บัวบิดแขนไปมาไล่ความเมื่อยขบ เขาเพิ่งเขียนจดหมายหาแม่เสร็จ วันนี้ได้เขียนเล่าลงไปด้วยเรื่องปลาทู เขาบอกไปว่าสองแสบชอบกินใหญ่ แถมปลาทูยังราคาถูกและตัวใหญ่กว่าที่กรุงเทพฯเยอะ...นอกจากนี้สาคูเปียกก็ยังขายดี หมดหม้อเลยเชียว ก่อนจะลงท้ายจดหมายไปว่าบัวยังคิดถึงแม่เสมอ ที่สำคัญคือบอกให้แม่รักษาสุขภาพด้วย ที่กรุงเทพฯอากาศไม่ดีเท่าที่นี่ บัวกลัวว่าแม่จะไม่สบายไปในระหว่างที่บัวไม่อยู่...เด็กหนุ่มเงยหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ข้างนอกค่อนข้างมืดมากเพราะบ้านหลังนี้อยู่ลึกเข้ามาในหุบเขา ดวงดาวบนท้องฟ้าและแสงจันทร์นวลสว่างตาจึงส่องแสงชัดเจนแม้ในยามที่บนโต๊ะของบัวจะมีแสงจากโคมไฟส่องมาสู้ เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เพราะเปิดหน้าต่างไว้กลิ่นหอมของดอกเล็บมือนางที่ขึ้นอยู่ข้างบ้านจึงหอมอบอวลเข้ามาในห้อง รอยยิ้มละไมจึงอาบไล้บนริมฝีปากสีส้มอมชมพูชวนมองนัก
“เอ๊ะ...เสื้อนี่...” พอเอนตัวพิงพนักเก้าอี้เด็กหนุ่มถึงเพิ่งเห็นว่าเสื้อที่ยืมเจ้าของบ้านเขามายังไม่ได้เอาไปคืน เด็กหนุ่มจึงรีบหยิบเสื้อตัวที่พาดเอาไว้กับพนักพิงเก้าอี้มาคลี่ออกแล้วพับทบให้เรียบร้อย พลางคิดอิจฉาเจ้าของเสื้อในใจว่าหุ่นแมนสมชายดีชะมัด ถึงใส่เสื้อไซส์ใหญ่กว่าเขาถึงสองเท่าได้
บัวค่อยย่องเดินแผ่วเบาออกมาจากห้องนอนตัวเอง ตอนผ่านห้องนอนของสองแสบคุณครูหนุ่มน้อยก็แอบเผลอแง้มประตูมองเข้าไปนิด เห็นไทกอนกำลังละเมองับหัวพี่ชาย และไลเกอร์กำลังละเมอเอามือเกาพุงน้องชายอย่างเมามันส์ บัวแอบอมยิ้มออกมาเป็นครั้งที่สองให้กับความน่าเอ็นดูของคู่พี่น้องนี่...สงสัยคนพี่คงจะฝันดีว่ากำลังเล่นกีตาร์อยู่แน่ๆ ดีดพุงน้องใหญ่เลยนะ...บัวนึกอารมณ์ดีขึ้นมาอย่างทันตา เมื่อได้เห็นความไร้เดียงสาของเด็กสองคนที่อยู่ในความดูแลของตัวเองกำลังหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข
...ถึงสถานการณ์ใกล้ตัวในตอนนี้จะทำให้บัวแอบหวั่น แต่สองแสบก็เป็นเสมือนเกราะชั้นดีที่ทำให้ใจบัวไม่ไหว เอนตามไปกับความกลัวจนแพ้งานสอนพิเศษเด็กในครั้งนี้ได้...เขายังสนุกและหลงรักสองแสบ พอๆกับที่เริ่มนึกชอบบรรยากาศบ้านใหญ่กลางป่ากลางเขาแบบนี้ขึ้นมาเสียแล้ว ความร่าเริงของลูกศิษย์ตัวน้อยบวกกับเหตุการณ์ที่บัวได้เผชิญกับผู้หญิงแปลกหน้า ผู้ที่โดนบัวตราหน้าอย่างจริงจังว่า ‘ไม่ประสงค์ดี’ นั่น ยิ่งเป็นตัวช่วยผลักดันความคิดบัวขนานใหญ่ ว่าเขายังปล่อยสองแสบเอาไว้ในตอนนี้ไม่ได้
