และแล้ว.. ‘วันปลดหนี้’ ก็มาถึง
คุณชายเล็กมาในชุดเต็มยศ เต็มยศเสียยิ่งกว่าวันที่เดินทางมาเหยียบที่โรงเรียนชนบทนี่เสียอีก ร่างโปร่งบางอยู่ในสูทสีครีมนวล เนื้อผ้าเรียบกริบ รีดกลีบโง้ง งามสง่าผึ่งผายเสียยิ่งกว่าพระเอกหนัง รองเท้าหนังมันปลาบแทบส่องหน้าได้ เหน็บปากกาด้ามทองที่อกเสื้อเสียด้วย กลิ่นน้ำหอมราคาแพงฟุ้งกำจาย ใส่น้ำมันผมจนเรียบแปล้ชนิดแมงวันเกาะยังลื่น
นี่.. แค่ไปบ้านกำนัน ทำท่าเสียอย่างกับจะเดินทางกลับอังกฤษ
เพราะไม่ได้นัดล่วงหน้า คุณนายพูนทรัพย์จึงตกใจอย่างกับเห็นผีเมื่อเห็นพวกเขาสองคนไปเยือนถึงตีนบันได กับจ้อยน่ะไม่เท่าไร แต่กับคุณชายเล็กนี่สิ
“ทะ..ท่านชาย!” เมียกำนันเลื่อนบรรดาศักดิ์ให้เลอมานเสียฉิบ ตาลีตาเหลือกร้องเรียกน้าแป้นให้รีบตระเตรียมต้อนรับ
แขกสูงศักดิ์เดินนำหน้าเจ้าของบ้านขึ้นบันไดโดยไม่รอให้เชื้อเชิญ สองมือไพล่หลัง เชิดหน้าจองหองเหลือหลาย หญิงกลางคนกุลีกุจอตามไป เงอะงะทำตัวไม่ถูก แกคงไม่คิดว่าจู่ๆ จะมี ‘เจ้า’ มาเยือนถึงบ้าน
จ้อยไม่คิดจะมาเหยียบที่นี่อีกแท้ๆ แต่คุณชายเล็กบังคับให้มาจ้อยจะขัดใจเธออย่างไรได้
คุณนายโรงสีลนลานปัดๆ ตั่งไม้สักด้วยมือเปล่าก่อนผายมือเชื้อเชิญ ‘เจ้า’ ประทับนั่ง ดูท่าการมาเยือนของหม่อมเจ้าอาทิตย์ธวัชกับหม่อมดาราจะส่งผลกระทบต่อความเกรงฟ้าสูงแผ่นดินต่ำของนางพูนทรัพย์มากโข จ้อยอดสำรวจหญิงคราวแม่ที่เคยรังแกจ้อยไว้สารพัดไม่ได้ ร่างที่เคยอ้วนท้วม วันนี้ดูซูบลงไป ปกติคุณนายแต่งหน้าจัด ปากแดงคิ้วโก่งแม้ตอนอยู่บ้าน หากวันนี้กลับดูซีดเซียวไปถนัดตา
เมียกำนันเงอะงะไม่รู้จะวางตัวเองลงตรงไหนจึงจะถูกจะควร หันไปหันมาแกก็นั่งแปะลงกะพื้นแทบเท้าเลอมาน
โอ๊ย! จ้อยอยากจะตบหน้าผากตัวเองสักป้าบ! ไอ้ ‘เจ้า’ ก็นั่งเฉย ไม่ทัดทานให้แกขึ้นมานั่งระดับเดียวกันสักคำ จ้อยถอนใจเฮือก พลางย่อตัวลงนั่งกับพื้นอีกด้าน
น้าแป้นประคองขันลอยน้ำดอกมะลิมา แกเห็นเจ้านายนั่งพื้น ส่วนหนุ่มสำรวยที่นั่งบนตั่งนั่น รัศมีเจ้าอ่าองค์ทรงเดชไปหมด โอ้โห..แกเลยเล่นคลานเข่าเสียตั้งแต่หัวกระไดเข้ามา คุณนายหันไปเห็นเข้าก็ตวาดแว้ด ไล่ให้น้าแป้นไปชงกาแฟใส่แก้ว พร้อมนำน้ำเปล่าทั้งร้อนเย็นมาถวาย
โธ่! ไม่ต้องใช้ราชาศัพท์กับหมอนี่ก็ได้ป้าทรัพย์
ชักไม่แน่ใจแล้วว่า คนที่นั่งวางเขื่องอยู่บนตั่งไม้สักทองนั่นมันหม่อมราชวงศ์เลอมานหรือท้าวสามล พ่อเจ้าประคุณเต๊ะท่าจนน่าถีบให้ตกตั่ง!
แล้วขาน่ะจะถ่างไปไหน หุบลงหน่อยเถอะ!
“ท่านชายเสด็จมามีเรื่องอะไรเรอะเพคะ” คุณนายถามนอบน้อมแทบหมอบกราบ จ้อยได้แต่นั่งอึดอัด เลอมานนะเลอมาน ถ้ารู้ว่ามาแล้วจะเป็นแบบนี้ ไม่พามาก็ดีหรอก!
“ได้ข่าวว่าจ้อยติดหนี้คุณนายพูนทรัพย์มากอยู่” คุณชายตรัส.. เอ๊ย พูดด้วยสำเนียงแบบพระราชาตามวิกยี่เก “จ้อยเป็นเพื่อนของเรา ไม่สิ.. ที่ถูกควรเรียก..” ดวงตาสีน้ำตาลใสหันมองจ้อย
“..พระสหาย”
จ้อยแทบสำลักน้ำฝนลอยดอกมะลิ!
คุณชายยิ้มละไม ดึงแขนจ้อยให้ขึ้นมานั่งระดับเดียวกัน จ้อยขืนไว้สุดชีวิต เป็นตายอย่างไรจ้อยก็ไม่นั่งค้ำหัวผู้ใหญ่
ที่สำคัญ! นั่นน่ะ.. ‘แม่ผัว’ จ้อยนะ!
“เล็ก!” จ้อยปรามไม่ออกเสียง พอมีมะโหขึ้นมายศศักดิ์ก็กระเด็นกระดอน แต่ท้าวเธอสนที่ไหน จ้อยต้องแอบหยิกแขนไปทีเล่นเอาครางซี้ดนั่นแหละ
คนถูกสถาปนาเป็นพระสหายหมาดๆ ทำตาพองใส่ เล่นพิเรนทร์อะไรแบบนี้!
“อะแฮ่ม” เลอมานกระแอมกลบเกลื่อน “หนี้ของพระสหายก็เท่ากับหนี้ของเราด้วย”
คุณนายทำตาปริบ ครั้นพอเลอมานยื่นซองกระดาษสีน้ำตาลให้ มือสั่นเทายื่นไปรับมาเหมือนคนไม่รู้ตัว แกเปิดดูเห็นแบงค์สีแดงเป็นฟ่อนก็เริ่มเบะปาก
“ไม่เอาแล้ว อิฉันไม่เอาอะไรทั้งนั้น..” จู่ๆ น้ำตาคนเป็นแม่ก็พรั่งพรูอย่างน่าสงสาร “อิฉันไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น ขอแค่ให้ลูกชายอิฉันกลับบ้าน..”
เล่นเอาผู้มาเยือนทั้งสองมองหน้ากันเงียบงัน
วันเอาคืน(แทนเพื่อน)ของเลอมานล้มเหลวไม่เป็นท่า เจอน้ำตาคนแก่เรี่ยรายแบบนี้ ใครจะใจไม้ไส้ระกำรังแกกันลง ยิ่งเห็นแกร่ำไห้ถึงลูกชายอย่างน่าเวทนา คนไกลบ้านก็ชักคิดถึงแม่ขึ้นมาตงิดๆ
สุดท้ายคุณนายพูนทรัพย์ก็ไม่เอาอะไรสักอย่าง เงินต้นก็ไม่เอา ดอกเบี้ยก็ไม่เอา เอาแต่ฟูมฟายน้ำตานองหน้า รำพันพิลาปว่าเมื่อไรลูกสิงห์ของแม่จะกลับบ้าน
เลอมานได้แต่เก็บเงินคืนกระเป๋ากางเกงเงียบๆ
แต่มีอยู่เรื่องต้องย้ำหัวตะปูกันหน่อย “แล้วคุณนายก็อย่าสั่งให้ไอ้..” เขายั้งปากไว้แทบไม่ทัน “..อย่าสั่งให้นายลอยไปรีดทานาเร้นกับยายช้อยที่บ้านอีก”
“รีดนาทาเร้นครับ” จ้อยแก้ให้หน่ายๆ
นางพูนทรัพย์พยักหน้ารับคำทั้งน้ำตา
“แล้วนี่.. มากันอย่างไรรึเพคะ” เจ้าบ้านถามเมื่อพาสังขารกระย่องกระแย่งมาส่งถึงตีนบันได แกเหลียวซ้ายแลขวา ไม่ยักกะเห็นเรือหรือรถสักคัน
“รถพระที่นั่ง” เลอมานตอบฉะฉาน เล่นเอาจ้อยแทบสะดุดขั้นบันไดหัวทิ่ม “จอดอยู่ตรงโน้นแน่ะ ไม่ต้องส่งหรอก” มือขาวชี้ไปทางตะวันออกลิบๆ คุณนายมองตามทำหน้างง
สองสหายลัดเลาะมาตามป่าไผ่ นั่นไง! ‘รถพระที่นั่ง’ นอนเค้เก้อยู่ใต้กอไผ่สีสุก จอดดีๆ ไม่ได้เพราะขาตั้งหักน่ะซี!
ข้าวระเนนเอนพลิ้วลิ่วลมลู่
เฉกคลื่นตรูสมุทรทองรังรองแสง
เดือนอ้ายแรม ทุ่งนาก็กลายเป็นสีทอง ข้าวเหลืองอร่ามไปตลอดทุ่ง ลมหนาวโชยมาอ่อนๆ เสียงกังหันครางแผ่วๆ อยู่บนยอดไม้ เป็นเครื่องเตือนให้รู้ว่าถึงฤดูเกี่ยวข้าวแล้ว ครอบครัวชาวนากำลังจะมีข้าวใหม่กลิ่นหอมอ่อนนุ่มกินกัน
จักรยานคันเก่าโขยกออดแอดไปตามทางเกวียน พระสหายจ้อยเป็นคนขี่ มีคุณชายเลอมานซ้อนท้าย
“คุณชายไม่น่ารักเลย” จ้อยเสียงดังแข่งกับสายลมกรูเกรียว “รู้ตัวไหมว่าที่ทำลงไปวันนี้มันไม่ดี ถึงอย่างไรแกก็เป็นผู้ใหญ่” ถึงอย่างไร.. แกก็เป็นแม่.. ของคนที่จ้อยรัก..
มิหนำซ้ำ ใบหน้าอิดโรย ท่าทีอ่อนล้าดั่งคนเจ็บไข้ของเมียกำนันติดอยู่ในหัวจ้อย สลัดอย่างไรก็ไม่หลุด
เลอมานทำไขหู กางแขนระต้นหญ้าข้างทางเรื่อยเปื่อย เล่นเอาจ้อยกลอกตาระอา
“พระสหายจ้อยงั้นเรอะ” จ้อยฉิวขึ้นจมูก “เฮอะ เดี๋ยวเหาก็ได้ขึ้นหัวจ้อยกันพอดี”
“เหา!” คนซ้อนร้องเสียงหลง “จ้อยเป็นเหาเรอะ! ไปไกลๆ เลยนะ!” ไม่พูดเปล่า สองมือผลักจ้อยจนหัวซุน ก่อนโดดออกจากอานรถด้วยความรังเกียจเสียเต็มประดา
ผลจากการดีดตัวไม่มีปี่มีขลุ่ย รถถีบเสียหลักทันที จ้อยแหกปากลั่น ประคองจักรยานตุปัดตุเป๋จนขากาง ใช้สองเท้าแทนเบรคหยุดรถได้ทันจนฝุ่นตลบก่อนที่มันจะไถลตกถนน
คนที่เกือบลงไปนอนแช่ปลักควาย หลับตาข่มกลั้นความรู้สึกที่กำลังจะระเบิด “มันเป็นสำนวน!” จ้อยหันมาตะโกนใส่คุณชายที่นอนแอ้งแม้งคลุกฝุ่นหมดสภาพ “อิเดี้ยมน่ะอิเดี้ยม ยูโน๊ว์!?”
เลอมานกะพริบตาปริบ ก่อนระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นมาก่อน และแล้วจ้อยที่โมโหจนหอบหนักอยู่สองสามทีก็หัวเราะตามขึ้นมา พลางลงจากจักรยานมาช่วยดึงเพื่อนให้ลุกขึ้น
กระดึงคอวัวส่งเสียงกรุ๋งกริ๋ง เกวียนเล่มหนึ่งโขยกเขยกมาตามทาง บรรทุกคนงานลงแขกเกี่ยวข้าวมาเต็ม
“อ้าวคุณชาย” ชายขับเกวียนร้องทัก “ครูคนึงเขาต่อเรือให้ สวยอย่าบอกใคร ทำไมไม่ไปนั่งเรือ มาลำบากลำบนปั่นรถถีบเก่าๆ กันอยู่ทำม้าย”
เลอมานกับจ้อยมองหน้ากันด้วยความสงสัย ไม่ทันสังเกตสายตาคนบนเกวียนที่ค่อยๆ เคลื่อนผ่านไป
จับจ้องมาราวจะยิ้มเยาะ..
**********************************
เรือหางยาวที่คนึงสั่งให้คนต่อขึ้นนั้นเป็นเรือหัวแหลมท้ายตัดขนาดเล็ก จุคนได้ ๒-๓ คน ในส่วนเครื่องต่อเพลาติดใบจักร มีแปลกเพิ่มเติมไปจากลำอื่นคือมีหางเสือใบเล็กที่ทำด้วยไม้ติดไว้ช่วงท้าย ใต้ท้องเรือในน้ำเจาะกระดานฝังกระบอกแป๊บเหล็ก โยงด้วยลวดสลิงจากหางเสือถึงพวงมาลัยที่ติดตั้งอยู่หน้าม้านั่งคนขับเรือ แค่ติดเครื่องแล้วนั่งมองตรงไปข้างหน้า ไม่ต้องตะแคงข้าง ไม่ต้องคอยระวังมือจับของเครื่อง เพียงหมุนพวงมาลัยก็บังคับซ้ายขวาได้สะดวก
คนึงลองขับเรือที่ท่าหลังโรงเรียน ของใหม่ดึงดูดความสนใจทั้งเหล่าอาจารย์และนักเรียน กลิ่นสี กลิ่นเชลแล็กยังเตะจมูก
อาจารย์หนุ่มบอกว่าเรือลำนี้เป็นสมบัติของโรงเรียน แต่เอาเข้าจริงเมื่อมีกิจต้องเดินทางไปไหน พาหนะก็ไม่พ้นรถแลนโรเวอร์คันเก่าอยู่ดี
ส่วนเรือใหม่นั้นหรือ..
เสียงเครื่องยนต์วิสคอนซินแหวกสายน้ำมุ่งไปบ้านยายช้อยแต่รุ่งสาง เด็กหนุ่มสูงศักดิ์มองเรือใหม่ตาเป็นประกายเหมือนเด็กเห็นของเล่นใหม่ คนึงยังไม่ได้เอ่ยคำใดสักคำ หากเพียงสบสายตาที่มองมาลึกล้ำ เลอมานรู้ได้ทันใด
อาจารย์ต่อเรือลำนี้เพื่อเขา!
รอยอุ่นที่ริมฝีปากในวันนั้นดังจะร้อนวาบขึ้นมา
ด้วยความเป็นคนซุกซน อยู่นิ่งไม่เป็น อยากรู้อยากลองไปทุกสิ่ง ดังนั้นเมื่ออาจารย์บอกว่าจะสอนขับ ศิษย์ก็แทบโดดลงเรือทันทีไม่รีรอ
ก่อนอื่นดึงเครื่องให้ติดแล้วเบาเครื่องก่อน ปลดห่วงคล้องมือจับ วางเพลาติดใบจักรลงน้ำ เลอมานทำตามอย่างว่าง่าย เขาเคยลองขับรถยนต์ของท่านพ่อมาแล้ว แค่เรือติดเครื่องจึงไม่น่าเกินความสามารถ
หนแรกนั้นเรือวิ่งช้าๆในคลอง เลอมานบิดมือไปข้างหลังเร่งคันเร่งนิดเดียว หัวเรือยกเชิดขึ้นพ้นน้ำเกือบครึ่งลำเรือ วิ่งฉิวขึ้นมาทันที เด็กหนุ่มใจพองอยู่ในอก นึกขอบคุณคนที่ต่อเรือลำนี้ให้
พอคล่องดีแล้ว อาจารย์พาลัดเลาะจากคลองออกแม่น้ำ มุ่งหน้าไปตลาด การแล่นเรือไปตามลำคลองยามเช้าจะตกอยู่ในสายตาผู้คนสองฝั่งคลองมากเป็นพิเศษ เพราะยังไม่ทันออกไปไร่ไปนา มีกิจกรรมต้องหันหน้าลงคลอง เช่น ตักบาตรพระที่พายเรือมาเป็นสายสีเหลือง ล้างถ้วยชาม ล้างผัก ล้างปลาที่สะพานท่าน้ำ ตลอดจนล้างหน้าอาบน้ำ หรือรอซื้อกาแฟเจ้าประจำที่มากับเรือสำปั้นลำใหญ่
ดังนั้น.. เสียงหัวเราะ รอยยิ้มเบิกบานแจ่มจ้าจากเรือยนต์คันน้อยของครูศิษย์จึงมีประจักษ์พยานความสุขเป็นชาวบ้านแทบทั้งบาง
เลอมานสุขใจเสียจนไม่สนสายตาสองฝั่งคลอง ส่วนคนึง.. เพียงอยากทำทุกอย่างให้ดูเป็น ‘ปกติ’ คนไม่มีความลับ ทำสิ่งใดย่อมเปิดเผยมิใช่หรือ พวกลักกินขโมยกินต่างหากที่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ
แต่ใครเลยจะคาดคิด..
ถึงตลาดยอด การจราจรเริ่มคับคั่ง มีเรือหางยาวลำใหญ่กว่า เสียงดังกว่าแล่นตามหลังมาแล้วแซงไปอย่างรวดเร็ว คลื่นน้ำหนุนจนเรือโคลงเคลง เลอมานรีบหมุนพวงมาลัยกลับขวาเมื่อเห็นหัวเรือพุ่งไปทางซ้าย!
ซึ่งทางซ้าย.. มีเรือสำปั้นพายเฉียงแม่น้ำมุ่งตรงมาจะจอดเทียบท่า เด็กหนุ่มควบคุมพวงมาลัยไม่ทัน!
“เล็ก! ดับเครื่องเร็ว!” คนึงร้องบอก รีบคว้าพายงัดเรือไว้ไม่ให้ชนกัน ศิษย์รีบร้อนดับเครื่องจนหางเรือปัด ท้ายชนโครมเข้ากลางเรือสำปั้น อาจารย์ตกใจโดดเข้ามาดึงศิษย์รักไปไว้แนบอก!
เรือสิ้นฤทธิ์หยุดสนิทเมื่อได้เกยกราบเรือสำปั้นกลางลำ น้ำไหลอู้เข้าไปในเรือที่เอียงกะเท่เร่
เหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็ว เสียงโครมครามดึงความสนใจชาวบ้านและพ่อค้าแม่ขายสองฝั่งคลอง หลายคนวี้ดว้ายเซ็งแซ่
“อั๊วซี้เลี้ยวว้า!” อาแปะนายท้ายเรือสำปั้นร้องลั่น สองคนที่กอดกันตกตะลึงดั่งได้สติ ช่วยกันผลักเรือสองลำให้ลอยหลุดจากกัน
ลงท้ายทั้งครูศิษย์ต่างช่วยกันวิดน้ำในเรือสำปั้นให้เรียบร้อย พร่ำขอโทษไม่ขาดปาก ชาวบ้านเห็นกันทั่ว แม้แค่ชั่วเสี้ยววินาที ที่อาจารย์กับศิษย์รักกอดกันกลมกลางลำคลอง
อะไรหลายอย่างช่างประกอบกันเหมาะเหม็งยิ่งกว่าสลักเดือย
‘ที่ไอ้ลอยว่าไว้ไม่มีผิดเลย’
‘วันนั้นอีทองใบเห็นกะตาว่าเขาจูบกัน’
‘ไอ้สุ่มบอกว่าเขากอดกันกลางคลอง’
ฯลฯชาวบ้านโพนทะนาเป็นเสียงเดียวกันว่า.. อาจารย์คนึงต่อเรือไว้ลอยลำจู๋จี๋กับศิษย์รัก ซ้ำเงินที่ใช้ก็คงไม่แคล้วเงินจากหม่อมราชวงศ์เลอมาน!
ระยำสิ้นดี อัปรีย์จัญไร!
โปรดติดตามตอนต่อไป_____________________________________________________________________
*ตัดไม่ขาด, นคร ถนอมทรัพย์ คำร้อง, สุเทพ วงศ์กำแหง ขับร้องมาแล้วๆๆๆๆ เค้า! กลับ! มา! แล้ว! เย้ๆๆๆๆ
หายไปเกือบสามเดือน ยังมีคนรออ่าน เค้าดีใจมากๆเลยค่ะ ขอบคุณมากเลยนะที่ยังรอกัน และขอโทษด้วยที่หายไปนาน แมวเหมียวเค้าไม่สบายน่ะค่ะ เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งเต้านมระยะลุกลาม ช่วงที่ผ่านมามัวแต่วุ่นวายกับการดูแลแมวป่วยค่ะ แต่ในที่สุดน้องแมวก็จากไปแล้วค่ะ ไปอย่างสงบเมื่อวานนี้เอง
รักคนอ่านนะ
ดอกไม้
๑๖ ส.ค. ๕๘