ตอนที่33
“เสวี่ยหมิง....อึก....เจ้าจะทำอะไร” หลงเยี่ยอิ่งถามพยายามอดกลั้นต่อความเจ็บแต่ใบหน้ายังบิดเบี้ยวไปเล็กน้อยเสวี่ยหมิงรู้สึกได้ในทันทีแม้ว่าศิษย์พี่รองพยายามจะปิดบัง
“ข้าก็จะช่วยท่านอย่างไรเล่า”
“อย่าทำเรื่องเสียเปล่าให้ข้าได้พูดในสิ่งที่ข้าอยากพูดเถอะหมิงเอ๋อ”
เสวี่ยหมิงส่ายหน้าไปมานึกสงสารคนที่คิดแต่ว่าตนเองจะต้องตายแน่ๆเสียเหลือเกิน เด็กน้อยนี่ไม่สิศิษย์พี่รองใยท่านถึงอยากตายนัก ทว่าถึงท่านอยากตายข้าก็จะฉุดท่านกลับมาให้ได้ ท่านหลอกลวงข้านับเป็นเรื่องใหญ่ ยอมรับว่าก็โกรธไม่น้อย แต่จะไม่ยอมให้อารมณ์เช่นนั้นชี้นำจนต้องสูญเสียเสี่ยวหลงไปอย่างเด็ดขาด
ถึงแม้ว่าตอนนี้เสี่ยวหลงจะเปลี่ยนแปลงไปกลายเป็นหลงเยี่ยอิ่ง แต่ใบหน้างดงามนี้มีเค้าลางของเสี่ยวหลงอยู่มาก ดังนั้นเสวี่ยหมิงจึงไม่รู้สึกแปลกแยกแต่อย่างใด
“หมิงเอ๋อวางข้าเถิดให้ข้าได้พูดกับเจ้า.....”
น่ารำคาญนัก จะทำอย่างไรให้ศิษย์พี่ซึ่งโยเยไม่ต่างกับเด็กน้อยหยุดพูดเสียที ดูท่าว่านิสัยที่แสดงออกยามเป็นเสี่ยวหลงจะไม่ใช่สิ่งที่ปั้นแต่งขึ้นมากระมัง
เด็กน้อยที่น่าหงุดหงิด
คิดเช่นนั้นพลันประกบจูบลงบนริมฝีปากศิษย์พี่รองอย่างดุดันปิดกั้นคำกล่าวไร้สาระให้หมดไป
“อือ...อุ....”
เสวี่ยหมิงประคองร่างของศิษย์พี่รองลงบนพื้นถ้ำ ทว่าขณะทำเช่นนั้นยังไม่ละริมฝีปากจากคนเจ็บ หลงเยี่ยอิ่งถึงแม้เจ็บอย่างสุดแสน แต่กลับตอบสนองการจูบไม่ลดละ เสียงแลกจุมพิตอันวาบหวามเร้งเร้าให้เสวี่ยหมิงและหลงเยี่ยอิ่งเกิดอารมณ์ร้อนแรง
“อื้อ....อือ....”
เสวี่ยหมิงผลักหลงเยี่ยอิ่งนอนลงบนพื้นก่อนจะจู่โจมฟอนเฟ้นตามร่างกายด้วยจูบและมือ หลงเยี่ยอิ่งไม่ยอมแพ้ ใช้แรงที่มีทั้งหมดพลิกกลับมาทาบทับ เริ่มต้นโลมเล้าคืนบ้างเสวี่ยหมิงยอมรับว่าการถูกปรนเปรอด้วยคนรักเช่นนี้ทำให้เขามีความสุขยิ่ง
“อั่ก....” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของหลงเยี่ยอิ่งทำให้เสวี่ยหมิงกลับมามีสติ นี่เขาลืมไปเลยว่าศิษย์พี่ป่วยอยู่
“ศิษย์พี่รองข้าขอโทษ”
ดีดตัวลุกขึ้นก่อนจะจัดแจงเริ่มถ่ายลมปราณเพื่อรักษาคนป่วยอย่างเร่งด่วน ตามจริงนึกเสียดายอยู่บ้างกับที่ต้องหยุดการสานสัมพันธ์แนบชิดดังที่ใจปรารถนา ทว่าความเป็นความตายของศิษย์พี่รองย่อมสำคัญกว่า
“อุก....ข้าดีใจเหลือเกินหมิงเอ๋อที่เจ้าไม่รังเกียจข้าที่เปลี่ยนแปลงไปแบบนี้”
คนป่วยยังไม่หยุดเพ้อเจ้อ เสวี่ยหมิงทำเป็นไม่สนใจส่งผ่านลมปราณเพื่อขจัดเกล็ดพิษในกายศิษย์พี่รองอย่างมุ่งมั่น
“ศิษย์พี่รอง ท่านอย่าได้ประมาทความจริงใจของข้าไป ไม่ว่าท่านจะเป็นเสี่ยวหลงหรือหลงเยี่ยอิ่ง ขอเพียงท่านรักและจริงใจต่อข้า ข้าพร้อมที่จะรักให้อภัยและเข้าใจในตัวท่าน ....ได้โปรดมีสติแล้วเริ่มเดินลมปราณไปพร้อมข้า ไม่อย่างนั้นข้าคงเสียใจไปชั่วชีวิตเพราะไม่อาจช่วยท่านได้ เสี่ยวหลงให้ความร่วมมือกับพี่ใหญ่นะ”
“อั่ก...แน่นอน...ข้าจะไม่ทำให้พี่ใหญ่ต้องผิดหวัง”
หลงเยี่ยอิ่งลองเรียกขานเสวี่ยหมิงเป็นพี่ใหญ่ ตามจริงมันคิดว่าหากเปิดเผยตัวตนไปคงจะถูกหมางเมินและรังเกียจ ดังนั้นจึงมีความปิติยินดีและเห็นแก่ตัวอยู่บ้างที่มีจังหวะเปิดเผยตัวตนยามใกล้ตาย ทว่าเสวี่ยหมิงกลับมั่นใจว่าจะรักษาอาการเขาได้แถมยังหาเกลียดชังเขาไม่ ทำให้อดขอบคุณเทพเซียนที่อุตส่าห์มอบเสวี่ยหมิงมาให้เขาไม่ได้
ใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วยามในที่สุดเสวี่ยหมิงก็ขจัดเกล็ดหิมะออกจากกายศิษย์พี่รองได้จนหมด นับว่าเป็นการรักษาที่ง่ายดายยิ่งเมื่อเทียบกับความเป็นจริงของอาการที่ควรได้รับจากการถูกหมัดเกล็ดหิมะ เท็จจริงในข้อนี้เสวี่ยหมิงรู้ดี ท่วงท่าและวิถีโคจรลมปราณของเหลยไห่เหยียนถึงคล้ายวิชาเกล็ดหิมะแต่ยังไม่ถูกเสียทีเดียว
เสวี่ยหมิงมั่นใจในคำพูดของอาจารย์เรื่องที่เคยกล่าวว่าไม่เคยสอนวิชาปรุงยาพิษและเพลงกระบี่หิมะโปรย รวมถึงหมัดเกล็ดหิมะให้ใคร อาจารย์จะโกหกเขาไปเพื่ออะไร ท่วงท่าที่คล้ายกันแต่การโคจรลมปราณยังผิดส่งผลให้วิชาไม่สมบูรณ์ หากผู้ฝึกไม่ครูพักลักจำมาก็คงตีความการฝึกมาแบบผิดๆจนทำให้ผลของวิชาไม่ร้ายแรงเท่าที่ควร
ดูเหมือนว่าเมื่อขจัดพิษจากหมัดเกล็ดหิมะออกไปหมด ศิษย์พี่รองดูจะดีขึ้นมาก ร่างสูงใหญ่ไม่มีทีท่าว่าจะเจ็บปวดอีก ทันทีที่เสวี่ยหมิงหยุดการส่งผ่านลมปราณ หลงเยี่ยอิ่งก็โถมกายเข้ามากอดรัดเขาแน่นทั้งพร่ำเรียกชื่อเขาด้วยความเสน่หา
“หมิงเอ๋อ หมิงเอ๋อของข้า....ข้ารักเจ้าเหลือเกิน”
ไม่พูดเปล่ายังฉวยโอกาสกอดจูบลูบคลำ เสวี่ยหมิงชักร้อนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ตามจริงคิดผลักไสศิษย์พี่รองออกไป แต่ด้วยเค้าหน้าที่ยังหลงเหลือความเป็นเสี่ยวหลงอยู่บ้างทำให้นึกอยากจมหายไปในพายุรักดั่งที่ใจต้องการมาตลอด
“เสี่ยวหลงพี่ใหญ่ก็รักเจ้านะ”
หลงเยี่ยอิ่งรับรู้ว่าถึงแม้ปากจะบอกว่ายอมรับมันในสภาพนี้ แต่ภายในจิตใจยังยึดติดตัวมันในสภาพเสี่ยวหลงอยู่มาก มันเองตอนนี้เต็มไปด้วยความต้องการ แต่จะให้ฉวยโอกาสกับศิษย์น้องที่จิตใจไม่มั่นคงยังเกิดความละอายจนไม่กล้าล่วงเกิน
“ไม่จูบต่อแล้วหรือ”
เสวี่ยหมิงส่งยิ้มหวานเยิ้มมาให้มือเรียวงามลูบไล้เสี้ยวหน้าของมัน ปลุกราคะในตัวมันขึ้นมาอีกครั้ง หากแต่ไม่กระโตกกระตากแสดงท่าทางกักขฬะหยาบช้าออกไป
“คนที่หมิงเอ๋ออยากให้จูบคงไม่ใช่ศิษย์พี่รอง ข้ารู้ว่าเจ้าอยากให้เสี่ยวหลงจูบมากกว่า” กล่าวเท่านั้นเสวี่ยหมิงก็หัวเราะเสียงใส
“ใยเจ้าถึงโง่นัก ผู้อื่นยอมให้ล่วงเกินถึงขนาดนี้ ยังคิดว่าข้าแบ่งแยกเสี่ยวหลงหรือหลงเยี่ยอิ่งอีกหรือ”
กล่าวจบเสวี่ยหมิงก็ใช้แขนโน้มศิษย์พี่รองลงมาประทับจูบ หลงเยี่ยอิ่งคล้ายถูกจุดไฟในตัวมันตั้งอกตั้งใจสนองตอบยิ่ง ครานี้ถึงจะเรียกร้องให้หยุดก็อย่าหวังมันจะหยุดง่ายๆ ปีศาจน้อยนี่เป็นเจ้าเองนะที่กวนราคะข้าถึงเพียงนี้
ภายในถ้ำกว้างสองร่างนัวเนียกอดจูบกันด้วยไฟราคะที่ลุกโชนขึ้นเรื่อยๆ เสวี่ยหมิงและหลงเยี่ยอิ่งผลัดปรนเปรอกันและกันอย่างสุดความสามารถที่มี ศิษย์น้องเสวี่ยยอมรับว่าศิษย์พี่รองช่างเชี่ยวชาญเรื่องนี้นักในขณะที่เขายังเป็นมือใหม่ ทั้งยังไม่รู้ว่านอกจากกอกจูบแล้วชายกับชายจะสมรักกันอย่างลึกซึ้งเฉกเช่นชายหญิงได้อย่างไร
“หลงเอ๋อ....เจ้าทำตามใจชอบเถอะ ถึงแม้ว่าข้าอยากจะเป็นฝ่ายรักและทุ่มเทให้เจ้ามากกว่า แต่ตัวข้าไม่รู้จริงๆว่าต้องทำเช่นไร”
ได้ฟังดังนั้นหลงเยี่ยอิ่งพลางลิงโลดในใจ ตามจริงมันมีความคิดบางอย่างหากว่า เสวี่ยหมิงต้องกายล้ำลึกเข้าสู่กายมัน มันจะยอมจำนน ที่แท้แล้วมันไม่เคยคิดยอมให้ใครเช่นนี้มาก่อน แต่กับเสวี่ยหมิงที่รักจะให้มันทำอย่างไรมันก็ยอมทำ ขอเพียงให้ได้สอดประสานร่างกายเป็นหนึ่งเดียวเท่านั้นก็พอ
“ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุขที่สุด”
เสวี่ยหมิงทำเพียงแค่ยิ้มตอบรับก่อนจะปล่อยให้หลงเยี่ยอิ่งถอดเสื้อผ้าของเขาออกจนหมด หลังจากนั้นเสวี่ยหมิงก็ช่วยหลงเยี่ยอิ่งถอดเสื้อผ้าออกเช่นกัน เมื่อต่างคนต่างเปลือยเปล่า นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นรูปร่างแท้จริงของเสี่ยวหลง
“อา.....สวย.....”
เสวี่ยหมิงกล่าวชมพลางลูบไล้มือไปยังกล้ามท้องของหลงเยี่ยอิ่ง สมัยที่เป็นเสี่ยวหลงรูปร่างก็งดงามด้วยกล้ามเนื้อสมวัย เมื่อมาเป็นหลงเยี่ยอิ่งก็น่าอิจฉาด้วยรูปร่างแกร่งดั่งหินผา
ศิษย์พี่รองท่านเป็นปีศาจจิ้งจอกหรืออย่างไรกันนะ ใยท่านจึงทำให้ข้าลุ่มหลงได้ไม่ว่าจะอยู่ในรูปลักษณ์ไหน ถึงตรงนี้เสวี่ยหมิงก็ถอดถอนใจ เขากลายเป็นคนรักใครง่ายๆเช่นนี้ไป หากต้องเจ็บช้ำหรือถูกหลอกก็โทษใครไม่ได้อีก
“เจ้าชอบหรือไม่” หลงเยี่ยอิ่งจับมือของเสวี่ยหมิงแล้วจุมพิตลงไป
“หากบอกว่าไม่ชอบก็นับว่าข้าโกหก ทว่าข้ากลับนึกชอบรูปร่างของเสี่ยวหลงมากกว่านิดหนึ่ง”
ได้ฟังเท่านั้นหลงเยี่ยอิ่งก็คำรามอย่างราชสีห์
“ข้าจะพยายามให้เจ้าชอบข้าในตอนนี้ด้วยเช่นกัน”
กล่าวจบก็จัดแจงเปลี่ยนท่าทางให้เสวี่ยหมิงเสียใหม่ เสวี่ยหมิงตอนนี้ถูกจับนอนคว่ำหน้าทั้งยังโก่งสะโพกขึ้น เขายอมรับว่าท่วงท่าแปลกและน่าอายยิ่ง เสวี่ยหมิงพยายามหันหน้ากลับไปมองด้านหลังเพื่อดูว่าศิษย์พี่รองต้องการจะทำอะไร
“อื้อ...หลงเอ๋อเจ้า.....อ๊ะ....”
พูดออกมาแทบไม่เป็นคำ เพราะนึกไม่ถึงว่าจะถูกใช้ปลายลิ้นไล้เลียตรงช่องทางเร้นลับที่บริเวณบั้นท้าย หลงเยี่ยอิ่งเลาะเล็มไปตามรอบจีบไม่พอยังแหวกสอดปลายลิ้นเข้าไปสัมผัสผนังด้านในส่งผลให้เสวี่ยหมิงดิ้นพล่านด้วยความสุขจนศิษย์พี่รองต้องยึดจับไว้
“อ๊า....อื้อ.....หลง.....อ๊ะ” เสวี่ยหมิงสัมผัสได้ว่าเครื่องเพศของเขาชูชัน หลงเยี่ยอิ่งเองก็เช่นกัน ทว่าฝ่ายนั้นยังเอาแต่เล้าโลมตรงจุดนั้นละเลียดอ้อยอิ่งไม่เร่งรีบแต่อย่างใด
“อ๊ะ....เดี๋ยว....อื้อ.....” ร้องห้ามเมื่ออีกฝ่ายสอดนิ้วเข้าไป ถึงแม้เป็นเพียงนิ้วเดียวแต่ก็ยังรู้สึกแปลกปลอม ยิ่งถูกขยับเข้าออกด้วยแล้วยิ่งพิลึกพิลั่นจนต้องเอ่ยปากถาม
“นี่ใช่เกี่ยวกับการเป็นหนึ่งเดียวของเราหรือไม่”
ยังไม่ทันได้รับคำตอบ ขณะที่ปลายนิ้วแทงเข้ามาเสวี่ยหมิงพลันเสียวปลาบจนตัวชา ลืมไปสิ้นว่าจะถามสิ่งใดได้แต่ร้องครางออกมาเพื่อระบายความรู้สึกที่ได้รับ
“อ๊า.....อื้อ....ทำไมมันดี....อะ....แปลกๆ....อึก”
“เดี๋ยวจะดีมากกว่านี้อีกนะหมิงเอ๋อ” หลงเยี่ยอิ่งกล่าวเสียงแหบพร่า ลงมือสอดนิ้วเข้าไปเพิ่มสอดเน้นย้ำตรงจุดกระสัน มือข้างหนึ่งเอื้อมไปปรนเปรอเครื่องเพศของเสวี่ยหมิงกระทำการรุกล้ำทั้งสองด้าน
“อึก....ดี....อ๊ะ....” เสวี่ยหมิงรู้สึกดีก็ว่าดี ตอนนี้ส่ายสะโพกรับการเสียดแทงสอดประสานโดยไม่รู้ตัว จังหวะร้อนแรงเยี่ยงนี้พาให้ใจหลงเยี่ยอิ่งสั่นไหว มันทนไม่ไหวอีกต่อไปกล่าวขอความเมตตากับเสวี่ยหมิงด้วยเสียงแหบพร่า
“ให้ข้าได้ประสานกายเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้านะหมิงเอ๋อ”
“อื้อ.....” เสวี่ยหมิงตอบรับอย่างเลื่อนลอย เวลานี้รู้สึกดีราวกับได้ขึ้นสวรรค์ จิตใจเผลอไผลปล่อยให้หลงเยี่ยอิ่งสอดแทรกเข้ามาตามความชอบ
“อึก.....” เนื่องจากเป็นผู้ฝึกยุทธถึงแม้จะรู้สึกเจ็บบ้างแต่ หาใช่ว่าจะอดทนไม่ได้ เสวี่ยหมิงพอจะเข้าใจได้บ้างเมื่อเปรียบเทียบกับการทำรักของชายหญิง ตอนนี้ศิษย์พี่รองคงสอดใส่มังกรน้อยเข้ามาในช่องทางของเขานั่นเอง
“อึก....อื้อ....หมิงเอ๋อ.เจ้าช่างคับแน่น.ยิ่งนัก.....”
“แล้วมันดีหรือไม่” เสวี่ยหมิงนึกอย่างทราบว่าเป็นเช่นไร ตอนนี้เห็นแต่ศิษย์พี่รองหลับตาพริ้มทั้งซูดปากออกมา เขาเดาว่าน่าจะมีความสุขยิ่งกระมัง
“เจ้าช่างดีเหลือเกิน.....”
กล่าวจบก็ขยับกายสอดประสานอย่างช้าๆ เมื่อเห็นว่าเสวี่ยหมิงเคลิบเคลิ้มสุขสันต์ มันจึงเร่งสอดแทรกถี่กระชั้น สองร่างก่ายกอดพัวพัน เร่งจังหวะหนักหน่วงปากพร่ำบอกคำว่ารัก
“อ๊ะ.....เสี่ยวหลง....อื้อ......”
“เรียกเยี่ยอิ่งเถิด หมิงเอ๋อ.....”
“เยี่ยอิ่ง....จากนี้ไปท่านต้องสาบานว่าจะไม่หลอกลวงข้าอีก.....อ๊ะ.....”
“อา......ข้าจะไม่หลอกลวงเจ้าอีก.....”
เสวี่ยหมิงไม่รู้ว่าคำกล่าวของศิษย์พี่รองเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ทว่าคล้ายความต้องการของตนได้บรรลุ เขาได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับคนที่รัก รักครั้งที่สองของเขาถือว่าสมหวังแต่ใช่ว่าจะราบเรียบ หากว่าศิษย์พี่รองคิดไม่ซื่อหลอกลวงเขาอีก เสวี่ยหมิงใช่ไม่สามารถตัดใจจากคนผู้นี้ได้ หากแต่ต้องใช้เวลาอยู่บ้างก็เท่านั้น
จริงๆคิดหนักกับเอนซีมั่กๆ แถมยังเอามาเป็นสาระสำคัญยิ่งกว่าการเฉลยตัวตนอีก55555
ตอนหน้าจะเริ่มให้เขาได้พูดคุยกันอย่างจริงจัง สมรักกันแล้วนิ
ตอนแรกใจจริงไม่อยากให้เขาได้กันหรอก เพราะคนเขียนคิดอยู่ว่ามันเร็วไปป่าวนะ
แต่มีคนเรียกร้อง เลยลองพยายามอย่างสุดความสามารถพอจะหาช่องว่างแทรกเข้าไปจนได้
ถ้าออกมาไม่ดีขออภัยฉากเอนซีไม่หวือหวามาก
เป็นคนเขียนเอนซีมะเก่ง สงสัยต้องหาgvมาศ฿กษาบ้างและ555
เทียนซือสนุกมากกกกกอ่านเล่มสองแล้วเหลือเล่มสาม
โอ๊ยอ่านวันละเล่มเบย เหลืออีกหลายเรื่องที่ต้องอ่าน
เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างน้า