[แจ้งข่าวหน้า1]红孔雀 นกยูงแดง (มาเฟีย?vsตำรวจ SMนะ!-จบ) แปะรูปp40 :9/9/2554
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ระหว่างพญานกยูงแดง หงคงฉ่วย กับนายตำรวจเถรตรง ลู่อี้เผิง ท่านๆ ชอบใครมากกว่ากันคะ^^

ต้องหงคงฉ่วยอยู่แล้ว ราชินีฉัน เริ่ด และแสบสนิทขนาดนี้!!
ต้องเผิงเผิงน้อยอยู่แล้ว เมะอะไร มันจะน่ารักน่าแกล้งขนาดนี้!!

ผู้เขียน หัวข้อ: [แจ้งข่าวหน้า1]红孔雀 นกยูงแดง (มาเฟีย?vsตำรวจ SMนะ!-จบ) แปะรูปp40 :9/9/2554  (อ่าน 615817 ครั้ง)

ออฟไลน์ pure_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
เป็นเอ็นซีที่หื่นแต่แอบฮาดีจริงๆ อ่านแล้วเหมือนไม่ได้อ่าน เอ็นซีแต่อ่านเรื่องตลกบนเตียงนอนมากกว่า  นับถือคนแต่งจริงๆ

ออฟไลน์ mamacub

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1034
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-0
ถ้าจะพากันหื่นขนาดนี้ ก็หื่นให้ตลอดน่ะ :haun4:ชอบ อิอิ

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
   
อ้างถึง
เรื่องของเว่ยจินหยินนั้นเหมือนกับหนังสยองขวัญเลวๆ เรื่องหนึ่ง

   
อ้างถึง
ถ้าไม่รู้มาก่อนว่านี่คือผู้ชายที่ได้ชื่อว่าฆ่าน้องชายแท้ๆ ของตัวเอง ลู่อี้เผิงคงเข้าใจผิดไปว่านี่คือเซลแมนขายของ ไม่ก็พนักงานบริษัทต๊อกต๋อยคนหนึ่ง

สองประโยคนี้ทำเอาหัวเราะก๊าก โถ เว่นจินหยินของเจ๊5555+ *แอบสะใจลึกๆ*

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
   
   
สองประโยคนี้ทำเอาหัวเราะก๊าก โถ เว่นจินหยินของเจ๊5555+ *แอบสะใจลึกๆ*

55+ จินหยินในสายตาคนอื่นเป็นอย่างนั้นจริงๆ นะคะ มีแต่อีตาเถียนเท่านั้นแหละที่ดูยังไงก็ดี คุณชายดี ดีทุกอย่าง เลิศที่สุด (อวยกันสุดๆ ) แต่...คุณชายก็ดูดีในสายตาคนเขียนเหมือนกันนะคะ รักคุณชายจังเลยยย :impress2:

ออฟไลน์ Alone Alone

  • ขอตายในอ้อมกอดฮยอกแจ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
รักคุณชาย แต่อยากได้เถียน (อ้าว)

ออฟไลน์ kny

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-16

fOnfOn :D

  • บุคคลทั่วไป
เผิงเผิงน้อยก็เสร็จก๊งก๊งจนได้


แต่ว่าตอนนี้เผิงเผิงน่ารักนะค่ะเนี๊ย มาการอ้อนด้วย  :laugh: :laugh:


ปล.แต่ที่น่ารักกว่าเผิงเผิงคือแปะชิกชิก  นกอะไร  ช่างพูดช่างจาสุดๆ

ออฟไลน์ rellachulla

  • iiRita♥World Behind My Wall♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-8

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
นกยูงกับจิ้งจอก ไม่ธรรมดาแบบไหนนะเนี่ย
แต่หลังๆ ดูเหมือนเผิงเผิงจะเก็บอาการไม่ค่อยอยู่แล้วนะ
บางครั้งเหมือนเต็มใจด้วยซ้ำ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ pochu52

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1328
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-0
เผิงเผิงดูท่าจะรักคงฉ่วยแบบไม่รู้แล้วอ่ะ มีหึงมีหวง แถมหลังๆ มีอารมณ์ร่วมตลอด
แต่หงคงฉ่วยกับคุณชายเว่ยจินหยินนี้สิ ต้องมีอะไรมันๆ ตามมาแน่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ zitronen-tee

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
    • https://www.facebook.com/DaisyLetter
อ่านไปเขินไปเเล้วก็นั่งขำเผิงเผิงจนปวดแก้ม  ตอนนี้น่ารักจริงๆ

ออฟไลน์ sunsatoh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
จิ้นแล้วเผิงเผิงเหมาะกับปลอกคออย่างมาก
รอบหน้าขอหูด้วยนะคะ

ออฟไลน์ pita

  • ขอเพียงกล้าทำตามฝัน จะล้มบ้าง ลุกบ้าง ช่างมันปะไร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +328/-13
เผิงเผิง จะหึงนกยูงกะจิ้งจอกมั้ยเนี่ย ฮี่ๆๆ

ออฟไลน์ เกริด้า(๐-*-๐)v

  • ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้นแหละ
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +349/-29
การซบอกของคงฉ่วยก็คือการอ้อนนนนนนนไง คึๆๆ  :impress2:

เสี่ยวชิกน่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกก น่ารักอ่ะ ฉลาดมากมายด้วย นิสัยพอๆกับเจ้าของเลย แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของเจ้าของนะเนี่ย! ^O^

รอดูต่อไปปปปปปปปป :z2:

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
มันน่ารักนะที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นแบบนี้อ่ะ  ทั้งน่ารัก  ทั้งฮา  ทั้งหื่น

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
ระหว่างนกยูง ปะทะ จิ้งจอก งานนี้ท่าทางจะมันส์หยด แล้วใครจะแพ้จะชนะละ   :o9:

แต่ที่แน่ๆ คือ เผิงเผิง แพ้ตลอดดดดด  :laugh:  :laugh:

debubly

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6

flawless

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งได้ติดตามอ่านค่ะ 11 ตอนรวดกันเลยทีเดียว 555+
ต้องขอโทษนะที่ต้องรวบเม้นต์ มาเป็นเม้นต์เดียว เด๋วต่อๆ ไป
จะเม้นต์ ให้ในทุกๆ ตอนที่อ่านจ้า

ก่อนอื่นต้องขอบอกเลยว่าแนวเรื่องแปลก แหวกแนวมาก
สำนวนการเขียนยิ่งแหวก กว่า เหมือนกำลังอ่านนิยายกำลังภายใน+นิยาย
สืบสวน สอบสวนแนวตำรวจฮ่องกงอยู่ เอิ๊กๆ  ชอบตัวนายเอกอ่ะ ฉลาด เจ้าเล่ห์
แถมเก่งอย่างหาตัวจับยาก  ทำเอาตาพระเอกเรากลายเป็นเด็กน้อยอมมือไปทีเดียว
อยากรู้อายุ นายเอกจริงจังอ่ะค่ะว่าอายุเท่าไหร่กันแน่ และทำไงถึงได้ไม่แก่ไม่เหี่ยวเลย
สงสัยกินเด็ก เป็นยาอายุวัฒนะแหง๋ๆ เอิ๊กๆ ไปล่ะค่ะ พบกันใหม่เมื่ออัพตอน 12 จ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






paradoxxx

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ Pepor

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-3
ทำไมอ่านแล้วคิดว่า เผิงเผิงมาติดกับคงฉ่วยล่ะ ><
แต่ได้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน(สักพัก) แล้วนะ เตียงคงไม่ใหญ่ไปสำหรับเผิงเผิงอีกแล้ว 

ความสัมพันธ์ของเว่ยจินหยินกับหงคงฉ่วย
  :a5:  หรือว่าคงฉ่วยเป็นก๋งก๋งที่แท้จริงของจินหยิน
(โดดหลบลูกเตะของนักเขียน)

ออฟไลน์ EunSung87

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +142/-2

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
โอ้ สวรรค์
บอกได้คำเดียวว่า
หนูอ่านเรื่องนี้แล้ว ติดงอมแงม
แม่เจ้าโว้ย ปลื้มองค์ราชินีตัวแม่จิงๆ
แต่ก้อเอาใจช่วยราชาตัวน้อยนะ
น่ารักขนาดนี้อ่ะ
เง้อ
หนูอยากอ่านต่อ
จะคลั่งตายไปให้ได้เลย

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ
ชอบนกยูงแดงมากมาย ดูเป็นราชินียังไงก็ไม่รู้อิอิ
ส่วนเผิงเผิงของเราพักหลักๆรู้สึกว่าจะหื่นใช่ย่อยนะคะ
แต่ก็ชอบค่ะ 555555

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
ยังอ่านไม่ทันปัจจุบัน แต่หงคงฉ่วยกะเสี่ยวเผิงเผิงเนี้ย  :impress2:
ทั้งหื่น ทั้งฮา  :z1:ยิ่งหงคงฉ่วยเวลาแทะโลมเผิงเผิง ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่
=======
ทันปัจจุบันแล้ว อ๊ากกกก...อยากบอกว่าหลงรักคงฉ่วยเข้าเต็มๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-08-2011 22:19:42 โดย nolirin »

ออฟไลน์ Mookkun

  • magKapleVE
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 637
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
    • Consensual free relationships
โอ๊ยยยยย คนแต่งเก๊าติดเรื่องนี้แล้วนะเนี่ยยยย!!! 
ขอบคุณก๊าบบบบบบบ~

zhiki

  • บุคคลทั่วไป
รอตอนต่อไปเน้ออ ชักจะเริ่มหลงคงฉ่วยซะแล้วสิเรา~  :กอด1:

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
**คิดว่าจะไม่ได้มาอัพวันนี้แล้วนะเนี่ย ยังเขียนทันอีก (ควรดีใจดีมั้ย?!! :z3:)


红孔雀นกยูงแดง 12
   ลู่อี้เผิงไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรกันแน่ นี่ก็สี่วันเข้าไปแล้ว หงคงฉ่วยไม่ได้ติดต่อกับใคร ออกไปไหน หรือทำอะไรให้เขารู้สึกผิดสังเกตเลยสักนิด นอกจากล่ามคอเขาไว้ด้วยปลอกคอหนังแล้ว วันๆ หนึ่ง เจ้าหมอนี่ตื่นมาไม่ลากเขาไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ก็ดื่มยาบำรุง จากนั้นก็บังคับเขารำมวยทั้งๆ ที่ยังล่ามคอเขาอยู่ แล้วก็ทานอาหารเช้า จากนั้นก็ใช้เวลาไปกับการเล่นกับนกกระตั้วตัวนั้น พยายามจะจับคู่นกกับคู่หมั้นอีกตัวที่มาตั้งนานแล้ว ยังไม่ออกไข่ให้เสียที รวมไปถึงใช้เวลาครึ่งวันไปกับการป้อนแมลงให้ต้นไม้กินแมลงสารพัดชนิดที่อยู่ในเรือนเพาะชำ อืม... และเวลาบางส่วนก็เอามายั่วประสาทเขา
   นายตำรวจหนุ่มเริ่มนึกสงสัยว่า หงคงฉ่วยทำธุรกิจอะไรกันแน่ ทำไมใช้ชีวิตไร้สาระไปวันๆ แบบนี้ ถึงได้มีเงินเลี้ยงดูปูเสื่อคนรับใช้ในคฤหาสน์เป็นสิบๆ เท่านั้นยังไม่พอ ไหนจะค่าดูแลรักษาบำรุงคฤหาสน์ ค่าน้ำมัน ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงรถที่บางคันก็เวอร์สุดๆ อย่างลีมูซีนตอนยาวกันกระสุนที่เคยสั่งให้คนพุ่งไปช่วยเขานั่นแหละ คิดไปคิดมามันก็น่าสงสัยจริงๆ
   “เผิงเผิง เป็นอะไรอีกน่ะ” หงคงฉ่วยพูด พลางละสายตาจากต้นซาราซิเนียที่แค่กรวยของมันก็แทบจะสูงท่วมหัวมามองเขา ลู่อี้เผิงมองคนถาม แล้วมองดูใบรูปกรวยของต้นซาราซิเนีย “ผมกำลังคิดว่า ถ้าต้นมันใหญ่กว่านี้ คุณจะเอาคนใส่ลงไปแทนแมลงหรือเปล่า?”
   หงคงฉ่วยเลิกคิ้วมองเขา แล้วพยักหน้าหงึกๆ “เป็นความคิดที่ดีมากเลย วันหลังฉันลองตัดนิ้วใครหย่อนลงไปดีกว่า ไม่แน่นะ มันอาจจะต้นใหญ่ขึ้นกว่าเดิมก็ได้”
   ลู่อี้เผิงพยายามจะบังคับกล้ามเนื้อบนใบหน้าเต็มที่ ไม่ให้แสดงความสยดสยองออกไป หงคงฉ่วยมองหน้าเขาอยู่พัก ก็พูดขึ้นอย่างนึกได้ “ไหนๆ เผิงเผิงก็เป็นคนพูด ลองเอานิ้วของเผิงเผิงก่อนเลยดีกว่า” จากนั้นก็หันไปหยิบกรรไกรตัดกิ่งที่วางอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ขึ้นมา คราวนี้ลู่อี้เผิงคงทำหน้านิ่งต่อไปไม่ไหว เลยร้องขึ้น “นี่ หยุดคิดบ้าๆ แล้ววางกรรไกรลงเหอะ ผมไม่ใช่อาหารต้นไม้นะ”
   หงคงฉ่วยตีหน้าเสียใจประหนึ่งนกถูกยิงร่วงจากคบไม้ แล้วพูดตอบ “อะไรกัน เผิงเผิงเป็นคนออกความคิดแท้ๆ แบบนี้ไม่รับผิดชอบเลยนี่”
   นี่ถ้าเขาบีบคอหงคงฉ่วยได้ทุกครั้งที่คิด ไอ้หมอนี่คงตายไปไม่ต่ำกว่าล้านรอบแล้วล่ะมั้ง ลู่อี้เผิงขบฟันอย่างอดกลั้น ก่อนจะพูดตอบไป “ผมก็แค่สงสัยว่านิสัยอย่างคุณ อาจจะอยากลองอะไรแปลกๆ ก็ได้”
   “นั่นแหละ เผิงเผิงชักจะรู้ใจฉันเข้าไปทุกวันแล้ว” หงคงฉ่วยพูดพลางยิ้มร่า “ไหนยื่นนิ้วมาให้ตัดหน่อยซิ”
   “จะบ้าเรอะ ผมไม่ใช่ต้นไม้นะ อยากตัดก็ตัดนิ้วคุณสิ” ลู่อี้เผิงสวนทันที หงคงฉ่วยทำหน้าหงอยๆ แล้ววางกรรไกรกลับเข้าที่ “ไม่เอาล่ะ นิ้วฉันมันอายุมากแล้ว หนังเหนียว เดี๋ยวต้นไม้ที่น่ารักจะย่อยไม่ไหว”
   ทีอย่างนี้ล่ะรู้ตัวว่าแก่ขึ้นมาเชียวนะ!!
   ลู่อี้เผิงถลึงตามองหงคงฉ่วยเหมือนกับจะฆ่าให้ตายอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา “คงฉ่วย ผมถามจริงๆ เถอะ คุณทำงานอะไรกันแน่?”
   หงคงฉ่วยมองหน้าเขา แล้วสั่นศีรษะ “คำว่าทำงานน่ะใช้กับคนวัยรุ่นแบบเผิงเผิงต่างหาก อย่างฉันมันรุ่นกินบำนาญแล้ว”
   ลู่อี้เผิงถลึงตามองหงคงฉ่วยอีกรอบ “คุณอายุหกสิบแล้วหรือไง?”
   “ดูเหมือนรึเปล่าล่ะ” ทางนั้นย้อยถาม นายตำรวจหนุ่มกวาดตามองขึ้นๆ ลงๆ อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้น “เหมือนแล้วๆ ผมว่าคุณเริ่มมีรอยตีนกาขึ้นบนหน้าแล้วล่ะ”
   คราวนี้หงคงฉ่วยมองหน้าเขาอย่างตกตะลึงประหนึ่งเห็นไดโนเสาร์ยืนอยู่ด้านหลังก็ไม่ปาน ก่อนจะจัดการลากคอเขาออกไปจากเรือนเพาะชำ
------------------------------------------
   อยู่มาสี่วัน ลู่อี้เผิงตามหงคงฉ่วยไปทุกที่ ทุกที่เลยจริงๆ แม้แต่ในห้องน้ำ เพราะไอ้นกยูงบ้านี่ไม่ยอมปล่อยโซ่ที่ล่ามคอเขาอยู่สักที ซึ่งเรื่องนี้ลู่อี้เผิงไม่รู้ว่าจะถือเป็นเรื่องดีได้รึเปล่า เขาถูกสั่งให้มาจับตามองหงคงฉ่วยยี่สิบสี่ชั่วโมง วางแผนแทบตาย แต่พอมาถึง เจ้าหมอนี่ก็จัดแจงล่ามเขาเอาไว้ยี่สิบสี่ชั่วโมงเสียอย่างนั้น...
   ให้ตายซี่.....
   ตอนนี้หงคงฉ่วยพาเขากลับมาที่ห้องนอน หยุดยืนตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เพ่งมองใบหน้าตัวเองในกระจกอยู่เป็นพักใหญ่อย่างกับนกหงหยก ก่อนจะเปิดลิ้นชักโต๊ะ หยิบกระจกนูนทรงกลมขึ้นมา ส่องดูทั้งหน้า โดยเฉพาะบริเวณหางตาอยู่อยู่อีกพักหนึ่ง ทางนั้นก็หันมาแล้วตีหน้าบึ้งใส่เขาทันที
   “ฉันจะตัดลิ้นเธอ โทษฐานที่โกหกหน้าด้านๆ ”
   ไม่พูดเปล่า หงคงฉ่วยดึงโซ่อย่างแรง จากนั้นก็ยื่นมือมาบีบกรามเขา “คนโกหกต้องถูกตัดลิ้น”
   ลู่อี้เผิงเบิ่งตาค้าง ในตอนที่หงคงฉ่วยประกบปากเข้ามา อย่าคิดว่านี่เป็นการจูบแบบปกติ หงคงฉ่วยบีบกรามเขาอย่างแรงจนน้ำตาแทบร่วง แถมพออ้าออกแล้วก็ยังเอาลิ้นล้วงเข้ามา ดึงลิ้นของเขาเข้าไป จากนั้นก็เอาฟันงับไว้
   “!!!!”
   หงคงฉ่วยงับลงบนลิ้นนั้นอย่างแรง ลู่อี้เผิงจะร้องก็ร้องไม่ออก ได้แต่ส่งเสียงอื้อในคอสั้นๆ ก่อนจะรีบยกมือขึ้นปิดปาก เมื่อทางนั้นผละออก
   “จะกัดให้ขาดเลยหรือไง?!” ลู่อี้เผิงโวยวายออกมา ทั้งๆ ที่ลิ้นยังไม่หายเจ็บดี หงคงฉ่วยเชิดหน้าหน่อยๆ แล้วพูดเสียงเรียบ “เด็กโกหก เตือนแค่นี้ยังน้อยไปนะ ถ้ากล้าพูดโกหกแบบนี้อีกทีล่ะก็ ฉันจะตัดลิ้นเธอจริงๆ ”
   ลู่อี้เผิงมองหน้าหงคงฉ่วยอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพูดออกมา “ไม่รู้ว่าคุณซีเรียสเรื่องหน้าตาขนาดนี้”
   เสียงที่อ่อนลงของชายหนุ่ม พลอยทำให้สีหน้าของหงคงฉ่วยอ่อนลงบ้าง “แน่นอนสิ ไม่อย่างนั้นฉันจะอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้เหรอ”
   “อืม...” ลู่อี้เผิงส่งเสียงในลำคอ “ผมขอโทษนะ”
   คราวนี้หงคงฉ่วยหันหน้ามองเขาเหมือนเห็นสัตว์ประหลาด ลู่อี้เผิงมองแล้วก็บอกตัวเองให้ในเย็นๆ เข้าไว้ นี่ก็แค่นกยูงกวนประสาทตัวหนึ่ง
   “นี่ คงฉ่วย ทำหน้าเครียดแบบนั้นไม่ดีต่อกล้ามเนื้อนะ ผมขอโทษแล้ว ก็แล้วกันเถอะ” ลู่อี้เผิงพยายามปั้นหน้าอ่อนโยนตอบไป ก่อนจะพูดขึ้นต่อ “เดี๋ยวผมช่วยรักษาโรคเครียดให้แล้วกัน” พูดจบก็กลั้นใจ จูบแก้มหงคงฉ่วยทีหนึ่ง ก่อนจะพูดยิ้มๆ “หายแล้วนะ”
   หงคงฉ่วยกะหริบตามองเขาปริบๆ ก่อนจะยกมือขึ้นแตะหน้าผาก “ตัวร้อนจี๋เลยเผิงเผิง ฉันว่าให้หลี่คงต้มยาให้เธอกินสักถ้วยดีกว่า”
   คราวนี้ลู่อี้เผิงตีหน้าเทวดาไม่ไหวอีก ต้องร้องว้ากออกมา “คงฉ่วย คุณนี่มัน!!!!!!!”
   หงคงฉ่วยหัวเราะคิกคักและกระโดดหนีลู่อี้เผิงที่กระโจนเข้ามาด้วยหมายจะจับเขาบีบคอสักทีหนึ่ง
   “เสี่ยวเผิงเผิงใจร้าย รังแกคนแก่ไม่มีทางสู้ได้ยังไง” พูดพลางกระชากโซ่ที่ล่ามคอลู่อี้เผิงไปพลาง นายตำรวจหนุ่มอยากจะถามออกไปจริงๆ ว่านี่มันคนแก่ไม่มีทางสู้ตรงไหนเนี่ย?!!
   วิ่งไล่กันไปได้สักพัก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าใครไล่ใครกันแน่ ลู่อี้เผิงก็พูดขึ้น “คงฉ่วย ถามอะไรสักอย่างสิ”
   “หืม?”
   “รู้จักเว่ยจินหยินหรือเปล่า?”
   นัยน์ตาสีดำของหงคงฉ่วยหรี่ลงมองเขาทันที “ถามทำไมน่ะ?”
   “วันก่อนผมบังเอิญเปิดสมุดเจอประวัติเขา เลยอยากมาถามคุณว่าจริงๆ แล้วเขาเป็นคนแบบนั้นรึเปล่า” ลู่อี้เผิงพยายามทำหน้าอยากรู้อยากเห็นสุดๆ หงคงฉ่วยเอียงคอมองเขาอยู่พักหนึ่งก็พูดตอบ
   “ที่ว่าฆ่าน้องชายตัวเองน่ะรึ?” หงคงฉ่วยว่า ลู่อี้เผิงพยักหน้าทันที ความจริงเขาแค่อยากรู้ว่าระหว่างหงคงฉ่วย กับเจ้าจิ้งจอกนั่น เคยมีเรื่องหมางใจอะไรกันก่อนหน้านี้หรือเปล่าเท่านั้นเอง หงคงฉ่วยมองเขา แล้วตอบยิ้มๆ “ฉันไม่ใช่พ่อเขานี่ จะไปรู้ได้ไง แต่ขนาดพ่อเขาเองยังเชื่อว่าลูกชายคนนี้เป็นคนฆ่าเลย”
   “อ้อ งั้นก็แปลว่าเขาฆ่าน้องชายตัวเองจริงๆ สินะ” ลู่อี้เผิงว่า ได้ยินเสียงหงคงฉ่วยถอนหายใจ “นี่ คดีนั้นน่ะ สำนวนยังสรุปไม่ได้เลยไม่ใช่หรือไง เราเลิกคุยกันเรื่องนี้เถอะ”
   “คุณไม่ชอบเขาหรือ?” ลู่อี้เผิงได้ทีถามขึ้นทันที หงคงฉ่วยมองเขา แล้วยกมือขึ้นจับคางเอาไว้ “ฉันไม่ชอบให้เธอพูดถึงผู้ชายคนอื่นเวลาอยู่กับฉัน”
   ไม่รู้ว่าอุปปาทานไปเองรึเปล่า ลู่อี้เผิงรู้สึกร้อนวาบขึ้นมาบนใบหน้า ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาก็พูดเรื่องอาชญากรคนอื่นกับหงคงฉ่วยมาตลอดแท้ๆ แถมส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ชาย หงคงฉ่วยมองหน้าเขาอยู่พัก จากนั้นก็ก้มลงดูดปากดังจุ๊บ ก่อนจะพูดขึ้นต่อ “ไปทานอาหารเที่ยงแล้วไปหาเสี่ยวชิกกันเถอะ
---------------------------------------------------------------
   กว่าจะหมดวัน ลู่อี้เผิงก็แทบจะเป็นโรคประสาทตาย เขาใช้เวลาเกือบตลอดบ่าย ไปกับการถูกเจ้านายและนกคู่นั้นกวนประสาท นึกๆ แล้วอยากจะจับหักคอปิ้งกินทั้งคู่จริงๆ ดีหน่อยที่ช่วงเย็นหงคงฉ่วยย้ายตัวเองไปห้องอ่านหนังสือ เลยพอให้เขาได้มีเวลาพักบ้าง ถึงหนังสือที่เจ้าหมอนั่นยัดเยียดให้อ่านจะเป็นกามสูตรฉบับจีนก็เถอะ
   แค่นึกว่าพรุ่งนี้จะต้องทนชีวิตแบบนี้ไปอีกวัน ลู่อี้เผิงก็แทบอยากจะวิ่งกลับกรมแล้ว เมื่อไหร่ไอ้เจ้าพวกนั้นมันจะขนของกันเสียทีล่ะเนี่ย เขาจะได้เลิกงานนี้แล้วหันไปจับปืน ขับรถไล่ล่าผู้ร้ายแทน ขอทำอะไรแบบนั้นยังจะดีต่อสุขภาพจิตมากกว่า
   “เผิงเผิง ได้เวลาอาบน้ำแล้ว”
   ลู่อี้เผิงสะดุ้ง พอหันกลับไปก็เห็นหงคงฉ่วยยืนเท้าสะเอวเต๊ะท่าเป็นนายแบบอยู่ “ลุกได้แล้วล่ะ ชักช้าเดี๋ยวจะนอนดึก”
   ลู่อี้เผิงลุกเดินตามเข้าไปในห้องน้ำทันที
---------------------------------------
   สี่วัน หงคงฉ่วยล่ามเขาไม่ปล่อยเลยจริงๆ กระทั่งเวลาอาบน้ำ แน่นอน เขายังคงต้องแช่น้ำโดยหันหน้าเข้าหาอีกฝ่าย ลู่อี้เผิงคิดว่า ถ้าตัวเองไม่หัดระงับอารมณ์ตอนนี้ จะไปหัดเอาตอนไหน ยิ่งหลังๆ มานี่ เขาเริ่มชักกลัวตัวเองมากขึ้นทุกที เพราะหน้ามืดกับเจ้านกยูงบ้านี่บ่อยเหลือเกิน พอนึกไปแล้วมันน่าขายขี้หน้าจนแทบอยากจะมุดดินหนีจริงๆ
   “เผิงเผิง วันนี้เลือดลมเดินไม่ดีหรือ?” หงคงฉ่วยถามยิ้มๆ พลางตวัดสายตามองเขาขึ้นๆ ลงๆ ลู่อี้เผิงที่แช่น้ำอยู่ฝั่งตรงข้ามถลึงตาใส่แล้วพูดตอบ “เลือดลมผมคงเดินดีขึ้นกว่านี้ ถ้าคุณหยุดพูดจากวนประสาท แล้วเลิกมองผมด้วยสายตาหื่นๆ แบบนั้นสักที”
   “แหม... เผิงเผิงพูดอะไรไม่อายปาก” หงคงฉ่วยว่า “ทีตัวเองยังมองของคนอื่นเลยนี่”
   “ผมไปมองของใครเมื่อไหร่กัน” ชายหนุ่มอ้าปากเถียง อีกฝ่ายไม่ตอบโต้อะไร เพียงแต่เอนตัวพิงขอบอ่าง แล้วแยกขาออกนิดหน่อย ลู่อี้เผิงถึงกับลืมหายใจไปชั่วขณะ ถลึงตาจ้องไปที่ร่างนั้น หงคงฉ่วยหัวเราะคิกคักแล้วพูดต่อ “นี่ มองอะไรอยู่น่ะ”
   ลู่อี้เผิงได้สติทันที จึงรีบหันหน้าไปอีกทาง “ผมก็แค่สงสัยว่าทำไมมันไม่เหี่ยวไม่ย่นอย่างที่ควรจะเป็นก็แค่นั้นแหละ”
   “อ๋อเหรอ..” หงคงฉ่วยลากเสียง “ไม่ใช่ว่าหลงเสน่ห์ฉันแล้วหรอกรึ?”
   “ผมไม่หลงตาแก่แร้งทึ้งอย่างคุณหรอกน่า” ลู่อี้เผิงว่า แล้วก็ถูกอีกฝ่ายตบแก้มดังเพี้ยะ    “ปากเสียจริงๆ ” หงคงฉ่วยว่า แล้วขยับเข้ามาใกล้ “อยากโดนตัดลิ้นมากหรือไง?”
   ลู่อี้เผิงเบือนหน้าหนี แต่ก็ไม่พ้นมือของหงคงฉ่วยอยู่ดี ฝ่ายนั้นยื่นมือมาจับหน้าเขาเอาไว้ บีบกรามเขาจนแยกออก แล้วสอดลิ้นเข้ามา นายตำรวจหนุ่มพยายามจะขัดขืนเต็มที่ เพราะคราวก่อนเกือบจะโดนกัดลิ้นขาด ไม่แน่ว่ารอบนี้เจ้านกยูงนี่อาจจะเอาจริงก็ได้
   ทำสงครามกันในปากได้สักพัก หงคงฉ่วยก็ดึงลิ้นเขาเข้าไปกัดจนได้ ทางนั้นกัดเบาๆ แล้วเคล้าลิ้นบดมาอย่างแรง จนลู่อี้เผิงร้องอืออยู่ในลำคอ ก่อนจะดึงศีรษะของอีกฝ่ายเข้ามา แล้วพยายามโต้กลับบ้าง
   เกือบจะขาดอากาศตาย ในที่สุดหงคงฉ่วยก็ถอนริมฝีปากออก แล้วแลบลิ้นเลียปากตัวเอง ก่อนจะจ้องหน้าเขา ไล่ลงมาจนถึงส่วนที่แช่อยู่ใต้น้ำ ด้วยสายตาลามกเป็นที่สุด ลู่อี้เผิงร้อนวาบไปทั้งตัว จากนั้นหงคงฉ่วยก็ขยับขึ้นคร่อมเขา
   “ไหนว่าต้องใส่ถุงยางไง” ลู่อี้เผิงถามขึ้นมาทันที แต่ก็ยกมือจับเอวของทางนั้นไว้แน่น กะว่ายังไงรอบนี้จะไม่ยอมให้หนีกลางคันเด็ดขาด หงคงฉ่วยยิ้มที่มุมปาก แล้วเอื้อมมือไปหยิบอะไรบางอย่างมาจากชั้นวางผ้าเช็ดตัว จากนั้นก็ยื่นให้นายตำรวจหนุ่ม
   “ให้ยืมก่อน รอบหน้าเอามาคืนด้วยล่ะ”
   ลู่อี้เผิงฉวยซองถุงยางนั้นมา จากนั้นก็ฉีกออก แล้วใส่ให้กับตัวเองทั้งๆ ที่อยู่ในน้ำ ระหว่างนั้นหงคงฉ่วยบังคับจูบเขาอีกครั้ง
   การสอดใส่เป็นไปอย่างราบรื่นมากกว่าตอนอยู่บนที่แห้งๆ เสียอีก คงเพราะมีทั้งน้ำและสบู่เป็นตัวช่วยด้วยล่ะมั้ง เพียงไม่นานลู่อี้เผิงก็รู้สึกได้ถึงการตอดรัดอย่างรุนแรงในร่างกายของอีกฝ่าย
   นายตำรวจหนุ่มสูดหายใจเฮือก มองดูร่างของอีกฝ่ายที่เริ่มกลายเป็นสีชมพูจัด ท่าทางเลือดลมของเจ้านกยูงนี่จะสูบฉีดได้ดีเวลาทำอะไรแบบนี้ ทั้งคู่จูบกันอีกครั้ง จากนั้นสมองของลู่อี้เผิงก็คิดอะไรไม่ออกอีก เพราะสติทั้งหมดไปจดจ่ออยู่กับส่วนล่างที่กำลังเสียดสีกันอย่างรุนแรง
   ไม่รู้ว่าบทรักครั้งนี้กินเวลานานเท่าไหร่ ได้สติอีกที ลู่อี้เผิงก็รู้สึกในหัวเบลอๆ ต้องพยายามพยุงตัวออกมาจากห้องน้ำ พอถึงเตียงก็ล้มตัวลงนอนแผ่หมดสภาพ หงคงฉ่วยยิ้มที่มุมปากหน่อยๆ แล้วก้มลงกัดคางเขา “เผิงเผิงเด็กดี คืนนี้หลับฝันดีนะ”
   จากนั้นก็ลมต้วลงนอนข้างๆ ลู่อี้เผิงขมวดคิ้วมุ่น ในสติอันเลือนราง เขาเริ่มคิดว่า หงคงฉ่วยที่ยั่วเขามาตลอดสี่วัน แต่เพิ่งมายอมให้ทำอะไรวันนี้ ทั้งๆ ที่ปกติมักไม่พลาดโอกาสขึ้นขย่มเขา.. นี่อาจจะมีอะไรสักอย่างซ่อนอยู่ก็ได้
   ในขณะที่กำลังเคลิ้มๆ ลู่อี้เผิงก็รู้สึกว่าคนที่นอนอยู่ข้างๆ ค่อยๆ ลุกขึ้นช้าๆ สติของนายตำรวจหนุ่มกลับมาตื่นตัวทันที ไม่ผิดล่ะ หงคงฉ่วยกำลังจะลุกจากเตียง ไปเข้าห้องน้ำงั้นรึ? แต่คืนก่อนๆ ไม่เห็นเข้าเลยนี่นา จากนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนหงคงฉ่วยยื่นมือมาที่คอ จากนั้นก็ได้ยินเสียงกริ๊กเบาๆ
   นอนนิ่งอยู่อึดใจ ลู่อี้เผิงก็ค่อยๆ หรี่ตาขึ้นมอง หงคงฉ่วยไม่ได้เข้าห้องน้ำ แต่ตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า เปิดออกเบาๆ จากนั้นก็เปลี่ยนชุด จากนั้นก็ค่อยๆ เปิดประตูออกจากห้องไป
   หัวใจของลู่อี้เผิงเต้นแรงขึ้นทันที เขาลุกขึ้นจากเตียง แล้วคว้าเสื้อผ้ามาใส่ ก่อนจะเปิดประตู ค่อยๆ ย่องตามออกไป
   หงคงฉ่วยไปไหนกันแน่ แค่ออกไปธุระในคฤหาสน์ หรือว่า.....
----------------------------------------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-08-2011 05:17:15 โดย juon »

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
   ตอนที่ลู่อี้เผิงเปิดประตูออกไป ยังเห็นชายเสื้อของหงคงฉ่วยอยู่ไหวๆ นายตำรวจหนุ่มรีบย่องตามไป นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เดินทางยาวในคฤหาสน์ของหงคงฉ่วยโดยไม่ต้องปิดตา หงคงฉ่วยเดินไปทางระเบียงทางเดินด้านซ้าย จากนั้นก็เลี้ยวขวาลงบันไดวน แล้วก็ไปโผล่ยังอุโมงค์อุโมงค์หนึ่ง
   ที่ปลายอุโมงค์มีรถมอเตอร์ไซค์จอดอยู่หลายคัน ลู่อี้เผิงจำไม่ได้ว่านี่ใช่อุโมงค์เดียวกับที่หงคงฉ่วยพาเขามาเมื่อวันก่อนหรือเปล่า เพราะส่วนใหญ่อุโมงค์จะหน้าตาเหมือนๆ กันหมด จากนั้นหงคงฉ่วยก็ขึ้นขี่มอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง แล้วขับออกไป
   เสียงเครื่องยนต์ดังสะท้อนก้องไปทั่วอุโมงค์ ลู่อี้เผิงรีบวิ่งตามออกไป และพบว่ามอเตอร์ไซค์คากุญแจเอาไว้ทุกคัน การเตรียมพร้อมเผื่อฉุกเฉินขนาดนี้ของหงคงฉ่วยให้ประโยชน์กับเขาเต็มๆ
   ลู่อี้เผิงรีบขึ้นมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง แล้วภาวนาว่าเสียงที่สะท้อนก้องแบบนี้คงไม่ทำให้ทางนั้นสงสัยว่ามีใครขี่รถตามมาหรอก
   หงคงฉ่วยขี่มอเตอร์ไซค์ได้หวาดเสียวเช่นเคย และเร็วเอามากๆ ด้วย ลู่อี้เผิงเลยจำต้องบิดคันเร่งเต็มที่เพื่อรักษาระยะห่างเอาไว้ สักพักเขาก็โผล่ขึ้นมาในพงหญ้าที่เชื่อมกับถนนใหญ่ โชคดีที่เสียงรถบรรทุกซึ่งวิ่งไปวิ่งมาบนถนนเส้นนั้น ช่วยกลบเสียงมอเตอร์ไซค์สองคันได้สนิท
   หงคงฉ่วยขี่มอเตอร์ไซค์ไปตามถนน และเลี้ยวเข้าไปในท่าเรือแห่งหนึ่ง ลู่อี้เผิงใจเต้นโครมคราม เจ้าหมอนี่คงไม่ได้มาท่าเรือแค่เพราะอยากล่องเรือกลางดึกแน่ๆ นายตำรวจหนุ่มบีดมอเตอร์ไซค์ด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรสายตรงเข้าสู่ทีมที่รอฟังข่าวอยู่
   “เขามาที่ท่าเรือA เตรียมกำลังเอาไว้ด้วย”
----------------------------------------------------------
   เว่ยจินหยินเงยหน้ามองเรือลำใหญ่ ก่อนจะหันไปหาอีกคนหนึ่งซึ่งเดินเข้ามา
   “พวกตำรวจเริ่มเคลื่อนไหวตามแผนหลอกของคุณแล้ว คุณนี่ร้ายจริงๆ ” คนที่พูดเป็นชายวัยราวๆ สักสามสิบห้า รูปร่างสูงโปร่ง สวมสูทลำลองกับกางเกงยีนส์สีสนิม เว่ยจินหยินมองเขาแล้วยิ้มออกมา
   ถ้ามีคำกล่าวว่า ยิ้มของสาวงามสามารถล่มเมืองได้ ยิ้มของเว่ยจินหยินก็คงสามารถฆ่าคนได้
   รอยยิ้มไร้เดียงสาราวกับรอยยิ้มของเทวดา ที่แฝงความชั่วร้ายดังปิศาจเอาไว้เบื้องหลัง
   “หงคงฉ่วยเป็นคู่แข่งทางธุรกิจของผมมานาน ผมแค่ถือโอกาสนี้กำจัดเขา แล้วก็ดำเนินธุรกิจกับพันธมิตรใหม่อย่างคุณเท่านั้นแหละครับ คุณลี”
   คนที่ถูกเรียกว่าลียิ้มตอบ “ผมคงจะเป็นพันธมิตรกับคุณได้ ถ้าการขนย้ายสินค้ารอบนี้ลุล่วงลงไปได้”
   “นี่ก็สำเร็จไปได้กว่าครึ่งแล้วล่ะครับ หงคงฉ่วยมีพฤติกรรมแปลกๆ ชอบไปเดินเล่นริมท่าเรือกลางดึกในคืนเดือนมืด พฤติกรรมนี้ยังไงก็ต้องเป็นที่สงสัยของพวกตำรวจอยู่แล้ว ท่าเรือที่เขาชอบไปห่างจากนี่เยอะมาก คุณขนของให้สบายใจไปเถอะครับ”
   คนชื่อลีมองเขาพักหนึ่ง แล้วถามออกมา “อืม ผมได้ยินมาว่าหงคงฉ่วยลี้ลับ แต่คุณพูดเหมือนรู้จักเขาดี คุณกับเขามีความสัมพันธ์อะไรกันมาก่อนหรือไง”
   “ความสัมพันธ์ของเราไม่น่าพูดถึงหรอกครับ” เว่ยจินหยินตอบยิ้มๆ “คุณจัดการสินค้าของคุณไปเถอะครับ เรื่องท่าเรือและทุกอย่าง ผมรับผิดชอบเอง รับรองว่ายังไงก็ต้องเรียบร้อยแน่นอนครับ”
   คนชื่อลียิ้มออกมาอีก “พักนี้ตำรวจกดดันพวกผมอย่างหนัก ได้เห็นความฉลาดปราดเปรื่องของคุณท่านแห่งตระกูลเว่ยกับตาแบบนี้แล้ว ผมก็พอจะเบาใจได้ล่ะครับ”
   “ชมเกินไปแล้วล่ะครับ” ผู้ชายที่สวมแว่นตากรอบทองและหวีผมเรียบแปล้ติดหนังศีรษะตอบ “ผมก็แค่อยากได้พันธมิตรทางธุรกิจดีๆ อย่างคุณเพิ่มเท่านั้นล่ะครับ”
   “อืม รอบบนี้ถ้าเป็นไปได้สวยก็ถือว่าเราสมผลประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย รอบหน้าผมอาจจะเพิ่มมูลค่าการส่งกับคุณอีก ยินดีที่ได้ร่วมงานกับคุณนะครับ”
   พูดจบก็ยื่นมือมา เว่ยจินหยินเพียงแต่ยิ้มให้ ชายรูปร่างสูงใหญ่ผู้มีแผลเป็นตรงใต้แก้มซ้ายที่ยืนเงียบๆ อยู่ด้านข้างมานานจึงพูดขึ้นแทน “คุณท่านไม่ชอบสัมผัสร่างกายกับคนอื่นนะครับ ขออภัยด้วย”
   “อ้อ...” คนชื่อลีครางออกมา เว่ยจินหยินพูดขึ้นต่อ “ขอโทษด้วยนะครับ พอดีมือผมมันไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่”
   ฝ่ายนั้นจ้องหน้าเขาอยู่พัก แล้วก็หัวเราะออกมา “คุณนี่มัน.... สมกับที่เขาร่ำลือกันจริงๆ นะ”
   เว่ยจินหยินไม่ตอบอะไร ได้แต่หัวเราะ ตอนนั้นเองที่เสียงใครอีกคนดังขึ้น
   “ระรื่นใหญ่เลยนะ เจ้าเด็กแซ่เว่ย คิดว่าแผนการแค่นี้ฉันจะดูไม่ออกหรือไง?”
   เว่ยจินหยินหันควับไปตามเสียงทันที คนพูดยืนอยู่ในเงามืดของตู้คอนเทนเนอร์ มองเห็นหน้าไม่ค่อยชัด แต่ก็พอจะเห็นสีของเสื้อและกางเกงที่เจ้าตัวสวมอยู่ สีแดงคล้ำราวกับเลือดที่กำลังแห้งกรัง
   “หงคงฉ่วย!!” เว่ยจินหยินร้องขึ้น และหยิบปืนออกมาทันที คนตัวสูงที่ยืนข้างเขาก็ขยับตัวอยู่ในท่าเตรียมพร้อมเหมือนกัน คนที่ยืนอยู่ในเงามืดพูดขึ้นอีก
   “ยังจำกันได้อีกหรือนี่ น่าดีใจจริงๆ แต่คิดว่าปืนแค่นั้นจะทำอะไรฉันได้หรือไง”
   เว่ยจินหยินไม่ตอบ แต่เหนี่ยวไกปืนลูกโม่ในมือ
   ปัง ปัง ปัง
   เสียงปืนดังก้องไปทั่วท่าเรือกว้าง แต่คนที่ยืนหลบในเงามืดหายไปแล้ว จากนั้นก็มีเสียงดังตามขึ้นมา “เว่ยจินหยินเอ๋ย คิดว่าเอาตำรวจมาดักฉันแล้วฉันจะเคลื่อนไหวอะไรไม่ถนัดล่ะสิ คิดผิดแล้วล่ะ”
   ทั้งสามคนที่ยืนอยู่หันมองไปรอบๆ คนชื่อลีถามขึ้นมา “คุณเว่ย เจ้าหมอนี่มันเป็นตัวอะไรกันแน่?”
   “เป็นคนเหมือนคุณกับผมนี่แหละ” เว่ยจินหยินว่า และได้ยินเสียงหัวเราะดังตามขึ้นมา “ไอ้เด็กเมื่อวานซืนเอ๋ย ฉันจะจัดการสั่งสอนพวกแก ก่อนที่ตำรวจจะทันได้รู้ตัวเสียอีก การได้ตายในน้ำมือของหงคงฉ่วย แกควรจะรู้สึกภูมิใจนะ”
   เว่ยจินหยินแค่นยิ้ม “อย่าทำปากดีไปหน่อยเลย ลำพังคุณตัวคนเดียวจะทำอะไรพวกผมได้”
   เสียงเดิมหัวเราะร่วน “เด็กๆ ของฉันกำลังออกจากคฤหาสน์ อีกไม่กี่นาทีแกคงจะเหลือแค่ชื่อแล้วล่ะนะ คุณท่านจิ้งจอก”
   “ผมล่ะเกลียดเวลามีใครเรียกแบบนี้จริงๆ ” เว่ยจินหยินว่า และหันไปทางคนชื่อลี “คุณลี คุณออกเรือของคุณเลย ทางนี้ผมรับมือเอง อยากรู้เหมือนกันว่าหงคงฉ่วยจะแน่สักแค่ไหน”
   คนชื่อลีมองหน้าเขาอยู่พัก จากนั้นเสียงเดิมก็ดังขึ้น “ไม่ให้ไปหรอก ไอ้พวกขยะ”
   สิ้นเสียง ร่างหนึ่งก็พุ่งตรงเข้ามาทันที พร้อมกับมือที่ตะปบเข้ามาอย่างแรง คนชื่อลีกระทั่งจะหยิบปืนขึ้นมายังทำไม่ทันด้วยซ้ำ ขณะที่มือนั้นกำลังจะพุ่งเข้าถึงคอของเขา ร่างสูงใหญ่ราวกับภูเขาก็เข้ามาขวางเอาไว้
   “รีบไปเร็วเข้าคุณลี อยากจะตายนักหรือไง” เว่ยจินหยินว่า ขณะที่คนตัวสูงรับมืออยู่กับร่างที่พุ่งเข้ามา ด้วยความเร็วที่แทบไม่น่าเชื่อว่าคนทั่วไปจะทำได้
   คนชื่อลีพอตั้งสติได้ ก็รีบวิ่งไปที่เรือทันที คนชุดแดงเข้มที่กำลังต่อสู้อยู่กันคนตัวสูงจึงส่งเสียงขึ้นอีก “เสี่ยวเผิงเผิง มันจะหนีแล้วนะ ยังไม่รีบออกมาอีก”
   ลู่อี้เผิงกระโจนออกมาจากมุมมืดมุมหนึ่ง ตรงเข้าใส่คนชื่อลีทันที แต่ยังไม่ทันจะถึงตัว เสียงลั่นปืนก็ดังขึ้นอีกรอบ
   ปัง!
   ลูกปืนถากแขนซ้ายนายตำรวจหนุ่มไปนิดเดียว ได้กลิ่นเหม็นไหม้โชยเข้ามา เว่ยจินหยินเหนี่ยวไกเทารัสในมืออีกครั้ง
   ปัง!!
   ลู่อี้เผิงกระโจนหลบไปอีกทาง เสียงลั่นปืนตามมาอีกนัด
   ปัง!
   ปืนแบบลูกโม่ที่เว่ยจินหยินใช้ ต่อให้มีกระสุนค้างในรังเพลิงอยู่ก่อน อย่างมากก็ยิงได้ไม่เกินหกถึงเจ็ดนัด นี่ก็ยิงออกไปหกแล้ว จริงดั่งคาด พอเจ้าตัวจะเหนี่ยวไกอีกที กระสุนก็ไม่เหลือในรังเพลิงแล้ว ลู่อี้เผิงรู้อยู่แล้ว เลยอาศัยจังหวะนี้วิ่งตามคนชื่อลีไป แต่เพิ่งออกวิ่งได้สักสามก้าว เงาร่างหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่เขา ตามด้วยมือที่ตะปบเข้ามาเหมือนงูฉก
   ลู่อี้เผิงจำต้องหลบ และปล่อยให้คนชื่อลีคลาดสายตาไป เพราะถ้าเขามัวแต่พะวงอย่างอื่น อาจจะถูกควักลูกกระเดือกเอาก็ได้ พอเห็นหน้าคู่ต่อสู้ชัดๆ ลู่อี้เผิงถึงกับลืมหายใจไปเลย
   “ได้ยินว่าสารวัตรลู่มีฝีมือกังฟูไม่เป็นสองรองใคร ขอผมลองสักครั้งแล้วกัน” คนที่พูดเป็นผู้ชายใส่แว่นตากรอบทองเชยๆ หวีผมเรียบแปล้ นัยน์ตาสีดำสะท้อนกับแสงสปอตไลท์เป็นประกาย ขณะที่กำลังอึ้ง ลู่อี้เผิงก็ถูกต่อยใส่อีกครั้ง
   กำลังที่แฝงมาในหมัด ไม่ต้องถูกตัวแค่ถากๆ ก็รู้ว่าโดนเข้าไปไม่เจ็บหนักก็อาจจะถึงขั้นลุกไม่ขึ้น ไม่อยากเชื่อเลยว่าผู้ชายที่เหมือนพนักงานบริษัท ที่รูปร่างไม่หนาคนนี้ จะมีฝีมือด้านกังฟูอยู่ในระดับที่น่าตกใจ
   ลู่อี้เผิงรับมือเว่ยจินหยินอยู่พักหนึ่งก็ถึงกับเหงื่อตก จริงอยู่ว่าไม่ร้ายกาจอย่างหงคงฉ่วย แต่ฝีมือของเจ้าหมอนี่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะเอาชนะได้ง่ายๆ ถ้ากำลังเสริมยังมาไม่ถึงล่ะก็....
   “กังวลถึงคนของกรมตำรวจอยู่หรือไง” เว่ยจินหยินกระซิบ ซึ่งไม่ใช่พฤติกรรมที่ดีเลย ที่พูดออกมาแบบนี้ในขณะที่สู้กับคนอื่นอยู่ “พวกเขายังมาไม่ถึงเร็วๆ นี้หรอก ผมไมได้มาตัวคนเดียวนะ”
   ลู่อี้เผิงพยายามจะฉวยจังหวะที่เว่ยจินหยินพูด ต่อยเข้าใส่บ้าง เชื่อแน่ว่าพูดออกมามากขนาดนี้ ปราณที่ผนึกเอาไว้คงจะต้องสลายไปบ้างนั่นแหละ แต่เว่ยจินหยินพูดจบก็กระโดดถอยหลังออกไป จากนั้นก็ถีบตัวเข้ามาใหม่
   บ้าเอ๊ย!!
   จากนั้นหูของลู่อี้เผิงก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นสองนัด ถึงจะฟังดูห่างออกไป แต่เขาก็หันไปทางหงคงฉ่วยทันที
   พลั่ก!!
   หมัดของเว่ยจินหยินต่อยเข้าใส่หน้าท้องเขาถนัดถนี่ ลู่อี้เผิงเซถลาออกไปหลายก้าว ก่อนจะขย้อนน้ำลายเหนียวหนืดออกมา
   “อ้าว เผิงเผิงสู้เสี่ยวจินหยินไม่ได้หรือนี่” เสียงคุ้นหูร้องทักออกมาอย่างแปลกใจ จนลู่อี้เผิงจำต้องเหลือบตาไปมอง เห็นหงคงฉ่วยยืนจ้องเขาด้วยสีหน้าแปลกใจจนน่าหมั่นไส้ ด้านหลังมีคนตัวสูงยืนยิ้มอยู่
   “รุ่นพี่ครับ หลอกเขามาแบบนี้แล้วยังมาว่าอีกนี่ ใจร้ายไปหน่อยนะครับ” ชายตัวสูงที่มีแผลเป็นที่แก้มพูดขึ้น ลู่อี้เผิงคิดว่าตัวเองถูกต่อยท้องจนหูอื้อตาลาย ตะกี้อะไรนะ รุ่นพี่? เสี่ยวจินหยิน?
   “ไฮ้ อะไรกัน ทีเธอยังรับมือฉันได้ตั้งนานเลยนี่นา” หงคงฉ่วยว่า และตะปบมือเข้าใส่คอของคนตัวสูงทันที คนถูกตะปบถอนหายใจเฮือก แล้วคว้ามือนั้นเอาไว้ ด้วยความเร็วไม่แพ้กัน “รุ่นพี่เลิกเล่นตลกน่ากลัวแบบนี้เสียทีเถอะครับ แล้วอธิบายให้เขาฟังก่อน แกล้งคนอายุน้อยกว่ามากๆ แบบนี้ ระวังจะบาปเอานะครับ”
   “แหม.. ฉันเคยได้ยินแต่แกล้งผู้ใหญ่บาป เสี่ยวจินหยิน เธออธิบายไปแล้วกัน”
   เว่ยจินหยินที่กำลังหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดแว่นเงยหน้าขึ้นมอง แล้วยิ้ม “อาจารย์น้อยทำไมไม่อธิบายเองล่ะครับ”
   หงคงฉ่วยยักไหล่ “อ้าว ก็นี่มันแผนเธอนี่ ให้เธออธิบายล่ะถูกแล้ว”
   ลู่อี้เผิงที่ยืนฟังอยู่นาน พอหายท้องไส้ปั่นป่วนแล้วก็แค่นเสียงถามออกมา “นี่มันอะไรกัน? รุ่นพี่ อาจารย์น้อย คุณกับพวกนี้...?” พูดแล้วหันไปทางหงคงฉ่วย แต่เว่ยจินหยินกลับตอบขึ้นแทน
   “ก็อย่างที่ได้ยินนั่นแหละ ขอโทษด้วยนะครับที่ผมเล่าไม่หมด กับเล่าผิดไปบ้างนิดหน่อย” หยุดเว้นจังหวะไปพักหนึ่ง เว่ยจินหยินจึงพูดขึ้นต่อ “เขามีหุ้นท่าเรือน่ะ ผมพูดจริง แต่เรื่องที่ผมกับเขาเป็นศัตรูทางธุรกิจกัน อันนี้ผมพูดผิดน่ะ จริงๆ เขาเป็นอาจารย์น้อยของผม”
   ลู่อี้เผิงถลึงตาใส่เว่ยจินหยิน ก่อนจะได้ยินเสียงของหงคงฉ่วยพูดต่อ “อืม.. ใช่ ฉันเป็นศิษย์รุ่นพี่ของหมอนี่อีกทีน่ะ” พูดจบก็โบ้ยหน้าไปทางคนตัวสูงที่ยืนอยู่ คนมีแผลเป็นที่แก้มพยักหน้าเหนื่อยๆ แล้วพูดออกมาบ้าง “อธิบายให้คุณฟังแล้วกันนะครับ พอดีผมกับเขามีอาจารย์สอนกังฟูคนเดียวกัน แล้วคุณท่านที่เรียนกังฟูจากผมก็เลยได้เรียนกังฟูจากเขาด้วย ดังนั้นเขาเลยเป็นอาจารย์น้อยของคุณท่านอีกที”
   “อืม... ก็อย่างนั้นแหละ อาซานนี่อธิบายเก่งจริงๆ ” หงคงฉ่วยว่า และยกมือขึ้นจับหน้าฝ่ายนั้น “นี่ถ้าเธอไม่ฝังใจกับคุณท่านของเธอมากขนาดนี้ ฉันก็อยากจะได้เธอมาอยู่ข้างๆ ล่ะนะ”
   “ตลกเกินล่ะครับรุ่นพี่” คนตัวสูงว่าและปัดมือนั้นออกอย่างสุภาพ เว่ยจินหยินพูดกลั้วหัวเราะ “ต้องขอโทษอีกทีนะคุณตำรวจ พอดีว่ามีคนขอร้องผมมาว่าอยากให้ช่วยจัดการเรื่องแก๊งค้าอวัยวะข้ามชาติหน่อย แต่รอตำรวจอย่างคุณทำกันเองก็คงจะนานเกินไป ผมเห็นแล้วล่ะว่าพวกเขาย้ายท่าเรือกันบ่อยๆ เพราะถูกพวกคุณไล่จับ แต่ก็จับไม่ได้สักที ผมเลยหาเรื่องบีบให้เขามาใช้บริการผม แต่พวกนี้มันก็ระวังตัวสมกับที่ทำธุรกิจแบบนี้ล่ะ ก็เลยต้องใช้แผนหลอกล่อบ้างนิดหน่อย ก็ได้ความอนุเคราะห์จากอาจารย์น้อยนี่แหละ”
   “อ้อ ใช่ๆ ” หงคงฉ่วยพูดต่อ “ความจริงฉันเองก็อยากลองเล่นบทแบบนี้กับเธออยู่นะ อยากลองเรียกเธอว่าเด็กแซ่เว่ย เรียกเธอว่าจิ้งจอกดู แหม.. สนุกปากจริงๆ ”
   เว่ยจินหยินหัวเราะหึๆ “นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นอาจารย์น้อย ผมฉีดยาอัมพาตให้คุณแล้วจริงๆ นะเนี่ย”
   “โถ... เสี่ยวจินหยินทำไมพูดจาร้ายกาจอย่างนั้นล่ะ” หงคงฉ่วยว่า และทำหน้าสยดสยอง “ความสุขเล็กๆ ของคนแก่นิดๆ หน่อยๆ เอง”
   “ก็รู้แล้วล่ะครับ” เว่ยจินหยินว่าแล้วถอนหายใจบ้าง จากนั้นก็หันมาหาลู่อี้เผิงอีกครั้ง “ขอโทษจริงๆ ที่ต้องหลอกคุณหัวปั่นขนาดนี้ แต่แผนที่ดีจะต้องหลอกกระทั่งฝ่ายเดียวกันหลงเชื่อก่อน ศัตรูถึงจะยอมตายใจ ระหว่างที่คุณติดต่อกับทีมและเริ่มเคลื่อนไหว อาจารย์น้อยก็ติดต่อเข้าไปที่กรมตำรวจ ใช้ตำรวจอีกกลุ่มเข้ามาซุ่มที่นี่ ที่ผมต้องสู้กับคุณเมื่อครู่ก็เพื่อถ่วงเวลาให้พวกเขาขึ้นไปบนเรือ แล้วก็บีบให้นายลีคนนั้นขึ้นเรือไปเอง หลักฐานมันจะได้คาหนังคาเขายังไงล่ะครับ”
   ลู่อี้เผิงฟังแล้วหันมาถลึงตาใส่หงคงฉ่วย “งั้นคุณก็โกหกที่สุดน่ะสิ ไหนบอกผมว่าจะจัดการสั่งสอนเว่ยจินหยินไง”
   “แหม...” หงคงฉ่วยลากเสียงและทำหน้าเคอะเขินจนน่าถีบ “จะหลอกทั้งที มันต้องหลอกให้ถึงที่สุดสิ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเธอเกิดเล่นไม่สมแผนฉันจะทำไงล่ะ เผิงเผิงยิ่งเป็นวัยรุ่นใจร้อนอยู่”
   ลู่อี้เผิงขบฟันกรอดๆ ยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ได้ยินเสียงใครหลายคนเดินมาจากตัวเรือ
   “โอ๊ะ แย่ล่ะ ได้เวลาฉันต้องไปแล้วสิ” หงคงฉ่วยว่า แล้วหันไปทางเว่ยจินหยินและคนตัวสูงอีกคน “ฉันไปก่อนนะ ขอบใจมากที่ทำให้ฉันได้สนุกตั้งหลายวัน”
   “ไม่เป็นไรหรอกครับ” เว่ยจินหยินพูดแล้วโค้งให้พร้อมกับคนตัวสูงด้านหลัง หงคงฉ่วยหันไปหาลู่อี้เผิงที่จ้องเขาจนแทบจะฆ่าให้ตายด้วยสายตา แล้วดึงชายหนุ่มมาหอมแก้ม “ไปนะเผิงเผิง อย่าลืมเอาของไปคืนฉันด้วยล่ะ อ้อ อาซาน วานอะไรอย่างสิ”
   คนตัวสูงเลิกคิ้ว หงคงฉ่วยจึงพูดต่อ “ช่วยขี่มอเตอร์ไซค์อีกคันไปคืนฉันที่คฤหาสน์หน่อย”
   “นี่อาจารย์น้อยคงไม่คิดจะพาอาซานไปทำมิดีมิร้ายหรอกนะครับ” เว่ยจินหยินพูดขึ้นเรียบๆ หงคงฉ่วยสั่นศีรษะเป็นไขลาน “แหม... ฉันไม่ทำแบบนั้นหรอก เธอก็หวงไปได้ อาซานเลยวัยไปตั้งนานแล้ว”
   เถียนซานพยักหน้า “ตกลงครับ ยังไงผมเองก็ไม่เหมาะจะอยู่กับพวกตำรวจอยู่แล้ว”
   “นั่นสินะ... แหม... คุณท่านจิ้งจอก กับนักฆ่าอันดับหนึ่งมาอยู่กับตำรวจพร้อมกัน รู้ถึงไหนอายถึงนั่นเลยนะเนี่ย โอ๊ะๆ ต้องรีบแล้ว” หงคงฉ่วยพูดเร็วปรื๋อก่อนจะเดินหายไปในความมืดพร้อมกับผู้ชายร่างสูงคนนั้น ทิ้งให้ลู่อี้เผิงอ้าปากพะงาบๆ อย่างคนจะด่าก็นึกไม่ออก นึกออกก็ด่าไม่ทัน
   “อ้าว อี้เผิง มาจริงๆ รึนี่” เฉินฉินที่นำกำลังมาจับคนร้ายด้วยตัวเองถึงกับเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงแปลกใจ เมื่อเห็นลูกน้องที่ยืนอยู่ ลู่อี้เผิงพยายามทำสีหน้าให้ราบเรียบมากที่สุด ก่อนจะพูดตอบไป “ก็ต้องมาสิครับ ผมอยู่ในภารกิจนะ”
   เฉินฉินหัวเราะออกมา “อืม งานนี้คุณควรได้รับความดีความชอบมากที่สุด แผนทั้งหมดสำเร็จได้เพราะคุณเลยนะ”
   ลู่อี้เผิงไม่รู้ว่าจะดีใจดีหรือเปล่า เฉินฉินหันไปทางเว่ยจินหยิน “ต้องขอบคุณคุณด้วยเหมือนกันนะครับ”
   “อ้อ ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเองต่างหากที่ต้องขอบคุณ” เว่ยจินหยินว่าและโค้งให้ นายลีที่ถูกใส่กุญแจมืออยู่หันมาตะเบ็งเสียงใส่เขา “แก ไอ้จิ้งจอก แกวางแผนคบกับตำรวจ แกคิดอะไรของแกอยู่วะ? อยากให้มันช่วยคุ้มกบาลแกหรือไง”
   เว่ยจินหยินก้มลงหยิบเศษปูนที่กะเทาะขึ้นมาจากพื้นแถวนั้นขึ้นมา แล้วดีดใส่ปากของคนพูดทันที
“นี่... ปากมีก็หุบๆ เอาไว้เถอะ ฉันทำแบบนี้เพราะมีคนขอร้องมา แล้วบังเอิญฉันเคยทำเรื่องกับเขาเอาไว้มาก ฉันก็เลยคิดว่าต้องชดเชยให้เขาบ้าง”
คนชื่อลียกมือขึ้นลูบหน้า แล้วถ่มเลือดออกมา ขณะจะอ้าปากพูดอะไรก็โดนตำรวจเสือกตัวให้เดินออกไปเสียก่อน “แก ไอ้จิ้งจอก จำใส่กะลาหัวไว้เลย พวกฉันไม่ปล่อยแกแน่”
เว่ยจินหยินแค่นเสียงตอบไป “งั้นแกควรจะดูพวกริเวิลเป็นตัวอย่างเอาไว้แล้วกัน”
“แหม.. คุณนี่ชอบสร้างศัตรูไปทั่วไม่เปลี่ยนเลยนะ” นายตำรวจที่ถูกส่งมาจากอังกฤษพูดขึ้น เขาเดินอยู่ด้านหลังเฉินฉิน เว่ยจินหยินมองเขาแล้วยิ้ม “นี่นิสัยปกติของฉันอยู่แล้ว”
มิลเลอร์ คอยล์หันซ้ายหันขวา แล้วถามออกมา “อาซานของคุณล่ะ?”
“ไปกับหงคงฉ่วย”
“อ้าว หงคงฉ่วยมาจริงรึนี่” มิลเลอร์ คอยล์พูดขึ้นบ้าง ก่อนจะยิ้มแต้ “งั้น... คุณกลับกับผมได้น่ะสิ คืนนี้ไปค้างโรงแรมผมมั้ย?”
เว่ยจินหยินหัวเราะออกมา “โทษที ฉันมีคนมารับน่ะ ไม่เจอกันตั้งนาน นายยังอยากจะได้จดหมายอยู่อีกรึนี่”
มิลเลอร์ทำหน้าสยดสยองขึ้นมาทันที “ขอล่ะ คราวนี้ไม่ต้องเขียนจดหมายอะไรไปเหมือนตอนนั้นหรอกนะ รอบนี้ผมว่าผมทำตัวเรียบร้อยสุดๆ แล้วนะเนี่ย”
เว่ยจินหยินหัวเราะอีก แล้วรถลีมูซีนตอนยาวสีดำคันหนึ่งก็เข้ามาจอดเทียบ ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งคนหนึ่งก้าวออกมาจากรถ แล้วเปิดประตูให้เขา
“ผมกลับก่อนแล้วกัน เลยเวลานอนมาเยอะแล้ว” เว่ยจินหยินว่า ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปในรถ “อ้อ สารวัตรลู่ สร้อยคอสวยดีนะ” เว่ยจินหยินพูดยิ้มๆ แล้วปิดประตู ลู่อี้เผิงยกมือขึ้นจับที่คอตัวเอง ถึงได้พบว่าปลอกคอหนังอันนั้นยังคาอยู่
“เอ่อ... สารวัตรลู่ ความจริงมันก็ไม่ได้ดูแย่บนคอคุณหรอกนะ ว่าแต่เปลี่ยนมาชอบอะไรแบบนี้แล้วเหรอ?” เฉินฉินอดไม่ได้ต้องถามขึ้น ลู่อี้เผิงถึงกับหน้าแดงจัด นึกแช่งด่าอยู่ในใจ
หงคงฉ่วย!!!!
-----------------------------------------------------
   “อ้าว เผิงเผิง มาไวดีจริงๆ สามวันก็ปิดคดีได้แล้วหรือไง?” หงคงฉ่วยถาม เมื่อเห็นลู่อี้เผิงเปิดประตูเข้ามา ก่อนจะยิ้มกว้างให้ ซึ่งก็ไม่ได้รับรอยยิ้มตอบกลับเหมือนเช่นเคย ลู่อี้เผิงเดินหน้าบูดบึ้งเข้ามา แล้วฟาดปลอกคอหนังลงบนโต๊ะ “ผมเอาของมาคืน”
   “โถๆ ” หงคงฉ่วยร้อง แล้วตีมือเขาดังเพี๊ยะ “จะวางของต่อหน้าผู้ใหญ่น่ะ วางให้มันดีๆ หน่อย มารยาทแค่นี้โรงเรียนเขาไม่สั่งไม่สอนนักเรียนเกียรตินิยมหรือไง”
   ลู่อี้เผิงถลึงตามองเขา ก่อนจะพูดต่อ “ท่านรองฯฝากขอบคุณคุณมาด้วย”
   “อ้อ...” หงคงฉ่วยร้องเสียงยาว “ฉันเองก็ต้องขอบคุณเขาน่ะ ที่อุตส่าห์ส่งเธอมาอยู่กับฉันตั้งหลายวัน แหม... ฉันมีความสุขจริงๆ นะเนี่ย”
   ลู่อี้เผิงไม่นึกมีความสุขไปด้วย เขาถลึงตาใส่หงคงฉ่วอีกครั้ง แล้วหันหลังกลับ
   “อ้าว จะกลับล่ะรึ ไหนของที่ต้องเอามาคืนล่ะ?” หงคงฉ่วยว่า ลู่อี้เผิงหันกลับมาทันที “ผมก็วางเอาไว้ให้คุณแล้วไง”
   คนนั่งที่โต๊ะเขี่ยปลอกคอหนังขึ้นมาแล้วสั่นศีรษะ “ฉันไม่ได้บอกให้เธอเอาไอ้นี่มาคืนฉันเสียหน่อย ไอ้ของที่จะเอามาคืนน่ะ เธอเอามาหรือเปล่า?”
   ลู่อี้เผิงขบกรามกรอดๆ แล้วเดินกลับไปใหม่ ล้วงเอาซองอะไรออกมาจากกระเป๋า “เอาไป..”
   หงคงฉ่วยยิ้มร่า แล้วเงยขึ้นมองหน้านายตำรวจหนุ่ม “อยากจะใช้เลยไหม?”
   “เหอะ!” ลู่อี้เผิงแค่นเสียงแล้วสะบัดหน้าหนีทันที ได้ยินเสียงหงคงฉ่วยพูดต่อ “แหม... เรื่องแค่นี้ไม่เห็นต้องอายเลย ไม่ใช่ครั้งแรกเสียหน่อย” หยุดครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “พักหลังๆ นี่เผิงเผิงเองก็ชอบไม่ใช่หรือไง?”
   ลู่อี้เผิงรีบเดินงุดๆ ออกมาทันที โดยไม่ตอบโต้อะไร ได้แต่กัดฟันกรอดๆ
   “นี่ เผิงเผิง วันหลังมาก็พกติดตัวมาด้วยนะ อย่าลืมอีกล่ะ”
   นายตำรวจหนุ่มปิดประตูใส่เสียงดังปึง ได้ยินเสียงหงคงฉ่วยรำพึงเบาๆ “มารยาทแย่เข้าทุกทีแล้วนะเนี่ย เด็กคนนี้ ท่าทางจะต้องสั่งสอนกันบ่อยๆ เสียแล้ว”
------------------------------------------------
** หาโอกาสแทรกว่าใครขอร้องให้เว่ยจินหยินทำแบบนี้ในตอนนี้ไม่ได้แหะ ไม่เป็นไร เดี๋ยวไว้ค่อยไปเขียนถึงที่มาที่ไปของมันอีกทีในตอนพิเศษของสายลับ (กะขายมันทั้งสองเรื่องเลยว่านั้น<<โดนโบก :beat:)

สุดท้ายของสุดท้าย เผิงเผิงก็โดนหลอกอยู่คนเดียว เจอนกยูงกับจิ้งจอกมาหลอกพร้อมกันนี่... ไม่ตายก็ใกล้บ้าจริงๆ :jul1: นับถือลู่อี้เผิงที่ยังสติดีมาได้จนถึงทุกวันนี้ (เผิงเผิงนี่อึดสมเป็นพระเอกนิยายSMเรื่องนี้จริงๆ ฮ่าๆๆ :laugh:)

*** อ้อ... ขออธิบายไทม์ไลน์การปรากฏตัวของเว่ยจินหยิน มิลเลอร์ คอยล์ และเถียนซาน (ผู้ชายตัวสูงๆ คนนั้นแหละ) หน่อยค่า... เว่ยจินหยินเจอกับมิลเลอร์ในเรื่อง Yes!Master.(เรื่องที่มนุษย์โลกอ่านจบแล้ว อยากไล่กระทืบคนเขียนจริงๆ เขียนพระเอกกับพระรองแบบนี้ได้ไงเนี่ยยย :m31:<<เรากล้าเขียน แต่ไม่กล้าถูกกระทืบค่ะ /วิ่งหนี) ซึ่งถ้าเทียบกับเรื่องMy neighbor จะเป็นสี่ปีก่อนหน้านั้น และทั้งคู่(รวมถึงเถียนซาน) และพอมาเทียบกับเรื่องนกยูงแดง จะนับมาหลังจากMy neighbor อีก2ปี... งงกันไหมคะ (งงตั้งแต่แกเริ่มอธิบายแล้วย่ะ!!)

เรียงง่ายๆ ดังนี้

 Yes!Mast. (ตอนนั้นเว่ยจินหยินอายุ32 เถียนซาน44) My neighbor (เว่ยจินหยิน36 เถียนซาน48) นกยูงแดง (เว่ยจินหยิน38 เถียนซาน50) ดังนั้น...หงคงฉ่วยที่เป็นรุ่นพี่ของเถียนซานก็ต้อง.... (ขอตัวหนีก่อนนะคะ เดี๋ยวโดนตัดนิ้ว :o12:)

อายุของหงคงฉ่วยมีตัวใบ้เพิ่มขึ้นอีกแล้ว ฮ่าๆๆๆ

สุดท้าย.... ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่า^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-08-2011 09:49:00 โดย juon »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด