

        การเรียนในช่วงบ่ายผ่านไปอย่างรวดเร็วกว่าที่คิด ผมรีบเดินหนีจากความวุ่นวาย เสียงนินทาที่เหมือนพยายามจะให้ผมได้ยิน แต่มันทำอะไรผมไม่ได้หรอก ผมทำหูทวนลมก่อนที่จะรีบพุ่งกลับไปที่หอพักทันที ผมเข้าไปอาบน้ำให้สบายตัว และมันก็ช่วยให้ผมใจเย็นลงไม่น้อย หลังจากนั้นผมก็ทิ้งตัวลงนอนพร้อมกับครุ่นคิดอย่างหนักกับเรื่องที่เกิดขึ้น สุดท้ายผมก็สรุปได้ว่าสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ตอนนี้คือทางออกที่ดีที่สุด เดี๋ยวสักวันข่าวพวกนั้นมันก็หายไปเอง
 

        ก๊อก ก๊อก
 

        นานเท่าไรไม่รู้ที่ผมเผลอหลับไป แต่เสียงเคาะประตูก็ทำให้ผมตื่นขึ้นมาทันที ผมรีบเดินไปดูที่ช่องมองหน้าประตู ภาพที่ผมเห็นคือน้องแชมป์เดือนคณะปีหนึ่งที่เป็นคู่กับน้องแนนที่ทิ้งผมไป มันยืนอยู่หน้าห้องพร้อมกับจ้องมองมาที่ประตู ผมนึกแปลกใจไม่น้อยว่ามันมีธุระอะไรกับผม แต่ผมก็ตัดสินใจเปิดประตูออกไป
 

        “มีธุระอะไรเหรอ”

 
        ผมถามน้องแชมป์ออกไปด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร มันอาจจะปั้นยากอยู่สักหน่อย เพราะผมรู้สึกไม่ค่อยถูกชะตากับมันสักเท่าไรนัก แต่ผมก็พยายามทำตัวให้ดูเป็นปกติ
 

        “ผมขอเข้าไปในห้องได้มั้ยครับ”

 
        น้องแชมป์พูดพร้อมกับเดินเข้ามาในห้องของผมทันที
 

        “เฮ้ย พี่ยังไม่ได้อนุญาตเลยนะ”

 
        แต่น้องแชมป์ก็ไม่ฟังสิ่งที่ผมพูด มันเดินเข้ามาในห้องของผมทันที ผมรู้ดีว่าไล่ยังไงมันก็คงจะไม่ออกไป และถ้าจะให้ใช้กำลังลากมันออกไป ผมก็ไม่น่าจะสู้แรงของมันได้ หวังว่ามันจะไม่ทำอะไรผมนะครับ
 

        “สรุปว่ามีธุระอะไรเนี่ย”

 
        ผมถามน้องแชมป์ที่ตอนนี้เดินสำรวจห้องของผมอย่างไม่เกรงใจกันเลยสักนิด มันหันมามองผมทันทีที่ผมถาม
 

        “สุขสันต์วันเกิดครับพี่ริว”

 
        น้องแชมป์พูดกับผมด้วยรอยยิ้ม จะว่ายังไงดีล่ะ ผมไม่เคยเห็นมันยิ้มเลยสักครั้ง ตั้งแต่เจอกันมันจะอยู่ในสีหน้าเรียบเฉยเหมือนคนเบื่อโลกอยู่ตลอดเวลา ว่าแต่มันรู้ได้ยังไงว่าวันนี้เป็นวันเกิดผม ผมเองก็ลืมไปเลยว่าวันนี้เป็นวันเกิดผม
 

        “เออ ขอบใจ”

 
        ผมบอกมัน มันยังคงไม่หุบยิ้ม ดูเหมือนว่ามันจะฉีกยิ้มมากกว่าเดิมซะด้วยซ้ำ
 

        “ผมมีของขวัญจะให้พี่”

 
        มันทำให้ผมแปลกใจอีกแล้ว คนอย่างมันเนี่ยนะจะซื้อของขวัญวันเกิดให้ผม ผมไม่ได้สนิทกับมันสักหน่อย ออกจะไม่ชอบขี้หน้ามันซะด้วยซ้ำ มันไม่รู้บ้างเลยหรือไง  ผมมองมันที่กำลังแกะนาฬิกาออกจากข้อมือของตัวเองแล้วก็สงสัยว่ามันทำอะไรของมัน
 

        “นี่ครับของขวัญ”
 

        ผมไม่รู้ว่ามันบ้าหรือเปล่า มันเอานาฬิกาที่มันใส่อยู่มาเป็นของขวัญให้ผมเนี่ยนะ
 

        “จะบ้าเหรอ เอานาฬิกาตัวเองมาเป็นของขวัญเนี่ยนะ”

 
        ผมด่ามันออกไป
 

        “ไม่ใช่นาฬิกาของผมหรอกครับ ผมแค่ยืมพี่ใส่เล่นวันนึงก็เท่านั้นเอง ผมตั้งใจจะซื้อให้พี่อยู่แล้ว”
 

        ดูมันพูดสิครับ ผมล่ะงงกับมันจริงๆ มีอย่างที่ไหน เอาของขวัญที่จะให้คนอื่นมาใส่ก่อนเนี่ย
 

        “ลองใส่ดูสิครับ”
 

        น้องแชมป์พูดพร้อมกับสวมนาฬิกาให้ผม ผมจะสะบัดมือมันออกทันที
 

        “ทำไมกูต้องใส่”
 

        ผมถามมันออกไป

 
        “ก็ผมอยากให้พี่ใส่”
 

        น้องแชมป์พูดพร้อมกับรอยยิ้ม ทำให้ผมรู้สึกหมั่นไส้มันเข้าไปอีก
 

        “กูไม่ใส่”

 
        ผมยืนยันคำเดิม คราวนี้มันรีบอ้อมมาอยู่ด้านหลังของผมก่อนที่จะรีบสวมนาฬิกาให้ผม ตอนนี้เหมือนมันกำลังกอดผมจากด้านหลังเลยล่ะครับ แต่ไม่นานมันก็สวมนาฬิกาเสร็จ และก็เดินกลับมาอยู่ด้านหน้าของผมเหมือนเดิม
 

        “เป็นไงครับ ผมบอกแล้วว่าเหมาะกับพี่จะตาย”
 

        มันก้มลงมองข้อมูลของผมก่อนจะพูดชื่นชมผลงานของตัวเอง
 

        “มึงให้กูทำไมวะ”

 
        ผมสงสัยเหลือเกินว่าผมไปสนิทกับมันตอนไหน ถึงได้อยากจะให้ของขวัญผมซะขนาดนั้น
 

        “ผมก็แค่อยากให้”

 
        “นี่มึงไม่ได้ไปขโมยใครมาใช่มั้ย”

 
        ผมถามมันออกไป ถ้าเกิดมันไปขโมยเขามา ก็เท่ากับว่าผมรับของโจรน่ะสิครับ
 

        “ผมซื้อมาเองครับ สวยใช่มั้ยล่ะ”

 
        น้องแชมป์พูดพร้อมทำหน้ากวนบาทา

 
        “ก็งั้นๆ แหละ”

 
        ผมตอบมันไปทั้งๆ ที่ผมก็อยากได้นาฬิการุ่นนี้สีนี้อยู่แล้วล่ะครับ
 

        “แต่พออยู่บนข้อมือพี่แล้วดูดีมากเลยนะครับ”
 

        น้องแชมป์พูด

 
        “แน่นอน ก็คนใส่มันหล่อนี่นา”

 
        ผมพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ

 
        “เออ นี่มึงจะให้กูจริงๆ เหรอ มันแพงมากเลยนะ”

 
        ผมถามน้องแชมป์ออกไป เพราะเท่าที่รู้มาราคาก็หลายพันอยู่นะครับรุ่นนี้ ไม่รู้ว่ามันไปเอาเงินมาจากไหน
 

        “ผมขออะไรแลกเปลี่ยนอย่างนึงได้มั้ยครับ”

 
        นั่นไง มีข้อแลกเปลี่ยนซะด้วย แต่นาฬิกาแพงขนาดนี้ผมต้องทำอะไรให้มันวะเนี่ย
 

        “อะไรวะ”
 

        ผมถามมันออกไป

 
        “ผมขอหอมแก้มพี่ได้มั้ย”

 
       ผมตกใจกับสิ่งที่มันพูดมาก มันอยากจะหอมแก้มผมเนี่ยนะ น้องแชมป์มันเป็นเกย์เหรอเนี่ย
 

       “มึงเป็นเกย์เหรอวะ”
 

       ผมเดินถอยออกมาจากน้องแชมป์ อยู่ในห้องกับมันสองต่อสองตอนนี้ดูท่าว่าจะไม่ปลอดภัยแล้วล่ะครับ
 

       “หอมแก้มกันแบบพี่น้องไง”

 
       มันพูดหน้าตาเฉย

 
       “อยู่บ้านกูก็ไม่เคยหอมแก้มพี่ชายกู มึงจะบ้าเหรอ”
 

       ผมล่ะงงกับตรรกะบ้าบอของมันจริงๆ ผู้ชายที่ไหนจะหอมแก้มกันต่อให้เป็นพี่น้องกันก็เถอะ
 

       “โอเค ถ้าอย่างนั้นผมขอนาฬิกาคืนแล้วกันครับ”

 
       น้องแชมป์พูดพร้อมกับเอื้อมมือมาจะแกะนาฬิกาออกจากข้อมือของผม
 

       “เฮ้ยได้ไงวะ มึงให้กูแล้ว”

 
       จะคืนมันไปก็เสียดายครับ อย่างที่บอกว่าผมกำลังอยากได้นาฬิการุ่นนี้สีนี้อยู่พอดี เรื่องอะไรผมจะคืนให้มันล่ะครับ
 

       “คงไม่ได้หรอกครับ นาฬิกาตั้งแพงแต่ผมไม่ได้อะไรตอบแทนเลย”
 

        น้องแชมป์พูดพร้อมกับส่ายหน้า
 

        “เออ ก็ได้ๆ”
 

        ในที่สุดผมก็ต้องยอมมัน แค่หอมแก้มผมคงไม่สึกหรออะไรหรอก ยังไม่ทันที่ผมจะตั้งตัว น้องแชมป์ก็เดินมาอยู่หน้าผม ใช้มือทั้งสองข้างประคองใบหน้าของผม ก่อนที่จะประทับริมฝีปากลงบนแก้มของผม ผมสังเกตเห็นหน้าของน้องแชมป์ที่เปลี่ยนเป็นสีแดงแล้วก็อดขำไม่ได้
 

        “หน้าแดงเลยนะมึง ชอบกูเหรอ”
 

        ผมแกล้งแซวน้องแชมป์ไป

 
        “ใช่ ผมชอบพี่”

 
        แทนที่จะเป็นมันที่ต้องอึ้งกับคำถามของผม กลายเป็นผมเองนี่แหละที่ต้องอึ้งกับคำตอบของมัน ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันพูดจริงหรือเปล่า
 

        “ล้อเล่นน่า ไม่เอาสิ”
 

        ผมพูดพร้อมกับยิ้มแหยๆ ใส่มัน

 
        “ผมจริงจังนะ เตรียมตัวโดนผมจีบได้เลย”

 
        น้องแชมป์พูดพร้อมกับมองหน้าผมอย่างจริงจัง ก่อนที่จะเดินไปที่ประตู

 
        “ฝันดีนะครับ”

 
        น้องแชมป์พูดทิ้งท้ายก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป ผมยังคงอึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องที่ผมถูกน้องแชมป์หอมแก้ม และก็เรื่องที่มันชอบผมอีก แต่ทำไมไม่รู้ ผมรู้สึกเหมือนหัวใจของตัวเองเต้นแรงกว่าที่เคย
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        [โอม]
 
 
        เช้าวันพุธของผมเริ่มต้นขึ้นรวดเร็วกว่าที่ผมคิด ผมลืมตาตื่นตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น และก็ไม่อาจจะข่มตาหลับลงไปได้ ผมนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวาน หลังจากคุยกับพี่วุฒิเสร็จ พี่วุฒิก็บอกลาผมด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ผมพอจะเข้าใจพี่วุฒิอยู่หรอกว่าการตัดใจจากคนที่ตัวเองชอบมานานมันยากลำบากแค่ไหน และเนื่องจากวันนี้ผมตื่นเช้าเป็นพิเศษ ผมจึงมีเวลาที่จะติดตามความเป็นไปของเพื่อนฝูงผ่านเฟซบุ๊ก หลังจากที่ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ผมก็ค่อยๆ ไล่อ่านสเตตัสและรูปถ่ายของเพื่อนหลายคน จนไปสะดุดตากับนาฬิกาข้อมือสีแดงที่อยู่บนข้อมือของริว ภาพที่เห็นนั้นทำให้ผมยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว หลังจากที่อัพเดทความเป็นไปของเพื่อนๆ ผ่านเฟซบุ๊กแล้ว ผมก็เตรียมตัวจัดกระเป๋าสำหรับการเรียนในวันนี้ โดยไม่ลืมที่จะหยิบรายงานที่ผมทำคู่กับมินไปส่งในช่วงบ่ายวันนี้ด้วย
 

        ก๊อก ก๊อก
 

        ระหว่างนั้นเองเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นที่หน้าห้องของผม ผมเดินออกไปเปิดประตูก็เห็นมินที่อยู่ในชุดนักศึกษาแล้ว มันเดินเข้ามาในห้องของผมทันที
 

        “อย่าลืมเอารายงานไปส่งด้วย”
 

        มินบอกผม

 
        “เออ กูเอาใส่กระเป๋าแล้ว”

 
        ผมบอกมินพร้อมกับแง้มกระเป๋าให้มันดู

 
        “เออ มึงเสร็จแล้วใช่มั้ย ไปกินข้าวกัน”
 

        พูดเสร็จมันก็เดินนำผมออกจากห้องทันที
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        ผมกับมินแวะซื้อขนมปังเป็นอาหารเช้าที่เซเว่นก่อนที่จะเดินมาที่คณะพร้อมกันแล้วแยกย้ายกันไปเรียนคนละเซค ส่วนตอนกลางวันมินมันบอกว่าจะไปทำธุระอะไรสักอย่างเลยไม่ได้อยู่กินข้าวกลางวันกับผม และระหว่างที่ผมนั่งกินข้าวคนเดียวอยู่นั้นเอง
 

        “พี่โอม สวัสดีครับ พวกผมนั่งด้วยได้มั้ยพี่”
 

        ม่อนน้องรหัสของผมเข้ามาทัก พร้อมกับเพื่อนอีกคนหนึ่งที่ผมไม่รู้จัก
 

        “ได้สิ”
 

        ผมตอบเสร็จ ม่อนกับเพื่อนของมันก็วางกระเป๋าลงบนโต๊ะทันที ก่อนที่จะเดินไปซื้ออาหาร ผมหันกลับมาสนใจอาหารตรงหน้า
 

        “ผมชื่อนนท์นะครับพี่ เป็นเพื่อนกับม่อน”
 

        เพื่อนของม่อนมานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของผมพร้อมกับแนะนำตัวให้ผมรู้จักทันที ผมพยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้เบาๆ เพื่อนคนนี้ของม่อนก็ดูจะหน้าตาดีอยู่ไม่น้อย จนผมเองก็อดคิดไม่ได้ว่าสองคนนี้คงจะขับเคี่ยวกันน่าดูตอนที่คัดเลือกเดือนคณะ แม้ว่าหน้าตาของน้องนนท์ดูจะออกไปทางน่ารักมากกว่าหล่อก็ตาม
 

        “พี่โอมอยู่ภาคคอมใช่มั้ยครับ”
 

        นนท์ถามผม
 

        “ใช่ครับ มีอะไรเหรอ”
 

        ผมหันไปถามนนท์ด้วยความสงสัย
 

        “ผมอยากเข้าภาคคอมมากเลยพี่ ม่อนมันบอกว่าพี่อยู่ภาคคอม มันเลยให้ผมมาทำความรู้จักกับพี่ไว้เผื่อว่าผมจะขอคำแนะนำจากพี่”
 

        “ได้สิ อยากรู้อะไรก็ถามพี่ได้เลยนะ”

 
        “ขอบคุณมากครับพี่ ถ้ายังไงเดี๋ยวผมแอดเฟซบุ๊กพี่ไปนะครับ”
 

        หลังจากนนท์พูดเสร็จ น้องรหัสผมก็เดินมาแล้วนั่งลงข้างเพื่อนของมัน
 

        “เออ วันนี้มึงไม่ต้องไปซ้อมงานประกวดดาวเดือนเหรอวะ”
 

        นนท์หันไปถามม่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ

 
        “วันนี้ไม่ต้องไปว่ะ ให้กูพักบ้างเหอะ ซ้อมทุกวันเหนื่อยจะตาย”
 

        ม่อนหันไปบ่นกับเพื่อนของมัน
 

        “พุธหน้าแล้วดิที่มึงจะประกวดน่ะ”
 

        นนท์หันไปพูดกับม่อน

 
        “เออใช่ พุธหน้าพี่โอมว่างมั้ยครับ ไปเชียร์ผมหน่อยสิ”

 
        ม่อนหันมาชวนผม
 

        “น่าจะว่างนะ มันจัดที่ไหนอะ”

 
        ผมถามม่อน

 
        “ที่หอประชุมใหญ่เลยพี่”
 

        ม่อนบอกสถานที่กับผม
 

        “เออ เดี๋ยวพี่ไปเชียร์”

 
        ผมพูดเสร็จน้องม่อนมันก็ยิ้มกว้างออกมาทันที อะไรจะขนาดนั้นครับเนี่ย
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        หลังจากที่ผมกินข้าวเสร็จผมก็บอกลารุ่นน้องทั้งสองคนเพื่อที่จะไปเข้าเรียนต่อในช่วงบ่าย วิชานี้เป็นวิชาบรรยายที่เรียนรวมกันทั้งภาควิชาโดยไม่มีการแบ่งเซค ผมจึงต้องรีบมาจองที่นั่งที่ดีที่สุดในห้องก็คือที่นั่งแถวหลังสุดนั่นเอง โชคดีที่คนยังมากันไม่มาก ผมเลยได้ที่นั่งแถวหลังสุดตามที่ต้องการ
 

        ครืด ครืด
 

        ผมรู้สึกได้ถึงแรงสั่นของโทรศัพท์จึงหยิบมันขึ้น หน้าจอปรากฏข้อความไลน์ของริวบอกว่ามันจะโดดเรียนช่วงบ่ายนี้ ผมรู้สึกแปลกใจไม่น้อย เพราะว่ามินมันไม่เคยโดดเรียนแบบนี้มาก่อน แต่ยังโชคดีที่วิชานี้ไม่มีการเช็คชื่อ ถ้ามันอยากจะโดดก็ไม่มีปัญหาอะไร
 

        และการเรียนในช่วงบ่ายที่แสนจะน่าเบื่อก็จบลง ผมส่งรายงานที่ผมทำคู่กับมินให้อาจารย์ก่อนที่จะรีบพุ่งตัวออกจากห้องทันที
 

        “โอม มึงอย่าเพิ่งไป”

 
        เพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งเรียกผมไว้
 

        “มีอะไรเหรอ”
 

        ผมหันไปถามเพื่อนคนนั้นอย่างสงสัย
 

        “ไอ้ดินมันบอกให้มึงรอมันก่อน เดี๋ยวมันมาหา”

 
        เพื่อนคนนั้นบอกกับผม ผมแปลกใจเล็กน้อยที่ดินมันไม่โทรมาบอกผมโดยตรง พอพูดเสร็จมันก่อนเดินออกไปก่อน สักพักดินมันก็มาถึง

 
        “เย็นนี้มึงว่างปะวะ”
 

        ดินถามทันทีที่เห็นหน้าผม ท่าทางมันดูกระหืดกระหอบเหมือนรีบมาหาผมสุดๆ
 

        “ว่าง มึงมีอะไรวะ”

 
        ผมหันไปตอบดิน

 
        “คืนนี้มาหากูที่ห้องหน่อย กูมีเรื่องอยากให้มึงช่วยว่ะ”
 
 
 
 
        และรอยยิ้มของดินที่มาพร้อมกับประโยคที่มันพูดก็ทำให้ผมรู้ในทันทีเลยว่ามันอยากให้ผมช่วยอะไร
 
 
 
 


 
        ... จากผู้เขียน ...

        ตอนใหม่มาแล้วววววว ใครมีความในใจอะไรบอกมาได้เลยนะครับ อิอิ

         :-[

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-04-2018 09:53:47 โดย wannesress »

ออฟไลน์ boobooboo

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
สรุปโอม  จะคู่ใครเนี่ยะ  ริวก้อไปกับแชมป์แล้ววว

ออฟไลน์ wannesress

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว

ตอนที่ 13





        ผมกำลังนอนพักหายใจอยู่บนเตียงนอนของดิน หลังจากเสร็จกิจยกที่สามผมก็หมดสภาพอย่างที่เห็น ร่างกายและใบหน้าของผมตอนนี้ชุ่มไปด้วยเหงื่อ ผมหันไปมองใบหน้าของเดือนวิศวะสุดหล่ออย่างดินที่ตอนนี้นอนอยู่ข้างๆ ผม ใบหน้าของมันเปราะเปื้อนไปด้วยของเหลวสีขาวขุ่น แต่รอยยิ้มของมันคงจะบอกได้ดีว่ามันมีความสุขมากแค่ไหนที่มีของเหลวเหล่านั้นอยู่บนใบหน้าของมัน


        “วันนี้มึงจัดกูหนักมากเลยนะ”


        ดินหันหน้ามาคุยกับผม เสียงหอบของมันคงบอกได้ว่ามันเหนื่อยมากแค่ไหน


        “มึงไม่ชอบเหรอวะ”


        ผมหันไปตอบพร้อมยักคิ้วให้มัน


        “กูไม่ได้บอกสักหน่อยว่ากูไม่ชอบ”


        ดินตอบพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ผม


        “มึงไม่คิดจะเช็ดหน้าสักหน่อยเหรอ”


        ผมถามดินที่ตอนนี้หน้าของมันเต็มไปด้วยของเหลวสีขาวขุ่นจากร่างกายของผม


        “เออว่ะ ลืมไปเลย”


        พูดเสร็จดินก็ลุกขึ้นแล้วไปหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดหน้า ก่อนที่จะเข้าห้องน้ำไปล้างหน้า สักพักดินก็เดินออกมา


        “กูอยากจะถามมึงมานานแล้ว มึงกับพี่เฟิร์นเป็นอะไรกันวะ”


        ผมถามคำถามที่ผมสงสัยมานาน สีหน้าของดินดูเปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อยแต่ผมก็พอจะสังเกตเห็นได้


        “ยังไม่รู้ว่ะ เขาดีมากเลยนะเว่ย แต่ไม่รู้สิ กูรู้สึกว่าเขายังไม่ใช่ว่ะ”


        ดินหันมาตอบผมด้วยสีหน้าจริงจังอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน


        “เขาทั้งสวย ทั้งเก่ง นิสัยก็ดี เขามีทุกอย่างที่กูคิดว่าแม่ของลูกกูควรจะมี แต่ทำไมกูเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับเขาเลยก็ไม่รู้ว่ะ”


        ดินพูดต่อ


        “แล้วตอนนี้มึงคบเขาในฐานะอะไรวะ”


        ผมถามดิน


        “กูก็พูดไม่ถูกเหมือนกันว่ะ มันมากกว่าเพื่อนน่ะ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นเป็นแฟน เรียกว่าเป็นคนที่คุยๆ กันอยู่ก็ได้ล่ะมั้ง”


        ดินตอบผม พร้อมกับสีหน้าที่คลายความเครียดลงเล็กน้อย


        “แล้วมึงเคยมีอะไรกับเขามั้ยวะ”


        ผมถามดินต่อ


        “เคย หลายครั้งแล้วด้วย”


        “แล้วแบบนี้เขาจะไม่คิดเหรอวะว่ามึงเริ่มจริงจังกับเขาแล้ว”


        “มึงกำลังทำให้กูเครียดอยู่รู้ตัวมั้ย”


        ดินหันมามองผม พร้อมกับสีหน้าดูเหมือนว่าจะกลับไปเครียดเหมือนเดิม


        “โทษที กูแค่อยากรู้เฉยๆ มึงไม่ต้องตอบก็ได้”


        ผมขอโทษมันด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย


        “มึงไม่ผิดหรอก กูนี่แหละที่ทำให้มันค้างคา”


        ดินพูดพร้อมกับฉีกยิ้มที่มุมปากให้ผมเล็กน้อย แต่มันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกว่ามันหายเครียดเลยแม้แต่น้อย


        “แล้วเขารู้มั้ยว่ามึงมานอนกับกูเนี่ย”


        “ไม่รู้หรอก เรื่องแบบนี้กูไม่กล้าบอกผู้หญิงหรอก”


        “มึงบอกแต่ผู้ชายว่างั้น”


        “นี่มึงยังโกรธกูอยู่อีกเหรอวะ กูบอกแต่คนที่ผ่านเกณฑ์มึงเท่านั้นแหละ เผื่อวันนึงพวกนั้นจะไปหามึงไง”


        ดินตอบพลางหัวเราะเบาๆ


        “ช่างเหอะ กูก็พูดไปงั้นแหละ ว่าแต่มึงจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเหรอวะ พี่เฟิร์นน่ะ”


        “กูไม่รู้จะทำยังไงดี กูแทบไม่รู้สึกอะไรกับเขาเลยว่ะ แต่กูก็ยังไม่เจอคนที่กูรู้สึกอะไรแบบนั้นด้วยแหละ”


        ดินตอบผมพลางถอนหายใจแรง


        “บางทีกูอาจจะลองคบผู้ชายดูก็ได้”


        คำพูดของดินทำให้ผมตกใจจริงๆ


        “เอาจริงเหรอวะ”


        ผมถามดินด้วยความสงสัย มันไม่มีท่าทีว่าจะชอบผู้ชายเลยด้วยซ้ำ


        “กูคุยกับผู้หญิงมาหลายคน คุยมาทุกแบบ ทั้งผู้หญิงเรียบร้อย ผู้หญิงแรด ผู้หญิงห้าวๆ กูเริ่มจะเบื่อแล้วว่ะ”


        ดินตอบด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายอย่างที่มันพูด


        “มึงอาจจะยังไม่เจอคนที่มึงรู้สึกจริงๆ หรือเปล่า”


        “ก็อาจจะอย่างนั้น”


        หลังจากที่ผมกับดินคุยกันเสร็จ ผมก็เข้าไปอาบน้ำล้างตัวกับดินในห้องน้ำ จากนั้นผมก็บอกลามันกลับมานอนที่ห้องของตัวเอง เมื่อนึกถึงชีวิตของรักของดินแล้ว ก็กลับมานึกถึงชีวิตรักของตัวเองบ้าง จะว่าไปผมก็ไม่เคยคบใครจนถึงขั้นที่เป็นแฟนเลยสักคน ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าผมจะเป็นยังไงถ้าเกิดผมจะจริงจังเรื่องความสัมพันธ์กับใครสักคนขึ้นมา




----------------------------------------




        เช้าวันวันพฤหัสบดีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมเข้าเรียนช่วงเช้าพร้อมกับมิน จากนั้นก็ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันที่โรงอาหารคณะวิศวะที่เดิม และก็ไปเข้าเรียนวิชาช่วงบ่ายด้วยกัน


        “เย็นนี้กูนัดไอ้แพทว่าจะไปเจอมันที่คณะแพทย์ มึงจะไปด้วยกันมั้ย”


        มินถามผมหลังจากที่เราเรียนวิชาในช่วงบ่ายเสร็จแล้ว มินมันน่าจะยังไม่รู้เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ที่แสนจะวุ่นวายของแพท พี่วุฒิ และก็ผม หลังจากวันนั้นผมกับแพทก็ไม่ได้คุยกันเลย ไม่รู้เหมือนกันว่ามันพร้อมจะเจอผมหรือยัง


        “เออ กูไปด้วย”


        ผมตัดสินใจไปด้วยเพื่อไม่ให้มินมันผิดสังเกต




----------------------------------------




        ตอนนี้ผมกับมินเดินมาถึงคณะแพทย์แล้วล่ะครับ และดูเหมือนว่าผมจะเจอน้องวิทย์เข้าแล้ว วันนี้มันอยู่คนเดียวอีกตามเคย ผมแอบสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมเวลาที่ผมมาคณะแพทย์จะต้องเจอน้องวิทย์ทุกครั้งเลย


        “พี่โอมครับ คุยกับผมแป๊บนึงได้มั้ย”


        วิทย์เรียกผมที่ตอนนี้กับเดินอยู่กับมิน


        “มึงไปก่อนเลย เดี๋ยวกูตามไป”


        ผมบอกมิน มินพยักหน้าหนึ่งทีเป็นอันเข้าใจ ก่อนที่ผมเดินตามวิทย์ไป


        “จะพาพี่ไปไหนเนี่ย”


        ผมถามวิทย์ที่ตอนนี้เดินนำผมไปที่ตึกเรียน


        “เอาน่าพี่ ตามผมมาเถอะ”


        วิทย์บอกผมเหมือนมีลับลมคมใน แต่ผมก็เดินตามไปตามที่มันต้องการ ตอนนี้ผมก็เดินเข้ามาในตึกเรียนแล้ว วิทย์กดลิฟท์พาผมไปที่ชั้นห้าของตึก


        “สรุปนี่เราเรียกพี่มาทำอะไรเนี่ย”


        “เคนมันอยากจะคุยกับพี่เรื่องที่มันจะสัมภาษณ์พี่น่ะ”


        วิทย์บอกเหตุผลที่ลากผมมาถึงชั้นห้าของตึกเรียน


        “แล้วทำไมต้องมาคุยกันที่นี่ล่ะ”


        “เคนมันเลิกแล็ปช้าน่ะพี่”


        “แล้วเมื่อไหร่จะเสร็จล่ะ พี่มีนัดกับเพื่อนนะ”


        “แป๊บเดียวพี่”


        ผมกับวิทย์นั่งรออยู่หน้าห้องแล็ปสักพักก็เห็นน้องเคนเดินออกมา สีหน้าของเคนดูแปลกใจที่เห็นผม นี่มันหมายความว่ายังไงกันล่ะครับเนี่ย วิทย์มันลากผมมาคุยงานทั้งๆ ที่เพื่อนมันยังไม่รู้เนี่ยนะ จังหวะที่น้องเคนเดินออกมาวิทย์ก็รีบเดินเข้าไปกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกันโดยไม่ให้ผมได้ยิน คงจะนัดแนะกันล่ะสิว่าเรียกผมมาทำไม


        “สวัสดีครับพี่โอม”


        น้องเคนพูดก่อนที่จะค้อมตัวลงเล็กน้อย


        “นี่สรุปจะคุยอะไรกับพี่เนี่ย”


        น้องเคนหันไปหน้าไปทางน้องวิทย์ทันทีที่ได้ยินผมพูด นี่สรุปว่ายังนัดกันไม่เสร็จใช่มั้ยเนี่ย


        “มึงก็หยิบลิสต์คำถามที่มึงจะถามพี่โอมให้เขาไปสิ”


        วิทย์หันไปบอกน้องเคน จากนั้นน้องเคนก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋า


        “เอ่อ นี่คำถามที่ผมจะถามพี่ตอนสัมภาษณ์น่ะครับ เผื่อพี่จะเอาไว้เตรียมตัว”


        น้องเคนยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้ผม ผมเก็บกระดาษแผ่นนั้นใส่กระเป๋าทันทีโดยไม่ได้อ่าน


        “นี่มึงจะไม่ซ้อมสัมภาษณ์พี่โอมสักหน่อยเหรอวะ ไหนๆ พี่โอมก็มาแล้ว”


        วิทย์หันไปบอกเพื่อนของมัน ผมกำลังจะบอกวิทย์ว่าผมไม่ว่างเพราะมีนัดกับเพื่อนแต่น้องเคนก็พูดออกมาซะก่อน


        “กูไม่ว่างอะ กูมีนัดกับหนิงไว้”


        น้องเคนรีบพูดออกมา ตอนท้ายก็เหลือบมองผมด้วยแววตาที่ผมก็ไม่เข้าใจ


        “ตามใจมึงละกัน”


        วิทย์พูดพร้อมกับทำหน้าเคืองๆ


        “เดี๋ยวพี่ไปก่อนนะ พี่มีนัดเพื่อนเอาไว้”


        ผมบอกลาน้องเคนกับน้องวิทย์ก่อนที่จะเดินกลับไปหามินกับแพท


        “เดี๋ยวก่อนพี่ ผมไปด้วย”


        เสียงของวิทย์ไล่หลังผมมาตอนที่ผมออกเดินมา


        “พี่อย่าโกรธไอ้เคนมันเลยนะ มันก็แบบนี้แหละ”


        วิทย์ที่เดินตามผมมาทันแล้วพูดกับผม


        “พี่ไม่ได้โกรธเคน แต่โกรธแกนี่แหละวิทย์ทำพี่เสียเวลาหมด แค่ลิสต์คำถามแค่นี้ส่งมาในไลน์ก็ได้”


        ผมหันไปบอกวิทย์ มันทำหน้าตารู้สึกผิด แต่ดูเหมือนจะแกล้งทำมากกว่า


        “หึงล่ะสิ”


        วิทย์หันมาล้อผม


        “ไม่ได้หึง”


        ผมพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย


        “ตัดใจสักทีเถอะพี่ ไอ้การที่มันไปคบผู้หญิง มันก็ชัดเจนแล้วนะว่ามันไม่มีทางชอบพี่”


        วิทย์พูดกับผมด้วยสีหน้าจริงจัง


        “พี่รู้อยู่แล้วน่า ไม่ต้องบอกหรอก”


        “แต่พี่ก็ยังทำไม่ได้ใช่มั้ย”


        “สอนพี่หน่อยสิ วิธีตัดใจจากคนที่ตัวเองชอบน่ะ”


        ผมหยุดเดินแล้วหันไปถามวิทย์ มันดูจะตกใจกับสิ่งที่ผมพูด


        “ผมทำได้ซะที่ไหนล่ะพี่ ตอนนี้ผมก็ยังชอบพี่อยู่”


