L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว
ตอนที่ 13 ผมกำลังนอนพักหายใจอยู่บนเตียงนอนของดิน หลังจากเสร็จกิจยกที่สามผมก็หมดสภาพอย่างที่เห็น ร่างกายและใบหน้าของผมตอนนี้ชุ่มไปด้วยเหงื่อ ผมหันไปมองใบหน้าของเดือนวิศวะสุดหล่ออย่างดินที่ตอนนี้นอนอยู่ข้างๆ ผม ใบหน้าของมันเปราะเปื้อนไปด้วยของเหลวสีขาวขุ่น แต่รอยยิ้มของมันคงจะบอกได้ดีว่ามันมีความสุขมากแค่ไหนที่มีของเหลวเหล่านั้นอยู่บนใบหน้าของมัน
“วันนี้มึงจัดกูหนักมากเลยนะ”
ดินหันหน้ามาคุยกับผม เสียงหอบของมันคงบอกได้ว่ามันเหนื่อยมากแค่ไหน
“มึงไม่ชอบเหรอวะ”
ผมหันไปตอบพร้อมยักคิ้วให้มัน
“กูไม่ได้บอกสักหน่อยว่ากูไม่ชอบ”
ดินตอบพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ผม
“มึงไม่คิดจะเช็ดหน้าสักหน่อยเหรอ”
ผมถามดินที่ตอนนี้หน้าของมันเต็มไปด้วยของเหลวสีขาวขุ่นจากร่างกายของผม
“เออว่ะ ลืมไปเลย”
พูดเสร็จดินก็ลุกขึ้นแล้วไปหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดหน้า ก่อนที่จะเข้าห้องน้ำไปล้างหน้า สักพักดินก็เดินออกมา
“กูอยากจะถามมึงมานานแล้ว มึงกับพี่เฟิร์นเป็นอะไรกันวะ”
ผมถามคำถามที่ผมสงสัยมานาน สีหน้าของดินดูเปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อยแต่ผมก็พอจะสังเกตเห็นได้
“ยังไม่รู้ว่ะ เขาดีมากเลยนะเว่ย แต่ไม่รู้สิ กูรู้สึกว่าเขายังไม่ใช่ว่ะ”
ดินหันมาตอบผมด้วยสีหน้าจริงจังอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
“เขาทั้งสวย ทั้งเก่ง นิสัยก็ดี เขามีทุกอย่างที่กูคิดว่าแม่ของลูกกูควรจะมี แต่ทำไมกูเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับเขาเลยก็ไม่รู้ว่ะ”
ดินพูดต่อ
“แล้วตอนนี้มึงคบเขาในฐานะอะไรวะ”
ผมถามดิน
“กูก็พูดไม่ถูกเหมือนกันว่ะ มันมากกว่าเพื่อนน่ะ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นเป็นแฟน เรียกว่าเป็นคนที่คุยๆ กันอยู่ก็ได้ล่ะมั้ง”
ดินตอบผม พร้อมกับสีหน้าที่คลายความเครียดลงเล็กน้อย
“แล้วมึงเคยมีอะไรกับเขามั้ยวะ”
ผมถามดินต่อ
“เคย หลายครั้งแล้วด้วย”
“แล้วแบบนี้เขาจะไม่คิดเหรอวะว่ามึงเริ่มจริงจังกับเขาแล้ว”
“มึงกำลังทำให้กูเครียดอยู่รู้ตัวมั้ย”
ดินหันมามองผม พร้อมกับสีหน้าดูเหมือนว่าจะกลับไปเครียดเหมือนเดิม
“โทษที กูแค่อยากรู้เฉยๆ มึงไม่ต้องตอบก็ได้”
ผมขอโทษมันด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย
“มึงไม่ผิดหรอก กูนี่แหละที่ทำให้มันค้างคา”
ดินพูดพร้อมกับฉีกยิ้มที่มุมปากให้ผมเล็กน้อย แต่มันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกว่ามันหายเครียดเลยแม้แต่น้อย
“แล้วเขารู้มั้ยว่ามึงมานอนกับกูเนี่ย”
“ไม่รู้หรอก เรื่องแบบนี้กูไม่กล้าบอกผู้หญิงหรอก”
“มึงบอกแต่ผู้ชายว่างั้น”
“นี่มึงยังโกรธกูอยู่อีกเหรอวะ กูบอกแต่คนที่ผ่านเกณฑ์มึงเท่านั้นแหละ เผื่อวันนึงพวกนั้นจะไปหามึงไง”
ดินตอบพลางหัวเราะเบาๆ
“ช่างเหอะ กูก็พูดไปงั้นแหละ ว่าแต่มึงจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเหรอวะ พี่เฟิร์นน่ะ”
“กูไม่รู้จะทำยังไงดี กูแทบไม่รู้สึกอะไรกับเขาเลยว่ะ แต่กูก็ยังไม่เจอคนที่กูรู้สึกอะไรแบบนั้นด้วยแหละ”
ดินตอบผมพลางถอนหายใจแรง
“บางทีกูอาจจะลองคบผู้ชายดูก็ได้”
คำพูดของดินทำให้ผมตกใจจริงๆ
“เอาจริงเหรอวะ”
ผมถามดินด้วยความสงสัย มันไม่มีท่าทีว่าจะชอบผู้ชายเลยด้วยซ้ำ
“กูคุยกับผู้หญิงมาหลายคน คุยมาทุกแบบ ทั้งผู้หญิงเรียบร้อย ผู้หญิงแรด ผู้หญิงห้าวๆ กูเริ่มจะเบื่อแล้วว่ะ”
ดินตอบด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายอย่างที่มันพูด
“มึงอาจจะยังไม่เจอคนที่มึงรู้สึกจริงๆ หรือเปล่า”
“ก็อาจจะอย่างนั้น”
หลังจากที่ผมกับดินคุยกันเสร็จ ผมก็เข้าไปอาบน้ำล้างตัวกับดินในห้องน้ำ จากนั้นผมก็บอกลามันกลับมานอนที่ห้องของตัวเอง เมื่อนึกถึงชีวิตของรักของดินแล้ว ก็กลับมานึกถึงชีวิตรักของตัวเองบ้าง จะว่าไปผมก็ไม่เคยคบใครจนถึงขั้นที่เป็นแฟนเลยสักคน ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าผมจะเป็นยังไงถ้าเกิดผมจะจริงจังเรื่องความสัมพันธ์กับใครสักคนขึ้นมา
----------------------------------------
เช้าวันวันพฤหัสบดีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมเข้าเรียนช่วงเช้าพร้อมกับมิน จากนั้นก็ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันที่โรงอาหารคณะวิศวะที่เดิม และก็ไปเข้าเรียนวิชาช่วงบ่ายด้วยกัน
“เย็นนี้กูนัดไอ้แพทว่าจะไปเจอมันที่คณะแพทย์ มึงจะไปด้วยกันมั้ย”
มินถามผมหลังจากที่เราเรียนวิชาในช่วงบ่ายเสร็จแล้ว มินมันน่าจะยังไม่รู้เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ที่แสนจะวุ่นวายของแพท พี่วุฒิ และก็ผม หลังจากวันนั้นผมกับแพทก็ไม่ได้คุยกันเลย ไม่รู้เหมือนกันว่ามันพร้อมจะเจอผมหรือยัง
“เออ กูไปด้วย”
ผมตัดสินใจไปด้วยเพื่อไม่ให้มินมันผิดสังเกต
----------------------------------------
ตอนนี้ผมกับมินเดินมาถึงคณะแพทย์แล้วล่ะครับ และดูเหมือนว่าผมจะเจอน้องวิทย์เข้าแล้ว วันนี้มันอยู่คนเดียวอีกตามเคย ผมแอบสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมเวลาที่ผมมาคณะแพทย์จะต้องเจอน้องวิทย์ทุกครั้งเลย
“พี่โอมครับ คุยกับผมแป๊บนึงได้มั้ย”
วิทย์เรียกผมที่ตอนนี้กับเดินอยู่กับมิน
“มึงไปก่อนเลย เดี๋ยวกูตามไป”
ผมบอกมิน มินพยักหน้าหนึ่งทีเป็นอันเข้าใจ ก่อนที่ผมเดินตามวิทย์ไป
“จะพาพี่ไปไหนเนี่ย”
ผมถามวิทย์ที่ตอนนี้เดินนำผมไปที่ตึกเรียน
“เอาน่าพี่ ตามผมมาเถอะ”
วิทย์บอกผมเหมือนมีลับลมคมใน แต่ผมก็เดินตามไปตามที่มันต้องการ ตอนนี้ผมก็เดินเข้ามาในตึกเรียนแล้ว วิทย์กดลิฟท์พาผมไปที่ชั้นห้าของตึก
“สรุปนี่เราเรียกพี่มาทำอะไรเนี่ย”
“เคนมันอยากจะคุยกับพี่เรื่องที่มันจะสัมภาษณ์พี่น่ะ”
วิทย์บอกเหตุผลที่ลากผมมาถึงชั้นห้าของตึกเรียน
“แล้วทำไมต้องมาคุยกันที่นี่ล่ะ”
“เคนมันเลิกแล็ปช้าน่ะพี่”
“แล้วเมื่อไหร่จะเสร็จล่ะ พี่มีนัดกับเพื่อนนะ”
“แป๊บเดียวพี่”
ผมกับวิทย์นั่งรออยู่หน้าห้องแล็ปสักพักก็เห็นน้องเคนเดินออกมา สีหน้าของเคนดูแปลกใจที่เห็นผม นี่มันหมายความว่ายังไงกันล่ะครับเนี่ย วิทย์มันลากผมมาคุยงานทั้งๆ ที่เพื่อนมันยังไม่รู้เนี่ยนะ จังหวะที่น้องเคนเดินออกมาวิทย์ก็รีบเดินเข้าไปกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกันโดยไม่ให้ผมได้ยิน คงจะนัดแนะกันล่ะสิว่าเรียกผมมาทำไม
“สวัสดีครับพี่โอม”
น้องเคนพูดก่อนที่จะค้อมตัวลงเล็กน้อย
“นี่สรุปจะคุยอะไรกับพี่เนี่ย”
น้องเคนหันไปหน้าไปทางน้องวิทย์ทันทีที่ได้ยินผมพูด นี่สรุปว่ายังนัดกันไม่เสร็จใช่มั้ยเนี่ย
“มึงก็หยิบลิสต์คำถามที่มึงจะถามพี่โอมให้เขาไปสิ”
วิทย์หันไปบอกน้องเคน จากนั้นน้องเคนก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋า
“เอ่อ นี่คำถามที่ผมจะถามพี่ตอนสัมภาษณ์น่ะครับ เผื่อพี่จะเอาไว้เตรียมตัว”
น้องเคนยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้ผม ผมเก็บกระดาษแผ่นนั้นใส่กระเป๋าทันทีโดยไม่ได้อ่าน
“นี่มึงจะไม่ซ้อมสัมภาษณ์พี่โอมสักหน่อยเหรอวะ ไหนๆ พี่โอมก็มาแล้ว”
วิทย์หันไปบอกเพื่อนของมัน ผมกำลังจะบอกวิทย์ว่าผมไม่ว่างเพราะมีนัดกับเพื่อนแต่น้องเคนก็พูดออกมาซะก่อน
“กูไม่ว่างอะ กูมีนัดกับหนิงไว้”
น้องเคนรีบพูดออกมา ตอนท้ายก็เหลือบมองผมด้วยแววตาที่ผมก็ไม่เข้าใจ
“ตามใจมึงละกัน”
วิทย์พูดพร้อมกับทำหน้าเคืองๆ
“เดี๋ยวพี่ไปก่อนนะ พี่มีนัดเพื่อนเอาไว้”
ผมบอกลาน้องเคนกับน้องวิทย์ก่อนที่จะเดินกลับไปหามินกับแพท
“เดี๋ยวก่อนพี่ ผมไปด้วย”
เสียงของวิทย์ไล่หลังผมมาตอนที่ผมออกเดินมา
“พี่อย่าโกรธไอ้เคนมันเลยนะ มันก็แบบนี้แหละ”
วิทย์ที่เดินตามผมมาทันแล้วพูดกับผม
“พี่ไม่ได้โกรธเคน แต่โกรธแกนี่แหละวิทย์ทำพี่เสียเวลาหมด แค่ลิสต์คำถามแค่นี้ส่งมาในไลน์ก็ได้”
ผมหันไปบอกวิทย์ มันทำหน้าตารู้สึกผิด แต่ดูเหมือนจะแกล้งทำมากกว่า
“หึงล่ะสิ”
วิทย์หันมาล้อผม
“ไม่ได้หึง”
ผมพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ตัดใจสักทีเถอะพี่ ไอ้การที่มันไปคบผู้หญิง มันก็ชัดเจนแล้วนะว่ามันไม่มีทางชอบพี่”
วิทย์พูดกับผมด้วยสีหน้าจริงจัง
“พี่รู้อยู่แล้วน่า ไม่ต้องบอกหรอก”
“แต่พี่ก็ยังทำไม่ได้ใช่มั้ย”
“สอนพี่หน่อยสิ วิธีตัดใจจากคนที่ตัวเองชอบน่ะ”
ผมหยุดเดินแล้วหันไปถามวิทย์ มันดูจะตกใจกับสิ่งที่ผมพูด
“ผมทำได้ซะที่ไหนล่ะพี่ ตอนนี้ผมก็ยังชอบพี่อยู่”
ผมตกใจในสิ่งที่วิทย์พูดมาก แล้วที่มันช่วยผมจีบเพื่อนมันล่ะ
“อ้าว แล้วตอนที่วิทย์ช่วยพี่จีบเคนล่ะ พี่คิดว่าวิทย์ตัดใจจากพี่ได้แล้วซะอีก”
ผมถามมันไปด้วยความสงสัย
“ที่ผมทำมันก็เป็นแค่วิธีที่จะทำให้ผมได้อยู่ใกล้พี่ ผมก็แค่รอสักวันที่พี่จะหันมาสนใจผมบ้าง ผมแค่คิดว่ามันก็ยังพอเป็นไปได้บ้างที่พี่จะหันมาชอบผม อย่างน้อยพี่ก็ชอบผู้ชาย โอกาสของผมก็ยังพอจะมีอยู่บ้าง ถ้าพี่ชอบผู้หญิงผมก็คงจะตัดใจไปนานแล้ว”
ผมแอบเห็นแววตาเป็นประกายของมันที่ดูเหมือนจะมีความหวังอยู่น้อยๆ คำพูดของมันดูจะทิ่มแทงใจผมอยู่ไม่น้อย ผมยังตัดใจจากน้องเคนไม่ได้ ทั้งที่รู้ดีอยู่เต็มอกว่าน้องเขาไม่มีทางชอบผม
“ตอนแรกที่ผมช่วยพี่จีบไอ้เคนน่ะ ผมโคตรเจ็บเลย ผมเห็นแววตาที่พี่มองมัน ผมก็อยากให้พี่มองผมแบบนั้นบ้าง แต่เรื่องที่เคนมันไปคบกับหนิงนี่มันอยู่เหนือความคาดหมายของผมนะ ผมควรจะดีใจใช่มั้ยพี่ที่รู้ว่ามันไม่ได้ชอบพี่น่ะ แต่มันก็เท่ากับว่าผมเสียโอกาสที่ได้อยู่ใกล้กับพี่ จนบางทีผมก็อยากให้สองคนนั้นเลิกกัน”
“พี่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรเลยว่ะ”
ผมมองหน้าวิทย์ด้วยหลายอารมณ์ปะปนกัน ผมทึ่งในความพยายามของมัน หลายสิ่งที่มันทำดูแปลกประหลาดสำหรับผม แต่ผมก็เข้าใจมันนะ
“พี่ไม่ต้องพูดอะไรหรอก ปล่อยให้มันเป็นหน้าที่ของผมเถอะ ผมจะทำให้สองคนนั้นเลิกกันให้ได้ พี่ไม่ต้องห่วง”
ผมไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไงกับสิ่งที่วิทย์พูด จะรู้สึกดีใจ จะรู้สึกเสียใจ หรือจะรู้สึกประหลาดใจ มันปนกันไปหมด
“อะไรเนี่ย เมื่อกี้ยังบอกให้พี่ตัดใจอยู่เลย”
ผมเริ่มจะงงกับความคิดของวิทย์แล้วครับ มันจะเอายังไงกันแน่จะให้ผมตัดใจหรือจะให้ผมชอบน้องเคนต่อไปกันล่ะเนี่ย
“แล้วถ้าเราอยากเจอพี่ ก็มาหาพี่ก็ได้ ไม่เห็นต้องทำอะไรให้ยุ่งยากเลย”
ผมบอกวิทย์ออกไป
“มันไม่เหมือนกันหรอกพี่ พี่รู้มั้ยว่าทำไมผมถึงชอบพี่ ผมชอบพี่ตอนที่พี่คุยกับไอ้เคน สีหน้า แววตา และก็รอยยิ้มที่มีความสุขของพี่มันดึงดูดผมมาก ผมชอบพี่ที่เป็นแบบนั้น มันไม่มีประโยชน์เลยที่พี่จะมาเจอกับผมแล้วไม่มีความสุขน่ะ”
คำพูดของวิทย์ทำให้ผมอึ้งอีกแล้ว
“มันขัดแย้งในใจเหมือนกันนะพี่ ใจนึงผมก็อยากให้พี่ตัดใจจากไอ้เคนให้ได้ แต่อีกใจนึงก็อยากให้พี่มีความหวัง ยังอยากให้พี่มีความสุขเวลาที่ได้คุยกับไอ้เคน ผมยังอยากเห็นพี่โอมคนที่ผมชอบอยู่ พี่โอมที่ยังมีความสุขเวลาคุยกับไอ้เคน ไม่ใช่พี่โอมที่เป็นแบบนี้”
วิทย์พูดซะจนผมไปต่อไม่ถูกเลย
“แล้วถ้าสมมติวันนึงเคนมันชอบพี่ขึ้นมาจริงๆ เราจะไม่เสียใจเหรอวิทย์”
“ไม่รู้สิพี่ ไว้ถึงตอนนั้นผมค่อยคิดแล้วกัน”
วิทย์ตอบผม ก่อนที่เดินต่อไป ผมเพิ่งจะรู้ตัวว่าเราหยุดเดินมาสักพักแล้ว
“ไปก่อนนะพี่ เดี๋ยวพี่รอดูฝีมือผมได้เลย”
วิทย์บอกผมตอนที่เดินมาถึงหน้าตึกแล้ว จากนั้นวิทย์ก็เดินไปทันที
----------------------------------------
“อยู่ไหนวะตอนนี้”
หลังจากที่วิทย์เดินไปแล้ว ผมก็โทรถามมินว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน
“อยู่โรงอาหาร เออ แต่แพทมันมีเรียนชดเชยนะ มันมาไม่ได้แล้ว”
มินบอกผม ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันมีเรียนจริงๆ หรือว่าแค่อยากจะหลบหน้าผมกันแน่
ผมเดินจากตึกเรียนคณะแพทย์ไปที่โรงอาหาร และดูเหมือนว่าแพทมันจะไม่ได้โกหก เพราะผมไม่เห็นเพื่อนรุ่นเดียวกันอยู่ในโรงอาหารเลยแม้แต่คนเดียว ระหว่างที่เดินเข้าไปในโรงอาหาร ผมเห็นมินนั่งอยู่กับใครสักคน แต่ผมไม่รู้ว่าเป็นใคร เพราะคนๆ นั้นนั่งหันหลังให้ผมอยู่ ทันทีที่เห็นผมมินก็โบกมือเรียกผม และเมื่อผมเดินเข้าไปใกล้ๆ ผมก็เห็นว่าคนที่นั่งอยู่กับมินคือใคร
และคนๆ นั้นก็คือน้องเคนนั่นเอง
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสองคนนี้มันไปสนิทกันตอนไหน เพราะตอนเรียนมัธยมผมก็ไม่เคยเห็นสองคนนี้คุยกันสักครั้ง
“นั่งก่อนสิโอม”
มินบอกผม ผมจึงเดินไปนั่งข้างมิน
“นี่ไอ้เคนเป็นน้องสายห้องเรามึงจำได้มั้ย”
มินแนะนำน้องเคนให้ผมรู้จัก มันก็คงจะไม่รู้เหมือนกันสินะว่าผมกับน้องเคนก็รู้จักกันอยู่แล้ว และดูจากคำนำหน้าของน้องเคนที่เป็นไอ้เนี่ย สองคนนี้คงจะสนิทกันในระดับหนึ่งเลยแหละ
“เออ กูจำได้น่า”
ก็แน่ล่ะสิ นี่มันคนที่ผมชอบนะ
“เคน มึงจำรุ่นพี่มึงได้มั้ยเนี่ย นี่ไอ้โอมเพื่อนกูเอง”
มินมันยังไม่หยุด มันยังแนะนำน้องเคนให้รู้จักกับผมต่อไป ผมหันไปเหล่มองมันเล็กน้อย แต่ดูเหมือนมันจะยังไม่รู้ตัว
“จำได้ครับ”
น้องเคนตอบมาเบาๆ
“มึงไปสั่งข้าวไป พวกกูกินกันจะเสร็จแล้วเนี่ย”
มินหันมาบอกผม ผมจึงลุกออกไปซื้อข้าวมากิน ผมเลือกร้านข้าวแกงเจ้าประจำเพราะคนน้อยดีไม่ต้องรอนาน แล้วผมก็เดินกลับมานั่งที่โต๊ะ
“ตะกี้นี้บอกว่ามีนัดไม่ใช่เหรอ”
ผมถามน้องเคน
“ยกเลิกแล้วครับพี่ หนิงเขาต้องรีบกลับบ้านน่ะ”
น้องเคนหันมาตอบผม ส่วนมินก็ทำหน้าเหมือนตกใจอะไรบางอย่าง แต่ไม่นานก็กลับมาทำหน้าปกติ นี่มันมีอะไรปิดบังผมหรือเปล่าเนี่ย
“นี่มึงไปสนิทกันตอนไหนวะ กูไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
มินถามออกมา ผมเองก็ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน
“ก็เคนมันเป็นน้องห้องเรานี่หว่า กูก็คุยกับน้องทุกคนนั่นแหละ”
ผมตอบมิน สีหน้าของมินดูคลายความสงสัย แต่สีหน้าของน้องเคนดูจะแปลกไปเล็กน้อย มันเป็นสีหน้าที่ผมก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน
“มึงรีบกินเถอะ กูอยากกลับหอแล้ว”
มินบอกผม พอได้ยินแบบนั้นแล้วผมก็พยักหน้าแล้วก็รีบกินตามที่มินบอก ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันจะรีบไปไหน
“ผมกลับก่อนนะพี่ ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนผมนะครับ”
น้องเคนพูดกับมินก่อนที่จะเดินออกไป ฟังแบบนี้ผมก็งงสิครับว่าน้องมันมีอะไรไม่สบายใจถึงให้เพื่อนผมมาอยู่เป็นเพื่อนเนี่ย
“มึงอะไรให้กูช่วยก็บอกนะ โชคดีเว่ย”
มินตอบ
“ขอบคุณมากพี่ไปก่อนนะครับ ไปก่อนนะครับพี่โอม”
ประโยคแรกน้องเคนพูดกับมิน ส่วนประโยคหลังหันมาพูดกับผม หลังจากนั้นน้องเคนก็เดินออกไป
“กูเพิ่งรู้นะเนี่ยว่ามึงกับน้องเคนสนิทกัน”
ผมหันไปพูดกับมิน
“กูก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่ามันสนิทกับมึง”
มินพูดกับผม
”น้องมันมีเรื่องอะไรวะ ที่มันบอกว่ามึงอยู่เป็นเพื่อนเนี่ย”
ผมถามมินด้วยความสงสัย
“เหมือนจะมีปัญหากับแฟนมันนิดหน่อย มีแฟนขี้หึงก็แบบนี้แหละ”
มินสรุปเรื่องเกี่ยวกับน้องเคนให้ผมฟัง
“เท่าที่ฟังก็น่าจะสาหัสอยู่นะ แฟนมันนี่โคตรงี่เง่าเลย เป็นกูนี่เลิกไปแล้ว”
มินเล่าต่อ ดูเหมือนมันจะอินกับเรื่องของน้องเคนมากนะ พูดไปก็ใส่อารมณ์ไป อะไรจะขนาดนั้นเนี่ย
“คงรักจะมากสินะ ถึงยังไม่เลิก”
ผมรำพึงออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“มึงเชื่อกูเถอะ อีกไม่นานหรอก”
“ทำไมมึงถึงคิดอย่างนั้นวะ”
ผมถามมินที่ท่าทางจะมั่นใจเอาซะมากๆ
“เซ้นส์กูมันบอกแบบนั้น”
มินตอบผมด้วยท่าทางที่มั่นใจเหมือนเดิม
ผมเองก็จะอยากรู้เหมือนกันว่าเซ้นส์ของเพื่อนผมมันจะถูกหรือเปล่า