อีกอย่าง...ที่นอกชานบ้านนั่นก็เพื่อนเจ้านายบัวที่เป็นตำรวจกันทั้งนั้น แล้วบัวยังจะต้องกลัวอะไรอีก
คุณครูหนุ่มน้อยเดินเข้าไปเอาวิก วาโปรัพ ทาจมูกเด็ก ก่อนจะดึงผ้าห่มมาคลุมให้ถึงคอของทั้งคู่แล้วหอมกระหม่อมไปคนละทีเป็นการบอกราตรีสวัสดิ์ ไลเกอร์นั้นนอนนิ่งแต่โดยดี ผิดกับคนน้องที่พอบัวห่มผ้าให้ปุ๊บก็ถีบออกปั๊บ บัวส่ายหน้าน้อยๆแล้วก็ห่มให้ใหม่ คราวนี้ไทกอนนั้นเป็นเด็กดีไม่ถีบผ้าห่ม แต่หันไปนอนกอดก่ายพี่ชายพร้อมละเมออะไรซักอย่างที่ฟังไม่ได้ศัพท์ออกมาแทน บัวยิ้มให้กับความน่ารักราวเทวดาน้อยๆตอนนอนของเด็กทั้งคู่เป็นครั้งสุดท้ายสำหรับค่ำคืนนี้ ก่อนจะค่อยๆเร้นตัวเองออกมาจากห้องนอนเด็กอย่างแผ่วเบา...
...เอาล่ะ ดูคนลูกเสร็จแล้วก็เหลือธุระกับคนพ่อ...เอ นายเหมืองบอกว่าให้เอาใส่ตะกร้าผ้าให้ด้วยใช่มั้ย แล้วตะกร้าผ้ามันอยู่ตรงส่วนไหนของห้องกันล่ะนี่...
บัวยกมือเกาหัวพร้อมหยีตา เขาเข้ามาในห้องที่อยู่ริมสุดทางเดินติดกับห้องของสองแสบเรียบร้อยแล้วทั้งๆมืดๆ ตอนแรกบัวคิดว่าตะกร้าผ้าคงหาไม่ได้ยากเย็นอะไรนัก จึงอาศัยแสงไฟจากทางเดินที่ส่องผ่านประตูที่เปิดอ้าไว้เป็นตัวช่วยนำทางเอา แต่ตอนนี้เหมือนบัวจะคิดผิดเสียแล้ว...เพราะถึงห้องจะไม่ได้รกอะไร และเป็นห้องนอนที่มีการจัดวางแผนผังเหมือนห้องนอนทั่วไปแต่บัวก็ยังหาตะกร้าผ้าของชายหนุ่มไม่เจออยู่ดี
...เพล้ง...! “เอ๊ะ!!” บัวร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ เมื่อจู่ๆท่ามกลางความเงียบนั้นกลับมีเสียงของแตกดังขึ้น เด็กหนุ่มหันมองไปทางที่มาของเสียงซึ่งเดาเอาว่าน่าจะมาจากทางหัวเตียง แล้วก็ตัดสินใจเดินเข้าไปดู
“อ้าว! รูปตกลงมาหรอกเหรอ...ตกใจหมดเลย...” บัวพึมพำแผ่วเบา ที่พื้นนั้นมีเศษแก้วตกแตกกระจายตัวอยู่นิดหน่อย และตรงกลางเศษแก้วพวกนั้นก็มีกรอบรูปอันหนึ่งวางคว่ำหน้าอยู่ บัวนั่งยองๆก่อนจะเงยมองไปที่หน้าต่าง มันเปิดแง้มอยู่นิดหน่อย บัวเลยคิดว่ามันน่าจะเป็นลมพัดเข้ามาโดนทำให้กรอบรูปถ่ายอันนี้ตกลงมาแตกแน่ๆ
“แตกหมดแล้ว...ทำไงดีเนี่ย...แต่เอ๊ะ...รูปใคร สวยจัง...” มือบางเผลอหยิบรูปถ่ายที่หลุดออกมาจากกรอบค้างไว้ตรงหน้า แสงจันทร์ที่ทอลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้บัวมองเห็นรูปใบนั้นได้ค่อนข้างชัดเจนแม้ไม่ได้เปิดไฟ...รูปใบนั้นเป็นรูปของผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งมีฉากหลังเป็นทะเล ดวงหน้าสวยหวานแบบลูกครึ่งกำลังเหม่อมองไปที่ท้องน้ำ ในขณะที่มือหนึ่งกำลังจับหมวกปีกกว้างของตัวเองบนศีรษะเบาไว้เบาๆ บัวมองภาพผู้หญิงคนนี้อย่างนึกชื่นชมในใจกับความสวยล้ำแบบลูกครึ่งฝรั่ง ที่เครื่องหน้าทุกอย่างช่างถูกจัดวางไว้ได้งดงามลงตัวเสียเหลือเกิน
บัวนึก...ว่าถ้าให้เดาก็คงเป็นได้แค่คนเดียวสินะ ก็ดีเอ็นเอมันเป็นหลักฐานอยู่บนหน้าเป็นนัยน์ตาสีอ่อนกับรูปร่างโตเกินวัยของสองแสบน่ะเป็นหลักฐานชั้นดี ว่าคงได้รับมาจากเธอคนนี้เป็นแน่แท้...
...คุณคนนี้...คงจะเป็นคุณแม่ของไลเกอร์แล้วก็ไทกอนสินะ...
...แล้วก็ต้องเป็น...
“นั่นครูกำลังทำอะไรกับรูปถ่ายของภรรยาผม!! ครูบัว...!” เสียงตวาดแข็งกร้าวแต่ติดยานคางน้อยๆดังมาจากเบื้องหลัง บัวรีบลุกยืนแล้วหันไปมองหน้าซีด...แสงไฟนีออนติดพรึ่บ ช่วยส่องห้องให้สว่างไสว และช่วยให้บัวได้เห็นสีหน้าของคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ได้ชัดเจนถนัดตาขึ้นมากเลยทีเดียวว่า เจ้าของห้องหนุ่มนั้นกำลังโกรธจัดมากขนาดไหน...
“เอ่อ...นายเหมือง...คือ...บัวไม่ได้ทำนะครับ...รูปมันตกลงมาเองแล้วบังเอิญ...”
“ผมนึกว่าครูจะแตกต่างจากคนอื่นเสียอีก...ที่แท้...ก็เป็นเหมือนๆกันหมด ทำไม...อิจฉาแหม่มเขามากเหรอที่ได้ผมเป็นผัว...เอาซี่ ถ้าอยากได้ผมเป็นผัวเหมือนแหม่มด้วยก็บอกกันดีๆก็ได้นี่ครู ไม่เห็นต้องมาทำลายรูปถ่ายภรรยาของผมแบบนี้เลย...”
“นี่คุณ!...เอ่อ นายเหมือง...บัวว่านายเหมืองเมามากแล้วนะ แล้วกรอบรูปนี่บัวก็ไม่ได้ทำตกแตกด้วย แต่ยังไงพรุ่งนี้บัวจะไปซื้อกรอบใหม่มาคืนให้ก็แล้วกัน...ส่วนคุณก็ไปล้างหน้านอนเสียเถอะครับ...คุณเมาขนาดนี้ผมว่าเราคงพูดกันไม่รู้เรื่องหรอก” ถึงคำพูดประโยคข้างต้นของชายหนุ่มจะทำให้บัวสะอึกไปไม่ใช่น้อยกับการเข้าใจผิดอันใหญ่หลวงนั่น แต่แม่สอนเขาเสมอว่า...อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา...เพราะฉะนั้นตอนนี้บัวกำลังเผชิญหน้ากับคนเมาอยู่ บัวจะไปว่าหรือถือสาหาความเขาไปก็ไร้ประโยชน์
“หึหึ...เป็นครูนี่นะ เลยชอบออกคำสั่งนักใช่มั้ย...แต่ขอโทษที ถ้าจะเป็นเมียพี่ก็ต้องคอยทำตามคำสั่งของพี่เท่านั้น พี่ไม่ชอบอยู่ใต้คำสั่งเมีย...”
“บัวว่าเราคงคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว...เอาเป็นว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าผมจะมาเคลียร์กับคุณอีกทีก็แล้วกัน อ้อ...อีกอย่างคุณเดินไปขึ้นเตียงทางฝั่งโน้นนะครับ อย่ามาทางนี้ เดี๋ยวแก้วจะบาดเอา...” บัวไม่ได้ตั้งใจจะสั่ง แต่ปากมันไปเอง ใจจริงอยากอยู่เก็บเศษแก้วที่แตกให้ก่อนอยู่หรอก แต่พอเจอคำพูดคนเมาที่ทำให้รู้สึกขุ่นใจแบบนั้นเข้าบัวก็ไม่ขออยู่กับนายเหมืองตอนนี้ดีกว่า เอาไว้รอให้ร่างสูงสร่างเมาก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที
“เดี๋ยวสิ...จะรีบไปไหนล่ะ”
ปกติเรี่ยวแรงของนายเหมืองสิงห์ก็เยอะอยู่แล้ว พอยิ่งได้แอลกอฮอล์เข้าไปเพิ่มในกระแสเลือดบวกอาการเลือดขึ้นหน้าที่เห็นกรอบรูปที่หวงแหนของภรรยาแตกยับคามือคนตัวบาง เรี่ยวแรงก็ยิ่งมากเป็นสองเท่าถึงขนาดคว้าแขนของครูบัวที่กำลังจะเดินหนีแล้วพาเหวี่ยงเข้าตัวได้อย่างง่ายดาย
“พอทำความผิดเสร็จแล้วจะชิ่งหนีเลยงั้นเหรอครู...อยู่รับบทลงโทษจากผมเสียก่อนสิ แล้วค่อยกลับไปนอน...” น้ำเสียงต่ำๆที่มาพร้อมกลิ่นน้ำเมาทำให้บัวต้องเมินหน้าหนี ต้นแขนทั้งสองข้างถูกคีมเหล็กหนีบติดเอาไว้อย่างแน่นหนา ดิ้นหนีไปก็ไม่มีประโยชน์ บัวเลยพยายามทำแค่เอียงไหล่หนีซ้ายทีขวาทีเผื่อฟลุ๊กมือใหญ่จะเลื่อนหลุดออกไปได้บ้าง แต่ทว่าก็เหมือนเดิม...มันไม่น่าจะได้ผล
“โอ๊ย...นายเหมือง บัวเจ็บนะ...ปล่อย...!”
“จุ๊ๆ อย่าเสียงดังสิ...ห้องพี่อยู่ติดกับห้องลูกนะ...”
“นายเหมืองปล่อยบัว...บัวเจ็บ...”
“ชู่ว...พี่บอกว่าอย่าเสียงดังไง ไม่งั้น...”
“ก็บัวเจ็บนี่...นายเหมืองปล่อยบัว...อ๊ะ อุ๊บ...”
เพราะบอกแล้วไม่ฟัง สิงห์หนุ่มที่อยู่ในอาการกึ่มๆจึงคูณสองโทสะเข้าไป แล้วระบายคำตอบออกมาเป็นอารมณ์เปลี่ยว ริมฝีปากหยักศกเล็กน้อยจึงพุ่งเข้าจู่โจมริมฝีปากของคนตรงหน้า หลงลืมความคิดหรือจิตสำนึกด้านดีไปจนหมดสิ้นว่าคนตรงหน้านี่เพศเดียวกับตัวเอง อีกทั้งยังเป็นคนแปลกหน้าที่ตัวเองจ้างมาเป็นครูสอนพิเศษลูกชายตัวเองอีกด้วย
ชายหนุ่มตัวสูงกว่าละมือออกจากต้นแขนทั้งสองข้างแล้วเลื่อนมาเป็นโอบเอวของคนส่วนสูงน้อยกว่าให้เข้ามาชิดตัวเอง บัวอึดอัดอีกทั้งยังหายใจไม่ออก กลิ่นน้ำเมาฉุนกึกโอบล้อมรอบตัว ในปากก็อบอวลไปด้วยรสชาติของแอลกอฮอล์ที่คลุกเคล้าปนมากับน้ำลาย บัวบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าตอนนี้รู้สึกยังไง มันปนเปกันไปหมดระหว่างความขยะแขยงของมึนเมาและความรู้สึกเสียศักดิ์ศรี ที่ต้องมาโดนผู้ชายด้วยกันทั้งกอดทั้งจูบอยู่แบบนี้
รูปถ่ายที่อยู่ในมือค่อยๆร่วงลงสู่พื้นไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ บัวสู้ขัดขืนริมฝีปากของชายหนุ่มที่รุกรานเรื่อยลงมาที่ฐานคอแล้วดูดเสียงดังจุ๊บจั๊บ ก่อนจะย้ายขึ้นไปที่ใบหูแล้วก็ทำแบบเดิม เบื้องล่างชายหนุ่มก็เร่งรุกรานด้วยการเสียดสีกึ่งกลางหว่างขาที่มันโป่งนูนขึ้นมากับหน้าท้องแบนเรียบใต้เสื้อนอนตัวนุ่มแบบแนบแน่น มันร้อนผ่านจนตัวเจ้าของเองยังแปลกใจ ปกติเวลาไปปลดเปลื้องในเมืองยังต้องใช้เวลาเล้าโลมอยู่ตั้งนานสองนานกว่ามันจะตั้ง แต่ตอนนี้นี่มันอะไรกัน ปกติเขาก็ไม่ใช่คนเมาแล้วหื่นหรืออารมณ์ใต้เข็มขัดขึ้นหรอกนะ แต่มันอธิบายไม่ถูกจริงๆว่าทำไมถึงเผลออยากซุกไซ้ร่างขาวๆตรงหน้าขนาดนี้..หรือมันอาจจะเป็นเพราะร่างน้อยนี่ทั้งนุ่มทั้งหอมหวนนวลเนียนมือไปเสียทุกส่วนก็ได้ มันหอมติดลิ้นติดจมูกขนาดที่ไม่อยากจะละใบหน้าให้ออกห่างเลยให้ตายสิ!
“นะ...นายเหมือง...บัว...บัวขอโทษก็ได้ แต่อย่าทำบัวเลยนะ...บัวขอร้อง...บัวขอโทษ...”
ชายหนุ่มรับฟังคำร้องขอแต่ปฏิเสธที่จะทำตามอย่างสิ้นเชิง เขากระซิบข้างๆใบหูบางว่ามันสายไปแล้วที่จะขอโทษเขาตอนนี้ สิงห์หนุ่มร้างลาเรื่องแบบนี้มาสี่เดือนกว่าเพราะมัวแต่ยุ่งกับงานและการหาครูสอนพิเศษให้ลูก อะไรที่มันอัดอั้นอยู่ข้างในจึงรอไม่ไหวอีกแล้วที่จะถูกกักเก็บต่อไป มันต้องถูกระบายออก...และแน่นอนว่าเขาก็ได้เลือกผู้ที่จะต้องมารองรับมันไปเรียบร้อยแล้ว
“โทษทีนะครู แต่ผมไม่ไหวแล้ว...ครูอยากทำผมโกรธเองทำไม โทษตัวเองเสียเถอะนะ...ครูตาหวาน...” สติการยับยั้งของชายหนุ่มสิ้นสุดลงแค่นั้น
ร่างของบัวถูกดันให้ถอยหลังกลับไปที่เตียง และช่างเป็นคืนที่โชคร้ายของบัวเสียจริงที่ชายหนุ่มพาบัวเดินถอยหลังไปทางที่กรอบรูปเพิ่งจะตกแตก ฝ่าเท้าของบัวจึงเหยียบเข้ากลางเศษแก้ว และแน่นอนว่าทำได้ทำร้ายฝ่าเท้าบัวจนเจ็บแปล๊บ แต่คุณครูหนุ่มก็ไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์ใดๆทั้งสิ้นเมื่อแผ่นหลังถูกทิ้งลงเตียง แล้วสิงห์หนุ่มก็กระโจนลงมางับปากครูบัวเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
เสื้อผ้าบนร่างบัวเริ่มหายไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ฝ่ามือหยาบกร้านขยับซอกซอนไปมาทั้งบนและล่าง ริมฝีปากของเขาก็เอาแต่คลุกเคล้าอยู่กับปากบัวไม่ยอมปล่อย ไรหนวดเขียวครึ้มถูไปมาบนหน้าบัวจนเริ่มเจ็บ เด็กหนุ่มรู้สึกอดสูใดนักที่พละกำลังของตัวเองต่อต้านอะไรเขาไม่ได้เลย ดวงตากลมหวานมีน้ำตามาเอ่อคลอเมื่ออารมณ์บีบคั้นในหัวใจเพิ่มมากขึ้นแต่หาทางออกไม่ได้ คุณครูหนุ่มทั้งทุบทั้งถีบถองแต่มันก็ไม่เป็นผลให้เกิดอิสระใดๆขึ้นมาได้เลย เมื่อสิงห์หนุ่มตัวใหญ่เอามือเขาไปทับไว้ด้วยเข่า แล้วก็ลงมือปลุกปล้ำตัวเขาต่อไปอย่างย่ามใจ
“นาย...เหมือง...บัวเจ็บ...ฮือ...”
“เจ็บก็ทนเอาหน่อย...นี่ก็ครั้งแรกด้วยที่ผมเอากับผู้ชาย...ช่วยไม่ได้นะครู แต่ผมออมแรงกับผู้ชายไม่เป็น” ริมฝีปากกรุ่นกลิ่นน้ำเมาตอบกลับเขามาแทบจะในทันที บัวมองหน้าคนที่คล่อมอยู่บนตัวของตัวเองด้วยดวงตาปวดร้าว ไม่คิดว่าเขาจะโดนคนคนนี้รังแกเอาแบบนี้เลยจริงๆ
“ถึงจะทำตาน่าสงสารใส่ผม ผมก็ไม่หยุดหรอกนะ...อยากได้ผมเป็นผัวมากไม่ใช่เหรอ นี่ก็จะยัดให้แล้วไง ไม่พอใจอะไรอีก...” น้ำเสียงดุดันที่ไร้อาการเมามายทำให้บัวยิ่งสะอื้นหนัก แต่คนอย่างนายเหมืองสิงห์เมื่อเครื่องติดแล้วก็ไม่เคยเลยซักครั้งที่จะต้องมาหยุดเอากลางคัน เขาทำไม่เป็น...และยิ่งกับคุณครูตาหวานคนนี้ด้วยแล้วไม่รู้ทำไม...ยิ่งไม่คิดจะทำเข้าไปใหญ่เลย
ไม่ได้เรียกว่าเตรียมใจได้ ไม่ได้เรียกว่าสมยอม แต่บัวแค่ไม่รู้จะทำยังไงดีแล้วต่างหาก ถึงได้นอนนิ่งหมดแรง ขัดขืนไม่ยอมทำตามไปบ้างแล้วแต่โอกาส...นายเหมืองสิงห์ไม่มีออมแรงกับเขาเลยดังคำเขาบอกจริงๆ ร่างกายของเขาถูกเตรียมพร้อมลวกๆด้วยน้ำลายของชายหนุ่มนั่นแหละ ลูกสิงห์ตัวเบ่อเร่อก็พร้อมที่จะมุดลงถ้ำแล้ว...บัวเอ่ยปากขอร้องเขาไม่หยุด อ้อนวอนให้เขาสงสารเห็นใจ หรือแม้แต่ด่าทอเพื่อหวังให้เขาสำนึกได้ก็ทำมาหมดแล้ว แต่สุดท้าย...มันก็ไร้ประโยชน์อีกเช่นเคย
“เจ็บ!!!...บัวเจ็บ...!!! ฮือ...เจ็บ...นะ...นายเหมือง...ฮือ...”
“ทนนิดนะคนดี...หัวมันเข้าไปได้แล้ว เดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้วนะ...” สิงห์หนุ่มไม่เคยต้องปล้ำใคร เขาเองไม่ใช่คนใจร้ายขนาดนั้น แล้วยิ่งคุณครูตาหวานมานอนตัวสั่นอยู่ใต้ร่าง ร้องครวญครางแสดงอาการเจ็บปวดให้เห็นกันขนาดนี้เขาจะทนใจร้ายต่อไปยังไงไหว...
“...ฮึก...บัวเจ็บ...เจ็บจริงๆ...นายเหมือง...ได้โปรด...ขอร้อง...เอามัน..ออกไปที ฮือ...”
สิงห์จูบปลอบที่กระหม่อมเกลี้ยงเกลาของครูบัวไปเสียหลายหน ไรหนวดทิ่มตำลงบนผิวบางจนมันเริ่มแดง แต่คนกระทำคงจะลืมนึกไปเพราะมัวแต่กังวลอยากปลอบโยนให้คนไซส์เล็กกว่าได้ผ่อนคลายลงบ้างซักนิดก็ยังดี บัวยังคงร้องบอกว่าเจ็บไม่หยุดแม้ว่านายเหมืองสิงห์จะเอาลูกสิงห์เข้าถ้ำไปได้แล้วทั้งหมดก็ตาม ชายหนุ่มเฝ้าคลอเคลียแผ่นอกและเอวคอดๆที่ชอบเป็นพิเศษอยู่พักใหญ่ เอวสอบถึงได้ฤกษ์โยกขยับผลักดันลูกสิงห์ให้เข้าไปนอนอุ่นอยู่ในถ้ำที่แสนรัดรึงเขาจนแทบขาดซ้ำๆ บัวนอนหัวสั่นหัวคลอนไปตามแรงของร่างสูงใหญ่ กล้ามเนื้อแขนมัดงามที่วางค้ำอยู่ที่หมอนเกร็งแน่นจนเส้นเลือดปูนโปน บัวหันหน้าไปซบกับลำแขนนั้นแล้วคว้ายึดจับเอาไว้แน่น ใบหน้าชื้นน้ำตาเงยมองคนที่ชำเราร่างกายตัวเองอย่างต้องการขอความช่วยเหลือ แต่พอได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่ฉายแววตาแสดงความต้องการร่างกายของเขาออกมาอย่างโจ่งแจ้งแล้ว บัวก็ได้แต่หลับตากล้ำกลืนฝืนทนรับกรรมที่ตัวเองคงไปก่อไว้แต่ชาติปางไหนด้วยหัวใจที่รู้สึกอัปยศเสียเหลือเกิน
“ครู...รัดผมอีกหน่อย...จะถึงแล้ว...”
บัวได้ยินคำพูดจากเสียงทุ้มนุ่มดังสั่งอยู่ข้างหู เขาไม่ได้ทำตามหรอกแต่จู่ๆก็รู้สึกร้อนวูบขึ้นมาในท้องน้อย รู้ได้เลยทันทีว่าร่างกายตัวเองได้แปดเปื้อนคราบคาวของใครอีกคนไปแล้วเรียบร้อย บัวสะอึกสะอื้นอยู่ในลำคอ ฝ่ามือบางเลื่อนไปกุมที่ท้องน้อยเพราะสัมผัสแปลกใหม่ข้างในทำให้บัวรู้สึกเหมือนช่วงล่างมันไม่ใช่ร่างกายของตัวเองอีกแล้ว เอวสอบแต่แน่นขนัดไปด้วยกล้ามเนื้อเป็นลอนที่หน้าท้องทิ้งน้ำหนักลงทับบัวทั้งตัว คุณครูหนุ่มทั้งหนักทั้งอึดอัด แต่นั่นก็ไม่ทำให้บัวรู้สึกทรมานมากเท่ากับถ้ำน้อยของเขาที่ยังต้องรองรับขนาดตัวตนของลูกสิงห์ที่ยังไม่ลดความใหญ่ลงเลย แถมยังดูท่าว่ามันจะไม่เอาแต่นอนนิ่งเสียด้วย ส่วนหัวของมันกระตุกหงึกๆอยู่ข้างในจนบัวร้อนวูบไปทั้งตัว ปลายเท้าหงิกงอเมื่อเจ้าของลูกสิงห์ตัวนั้นเริ่มทำการขยับขาของเขาเพื่อจะเปลี่ยนท่า...
“มะ...ไม่นะ นายเหมือง...บัว...ไม่ไหว...”
“ไม่ไหวได้ยังไง รู้มั้ยว่าครูเก่งมากเลยนะ ที่รับผมเอาไว้ได้ทั้งหมด...” คนพูดจบประโยคด้วยการมอบจุมพิตบนบนหวานริมฝีปากให้คนใต้ร่างเป็นรางวัล คุณครูหนุ่มทำให้เขาพอใจมาก ตอนที่ได้หลั่งน้ำรักเข้าไปในตัวครูบัวนี่ยิ่งสุดยอดไปเลย ความรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังได้ครอบครองใครซักคน ได้ประกาศความเป็นเจ้าของเหนือร่างน้อยๆนี่ได้แล้ว...
“...ขออีกรอบนะบัว...แล้วพี่สัญญา...ว่าจบรอบนี้แล้วพี่จะให้นอน...” นายเหมืองสิงห์หอมลงไปที่แก้มนุ่มๆของครูบัวฟอดใหญ่ แต่คนส่วนสูงน้อยกว่ามากกลับเอาแต่ส่ายหน้าแล้วบอกว่าไม่เอาคำเดียว
“บัวเจ็บแล้ว...บัวเหนื่อยด้วย...บัวไม่เอาแล้ว..นะ...นายเหมือง...” น้ำเสียงเบาหวิวเอ่ยบอกเขา แต่มันช้าไปเสียแล้ว
คนร่างกายบึกบึนแข็งแรงแทบหายเมาเป็นปลิดทิ้งในตอนนี้ ร่างครูบัวทั้งหอมทั้งหวาน จูบตรงไหนแตะตรงไหนก็นิ่มไปทั้งตัว เสียแต่ผอมไปหน่อย ถึงมันจะนิ่มแต่ก็จับไม่ได้เต็มไม้เต็มมือเหมือนเวลานอนกับผู้หญิงหรอก ทว่า...สิงห์ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรมาดลใจให้เขาเริ่มหลงใหลในร่างกายผอมๆนี่ไปเสียแล้ว...
คืนนั้นจบลงหลังจากที่เจ้าของเหมืองหนุ่มเสร็จสมอารมณ์หมายเป็นรอบที่สอง ในขณะที่คนรองรับไปไม่ถึงฝั่งฝันเลยแม้แต่หนเดียว...มันมีแต่ความเศร้าและเสียใจ ที่ต้องมาโดนผู้ชายด้วยกันหักหาญน้ำใจโดยมองข้ามคำขอร้องอ้อนวอนของเขาไปอย่างสิ้นเชิง...
...พรุ่งนี้ทุกอย่างมันจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว...
บัวคิดอย่างเศร้าใจ ก่อนจะหลับไปอย่างอ่อนเพลียถึงขีดสุดในอ้อมแขนของสิงโตหนุ่มเจ้าของเหมือง ที่นอนตะปบดอกบัวดอกงามเอาไว้ในอุ้งมือแนบแน่น...
----------------------------------------------------------------------------------------
to be continue...
สวัสดีจ่ะ ไม่ได้หายไปไหนนะ เราเอาหัวไปมุดกับงานพรีเซ้นท์มาาาา หึหึ...เจ้าฝรั่งหัวทอง เจ้าไม่รู้เสียแล้วว่าเด็กไทย เรื่องทำสไลด์ไม่แพ้ชาติใดในโลก
เรื่องอะไรจะยอมให้ฝรั่งมาดูถูกเด็กไทยชิมิเคอะ (วิบัติเพื่ออารมณ์) หึหึหึซ...แพทอาจมาช้าแต่ใช่ว่าจะไม่มานะ...>_< ยังคิดถึงทุกคนเสมอนะ...
ปล.ยังคงฝากให้รักษาสุขภาพกันเช่นเดิมนะที่รัก
ตอนนี้ที่นี่อากาศเริ่มร้อนบ้างแล้ว ร่างกายแพทเลยพอได้ม้วนตัวออกจากการหุ้มขนสัตว์เป็นหมีควายในช่วงฤดูหนาวโหดมาเจอแสงแดดอันอบอุ่นบ้างแล้วค่ะ
ปรบมือ!!!! แล้วเจอกันตอนหน้าค่าาาา