        ผมตกใจในสิ่งที่วิทย์พูดมาก แล้วที่มันช่วยผมจีบเพื่อนมันล่ะ


        “อ้าว แล้วตอนที่วิทย์ช่วยพี่จีบเคนล่ะ พี่คิดว่าวิทย์ตัดใจจากพี่ได้แล้วซะอีก”


        ผมถามมันไปด้วยความสงสัย


        “ที่ผมทำมันก็เป็นแค่วิธีที่จะทำให้ผมได้อยู่ใกล้พี่ ผมก็แค่รอสักวันที่พี่จะหันมาสนใจผมบ้าง ผมแค่คิดว่ามันก็ยังพอเป็นไปได้บ้างที่พี่จะหันมาชอบผม อย่างน้อยพี่ก็ชอบผู้ชาย โอกาสของผมก็ยังพอจะมีอยู่บ้าง ถ้าพี่ชอบผู้หญิงผมก็คงจะตัดใจไปนานแล้ว”


        ผมแอบเห็นแววตาเป็นประกายของมันที่ดูเหมือนจะมีความหวังอยู่น้อยๆ คำพูดของมันดูจะทิ่มแทงใจผมอยู่ไม่น้อย ผมยังตัดใจจากน้องเคนไม่ได้ ทั้งที่รู้ดีอยู่เต็มอกว่าน้องเขาไม่มีทางชอบผม


        “ตอนแรกที่ผมช่วยพี่จีบไอ้เคนน่ะ ผมโคตรเจ็บเลย ผมเห็นแววตาที่พี่มองมัน ผมก็อยากให้พี่มองผมแบบนั้นบ้าง แต่เรื่องที่เคนมันไปคบกับหนิงนี่มันอยู่เหนือความคาดหมายของผมนะ ผมควรจะดีใจใช่มั้ยพี่ที่รู้ว่ามันไม่ได้ชอบพี่น่ะ แต่มันก็เท่ากับว่าผมเสียโอกาสที่ได้อยู่ใกล้กับพี่ จนบางทีผมก็อยากให้สองคนนั้นเลิกกัน”


        “พี่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรเลยว่ะ”


        ผมมองหน้าวิทย์ด้วยหลายอารมณ์ปะปนกัน ผมทึ่งในความพยายามของมัน หลายสิ่งที่มันทำดูแปลกประหลาดสำหรับผม แต่ผมก็เข้าใจมันนะ


        “พี่ไม่ต้องพูดอะไรหรอก ปล่อยให้มันเป็นหน้าที่ของผมเถอะ ผมจะทำให้สองคนนั้นเลิกกันให้ได้ พี่ไม่ต้องห่วง”


        ผมไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไงกับสิ่งที่วิทย์พูด จะรู้สึกดีใจ จะรู้สึกเสียใจ หรือจะรู้สึกประหลาดใจ มันปนกันไปหมด


        “อะไรเนี่ย เมื่อกี้ยังบอกให้พี่ตัดใจอยู่เลย”


        ผมเริ่มจะงงกับความคิดของวิทย์แล้วครับ มันจะเอายังไงกันแน่จะให้ผมตัดใจหรือจะให้ผมชอบน้องเคนต่อไปกันล่ะเนี่ย


        “แล้วถ้าเราอยากเจอพี่ ก็มาหาพี่ก็ได้ ไม่เห็นต้องทำอะไรให้ยุ่งยากเลย”


        ผมบอกวิทย์ออกไป


        “มันไม่เหมือนกันหรอกพี่ พี่รู้มั้ยว่าทำไมผมถึงชอบพี่ ผมชอบพี่ตอนที่พี่คุยกับไอ้เคน สีหน้า แววตา และก็รอยยิ้มที่มีความสุขของพี่มันดึงดูดผมมาก ผมชอบพี่ที่เป็นแบบนั้น มันไม่มีประโยชน์เลยที่พี่จะมาเจอกับผมแล้วไม่มีความสุขน่ะ”


        คำพูดของวิทย์ทำให้ผมอึ้งอีกแล้ว


        “มันขัดแย้งในใจเหมือนกันนะพี่ ใจนึงผมก็อยากให้พี่ตัดใจจากไอ้เคนให้ได้ แต่อีกใจนึงก็อยากให้พี่มีความหวัง ยังอยากให้พี่มีความสุขเวลาที่ได้คุยกับไอ้เคน ผมยังอยากเห็นพี่โอมคนที่ผมชอบอยู่ พี่โอมที่ยังมีความสุขเวลาคุยกับไอ้เคน ไม่ใช่พี่โอมที่เป็นแบบนี้”


        วิทย์พูดซะจนผมไปต่อไม่ถูกเลย


        “แล้วถ้าสมมติวันนึงเคนมันชอบพี่ขึ้นมาจริงๆ เราจะไม่เสียใจเหรอวิทย์”


        “ไม่รู้สิพี่ ไว้ถึงตอนนั้นผมค่อยคิดแล้วกัน”


        วิทย์ตอบผม ก่อนที่เดินต่อไป ผมเพิ่งจะรู้ตัวว่าเราหยุดเดินมาสักพักแล้ว


        “ไปก่อนนะพี่ เดี๋ยวพี่รอดูฝีมือผมได้เลย”


        วิทย์บอกผมตอนที่เดินมาถึงหน้าตึกแล้ว จากนั้นวิทย์ก็เดินไปทันที




----------------------------------------




        “อยู่ไหนวะตอนนี้”


        หลังจากที่วิทย์เดินไปแล้ว ผมก็โทรถามมินว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน


        “อยู่โรงอาหาร เออ แต่แพทมันมีเรียนชดเชยนะ มันมาไม่ได้แล้ว”


        มินบอกผม ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันมีเรียนจริงๆ หรือว่าแค่อยากจะหลบหน้าผมกันแน่


        ผมเดินจากตึกเรียนคณะแพทย์ไปที่โรงอาหาร และดูเหมือนว่าแพทมันจะไม่ได้โกหก เพราะผมไม่เห็นเพื่อนรุ่นเดียวกันอยู่ในโรงอาหารเลยแม้แต่คนเดียว ระหว่างที่เดินเข้าไปในโรงอาหาร ผมเห็นมินนั่งอยู่กับใครสักคน แต่ผมไม่รู้ว่าเป็นใคร เพราะคนๆ นั้นนั่งหันหลังให้ผมอยู่ ทันทีที่เห็นผมมินก็โบกมือเรียกผม และเมื่อผมเดินเข้าไปใกล้ๆ ผมก็เห็นว่าคนที่นั่งอยู่กับมินคือใคร


        และคนๆ นั้นก็คือน้องเคนนั่นเอง


        ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสองคนนี้มันไปสนิทกันตอนไหน เพราะตอนเรียนมัธยมผมก็ไม่เคยเห็นสองคนนี้คุยกันสักครั้ง


        “นั่งก่อนสิโอม”


        มินบอกผม ผมจึงเดินไปนั่งข้างมิน


        “นี่ไอ้เคนเป็นน้องสายห้องเรามึงจำได้มั้ย”


        มินแนะนำน้องเคนให้ผมรู้จัก มันก็คงจะไม่รู้เหมือนกันสินะว่าผมกับน้องเคนก็รู้จักกันอยู่แล้ว และดูจากคำนำหน้าของน้องเคนที่เป็นไอ้เนี่ย สองคนนี้คงจะสนิทกันในระดับหนึ่งเลยแหละ


        “เออ กูจำได้น่า”


        ก็แน่ล่ะสิ นี่มันคนที่ผมชอบนะ


        “เคน มึงจำรุ่นพี่มึงได้มั้ยเนี่ย นี่ไอ้โอมเพื่อนกูเอง”


        มินมันยังไม่หยุด มันยังแนะนำน้องเคนให้รู้จักกับผมต่อไป ผมหันไปเหล่มองมันเล็กน้อย แต่ดูเหมือนมันจะยังไม่รู้ตัว


        “จำได้ครับ”


        น้องเคนตอบมาเบาๆ


        “มึงไปสั่งข้าวไป พวกกูกินกันจะเสร็จแล้วเนี่ย”


        มินหันมาบอกผม ผมจึงลุกออกไปซื้อข้าวมากิน ผมเลือกร้านข้าวแกงเจ้าประจำเพราะคนน้อยดีไม่ต้องรอนาน แล้วผมก็เดินกลับมานั่งที่โต๊ะ


        “ตะกี้นี้บอกว่ามีนัดไม่ใช่เหรอ”


        ผมถามน้องเคน


        “ยกเลิกแล้วครับพี่ หนิงเขาต้องรีบกลับบ้านน่ะ”


        น้องเคนหันมาตอบผม ส่วนมินก็ทำหน้าเหมือนตกใจอะไรบางอย่าง แต่ไม่นานก็กลับมาทำหน้าปกติ นี่มันมีอะไรปิดบังผมหรือเปล่าเนี่ย


        “นี่มึงไปสนิทกันตอนไหนวะ กูไม่เห็นรู้เรื่องเลย”


        มินถามออกมา ผมเองก็ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน


        “ก็เคนมันเป็นน้องห้องเรานี่หว่า กูก็คุยกับน้องทุกคนนั่นแหละ”


        ผมตอบมิน สีหน้าของมินดูคลายความสงสัย แต่สีหน้าของน้องเคนดูจะแปลกไปเล็กน้อย มันเป็นสีหน้าที่ผมก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน


        “มึงรีบกินเถอะ กูอยากกลับหอแล้ว”


        มินบอกผม พอได้ยินแบบนั้นแล้วผมก็พยักหน้าแล้วก็รีบกินตามที่มินบอก ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันจะรีบไปไหน


        “ผมกลับก่อนนะพี่ ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนผมนะครับ”


        น้องเคนพูดกับมินก่อนที่จะเดินออกไป ฟังแบบนี้ผมก็งงสิครับว่าน้องมันมีอะไรไม่สบายใจถึงให้เพื่อนผมมาอยู่เป็นเพื่อนเนี่ย


        “มึงอะไรให้กูช่วยก็บอกนะ โชคดีเว่ย”


        มินตอบ


        “ขอบคุณมากพี่ไปก่อนนะครับ ไปก่อนนะครับพี่โอม”


        ประโยคแรกน้องเคนพูดกับมิน ส่วนประโยคหลังหันมาพูดกับผม หลังจากนั้นน้องเคนก็เดินออกไป


        “กูเพิ่งรู้นะเนี่ยว่ามึงกับน้องเคนสนิทกัน”


        ผมหันไปพูดกับมิน


        “กูก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่ามันสนิทกับมึง”


        มินพูดกับผม


        ”น้องมันมีเรื่องอะไรวะ ที่มันบอกว่ามึงอยู่เป็นเพื่อนเนี่ย”


        ผมถามมินด้วยความสงสัย


        “เหมือนจะมีปัญหากับแฟนมันนิดหน่อย มีแฟนขี้หึงก็แบบนี้แหละ”


        มินสรุปเรื่องเกี่ยวกับน้องเคนให้ผมฟัง


        “เท่าที่ฟังก็น่าจะสาหัสอยู่นะ แฟนมันนี่โคตรงี่เง่าเลย เป็นกูนี่เลิกไปแล้ว”


        มินเล่าต่อ ดูเหมือนมันจะอินกับเรื่องของน้องเคนมากนะ พูดไปก็ใส่อารมณ์ไป อะไรจะขนาดนั้นเนี่ย


        “คงรักจะมากสินะ ถึงยังไม่เลิก”


        ผมรำพึงออกมาอย่างไม่รู้ตัว


        “มึงเชื่อกูเถอะ อีกไม่นานหรอก”


        “ทำไมมึงถึงคิดอย่างนั้นวะ”


        ผมถามมินที่ท่าทางจะมั่นใจเอาซะมากๆ


        “เซ้นส์กูมันบอกแบบนั้น”


        มินตอบผมด้วยท่าทางที่มั่นใจเหมือนเดิม




        ผมเองก็จะอยากรู้เหมือนกันว่าเซ้นส์ของเพื่อนผมมันจะถูกหรือเปล่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-04-2018 10:02:29 โดย wannesress »

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ boobooboo

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
ลุ้น ๆ ชอบวิทย์อ่ะ

ออฟไลน์ Marchyn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 o18 มาต่อเมื่อไหร่น้าาา

ออฟไลน์ wannesress

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว

ตอนที่ 14





        [ริว]



        ผมไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ ว่าทำไมผมจะต้องคอยดูนาฬิกาบนข้อมือของผมอยู่ตลอดเวลา ตอนแรกผมก็คิดว่าเป็นเพราะความหิวของผมที่ทำให้ผมต้องคอยดูนาฬิกาเพื่อจะได้รู้ว่าใกล้เวลาเลิกเรียนหรือยัง แต่ตอนนี้ผมเริ่มจะเข้าใจแล้วว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้น ผมหันไปดูนาฬิกาอีกครั้ง หกโมงห้าสิบสี่นาทีเป็นเวลาที่ผมเห็น พอดูนาฬิกาก็พาลนึกถึงคนที่ให้มันมา ตั้งแต่วันที่ผมได้นาฬิกามา ผมก็ไม่เห็นหน้าคนให้อีกเลย ไม่รู้เหมือนกันว่ามันหายไปไหน ไม่เหมือนที่มันบอกไว้ว่าจะมาจีบผมเลย ผมไม่ได้อยากจะให้มันมาจีบผมหรอกนะอย่าเข้าใจผิด ก็แค่สงสัยเฉยๆ แต่คิดไปคิดมาก็อาจจะเพราะมันต้องไปซ้อมการแสดงเพื่อประกวดเดือนมหาวิทยาลัยก็ได้ เออ แล้วผมจะไปคิดให้ปวดหัวทำไมล่ะเนี่ย


        “วันนี้พอแค่นี้ค่ะ”


        เสียงของอาจารย์ที่สอนอยู่หน้าห้องช่วยดึงผมออกจากความคิดไร้สาระ ถึงเวลาเลิกเรียนแล้วสินะ ผมล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ว่าอาจารย์จะขยันสอนไปไหน ต้องมาสอนชดเชยวันหยุดอีก ผมน่ะไม่ได้อยากจะเรียนสักหน่อย ผมจัดการเก็บชีทใส่กระเป๋าเตรียมตัวออกจากห้องเรียนที่ตอนนี้เต็มไปด้วยนักศึกษาแพทย์ปีสองทั้งคณะที่ต้องมาเรียนชดเชยพร้อมกันอย่างช่วยไม่ได้


        “นาฬิกาสวยว่ะ ใครให้มาวะ”


        ผมล่ะเบื่อจริงๆ กับคำถามพวกนี้ผมตอบมาจะครบร้อยรอบแล้วนะ แล้วนี่ใครมาถามผมอีก ตั้งแต่วันนั้นที่ผมได้นาฬิกาเรือนนี้มา ก็มีแต่คนเข้ามาถามไม่หยุดว่าซื้อจากที่ไหน ราคาเท่าไหร่ ผมก็เข้าใจอยู่หรอกว่านาฬิกามันสวย แต่ผมก็ยังไม่ค่อยชินสักเท่าไหร่กับการที่จะต้องมาคำถามอะไรพวกนี้ ผมหันไปมองคนถามก็พบว่าเป็นแพท เพื่อนที่โรงเรียนเก่าผมเอง ผมนึกแปลกใจเล็กน้อย เพราะว่าปกติผมกับมันไม่ค่อยจะคุยกันสักเท่าไหร่ ผมรู้สึกว่ามันเป็นคนที่น่ารำคาญอยู่สักหน่อยเลยไม่ค่อยอยากจะยุ่งกับมัน


        แต่เดี๋ยวนะ ตะกี้มันถามว่าใครให้มาอย่างนั้นเหรอ


        ปกติคนที่เข้ามาถามก็จะถามว่าซื้อที่ไหน ราคาเท่าไหร่ รุ่นไหน อะไรประมาณนี้ แต่น่าแปลกที่แพทมันถามว่าใครให้มา นี่มันคิดว่าผมไม่มีปัญญาซื้อเองหรือไง


        เอ๊ะ หรือว่ามันไปรู้อะไรมา


        “ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ เอาน่าไม่ต้องอายหรอก”


        พอเห็นผมไม่ตอบอะไรแพทมันก็พูดต่อแล้วก็หัวเราะทิ้งท้าย ก่อนจะเดินออกไปเลย นี่แปลว่ามันรู้ใช่มั้ยว่าน้องแชมป์เป็นคนให้นาฬิกาเรือนนี้มา เอ๊ะ หรือว่ามันแค่กวนประสาทผมเฉยๆ เอาเถอะผมคงไม่พยายามเข้าใจมันหรอก




----------------------------------------




        [โอม]



        และแล้วเช้าวันศุกร์ที่รอคอยก็มาถึง ผมกับมินนัดกันว่าวันนี้จะไปเจอกันที่ห้องเรียนเลย ผมที่มาถึงก่อนจึงรับหน้าที่จองที่นั่งให้ วันนี้เป็นอีกวันที่เรียนรวมทั้งภาควิชา ที่ประจำของผมจึงอยู่ที่แถวหลังสุดของห้องเรียนรวม ไม่นานมินก็มาถึงห้องเรียนแล้วเดินมาผมทันที


        “กูตื่นเต้นว่ะ”


        มินพูดกับผม มันคงจะหมายถึงการรับน้องในวันนี้ ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นความลับระดับชาติ เพราะจนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าเราจะเจอกับอะไรบ้าง ผมเห็นท่าทางของมินแล้วก็รู้สึกตลก เพราะปกติมันไม่เคยทำท่าทางร้อนรนอะไรแบบนี้


        หลังจากนั้นอาจารย์ก็เข้ามาในห้อง วันนี้นักศึกษาอยู่กันพร้อมหน้าเพราะว่าวิชานี้เป็นวิชาที่มีเช็คชื่อ โดยที่อาจารย์จะขานชื่อนักศึกษาเกือบร้อยคนตอนเริ่มเรียนแปดโมง และอีกทีตอนเลิกเรียนสิบเอ็ดโมง ผมล่ะนับถือกับความพยายามที่จะเช็คชื่อของอาจารย์คนนี้จริงๆ แต่เพราะแบบนี้เองจึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับรุ่นพี่ที่จะมาดักพวกเราเอาไว้ไม่ให้ออกไปจากห้องเรียนเพื่อป้องกันไม่ให้โดดรับน้องนั่นเอง




----------------------------------------




        “มึงดูข้างนอกดิ เหมือนรุ่นพี่จะเริ่มมาดักรอแล้วว่ะ”


        มินสะกิดเรียกผมให้มองไปที่นอกห้องเรียน ภาพที่ผมเห็นคือรุ่นพี่ปีสามและปีสี่ที่เริ่มมายืนอยู่หน้าห้องเรียนแล้ว


        “เขาไม่มีเรียนกันเหรอวะ นี่เพิ่งจะสิบโมงครึ่งเองนะ”


        ผมหันไปกระซิบคุยกับมิน ส่วนมินก็ได้แต่ส่ายหน้าตอบผม ผมพอจะเข้าใจล่ะครับว่ามันก็ไม่รู้เหมือนกับผมนี่แหละ


        “เดี๋ยวเราจะเริ่มเช็คชื่อกันนะคะ”


        เสียงของอาจารย์ดังขึ้น ผมแปลกใจเล็กน้อยที่วันนี้อาจารย์เริ่มเช็คชื่อเร็วกว่าปกติ หลังจากนั้นการเช็คชื่อก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วและการเรียนในช่วงเช้าก็จบลง รุ่นพี่ผู้ชายสองคนที่ผมไม่รู้จักก็เดินเข้ามาในห้อง อาจารย์คุยอะไรบางอย่างกับรุ่นพี่สองคนนั้นก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป


        “เดี๋ยวพวกพี่จะพาน้องๆ ไปที่งานรับน้องใหม่นะครับ ขอให้น้องๆ พี่หญิงลุกขึ้นก่อนครับ”


        รุ่นพี่คนหนึ่งถือไมโครโฟนแล้วพูดขึ้นมา ตอนนี้พวกผู้หญิงในห้องเรียนก็พากันลุกขึ้น


        “น้องๆ มาเข้าแถวตอนหนึ่งแถวหน้าห้องได้เลยครับ”


        รุ่นพี่คนเดิมพูดต่อ ส่วนรุ่นพี่อีกคนชูมือขึ้นเป็นสัญญาณว่าให้ไปตรงที่พี่คนนั้นยืนอยู่


        “เดินออกไปได้เลยครับ”


        หลังจากที่พวกผู้หญิงเข้าแถวกันครบหมดแล้วรุ่นพี่ก็เรียกให้เดินออกไปจากห้องทันที


        “น้องๆ ผู้ชายลุกขึ้นมาเข้าแถวหน้าห้องเลยครับ”


        รุ่นพี่คนเดิมพูดต่อ ผมกับมินรอให้คนอื่นลุกกันไปหมดก่อน เพราะพวกเราสองคนอยู่ที่ด้านหลังสุดของห้องกว่าจะถึงคิวที่เราเดินออกก็อีกนาน


        “ลุกได้แล้วมิน”


        ผมหันไปบอกมิน จากนั้นมินก็เดินตามผมมา เมื่อผมไปถึงหน้าห้องแล้ว พวกผมสองคนก็อยู่ด้านหลังของแถวพอดี ผมเห็นรุ่นพี่เริ่มปล่อยให้เดินแถวแล้ว สักพักหนึ่งผมที่อยู่ด้านหลังสุดก็เริ่มเดินแถวตามไป จนเมื่อผมออกจากประตูห้องก็พบกับรุ่นพี่ทั้งปีสามและปีสี่ที่ยืนจับมือกันเรียงแถวอยู่สองข้างเพื่อบอกเส้นทางเดิน บางคนอาจจะรู้สึกว่ามันดูอบอุ่นดี แต่อีกมุมหนึ่งการตั้งแถวจับมือกันไว้แบบนี้ ก็เพื่อให้รุ่นน้องไม่สามารถหนีออกไปได้


        สักพักผมก็เดินมาถึงห้องประชุมของภาควิชา ภาพที่ผมเห็นคือไลน์อาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติ ผมสะกิดมินที่เดินอยู่หน้าผม มันหันมาหาผมพร้อมกับกลืนน้ำลายดังเอื๊อกและชูนิ้วโป้งสองนิ้วให้ผม ภาพที่เห็นมันก็ดูน่าตกใจอยู่หรอก แต่นี่มันเป็นการหลอกให้พวกเราตายใจหรือเปล่า


        “ตอนนี้น้องๆ ก็เข้ามากันครบแล้วนะคะ เชิญมานั่งที่เก้าอี้ก่อนนะคะ อย่าเพิ่งสนใจอาหารนะคะ ยังไม่ถึงเวลาค่ะ”


        รุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งถือไมโครโฟนพูดอยู่หน้าห้องประชุม ระหว่างนั้นผมกับมินก็เดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้


        “ก่อนอื่นพี่ขอแนะนำตัวก่อนนะคะ พี่ชื่อพี่อิงนะคะ อยู่ปีสามค่ะ”


        รุ่นพี่ผู้หญิงที่ประกาศเมื่อสักครู่นี้แนะนำตัว ระหว่างนั้นก็มีรุ่นพี่ผู้ชายอีกคนเดินขึ้นมา น่าจะเป็นคนเดียวกับที่พูดในห้องเรียนก่อนหน้านี้


        “สวัสดีครับ พี่ชื่อพี่โชคนะครับ อยู่ปีสาม วันนี้เราสองคนจะมารับหน้าที่เป็นพิธีกรของงานในวันนี้ครับ”


        รุ่นพี่ผู้ชายคนเดิมกล่าวแนะนำตัว


        “ก่อนที่พวกเราจะไปทานข้าวเที่ยงกัน พี่จะขออธิบายเกี่ยวกับกิจกรรมในวันนี้ก่อนนะคะ สำหรับงานรับน้องใหม่ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ในปีนี้จะมีความพิเศษกว่าทุกปีค่ะ เรามีอาหารกลางวันสุดหรูให้ทานกันได้ไม่อั้นตั้งแต่เวลาสิบเอ็ดนาฬิกาสามสิบนาที จนถึงเวลาสิบสองนาฬิกาสามสิบนาทีนะคะ หลังจากนั้นจะเข้าสู่พิธีการค่ะ ท่านคณบดีจะกล่าวเปิดงานในวันนี้ แล้วเราจะเข้าสู่กิจกรรมสันทนาการค่ะ”


        “กิจกรรมสันทนาการจะจัดโดยพี่ๆ ปีสามและปีสี่จนถึงเวลาสิบสี่นาฬิกาค่ะ จากนั้นจะเป็นกิจกรรมสานสัมพันธ์น้องพี่จนถึงเวลาสิบหกนาฬิกาค่ะ และหลังจากนั้นจะเป็นไฮไลต์ของเราค่ะ นั่นก็คือการคัดเลือกดาวเดือนประจำภาควิชาของเรานั่นเองค่ะ ความพิเศษจะอยู่ตรงที่เราจะมอบรางวัลพิเศษให้กับดาวเดือนกันด้วยนะคะ และหลังจากนั้นเราจะรับประทานอาหารเย็นร่วมกันค่ะ แล้วหลังจากนั้น”


        พี่อิงพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ แต่พอมาถึงตอนท้ายก็หยุดพูดไปซะดื้อๆ


        “เอ่อ ใช่ค่ะ จะเป็นกิจกรรมพิเศษนะคะ ซึ่งจะเป็นอะไรพี่ๆ ขออุบไว้ก่อนนะคะ”


        พี่อิงพูดต่อจนจบอย่างตะกุกตะกัก


        “กูว่ามันแปลกๆ นะ พี่เขาดูเหมือนไม่กล้าพูดถึงกิจกรรมพิเศษอะไรนั่นสักเท่าไหร่”


        มินหันมากระซิบคุยกับผม


        “นั่นสินะ”


        ผมหันไปพูดกับมิน


        “ตอนนี้อาหารก็พร้อมแล้วนะครับ ขอให้น้องๆ กินกันให้อร่อยนะครับ แต่อย่ากินมากเกินไปนะครับ เดี๋ยวเวลาเล่นกิจกรรมจะจุกได้”


        หลังจากพี่โชคพูด ทุกคนก็พากันกรูไปที่ไลน์บุฟเฟ่ต์ ผมกับมินที่นั่งอยู่ด้านหลังสุดจะได้เปรียบกว่าคนอื่นสักหน่อย เพราะอยู่ใกล้กับไลน์อาหาร


        “มีซูชิด้วยว่ะ”


        มินหันมาพูดกับผม พร้อมกับคีบซูชิไปด้วย


        “มึงจะตื่นเต้นเกินไปมั้ยวะ”


        ผมพูดกับมินพร้อมส่ายหน้า


        หลังจากนั้นพวกผมก็พากันตักอาหารอย่างสนุกสนานแล้วไปนั่งกินที่โต๊ะรอบๆ ห้องประชุมที่จัดไว้ให้ ดูท่าทางมินมันจะมีความสุขกับอาหารซะเหลือเกิน ผมออกจะงงอยู่สักหน่อยว่าคนที่กินอะไรซ้ำซากแบบมันเป็นปกติอยู่แล้ว ทำไมถึงตื่นเต้นกับอาหารพวกนี้


        “เหลือเวลาอีกสิบนาทีนะครับ ระหว่างนี้ใครจะเข้าห้องน้ำรีบเข้าเลยนะครับ เดี๋ยวพอเที่ยงครึ่งแล้วจะเริ่มพิธีการเลยนะครับ”


        พี่โชคประกาศผ่านไมโครโฟน


        “ไปเข้าห้องน้ำกันมั้ย”


        ผมหันไปชวนมินที่ตอนนี้ดูเหมือนจะอิ่มแล้ว มินลุกขึ้นแล้วเดินนำผมไปที่ห้องน้ำที่อยู่ด้านหน้าของห้องประชุมทันที หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จผมกับมินก็เดินมานั่งที่เก้าอี้ที่ถูกจัดไว้ด้านหน้าหอประชุมเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับพิธีเปิด โดยพวกเราเลือกที่นั่งแถวหลังสุดเหมือนเดิม


        “ต่อไปจะเริ่มพิธีการนะคะ ขอเชิญตัวแทนนักศึกษาชั้นปีที่สี่กล่าวรายงานแก่ท่านคณบดีค่ะ”


        พี่อิงพูด หลังจากนั้นก็มีรุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่งเดินขึ้นไปบนเวที หลังจากนั้นรุ่นพี่คนนั้นก็พูดอะไรไม่รู้ยืดยาวน่าเบื่อเหมือนพวกพิธีการทั่วๆ ไปนั่นแหละ ผมหันมองหน้ามินด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย มันก็คงคิดเหมือนกันกับผม จากนั้นคณบดีก็ขึ้นมากล่าวเปิดงานรับน้องนิดๆ หน่อยๆ พอเป็นพิธี หลังจากนั้นก็ลงจากเวทีแล้วก็เดินออกจากห้องประชุมไปเลย ผมหันไปมองรอบๆ ห้องก็พบว่าภายในไม่มีอาจารย์เลยสักคน จะมีก็แต่พวกรุ่นพี่เท่านั้น


        “ต่อไปจะเข้าสู่กิจกรรมสันทนาการค่ะ ขอเชิญพี่ๆ ฝ่ายสันทนาการด้านหน้าเวทีเลยค่ะ”


        พี่อิงพูดก่อนที่จะมีรุ่นพี่หลายสิบคนขึ้นไปบนเวที บรรยากาศก็ดูเป็นกันเองดีอยู่หรอก อย่างน้อยก็คงจะไม่มีพี่ว้ากอะไรพวกนั้น


        ช่วงเวลาสันทนาการผ่านไปอย่างเชื่องช้า รุ่นพี่บนเวทีก็สอนร้องเพลง สอนเต้นเพลงไป พวกรุ่นน้องข้างล่างก็นั่งหลับบ้าง นั่งก้มหน้าเล่นโทรศัพท์กันบ้าง ผมแอบแปลกใจที่พวกรุ่นพี่ไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่าพวกน้องๆ จะสนใจเขาหรือเปล่า ไม่รู้สิ อย่างน้อยก็ควรจะบอกให้สนใจเขาบ้างมั้ยล่ะ


        “มิน มึงทำอะไรอยู่วะ”


        ผมหันไปถามมินที่ตอนนี้ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ของตัวเองอยู่


        “กูดูเฟซบุ๊กอยู่ แม่งน่าเบื่อชิบหาย”


        มินตอบผมเหมือนจะบ่น ก็น่าเบื่อจริงๆ นั่นแหละครับกิจกรรมตอนนี้ หลังจากนั้นกิจกรรมก็ผ่านไป มีให้ลุกขึ้นร้องเพลงและก็เต้นบ้าง ผมก็ทำตามๆ เขาไป


        “ขอเชิญพี่อิงกับพี่โชคดำเนินกิจกรรมต่อไปครับ”


        เสียงของรุ่นพี่หัวหน้าทีมสันทนาการที่แสนจะน่าเบื่อพูดขึ้นมา เอาเป็นว่าผมยังจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าเขาชื่ออะไร หรือเขาอาจจะไม่ได้บอกชื่อของตัวเองตั้งแต่แรกผมก็ไม่แน่ใจ ส่วนพี่อิงกับพี่โชคก็เดินขึ้นมาบนเวที


        “เป็นยังไงบ้างคะน้องๆ กิจกรรมสันทนาการที่ผ่านไป สนุกกันหรือเปล่าคะ”


        พี่อิงพูด


        กริบ เงียบจนเหมือนจะได้ยินเสียงแอร์หึ่งๆ


        พวกรุ่นพี่เขาไม่รู้เลยหรือไงว่ากิจกรรมมันโคตรจะน่าเบื่อ ผมกับมินมองหน้ากันแล้วได้แต่หัวเราะในลำคอเบาๆ แต่ดูเหมือนพี่อิงจะไม่ได้สะทกสะท้านอะไร สีหน้าของพี่อิงที่เห็นว่าไม่มีรุ่นน้องคนไหนตอบพี่เขาเลยก็ดูจะเป็นปกติ มันยิ่งทำให้ผมสงสัยในความประหลาดของงานรับน้องวันนี้จริงๆ


        “ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มกิจกรรมต่อไปกันเลยดีกว่าค่ะ กิจกรรมต่อไปคือกิจกรรมสานสัมพันธ์น้องพี่ค่ะ กิจกรรมนี้เราจะทำอะไรกันคะพี่โชค”


        พี่อิงผู้ไม่สะทกสะท้านกับความไม่สนใจของพวกน้องๆ ดำเนินรายการต่อไป หลังจากนั้นก็ส่งไม้ต่อให้พี่โชค


        “สำหรับกิจกรรมนี้เราจะแบ่งน้องๆ ออกเป็น 8 กลุ่ม จากนั้นเราจะไปเข้าฐานทำกิจกรรมกัน และเมื่อจบฐานสุดท้ายเราจะจับฉลากเลือกสายรหัสกันนะครับ ระหว่างนี้จะมีพี่ๆ ถือกล่องไปหาน้องๆ นะครับ ให้น้องๆ ล้วงเข้าไปในกล่อง ข้างในจะมีบอกว่าน้องๆ จะได้อยู่กลุ่มไหน”


        พี่โชคอธิบายกิจกรรมต่อ ระหว่างนั้นพี่ที่ถือกล่องก็เดินมาถึงพวกเรา ผมหยิบฉลากขึ้นมาแล้วเปิดออกมาดู


        “กูได้เลข 5 ว่ะ มึงได้เลขอะไรวะ”


        ผมหันไปคุยกับมิน


        “3 ว่ะ”


        มินหันมาตอบผม ทันใดนั้นผมก็เหลือบไปเห็นคนที่นั่งข้างผมซึ่งได้เลข 3


        “นายๆ เราขอแลกกับนายได้มั้ย”


        ผมหันไปถามเจ้าของเลข 3 คนนั้น และในที่สุดผมก็ได้เลข 3 มา


        “มึงนี่สุดยอดจริงๆ”


        มินหันมาบอกผมพร้อมกับหัวเราะเบาๆ


        หลังจากนั้นกิจกรรมที่ผมคาดหวังว่าจะสนุกก็ไม่เป็นอย่างที่คาดเอาไว้ เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า เห็นสีหน้าของเพื่อนในกลุ่มเดียวกันก็อดคิดไม่ได้ว่านี่มันทรมานกว่าการถูกว้ากซะอีก จนมาถึงกิจกรรมสุดท้ายคือการจับสายรหัส




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2018 17:16:06 โดย wannesress »

ออฟไลน์ wannesress

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
        [วิทย์]


        ผมแอบสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของเคนกับหนิง ทั้งสองคนยังนั่งเรียนอยู่ข้างกันตามปกติ แต่เหมือนจะไม่ได้พูดอะไรกันเลย สงสัยว่าสองคนนี้จะทะเลาะกัน ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็คงจะดี ผมจะได้ไม่ต้องออกแรงอะไรในการทำให้สองคนนี้เลิกกัน แต่ผมน่ะไม่ชอบความอึดอัดแบบนี้เลยจริงๆ


        “เมื่อไหร่จะเลิกเรียนสักทีวะ”


        ผมหันไปถามเคนท่ามกลางบรรยากาศแสนอึดอัดนั้น


        “อีกห้านาที”


        เคนดูนาฬิกาแล้วตอบผม ท่าทางมันดูไม่สบอารมณ์เอาซะเลย ระหว่างนั้นหนิงก็หันมาทางผมก็จะรีบหันกลับไปทันที


        “วันนี้พอแค่นี้นะคะ อย่าลืมนะคะว่าศุกร์หน้าเราจะมีสอบเก็บคะแนนนะคะ ตั้งใจอ่านหนังสือกันด้วยล่ะ”


        เสียงของอาจารย์ที่พูดอยู่หน้าห้องบอกว่าการเรียนในช่วงเช้านี้จบลงแล้ว ทันใดนั้นหนิงก็ลุกออกไปทันที ส่วนเคนก็ยังคงนั่งอยู่เฉยๆ สองคนนี้มันต้องมีปัญหากันจริงๆ แล้วล่ะ


        “มึงทะเลาะกับหนิงเหรอวะ”


        ผมหันไปถามเคน


        “อือ”


        เคนตอบผมสั้นๆ


        “เรื่องอะไรวะเนี่ย”


        ผมถามมันออกไปด้วยความสงสัย ผมไม่ค่อยจะเห็นสองคนนี้ทะเลาะกันสักเท่าไหร่


        “เรื่องไร้สาระน่ะมึงไม่ต้องรู้หรอก”


        “แล้วมึงไม่คิดจะง้อเขาสักหน่อยเหรอวะ”


        ผมถามเคนออกไป ผมไม่ได้อยากจะให้มันไปง้อหนิงหรอกนะ ก็แค่ถามดูเฉยๆ


        “กูไม่ได้เป็นฝ่ายผิดนะ กูจะง้อทำไม”


        “ยังไงมึงก็เป็นผู้ชาย มึงก็ต้องง้อเขาสักหน่อยมั้ยวะ”


        ผมพูดเสร็จ เคนมันก็หันมามองผมด้วยสีหน้าเอือมระอา


       “ไปกินข้าวเหอะ”


        เคนเปลี่ยนเรื่องก่อนที่จะลุกเดินนำผมออกไปจากห้องเรียน




----------------------------------------



        [โอม]


        ตอนนี้ก็มาถึงช่วงเวลาเฉลยพี่รหัสที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันตั้งตัว น่าแปลกที่พวกรุ่นผมไม่ต้องเสียเวลาไปหาว่าพี่รหัสเป็นใคร พอจับฉลากเสร็จก็จะมีพี่เข้ามาหาเลยทันที อย่างมินเพื่อนผมก็ได้พี่รหัสเป็นรุ่นพี่ผู้หญิงที่ใส่แว่นหนาเตอะ ผมพอจะจำได้ว่าพี่คนนั้นคือหญิงเนิร์ดในตำนานที่จะปรากฏตัวอยู่ที่ห้องสมุดจนดึกดื่น


        “พี่เป็นพี่รหัสของน้องโอมนะครับ”


        เสียงทุ้มของรุ่นพี่คนหนึ่งกระซิบที่ข้างหูของผม


        “อ้าวพี่”


        ผมหันไปก็เห็นพี่แซนที่ผมเจอครั้งล่าสุดตอนที่ไปดูมินเล่นบาส


        “พี่ชื่อแซนนะ เผื่อน้องโอมจำไม่ได้”


        พี่แซนแนะนำตัวอีกครั้ง


        “จำได้สิพี่ ผมไม่ได้ความจำสั้นขนาดนั้นนะครับ”


        ผมพูดกับพี่แซนพลางหัวเราะ


        “ดีแล้วๆ เดี๋ยวไว้พี่นัดเราไปเลี้ยงสายนะ แล้วเดี๋ยวจะเอาพวกชีทเรียนให้ด้วย”


        “ได้ครับพี่”


        “พี่ขอไลน์เราไว้หน่อยสิ เผื่อจะได้ติดต่อนัดแนะวันเลี้ยงสายและก็วันที่พี่จะเอาชีทมาให้”


        พี่แซนพูดพร้อมกับยื่นโทรศัพท์มาให้ผม


        “เดี๋ยวผมให้เป็นเบอร์แล้วพี่ไปแอดผ่านเบอร์ละกันเนอะ”


        ผมพูดพลางกดเบอร์โทรศัพท์แล้วยิงเบอร์พี่แซนมาที่เครื่องผม ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงคนกระแอมขึ้นมา


        “กระดูกติดคอเหรอวะไอ้กัน”


        พี่แซนพูขึ้นมา ส่วนผมเมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เจอหน้าพี่กันที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่


        “ขี้อ่อยจังนะครับน้อง เพื่อนพี่ขอไลน์แต่ดันให้เบอร์โทร”


        ไอ้พี่กันปากหมาพูดกับผม


        “มึงก็ไปว่าน้อง ไม่มีอะไรหรอก”


        พี่แซนพูดปกป้องผม ส่วนผมได้แต่เหลือบตามองด้วยสีหน้าขยะแขยงกับความคิดสกปรกของพี่กัน


        “มองอะไร กวนตีนกูเหรอ”


        พี่กันพูดกับผมด้วยท่าทางเอาเรื่อง


        “มึงหยุดเลย มึงเจอน้องรหัสมึงหรือยัง”


        พี่แซนหยุดพี่กันที่กำลังจะเข้าถึงตัวผม


        “เจอแล้ว คุยแล้ว กูว่างไม่มีไรทำเลยเดินมาหามึงเนี่ย มึงแม่งชิบหายได้เด็กเหี้ยนี่เป็นน้องรหัสเนี่ย”


        ไอ้พี่กันปากหมามันวอนจะโดนตีนซะแล้ว


        “เป็นเหี้ยอะไรกับกูมากปะเนี่ย”


        ผมด่าไอ้พี่กันออกไป


        “เฮ้ย หยุด พอทั้งคู่แล้วไม่เอาไม่มีเรื่องกันตรงนี้”


        พี่แซนห้ามผมกับพี่กันเอาไว้


        “นี่เพราะเพื่อนกูห้ามหรอกนะ ไม่งั้นกูเอาเลือดออกจากหัวมึงแน่”


        ไอ้พี่กันยังไม่หยุดปากหมา ส่วนผมไม่ตอบโต้อะไรออกไป เพราะถือว่าไม่อยากเอาตัวเข้าไปยุ่งกับพวกไร้ค่า


        “เอาล่ะค่ะทุกคน ตอนนี้น่าจะได้เจอพี่รหัสกันแล้วใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นเรามารวมตัวกันที่หน้าเวทีเนอะ”


        สิ้นเสียงประกาศจากพี่อิงผมก็โบกมือลาพี่แซนแล้วเดินไปหามินที่กำลังเดินมาทางผมพอดี ส่วนไอ้พี่กันปากหมาก็ปล่อยมันไป


        “ไงมึง ได้พี่แซนเป็นพี่รหัสเหรอวะ”


        มินถามผมทันทีที่ผมเดินไปหามัน


        “เออ”


        ผมพูดตอบสั้นๆ


        “แล้วพี่กันมาหาเรื่องอะไรวะ”


        “ไม่รู้แม่ง จงเกลียดจงชังอะไรกูนักหนา กูไปทำอะไรให้มันวะ”


        ผมบอกไปตามที่รู้สึก ผมก็งงเหมือนกันครับว่าผมไปทำอะไรให้พี่กันเขา เขาถึงได้ดูเกลียดผมขนาดนี้


        “มึงอย่าไปใส่ใจเลย พี่เขาคงไม่อะไรมากหรอก”


        “เออ กูไม่สนใจหรอก”


        “เอาล่ะค่ะ ต่อไปจะเป็นกิจกรรมที่พวกเราทุกคนรอคอยแล้วนะคะ นั่นก็คือกิจกรรมพิเศษค่ะ”


        พี่อิงพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นอีกตามเคย แต่คราวนี้ดูเหมือนจะได้รับความสนใจอย่างมากจากพวกรุ่นพี่ด้วยกัน ที่ปรบมือเสียงดังด้วยท่าทางยินอกยินดี แต่สีหน้าของพวกรุ่นพี่ดูมีเลศนัยอย่างบอกไม่ถูก


        “ตอนนี้ขอให้น้องๆ ผู้หญิงเดินมาทางฝั่งขวามือของห้องนะคะ ส่วนน้องๆ ผู้ชายให้เดินไปทางซ้ายค่ะ”


        พี่อิงพูดต่อ


        “พี่ผู้หญิงพาน้องออกไปได้เลยค่ะ”


        สิ้นเสียงของพี่อิง พี่อิงก็เดินลงจากเวทีตามพวกผู้หญิงออกจากห้องไป ตอนนี้ภายในห้องประชุมขนาดใหญ่ก็เหลือแต่พวกผู้ชายเท่านั้น


        “มึง มันมาแล้วว่ะ กิจกรรมแยกชายหญิงที่ว่า”


        มินหันมาพูดกับผม ส่วนผมก็ได้แต่พยักหน้าให้มัน


        “ทุกคนนั่งลงได้ครับ”


        พี่โชคพูดผ่านไมโครโฟนเรียกให้ทุกคนนั่งลง


        “ต่อไปเราจะเริ่มกิจกรรมพิเศษกัน ขอเชิญพี่โรมครับ”


        “สวัสดีครับน้องๆ พี่ชื่อโรมนะ ปีสี่ ภาคคอม สำหรับปีสาม พวกเราคงจำกันได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ แต่สำหรับปีสองนี่เป็นครั้งแรกที่เราจะได้ทำกิจกรรมนี้ด้วยกัน ก่อนอื่นด้วยจำนวนคนที่มากขนาดนี้ เดี๋ยวพี่จะแบ่งพวกเราออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มนึงจะทำกิจกรรมอยู่ที่ห้องนี้ ส่วนอีกกลุ่มนึงจะไปทำกิจกรรมอีกห้องนึง ขอให้ฝ่ายแบ่งกลุ่มจัดการด้วยครับ”


        พี่โรมพูดแนะนำกิจกรรม ระหว่างนั้นก็มีรุ่นพี่คนหนึ่งมาเรียกให้ผมกับมินเดินไปที่ฝั่งขวาของห้อง ผมแอบรู้สึกแปลกใจกับวิธีการแบ่งคนเป็น 2 กลุ่มนี้มาก เพราะดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีหลักการอะไร ที่น่าแปลกใจไปกว่านั้นคือในกลุ่มที่ผมยืนอยู่นั้นจะมีจำนวนน้อยกว่าอีกกลุ่มนึงพอสมควร


        “มึง รู้สึกแปลกๆ มั้ยวะ”


        มินหันมากระซิบถามผม


        “ทำไมวะ”


        “มึงรู้สึกมั้ยว่ากลุ่มเรามีแต่คนหน้าตาดี”


        ถ้าเป็นเวลาปกติผมคงหันไปตบหัวมันแล้วบอกมันว่าหลงตัวเอง แต่ตอนนี้ผมคิดเหมือนมันจริงๆ เลยล่ะ


        “กูก็ว่างั้น”


        ผมหันไปตอบมิน


        “เอาล่ะ เราแบ่งกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวสำหรับกลุ่มในห้องนี้ขอเชิญพี่นิลมารับหน้าที่ต่อนะครับ”


        พี่โรมพูดพร้อมกับส่งไมโครโฟนต่อให้พี่นิล แล้วเดินมาที่กลุ่มของพวกผม จากนั้นก็เดินนำไปที่ห้องอีกห้องหนึ่ง




----------------------------------------





        สำหรับห้องที่พวกผมถูกพามาน่าจะเรียกได้ว่าเป็นห้องเรียนขนาดปกติที่ถูกเอาโต๊ะเรียนและเก้าอี้ออกไปจากห้องแล้ว เมื่อเดินเข้าไปในห้องก็พบว่าไฟฟลูออเรสเซนท์ของห้องไม่ได้ถูกเปิด แต่กลับใช้ไฟดิสโก้ทีให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในผับ ประกอบกับไฟที่ใช้ตกแต่งบนต้นคริสมาสต์แทน ทำให้ห้องอยู่ในบรรยากาศที่แสงสลัว ดูสนุกแต่ก็ดูลึกลับในเวลาเดียวกัน


        “พวกคุณทุกคนยืนล้อมเป็นวงกลมแล้วเขียนชื่อตัวเองลงในกระดาษ ใครเขียนเสร็จแล้วยกมือ”


        พี่โรมพูดโดยไม่ใช้ไมโครโฟนด้วยเสียงก้องกังวานและท่าทีขึงขังต่างจากตอนที่อยู่ในห้องประชุมลิบลับ ผมกับมินหันมองหน้ากันงงๆ แล้วเดินไปยืนเป็นวงกลม ระหว่างนั้นก็มีรุ่นพี่คอยแจกกระดาษกับปากกาให้ หลังจากนั้นผมก็เขียนชื่อเสร็จแล้วยกมือขึ้นตามที่พี่โรมบอก จากนั้นก็มีรุ่นพี่อีกคนหนึ่งถือกล่องขนาดใหญ่มาที่หน้าผม แล้วบอกให้ผมหย่อนกระดาษและปากกาลงในกล่อง


        “เอาล่ะ พวกคุณคงสงสัยว่าเรามาทำอะไรที่นี่”


        ใช่ครับพี่ ผมสงสัย ผมหันมองไปรอบห้องก็มีแต่ผู้ชายที่หน้าตาดีทั้งรุ่นผมและพวกพี่ปีสาม ส่วนพี่ปีสี่ที่อยู่ในห้องก็รวมตัวกันอยู่ที่มุมหน้าห้องข้างประตู แน่นอนว่าเหล่าพี่ปีสี่ก็เป็นพวกที่หน้าตาดีเช่นเดียวกัน


        “ผมจะขออธิบายสั้นๆ คุณคือผู้ถูกเลือกในขั้นที่หนึ่งในการสืบสานประเพณีที่ภาคคอมของเราทำกันมาเป็นเวลา 8 ปีแล้ว ประเพณีที่ว่านั้นก็คือประเพณีผูกสัมพันธ์”


        ระหว่างที่พี่โรมพูดไปนั้นก็มีรุ่นพี่อีก 2 คนก็เดินขึ้นไปที่พื้นยกระดับหน้าห้องข้างๆ พี่โรม เมื่อรุ่นพี่ทั้งสองเดินไปที่ตำแหน่งที่ไฟส่องถึง ผมก็เริ่มเห็นหน้าของทั้งสองชัดเจนขึ้น ทั้งสองมีใบหน้าขาวตี๋พิมพ์นิยม แม้ว่าทั้งสองจะไม่ถึงกับหล่อระดับดารา แต่ก็ถือเป็นคนที่หน้าตาดี


        “ประเพณีผูกสัมพันธ์จัดขึ้นเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง ซึ่งในทุกปีนักศึกษาชั้นปีที่สองและสามจะต้องเข้าร่วมกิจกรรม ต่อไปขอให้ทุกคนถอดเสื้อออก”


        พี่โรมพูดอธิบายต่อ หลังสิ้นเสียงพี่โรม ผมกับมินก็หันมองหน้ากันอย่างงุนงงแต่ก็ยอมถอดเสื้อออกแต่โดยดี และในเวลานี้ ภาพตรงหน้าของผมคือกลุ่มชายหนุ่มหน้าตาดีประมาณ 30 คนที่กำลังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตนักศึกษาสีขาวออก และเหมือนว่าอารมณ์ของผมกำลังถูกกระตุ้นด้วยภาพตรงหน้านี้แล้ว


        “เอาล่ะ ขอให้พวกคุณทุกคนยืนกอดไหล่กับคนข้างๆ แล้วยืนให้ชิดกันมากที่สุด”


        หลังจากที่พี่โรมสั่งเสร็จ ผมก็ขยับไปโอบไหล่มินซึ่งยืนอยู่ทางฝั่งขวาของผม ขณะเดียวกันผมก็หันไปมองทางซ้ายของผม แล้วก็พบว่าเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันที่ชื่อภีร์


        “ไง”


        ภีร์ทักผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ผมพยักหน้าให้ภีร์ พร้อมกับลากมินเดินไปข้างหน้าเพื่อให้สามารถโอบไหล่ภีร์ได้


        “พอจะรู้มั้ยวะโอมว่าพี่เขาจะให้ทำอะไร”


        ภีร์กระซิบถามข้างหูผมหลังจากที่ผมกับภีร์โอบไหล่กันเรียบร้อยแล้ว


        “ไม่รู้เลยว่ะ”


        ผมหันกลับตอบภีร์ทันที จนหัวของผมเกือบจะชนกับภีร์ที่กำลังหันหน้ากลับพอดี


        “หลังจากที่พวกคุณทุกคนยืนโอบไหล่กันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อจากนี้ถ้าผมยังไม่บอกให้พวกคุณแยกออกจากกัน พวกคุณห้ามแยกออกจากกันเด็ดขาด ใครที่ฝ่าฝืนเราจะมีบทลงโทษ”


        พี่โรมพูดด้วยน้ำเสียงขึงขังยิ่งกว่าเดิม และใบหน้าของพี่โรมที่ถึงแม้ว่าจะหล่อเหลาแต่พออยู่ใต้แสงไฟสลัว ผมไม่แน่ใจว่าผมรู้สึกไปเองหรือเปล่าว่ามันดูน่ากลัวเสียเหลือเกิน


        “ในมือผมคือกระดาษ ผมจะให้พวกคุณส่งกระดาษกันไปเรื่อยๆ จนครบทั้งวง แต่อย่างที่บอกไปก่อนแล้วว่าคุณห้ามปล่อยมือจากคนข้างๆ ของพวกคุณ ดังนั้นผมจะให้พวกคุณส่งกระดาษแผ่นนี้ด้วยปาก”


        หลังจากที่พี่โรมบอกว่าพวกเราจะต้องส่งกระดาษด้วยปาก คนในห้องก็เริ่มส่งเสียงกันเซ็งแซ่ ส่วนผมก็ได้แต่มองหน้ามินแล้วกระพริบตาปริบๆ


        “เงียบ”


        พี่โรมตะโกนด้วยเสียงที่ดังฝ่าเสียงของคนในห้อง ทุกคนในห้องต่างเงียบตามที่พี่โรมต้องการ


        “และถ้าคุณทำกระดาษหล่น เราจะมีบทลงโทษก็คือ คุณจะต้องถอดกางเกงออก และถ้าคุณทำหล่นอีกครั้ง คุณจะต้องถอดกางเกงในออกด้วย”


        น่าแปลกใจที่ทุกคนในห้องเงียบ ต่างจากตอนที่พี่โรมบอกว่าให้ส่งกระดาษด้วยปาก แต่ผมว่าคงจะเป็นเพราะกลัวร่างยักษ์ของพี่โรมเมื้อกี้นี้ล่ะมั้ง


        “ผมจะสาธิตวิธีการส่งกระดาษให้ดู แต่ไม่ใช่ผมเองที่จะสาธิตวิธีการส่ง รุ่นพี่และเพื่อนพวกคุณที่อยู่ข้างหน้าจะสาธิตให้ดู”


        พี่โรมพูดต่อพร้อมทั้งส่งกระดาษให้หนึ่งในรุ่นพี่สองคนที่ยืนอยู่หน้าห้องซึ่งกำลังโอบไหล่กันอยู่แต่ไม่ได้ถอดเสื้อเหมือนกับพวกผม รุ่นพี่คนที่ได้รับกระดาษคาบตรงมุมของกระดาษไว้ก่อนที่ส่งต่อให้รุ่นพี่อีกคน


        “อย่าเพิ่ง ห้ามคาบที่ขอบกระดาษ คุณต้องใช้ปากดูดกระดาษทั้งแผ่น”


        รุ่นพี่คนที่คาบกระดาษอยู่ก็เปลี่ยนวิธีการคาบกระดาษเป็นใช้ปากดูดกระดาษไว้แทน แล้วก็ส่งกระดาษต่อให้รุ่นพี่อีกคน โดยทั้งสองคนเอียงคอเพื่อให้จมูกไม่ชนกันตอนที่ส่งกระดาษ ท่าทางตอนนี้เหมือนกับรุ่นพี่ทั้งสองคนกำลังจูบกัน เพียงแต่มีกระดาษกั้นกลางระหว่างริมฝีปากของรุ่นพี่ทั้งสองคนเท่านั้น


        “พวกคุณทุกคนคงเห็นวิธีการทำแล้วใช่มั้ย ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า”


        พูดเสร็จพี่โรมก็ยื่นกระดาษให้กับคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าห้อง คนๆ นั้นน่าจะเป็นรุ่นพี่สักคนที่ผมไม่ค่อยรู้จักแต่ก็นับว่าหน้าตาดีทีเดียว ไม่ต่างจากคนอื่นๆ ในห้องนี้ เอาเป็นว่าผมมั่นใจเลยทีเดียวว่าวิธีการแบ่งคนเป็น 2 กลุ่มนั้นเป็นการแบ่งจากหน้าตาจริงๆ อย่างที่มินสงสัย


        “ให้คุณส่งไปทางซ้ายของคุณเรื่อยๆ จนกว่าจะกลับมาที่คนแรก ถ้ากระดาษตกจะต้องกลับมาเริ่มใหม่ตรงนี้นะ”


        พี่โรมพูดกติกา ผมเองก็เริ่มนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ผมยืนอยู่ห่างจากคนแรกไม่เกิน 10 คน นั่นหมายความว่าถ้าคนหลังจากผมทำกระดาษตก ผมก็จะต้องส่งกระดาษด้วยปากอีกรอบ


        “เอาล่ะ พวกคุณทุกคนเข้าใจแล้วใช่มั้ย ถ้าอย่างนั้นเริ่มได้เลย”


        หลังจากสิ้นเสียงพี่โรม กระดาษก็เริ่มส่งจากปากของคนแรก










ออฟไลน์ พัดลม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด