[เรื่องสั้น] ห ล ง เ ด็ ก (ตอนเดียวจบ) “มีพลาสเตอร์แปะแผลมั้ยครับ” เสียงเล็กที่ติดจะสั่นเครือหน่อย ๆ ดังขึ้นที่หน้าเคาท์เตอร์ พอเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายก็เห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กยืนเบะปากน้อย ๆ จมูกแดงและที่ดวงตาก็มีน้ำตาคลอ บวกกับคราบน้ำตาที่ข้างแก้มคล้ายว่าพึ่งจะผ่านการร้องไห้ไปหมาด ๆ
เราลุกขึ้นจากเก้าอี้ ไล่สายตาตามมือเล็กที่จับเข่าของตัวเองไว้
หกล้มสิ่นะ “ล้างแผลหรือยังครับ” เราถามคนตัวเล็ก น้องส่ายหน้าตอบกลับมา “งั้นรอตรงนี้ก่อน”
เราพาน้องมานั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง เหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าใกล้จะสี่ทุ่มแล้ว ปิดร้านเลยแล้วกัน
หลังจากเดินไปพลิกป้ายที่หน้าร้านเป็น Closed ก็เดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลที่หลังร้านแล้วกลับมาหาคนตัวเล็กที่กำลังนั่งกดโทรศัพท์ อีกฝ่ายดูหน้างอยิ่งกว่าเก่า น้ำตาที่คลออยู่ไหลลงมาเปียกแก้มขาวอีกครั้ง
“อ๊ะ!” น้องผงะเมื่อเรานั่งคุกเข่าข้างหนึ่งที่พื้นข้างหน้าเก้าอี้แล้วใช้หัวแม่มือปาดคราบน้ำตาให้
“เดี๋ยวพี่จะทำแผลให้แล้ว ไม่ร้องนะตัวเล็ก” เราบอกกับน้องอย่างเอ็นดู แต่อีกฝ่ายเหมือนไม่ค่อยชอบใจ
“ผมไม่ได้ร้องซะหน่อย”
อ้าว แล้วน้ำตานี่เรียกอะไร เรายิ้มแล้วโคลงหัวเบา ๆ ยกมือขึ้นลูบหัวอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู ก่อนจะจัดการใช้น้ำเกลือล้างแผลที่หัวเขาของอีกฝ่ายอย่างเบามือ น้องสะดุ้งหน่อยๆตอนที่แตะเบตาดีนลงไป แต่ก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น
“เสร็จแล้วครับ” เราส่งยิ้มให้คนตัวเล็กหลังจากทำแผลเสร็จเรียบร้อย ลุกขึ้นเก็บอุปกรณ์ใส่กล่อง
“ขอบคุณนะครับ” น้องเอ่ยพร้อมกับหยิบกระเป๋าสตางค์ เห็นอย่างนั้นเลยแตะมือน้องแล้วส่ายหน้า
“ไม่ต้องๆ พี่ไม่คิดเงิน”
“อ้าว..ไม่ได้สิ่” น้องไม่ยอม หยิบแบงค์พันออกมาจากระเป๋าแล้วพยายามยัดใส่มือเรา
“อุปกรณ์ทำแผลไม่ใช่ของร้านครับ เป็นของพี่ เพราะงั้นไม่คิดเงิน เราเก็บไปเลย” เราเอ่ยเสียงดุหน่อยๆเมื่ออีกฝ่ายพยายามจะเอาเงินใส่มือไม่หยุด
“แต่ว่า..”
“เอาอย่างนี้ พี่ชื่อไต้ฝุ่น เราล่ะ?”
“…” น้องเม้มปาก ก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆ “เอิร์ธครับ”
น่ารัก “งั้นเราก็รู้จักกันแล้วนะ เมื่อกี๊ถือว่าพี่ทำแผลให้คนรู้จัก เพราะงั้นไม่คิดเงิน โอเคมั้ยครับ”
“ได้ไง” น้องเหวอไปเลย คงคิดไม่ถึงว่าเราจะใช้มุกนี้
“ได้สิ่ อย่าดื้อ นี่ก็ดึกแล้วไม่รีบกลับบ้านหรอครับ อันตรายนะ”
“หอผมอยู่ข้างร้านนี่เอง” น้องชี้ไปทางขวามือ
อ้าว..อยู่ใกล้ขนาดนี้ทำไมไม่เคยเจอ “เดี๋ยวพี่ไปส่ง” ปากไวกว่าความคิด น้องอึ้งไปเล็กน้อย อยากตบปากตัวเองเลยว่ะ พึ่งรู้จักกันเมื่อกี๊อยู่ดีๆจะไปส่งเขาเฉย คงจะยอมหรอกน่ะ
“ระ..ร้านพี่ไม่ต้องมีคนเฝ้าหรอ”
โห เป็นคำปฏิเสธทางอ้อมใช่มั้ย “ร้านพี่ปิดแล้ว” เราตอบไปตามความจริง น้องเม้มปากจนเป็นเส้นตรง ก่อนจะคลายออกแล้วตอบด้วยเสียงอ้อมแอ้ม
“งั้น..ไปส่งหน่อยครับ”
อ้าว สรุปได้ไปว่ะเฮ้ย หลังจากส่งน้องเสร็จเราก็เดินผิวปากลงมาจากหออย่างอารมณ์ดี แอบหลอกล่อขอไลน์น้องมาด้วย
พอปิดร้านเรียบร้อยเราก็อาบน้ำเตรียมจะนอน ทักไปบอกฝันดีน้องซะหน่อยแต่อีกฝ่ายบอกนอนไม่หลับ เราเลยคอลไปหาแล้วอยู่คุยเป็นเพื่อน คุยไปคุยมาเลยได้รู้ว่าน้องกำลังจะขึ้นปีหนึ่ง ตกใจอยู่เหมือนกัน ตัวสูงยังไม่พ้นไหล่เราเลยมั้งน่ะ แล้วที่น้องร้องไห้ตอนหกล้มเพราะว่าคิดถึงบ้าน ปกติถ้าเป็นแผลทีไรพี่ของน้องจะคอยทำแผลให้ตลอด พอมาอยู่คนเดียวแบบนี้น้องเลยต้องทำอะไรด้วยตัวเองหมดเลย
เราฟังเสียงเล็กเล่าไปก็ยิ้มไป น้องเป็นลูกคนเล็กของบ้าน คงจะโดนโอ๋มาตลอด พอต้องอยู่คนเดียวก็ไม่แปลกที่จะไม่ชิน เราคุยกับน้องไปเรื่อยๆจนตีสองกว่าน้องก็เริ่มงัวเงีย สักแปปก็ได้ยินเสียงลงหายใจสม่ำเสมอแทนเสียงเล็กๆนั่น ตอนเรกว่าจะไม่กดวางสาย อยากคอลทิ้งไว้แต่ไม่รู้น้องจะว่าไงเลยตัดสินใจไม่ทำดีกว่า
“ฝันดีนะครับ” เรากระชิบบอกเบาๆก่อนจะกดวางสาย รู้ว่าน้องคงไม่ได้ยินแล้วแต่ว่าอยากพูดให้ฟังอยู่ดี
เย็นวันต่อมาเราก็ไลน์บอกให้น้องมาทำแผลด้วย ความจริงคืออยากเจอ แต่เอาเรื่องแผลมาอ้างเฉยๆ
“พลิกป้ายปิดร้านที่ประตูให้พี่ด้วย” เราบอกเมื่อเห็นน้องเปิดประตูเข้ามา
“ปกติพี่ปิดสี่ทุ่มนี่นา ตอนนี้สองทุ่มเอง ทำแผลให้เอิร์ธแปปเดียวก็เปิดร้านต่อก็ได้” น้องตอบอย่างเกรงใจ น่ารักนะเนี่ย มีห่วงกันด้วย
“ปิดไปเถอะ พี่ขี้เกียจพอดี” เราตอบไปตามจริง คือปกติรายได้หลัก ๆ มาจากส่วนแบ่งของร้านอาหารที่หุ้นกับเพื่อนก็ได้เดือนละเกือบแสนแล้ว วันๆก็ไม่ได้ใช้เงินสักเท่าไหร่ด้วย ที่ตัดสินใจมาเปิดร้านขายยาก็เพราะจบเภสัชมาเลยอยากทำงานให้มันตรงสายหน่อย วันไหนเบื่อ ๆ เราก็ปิดไว แต่วันนี้ไม่ได้เบื่อหรอก อยากอยู่กับน้องมันนานๆ
“แผลโดนน้ำหรอครับ” เราถามเสียงกึ่งดุเมื่อแกะแผลน้องดูแล้วเห็นว่ามันอักเสบ น้องเบะปากหน่อยๆ
น่างับชิบ… “ก็อาบน้ำนี่นา”
“ไม่หาเก้าอี้รองขาไว้แล้วค่อยอาบ” เราบ่นไปทำแผลให้น้องไป
“..ลำบากง่ะ มันโดนนิดเดียวเอง ไม่เป็นไรหรอกกก” น้องงอแง ช้อนตามองแต่เราไม่ใจอ่อนหรอก
“เอิร์ธ” เรากดเสียงต่ำให้รู้ว่าตอนนี้ซีเรียส
“…”
“…” น้องเงียบใส่ เราเลยเงียบบ้าง คนตัวเล็กส่งเสียงงุ้งงิ้งแล้วถอนหายใจ
“ก็ได้..เอิร์ธจะพยายามไม่ให้โดนน้ำแล้ว” น้องพูดเสียงอ่อย
“ดีมาก ถ้าพรุ่งนี้พี่เห็นว่าแผลโดนน้ำมาอีกจะไม่ให้อาบน้ำนะ” เราแกล้งขู่
“ได้ไง!?”
“หรือจะให้พี่อาบให้”
“ไม่ๆๆๆ ไม่ต้องเลย เอิร์ธอาบเองได้” น้องรีบเถียงทันควันพร้อมกับหน้าแดง
“หึหึ จะคอยดู” เรายิ้มบาง ๆ แล้วลูบหัวอีกฝ่าย น้องยิ่งเขินหนักเข้าไปอีก
“ปะ..ไปแล้วนะ” น้องบอกแล้ววิ่งออกจากร้านไปเลย
“อย่าวิ่ง เดี๋ยวล้ม” เราจะโกนไล่หลังไป พอพ้นร้านน้องก็เปลี่ยนเป็นเดินกะเผลกๆ
หึ..เขินจนลืมเจ็บแผลสิ่นะ
เด็กน้อยเอ๊ย [01.48]
EEARTH : พี่ฝุ่นหลับยัง
อยู่ดีๆน้องก็ไลน์มาตอนเกือบจะตีสอง จำได้ว่าพรุ่งนี้มีเรียนเช้าทำไมยังไม่นอนอีก
Typhoon WN : ยังครับ ว่าไง
EEARTH : ฝันร้ายอะ
โถ่ เด็กน้อยเอ๊ย Typhoon WN : เดี๋ยวไปหา
พิมพ์เสร็จเราก็เดินไปหาน้องที่หอ พอดีกันกับที่อีกฝ่ายเดินลงมา
“ไปนู่นได้มั้ย” น้องชี้ไปที่ร้าน คือยังไง? จะนอนกับเราหรอวะ หรือหมายถึงแค่นั่งคุยที่ร้าน
“ไปสิ่” เราเดินนำไปที่ร้าน คนตัวเล็กก็ตามมาติด ๆ
เพราะในร้านไม่มีที่สำหรับนั่งคุย เราเลยพาน้องมาที่ชั้น 2 ของร้าน..ห้องนอนเราเอง ไม่ได้ล่อลวงนะเว่ย น้องเดินตามมาเองเลย
เรานั่งลงบนเตียง ตบเบาๆที่พึ้นเตียงข้างตัวให้น้องมานั่งด้วยกัน น้องก็มานั่งโดยดี
“เอิร์ธ ถ้าอยู่กับคนอื่นต้องระวังตัวกว่านี้นะ” ต้องดุหน่อยล่ะ รู้จักกันแปปเดียวน้องไว้ใจเราขนาดนี้ได้ไงวะ ถ้าไม่ใช่เราจะเป็นไงอะ ตัวก็แค่นี้จะไปสู้อะไรคนอื่นได้
“งืม ครับ” น้องพยักหน้าแล้วเอนศีรษะมาซบไหล่เรา นี่ระวังตัวแล้วหรอวะ
“เข้าใจที่พี่พูดป้ะเนี่ย” เราถามย้ำ
“เข้าใจครับ”
“แล้วทำไมถึงมากับพี่แบบนี้ ไม่กลัวหรือไง” น้องส่ายหน้า
“อยู่กับพี่ฝุ่นแล้วเหมือนอยู่กับพี่โอม”
“…” โอมไหนวะ
“เมื่อก่อนเวลาเอร์ธเป็นแผล พี่โอมก็จะคอยทำแผลให้ตลอดเลย แต่ตอนนี้..”
น้องเว้นประโยคไว้แค่นั้น เหมือนไม่อยากพูด เราไม่ได้ถามอะไรต่อ คิดว่าถ้าน้องอยากเล่าคงจะพูดออกมาเอง จริงๆก็ไม่กล้าถามด้วยแหละ กลัวน้องบอกว่าพี่โอมเป็นแฟนขึ้นมาทำไงวะ กูเป็นชู้เลยนะถ้างั้นอะ
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrr เสียงมือถือของน้องดังขึ้น อีกฝ่ายตาโตแล้วยิ้มกว้าง เราเลยเสียมรรยาทเหลือบมองที่หน้าจอ
P’OHMM โห..ชัดเลย แล้วโทรหากันดึก ๆ ได้นี่ก็ต้องไม่ธรรมดาแล้วอะ
“พี่โอมมม น้องโทรไปไม่รับเลย” น้องกดรับสายแล้วพูดเสียงอ้อนๆใส่ แม่ง..อยากโดนอ้อนแบบนี้บ้างได้ป้ะวะ
‘ขอโทษครับ งานพี่โอมเยอะมากเลยช่วงนี้ พึ่งจะเลิกประชุมเมื่อกี๊เอง’
“งืออ อย่าโหมงานหนักบ่อยนักสิ่”
‘ครับผม ผ่านช่วงนี้ไปอะไรๆน่าจะลงตัวขึ้นแล้ว เราเป็นยังไงบ้าง เหงาหรือเปล่า’
“เหงามากๆๆๆ น้องนอนแทบไม่หลับเลย มาหาน้องวันไหนได้มั่งมั้ยง่ะ คิดถึงจังครับ”
‘เดี๋ยวศุกร์นี้ช่วงบ่ายพี่ไปหาครับ โอเคมั้ย’
“โอเคเยย พี่โอมม น้องหกล้มด้วยเมื่อวานอะ ร้องไห้ด้วย ไม่มีพี่โอมทำแผลให้”
‘เฮ้ย ทำแผลยัง เป็นอะไรมากหรือเปล่า ถ่ายรูปส่งมาซิ ให้พี่ไปหาพรุ่งนี้เลยมั้ย เดี่ยวยกเลิกประชุม--’
“ไม่ต้องๆๆๆ ตอนนี้ทำแผลแล้วครับร้านขายยาใต้หอมีพี่เภสัชคนนึงในดี๊ใจดีทำแผลให้น้อง มือเบามากๆ” เราอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อน้องพูดถึงเราอย่างนั้น แต่ก็ยังคาใจเรื่องไอ้พี่โอมนี่อยู่ดี สรุปแม่งแฟนน้องจริงๆใช่มั้ยวะ
‘ลืมพี่แล้วสิ่ถ้างั้น’
“ไม่ลืม น้องรักพี่โอมที่สุดในโลก คิดถึงพี่โอมที่สุดเลยด้วย“ แล้วพี่ฝุ่นล่ะวะ เฮ้ยเศร้านะเนี่ย
‘ฮ่ะๆ พี่ก็รักเราครับ คิดถึงเรามากๆเลยด้วย เดี๋ยวเสาร์อาทิตย์นี้ไปหานะ รีบๆนอน’
“อื้อ ฝันดีนะครับ”
‘ฝันดีครับตัวเล็ก’
พอกดวางสายน้องก็ยิ้มกว้าง ดูหน้าพี่ด้วย จะขาดใจตายแล้วครับ
“เอิร์ธ”
“ครับ?” น้องขานรับเสียงใส
“มีแฟนแล้วทำไมไม่รีบบอก”
“ห๊ะ?”
“เฮ้อ หลงเราไปแล้วเนี่ย รับผิดชอบดิ๊” เราเอนหัวไปพิงไหล่อีกฝ่าย
“เดี๋ยว..เอิร์ธมีแฟนที่ไหน”
“ก็พี่โอมอะไรนั่นไง ไม่ใช่แฟนแล้วเรียกว่าอะไรครับ“ เราเงยหน้าขึ้นมองตาอีกฝ่าย แต่น้องกลับส่ายหน้ารัวๆ
“พี่โอมเป็นพี่ของเอิร์ธ พี่แบบพ่อแม่เดียวกันเลย”
“อ้าว..” คดีพลิกว่ะ
“ที่เอิร์ธเล่าไงว่าปกติอยู่บ้านเป็นแผลพี่ชายทำแผลให้ตลอดก็พี่โอมเนี่ย”
“แล้วที่บอกว่าเวลาอยู่กับพี่นี่เหมือนอยู่กับพี่โอมคือพี่เหมือนพี่ชายเราหรอวะ”
“อือ”
“แล้วเราคิดกับพี่แค่พี่ชาย?” หลุดจากสถานะชู้ก็มาเป็นพี่ชาย ทำไมมันเศร้าทั้งสองทางเลยวะ
“ก็..ก็มากกว่านั้นนิดหน่อย” น้องตอบอ้อมแอ้ม
“มากกว่ายังไงบ้าง” น้องพูดมาขนาดนี้แล้วก็ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจ แต่อยากได้ยินชัดๆจากปากน้องให้มั่นใจมากกว่า
“กับพี่ฝุ่นมันมากกว่าไง ถามอะไรเยอะแยะเล่า”
“ก็มากกว่าตรงไหนล่ะ อยากรู้”
“ก็..โง้ย ไม่คุยด้วยแล้ว ดึกแล้วเอิร์ธง่วง” น้องขยับขึ้นไปนอนบนเตียงเราเฉย แล้วยังเอาผ้าห่มคลุมโปงอีกด้วย เอ้า ยังคุยกันไม่จบหนีกันดื้อๆแบบนี้เลยหรอ
หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาเจ็ดเดือนแล้ว นอกจากมาเจอกันที่ร้าน กับนอนเป็นเพื่อนน้องในวันที่ฝันร้ายก็เริ่มมีไปกินข้าวด้วยกันบ้าง ไปเที่ยวด้วยกันบ้าง จนคนรอบข้างถามว่าเรากับน้องเป็นอะไรกัน แต่เราไม่ตอบ เพราะก็ไม่รู้จะตอบว่าไง หันไปมองน้องให้น้องเป็นคนตอบ ไอ้ตัวเล็กก็ก้มหน้างุดมุดเข้ากับแขนเราอย่างเดียวเลย
“พี่ฝุ่น!!” ขณะพี่เรานั่งรอน้องมาหาที่ร้านเหมือนทุกวัน จู่ๆวันนี้ไอ้ตัวเล็กก็วิ่งเข้ามาเรียกเสียงดังพร้อมกับทำหน้าไม่พอใจ
“ครับ?”
“มีแฟนหรอ”
ห๊ะ? “ไปเอามาจากไหน”
“เนี่ย” น้องยื่นโทรศัพท์ให้ดู เป็นคลิปที่เมื่อสองวันก่อนมีนิสิตที่มหาลัยของน้องนั่นแหละมาขอสัมภาษณ์
“พี่ไม่ได้พูดเลยว่ามีแฟน”
“ก็ที่บอกว่ามีคู่..มีคู่ชีวิตแล้ว คืออะไรอะ” น้องถามเสียงเครื่อ ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ โอ๊ย..ทำไมน่ารักจังวะ
“ก็น้องนั่นแหละ” เราพูดยิ้มๆ แต่น้องเหวอไปเลย
“ฮะ?”
“พี่บอกเขาไปแล้วอะ จะเป็นมั้ยล่ะ ถ้าไม่เป็นจะได้ไปแก้ข่าว..” เราแกล้งแหย่เล่น แต่น้อง…
“ไม่ต้องไปไหนเลยนะ!” ไอ้ตัวเล็กพูดเสียงโหด มองเราตาเขียวปัด โมโหทีก็น่ากลัวเหมือนกันนะเนี่ย
“ตกลงสรุปว่า?”
“จะไห้เป็นไรก็ขอดิ่!” เราหัวเราะ หยิบกล่องเล็กๆที่ตั้งใจเตรียมไว้ให้น้องตั้งแต่วันที่ให้สัมภาษณ์ไปอย่างนั้น ตั้งใจรอให้เขาเห็นคลิปแล้วมาโวยวายใส่นี่แหละ
“คบกันนะครับ ยังแต่งไม่ได้แต่ขอหมั้นไว้ก่อนนะ” เราเปิดกล่องพร้อมกับยื่นมืออีกข้างไปหา น้องหน้าแดงลามไปถึงใบหู ก่อนจะส่งมือซ้ายมา
“อือ” น้องพยักหน้า
เราบรรจงสวมแหวนทองคำขาวที่ฝังเพชรเม็ดเล็กๆเอาไว้ ให้น้อง ขนาดพอดีกับอีกฝ่ายเป๊ะ ก็นะ..จับเล่นอยู่ทุกวัน ไม่เป๊ะก็แย่ละ
“สวมให้พี่บ้าง” เรายื่นมือไปให้ น้องค่อยๆสวมให้เรากลับ มือเล็กสั่นอย่างเห็นได้ชัด สวมเสร็จเราก็คว้าน้องมากอด จูบหน้าผากคนตัวเล็กเบาๆ ใช้หัวแม่มือปาดน้ำตาให้อีกฝ่ายอย่างเบามือ
“ฮึ่ก..” น้องยังคงร้องไห้ไม่หยุด เราลูบหัวเล็กอย่างเอ็นดูแล้วกระซิบเบาๆข้างหู
“พี่รักเอิร์ธนะครับ”
“เอิร์ธก็รักพี่เหมือนกัน” หัวใจเราเต้นรัวเป็นเสียงกลองเมื่อได้ยินคำนั้นจะปากน้อง กระชับคนตัวเล็กเข้าอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ก่อนจะค่อยๆคลายออกแล้วเชยคางอีกฝ่ายขึ้นมาประกบริมฝีปากลงไป
โคตรหวานเลย
ถามว่าเร็วไปมั้ยที่รู้จักกันเจ็ดเดือนก็ขอหมั้น สำหรับน้องเราว่าคงเร็วแหละ แต่สำหรับเรา คือ..ก็25 แล้วอะ พร้อมแต่งแล้วเนี่ย รอไอ้ตัวเล็กเรียนจบอีกสี่ปี ตอนนั้นเราอาจจะกลายเป็นตาลุงแล้วก็ได้ ผูกมัดไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้แม่ง ยิ่งหลอกง่ายๆอยู่
“เรียนจบแต่งเลยนะ” เรากระซิบบอก
“ได้หรอ เอิร์ธเป็นผู้ชาย” น้องขมวดคิ้ว
“ก็แค่จดทะเบียนไม่ได้ แต่จัดงานแต่งได้นี่ครับ” ถึงกฎหมายจะยังไม่รองรับเรื่องนี้ แต่เราก็อยากให้ทุกอย่างถูกต้องตามประเพณีเพื่อเป็นการให้เกียรติน้องแล้วก็ครอบครัวของน้องด้วย
“อะ…อืม” น้องหน้าแดงจัด มุดเข้ากับเสื้อเราไม่หยุดเลยก้มลงไปกระซิบที่ข้างหู
“เดี๋ยวแต่งปุ๊บพี่กินเราปั๊บเลยนะ..”
ฟอดดด “พี่ฝุ่น!” น้องตีแขนเราไม่แรงนักเมื่อโดนขโมยจุ้บแก้ม
“หอมว่ะ หรือจะกินเลยดี”
“เฮ้ย!?” น้องร้องเสียงหลงเมื่อมือเราสอดเข้าใต้เสื้อไปลูบแผ่นหลังเนียน ส่วนอีกข้างก็บีบเคล้นก้นนุ่มๆผ่านกางเกงชุดนิสิตของอีกฝ่าย
ก้นน้องเหมาะมือดีจัง.. [THE END]
-----------------------------------------------------------------------------------------
พี่ฝุ่นมันร้ายยยยยยยยยยย
ใครเล่น Twitter เราฝากติดแท็ก #พี่ฝุ่นหลงเด็ก ให้หน่อยนะคะ เราอยากอ่าน Feedback ฮี่ๆ ><
>>> เรื่องสั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องแถมรอบ Pre-Order ของนิยายเรื่อง Cat's Diary รักแมวๆ ค่ะ
แต่อยากลงให้อ่านกัน ตอนพิเศษจะอยู่ในเล่มเน้อออ
ส่วน Cat's Diary รักแมวๆ เปิดพรีถึงวันที 8 สิงหา 60 จ้าาา ถ้าอยากอ่านหรือสั่งพรีให้เอาชื่อเรื่องเสิร์ชใน Google ได้เลยย
ผลงานเรื่องสั้นเรื่องอื่นลูกครึ่ง...แวมไพร์DreamWorld เดทกันวันหยุด