[แจ้งข่าวหน้า1]红孔雀 นกยูงแดง (มาเฟีย?vsตำรวจ SMนะ!-จบ) แปะรูปp40 :9/9/2554
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ระหว่างพญานกยูงแดง หงคงฉ่วย กับนายตำรวจเถรตรง ลู่อี้เผิง ท่านๆ ชอบใครมากกว่ากันคะ^^

ต้องหงคงฉ่วยอยู่แล้ว ราชินีฉัน เริ่ด และแสบสนิทขนาดนี้!!
ต้องเผิงเผิงน้อยอยู่แล้ว เมะอะไร มันจะน่ารักน่าแกล้งขนาดนี้!!

ผู้เขียน หัวข้อ: [แจ้งข่าวหน้า1]红孔雀 นกยูงแดง (มาเฟีย?vsตำรวจ SMนะ!-จบ) แปะรูปp40 :9/9/2554  (อ่าน 615781 ครั้ง)

flawless

  • บุคคลทั่วไป
ชอบอ่ะ โหดนิดๆ ตามสไตล์คงฉ่วยอ่ะนะ
ตอนนี้เผิงเผิงเราแอบยอมรับแล้วสิว่ามีใจ
ให้เจ้านกยูงบ้า อิๆ ชอบอ่ะ
ปล. ได้กลิ่นดราม่า แอ็คชั่นมาแต่ไกล
แต่นกยูงของเรามิใช่ธรรมดา เธอต้องช่วย
เผิงเผิงได้อยู่แล้ว เราเชื่อแบบนั้น 555+

ออฟไลน์ jasmin

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1801
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +174/-1
อ่านตอนนี้แล้วใจเต้นตึกตักเลยอ่ะ
เผิงเผิงน้อยน่่ารักที่สุดเลยอ่ะ
ถึงจะมาม่าแต่ก็รอตอนต่อไปนะจ๊ะ

ออฟไลน์ pochu52

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1328
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-0
สงสารเผิงเผิงเหมือนคนคิดไม่ตก หวังว่าคงฉ่วยจะไม่ใจร้ายกับเผิงเผิงน่ะ

zhiki

  • บุคคลทั่วไป
เจ๊คนเขียนออนอยู่ ต่ออีกซักตอนได้มิ  :-[

กำลังเสพติดคงฉ่วยเผิงเผิง :กอด1:

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
ต่อพรุ่งนี้นะคะ

ลงได้วันละตอนนี่ก็สุดยอดอิทธิปาฏิหาริย์แล้วค่ะ

(งานอื่นที่กองสุมอยู่ก็เริ่มแสดงอิทธิฤทธิ์แล้วเหมือนกันล่ะค่ะ :sad4:)

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
 :serius2:

ไม่เอามาม่าอ่า

อ่านไปสองตอนนี้แล้ว กลัวจบไม่แฮปปี้จัง

ทัั้งสองคนใจตรงกันแล้ว  แต่เหมือนจะรักกันไม่ได้

ทำไมล่ะ  รักกันๆสิ

 :m31: ไม่เอามาม่านะคนเขียน  เพราะปัจจุบันบรรยากาศมันก็อึดอัดล่ะ

ไม่โรแมนติด คอมเมดี้แบบเก่าแล้ว

รอ 18.2 มาเร้วๆนะ

ออฟไลน์ mamacub

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1034
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-0
ตกลงเราต้องต้มน้ำรอจริงใช่มั้ยนิ :เฮ้อ:

zhiki

  • บุคคลทั่วไป
ตกลง... คำว่า มาม่า

คืออะไร ทำไม ไม่มีใคร บอก ผมเลย  :a6: :a6: :a6: :a6:

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
ตกลง... คำว่า มาม่า

คืออะไร ทำไม ไม่มีใคร บอก ผมเลย  :a6: :a6: :a6: :a6:

กำค่ะ... ไม่รู้จริงๆ ดิคะ?

แปลว่า ดราม่าค่ะ...

ปล. เรื่องนี้เราคงให้ท่านต้มมาม่ากินกันพออืดท้องเลยล่ะค่ะ เอิ๊กๆ

ออฟไลน์ numay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Pepor

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-3
ตกลงตอนนี้เกิดขึ้นก่อนถ่ายแบบใช่ไหมคะ
อิอิ อ่านไปก็แอบอยากให้คงฉ่วยมาอาละวาดงานดูตัว แต่ดีไปที่หนูชิงชิงเธอไม่ชอบตำรวจ
แต่ถ้าคงฉ่วยรู้ทีหลังว่าเผิงเผิงแอบมาดูตัว จะโดนลงโทษไหมนะ

ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2

Ai_Rong_Kun

  • บุคคลทั่วไป
ถ้าคนแต่งอยากจะมาม่า คนอ่านก็ต้องจำยอม **บีบน้ำตา** กระซิก กระซิก

แต่อย่าเยอะได้มั๊ยคะ ในชีวิตจริงคนอ่านก็ทานแต่มาม่า ไหนยังจะมาเจอกับคงฉ่วยสุดที่รักอีก

เดี๋ยวก็ขาดสารอาหารตายกันพอดี

อ้อน อ้อน อ้อน อ้อน อ้อน  :call:

zhiki

  • บุคคลทั่วไป
จะม่าก็ม่าไป

แต่ให้จบสวยๆก็พอ

ไม่งั้นจะแช่งให้ยอดขายเรื่องนี้ฮวบ ฮวบ ฮวบ  :a14: :a14: :a14:

กะจะเก็บตั้งซื้อซะหน่อยนะครับเจ๊



ปล. งั้นนิยายผมก็..... มาม่าเป็งลังเลยดิ  :a5:

ออฟไลน์ kisssky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เผิงเผิง กันนกยูงเฒ่า  :laugh:

ใกล้จะได้กินมาม่าแล้วหรอเนี่ย ยังไม่หิวเลยนะ

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
พอพูดถึงเรื่องความรักของเผิงเผิงกับคงฉ่วย
บรรยากาศก็เริ่มจะอึมครึมแล้วง่า มืดฟ้ามืดฝนมาเลย แง๊ๆๆๆๆ

kisz

  • บุคคลทั่วไป
แล้วคงฉ่วยจะรุ้มั้ยอ่า ว่าเผิงเผิงไปดูตัวมา ><

ออฟไลน์ Heisei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
ขยันจังค่ะ
(คิดว่ายังไงวันนี้ก็ไม่ได้อ่านแน่ๆแล้วซะอีก...ดีจายจางงงงงงงง)

"ไม่เอามาม่า"
T T

ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8
เผิงเผิงน่ารักมากเลยอ่ะ
ชอบมากเลย เวลาโทรมาหา
ชอบเวลาที่เรียกว่าคงฉ่วย แล้วก็ชอบเวลาคงฉ่วยแทนตัวเองด้วยชื่อ
มันน่ารักอ้ะ ^^

ตอนอยู่หน้าบ้านนี่เขินมากนะ
อั้ยย่ะ !!!!

ออฟไลน์ pure_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ยังไม่อยากซดมาม่า  ขอเป็นไวไว ก่อนได้ป่ะ  แบบว่าเอาตอนต่อไปมาไวไว อะไรเงี้ยะ ^^

มาม่า ยืดออกไปอีกสัก 10 ตอนแล้วกัน ตอนนี้ขอกินอะไรที่หวานๆไปก่อน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






Kitadang

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งเข้ามาอ่านครั้งแรกค่ะ  ชอบไม่ชอบ....บอกได้แค่ว่าเราเริ่มอ่านตอนสี่ทุ่มกะอ่านสักบทก่อนนอน  แต่นิยายของท่านทำให้เราได้นอนตีห้า!!!!!!  แค่นี้แหละ  (+ให้คนอ่าน  นิยายเรื่องนี้เจ๋งโคตร)

zhiki

  • บุคคลทั่วไป
เจ๊คนเขียนครับ........



"เรื่องของเว่ยจิงหยินทำผมฝันร้าย"

เมื่อคืนนอนแทบไม่ได้ไม่มีแรงไปสอบ

เล่นเอาไม่กล้าอ่านคงฉ่วยเลย

[เป็นเอามากกกกกก]

ตั้งความหวังกะคงฉ่วยไว้เยอะอ่า

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
เจ๊คนเขียนครับ........



"เรื่องของเว่ยจิงหยินทำผมฝันร้าย"

เมื่อคืนนอนแทบไม่ได้ไม่มีแรงไปสอบ

เล่นเอาไม่กล้าอ่านคงฉ่วยเลย

[เป็นเอามากกกกกก]

ตั้งความหวังกะคงฉ่วยไว้เยอะอ่า

โห....... Master.มันทำให้ชวนผิดหวังขนาดนั้นเลยหรือคะนั่น? (คิดว่าอ่านนกยูงแดงแล้วจะเดาได้ซะอีกว่าจินหยินต้องไปกับเฮียเถียนอยู่แล้ว) แต่ถ้าคิดว่ามันจบห้วนๆ ไป....... ก็... ฮ่าๆๆ เรื่องของคู่นี้มันยังมีอีกเป็นหางว่าวในmy neighbor และสารพัดตอนพิเศษหวานๆ นะคะนั่น... มันไม่ได้จบอะไรเลวร้ายขนาดนั้นหรอกมั้งคะ ฮ่าๆๆๆ

โอ๊ย... ใจจริงอยากจะบอกตอนจบนกยูงอยู่เหมือนกันนะ แต่... ไม่เอาดีกว่า ปล่อยให้ลุ้นไปแบบนี้แหละ อิอิ

zhiki

  • บุคคลทั่วไป
ถ้ามันเอยสวยงามแฮปปี้กันทั้งเผิงเผิงทั้งคงฉ่วย

จะยกม่ามาทั้งโกดังก็ยกมาเหอะไม่กลัว


แต่แค่จบ....สวย

ผมฝันร้ายจิงๆนะ ตื่นมายังนั่งถอนหายใจอยู่เลยเนี่ย

อย่างผมไม่ได้เรียกว่าติดตามนิยายคุณหรอกครับเจ๊

เรียกว่า "ตามติดๆ" ต่างหาก

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
เริ่มหายใจไม่ทั่วท้องแล้ว สำหรับนิยายเรื่องนี้ ความวิตกจริตเริ่มคืบคลานเข้ามา  :z3:

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
红孔雀นกยูงแดง 18.2
   อาชีพตำรวจ นอกจากจะคอยรับแจ้งความ และจับตัวโจรผู้ร้ายแล้ว ยังมีอีกหน้าที่หนึ่งซึ่งถือเป็นงานหลักไม่แพ้กัน นั่นคือการอารักขาคนสำคัญๆ ในงานพิธีต่างๆ
---------------------------------------------
   ลู่อี้เผิงระบายลมหายใจเฮือก หลังจากจิบน้ำส้ม ซึ่งบริกรหญิงคนหนึ่งเดินมาเสิร์ฟให้เขา ตอนนี้สารวัตรหนุ่มกำลังอยู่ในงานดินเนอร์ที่จัดโดยรัฐบาล ซึ่งมีแขกเหรื่อระดับสูงมากมาย แน่นอนว่าเขาเองก็เป็นหนึ่งในทีมอารักขาที่กรมตำรวจส่งมาทำหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยในงานนี้
   “อืม... คุณนี่ดูกี่ทีๆ ก็ดูดีจริงๆ นะ” ต้วนเฟิงพูด พลางมองลู่อี้เผิงซึ่งอยู่ในชุดทักซิโดสีดำขึ้นๆ ลงๆ คนถูกมองทำหน้าแปลกๆ
   “ดื่มอะไรมากไปรึเปล่าน่ะ คุณเจียง”
   ต้วนเฟิงหัวเราะชอบใจ “เปล่าดื่มอะไรเลยนะครับ คุณหว่อง ผมน่ะ เพิ่งไปเจอสาวสวยน่าสนใจตรงมุมโน้นเมื่อกี้นี้เอง”
   “อ้อ..” ลู่อี้เผิงลากเสียง มองดูคู่หูในชุดทักซิโดสีดำเช่นกัน “แล้วทำไมถึงเดินมาที่นี่เสียล่ะ”
   “พอดีเธอเป็นภรรยาท่านทูตโครเอเชียนะ” ต้วนเฟิงตอบ คนได้ฟังถึงกับขำพรืดออกมา
   “แบบนี้เขาเรียกตาถึงแบบไม่ดูตาม้าตาเรือนะครับ” ลู่อี้เผิงพูดว่า และหัวเราะซ้ำอีก คนถูกหัวเราะใส่ทำหน้าง้ำหน้างอ “สารวัตรไม่เจอเองบ้างก็แล้วไป”
   ลู่อี้เผิงยักไหล่ และหยุดหัวเราะในที่สุด
ระหว่างที่คุยกันอยู่ นายตำรวจทั้งสองก็กวาดตามองหาสิ่งผิดปกติที่อาจจะเกิดขึ้นรอบๆ งาน ไปด้วย
“คุณเจียง ผมว่าทางโน้นเหมือนจะมีใครมาใหม่นะ เดี๋ยวผมไปดูหน่อยดีกว่า” ลู่อี้เผิงพูด เมื่อเห็นว่ามีคนกลุ่มใหม่เพิ่งเดินเข้าประตูมา ต้วนเฟิงยักไหล่ตอบบ้าง “ตามสบายเถอะครับ ระวังอย่าไปเจอเมียทูตทหารก็แล้วกัน”
ลู่อี้เผิงหัวเราะในคอ ก่อนจะเดินออกไป
คณะที่เข้ามาใหม่มีจำนวนราวๆ สักห้าหกคนเห็นจะได้ ดูตามหมายกำหนดการแล้วน่าจะเป็นคณะที่ปรึกษาของเหวินกั่วเซิน เจ้าพ่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่บนเกาะ ลู่อี้เผิงพยายามเดินเข้าไปใกล้ เพื่อสังเกตลักษณะ และตรวจสอบความผิดปกติ แต่แล้วนายตำรวจหนุ่มก็ต้องผงะทันที เมื่อเห็นแผ่นหลังของคนที่เดินนำคณะอยู่ จากนั้นก็รีบจ้ำพรวดๆ เข้าไปหาทันที
“เอ่อ... ขอโทษนะครับ คุณใช่คุณหลี่ชิงหยู ที่ปรึกษาอาวุโสของคุณเหวินกั่วเซินรึเปล่าครับ” ลู่อี้เผิงเอ่ยถามผู้ชายซึ่งอยู่ในชุดทักซิโดสีดำสนิทเช่นกัน ชายคนนั้นตอบเขายิ้มๆ “ใช่ครับ มีปัญหาอะไรรึเปล่าครับ”
ลู่อี้เผิงมองผู้ชายตรงหน้า ก่อนจะพูดต่อ “งั้นผมขอตัวคุยกับคุณเป็นการส่วนตัวสักครู่ได้รึเปล่าครับ?”
คนถูกเชิญสั่นศีรษะ “คงยังไม่ได้หรอกครับ ผมต้องไปพบท่านทูตโปรตุเกสก่อน ถ้ามีธุระล่ะก็ ไว้หลังจากนี้แล้วกันครับ” พูดจบก็เดินจากไป ลู่อี้เผิงเดินตามโดยรักษาระยะห่างเอาไว้ ก่อนจะวิทยุไปยังส่วนกลาง
“ผมอยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับคุณหลี่ชิงหยูหน่อย เขามีรูปถ่ายรึเปล่า”
“ไม่มีข้อมูลรูปประพรรณสัณฐานของหลี่ชิงหยูค่ะ” เจ้าหน้าที่ส่วนกลางตอบเขาทันที “ข้อมูลของเขาถูกเหวินกั่วเซินเก็บเป็นความลับ กระทั่งรูปถ่ายก็ไม่มีแจ้งส่งมาค่ะ”
“อ้าว แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเป็นเขาจริงๆ ล่ะ?” ลู่อี้เผิงย้อนถามไป ทางนั้นเงียบไปพักหนึ่งก็ตอบกลับมา “เขามีหนังสือแสดงตัวจากคุณเหวิน แล้วทางคุณเหวินเองก็ส่งคนสนิทมากับเขาด้วยค่ะ เจ้าตัวเป็นคนยืนยันว่าที่มาเป็นคุณหลี่ชิงหยูจริงๆ ”
ลู่อี้เผิงส่งเสียงอืมกลับไป ก่อนจะหันไปมองหาผู้ชายที่ชื่อหลี่ชิงหยูอีกครั้ง แต่ปัญหาคือผู้ชายแทบทุกคนในที่นี้สวมชุดทักซิโดสีดำเหมือนกันหมด จะมองหาใครที่เดินไปตรงไหน จึงไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายนัก
ถึงจะได้รับคำยืนยันจากส่วนกลางแล้ว แต่ลู่อี้เผิงก็ยังตะขิดตะขวงใจเกี่ยวกับชายที่ชื่อหลี่ชิงอยูอยู่ดี นายตำรวจหนุ่มพยายามเดินหาเขาไปทั่วทั้งงาน แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่พบ ขณะที่กำลังนึกหวั่นใจว่าอาจจะมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจก็ดังขึ้น
ลู่อี้เผิงรีบพุ่งทะยานออกไปยังทิศที่มาของเสียงทันที พอไปถึงก็เห็นคนกลุ่มหนึ่ง กำลังยืนมุงอะไรสักอย่างอยู่ นายตำรวจหนุ่มพยามจะแหวกเข้าไป จึงได้พบว่ากลางวง มีผู้หญิงในชุดราตรียาวสีขาวกำลังนอนชักกระตุกอยู่บนพื้น ข้างๆ มีผู้หญิงสองสามคนกำลังร้องด้วยความตกใจ “ช่วยด้วยค่ะ คุณผู้หญิงเป็นลมชัก!”
ลู่อี้เผิงรีบแจ้งไปยังหน่วยกลางเพื่อขอพยาบาล ก่อนจะปราดเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้น แต่ก็ยังดูจะช้ากว่าใครอีกคนไปก้าวหนึ่ง
ใครคนนั้นก้าวมาจากอีกทาง คุกเข่าลงข้างๆ ร่างที่กำลังกระตุกอย่างรุนแรงนั้น จากนั้นก็ยื่นมือ กดไปตามจุดต่างๆ ของร่างกาย ชั่วอึดใจเดียว อาการกระตุกก็ค่อยๆ สงบลง
“ทุกคนช่วยถอยออกไปด้วยครับ ผู้ป่วยต้องการอากาศ” ผู้ชายคนนั้นพูดด้วยเสียงไม่ดังไม่เบา แต่ดูแฝงพลังอย่างประหลาด คนทั้งหมดถอยห่างออกไปทันที จากนั้นเขาก็ช้อนศีรษะผู้หญิงขึ้นไว้บนตัก ก่อนจะนวดเฟ้นอย่างเบามือ
ตอนที่บุรุษพยาบาลมาถึง ผู้หญิงก็ฟื้นสติขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว เธอและผู้ติดตามกำลังบอกขอบอกขอบใจผู้ชายคนนั้นเป็นการใหญ่
“ถ้าไม่ได้คุณ ดิฉันต้องแย่แน่ๆ เลยค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ” อีกฝ่ายตอบ ผู้หญิงคนนั้นมองหน้าเขา ก่อนจะหันไปหาบุรุษพยาบาล “ฉันไม่เป็นไรแล้วล่ะ ต้องขอบคุณคุณคนนี้น่ะ” พูดจบก็ผายมือไปยังผู้ชายที่ยืนยิ้มอยู่
“เรื่องเล็กน้อยน่ะครับ ถ้างั้น ผมขอตัวนะ”
“เดี๋ยวสิคะ ยังไม่ทราบชื่อคุณเลยค่ะ”
“หลี่ชิงหยูครับ” เขาตอบ และเดินตรงมายังตำแหน่งที่ลู่อี้เผิงยืนอยู่ “ตะกี้คุณบอกว่ามีธุระกับผมไม่ใช่หรือครับ เราจะไปคุยกันที่ไหนดี”
ลู่อี้เผิงมองหน้าเขาอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเดินนำออกมา
------------------------------------------
   “คงฉ่วย คิดจะทำอะไรของคุณอีกเนี่ย?” ลู่อี้เผิงพูดขึ้น หลังจากเดินออกมาหามุมปลอดคนที่ด้านนอกห้องโถงซึ่งใช้จัดการ และปิดวิทยุสื่อสารแล้ว หงคงฉ่วยยักไหล่ แล้วยิ้มให้เขา
   “เผิงเผิงแต่งชุดทักซิโดขึ้นดีนะ เต้นรำกับฉันสักเพลงสิ”
   ลู่อี้เผิงถลึงตาใส่คนตรงหน้าแทนคำตอบ ก่อนจะถามขึ้นต่อ “คงฉ่วย ผมถามจริงเถอะ คุณสวมรอยหลี่ชิงหยูมาใช่ไหม?”
   “โถ... นักเรียนเกียรตินิยมทำไมชอบกล่าวหาคนอื่นเลื่อนลอยอีกแล้ว” อีกฝ่ายพูดเสียงตัดพ้อ “ฉันไม่เหมือนหลี่ชิงหยูตรงไหนกัน”
   “ตรงที่เป็นคุณนี่แหละ” นายตำรวจหนุ่มสวนทันควัน “สารภาพมานะว่าคุณวางแผนอะไร ถึงได้แฝงตัวเข้ามาในงานเลี้ยงนี่น่ะ”
   “เอาล่ะ สารวัตรลู่” หงคงฉ่วยพูด และทำหน้าหน่ายๆ ก่อนจะหยิบซองจดหมายซองหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ “เอาไปเปิดดูเถอะนะ แล้วก็โทรหาเจ้านายของเธอ โทรหาใครก็ได้ที่เธอคิดว่าน่าเชื่อถือกว่าฉัน หรือจะบุกไปพบเหวินกั่วเซินตอนนี้เลยก็ดี จะได้รู้ว่าฉันใช่หลี่ชิงหยูจริงรึเปล่า”
   ลู่อี้เผิงเปิดจองจดหมายนั้นดู และพบว่าเป็นจดหมายเชิญ ที่มีหมายเลขกำกับถูกต้องทุกอย่าง และมีจดหมายแนะนำตัวของเหวินกั่วเซินแนบมาด้วย นายตำรวจหนุ่มมีสีหน้ายุ่งยากใจขึ้นมาทันที “คุณใช่หลี่ชิงหยูจริงๆ รึ?”
   “ถ้าสงสัยลองไปถามท่านทูตโปรตุเกสดูก็ได้” หงคงฉ่วยลอยหน้าลอยตาตอบ ลู่อี้เผิงจ้องเขาสักพัก ก็ถามออกมาอย่างจนใจ “ตกลงชื่อจริงๆ คุณคือหลี่ชิงหยู?”
   หงคงฉ่วยขำพรวดออกมาทันที “โอ๊ย เผิงเผิงใช้อะไรคิดเนี่ย อืม... ฉันลองเปลี่ยนไปใช้ชื่อหลี่ชิงหยูดูก็คงไม่เลวนักหรอกนะ”
   นายตำรวจหนุ่มหน้ายุ่งกว่าเดิม “นี่ หยุดขำทีเถอะ ตกลงคุณชื่ออะไรกันแน่”
   “เอาว่าชื่อจริงฉันไม่ใช่หลี่ชิงหยูก็แล้วกัน โอ๊ย..คิดแล้วขำจริงๆ ด้วย”
   ลู่อี้เผิงไม่ขำเลยสักนิด เขาจ้องหงคงฉ่วยตาเขม็ง แล้วพูดเสียงเข้ม “แปลว่าคุณสวมรอยเป็นหลี่ชิงหยูจริงๆ สินะ”
   ฝ่ายตรงข้ามจ้องตอบ แล้วทำหน้าท้อแท้ใจเสียเต็มประดา “ทำไมนักเรียนเกียรตินิยมหัวทึบแบบนี้นะ ฉันจะใช้ชื่อหงคงฉ่วย ใช้ชื่อหลี่ชิงหยู สุดท้ายทั้งหมดก็คือฉันนี่แหละ หรือเธอคิดว่าเหวินกั่วเซินควรมีรายชื่อที่ปรึกษาเป็นหงคงฉ่วย งั้นรัฐบาลก็คงต้องเชิญหงคงฉ่วยมางานด้วยน่ะสิ”
   ลู่อี้เผิงอ้าปากพะงาบลมอยู่เป็นนาน ในที่สุดก็ตั้งสติถามออกมาได้ “แล้วทำไมเขาถึงเชิญคุณมางานนี้”
   “เรื่องนั้นฉันตอบเธอไม่ได้หรอกนะ มันเป็นความลับทางธุรกิจของเหวินกั่วเซิน เอาว่าฉันไม่ได้มาทำอะไรผิดกฎหมายก็แล้วกัน” หงคงฉ่วยตอบ แล้วกวาดสายตา จ้องลู่อี้เผิงตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะยื่นมือออกมา
   “ไหนๆ เผิงเผิงก็แต่งหล่อขนาดนี้แล้ว เต้นรำด้วยกันสักเพลงสิ”
   “จะบ้าเรอะ” ลู่อี้เผิงโพล่งออกไปทันที “ผมมาทำงานนะ อีกอย่าง ผู้ชายเต้นรำด้วยกันมีที่ไหนล่ะ”
   คนถูกเอ็ดยิ้มหน้าระรื่น “งั้นฉันอนุญาตให้เผิงเผิงไปใส่กระโปรง แต่ไม่ต้องเอายาวมากนะ เดี๋ยวจะสะดุดล้มเอา”
   ลู่อี้เผิงถลึงตาใส่อีกฝ่าย ก่อนจะเดินปัดๆ ออกไป แต่ก็ถูกยุดข้อมือเอาไว้
   “เผิงเผิง เลิกงานแล้วกลับด้วยกันสิ...”
   “..........”
   “ไม่ต้องใส่กระโปรงก็ได้ ไปเต้นรำกับฉันที่คฤหาสน์สักเพลงนะ”
   นายตำรวจหนุ่มเม้มปากแน่น ก่อนจะพูดออกมา “ผมเลิกดึกนะ”
-------------------------------------------------
   งานเลี้ยงเลิกราวๆ สักสี่ทุ่ม แต่กว่าที่ลู่อี้เผิงจะจัดการส่งรายงานต่อผู้บังคับบัญชาเสร็จก็เกือบเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว พอเดินมาที่รถ ก็พบใครคนหนึ่งยืนรออยู่
   “ยังไม่กลับอีกหรือไง?” นายตำรวจหนุ่มเอ่ยถาม พลางมองร่างที่ยืนพิงรถยนต์ของเขาอยู่
   “ฉันรอเจ้าชายมารับกลับปราสาทอยู่น่ะ” หงคงฉ่วยตอบยิ้มๆ ก่อนจะขยับออกมาจากรถหน่อยหนึ่ง ลู่อี้เผิงมองหน้าเขาแล้วพูดตอบ “เหรอ ผมคิดว่าเป็นมังกรรอผู้กล้ามาปราบอยู่เสียอีก”
   “เสียมารยาทจริงๆ มังกรนี่ถือเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ” หงคงฉ่วยว่า และถือวิสาสะเปิดประตูรถออกทันทีที่ลู่อี้เผิงปลดล็อก ก่อนจะมุดเข้าไปนั่งที่นั่งด้านหน้า
   “ซิ่งไปเลยนะสารวัตร”
   
   เป็นเรื่องโชคดีจริงๆ ที่ไม่มีใครต้องร่วมโดยสารกับรถที่มีลู่อี้เผิงเป็นคนขับ และหงคงฉ่วยเป็นคนนั่ง ทั้งคู่ใช่เวลาแค่สิบนาทีก็กลับมาถึงคฤหาสน์ บรรดาคนรับใช้ส่วนใหญ่แยกย้ายกันไปพักผ่อนหมดแล้ว เหลือแต่หลี่คงและลั่วซ่งจือรอรับเจ้านายอยู่ในตัวตึก
   หงคงฉ่วยมาถึงคฤหาสน์ก็ไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า กลับพาลู่อี้เผิงเดินลัดเลาะผ่านทางเดินสลับซับซ้อนและบันไดหลายขั้น ไปยังห้องห้องหนึ่ง พอเปิดประตูเข้าไป ถึงได้พบว่ามันเป็นห้องโถงที่มีระเบียงยื่นออกไปด้านนอก แสงเรืองๆ จากดวงจันทร์ที่มีเพียงเสี้ยวเดียวส่องลอดเข้ามาในห้อง สะท้อนให้เห็นชั้นวางหนังสือที่ติดอยู่กับผนังที่เหลืออีกสองด้าน และตรงมุมห้อง มีเครื่องเล่นแผ่นเสียงแบบเก่าวางอยู่ ลำโพงรูปกรวยปากบานสีทองสะท้อนแสงของดวงจันทร์อยู่ในเงามืดของห้อง หงคงฉ่วยสืบเท้าเข้าไป เปิดลิ้นชักโต๊ะด้านล่างที่วางเครื่องเล่นแผ่นเสียง ก่อนจะหยิบแผ่นเสียงแผ่นหนึ่งออกมา
   “นักเรียนเกียรตินิยมเต้นจังหวะวอลซ์เป็นมั้ย?”
   “เป็น” ลู่อี้เผิงตอบทันควัน หงคงฉ่วยหันมามองเขา แล้วยิ้มนิดๆ “อืม... ถ้าเต้นไม่เป็นฉันจะให้เธอเต้นแทงโก้”
   “ไม่ให้ผมเต้นแท็บไปเลยล่ะ” อีกฝ่ายย้อน ทางนั้นทำหน้ายุ่งยากใจ “แบบนั้นมันก็กลายเป็นให้เธอเต้นแรงเต้นกาแทนจะเต้นรำน่ะสิ”
   พูดพลางวางแผ่นเสียงลงไปบนเครื่องเล่น ขยับเข็มอ่านวางลงไปบนตัวแผ่น ก่อนจะหมุนลานที่อยู่ด้านข้างเครื่อง
   เสียงเปียโนเป็นจังหวะเชื่องช้าอ่อนหวานดังลอดออกมาจากลำโพงรูปกรวยนั้นทันที สะท้อนก้องผนังห้องออกไปยังระเบียงที่เปิดออกด้านนอก หงคงฉ่วยหันหน้ากลับมา แล้วยิ้มให้นายตำรวจหนุ่ม
   “จะโค้งให้ฉันรึเปล่า?”
   ลู่อี้เผิงเลิกคิ้วมองคนตรงหน้าด้วยสีหน้าแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะโค้งตัวให้ แล้วยื่นมือไปจับมือของอีกฝ่ายที่ยื่นมาให้
   “อย่าเหยียบเท้าผมนะ” นายตำรวจหนุ่มว่า หงคงฉ่วยวางมือบนไหล่เขา ก่อนจะพูดตอบ “ระวังตัวเองเถอะ อย่ามาเหยียบเท้าฉันก็แล้วกัน”
   ลู่อี้เผิงวางมือลงบนปั้นเอวของอีกฝ่าย ก่อนจะก้าวเท้าตามจังหวะเพลง พลางมองดูใบหน้าของฝ่ายตรงข้าม
   “คงฉ่วย เคยเต้นรำแบบนี้กับใครมาก่อนรึเปล่า?” นายตำรวจหนุ่มถามขึ้น หลังจากเต้นกันไปได้พักหนึ่ง
   “ถามทำไมน่ะ” หงคงฉ่วยถามย้อน ลู่อี้เผิงมองหน้าเขาอีกครั้ง แล้วพูดต่อ “ก็... คุณดูชำนาญดีจัง ปกติผู้ชายเขาไม่เต้นฝั่งผู้หญิงกันนี่”
   “เต้นรำมันก็เหมือนกันเล่นกังฟูนั่นแหละ จะหญิงชายก็ไม่ต่างกันหรอก” อีกฝ่ายตอบ ลู่อี้เผิงขมวดคิ้วยุ่ง “มันจะไปเหมือนกันได้ยังไงล่ะ”
   หงคงฉ่วยยิ้มที่มุมปาก จากนั้นลู่อี้เผิงก็รู้สึกว่าโดนเหยียบเท้าอย่างแรง
   “โอ๊ย คงฉ่วย เหยียบเท้าผมทำไม?!”
   “เผิงเผิงนั่นแหละ ยืนบื้อให้ถูกเหยียบเท้าทำไม เหยียบได้อีกทีฉันจะบี้นิ้วเธอให้แหลกเลย” หงคงฉ่วยพูดพลางขยับเท้าเข้ามาอีก ลู่อี้เผิงจึงจำต้องถอยเท้าหลบ แต่หงคงฉ่วยก็ช่างหามุมเหยียบดีเหลือเกิน ถอยธรรมดาก็ยังไม่พ้น ต้องเบี่ยงซ้ายเบี่ยงขวา หนักเข้าถึงกับต้องหมุนตัวหนี ตีลังกาหลบเลยก็มี
   “ฮ่าๆ เผิงเผิงเต้นรำสวยเหมือนกันนะเนี่ย” หงคงฉ่วยพูดอย่างอารมณ์ดี ลู่อี้เผิงขบฟันกรอดๆ หาจังหวะไล่เหยียบเท้าหงคงฉ่วยบ้าง ทางนั้นก็หลบไวเหมือนเคย เต้นกันไปได้ครึ่งเพลง นายตำรวจหนุ่มก็เริ่มจะเหงื่อออกท่วม
   “เอาล่ะ ผมเชื่อแล้วว่าคุณเต้นรำเหมือนเล่นกังฟู” ลู่อี้เผิงจำต้องรีบฉวยจังหวะที่หงคงฉ่วยหยุดหายใจ พูดประโยคนี้ออกมา ก่อนจะโดนบังคับให้เต้นรำด้วยท่าประหลาดๆ หงคงฉ่วยหัวเราะชอบใจ แล้วถึงได้หยุดเท้าลงเสียที “ยังเหลืออีกตั้งครึ่งเพลงนะ เผิงเผิง”
   “ผมขอเต้นแบบธรรมดาก็แล้วกัน” นายตำรวจหนุ่มตอบ แล้วช้อนเอวของอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ “คุณยังไม่ตอบผมเลย คุณเคยเต้นกับใครมาก่อนหน้านี้หรือเปล่า?”
   หงคงฉ่วยมองหน้าเขา แล้วยิ้มที่มุมปาก “ทำไมอยากรู้นักล่ะ?”
   “......”
   “หึงหรือไง?”
   “เปล่าสักหน่อย”
   “อ้อ....” หงคงฉ่วยลากเสียง จากนั้นก็พูดยิ้มๆ “ถ้าฉันบอกว่าเธอเป็นคนแรกที่ทำให้ฉันอยากเต้นรำด้วยได้ เธอจะเชื่อหรือเปล่า?”
   ลู่อี้เผิงเงียบไปพักหนึ่ง จึงถามกลับ “แปลว่าก่อนหน้านี้คุณไม่เต้มใจจะเต้น?”
   “เปล่า... ฉันไม่เคยเต้นรำกับใครหรอก”
   “?!” นายตำรวจหนุ่มมองคนตรงหน้า ดวงตาสีดำสนิทของหงคงฉ่วยยามนี้หลุบลงต่ำ ถูกแพขนตางอนยาวบังเอาไว้ ท่ามกลางแสงสลัวของดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยว ลู่อี้เผิงรู้สึกราวกับว่ากำลังมองภาพฝันอยู่มากกว่าความจริง
   “คงฉ่วย ทำไมคุณถึงช่วยผู้หญิงคนนั้นล่ะ?”
   นัยน์ตาสีดำสนิทหันกลับมามองเขาอีกครั้ง ก่อนจะที่เจ้าตัวจะยิ้มออกมา “ทำไมล่ะ ฉันช่วยผู้หญิงไม่ได้หรือไง?”
   “ก็ปกติ คนอำมหิตผิดมนุษย์อย่างคุณ ไม่น่าจะใจดีช่วยเหลือใครนี่” นายตำรวจหนุ่มว่า อีกฝ่ายพูดขึ้นทันที “ปากเสียจริงๆ ฉันอำมหิตผิดมนุษย์ตรงไหน เธอเองก็ยังถูกฉันช่วยไว้ตั้งหลายครั้งเลยนี่”
   “คุณช่วยผมแบบหวังผลตอบแทนนี่ แต่ผู้หญิงคนนั้นมีผลตอบแทนอะไรให้คุณหรือไง?” ลู่อี้เผิงถามอีก หงคงฉ่วยมองหน้าเขา แล้วยกมือขึ้นตีไหล่ทีหนึ่ง “ฉันไปหวังผลตอบแทนจากเธอเมื่อไหร่กัน”
   ลู่อี้เผิงเม้มปากแน่น ก่อนจะพูดต่อ “คงฉ่วย ปกติคุณใจดีกับคนอื่นแบบนี้ตลอดเลยหรือ?”
   “ตกลงเธอเห็นฉันเป็นคนใจดีแล้วหรือไง?” หงคงฉ่วยย้อน ลู่อี้เผิงสั่นศีรษะ พลางมีสีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด
   “ผมแค่สงสัย... คุณ... ทำไมถึงไม่อ่อนโยนแบบนั้นกับผมบ้าง”
   “!!”
   “ช่างมันเถอะ” ลู่อี้เผิงว่า และเตรียมจะผละออก ในตอนที่เพลงจบพอดี หงคงฉ่วยจึงยึดไหล่ของเขาเอาไว้ “เผิงเผิงอยากให้ฉันอ่อนโยนด้วยหรือ?”
   ลู่อี้เผิงขบริมฝีปากล่าง ก่อนจะพูดเลี่ยงๆ “ใครๆ เขาก็อยากได้รับความอ่อนโยนกันทั้งนั้นแหละ”
   หงคงฉ่วยมองหน้านายตำรวจหนุ่ม แล้วยิ้มออกมา “เสี่ยวเผิงเผิงเอ๋ย”
   ลู่อี้เผิงสะดุ้งตัวนิดๆ ตอนที่อีกฝ่ายยื่นมือมาลูบไล้ใบหน้าของเขาเบาๆ “เธอจะอ่อนโยนกับฉันด้วยรึเปล่า”
   ลู่อี้เผิงไม่ได้ตอบ เขายกมือขึ้นจับมือข้างนั้นไว้ แล้วจูบลงไปเบาๆ ก่อนจะช้อนตามองฝ่ายตรงข้าม “คงฉ่วย.....”
   หงคงฉ่วยยิ้มบางๆ ตรงมุมปาก ก่อนจะถูกอีกฝ่ายแนบริมฝีปากลงมา ลู่อี้เผิงรั้งตัวฝ่ายนั้นเข้ามาแนบร่าง แขนสองคู่โอบรัดซึ่งกันและกัน จุมพิตแนบสนิทขึ้นทันที
   เครื่องเล่นแผ่นเสียงหยุดสนิทไปนานแล้ว แต่ภายในห้องที่มีแสงสว่างจากดวงจันทร์ครึ่งดวงส่องลอดเข้ามา เสียงหอบหายใจกลับดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศเงียบสนิทของยามค่ำคืน
   ปลายลิ้นและริมฝีปากที่บดเคล้ากันร้อนผะผ่าว เช่นเดียวกับลมหายใจอุ่นจัดที่ดูจะปั่นป่วนขึ้นเรื่อยๆ ลู่อี้เผิงลูบมือไปทั่วแผ่นหลังของอีกฝ่าย ก่อนจะเลื่อนต่ำลงไปลูบไล้สะโพกตึงแน่นที่ซ่อนอยู่ใต้ชายเสื้อตัวยาว
   หงคงฉ่วยสะท้านตัวเฮือก ฝ่ามือและปลายนิ้วที่ลูบลงไปเบาๆ สร้างความตื่นเต้นให้เขาอย่างประหลาด ลู่อี้เผิงเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของฝ่ายนั้น ก่อนจะจูบลงไปอีก จากนั้นจึงขยับมือขึ้นมาดึงหูกระต่าย และปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวนั้นออก
   หงคงฉ่วยสูดหายใจลึก เมื่อริมฝีปากอุ่นจัดแนบลงบนต้นคอของเขา ลู่อี้เผิงปลดกระดุมเสื้อของเขาออกแล้วก็ค่อยๆ โน้มใบหน้าลงพรมจูบไปทั่วผิวกายที่เผยออกมา จากนั้นก็ดันตัวเขาเข้าชิดกับผนัง แล้วปลดกระดุมเสื้อของตัวเองออกบ้าง
   หงคงฉ่วยเม้มริมฝีปาก ก่อนจะโน้มหน้าลงจูบแผ่นอกกำยำที่เผยออกมาอย่างห้ามใจไม่อยู่ ปล่อยให้จูบอย่างนั้นอยู่สักพัก ลู่อี้เผิงก็ดันตัวหงคงฉ่วยเข้าหาผนังอีกครั้ง ก่อนจะลงมือเปลื้องเสื้อผ้าของอีกฝ่ายออก
หงคงฉ่วยยกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าของนายตำรวจหนุ่ม ก่อนจะเลื่อนมือลงเปลื้องเสื้อของอีกฝ่ายออกบ้าง ตอนที่ดึงกางเกงถูกดึงพ้นปลายขา กางเกงของลู่อี้เผิงก็ร่วงลงไปกองที่ข้อเท้าพอดี
ท่ามกลางแสงสลัว ลู่อี้เผิงจูบไล้ลงไปบนร่างที่เอนตัวพิงเข้ากับผนัง ผิวของหงคงฉ่วยละเอียดลื่น และยังตึงแน่นอยู่ในทุกสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็นแผงอก หรือกระทั่งหน้าท้อง ตอนที่จูบผ่านหน้าอก ลู่อี้เผิงถึงกับนึกขึ้นมาว่า เขาได้ยินเสียงหัวใจของหงคงฉ่วยเต้นรุนแรงอยู่ด้านใน
   ในหัวใจดวงนั้น จะรู้สึกกับเขาในรูปแบบไหนบ้างนะ
   “หัวใจฉันยังแข็งแรงดีอยู่นะ” หงคงฉ่วยพูด เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายแนบหูลงบนหน้าอกของเขา ลู่อี้เผิงเงยหน้าขึ้นทันที ก่อนจะผงกศีรษะ “อืม... เต้นดังจนผมตกใจเลยล่ะ”
   หงคงฉ่วยไม่ตอบอะไร ได้แต่หัวเราะหึๆ อยู่ในคอ ลู่อี้เผิงเม้มริมฝีปาก ก่อนจะแนบจูบลงไบบนร่างนั้นอีกครั้ง ต่ำลงไปที่ท้องน้อย และจูบลงไปบนหลังมือที่กอบกุมส่วนสำคัญที่ไม่เคยให้เขาได้สัมผัสเลยสักครั้ง
   ลู่อี้เผิงเคยเห็นส่วนนี้ของหงคงฉ่วยชัดตาอยู่บ้าง และจำได้ว่ามันไม่ได้น่าเกลียดหรือเล็กน้อยอะไร แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดกันแน่ หงคงฉ่วยถึงไม่ยอมให้เขาได้สัมผัสส่วนนี้เลย หรือว่ากลัวเขาจะฉวยโอกาสทำร้ายจุดอ่อนนี้กันนะ
   “คงฉ่วย”
   “หืม?”
   “ถ้าผมบอกว่า อยากจะใช้ปากทำให้คุณ คุณจะยอมให้ผมทำรึเปล่า?”
   “ไม่เป็นไร ฉันไม่อยากฝืนใจเผิงเผิงหรอก”
   “ผมไม่ได้ฝืนใจหรอก ให้ผมทำได้มั้ย?”
   หงคงฉ่วยเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจออกมา “คงให้ทำไม่ได้หรอก”
   “ยังไม่เชื่อใจผมอีกหรือ”
   “อืม”
   ลู่อี้เผิงผุดลุกขึ้นมาทันที “คงฉ่วย ก่อนหน้านี้มีอะไรเกิดขึ้นกับคุณน่ะ?”
   หงคงฉ่วยเบือนดวงตาสีดำสนิทมามองเขา ก่อนจะยิ้มออกมา “เผิงเผิงรู้ไปก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก”
   นายตำรวจหนุ่มขบริมฝีปาก จ้องใบหน้านั้นอยู่พักใหญ่ “คงฉ่วย ผมกับอดีตของคุณน่ะ คนละอย่างคนละคนกันนะ”
   “อืม... ฉันรู้”
   “ถ้าผมรู้แล้วช่วยอะไรคุณไม่ได้ คุณก็ไม่ควรจะนึกถึงเรื่องในอดีตเวลาอยู่กับผมสิ”
   หงคงฉ่วยเงยหน้าขึ้นมองเขา ก่อนจะหัวเราะออกมา “เผิงเผิงนี่ช่างพูดขึ้นเยอะเลยนะ” พูดจบก็ถอนหายใจเฮือก
   “เผิงเผิงเอ๋ย เรื่องบางอย่างน่ะ ต่อให้ไม่อยากนึก ไม่อยากจำ แต่เราห้ามมันไม่ได้หรอก ถึงสมองจะไม่จำ แต่ร่างกายมันจดจำไปแล้ว หรือเธอจะเถียงว่าไม่ใช่” พูดพลางยื่นมือลงไปจับขาอ่อนของลู่อี้เผิงเอาไว้ นายตำรวจหนุ่มถึงกับสะดุ้งเฮือก เขามองหน้าหงคงฉ่วย ก่อนจะพูดต่อ
   “ถ้าอย่างนั้น..... ที่ผ่านมา กับผมน่ะ.... มีคุณค่าอะไรในสายตาของคุณบ้างไหม?” พูดจบก็ขบกรามจนเป็นสันนูน “ผมเป็นอะไรในสายตาคุณกันแน่?”
   “เธอเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดในชีวิตของฉัน”
   ลู่อี้เผิงเบิ่งตามองคนตรงหน้า หงคงฉ่วยยิ้มบางๆ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าของเขา “คืนนี้อ่อนโยนกับฉันหน่อยเถอะ... ฉันอยากจดจำความอ่อนโยนของเธอเอาไว้”
   นายตำรวจหนุ่มเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะจูบลงไปบนริมฝีปากนั้นอีกครั้ง
------------------------------------------
   ภายใต้แสงจันทร์นวลสลัว ลู่อี้เผิงประโลมจูบไปทั่วร่างที่ยังคงยืนพิงผนังอยู่อีกครั้ง หงคงฉ่วยหอบหายใจเสียงหนัก ขณะที่ปลายลิ้นของนายตำรวจหนุ่มอ้อยอิ่งอยู่ตรงหลืบเร้นด้านหลัง
   “นี่ อย่าลืมใส่ถุงยางนะ” อีกฝ่ายพูดทั้งๆ ที่ยังหอบหายใจอยู่ ลู่อี้เผิงขยับตัวลุกขึ้นมา ก่อนจะจับมือของหงคงฉ่วยกำรอบส่วนร้อนจัดของตนเอง จากนั้นก็จับอีกฝ่ายหันหลัง แล้วค่อยๆ สอดใส่ความต้องการของตัวเองเข้ามาอย่างช้าๆ
   หงคงฉ่วยยกมือขึ้นยันผนัง หอบหายใจเสียงหนัก รู้สึกถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่รดตรงต้นคอ และมือสองข้างที่ยื่นมากุมมือของเขาเอาไว้ ริมฝีปากร้อนจัดแนบชิดลงบนแผ่นหลัง ขณะที่การสอดใส่ดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง
   “คงฉ่วย” ลู่อี้เผิงพึมพำชื่อของอีกฝ่ายออกมา ก่อนจะขยับมือมารั้งใบหน้านั้นขึ้นมาจูบ สัมผัสได้ถึงอาการสั่นสะท้านบนริมฝีปากคู่นั้น จูบกันสักพัก นายตำรวจหนุ่มก็จับฝ่ายนั้นพลิกตัวกลับมา หงคงฉ่วยครางเสียงสั่น
   “เผิงเผิง”
   วงแขนแข็งแรงโอบรัดรอบบ่ากว้างของชายหนุ่ม ขณะที่อีกฝ่ายเริ่มกระทั้นกายเข้าออกเป็นจังหวะ ความรู้สึกร้อนผ่าวแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่าง ลู่อี้เผิงพิงร่างนั้นเข้ากับผนัง กระแทกสะโพกเข้ามาอีกในจังหวะที่ถี่กระชั้นกว่าเดิม จนอีกฝ่ายหายใจไม่เป็นส่ำ
   ทำกันอยู่ที่ผนังสักพัก ทั้งคู่ก็เลื่อนมาทำกันตรงระเบียง แสงจันทร์สลัวสะท้อนให้เห็นร่างของทั้งสองที่กลายเป็นสีชมพูซ่านเพราะความร้อนแรงที่ปรนเปรอซึ่งกันและกันอยู่ หงคงฉ่วยยันแขนเข้ากับราวระเบียง ในขณะที่ลู่อี้เผิงจับเอวเขาไว้แน่น และจับกระแทกซ้ำๆ จากนั้นก็โอบตัวของอีกฝ่ายขึ้นมา จูบซ้ำลงไป รั้งขาข้างหนึ่งขึ้นสูง แล้วสานต่อจังหวะที่ลึกซึ้งขึ้น
   ท่ามกลางเสียงครางอย่างสุขสม บทรักยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง จากระเบียงมาที่ชั้นหนังสือ แล้วจบลงบนโซฟาบุหนังซึ่งตั้งอยู่ด้านใน
   บนจุดสุดยอดที่ต่างฝ่ายต่างปรนเปรอซึ่งกันและกัน ลู่อี้เผิงกอดหงคงฉ่วยไว้แน่น ไล้จูบไปทั่วใบหน้านั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะกระซิบเบาๆ ที่หูของอีกฝ่าย
   “คงฉ่วย ผม....”
   คำพูดที่เหลือถูกหงคงฉ่วยใช้ริมฝีปากดูดกลืนไปจนหมด ร่างเล็กกว่าซบหน้าลงบนไหล่ของเขา ก่อนจะกระซิบเสียงแห้ง
   “เผิงเผิง... ขอบใจนะ”
------------------------------------------------------
** อยากจะบอกว่า... เขียนบทนี้แบบ... ขาดๆ เกินๆ ยังไงไม่รู้ว... ตอนแรกวางแผนว่าจะเขียนถึงหงคงฉ่วย คั่นระหว่าง18.1กับ19 (เพราะสองตอนนั่นพูดถึงลู่อี้เผิงเป็นส่วนใหญ่)

แต่พอมาเริ่มเขียนจริงๆ ดันลืมว่าตอนแรกจะพูดถึงคงฉ่วยในแนวไหน สุดท้ายเลยไปออกที่ลู่อี้เผิงอีกจนได้... จากนั้นก็มีีความคิดว่า อยากจะเขียนNCของคู่นี้แบบจริงๆ จังๆ อีกสักตอนหนึ่ง (หลังจากที่ได้กันทุกตอนแบบปิดม่านหนี) แล้ว... ก็เจอปัญหาว่า... เขียนNCไม่ออก ไม่รู้ว่าเกิดจากภาวะถดถอยทางอายุ(!!!) หรือเพราะมันเป็นNCที่มาแบบไม่ได้ตั้งใจกันแน่ (นี่เรียกไม่ได้ตั้งใจหรือเนี่ย???!!)

ดังนั้น กว่าจะเขียนจบมันเลยแก้แล้วแก้อีก...... แบบ... เขียนไปเนื้อหามันจะชักเกินหน้าเกินตาบท19 ฮ่าๆๆๆ เผิงเผิงอ่อนยวบๆ เป็นขี้ผึ้งลนไฟเลยทีเดียว

สรุปว่าหมดช่วงเนื้อหาย้อนหลังเสียที (ซึ่งเป็นอะไรที่เขียนแล้วลำบากจริงๆ นะเนี่ย)

ต่อจากนี้จะเป็นตอนต่อล่ะค่ะ

ปล. เห็นแก่คนอ่านสุดๆ ใบ้ว่าดราม่าเรื่องนี้ ไม่ถึงกับตายกันไปคนละข้างหรอกค่ะ (จริงๆ นะ!!!!)

ออฟไลน์ เกริด้า(๐-*-๐)v

  • ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้นแหละ
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +349/-29
อย่าดราม่ามากนะ นะ นะ  :m13:

ที่จริงจะมี 18.3 .4 .5 ...... ต่อก็ไม่ว่ากันนะ อิอิ  :impress2:

ออฟไลน์ reborn23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
รออ่านตอนต่อไป
อยากรู้เบื้องหลังของนกยูงแดงจัง

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ดราม่าเรื่องนี้ไม่ถึงกับตาย  แค่พิการซ้ำซ้อนแค่เนั้นเอง  จริง จริ๊งงงงง  แบบนั้นป่ะ

ออฟไลน์ Ryze

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-1
ไอ้หยา... ท่าจะอีกนานที่คงฉ่วยจะยอมให้เผิงเผิงเ้ข้าปราการชั้นในสุดได้ล่ะเนาะ

(หรือจะไม่มีวันนั้น...แอร๊ยยยส์)
เหมือนเห็นขนมอยู่ตรงหน้าแต่โดนสั่งห้ามกิน

 :z3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด